เกษตรดีที่เหมาะสมส าหรับข้าว Good Agricultural Practice (GAP) for Rice
Download
Report
Transcript เกษตรดีที่เหมาะสมส าหรับข้าว Good Agricultural Practice (GAP) for Rice
เกษตรดีที่เหมาะสมสาหรับข้ าว
Good Agricultural Practice (GAP) for Rice
การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวที่ถูกต้องและเหมาะสมให้
เกษตรกรนาไปปฏิบตั เิ พื่อ
•
•
•
•
•
•
•
ให้การผลิตข้าวได้ผลผลิตสู ง
คุณภาพดีตรงตามมาตราฐาน
คุม้ ค่าต่อการลงทุน
ถูกหลักสุ ขอนามัยและสุ ขอนามัยพืช
ไม่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม
เป็ นที่ยอมรับของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ
สามารถตรวจสอบแหล่งผลิตได้
การตรวจประเมินระบบการจัดการคุณภาพ
• ระดับ 1 ต้องผ่านข้อกาหนดเรื่ อง แหล่งน้ า พื้นที่ปลูก การใช้วตั ถุ
อันตรายทางการเกษตร การเก็บรักษาและการขนย้ายผลิตผลใน
แปลง การบันทึกข้อมูล
• ระดับ 2 ต้องผ่านข้อกาหนดเรื่ อง กระบวนการผลิตที่ได้ผลผลิต
ปลอดภัยและปลอดจากศัตรู พืช
• ระดับ 3 ต้องผ่านข้อกาหนดเรื่ อง กระบวนการผลิตที่ได้ผลผลิต
ปลอดภัย ปลอดจากศัตรู พืช และคุณภาพเป็ นที่พึงพอใจของ
ผูบ้ ริ โภค
1. แหล่งปลูก
1.1 สภาพพืน้ ที่
• พืน้ ทีน่ าทุกภาคของประเทศ
• ห่ างไกลจากแหล่งมลพิษ
• การคมนาคมสะดวก
1.2 ลักษณะดิน
ในพืน้ ที่นาชลประทานควรเป็ นดินเหนียว
ถึงดินร่ วนเหนียว
ทีม่ คี วามอุดมสมบูรณ์ สูงถึงปานกลางและ
สามารถอุม
้ น้ าได้ด ี
ระดับหน้ าดินลึกไม่ น้อยกว่ า 15
เซนติเมตร
มีค่าความเป็ นกรดด่ างระหว่ าง 5.0 6.5
1.3 สภาพภูมอิ ากาศ
อุณหภูมทิ เี่ หมาะสมต่ อการเจริญเติบโต
ประมาณ 22 - 23 องศา
เซลเซียส
มีแสงแดดจัด
1.4 แหล่ งนา้
• มีแหล่ งน้าที่มีน้าเพียงพอสาหรั บใช้ ตลอดฤดู
ปลูก
• เป็ นน้ า สะอาด ปราศจากสารอิ น ทรี ย์ แ ละ
สารอนินทรีย์ที่มีพษิ ปนเปื้ อน
2. พันธ์ ุ
2.1 การเลือกพันธุ์
• มีคุณภาพตามทีต่ ลาดต้ องการ
• ให้ ผลผลิตสูง
• ต้ านทานโรคและแมลงศัตรูข้าวทีส่ าคัญในท้ องถิน่
• การเจริญเติบโตดีเหมาะกับสภาพดินฟ้ าอากาศ
2.2 พันธุ์ทนี่ ิยมปลูก
ข้ าวที่ปลู กในประเทศไทยสามารถจาแนกตาม
นิเวศการปลูกข้ าวได้ 4 ประเภท คือ
• ข้ าวนาชลประทาน
• ข้ าวนานา้ ฝน
• ข้ าวขึน้ นา้ และข้ าวนานา้ ลึก
• ข้ าวไร่
ข้าวนาชลประทาน
เป็ นพันธุ์ขา้ วที่ใช้ปลูกในสภาพที่มี น้ าขัง แต่เป็ น
พื้นที่ซ่ ึ งสามารถควบคุมระดับน้ าได้ ส่ วนใหญ่จะ
อาศัย น้ าจากระบบชลประทาน พัน ธุ์ ข ้า วนา
ชลประทานเป็ นพันธุ์ขา้ วต้นเตี้ ยถึ งปานกลาง มี
ความสู งประมาณ 100-130 ชม. เป็ นพันธุ์ขา้ วไม่
ไวต่อช่วงแสง
ข้าวนาน้ าฝน
เป็ นพันธุ์ขา้ วที่ใช้ปลูกในสภาพที่มีน้ าขัง โดยมีคนั นากั้นน้ า
พันธุ์ขา้ วเหล่านี้ จะอาศัยน้ าฝนเพื่อการเจริ ญเติบโต ระดับน้ า
ในแปลงจะแปรปรวนไปตามปริ มาณน้ าฝนที่ตกลงมา และ
ความสู งของคันนาที่ ก้ ันน้ า แต่ ร ะดับน้ าไม่ สู งมากกว่า 50
ซม. พันธุ์ขา้ วนาน้ าฝนจะมีความสู งค่อนข้างหลากหลาย มี
ความสู ง ประมาณ 130 ซม.ขึ้ นไป ขึ้ นอยู่ กับ ความอุ ด ม
สมบูรณ์ของพื้นที่ เป็ นพันธุ์ขา้ วที่ไวต่อช่วงแสง
ข้าวขึ้นน้ าและข้าวนาน้ าลึก
• ข้าวขึ้นน้ าเป็ นพันธุ์ขา้ วซึ่ งใช้ปลูกในสภาพนาที่มีระดับน้ าในแปลง
สู งมากกว่า 100 ซม. บางพันธุ์สามารถปลูกได้ในระดับน้ าสู งถึง 5
เมตร ความสู งของพันธุ์ขา้ วจะเปลี่ยนแปลงไปตามระดับน้ า เพราะ
พันธุ์ขา้ วพวกนี้มีความสามารถยืดปล้องได้ดี
• ส่ วนข้าวน้ าลึกเป็ นพันธุ์ขา้ วที่ใช้ปลูกในสภาพนาซึ้ งมีระดับน้ าสู ง
ตั้งแต่มากกว่า 50 ซม. ขึ้นไป จนถึงระดับน้ าลึกไม่เกิน 100 ซม. เป็ น
เวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน โดยต้นข้าวระยะ 1-3 เดื อน จะเติบโตใน
ระดับน้ าตื้น หลังจากนั้นระดับน้ าจะสู งขึ้น
ข้าวไร่
เป็ นพันธุ์ขา้ วที่ใช้ปลูกในสภาพนาที่ไม่มีน้ าขังและไม่
มีคนั นากั้นน้ า อาจเป็ นพื้นที่การปลูกพืชไร่ หรื อพื้นที่
ตามไหล่เขา หรื อพื้นที่วา่ งในสวน พันธุ์ขา้ วเหล่านี้ จะ
อาศัยน้ าฝนเพื่อการเจริ ญเติบโต ส่ วนมากจะเป็ นข้าว
ต้นสู ง มีความสู งประมาณ 130-150 ซม. หรื อมากกว่า
ขึ้ นอยู่กบั ความอุดมสมบูรณ์ ของพื้นที่ ส่ วนใหญ่เป็ น
พันธุ์ขา้ วไวต่อช่วงแสง
ประเภทของพันธุ์ขา้ วอาจแบ่งเป็ น 2 ชนิด คือ
• ชนิดข้าวเจ้า
• ชนิดข้าวเหนียว
พันธุ์ข้าวเจ้ า
กข7 อายุเก็บเกี่ยว 120-130 วัน
ผลผลิตเฉลีย่ 675 กิโลกรัมต่ อไร่ อมิโลสปา
นกลาง ข้ า วสุ ก ค่ อ นข้ า งร่ วนและนุ่ ม เมล็ ด มี
ระยะพักตัว 1 สั ปดาห์ ค่ อนข้ างต้ านทานโรค
ไหม้ และโรคขอบใบแห้ ง ค่อนข้ างทนทานต่ อดิน
เปรี้ยว
กข23 อายุเก็บเกี่ยว 120-130 วัน
ผลผลิ ต เฉลี่ย 800 กิโ ลกรั ม ต่ อ ไร่ อมิ
โลสปานกลาง ข้ า วสุ ก ค่ อ นข้ า งร่ วนและนุ่ ม
เมล็ดมีระยะพักตัว 5 สั ปดาห์ ต้ านทานโรค
ขอบใบแห้ ง โรคใบหงิก เพลีย้ กระโดดสี น้าตาล
และค่ อนข้ างต้ านทานเพลีย้ จักจั่นสี เขียว
ข้ าวเจ้ าหอมคลองหลวง1
อ า ยุ
เก็ บ เกี่ ย ว 118-125 วั น ผลผลิ ต เฉลี่ ย
620 กิโลกรั มต่ อไร่ อมิโลสต่า ข้ าวสุ กนุ่ ม
และหอมคล้ า ยขาวดอกมะลิ 1 05 เมล็ ด มี
ระยะพักตัว 6 สั ปดาห์ ค่ อนข้ างต้ านทานโรค
ขอบใบแห้ งและเพลีย้ กระโดดหลังขาว
ข้ าวเจ้ าหอมสุ พรรณบุรี อายุเก็บเกี่ยว
118-122 วั น ผลผลิ ต เฉลี่ ย 630
กิโลกรั มต่ อไร่ อมิโลสต่า ข้ าวสุ กนุ่ม เหนียว
และหอมคล้ ายขาวดอกมะลิ 105 เมล็ดมี
ระยะพักตัว 4 สั ปดาห์ ค่ อ นข้ างต้ านทาน
โรคขอบใบแห้ งและเพลีย้ กระโดดหลังขาว
ชัยนาท1 อายุเก็บเกี่ยว 120-130
วัน ผลผลิตเฉลี่ย 740 กิโลกรัมต่ อไร่ อมิโลส
ต่า ข้ าวสุ กร่ วนและแข็ง เมล็ดมีระยะพักตัว 8
สั ปดาห์ ต้ านทานโรคใบหงิก ค่ อนข้ างต้ า นทาน
โรคไหม้ ต้ านทานเพลีย้ กระโดดสี น้าตาล เพลีย้
กระโดดหลังขาว นอกจากใช้ บริ โภคแล้ วยังใช้
ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ เส้ นได้ ดี
ปทุมธานี1 อายุเก็บเกีย่ ว 112-125
วัน ผลผลิตเฉลี่ย 775 กิโลกรั มต่ อไร่ อมิโลส
ต่า ข้ าวสุ กนุ่ ม เหนี ยว และมีกลิ่นหอม เมล็ดมี
ระยะพักตัว 4 สั ปดาห์ ค่ อนข้ างต้ านทานโรค
ไหม้ โรคขอบใบแห้ ง เพลีย้ กระโดดสี นา้ ตาล และ
เพลีย้ กระโดดหลังขาว
พิษณุโลก2 อายุเก็บเกีย่ ว 118-122
วัน ผลผลิตเฉลี่ย 643 กิโลกรัมต่ อไร่ อมิโลสสูง
ข้ าวสุ กร่ วนและแข็ ง เมล็ ด มี ร ะยะพั ก ตั ว 8
สั ปดาห์ ต้ านทานโรคหม้ เพลีย้ กระโดดสี น้า ตาล
ค่ อ นข้ า งต้ า นทานเพลี้ย กระโดดหลั ง ขาว และ
เพลีย้ จักจั่นสี เขียว นอกจากใช้ บริโภคแล้ วยังใช้ ใน
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ เส้ นได้ ดี
สุ พ รรณบุ รี 1 อายุ เ ก็ บ เกี่ ย ว 120125 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 806กิโลกรั มต่ อ ไร่
อมิโลสสูง ข้ าวสุ กร่ วนและแข็ง เมล็ดมีระยะพัก
ตั ว 3 สั ป ดาห์ ต้ า นทานโรคไหม้ โรคใบหงิ ก
โรคขอบใบแห้ ง เพลี้ย กระโดดสี น้ า ตาล และ
เพลีย้ กระโดดหลังขาว นอกจากใช้ บริโภคแล้ วยัง
ใช้ ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ เส้ นได้ ดี
สุ พรรณบุรี2 อายุเก็บเกีย่ ว 90-110
วัน ผลผลิตเฉลี่ย 700 กิโลกรั มต่ อไร่ อมิ
โลสปาน
กลาง ข้ าวสุ กนุ่ มค่ อนข้ างแข็ง เมล็ดมีระยะพัก
ตัว 6 สั ป ดาห์ ต้ า นทานโรคขอบใบแห้ ง และ
เพลีย้ กระโดดสี นา้ ตาล
สุ พรรณบุรี60 อายุเก็บเกี่ยว 120
วั น ผลผลิ ต เฉลี่ ย 700 กิ โ ลกรั ม ต่ อ ไร่ อมิ
โลสปานกลาง ข้ าวสุ กนุ่ ม เมล็ดมีระยะพักตัว
4 สั ป ดาห์ ต้ า นทานโรคขอบใบแห้ ง เพลี้ย
จักจั่นสี เขียว และ เพลีย้ กระโดดหลังขาว
สุ พรรณบุรี90 อายุเก็บเกี่ยว 115125 วัน ผลผลิตเฉลี่ย 600 กิโลกรั มต่ อไร่
อมิโลสสูง ข้ าวสุ กร่ วนและแข็ง เมล็ดมีระยะพัก
ตัว 3 สั ปดาห์ ต้ านทานโรคไหม้ โรคขอบใบ
แห้ ง โรคใบหงิก โรคใบสี ส้ม และเพลีย้ กระโดด
สี นา้ ตาล
สุ รินทร์ 1 อายุเก็บเกี่ยว 135-140
วัน ผลผลิตเฉลี่ย 622 กิโลกรั มต่ อไร่ อมิโล
สสูงข้ าวสุ กร่ วนและแข็ง เมล็ดมีระยะพักตัว 4
สั ปดาห์ ต้ านทานโรคไหม้ และโรคขอบใบแห้ ง
ทนทานดินเค็มและความแห้ งแล้ ง นอกจากใช้
บริ โภคแล้ วยังใช้ ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ เส้ น
ได้ ดี
พันธุ์ข้าวเหนียว
กข10 อายุเก็บเกี่ยว 130-135 วัน
ผลผลิตเฉลี่ย 660 กิโลกรั มต่ อไร่ ข้ าวสุ กนุ่ ม
เมล็ ด มี ร ะยะพั ก ตั ว 5 สั ปดาห์ ค่ อนข้ าง
ต้ านทานโรคไหม้
แพร่ 1 อายุเก็บเกีย่ ว 120-130 วัน
ผลผลิตเฉลี่ย 650 กิโลกรั มต่ อไร่ อมิโ ลสต่า
ข้ าวสุ กนุ่ ม เมล็ ด มี ร ะยะพั ก ตั ว 6 สั ป ดาห์
ต้ านทานโรคไหม้ โรคขอบใบแห้ ง โรคใบหงิก
และเพลีย้ กระโดดสี นา้ ตาล
สกลนคร อายุ เก็บ เกี่ย ว 125-130
วัน ผลผลิตเฉลี่ย 467 กิโลกรั มต่ อไร่ อมิโลส
ต่า ข้ าวสุ กนุ่ มและหอม เมล็ดมีระยะพักตัว 3
สั ปดาห์ ไม่ ต้านทานโรคไหม้ และโรคขอบใบ
แห้ ง
สั นป่ าตอง อายุเก็บเกี่ยว 130-135
วัน ผลผลิตเฉลี่ย 630 กิโลกรั มต่ อไร่ อมิโลส
ต่า ข้ าวสุ กนุ่ ม เมล็ดมีระยะพักตัว 8 สั ปดาห์
