Document 7754342

Download Report

Transcript Document 7754342

แวววิชาชีพ
โดย
ดร. ญาณภัทร สี หะมงคล
แวววิชาชีพ
คุณลักษณะทีแ่ สดงถึง ความสนใจ และความถนัด
ของบุคคลทีม่ ตี ่ ออาชีพต่ างๆ ทีไ่ ด้ จากการสะสม
ประสบการณ์ ต้งั แต่ อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็ น
คุณลักษณะทีแ่ ฝงอยู่ในตัวบุคคล พร้ อมทีจ่ ะเรียนรู้
และพัฒนาเพิม่ เติมเพื่อให้ บุคคลมีความเป็ นเลิศใน
การเรียนรู้ สาขาวิชาชีพต่ างๆ ทีเ่ ปิ