ต้ านทานโรคไหม้ และโรคขอบใบแห้ ง
3. การปลูก
3.1 การปลูก
ปลูกได้ ตลอดปี แต่ ควรหลีกเลี่ยงช่ วงการ
ปลูกที่ต้นข้ าวจะออกดอกในช่ วงอุณหภูมิต่ากว่ า
20 องศาเซลเซี ย ส หรื อ สู ง กว่ า 33 องศา
เซลเซี ยส และหลีกเลี่ยงการปลูกที่ต้องเก็บเกี่ยว
ในช่ วงทีฝ่ นชุก
เพื่ อให้ ได้ ผลผลิตที่มีคุณภาพ จาเป็ นต้ อง
วางแผนการปลูกทีเ่ หมาะสม
3.2 การเตรียมเมล็ดพันธุ์
ใช้ เมล็ดจากแหล่ งที่เชื่ อถื อได้ เช่ น สถานี
ทดลองข้ า ว ศู น ย์ วิจัย ข้ า ว กรมวิช าการเกษตร
และศูนย์ ขยายพันธุ์พืช กรมส่ งเสริมการเกษตร
หากใช้ เมล็ดพันธุ์ ของเกษตรกร ต้ องเป็ น
เมล็ดพันธุ์ ที่ตรงตามพันธุ์ สะอาด และมีความ
งอกไม่ น้อยกว่ า 80 เปอร์ เซ็นต์
ปลูกโดยวิธีปักดา ใช้ เมล็ดพันธุ์ 5-7 กิโลกรั ม
ตกกล้าเพื่อปักดาในพืน้ ที่ 1 ไร่
ปลู ก วิ ธี ห ว่ า นน้ า ตม ใช้ เ มล็ด พัน ธุ์ 15-20
กิโลกรัมต่ อไร่
น าเมล็ด ใส่ ถุ ง ผ้ า ดิบ หรื อ กระสอบป่ าน แช่ น้า
24 ชั่ วโมง แล้ วนาไปหุ้ม 36-48 ชั่ วโมง โดยวาง
กลางแดด คลุ ม ด้ ว ยกระสอบป่ านหมั่ น รดน้ า ให้
กระสอบเปี ยก
3.3 การเตรียมดินและวิธีปลูก
ถ้ า ต้ อ งการเพิ่ ม ความอุ ด มสมบู ร ณ์ ข องดิ น ให้
ปฏิบัติอย่ างใดอย่ างหนึ่งดังนี้
หว่ า นปุ๋ ยหมั ก หรื อ ปุ๋ ยคอกที่ ย่ อ ยสลายดี แ ล้ ว
อัตรา 500-1,000 กิโลกรัมต่ อไร่ ก่ อนเตรียมดิน
หว่ านเมล็ดพืชปุ๋ยสด เช่ น โสนแอฟริ กัน อัตรา
เมล็ดพันธุ์ 5 กิโลกรัมต่ อไร่ ก่ อนปลูกข้ าวประมาณ 2
เดือน ไถกลบเมื่อพืชปุ๋ยสดมีอายุประมาณ 50 วัน
3.3.1 การปลูกโดยวิธีปักดา มี 2 ขั้นตอน
การตกกล้ า
เตรี ยมแปลงตกกล้ า โดยไถดะ ทิ้งไว้ 710 วัน ไถแปร เอาน้าเข้ า แช่ ขี้ไถ คราดปรั บ
ระดับผิวดินแล้ วทาเทือก
แบ่ ง แปลงย่ อ ย กว้ า งประมาณ 1-2
เมตร ยาวตามความยาวของแปลง ทาร่ องน้า
ระหว่ างแปลงกว้ างประมาณ 30 เซนติเมตร
แล้วระบายนา้ ออก
หว่ า นเมล็ ด ข้ า วที่ เ ตรี ย มไว้ (ตามข้ อ
3.2) บนแปลงให้ สม่าเสมอ ใช้ อัตราเมล็ ด
พันธุ์ 50-70 กรัมต่ อตารางเมตร
อย่ าให้ น้าท่ วมแปลงกล้ า แต่ ให้ มี ความชื้ น
เพียงพอสาหรั บการงอก เพิ่มระดับน้าตามการ
เจริ ญเติบโตของต้ นข้ าว อย่ าให้ ท่วมต้ นข้ าวและ
ไม่ เกิน 5 เซนติเมตร จากระดับหลังแปลง
การปักดา
เตรียมแปลงปักดาโดยไถดะ ทิง้ ไว้ 7-10 วัน
ไถแปร เอาน้าเข้ า แช่ ขีไ้ ถ คราดปรับระดับผิวดิน
แล้ วทาเทื อก
รั กษาระดับน้าในแปลงปั กดา
ประมาณ 5 เซนติเมตรจากผิวดิน
ปักดาโดยใช้ ต้นกล้ าอายุประมาณ 25 วัน
ระยะปักดา 20x20 เซนติเมตร จานวน 3-5
ต้ นต่ อกอ
รั ก ษาระดั บ น้ า ในนาให้ เ หมาะสมกั บ การ
เจริ ญ เติ บ โตของต้ นข้ าว ประมาณ 0-10
เซนติเมตร
อย่ า ปล่ อ ยให้ ต้ น ข้ า วขาดน้ า โดยเฉพาะ
อย่ างยิ่งในช่ วงกาเนิดช่ อดอกถึงออกรวง
หลั ง ข้ า วออกรวง 80 เปอร์ เซ็ น ต์ แ ล้ ว
ประมาณ 20 วัน ระบายนา้ ออก
3.3.2 การปลูกโดยวิธีหว่ านนา้ ตม
เตรี ยมแปลงโดยไถดะ ทิ้งไว้ 7-10 วัน ไถ
แปร เอาน้าเข้ าแช่ ขีไ้ ถให้ พอเหมาะกับการคราด
คราดปรับระดับผิวดิน แล้วทาเทือก
แบ่ งแปลง กว้ าง 5-10 เมตร ยาวตามความ
ยาวของแปลง ทาร่ องน้าระหว่ างแปลงกว้ าง 30
เซนติเมตร แล้ วระบายนา้ ออก
หว่ า นเมล็ด ข้ า วที่ เ ตรี ย มไว้ (ตามข้ อ 3.2)
บนแปลงให้ สม่าเสมอใช้ อัตราเมล็ดพันธุ์ 15-20
กิโลกรัมต่ อไร่
หลังหว่ านเมล็ด อย่ าให้ น้าท่ วมแปลง แต่ ให้
มีความชื้ นเพียงพอสาหรั บการงอก ค่ อย ๆ เพิ่ม
ระดับน้าตามการเจริ ญเติบโตของต้ นข้ าว อย่ า
ใ ห้ ท่ ว ม ต้ น ข้ า ว แ ล ะ ไ ม่ ค ว ร ลึ ก เ กิ น 1 0
เซนติเมตร
อย่ า ปล่ อ ยให้ ต้ น ข้ า วขาดน้ า โดยเฉพาะ
อย่ างยิ่งในช่ วงกาเนิดช่ อดอกถึงออกรวง
หลั ง ข้ าวออกรวง 80 เปอร์ เซ็ น ต์ แล้ ว
ประมาณ 20 วัน ระบายนา้ ออก
4. การดูแลรักษา
4.1 การให้ ป๋ ุย
4.1.1 นาดา
ครั้ งที่ 1 ให้ ป๋ ุยสูตร 16-20-0 หรื อ 1822-0 หรื อ 20-20-0 อัตรา 30 กิโลกรั มต่ อไร่
่่่ี่่ระยะปักดาหรื อก่ อนปักดา 1 วัน แล้ ว
คราดกลบ หรื อ ให้ ห ลั ง ปั ก ด า 15-20 วั น
(หากเป็ นดิ น ร่ ว นเหนี ย วปนทรายควรใช้
สูตร 16-16-8)
ครั้ งที่ 2 ให้ ป๋ ุยสูตร 46-0-0 อัตรา 1015 กิโลกรัมต่ อไร่ หรื อสูตร 21-0-0 อัตรา 2030 กิโลกรัมต่ อไร่ ที่ระยะกาเนิดช่ อดอก หรื อ
30 วันก่ อนข้ าวออกดอก
ค รั้ ง ที่ 3 ใ ห้ ปุ๋ ย สู ต ร แ ล ะ อั ต ร า
เช่ นเดียวกับครั้ งที่ 2 ที่ระยะ 10-15 วันหลัง
ระยะกาเนิดช่ อดอก
4.1.2 นาหว่ านนา้ ตม
ครั้งที่ 1 ให้ ปุ๋ ยสู ตร 16-20-0
หรื อ 18-22-0 หรื อ 20-20-0 อั ต รา 30
กิโลกรั มต่ อไร่ ที่ระยะ 20-30 วันหลังข้ าว
งอก (หากเป็ นดินร่ วนเหนียวปนทรายควร
ใช้ สูตร 16-16-8)
ครั้ งที่ 2 และครั้ งที่ 3 เช่ นเดียวกับ
นาดา
4.2 การอนุรักษ์ ศัตรูธรรมชาติ
ศัตรูธรรมชาติของแมลงสั ตว์ ศัตรูข้าวที่
สาคัญพบทั่วไป ได้ แก่ แมลงหา้ แมลงเบียน
แมลงหา้ มี 3 ชนิด
ด้ วงเต่ า ตั ว เต็ ม วั ย มี ลั ก ษณะกลม ขนาดประมาณ
0.3-0.7 เซนติเมตร ด้ านล่ างแบนราบ ด้ านบนโค้ งนูน
ปี กเป็ นเงา มี สีส้ ม สี แ สด หรื อ สี แ ดง บางชนิ ด มีจุ ด
หรื อแถบสี ดา เพศเมียวางไข่ สีเหลืองอ่ อนรูปกลมบน
พืน้ ผิวพืช ตัวอ่ อนมีรูปร่ างยาวเรียวคล้ ายกระสวย มีสี
ดา บางครั้งมีจุดหรื อแถบสี ส้ม สี เหลืองอ่ อนและสี ขาว
มีขา 3 คู่ ด้ วงเต่ าเป็ นตัวห้าช่ วยกัดกิน เพลีย้ ไฟ และ
ไข่ รวมทั้ ง หนอนตั ว เล็ก ๆ ของหนอนกอข้ า วและ
หนอนห่ อใบข้ าว
แมลงปอเป็ นแมลงห้าจับศั ตรูข้าวขนาดเล็ก
เช่ น ผี เ สื้ อ หนอนกอข้ า ว เพลี้ย กระโดด
เพลีย้ จักจั่น กินเป็ นอาหาร
มวนเขี ย วดู ด ไข่ ตั ว เต็ ม วั ย มี ข นาด 3
มิล ลิเ มตร ล าตั ว สี เ ขี ยว หั ว สี ดา หนวด
ยาว ปากแหลม ใช้ แทงเข้ าไปดู ด กิ น
ของเหลวภายในไข่ เ พลี้ย กระโดดและ
เพลี้ย จั ก จั่ น ที่ฝั ง อยู่ ใ นกาบใบข้ า วทาให้
บางครั้ งชาวนาเข้ าใจผิดคิดว่ าแมลงกาลัง
ดูดกินต้ นข้ าว
แมลงเบียนมี 3 ชนิด
แตนเบียนดรายอินิดเป็ นแมลงศัตรูธรรมชาติ
ที่สาคัญของเพลีย้ กระโดดสี น้าตาลและเพลีย้
จักจั่นข้ าว ตัวเต็มวัยเพศเมียเป็ นแมลงห้า บาง
ชนิ ด ไม่ มี ปี ก ส่ วนปลายเท้ ายาวและกาง
ออกเป็ นคีมสาหรับจับเหยื่อกินเป็ นอาหาร ตัว
อ่ อนเป็ นแตนเบียนภายนอก ตัวหนอนจะเกาะ
ดูดกินอยู่ภายในถุง มองเห็นเป็ นก้ อนเล็ก ๆ ติด
ที่ส่วนท้ องของเพลีย้ กระโดดและเพลีย้ จักจั่น
แตนเบียนไข่ หนอนกอข้ าวเป็ นตัวเต็มวั ยมี
ขนาดยาวประมาณ 1.4 มิลลิเมตร สี เขียว
สะท้ อนแสง เพศเมียวางไข่ เข้ าไปในหนอน
กอข้ าว ทาให้ ไข่ เป็ นสี ดาและไม่ ฟั กเป็ นตัว
หนอน
แตนเบียนหนอนกอข้ าว ตัวเต็มวัยมีสีดา ลาตัวยาว
ประมาณ 2.5 มิลลิเมตร เพศเมียมีอวัยวะวางไข่
สาหรับแทงเจาะเข้ าไปวางไข่ ในลาตัวหนอนกอข้ าว
ตัว หนอนของแตนเบี ย นที่โ ตเต็ ม ที่ จะเจาะผนั ง
ลาตัวหนอนกอข้ าวออกมาสร้ างใยและถักเป็ นรั ง
หุ้ มล าตัวแล้ วเข้ าดัก แด้ ภายในรั ง หลังจากนั้ นจะ
เจาะรังออกมาและบินไปทาลายหนอนกอข้ าวที่ อยู่
ใกล้ เคียง หนอนกอข้ าวทีถ่ ูกแตนเบียนเข้ าทาลายจะ
มีตัวสี เหลื องซี ด เคลื่ อนไหวช้ า ไม่ กินอาหารและ
ตาย
แมงมุม ที่ พ บในนาข้ า วมี ห ลายชนิ ด มี
บทบาทสาคัญช่ วยควบคุมแมลงศัตรูข้าว โดย
จับกินผีเสื้ อหนอนกอข้ าว เพลีย้ จักจั่ น เพลีย้
กระโดด และมวนศัตรูข้าว
นกฮูก นกแสก เหยีย่ ว พังพอน และงู
เป็ นศัตรูธรรมชาติ จับกินหนูศัตรูของข้ าว
ศัตรูธรรมชาติท้ัง 4 กลุ่มนี้ มีประสิ ทธิภาพ
ใ น ก า ร ค ว บ คุ ม แ ม ล ง สั ต ว์ ศั ต รู ข้ า ว น า
ชลประทาน ดังนั้ น ในการป้ องกันกาจัดศั ตรู
ข้ า วควรใช้ วิ ธี ก ารที่ ป ลอดภั ย ตามค าแนะน า
เพื่ อเป็ นการอนุ รั กษ์ ศั ตรู ธรรมชาติ ที่ มี
ประโยชน์ ดงั กล่าว
5. สุขลักษณะและความ
สะอาด
กาจัดวัชพืชทั้งในนาและบนคันนา
อุปกรณ์ ต่าง ๆ เช่ น มีด จอบ เคียว เครื่ อง
พ่ นสารป้ อ งกันกาจัด ศั ตรูหลังใช้ งานแล้ ว
ต้ อ งท าความสะอาด หากเกิ ด ช ารุ ด ต้ อ ง
ซ่ อมแซมให้ อยู่ในสภาพร้ อมใช้ งาน
เก็ บ สารเคมี ป้ อ งกั น ก าจั ด ศั ต รู พื ช และ
ปุ๋ยเคมีในทีป่ ลอดภัยและใส่ กญ
ุ แจ
ภาชนะบรรจุสารเคมีและวัสดุการเกษตรที่
ใช้ แล้ ว ควรทาลาย หรื อฝังดิน
6. ศัตรูของข้ าวและการ
ป้ องกันกาจัด
6.1 โรคข้ าวที่สาคัญและการป้องกันกาจัด
6.1.1 โรคไหม้
สาเหตุ เชื้อรา
ลักษณะอาการ
ระยะกล้ า ใบมีแผลจุดสี น้าตาลลักษณะ
คล้ า ยรู ป ตา กลางแผลมี สี เ ทา กว้ า ง 2-5
มิลลิเมตร ยาว 10-15 มิลลิเมตร ถ้ าระบาด
รุ นแรงต้ นกล้ าข้ าวจะแห้ งและฟุบตาย
ระยะแตกกอ
พบอาการของโรคบน
ใบ ข้ อต่ อใบ (คอใบ) และข้ อของลาต้ น แผล
บนใบมี ข นาดใหญ่ ก ว่ า ระยะกล้ า ลุ ก ลาม
ติ ด ต่ อ กัน ได้ ที่ บ ริ เ วณข้ อ ต่ อ ใบมี ลัก ษณะ
แผลช้าสี นา้ ตาลดาทาให้ ใบหลุด
ระยะออกรวง
ถ้ าเป็ นโรคในระยะต้ น
ข้ าวเริ่มออกรวง เมล็ดจะลีบ แต่ ถ้าเป็ นโรค
หลังต้ นข้ าวออกรวงแล้ว คอรวงจะปรากฏ
แผลช้าสี นา้ ตาล ทาให้ รวงข้ าวหักง่ าย และ
หลุดร่ องอาการลักษณะนีเ้ รียกว่ า โรคเน่ าคอ
รวง
ช่ วงเวลาระบาด
อากาศเย็ น มี น้ า ค้ า งบนใบข้ า ว
จนถึ ง เวลาสาย หรื อ มีห มอกจัดติดต่ อ กั น
หลายวัน
การป้ องกันกาจัด
ใช้ พนั ธุ์ต้านทาน ได้ แก่ สุ พรรณบุรี60
สุ พรรณบุรี90 สุ พรรณบุรี1 ชัยนาท1 ข้ าว
เจ้ าหอมคลองหลวง1 พิษณุโลก2 สุ รินทร์ 1
แพร่ 1 และสั นป่ าตอง1
กาจัดพืชอาศัยรอบคันนา เช่ น หญ้ าชันกาด
หญ้ าขน หญ้ าไซ เป็ นต้ น
ให้ ป๋ ุยไนโตรเจนตามคาแนะนา
ตรวจแปลงนาอยู่เสมอ ถ้ าพบอาการของ
โรค พ่ นสารป้ องกันกาจัดโรคตามคาแนะนาใน
ตารางที่ 1
6.1.2 โรคกาบใบแห้ ง
สาเหตุ เชื้อรา
ลักษณะอาการ
พบตั้ ง แต่ ร ะยะแตกกอถึ ง เก็ บ เกี่ ย ว
แผลเกิดที่กาบใบใกล้ ระดับน้า มีสีเขียวปนเทา
ขอบแผลมีสีน้าตาลขนาด 1-4x2-10 มิลลิเมตร
แผลอาจขยายใหญ่ ม ากขึ้น และลุ ก ลามขึ้น ไป
ตามกาบใบ ใบข้ าว และกาบใบธง ใบและกาบใบ
เหี่ยวและแห้ งตาย ถ้ าข้ าวแตกกอมาก ต้ นเบียด
กันแน่ น โรคจะระบาด รุ นแรงมากขึน้
ช่ วงเวลาระบาด
เมื่อความชื้นและอุณหภูมสิ ู ง
การป้ องกันกาจัด
ในแปลงที่เป็ นโรครุ นแรงควรเผาตอซั ง
หลังเก็บเกีย่ ว เพื่อทาลายเม็ดขยายพันธุ์ของ
เชื้อรา
กาจัดวัชพืชตามคันนาและแหล่ งน้าเพื่อ
ลดแหล่ งสะสมของเชื้อโรค
ใช้ ระยะปั กดาและอัตราเมล็ดพันธุ์ ตาม
คาแนะนา
ให้ ป๋ ุยไนโตรเจนตามคาแนะนาในข้ อ 4.1
เมื่อเริ่มพบแผลบนกาบใบที่ 5 นับจากยอด
ใช้ สารป้ องกันกาจัดเชื้ อราตามคาแนะนาใน
ตารางที่ 1
6.1.3 โรคเมล็ดด่ าง
สาเหตุ เชื้อราหลายชนิด
ลักษณะอาการ
อาการที่เด่ นชั ดคือ รวงข้ าวด่ างดา
เมล็ด มีร อยแผลเป็ นจุ ด สี น้า ตาลด า ลายสี
นา้ ตาล สี เทา หรื อทั้งเมล็ดคลุมด้ วยเส้ นใยสี
ชมพู บางเมล็ ด ลี บ และมี สี น้ า ตาลด า ท า
ให้ ผลผลิตและคุณภาพของข้ าวเสี ยหายมาก
ช่ วงเวลาระบาด
ทุกฤดูการปลูกข้ าว ฝนตกชุ ก ความชื้ น
ในอากาศสูง มีหมอกจัดติดต่ อกันหลายวัน
การป้องกันกาจัด
ในแหล่ ง ที่ มี โ รคนี้ร ะบาดเป็ นประจ า ควร
หลี ก เลี่ ย งการปลู ก ข้ า วพั น ธุ์ อ่ อ นแอ เช่ น กข9
สุ พรรณบุรี60 สุ พรรณบุรี90 และข้ าวเจ้ าหอม
คลองหลวง1
ใช้ เมล็ดพันธุ์จากแหล่ งที่ไม่ เป็ นโรค หากไม่ มี
ทางเลื อ ก ควรคลุ ม เมล็ ด พั น ธุ์ ก่ อ นปลู ก ด้ ว ยสาร
ป้ องกันกาจัดโรคพืชตามคาแนะนาในตารางที่ 1
ในระยะข้ าวเริ่ มออกรวง หากพบจุดบน
ใบ ประกอบกับมีฝนตกและความชื้ นสูง ควร
พ่ นสารป้ องกันกาจัดโรคพื ชตามคาแนะนา
ในตารางที่ 1
6.1.4 โรคขอบใบแห้ ง
สาเหตุ เชื้อแบคทีเรีย
ลักษณะอาการ
ระยะกล้ า
มี จุ ด เล็ ก ลั ก ษณะฉ่ า น้ า ที่
ขอบใบล่ าง ต่ อ มา 7-10 วัน จุ ด ขยายเป็ น
ทางสี เหลืองยาวตามใบ ใบแห้ งเร็ ว ส่ วนที่ ยังมี
สี เ ขี ย วเปลี่ย นเป็ นสี เ ทา ถ้ า อาการรุ น แรงต้ น
ข้ าวอาจเหี่ยวตายทั้งต้ น หากน้าต้ นกล้ าที่ได้ รับ
เชื้ อ ไปปั ก ด า ต้ นกล้ า จะเหี่ ย วตายในเวลา
รวดเร็ว
ระยะปักดา
โ ด ย ทั่ ว ไ ป ต้ น ข้ า ว
แสดงอาการหลังปักดาแล้ ว 4-6 สั ปดาห์ ขอบ
ใบมี ร อยขี ด ช้ า ต่ อมาเปลี่ ย นเป็ นสี เหลื อง
บางครั้ งพบหยดแบคทีเรี ยบริ เวณแผล แผลมั ก
ขยายอย่ างรวดเร็ วไปตามความยาวของใบ ถ้ า
แผลขยายไปตามกว้ าง ขอบแผลด้ านในจะไม่
เรียบ ต่ อมาแผลเปลีย่ นเป็ นสี เทาและแห้ ง
ช่ วงเวลาระบาด
เมื่อฝนตกพราติดต่ อกันหลายวัน ระดับ
นา้ ในนาสูงหรื อเมื่อเกิดภาวะนา้ ท่ วม
การป้องกันกาจัด
ในแปลงที่เป็ นโรค ไถกลบตอซั งข้ าวทัน ที
หลังเก็บเกีย่ ว
ทาลายพื ชอาศั ย เช่ น ข้ าวป่ า และหญ้ าไซ
เป็ นต้ น
ใช้ พันธุ์ข้าวต้ านทาน ได้ แก่ กข7 กข23
สุ พรรณบุรี60 สุ พรรณบุรี1 สุ พรรณบุรี2
ข้ าวเจ้ าหอมคลองหลวง1 ข้ าวเจ้ าหอม
สุ พรรณบุรี ปทุมธานี1 สุ รินทร์ แพร่ 1 และ
ให้ ป๋ ุยไนโตรเจนตามคาแนะนาในข้ อ 4.1
ไม่ ระบายน้าจากแปลงนาที่เป็ นโรคสู่ แปลง
ข้ างเคียง
6.1.5 โรคใบหงิก
สาเหตุ เชื้อไวรัส
ลักษณะอาการ
ต้ นเตีย้ แคระแกร็น ใบสี เขียวเข้ ม ใบแคบและ
สั้ นกว่ า ปกติ ปลายใบบิ ด เป็ นเกลี ย ว อาจพบ
อาการขอบใบแหว่ งวิ่น และเส้ นใบบวมที่หลั งใบ
และกาบใบข้ าว ต้ นที่เป็ นโรคจะออกรวงช้ า รวง
ไม่ สมบูรณ์ เปอร์ เซ็ นต์ เมล็ดลีบสูง คุณภาพข้ าว
ต่า
ช่ วงเวลาระบาด
เพลี้ยกระโดดสี น้าตาลเป็ นพาหะนาโรค
มั ก ระบาดหลัง จากเพลี้ย กระโดดสี น้ า ตาล
ระบาดรุ น แรง และมี พื ช อาศั ย ของโรคที่
สาคัญ คือ ข้ าวป่ า ขาเขียด หญ้ าข้ าวนก หญ้ า
รังนก และหญ้ าไม้ หวาด
การป้องกันกาจัด
ไถกลบตอซังที่เป็ นโรค
ใช้ พัน ธุ์ ข้ า วต้ า นทานเพลี้ย กระโดดสี น้ า ตาล
เช่ น กข23 ชั ยนาท1 สุ พรรณบุรี90 สุ พรรณบุรี1
สุ พรรณบุ รี2 และแพร่ 1 ไม่ ปลูกข้ าวพันธุ์ เดียวใน
พืน้ ที่กว้ างขวางต่ อเนื่องกันเป็ นเวลานาน
ท าลายพื ช อาศั ย ของเชื้ อ ไวรั ส เช่ น ข้ า วป่ า
ขาเขียด หญ้ าข้ าวนก หญ้ ารังแก และหญ้ าไม้ กวาด
ถอนต้ น ข้ า วที่ เ ป็ นโรคน าไปท าลายนอก
แปลงนา
ปลู ก พื ช หมุ น เวี ย น เพื่ อ ตั ด วงจรชี วิ ต ของ
แมลงพาหะในกรณีที่มีการระบาดของโรคใบหงิก
รุ นแรง
เมื่อพบเพลีย้ กระโดดสี น้าตาล 1 ตัวต่ อต้ นใช้
สารป้ องกันกาจัดแมลงตามคาแนะนาในตารางที่
2
ตารางที่ 1 การใช้ สารป้ องกันกาจัดโรคข้ าว
สารป้องกันกาจัดโรคพืช1) อัตราการใช้ วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง หยุดใช้ สาร
ก่อนการเก็บ
/นา้ 20 ลิตร
เกีย่ ว (วัน)
โรคไหม้ คาซู กาไมซิน (2% ดับบลิว 3 กรัม/เมล็ด -คลุกเมล็ดพันธุ์ก่อน
พี)
พันธุ์ 1 กก. ปลูกหรื อแช่ เมล็ดพันธุ์
ในสารละลายเคมีนาน
24 ชั่วโมง
โรค
เบโนมิล+ไทแรม (20+20%
ดับบลิวพี)
บลาสติซิดนิ -เอส (2% อีซี)
18-20
มิลลิลติ ร
- พ่นเมื่อเริ่มพบโรค
หรื อหลังจากข้ าวงอก
10-15 วัน
โรค
สารป้องกันกาจัดโรค
พืช1)
อัตราการ วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง หยุดใช้ สารก่ อน
ใช้
การเก็บเกีย่ ว
(วัน)
/นา้ 20
ลิตร
ไตรไซคลาโซล (75% 10-16 กรัม -พ่นเมื่อพบโรค
ดับบลิวพี)
โดยเฉพาะช่ วงข้ าวตั้ง
ท้ อง
-พ่
น
เมื
อ
งพบโรคระบาด
อีดเิ ฟนฟอส (30.7%
25-30
ดับบลิวพี)
มิลลิลติ ร
โรค
โรคกาบใบแห้ ง
สารป้องกันกาจัดโรคพืช1) อัตราการใช้ วิธีการใช้ /ข้ อ หยุดใช้ สารก่ อน
การเก็บเกีย่ ว
/นา้ 20 ลิตร ควรระวัง
(วัน)
วาลิดามัยซิน (3% เอส
20-30 -พ่นให้ ทวั่ ทั้ง
0
แอล)
มิลลิลติ ร แปลง
เพนไซคูรอน (25% ดับบลิว
พี)
30 กรัม
15
โรค
สารป้องกันกาจัดโรค อัตราการใช้
พืช1)
/นา้ 20 ลิตร
โรคเมล็ดด่ าง โพรพิโคนาโซล
(25% ดับบลิว/วีเอฟ)
10-20
มิลลิลติ ร
คาร์ เบนดาซิม (50%
ดับบลิวพี
0-20 กรัม
วิธีการใช้ /ข้ อควร
ระวัง
หยุดใช้ สารก่ อน
การเก็บเกีย่ ว
(วัน)
-พ่นครั้งแรกเมื่อข้ าว
10
ตั้งท้ อง พ่นครั้งที่ 2
ระยะเริ่มออกรวง
- พ่นเมื่อข้ าวออกรวง
14
พ่น 2 ครั้ง ห่ างกัน 715 วัน
1) ในวงเล็บคือเปอร์ เซ็นต์ สารออกฤทธิ์และสู ตรของสารป้ องกันกาจัดโรคพืช
6.2 แมลงศั ตรูข้าวที่สาคัญและการป้ องกัน
กาจัด
การทาลายของแมลงศั ตรูข้าวพบตาม
ระยะการเจริญเติบโตของข้ าว ตั้งแต่ ระยะ
กล้ า ระยะแตกกอและระยะข้ าวตั้งท้ องถึง
ออกรวง (ภาพที่ 1)
ชนิดของ
แมลงศัตรู พืช
อายุข้าว
10 20
30 40 50 60 70 80 90 100 110 120
ช่วงเจริ ญเติบโตทางลาต้น ช่วงเจริ ญพันธุ์ ช่วงพันธุ์การของเมล็ด
เพลี้ยไฟ
เพลี้ยกระโดดสี น้ าตาล
เพลี้ยกระโดดหลังขาว
หนอนกอข้าว
หนอนห่อใบข้าว
แมลงบัว่
เพลี้ยจักจัน่ เขียว
แมลงสิ ง
ภาพที่ 1 ชนิดของแมลงศัตรู ข้าวที่มักพบทาลายข้ าวที่ช่วงอายุต่าง ๆ ในข้ าวนาชลประทาน (ข้ าวอายุ 120 วัน)
6.2.1 เพลีย้ ไฟ
ลักษณะการทาลาย เพลี้ ย ไฟเป็ น
แมลงขนาดเล็ก ยาว 1-2 มิลลิเมตร ตัวเต็มวัย
มี สี ด า ท าลายข้ า วโดยดู ด กิน น้ า เลี้ย งจากใบ
ข้ าว ทาให้ ปลายใบแห้ ง ขอบใบม้ วนเข้ าหากัน
ถ้ าระบาดมากทาให้ ข้าวตายทั้งแปลง
ช่ วงเวลาระบาด
ระยะกล้ าในสภาพอากาศแห้ งแล้ ง
ฝนทิง้ ช่ วง
การป้ องกันกาจัด
ดูแลแปลงข้ าวระยะกล้ าอย่ าให้ ขาดนา้
เมื่อเกิดการระบาดของเพลีย้ ไฟ ถ้ ามีน้า ไข
น้าให้ ท่วมยอดข้ าว 1-2 วัน แล้ วให้ ป๋ ุยเร่ งการ
เจริญเติบโต
เมื่ อพบการระบาดรุ นแรง ใช้ สารป้ องกัน
กาจัดแมลงตามคาแนะนาในตารางที2่
6.2.2 เพลี้ยกระโดดสี น้าตาล เพลี้ยกระโดดหลัง
ขาว
ลักษณะการทาลาย
ตัวเต็มวัยของแมลงทั้ง
สองชนิ ด นี้มี ลัก ษณะต่ า งกัน คื อ เพลี้ย กระโดดสี
น้ า ตาลมี ปี กสี น้ า ตาล ล าตั ว ยาวประมาณ 3
มิลลิเมตร มีท้ังพวกปี กสั้ นและปี กยาว ส่ วนเพลี้ย
กระโดดหลังขาว มีขนาดใกล้ เคียงกับเพลีย้ กระโดด
สี น้าตาล แมลงทั้งสองชนิดนีช้ อบบินมาเล่ นแสงไฟ
เวลากลางคื น ทั้ง ตั ว อ่ อ นและตัว เต็ม วัย ดู ดกิน น้า
เลีย้ งบริเวณโคนกอข้ าว
ถ้ ามีแมลงจานวนมากทาให้ ต้นข้ าวแห้ งตาย
นอกจากนี้เ พลี้ย กระโดดสี น้ า ตาลยั ง เป็ น
แมลงพาหะนาโรคใบหงิกมาสู่ ข้าวอีกด้ วย
โดยทั่วไป เพลีย้ กระโดดสี น้าตาลระบาด
ทาความเสี ยหายแก่ ข้ าว รุ น แรงกว่ าเพลี้ย
กระโดดหลังขาว ปั จจุบัน เพลีย้ กระโดดสี
น้าตาลจัดเป็ นแมลงศั ตรูข้าวที่สาคัญที่สุด
โดยเฉพาะการปลูกข้ าวในเขตชลประทาน
การป้ องกันกาจัด
ปลูกข้ าวพันธุ์ต้านทานเพลีย้ กระโดดสี น้าตาล
เช่ น กข23 ชัยนาท1 สุ พรรณบุรี90 สุ พรรณบุรี1
สุ พรรณบุรี2 พิษณุโลก2 ปทุมธานี1 และแพร่ 1
ส่ วนพันธุ์ ข้าวที่ต้านทานเพลี้ยกระโดดหลังขาว
เช่ น สุ พรรณบุ รี60 ชั ยนาท1 และควรปลูกข้ าว
หลาย ๆ พันธุ์สลับกัน
ช่ วงที่ระบาด ใช้ แสงไฟล่อแมลง และทาลาย
เว้ นช่ วงปลูกข้ าว ปล่ อยแปลงนาว่ างไว้ หรื อ
ปลู ก พื ช อื่ น แทนข้ า ว เช่ น พื ช ตระกู ล ถั่ ว และ
ข้ าวโพด เป็ นต้ น เพื่อตัดวงจรชีวติ ของแมลง
ในแหล่ งที่มีการระบาดหลังปักดาหรื อหลัง
หว่ านข้ าว 2-3 สั ปดาห์ จนถึงระยะตั้งท้ องควร
ควบคุมน้าในแปลงให้ พอดินเปี ยกหรื อมีน้าเรี่ ย
ผิวดิน จะช่ วยลดการระบาดของเพลีย้ กระโดดสี
นา้ ตาลในแปลงนา
เมื่ อพบเพลีย้ กระโดดสี น้าตาล 1 ตัวต่ อต้ น
ใช้ สารป้ อ งกั น ก าจั ด แมลงตามค าแนะน าใน
ตารางที่ 2
6.2.3 เพลีย้ จักจั่นสี เขียว
ลักษณะการทาลาย ตัวเต็มวัย ยาวประมาณ
3 มิลลิเมตร มีสี เขียว ปลายปี กมีสีดาข้ างละจุ ด
ชอบบินมาเล่ นแสงไฟในเวลากลางคืน เป็ นแมลง
ปากดู ด ท าลายข้ า ว ทั้ ง ทางตรงและทางอ้ อ ม
ทางตรง คื อ ทั้งตัวอ่ อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้า
เลีย้ งจากใบข้ าวทางอ้ อม คือ เป็ นแมลงพาหะนา
โรคใบสี ส้มมาสู่ ข้าว แมลงชนิดนีม้ ักพบในนาข้ าว
อยู่เสมอ พบในฤดูนาปี มากกว่ าฤดูนาปรัง
ช่ วงเวลาระบาด
ต้ นข้ าวอายุไม่ เกิน 45 วันหลังปลูก
การป้องกันกาจัด
ปลูกข้ าวพันธุ์ต้านทาน เช่ น กข23 สุ พรรณบุรี
60 พิษณุโลก2 เป็ นต้ น
ใช้ แสงไฟล่ อแมลงและทาลายช่ วงที่เกิดระบาด
ปลูกข้ าวพร้ อม ๆ กัน และปล่ อยนาให้ ว่างเว้ น
ไว้ เพื่อตัดวงจรชีวติ ของแมลง
เมื่ อ พบการระบาดมาก ใช้ ส ารป้ อ งกัน ก าจั ด
แมลงตามคาแนะนาในตารางที่ 2
6.2.4 หนอนห่ อใบข้ าว
ลักษณะการทาลาย ตั ว เต็ ม วั ย เป็ นผี เ สื้ อ
กลางคืน หนอนมีสีเขียวใสปนเหลือง หัวสี น้าตาล
ท าลายใบข้ า วโดยตั ว หนอนจะใช้ ใ ยเหนี ย วจาก
ปากยึดขอบใบข้ าวสองข้ างติดกันตามความยาว
ของใบหุ้ มตัวหนอนไว้ และอาศั ยแทะกินส่ วนที่
เป็ นสี เขียวของใบข้ าวจนเหลือแต่ เยื่อบาง ๆ เป็ น
ทางสี ขาวไปตามความยาวของใบ การทาลายจะ
รุนแรงมาก
ในแปลงที่ใส่ ป๋ ุยไนโตรเจนหรื ออยู่ในร่ มเงา
ไม้ ใ หญ่ ใบข้ า วถู ก ท าลายในระยะข้ า วตั้ ง
ท้ องอาจทาให้ เมล็ดข้ าวลีบการป้ องกันกาจัด
ในระยะข้ าวแตกตกมีผลให้ มีการทาลายใน
ระยะข้ าวตั้งท้ องน้ อยลง
ช่ วงเวลาระบาด
ตั้งแต่ เริ่ มปักดาใหม่ ๆ จนถึงระยะ
ออกรวง
การป้ องกันกาจัด
ท าลายพื ช อาศั ย ในนาข้ า วและบริ เ วณ
ใกล้ เ คี ย งเช่ น หญ้ า ข้ า วนก หญ้ า นกสี ช มพู
หญ้ าไซ หญ้ าชันกาด และข้ าวป่ า
เมื่ อ พบการระบาดมากใช้ สารป้ อ งกั น
กาจัดแมลงตามคาแนะนาในตารางที่ 2
6.2.5 หนอนกอข้ าว
ลักษณะการทาลาย ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย
หนอนกอข้ า วมี 4 ชนิ ด คื อ หนอนกอสี ค รี ม
หนอนกอแถบลาย หนอนกอหัวดา และหนอน
กอสี ชมพู หนอนกอทั้ง 4 ชนิด ตัวเต็มวัยเป็ น
ผีเ สื้ อ กลางคื น มัก พบบิน มาเล่ น แสงไฟเวลา
กลางคืน ผีเสื้ อหนอนกอสี ครี ม ตรงกลางปี กคู่
หน้ ามีจุดสี ดา
ข้ างละจุด ตัวหนอนสี ขาวหรื อสี ครี ม ผีเสื้ อของ
หนอนกอแถบลายและหนอนกอหัวดา มีลักษณะ
คล้ ายกันมาก แต่ สามารถดูความแตกต่ างระยะ
หนอน ตัวหนอนของหนอนกอแถบลาย หัวมีสี
น้าตาลอ่ อน ส่ วนหนอนกอหัวดา หัวมีสี ดาตาม
ชื่ อทีเ่ รียก ส่ วนผีเสื้ อหนอนกอสี ชมพู มีลาตัวอ้ วน
สั้ น ส่ วนหัวลาตัวมีขนหนาปกคลุม ตัวหนอนมีสี
เหลืองหรื อชมพูปนม่ วง
หนอนกอทั้ง 4 ชนิด ทาลายต้ นข้ าว
เหมือนกัน คือ ตัวหนอนกัดกินภายในลาต้ น
ข้ าว ในข้ าวที่ยังเล็กหรื อข้ าวที่กาลังแตกกอ จะ
เกิดอาการ “ยอดเหี่ยว” และแห้ งตาย หาก
หนอนกอทาลายระยะข้ าวตั้งท้ อง
หรื อ
หลังจากนั้น ทาให้ รวงข้ าวมีสีขาว เมล็ดลีบทั้ง
รวง เรียกว่ า “ข้ าวหัวหงอก” รวงข้ าวที่มีอาการ
ดังกล่ าวจะดึงหลุดออกมาได้ ง่าย
ช่ วงเวลาระบาด
ตั้งแต่ ต้นข้ าวยังเล็ก ระยะข้ าวตั้ง
ท้ อง ถึงระยะออกรวง
การป้องกันกาจัด
เผาตอซั ง หลั ง เก็ บ เกี่ ย ว ให้ น้ า ท่ ว ม และไถดิ น
ทาลายดักแด้ และหนอนทีอ่ ยู่ตามตอซัง
ปลูกพื ชหมุนเวียน เพื่ อตัดวงจรชี วิตของหนอน
กอ
ใช้ แสงไฟล่ อผีเสื้ อหนอนกอข้ าวและทาลาย
เมื่อพบการระบาดมาก ใช้ สารป้ องกันกาจัดแมลง
ตามคาแนะนาในตารางที่ 2
6.2.6 แมลงบั่ว
ลักษณะการทาลาย
ตัวเต็มวัยของแมลงบั่ว
มีขนาดและรูปร่ างคล้ ายยุง แต่ ลาตัวของแมลงบั่วมี
สี ช มพู ป นส้ ม แมลงบั่ ว ท าลายข้ า วโดยตั ว หนอน
แทรกตั ว เข้ า ไปอยู่ ร ะหว่ า งล าต้ น กั บ กาบใบ และ
ทาลายส่ วนที่เป็ นจุดเจริ ญของหน่ อข้ าว ต้ นข้ าวจะ
สร้ างเนื้ อ เยื่ อ หุ้ ม ตั ว หนอน และเจริ ญ เป็ นหลอด
คล้ ายหลอดหอม ต้ นที่เป็ นหลอดจะไม่ ออกรวง ถ้ า
การระบาดรุ นแรง ต้ นข้ าวจะแตกกอมากแต่ แคระ
แกร็น
ช่ วงเวลาระบาด
ตั้ ง แต่ ระยะกล้ า จนถึ ง แตกกอ
เต็มที่ สภาพที่ฝนตกชุ ก ความชื้ นสั มพัทธ์
สู ง (80-90 เปอร์ เซ็ น ต์ ) การระบาดของ
แมลงบั่วจะเพิม่ ขึน้ อย่ างรวดเร็ว
การป้ องกันกาจัด
ท าลายวั ช พื ช รอบแปลงนา เพื่ อ ท าลาย
แหล่งอาศัยของแมลงบั่ว เช่ น หญ้ าข้ าวนก หญ้ า
ไซ หญ้ าแดง หญ้ าชันกาด และหญ้ านกสี ชมพู
ไม่ ควรปลูกข้ าวเหลื่อมฤดูตดิ ต่ อกันทั้งปี
ใช้ แสงไฟล่อตัวเต็มวัยและทาลาย
6.2.7 แมลงสิ ง
ลักษณะการทาลาย
แมลงสิ ง เป็ นมวน
ชนิดหนึ่ง ลาตัวเรียวยาว ตัวมีกลิน่ เหม็นฉุน ตัวเต็มวัย
ยาวประมาณ 15 มิ ล ลิ เ มตร ด้ านบนมี สี น้ า ตาล
ด้ านล่ างสี เขียว หนวดยาวเท่ ากับลาตัว แมลงสิ งทาลาย
ข้ าวโดยทั้งตัวอ่ อนและตัวเต็มวัยใช้ ปากดูดกินน้าเลีย้ ง
จากเมล็ดข้ าวระยะเป็ นน้านม ทาให้ เมล็ดลีบหรื อไม่
สมบูรณ์ ถ้ าระบาดมากผลผลิตข้ าวจะลดลง แปลงข้ าว
ทีม่ แี มลงสิ งระบาดจะได้ กลิน่ เหม็นฉุน
ช่ วงเวลาระบาด
ระยะข้ าวออกรวงเมล็ดเป็ นนา้ นม
การป้องกันกาจัด
ใช้ สวิงโฉบจับตัวอ่ อนและตัวเต็มวัย ในนา
ข้ าวที่พบระบาดและนามาทาลาย
ตัวเต็มวัยชอบกินเนื้อเน่ า นาเนื้ อเน่ าแขวน
ไว้ ตามแปลงนาและจับมาทาลาย
หลีกเลี่ยงการปลูกข้ าวอย่ างต่ อเนื่ องเพื่อลด
การแพร่ พนั ธุ์
เมื่อพบการระบาดมาก ใช้ สารป้ องกันกาจัด
แลงตามคาแนะนาในตารางที่ 2
ตารางที่ 2 การใช้ สารป้ องกันกาจัดแมลงศัตรู ข้าว
โรค
เพลีย้ ไฟ
สารป้องกันกาจัดแมลงศัตรู
ข้ าว1)
มาลาไธออน (83% อีซี)
อัตราการใช้
/นา้ 20 ลิตร
20 มิลลิลติ ร
คาร์ บาริล (85% ดับบลิวพี) 20 มิลลิลติ ร
เพลีย้ กระโดดสี คาร์ แทป/ไอโซโพรคาร์ บ
แปลงกล้า
นา้ ตาล
(3% / 3% จี)
8-10 กิโลกรัม
เพลีย้ กระโดด
ต่ อไร่
หลังขาว
แปลงปักดา 5
กิโลกรัมต่ อไร่
นาหว่ าน 5
กิโลกรัมต่ อไร่
วิธีการใช้ / หยุดใช้ สารก่ อน
ข้ อควร
การเก็บเกีย่ ว
ระวัง
(วัน)
พ่นสารเมื่อ
พบใบม้ วน
20%
ควรใช้ ใน
ระยะกล้า
จนถึงระยะ
แตกกอ
ระดับนา้ ใน
นาประ –
มาณ 5
เซนติเมตร
โรค
สารป้องกันกาจัดแมลงศัตรู
ข้ าว1)
อัตราการใช้
/น้า 20 ลิตร
วิธีการใช้ /ข้ อ
ควรระวัง
เพลี้ยจักจัน่
ฟิ โปรนิล (0.2% จี)
4 กิโลกรัมต่อไร่
สี เขียว
อีโทเฟนพรอกซ์ (5% อีซี) 40 มิลลิลิตร พ่นเมื่อตรวจ
พบแมลง
อีโทเฟนพรอกซ์ (10% อีซี) 20 มิลลิลิตร
มากกว่
า
10
110
มิ
ล
ลิ
ล
ิ
ต
ร
คาร์โบซัลแฟน (20% อีซี)
ตัวต่อกอ หรื อ
15
มิ
ล
ลิ
ล
ิ
ต
ร
อิมิดาโคลพริ ด (10% เอ
1 ตัวต่อต้น
สแอล)
อิมิดาโคลพริ ด (5% อีซี)
30 มิลลิลิตร
หยุดใช้ สารก่ อนการ
เก็บเกีย่ ว (วัน)
7
21
21
14
14
โรค
สารป้องกันกาจัดแมลงศัตรู ข้าว1) อัตราการใช้ วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง หยุดใช้ สารก่ อน
การเก็บเกีย่ ว (วัน)
/น้า 20 ลิตร
ไอโซโปรคาร์บ (50%
ดับบลิวพี)
บูโพรเฟซิ น (25% ดับบลิวพี)
บูโพรเฟซิ น (10% ดับบลิวพี)
บูโพรเฟซิ น/ไอโซโปคาร์บ
(5% /20% ดับบลิวพี)
60 กรัม
10 กรัม
25 กรัม
50 กรัม
14
ควรใช้ขณะแมลง
ส่ วนใหญ่เป็ นตัว
อ่อน
7
7
14
โรค
สารป้องกันกาจัดแมลง
ศัตรู ข้าว1)
หนอนกอ คาร์แทป (4% จี)
ฟิ โปรนิล (0.2% จี)
อัตราการใช้
/น้า 20 ลิตร
วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง หยุดใช้ สารก่ อนการ
เก็บเกีย่ ว (วัน)
4 กิโลกรัมต่อไร่ ควรใช้ในระยะกล้า
4 กิโลกรัมต่อไร่ จนถึงแตกกอระดับ
น้ าในนาประมาณ 5
เซนติเมตร
คาร์แทป/ไอโซโพร 3 กิโลกรัมต่อไร่ ไม่ใช้สารในระยะ
ข้าวตั้งท้องถึงออก
คาร์บ (3% /3% จี)
รวง
คลอร์ไพริ ฟอส
(20% อีซี)
คาร์โบซัลแฟน
(20% อีซี)
80 มิลลิลิตร
80 มิลลิลิตร
พ่นเมื่อตรวจพบข้าว
ยอดเหี่ ยวมากกว่า 5%
โรค
สารป้องกันกาจัด
แมลงศัตรู ข้าว1)
อัตราการใช้
/นา้ 20 ลิตร
วิธีการใช้ /ข้ อควร หยุดใช้ สารก่ อน
ระวัง
การเก็บเกีย่ ว
(วัน)
หนอนห่อใบข้าว คาร์โบซัลแฟน
80 มิลลิลิตร พ่นเมื่อพบใบข้าว
(20% อีซี)
ถูกหนอนห่อใบ
ฟิ โปรนิล (5%
50 มิลลิลิตร ทาลายมากกว่า
15%
เอสซี )
พ่นเมืองตรวจพบ
เฟนนิ
โ
ทรไท
แมลงสิ ง
30 มิลิลิตร แมลง 4 ตัวต่อ
ออน (50% อีซี)
ตารางเมตร ใน
ระยะข้าวออก
รวง-ระยะเมล็ด
เป็ นน้ านม
1) ในวงเล็บ คือ เปอร์ เซ็นต์ สารออกฤทธิ์และสู ตรของสารป้ องกันกาจัดแมลงศัตรู ข้าว
6.3 สั ตว์ ศัตรูข้าวและการป้องกันกาจัด
6.3.1 หนู
ลักษณะการทาลาย หนูเป็ นสั ตว์ ฟันแทะ ซึ่ง
เป็ นศั ตรูสาคัญของข้ าว ได้ แก่ หนูพุกใหญ่ หนูพุก
เล็ก หนูนาใหญ่ หนูนาเล็ก หนูหริ่ งนาหางยาว และ
หนูหริ่ งนาหางสั้ น ระบาดทาความเสี ยหายให้ ข้าว
ตลอดระยะการเจริญเติบโต และหลังการเก็บเกีย่ ว
ช่ วงเวลาระบาด
ทุกฤดูปลูก
การป้องกันกาจัด
ก าจั ด วั ช พื ช บริ เ วณแปลงปลู ก และพื้ น ที่
ใกล้เคียง เพื่อไม่ ให้ เป็ นที่อาศัยของหนู
ใช้ วธิ ีกล เช่ น การขุดจับ การดักด้ วยกรง กับ
ดัก และการล้ อมตี
ใช้ วิ ธี ท างชี ว ภาพ โดยอนุ รั ก ษ์ ศั ต รู
ธรรมชาติ เช่ น นกฮู ก นกแสก เหยี่ ย ว
พังพอน และงูชนิดต่ าง ๆ
เมื่ อ พบร่ องรอยของหนู ห รื อมี ก าร
ระบาดรุ น แรงให้ ป้ อ งกัน ก าจั ด หนู โ ดยวิธี
ผสมผสาน คือ ใช้ กรงดักหรื อกับดักร่ วมกับ
เหยื่อพิษ ตามคาแนะนาในตารางที่ 3
6.3.2 นก
ลักษณะการทาลาย นกเป็ นสั ต ว์ ปี ก
ซึ่งเป็ นศัตรูของข้ าวที่สาคัญ ได้ แก่ นกกระติ๊ดขี้
หมู ทาลายโดยจิกกินเมล็ดข้ าวตั้งแต่ เมล็ดอยู่ใน
ระยะนา้ นม จนถึงระยะเก็บเกีย่ ว
ช่ วงเวลาระบาด
ทุกฤดูปลูก
การป้องกันกาจัด
กาจัดวัชพืชเพื่อทาลายแหล่ งอาศั ยและแหล่ ง
อาหาร ซึ่งเป็ นพวกเมล็ดวัชพืช
ใช้ ห่ ุนไล่ กา หรื อคนไล่
ใช้ วสั ดุสะท้ อนแสง เช่ น กระจกเงา เป็ นต้ น
ใช้ สารป้ อ งกั น ก าจั ด นก ตามค าแนะน าใน
ตารางที่ 3
6.3.3 หอยเชอรี่
ลักษณะการทาลาย ห อ ย เ ช อ รี่ มี
ลัก ษณะคล้ า ยหอยโข่ ง มี เ ปลื อ กสี เ หลื อ งปน
น้าตาล หรื อสี เขียวเข้ มปนดา วางไข่ ได้ ตลอด
ทั้งปี ครั้ งละ 400-3,000 ฟอง ตามต้ นพื ช ใกล้
แหล่ งน้า ไข่ เป็ นฟองเล็ก ๆ สี ชมพู และฟักเป็ น
ตัวภายใน 7-12 วัน เริ่มกัดกินต้ นกล้ าข้ าวจนถึง
ระยะแตกกอ
ช่ วงเวลาระบาด
ทุกฤดูปลูก
การป้องกันกาจัด
ใช้ วสั ดุก้นั ขวางทางระบายนา้ เข้ านา
ใช้ ไม้ ปักรอบคันนาทุกระยะ 10 เมตร เพื่ อ
ล่อให้ หอยมาวางไข่ เก็บตัวหอยและไข่ ทาลาย
ระบายน้ า ออกจากนาหลั ง ปั ก ด า เพื่ อ ให้
สภาพไม่ เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของหอย
อนุรักษ์ ศัตรูธรรมชาติ ได้ แก่ นกปากห่ าง
เลือกใช้ สารป้ องกันกาจัดหอยอย่ างใดอย่ าง
หนึ่ง ตามคาแนะนาในตารางที่ 3
6.3.4 ปูนา
ลักษณะการทาลาย ปูนาชอบขุด
รู อ าศั ย อยู่ ต ามคั น นา ตั ว มี สี น้ า ตาลเข้ ม
กระดองกว้ า งประมาณ 3-8 เซนติ เ มตร
ทาลายต้ นข้ าวตั้งแต่ อยู่ในแปลงกล้ า จนถึง
ระยะปักดา โดยกัดกินโคนต้ นเหนื อพื้ นดิน
ประมาณ 3-5 เซนติ เ มตร พบต้ นข้ าว
เสี ยหายเป็ นหย่ อม ๆ
ช่ วงเวลาระบาด
ทุกฤดูปลูก
การป้องกันกาจัด
ดักจับ โดยใช้ ลอบดักตามทางน้าไหล หรื อ
ขุดหลุมฝังปี บและใช้ เศษปลาเน่ าเป็ นเหยื่อ
ระบายน้าออกจากนาหลังปั กดา เพื่ อหรั บ
สภาพให้ ไม่ เหมาะกับการอยู่อาศัยของปูนา
เลื อ กใช้ สารป้ อ งกั น ก าจั ด ปู อ ย่ า งใดอย่ า ง
หนึ่ง ตามคาแนะนาในตารางที่ 3
ตารางที่ 3 การใช้ สารป้ องกันกาจัดสั ตว์ ศัตรู ข้าว
โรค
นก
หนู
สารป้องกันกาจัดแมลงศัตรู
ข้ าว1)
อัตราการใช้
/นา้ 20 ลิตร
เมไทอาร์ บ (50 % ดับบลิวฟี ) 80 กรัม
วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง
พ่นครั้งแรกเมื่อเมล็ดข้ าวเริ่มเป็ น
นา้ นม พ่นซ้าหลังจากพ่นครั้ งแรก 10
วัน
ซิงคืฟอสไฟด์ (80% ชนิดผง) ใช้ เป็ นเหยื่อพิษ สารออกฤทธิ์เร็ว ใช้ ลดประชากรหนู
ก่
อ
นปลู
ก
ข้
า
วหรื
อ
เมื
่
อ
มี
ก
ารระบาด
ประกอบด้ วย
สารซิงค์ ฟอส รุ นแรงโดยวางเหยื่อเป็ นจุดตาม
ไฟด์ ผสมปลาย ร่ องรอยหนูหรื อวางจุดละ 1 ช้ อนชา
ห่
า
งกั
น
5-10
เมตร
ใช้
แ
กลบรองพื
น
้
ข้ าวและราข้ าว
และกลบเหยื่อพิษอย่างละ 1 กามือ
อัตราส่ วน
เนื
่
อ
งจากเป็
นเหยื
่
อ
พิ
ษ
ที
ท
่
าให้
ห
นู
เ
ข็
ด
1:77:2 โดย
ขยาดจึงไม่ ควรใช้ บ่อยครั้ง
นา้ หนัก
โรค
สารป้องกันกาจัดแมลงศัตรู
ข้ าว1)
โบรดิฟาคุม (0.005%)
โฟลคูมาเฟน (0.005%)
โบมาดิโอโลน (0.005%)
ไดฟี ทิอาโลน (0.0025%)
อัตราการใช้
/นา้ 20 ลิตร
วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง
เป็ นเหยื่อพิษ
สาเร็จรู ปก้ อนละ
5 กรัม ให้ วางจุด
ละ 15-20 ก้อน
สารออกฤทธิ์ช้า ใช้ ลดประชากร
หนูทเี่ หลือหลังจากการใช้ สารออก
ฤทธิ์เร็ว โดยวางเหยื่อพิษในภาชนะ
ตามร่ องรอยหนูจุดละ 15-20 ก้อน
ห่ างกัน 10-20 เมตร เติมเหยื่อทุก
สั ปดาห์ และหยุดเติมเมื่อกินเหยื่อ
น้ อยกว่ า 10 เปอร์ เซ็นต์
โรค
สารป้องกันกาจัดแมลงศัตรู
ข้ าว1)
หอยเชอรี่ นิโคลซาไมด์
(70% ดับบลิวพี)
คอปเปอร์ ซัลเฟต (98%
ดับบลิวพี)
เมทัลดีไฮด์ (5% จีบี)
อัตราการใช้
วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง
/นา้ 20 ลิตร
17 กรัม
พ่นในนาข้ าวที่มนี า้ 5 เซนติเมตร
250 กรัม
500 กรัมต่ อไร่ หว่ านในนาที่มีนา้ 5 เซนติเมตร
และเน้ นเพิม่ บริเวณทีเ่ ป็ นแอ่งหรื อ
มีหอยมาก
โรค
ปูนา
สารป้องกันกาจัดแมลงศัตรู
ข้ าว1)
เฟนนิโทรไทออน
(50% อีซี)
อีโทเฟนพรอกซ์
(5% อีซี)
อัตราการใช้
/นา้ 20 ลิตร
วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง
14 มิลลิลติ ร
ผสมนา้ ตักหยอดเป็ นจุด ๆ ริมคันนา
หลังปักดาข้ าวทีม่ ีนา้ ในนาไม่ เกิน 10
เซนติเมตร
14 มิลลิลติ ร
พ่นในนาข้ าวทันทีหลังปักดา ขณะทีม่ ี
ระดับนา้ ในนาไม่ เกิน 10 เซนติเมตร
1) ในวงเล็บคือเปอร์ เซ็นต์ สารออกฤทธิ์และสู ตรของสารป้ องกันกาจัดสั ตว์ ศัตรู ข้าว
6.4 วัชพืชและการป้องกันกาจัด
6.4.1 การปลูกโดยวิธีปักดา
ชนิดวัชพืช
ประเภทใบแคบ เช่ น หญ้ าข้ าวนก หญ้ าไม้
กวาด หญ้ า แดง หญ้ า ปล้ อ งหิ น และหญ้ า นกสี
ชมพู
ประเภทใบกว้ า ง เช่ น ขาเขี ย ด ผั ก ปอดนา
เทียนนา ผักตับเต่ า และตาลปัตรฤาษี
ประเภทกก เช่ น กกขนาก หนวดปลาดุก
กกทราย และแห้ วหมูนา
ประเภทเฟิ น เช่ น ผักแว่ น และผักกดู
ประเภทอาลจี เช่ น ตะไคร้ นา้
การป้องกันกาจัด
ไถดะ เพื่ อ กลบวัช พื ช 7-10 วัน ไถแปร
เพื่อทาลายวัชพืชที่งอกใหม่
คราด เก็บเศษ ซาก ราก เหง้ า ส่ วนของ
วัชพืชข้ ามปี ออกจากแปลง
ปรับระดับพืน้ ที่ให้ สม่าเสมอ แล้ วทาเทือก
ปั ก ด าในสภาพที่ มี น้ า ขั ง 5-10 เซนติ เ มตร
ช่ วยป้ องกันไม่ ให้ วัชพืชหลายชนิดงอก เช่ น หญ้ า
ข้ าวนก หญ้ าไม้ กวาด หนวดปลาดุก และกกขนาก
อย่ า ให้ น้ า แห้ ง ตลอดเวลาหลั ง ปั ก ด า จนถึ ง
ประมาณหลังข้ าวออกรวง 20 วัน
กาจัดวัชพืชด้ วยมือ เมื่อ 20-30 วันหลังปักดา
ใช้ สารกาจัดวัชพืช ตามคาแนะนาในตารางที่ 4
6.4.2 การปลูกโดยวิธีหว่ านนา้ ตม
ชนิดวัชพืช
ประเภทใบแคบ เช่ น หญ้ าข้ าวนก หญ้ า
ไม้ กวาด หญ้ าแดง และหญ้ านกสี ชมพู
ประเภทใบกว้ า ง เช่ น ฝั ก ปอดนา โสน
ห า ง ไ ก่ โ ส น ค า ง ค ก เ ที ย น น า แ ล ะ
ตาลปัตรฤาษี
ประเภทกก เช่ น กกขนาก กกทราย
หนวดปลาดุก แห้ วหมู และแห้ วหมูนา
ประเภทเฟิ น เช่ น ผักแว่ น
ประเภทอาลจี เช่ น ตะไคร่ นา้
การป้องกันกาจัด
ไถดะ เพื่อกลบวัชพืช 7-10 วัน ไถแปร เพื่อ
ทาลายวัชพืชที่งอกใหม่
คราด เก็บเศษ ซาก ราก เหง้ า วัชพืชข้ ามปี
ออกจากแปลง
ปรับระดับพืน้ ที่ให้ สม่าเสมอ แล้ วทาเทือก
หว่ านเมล็ดข้ าวงอกที่สะอาดไม่ มีวัช พืชเจือ
ปน โดยใช้ อตั ราเมล็ดพันธุ์สูงกว่ าปกติ
ก าจั ด วั ช พื ช ด้ ว ยมื อ เมื่ อ 20-30 วั น หลั ง
หว่ านข้ าว
ไม่ ปล่ อยให้ น้าแห้ งในนาข้ าวจนถึงประมาณ
หลังข้ าวออกรวง 20 วัน
ใช้ สารกาจัดวัชพืช ตามคาแนะนาในตารางที่
4
ตารางที่ 4 การใช้ สารกาจัดวัชพืชในนาข้ าว
วัชพืช
สารกาจัดวัชพืช1)
อัตราการใช้ ต่อนา้ วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง
20 ลิตร2)
ใบแคบ ใบกว้ าง ออกซาไดอะวอน (25% อีซี) 120-160 มิลลิลติ ร ใช้ เมื่อ 4-7 วันหลังปักดา
เฟิ น และกก
บิวทาคลอร์ (5% จี)
800-1,000 กรัม3) หรื อ 6-10 วันหลังหว่ าน
ข้ าว
บิวทาคลอร์ /2,4-ดี (6.8% จี) 450-600 กรัม3)
เพรทิลาคลอร์ (30 % อีซี)
60-120 มิลลิลตร ใช้ เมื่อ 4-7 วันหลังปักดา
หรื อ 3-5 วันหลังหว่ าน
ข้ าว
วัชพืช
ใบแคบ ใบกว้ าง
และกก
สารกาจัดวัชพืช1)
อัตราการใช้ ต่อนา้ 20 วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง
ลิตร2)
โพรพานิล/2,4-ดี (36% อีซี) 220 มิลลิลติ ร
ใช้ เมื่อ 15-20 วันหลัง
ปักดาหรื อหลังหว่ าน
โพรพานิล/ไทโอเบนคาร์ บ 130 มิลลิลติ ร
ข้ าว หรื อเมื่อวัชพืชมี
(60% อีซี)
2-4 ใบ
โพรพานิล/โมลิเนท (66% 120 มิลลิลติ ร
อีซี)
วัชพืช
สารกาจัดวัชพืช1)
อัตราการใช้ ต่อนา้ 20 วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง
ลิตร2)
ใบแคบ ใบกว้ าง ไทโอเบนคาร์ บ (8% อีซี)
1,000 มิลลิลติ ร
กก เฟิ น
ไทโอเบนคาร์ บ/2,4-ดี (7% จี) 1,150 กรัม3)
และอาลจี
ออกซาไดอะซอน/2,4-ดี
180-240 มิลลิลติ ร
(16.6% อีซี)
ใช้ เมื่อ 4-7 วันหลังปัก
ดาหรื อ 6-10 วันหลัง
หว่ านข้ าว
วัชพืช
สารกาจัดวัชพืช1)
อัตราการใช้ ต่อนา้ 20
ลิตร2)
วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง
ใบกว้ าง เฟิ น
และกก
เบนซัลฟูรอน-เมทิล
(10% ดับบลิวพี)
20-60 กรัม
ใช้ เมื่อ 4-7 วันหลังปักดา
หรื อ 6-10 วันหลังหว่ านข้ าว
ใบกว้ าง และกก
2,4-ดี (95% เอสพี)
30-40 กรัม
ใช้ เมื่อ 15-20 วันหลังปักดา
หรื อ หลังหว่ านข้ าว
1) ในวงเล็บคือเปอร์ เซ็นต์ สารออกฤทธิ์ และสู ตรของสารกาจัดวัชพืช
2) ใช้ นา้ 80 ลิตรต่ อไร่
3) หว่ านให้ ทวั่ ในพืน้ ที่ ¼ ไร่
7. คาแนะนาการใช้ สารป้ องกัน
กาจัดศัตรูพืชอย่ างถูกต้ องและ
เหมาะสม
การใช้ สารป้ องกั น ก าจั ด ศั ตรู พื ช ที่
เหมาะสม เกษตรกรต้ องรู้ จักศั ตรูพืช ชนิด
และอั ต ราการใช้ ของสารป้ อ งกั น ก าจั ด
ศัตรูพืช การเลือกใช้ เครื่ องพ่ นและหัวพ่ นที่
ถู ก ต้ อ ง ร ว ม ทั้ ง ก า ร พ่ น ที่ ถู ก ต้ อ ง มี
ข้ อแนะนาควรปฏิบัติดงั นี้
7.1 การใช้ สารป้ องกันกาจัดศัตรูพืชอย่ างเหมาะสม
ตรวจอุปกรณ์ เครื่ องพ่ นอย่ าให้ มีรอยรั่ ว เพื่ อ
ป้ องกันสารพิษเปี ยกเปื้ อนเสื้ อผ้ าและร่ างกายของ
ผู้พ่น
ต้ องสวมเสื้ อผ้ า และอุปกรณ์ ป้อ งกันสารพิษ
ได้ แก่ หน้ ากากหรื อผ้ าปิ ดจมูก ถุงมื อ หมวก และ
รองเท้ าเพื่อป้ องกันอันตรายจากสารพิษ
อ่ านฉลากคาแนะนา เพื่อศึกษาคุณสมบัติ
และการใช้ ของสารป้ องกันกาจัดศัตรูพืช ก่ อน
ปฏิบัตงิ านทุกครั้ง
ควรพ่ นสารป้ องกันกาจัดศั ตรูพืชในช่ วง
เช้ าหรื อเย็นขณะลมสงบ หลีกเลี่ยงการพ่ นใน
เวลาแดดจัดหรื อลมแรง และขณะปฏิบัตงิ านผู้
พ่ นต้ องอยู่เหนือลมตลอดเวลา
เตรียมสารป้ องกันกาจัดศัตรูพืชสาหรับ
ใช้ หมดในคราวเดียว ไม่ ควรเหลือติดค้ างใน
ถังพ่ น
ปิ ดฝาภาชนะบรรจุ ส ารป้ อ งกัน ก าจั ด
ศัตรูพืชให้ สนิทเมื่อเลิกใช้ เก็บไว้ ในที่มิดชิด
ห่ างจากสถานที่ปรุ งอาหาร แหล่ งน้า และ
ต้ องใส่ กญ
ุ แจโรงเก็บทุกครั้ง
ภายหลังการพ่ นสารป้ องกันกาจัดศั ต รูพืช
ทุ กครั้ ง ผู้ พ่นต้ องอาบน้า สระผม และเปลี่ยน
เสื้ อผ้ าใหม่ ทันที เสื้ อผ้ าที่ใส่ ขณะพ่ นสารต้ องซัก
ให้ สะอาดทุกครั้ง
ไม่ เก็บเกี่ยวผลผลิตก่ อนสารป้ องกัน กาจัด
ศัตรูพืชทีใ่ ช้ จะสลายตัวถึงระดับปลอดภัย โดยดู
จากตารางคาแนะน าการใช้ สารป้ อ งกัน ก าจั ด
ศัตรูพืช หรื อฉลากทีภ่ าชนะบรรจุ
เมื่อใช้ สารป้ องกันกาจัดศัตรูพืชหมดแล้ ว ให้
ล้ างขวดบรรจุสารด้ วยนา้ 2 – 3 ครั้ง เทน้าลงในถัง
พ่ นสาร ปรับปริ มาตรน้าตามความต้ องการก่ อน
นาไปใช้ พ่นป้ องกันกาจัดศัตรูพืช สาหรับภาชนะ
บรรจุสารเคมีที่ใช้ แล้ ว เช่ น ขวด กล่ องกระดาษ
และถุงพลาสติก ให้ ทาลายโดยการฝังดินห่ างจาก
แหล่ งน้า และให้ มีความลึกมากพอที่สัตว์ ไม่
สามารถคุ้ยขึน้ มาได้ ห้ ามเผาและห้ ามนามาใช้ ใหม่
อีก
7.1 การใช้ เครื่ องพ่ นสารป้ องกันกาจัดศัตรูพืช
ที่เหมาะสม
7.2.1 เครื่ องสาร ได้ แก่
เครื่ องพ่ นสารแบบสูบโยกสะพายหลัง
เครื่ องยนต์ พ่ นสารชนิ ด ใช้ แรงดั น
ของเหลว
7.2.2 วิธีการใช้
เครื่ อ งพ่ น แบบสู บ โยกสะพายหลั ง ใช้
อัตราการพ่ น 60-80 ลิตรต่ อไร่ การพ่ นสาร
ป้องกันกาจัดแมลงและโรคพืช เลือกใช้ หัวพ่ น
แบบกรวยขนาดเล็ก (เส้ นผ่ าศูนย์ กลาง 0.61.0 มิล ลิเ มตร) สาหรั บ การพ่ น สารป้ อ งกั น
กาจัดวัชพืช เลือกใช้ หัวพ่ นแบบพัด หรื อแบบ
ปะทะ
การพ่ นสารกาจัดวัชพื ช ต้ องไม่ ใช้ เครื่ องพ่ น
ร่ วมกับเครื่ องพ่ นสาหรับการพ่ นสารป้ องกันกาจัด
แมลงและโรคพืช ขณะพ่ นกดหัวพ่ นต่า และถื อหัว
พ่นสูงระดับเดียวตลอดเวลาการปฏิบัติงาน เพื่อให้
ละอองสารเคมีตกลงบนวัชพืชที่ต้องการควบคุม
สม่ า เสมอ การพ่ น สารก าจัด วัช พื ช คลุ ม ดินก่ อ น
วัชพืชงอก ต้ องระวังการพ่ นซ้าแนวเดิมเพราะจะ
ทาให้ สารกาจัดวัชพืชลงเป็ นสองเท่ าและหลังพ่ น
ไม่ ควบรบกวนผิวหน้ าดิน
เครื่ องยนต์ พ่นสารชนิดใช้ แรงดันของเหลว
ใช้ อตั ราการพ่น 80-120 ลิตรต่ อไร่ ใช้ หัวพ่ นแบบ
กรวยขนาดกลาง (เส้ นผ่ า ศู น ย์ ก ลาง 1.0-1.2
มิลลิเมตร) ปรั บความดันในระบบการพ่ นไว้ ที่
10 บาร์ หรื อ 150 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว ถ้ าเป็ นหัว
พ่นแบบกรวยชนิดปรับได้ ควรปรับให้ ได้ ละออง
กระจายกว้ างที่ สุ ดจะได้ ละอองขนาดเล็ ก
สม่ า เสมอ เหมาะส าหรั บ การพ่ น สารป้ อ งกั น
กาจัดแมลงและโรคพืช
การพ่ นใช้ ความเร็ วในการเดิน ประมาณ
1 ก้ าวต่ อวินาที พ่ นให้ คลุมทั้งต้ น ไม่ ควรพ่ น
จี้น านเกิน ไปเพราะจะท าให้ น้า ยาโชกและ
ไหลลงดิ น ควรพลิก -หงายหรื อ ยกหั ว พ่ น
ขึ้น-ลง เพื่ อให้ ละอองแทรกเข้ าทรงพุ่มได้ ดี
โดยเฉพาะด้ านใต้ ใบ
เริ่ มทาการพ่ นจากใต้ ลม และขยายแนว
การพ่ นขึน้ เหนื อลม ขณะเดียวกันให้ หันหัว
พ่ นไปทางใต้ ลมตลอดเวลา เพื่ อหลีกเลี่ ยง
การสั มผัสกับสารป้ องกันกาจัดศัตรูพืช
การใช้ หัวพ่ นที่ติดตั้งบนคานแบบ 2 คน
ถื อ ต้ องทาการพ่ นในลักษณะสวนทิศทาง
ลม โดยทาการพ่ นจากจุ ดใต้ ลมไปยังด้ าน
เหนื อลม เพื่ อหลีกเลี่ยงการสั มผัสกั บสาร
ป้ องกันกาจัดศัตรูพืช
8. การเก็บเกีย่ ว
8.1 ระยะเก็บเกีย่ วที่เหมาะสม
หลั ง ข้ า วออกดอกประมาณ 20 วั น ควร
ระบายนา้ ออกเพื่อให้ เมล็ดข้ าวสุ กแก่ สม่าเสมอ
เก็ บ เกี่ ย วที่ ร ะยะพลั บ พลึ ง (เมล็ ด ข้ าว
เปลี่ยนเป็ นสี เหลื องเกื อบทั้งหมด ยกเว้ นบาง
เมล็ด ที่โ คนรวงยัง เขีย วอยู่ ) ประมาณ 28 วัน
หลังข้ าวออกดอก 80 เปอร์ เซ็นต์
8.1 วิธีเก็บเกีย่ ว
8.2.1 เก็บเกีย่ วด้ วยเครื่ อง
ใช้ เครื่ องเกี่ยวนวด เกี่ยวและนวดข้ าวใน
คราวเดียวกัน
8.2.2 เก็บเกีย่ วด้ วยแรงคน
ใช้ เคียวเกี่ยวข้ าว ตัดส่ วนยอดของต้ นข้ าว
ต่าจากปลายรวงประมาณ 60 เซนติเมตร
9. วิทยาการหลังการเก็บเกีย่ ว
9.1 การปฏิบัติหลังการเก็บเกีย่ ว
9.1.1 การนวด
ข้ าวที่เ ก็บ เกี่ย วด้ วยแรงคนน้า ไปนวด
ด้ ว ยเครื่ อ งต้ อ งท าความสะอาดและปรั บ
เครื่ องนวดให้ มีรอบการทางานที่เหมาะสม
9.1.2 การลดความชื้น
ลดความชื้นให้ เหลือ 13-14 เปอร์ เซ็นต์ ด้ วย
เครื่ องอบใช้ อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส
ลดความชื้ นด้ วยการตากบนลานที่สะอาด
และแห้ ง ความหนาของข้ าวที่ตากประมาณ 510 เซนติเมตร พลิกกลับข้ าววันละ 4 ครั้ ง เป็ น
เวลา 1-3 วั น ให้ ความชื้ นเหลื อ 13-14
เปอร์ เซ็นต์
9.2 การเก็บรักษา
ท าความสะอาดโรงเก็ บ และรมสาร
อลูมเิ นียมฟอสไฟด์ ก่อนเก็บข้ าวเปลือก
ทาความสะอาดข้ าวเปลือกโดยการฝัด
บรรจุในกระสอบป่ านที่สะอาด แยกแต่
ละพันธุ์
วางบนแคร่ ไม้ สู งจากพื้ น มากกว่ า 5
เซนติเมตร ในโรงเก็บที่อากาศถ่ ายเทสะดวก
ข้ าวเปลื อกที่เก็บควรมีความชื้ นไม่ เกิน 14
เปอร์ เ ซ็ น ต์ เพื่ อ ป้ อ งกัน การเจริ ญ ของเชื้ อ รา
โดยเฉพาะเชื้อราที่สร้ างสารพิษแอฟลาทอกซิน
ตรวจสอบอุณหภูมแิ ละความชื้นเป็ นระยะ
9.3 การขนส่ ง
ร ถ บ ร ร ทุ ก ข้ า ว ต้ อ ง ส ะ อ า ด แ ล ะ
เ ห ม า ะ ส ม กั บ ป ริ ม า ณ ข้ า ว ไ ม่ ค ว ร ใ ช้
รถบรรทุ ก ดิ น สั ต ว์ มู ล สั ต ว์ ปุ๋ ย สารเคมี
เพราะอาจมีการปนเปื้ อนของเชื้ อโรคและ
สารพิษ ยกเว้ น มีการทาความสะอาดอย่ า ง
เหมาะสมก่ อนนามาบรรทุกข้ าว
9.4 การป้ องกันกาจัดศัตรูข้าวในโรงเก็บ
แมลงศั ต รู ข้ าวเปลื อ ก ได้ แก่ ผี เ สื้ อ
ข้ าวเปลือกมอดหัวป้อมหรื อมอดข้ าวเปลือก
ด้ ว งงวงข้ า ว ด้ ว งงวงข้ า วโพด มอดแป้ ง
และมอดสยาม
แมลงศั ต รู ข้ าวสาร ได้ แก่ ด้ วงงวง
ข้ าวโพด ด้ วงงวงข้ าว ผีเสื้ อข้ าวสาร มอด
แป้ ง และมอดฟันเลื่อย
การป้ องกันและกาจัด
ทาความสะอาดยุ้งฉางโกดังหรื อโรงเก็บ
ก่ อนน้ า ข้ าวเข้ าเก็ บ และหมั่ น ท าความ
สะอาด
พ่ นสารป้องกันกาจัดแมลงที่พื้น และฝา
ผนั ง ของโรงเก็ บ และที่ ว่ า งเมื่ อ พบแมลง
ตามคาแนะนาในตารางที่ 5
คลุ ก เมล็ด พัน ธุ์ ด้ ว ยสารป้ อ งกัน ก าจั ด
แมลง หรื อ ใช้ สารรมส าหรั บ ข้ า วเปลื อ ก
ทั่วไปหรื อข้ าวสารเท่ านั้น ตามคาแนะนาใน
ตารางที่ 5
รมด้ วยก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ ในโรง
เก็บสาเร็จรูป
ตารางที่ 5 การใช้ สารป้ องกันกาจัดแมลงศัตรู ข้าวในโรงเก็บ
แมลงศัตรู ข้าว
ผีเสื้ อข้ าวเปลือก
มอดหัวป้อมหรื อ
มอดข้ าวเปลือก
ด้ วงงวงข้ าว
ด้ วงงวงข้ าวโพด
มอดสยาม ผีเสื้ อข้ าวสาร
มอดแป้ง มอดฟันเลื่อย
สารป้องกัน
กาจัด1)
อัตราการใช้
อลูมเิ นียมฟอส 2-3 เม็ด ต่ อข้ าวเปลื อก
ไฟด์
1,000 กิโลกรั ม หรื อ 2
เมล็ด ต่ อ ข้ า วเปลื อ ก 1
ลูกบาศก์ เมตร
วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง
รมโดยนาข้ าวเปลือกหรื อ
ข้ า วสารใส่ กระสอบวาง
บนไม้ รองกระสอบเท
อลู มิ เ นี ย มฟอสไฟด์ ใน
ถาดพลาสติ ก แล้ ว น าไป
วางไว้ ใต้ ไม้ รองกระสอบ
คลุมกองกระสอบด้ วยผ้ า
พลาสติ ก ทาร์ พอลิ น กั น
แก๊สรั่ว ทับชายผ้าที่คลุม
แมลงศัตรู ข้าว สารป้องกันกาจัด1)
เฟนิโทรไทออน
(50% อีซี)
อัตราการใช้
วิธีการใช้ /ข้ อควรระวัง
2-3 มิลลิลติ รต่ อนา้
300 มิลลิลติ รต่ อ
ข้ าวเปลือก 100
กิโลกรัม
ด้ วยถุงทรายเพื่อเก็บกักแก๊ สเป็ น
เวลา 5-7 วัน เปิ ดผ้ าคลุมทิง้ ไว้ 24
ชั่วโมง จึงนาข้ าวไปใช้ คลุกเมล็ด
เมล็ดพันธุ์แล้ วเก็บในภาชนะทีป่ ิ ด
สนิท
1) ในวงเล็บคือเปอร์ เซ็นต์ สารออกฤทธิ์และสู ตรของสารป้ องกันกาจัดแมลงศัตรู ข้าวในโรงเก็บ
9.4.2 โรคข้ าวในโรงเก็บ
ข้ าวฟันหนู
สาเหตุ เชื้อรา
ลักษณะอาการ
ข้ าวสารที่เป็ นข้ าว
ฟั น หนู จ ะมี สี เ หลื อ งและมี ร อยด าบนเม็ ด
หากข้ าวเปลื อกมีเชื้ อรานี้อยู่เมื่ อนาไปสี จะ
แตกหักง่ าย
การป้ องกัน
ข้ าวเปลือกที่เก็บควรมีความชื้ น ไม่ เกิน
14 เปอร์ เซ็นต์
โรงเก็ บ ควรสะอาด อากาศถ่ ายเท
สะดวก
9.4.3 หนูศัตรูข้าวในโรงเก็บ
หนูทเี่ ป็ นศัตรูผลิตผลเกษตรในโรงเก็บ
มีอยู่ หลายชนิด ที่สาคัญได้ แก่ หนูนอรเว หรื อ
หนู ข ยะ หนู ท้ องขาวบ้ าน และหนู จี๊ ด ซึ่ ง
นอกจากท าความเสี ย หายโดยตรงแล้ ว มู ล หนู
ปั สสาวะ น้าลาย และขนที่ปนเปื้ อนกับผลิตผล
นอกจากจะทาให้ เกิดการบูดเน่ าเสี ยหายแล้ ว ยัง
อาจก่ อ ให้ เกิ ด โรคต่ างๆ ที่ เ ป็ นอั น ตรายต่ อ
ผู้บริโภคได้
การป้ องกันกาจัด
ปรับปรุ งสภาพโรงเก็บให้ สะอาด
ควรเก็ บ ขยะและเศษอาหารในที่ ใ ส่ ขยะ
อย่ างมิดชิด และนาไปกาจัดทุกวัน
ตัดต้ นไม้ หรื อกิง่ ไม้ ที่พาดโรงเก็บ
ใช้ ก รงดั ก หรื อ กับ ดั ก ควบคู่ กั บ การใช้ ส าร
กาจัดหนู ประเภทออกฤทธิ์ช้า ชนิดก้ อนขี้ผึ้ง
วางในภาชนะที่ใส่ เหยื่อพิษ เช่ น กล่ องไม้ กล่ อง
กระดาษ หรื อกล่ องพลาสติก ที่มีรูเข้ าออก 2
ทาง ขนาดที่ตัวหนูลอดได้ ภายในกล่ องใส่ สาร
กาจัดหนู กล่ องละ 20 ก้ อน ทาการตรวจทุก 10
วัน และเติมสารกาจัดหนูเท่ าที่หนูกินไป วาง
จนกว่ าหนูจะหยุดกิน
10. การบันทึกข้ อมูล
เกษตรกรควรบั น ทึ ก การปฏิ บั ติ ง านใน
ขั้นตอนการผลิตต่ าง ๆ ให้ มีการตรวจสอบ
ได้ หากเกิดข้ อบกพร่ องขึ้น จะได้ สามารถ
จั ด การแก้ ไ ขหรื อปรั บ ปรุ ง ได้ ทั น ท่ ว งที
ได้ แก่
สภาพแวดล้ อ ม เช่ น อุ ณ หภู มิ ความชื้ น
ปริมาณนา้ ฝน
ชื่ อพันธุ์ วันที่ปลูก วันออกดอก และวันเก็บ
เกีย่ ว
วันให้ ป๋ ุย ชนิด อัตรา และวิธีการให้
วันที่ศัตรูพืชระบาด วิธีการกาจัด ชนิดและ
อัตราการใช้ สารป้ องกันกาจัดศัตรูพืช
รายชื่ อโรค แมลง และสั ตว์ ที่ทาลายข้ าว
ค่ าใช้ จ่ าย ราคาผลผลิ ต ปริ มาณและ
คุณภาพผลผลิตและรายได้
ปั ญหาอุปสรรคอื่ น ๆ ในช่ วงฤดูปลูก การ
เก็บเกีย่ วและการขนส่ ง
ภาคผนวก
พันธุ์ข้าวทีน่ ิยมปลูกในพืน้ ที่นาชลประทาน
พันธุ์
กข7
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะ
พักตัว
สาคัญ
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%)
ข้ าวสุ ก
(สั ปดาห์ )
(วัน)
ข้ าวเจ้ า 120-130 675
23
ค่ อนข้ าง
1
ค่ อนข้ าง
ร่ วน
ต้ านทานโรค
ไหม้ และโรค
และนุ่ม
ขอบใบแห้ ง
ค่ อนข้ างทน
ดินเปรี้ยว
ชนิด
พันธุ์
กข23
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะสาคัญ
พักตัว
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%)
ข้ าวสุ ก
(สั ปดาห์ )
(วัน)
ข้ าวเจ้ า 120-130 800
24
ค่ อนข้ าง
5
ต้ านทานโรค
ร่ วน
ขอบใบแห้ ง
โรคใบหงิก
และนุ่ม
(โรคจู๋) เพลีย้
กระโดดสี
นา้ ตาล และ
ค่ อนข้ าง
ต้ านทานเพลีย้
จักจั่นสี เขียว
ชนิด
พันธุ์
ชนิด
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะสาคัญ
พักตัว
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%)
ข้ าวสุ ก
(สั ปดาห์ )
(วัน)
ข้ าวเจ้ า
ข้ าวเจ้ า 118-125
หอมคลอง
หลวง1
620
17
นุ่ม เหนียว
และหอม
6
ค่ อนข้ าง
ต้ านทานโรค
ไหม้ โรคขอบ
ใบแห้ งและ
เพลีย้ กระโดด
หลังขาว
พันธุ์
ชนิด
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด
พักตัว
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%)
ข้ าวสุ ก
(สั ปดาห์ )
(วัน)
ข้ าวเจ้ า
ข้ าวเจ้ า 117-123
หอม
สุ พรรณบุรี
630
19
นุ่ม เหนียว
และหอม
4
ลักษณะ
สาคัญ
ค่ อนข้ าง
ต้ านทานโรค
ขอบใบแห้ ง
และเพลีย้
กระโดดหลัง
ขาว
พันธุ์
ชนิด
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะสาคัญ
พักตัว
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%)
ข้ าวสุ ก
(สั ปดาห์ )
(วัน)
ชัยนาท12) ข้ าวเจ้ า 120-130
740
27
ร่ วนและ
แข็ง
8
ค่ อนข้ าง
ต้ านทานโรค
ไหม้ ต้ านทาน
โรคใบหงิก
เพลีย้ กระโดด
สี นา้ ตาลและ
เพลีย้ กระโดด
หลังขาว
พันธุ์
ชนิด
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะสาคัญ
พักตัว
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%)
ข้ าวสุ ก
(สั ปดาห์ )
(วัน)
ปทุมธานี1 ข้ าวเจ้ า 112-125
775
17
นุ่ม เหนียว
และหอม
4
ค่ อนข้ าง
ต้ านทานโรค
ไหม้ โรคขอบ
ใบแห้ ง เพลีย้
กระโดดสี
นา้ ตาล และ
แพลีย้ กระโดด
หลังขาว
พันธุ์
ชนิด
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะสาคัญ
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%) ข้ าวสุ ก พักตัว
(สั ปดาห์ )
(วัน)
พิษณุโลก22) ข้ าวเจ้ า 117-123
643
29
ร่ วนและ
แข็ง
8
ต้ านทานโรค
ไหม้ เพลีย้
กระโดดสี
นา้ ตาล
ค่ อนข้ าง
ต้ านทานเพลีย้
กระโดดหลัง
ขาวและเพลีย้
จักจั่นสี เขียว
พันธุ์
ชนิด
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%) ข้ าวสุ ก พักตัว
(สั ปดาห์ )
(วัน)
สุ พรรณบุรี12) ข้ าวเจ้ า 120-125
806
29
ร่ วนและ
แข็ง
4
ลักษณะ
สาคัญ
ต้ านทานโรค
ไหม้ โรค
ขอบใบแห้ ง
โรคใบหงิก
โรคใบสี ส้ม
เพลีย้ กระโดดสี นา้ ตาล
และเพลีย้
กระโดดหลัง
ขาว
พันธุ์
ชนิด
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะสาคัญ
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%) ข้ าวสุ ก พักตัว
(สั ปดาห์ )
(วัน)
สุ พรรณบุรี2 ข้ าวเจ้ า 90-110
700
22
นุ่ม
ค่ อนข้ าง
แข็ง
6
ต้ านทานโรค
ขอบใบแห้ ง
โรคใบหงิก
โรคใบสี ส้ม
และเพลีย้
กระโดดสี
นา้ ตาล
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะสาคัญ
เก็บ (กก./ไร่ ) (%) ข้ าวสุ ก พักตัว
(สั ปดาห์ )
เกีย่ ว
(วัน)
สุ พรรณบุรี60 ข้ าวเจ้ า 117-123 700
22
นุ่ม
4
ต้ านทานโรค
ไหม้ โรคขอบ
ใบแห้ ง เพลีย้
จักจั่นสี เขียว
และเพลีย้
กระโดดหลัง
ขาว
พันธุ์
ชนิด
พันธุ์
ชนิด
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%) ข้ าวสุ ก พักตัว
(สั ปดาห์ )
(วัน)
สุ พรรณบุรี90 ข้ าวเจ้ า 117-123
600
27
ร่ วนและ
แข็ง
3
ลักษณะ
สาคัญ
ต้ านทานโรค
ไหม้ โรค
ขอบใบแห้ ง
โรคใบหงิก
โรคใบสี ส้ม
และเพลีย้
กระโดดสี
นา้ ตาล
พันธุ์
ชนิด
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะสาคัญ
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%) ข้ าวสุ ก พักตัว
(สั ปดาห์ )
(วัน)
สุ รินทร์ 12) ข้ าวเจ้ า 135-140
622
30
ร่ วนและ
แข็ง
4
ต้ านทานโรค
ไหม้ และโรค
ขอบใบแห้ ง
ทนทานดินเค็ม
และความแห้ ง
แล้ง
พันธุ์
ชนิด
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะสาคัญ
พักตัว
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%)
ข้ าวสุ ก
(สั ปดาห์ )
(วัน)
กข10 ข้ าวเหนียว 130-135
660
-
นุ่ม
5
ค่ อนข้ าง
ต้ านทานโรค
ไหม้
พันธุ์
ชนิด
อายุ
ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะสาคัญ
พักตัว
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%)
ข้ าวสุ ก
(สั ปดาห์ )
(วัน)
แพร่ 1 ข้ าวเหนียว 120-130
650
-
นุ่ม
6
ต้ านทานโรค
ไหม้ โรคขอบ
ใบแห้ ง โรคใบ
หงิก และ
เพลีย้ กระโดด
สี นา้ ตาล
พันธุ์
ชนิด
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%) ข้ าวสุ ก พักตัว
(สั ปดาห์ )
(วัน)
สกลนคร ข้ าวเหนียว 125-130
467
-
นุ่มและ
หอม
3
ลักษณะ
สาคัญ
เจริญเติบโต
ดีท้งั ใน
สภาพนา
ชลประทาน
นานา้ ฝน
และสภาพไร่
อายุ ผลผลิต อมิโลส1) คุณภาพ ระยะเมล็ด ลักษณะ
สาคัญ
เก็บเกีย่ ว (กก./ไร่ ) (%) ข้ าวสุ ก พักตัว
(สั ปดาห์ )
(วัน)
สั นป่ าตอง ข้ าวเหนียว 130-135 630
นุ่ม
8
ต้ านทาน
โรคไหม้ และ
โรคขอบใบ
แห้ ง
พันธุ์
ชนิด
1) เปอร์ เซ็นต์ อมิลโส : 10-19 = ต่า, 20-25= ปานกลาง, มากกว่ า 25 = สู ง
2) นอกจากใช้ บริโภคแล้ วยังใช้ ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ เส้ นได้ ดี
ช่วงปลูกที่เหมาะสมของข้าวนาชลประทาน
ฤดูนาปรัง
ฤดูนาปี
ภาคเหนือ
มกราคม – มิถุนายน กรกฎาคม – พฤศจิกายน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มกราคม – มิถุนายน กรกฎาคม – พฤศจิกายน
ภาคกลาง
พฤศจิกายน – พฤษภาคม
มิถุนายน – ตุลาคม
ภาคใต้ ฝั่งตะวันออก
เมษายน – สิ งหาคม
กันยายน – กุมภาพันธ์
กุมภาพันธ์ - มิถุนายน กรกฎาคม - พฤศจิกายน
ภาคใต้ ฝั่งตะวันตก
สาเหตุการระบาดของศัตรู ข้าวเกิดบ่ อยครั้ งขึน้
อาจมี เ นื่ อ งมาจากการเปลี่ ย นแปลงทางด้ า น
เทคโนโลยีการผลิตข้ าว ดังนี้
•การขยายพืน้ ทีป่ ลูกข้ าว
•ระบบการชลประทานสมัยใหม่
•การพัฒนาข้ าวพันธุ์ใหม่
•การใช้ ป๋ ยมากขึ
น้
ุ
วิธีการป้องกันกาจัด
•ปลูกข้าวพันธุ์ตา้ นทาน
•การเขตกรรมโดยปลูกข้าวพันธุ์ตา้ นทานร่ วมกับพันธุ์อ่อนแอ
•การไขน้ าท่วมนากล้าข้าวอายุ 30 วัน โดยน้ าท่วมต้นข้าวนาน 6 วัน
•กับดักถังน้ าสี เหลืองขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 เซนติเมตร ใช้สาหรับคาดการณ์การ
ระบาดได้
•ศัตรู ธรรมชาติได้แก่ มวนเขียวดูดไข่ มวนจิงโจ้น้ า ด้วงก้นกระดก แตนเบียน แมงมุม
•ไม่ควรปลูกข้าวหลายๆ รุ่ นติดต่อกันในแปลงนา
•สารสกัดรากหางไหล ใช้ความเข้มข้น 5-15 เปอร์เซ็นต์ (น้ าหนักต่อปริ มาณน้ า)
•ในระยะต้นฤดูอาจใช้กบั ดักแสงไฟ ดักแมลงแล้วจับแมลงที่มาเล่นไฟทาลายทิ้งเสี ย วิธี
นี้ควรทาโดยความร่ วมมือจากชาวนาในละแวกใกล้เคียงกันโดยพร้อมเพรี ยงกัน
•เมื่อมีการระบาดให้ระบายน้ าออกจากแปลงเป็ นเวลา 7-10 วัน จะช่วยลดประชากร
เพลี้ยกระโดดสี น้ าตาลได้
วิธีการป้ องกันกาจัด
•ช่ ว งที่ พ บแมลงมากควรติ ด ตั้ ง กับ ดั ก แสงไฟล่ อ
แมลง
•อย่ าทาลายศัตรู ธรรมชาติ ได้ แก่ จิง้ จก ตุ๊กแก
คางคก กบ แมงมุม แมลงปอเข็ม แตนเบียนฝอย
และ แมลงวันตาโต
เพลืย้ กระโดดหลังข้ าว
เพลีย้ จักจัน่ ปี กลายหยัก
วิธีการป้ องกันกาจัด
•ใช้ กบั ดักแสงไฟล่ อแมลงแล้ วจับมาทาลาย
•อย่ าทาลายศัตรูธรรมชาติ ได้ แก่ แมงมุม
แมลงปอเข็ม มวนเขียว (mirid bug) แมลง
เบียนไข่
วิธีการป้องกันกาจัด
•ตอนเก็บเกี่ยวให้เกี่ยวข้าวชิดผิวดินไม่ให้เหลือตอซัง
•ไขน้ าให้ท่วมนา และไถทาลายดักแด้หลังเก็บเกี่ยว
•เก็บกลุ่มไข่และถอนต้นยอดเหี่ ยวทาลายเสี ย
•ปลูกพืชหมุนเวียน หรื อพืชคลุมดินเพื่อล่อแมลงในรุ่ นหลังๆ ให้นอ้ ยลง
•ปลูกข้าวเป็ นกับดัก โดยปลูกทิ้งไว้ 2-2.5 เดือน แล้วไถกลบทาลาย
•กาหนดการปลูกให้เร็ วหรื อช้ากว่าปกติ เพื่อหลีกเลี่ยงการระบาด
•ระยะปลูกไม่ควรถี่เกินไป โอกาสแมลงระบาดมีมาก
•ใช้กบั ดักแสงไฟ ล่อให้ตวั แก่มาเล่นไฟ แล้วเก็บทาลายเสี ย
•ศัตรู ธรรมชาติต่างๆ ควรรักษาไว้เพื่อให้เจริ ญแพร่ พนั ธุ์มาก ๆ ได้แก่ แตนเบียน
•สารสกัดจากเมล็ดสะเดา รากหางไหล ดอกและใบยีโ่ ถ และผกากรองอย่างใดอย่าง
หนึ่งใช้ความเข้มข้น 5-20 เปอร์เซ็นต์ (น้ าหนักต่อปริ มาณน้ า)
วิธีการป้ องกันกาจัด
•ใช้กบั ดักแสงไฟ ล่อดักแมลงในระยะต้นฤดูและจับตัวแก่ทาลายทิ้ง
•ในท้องที่ทานาอาศัยน้ าฝนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ควรปักดาให้เร็ วขึ้น
•ทาลายพืชอาศัยของบัว่ เช่น ข้าวป่ า หญ้าไทร หญ้าปล้องเขียว และหญ้า
ปล้องหิ น
•การปักดาถี่หรื อปักดาด้วยกล้าจานวนมากในภาคตะวันอกเฉียงเหนือ ไม่
มีผลต่อการทาลาย แต่สามารถทาให้ผลผลิตสู งขึ้น แต่ในภาคเหนือ การ
ปั กดาถี่หรื อปั กดาด้วยกล้าจานวนมากต้น การทาลายของบัว่ จะรุ นแรง
มากขึ้น
• ศัตรู ธรรมชาติ ได้แก่ แตนเบียน
ตั๊กแตนข้ าว
วิธีการป้ องกันกาจัด
•ตัก๊ แตนข้ าววางไข่ ในดินแถวบริเวณทุ่งหญ้ าใกล้ ๆ นา
ข้ าว การไถกลบช่ วยทาลายไข่ ได้
• ใช้ สวิงจับตัวอ่ อน และตัวแก่ ทาลายทิง้
หนอนกระทู้กล้า
วิธีการป้ องกันกาจัด
•ควรถางหญ้ าบริ เวณดินนาของแปลงกล้ าให้ เตียนเสมอ เพราะหนอน
กระทู้กล้ าชอบอาศัยกินหญ้ าบริเวณคันนาเป็ นอาหารก่ อนที่จะลุกลามเข้ า
ไปในแปลงกล้า
•เมื่อเกิดหนอนระบาดในแปลงกล้ า ถ้ าสามารถระบายน้าได้ ให้ ระบายน้า
จนระดับนา้ ท่ วมยอดข้ าวในแปลงกล้า แล้วเก็บหนอนมาทาลายทิง้ เสี ย
• หมั่นตรวจแปลงกล้า ถ้ าพบกลุ่มไข่ ของผีเสื้ อให้ เก็บทาลายทิง้
•ศัตรูธรรมชาติ ได้ แก่ แตนเบียน
หนอนห่ อใบข้ าว
วิธีการป้ องกันกาจัด
•ในประเทศไทย ศัตรู ธรรมชาติที่ช่วยทาลายหนอนห่ อใบข้าว ได้แก่
แตนเบียน
•สารสกัดรากหางไหลใช้ความเข้มข้น 5-20 เปอร์เซ็นต์ (น้ าหนักต่อ
ปริ มาตรน้ า)
•สารสกัดดอกและใบยีโ่ ถ ใช้ความเข้มข้น 5-20 เปอร์เซ็นต์ (น้ าหนัก
ต่อปริ มาตรน้ า)
•สารสกัดเหง้าขมิ้นชันใช้ความเข้มข้น 5-20 เปอร์เซ็นต์ (น้ าหนักต่อ
ปริ มาตรน้ า)
•เชื้อจุลินทรี ยท์ ี่ทาให้เกิดโรค ได้แก่ Bacillus thuringiensis
หนอนปลอก
วิธีการป้องกันกาจัด
•จับตัวแก่ ที่บินมาเล่ นไฟทาลายเสี ย
เพลีย้ ไฟข้ าว
การป้องกันกาจัด
•หมัน่ ดูแลแปลงกล้าอย่าให้ขาดน้ า
แมลงสิ ง
การป้องกันกาจัด
•ใช้สวิงจับตัวอ่อน และตัวแก่ตามรวงข้าว
มาทาลายทิ้งเสี ย
•ตัวแก่ชอบกินเนื้ อเน่ า นาเนื้ อเน่ าใส่ ถุง
แขวนไว้ตามท้องนาแล้วจับตัวแก่มาทาลาย
ทิ้ง
•สารสกัดเมล็ดสะเดา ให้ความเข้มข้น 10
เปอร์เซ็นต์ (น้ าหนักต่อปริ มาตรน้ า)
หนอนกระทูค้ อรวง
การป้องกันกาจัด
•ทาความสะอาดบริ เวณนาข้าว คัน
นาโดยทาลายวัชพืชเพื่อไม่ให้เป็ น
พืชอาศัยของหนอนกระทูค้ อรวง
• เมื่อหนอนระบาดให้ดูทิศทางลม
แล้วเกี่ยวข้าวใต้ลมกว้างประมาณ
ครึ่ งเมตรเศษ หรื อขุดคูก้ นั และเก็บ
หนอนทาลายทิ้ง
•ศัตรู ธรรมชาติ ได้แก่ แตนเบียน
แมลงหล่า
การป้ องกันกาจัด
•หมัน่ ออกตรวจคูนาข้าวอยู่
เสมอ ถ้าพบว่ามีแมลงหล่าเข้า
ทาลายให้จบั ทิ้ง
• มีแมลงเบียนไข่พวก แตน
เบียนฝอย ได้แก่ แตนเบียน
Psix sp.
เพลีย้ แป้ง
การป้องกันกาจัด
• เมื่ อ ข้า วเริ่ มแตกกอ
มั่น ตรวจนาเสมอถ้า
พบข้าวเน่ าฟุบ หรื อ
เ หี่ ย ว แ ห้ ง ใ ห้ ค อ ย
ตรวจดู ถ้าพบเพลี้ ย
แป้ งให้ถอนต้นข้าวใน
บริ เวณที่ มี เ พลี้ ยแป้ ง
มาเผาไฟทิ้งเสี ย
•รั ก ษาระดับ น้ า ในนา
ให้ดี อย่าให้พ้ืนนา
แห้ง
แมลงดาหนาม
การป้ องกันกาจัด
•ถ้ามีการระบาดไม่มาก ควรเก็บใบข้าวที่
แมลงดาหนามลงทาลายมาเผาไฟทิ้งเสี ย
มด
การป้องกันกาจัด
•หมัน่ ตรวจดูแลแปลงนาอย่าให้ขาดน้ า
การป้องกันกาจัด
พวกแมลงศัตรู ในโรงเก็บ
• ใช้ใบสายเสื อแห้งบด 1 กรัมต่อข้าว 100 กรัม
•สารสกัดดอกดีปลีแห้ง ใช้ความเข้มข้น 10 เปอร์เซ็นต์ (น้ าหนักต่อปริ มาตรน้ า) คลุกเมล็ดข้าว
•น้ าคั้นจากใบสะเดาใช้ความเข้มข้น 10 เปอร์เซ็นต์ (น้ าหนักต่อปริ มาตรน้ า) คลุกเมล็ดข้าว
•ว่านน้ าผงแห้งคลุกเมล็ด อัตรา 200 กรัมต่อเมล็ดข้าว 5 กิโลกรัม
•น้ ามันสะเดาและน้ ามันราข้าว
ผีเสื้ อข้าวเปลือก
ด้วงงวงข้าว
มอดข้าว
ปัจจัยทีส่ าคัญสาหรับการป้ องกันกาจัดแมลงศัตรู ข้าวในข้ าวอินทร
1.
2.
3.
4.
5.
6.
การสารวจประชากรแมลง
การพยากรณ์ การระบาดของแมลง
พันธุ์ข้าว
การใช้ ชีววืธี
วิธีเขตกรรม
วิธีกลและวิธีฟิสิ กส์
การสารวจประชากรแมลง
การสารวจและประเมินประชากรแมลงที่เกิดขึ้นในนาข้าวใน
แต่ระยะการเจริ ญเติบโตเป็ นเครื่ องมือที่สาคัญในการป้ องกัน
กาจัดแมลงศัตรู ขา้ ว การประเมิ นประชากรจะบอกถึ งชนิ ด
และปริ มาณของแมลงศัตรู และศัตรู ธรรมชาติ ว่ามี มากน้อย
เท่าใด
แมลงศัตรู ข้าวบางชนิดแทนที่สารวจปริ มาณแมลงอาจ
ใช้ วธิ ีสารวจความเสี ยหายที่เกิดขึน้ เช่ น
•หนอนกอข้าวใช้วิธีตรวจนับยอดเหี่ ยว หรื อลักษณะกาบใบที่
ถู กเจาะทาลายในระยะแรก และใช้ล กั ษณะรวงสี ข าวและ
เมล็ดลีบในระยะข้าวออกรวง
•แมลงบัว่ ใช้หลอดบัว่ ในการวัดความเสี ยหาย เป็ นต้น
วิธีการสุ่ มประชากรของแมลง
•การสารวจโดยการสุ่ ม นับ แมลงโดยตรง ซึ่ ง อาจจะเรี ย กว่า การ
สารวจดัวยตาเปล่า โดยตรวจนับจานวนแมลงจากต้นข้าวหรื อกอ
ข้าวหรื อกอข้าว ปริ มาณแมลงที่พบจะเป็ นความหนาแน่ นต่อกอ
หรื อต่อต้น หรื ออาจใช้ตบต้นข้าวให้แมลงหล่นลงน้ าและนับ ซึ่ ง
ใช้กบั แมลงจาพวกเพลี้ยกระโดดและเพลี้ยจักจัน่
•การใช้สวิงโฉบก็เป็ นวิธีที่นิยม แต่มกั จะใช้ในการสารวจถึงชนิ ด
ของแมลงที่พบมากกว่า เพราะยากที่จะคานวณถึงความหนาแน่ น
ของแมลงที่พบได้ แต่อาจจะใช้เปรี ยบเทียบระหว่างท้องที่ที่สารวจ
•การใช้กบั ดักแผงเหนียวและกับดักจานสี เหลือง ใช้วดั ปริ มาณแมลง
ที่ อพยพในนาได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาหรั บเพลี้ ยกระโดดและ
เพลี้ยจักจัน่ นอกจากนี้ กบั ดักแผงเหนี ยวอาจใช้วดั ความหนาแน่ น
ของปริ ม าณแมลงในนาข้า วโดยการติ ด ตั้ง กับ ดัก ระดับ ต่ า ให้อ ยู่
ระหว่างกอข้าว
•กับดักแสงไฟเหมาะสาหรับแมลงที่ชอบมาเล่นไฟ เช่น ตัวเต็มวัย
ของผีเสื้ อแมลงบัว่ เพลี้ยจักจัน่ และเพลี้ยกระโดด
การพยากรณ์ การระบาดของแมลง
ขัอมูลเกี่ ยวกับการคาดการณ์ ของการระบาดแมลงศัตรู ขา้ วสามารถ
ช่วยเตือนเกษตรกรให้ระวังเกี่ยวกับปั ญหาการระบาดของแมลงศัตรู
ข้า วที่ จ ะเกิ ด ขึ้ นและมี ค วามพร้ อ มที่ จ ะแก้ ปั ญ หาให้ ท ั น ท่ ว งที
ตัวอย่างเช่น การระบาดของแมลงบัว่ จะเกิ ดขึ้นมาก หากในปี ใดที่มี
ฝนตกกระจายสม่าเสมอในระยะต้นฝน ทั้งนี้ ข้ืนอยูก่ บั ข้อมูลปริ มาณ
แมลงที่อยู่ขา้ มฤดูจากปี ก่อนด้วย และการใช้กบั ดักแสงไฟสามารถ
ช่วยพยากรณ์การระบาดของหนอนกอ เป็ นต้น
พันธุ์ขา้ ว
การใช้พนั ธุ์เป็ นพื้นฐานที่สาคัญในการป้ องกันกาจัด
แมลงศัตรู ขา้ วที่ ไม่มีผลกระทบต่อสิ่ งแวดล้อม และ
สามารถนาไปใช้ร่วมกับวิธืการป้องกันกาจัดอื่นๆ
การใช้ ชีววิธี
การป้องกันกาจัดทางชีววิธี โดยการใช้ตวั เบียน ตัว
ห้ า และเชื้อโรค ตลอดจนสารสกัดจากพืช สามารถ
นามาใช้ควบคุมแมลงศัตรู ขา้ ว
ตัวเบียน
แตนเบียนไข่เพลี้ยกระโดด
แตนเบียนหนอนห่อใบ
โรคแมลงศัตรูข้าว
เชื้อราบนเพลี้ยกระโดด
เชื้อราบนตัวหนอน
สารสกัดจากพืช
•รากหางไหล
•เมล็ดสะเดา
•ใบยีโ่ ถ
•น้ ามันราข้าว
•ขมิ้นชัน
วิธีเขตกรรม
•ระยะเวลาปลูก
•วิธีการปลูกและระยะปักดา
•การปลูกพืชหมุนเวียน
•การควบคุมการใช้น้ า
•การควบคุมความอุดมสมบูรณ์ของดิน
•การทาความสะอาดแปลงนา
วิธีกลและวิธีฟิสิ กส์
•การสารวจและเก็บไข่หนอน
•การเด็ดใบที่ได้รับความเสี ยหายจากแมลง
•การใช้แผงไม้ทาด้วยชันหรื อสารเหนียว
•การใช้กบั ดักแสงไฟ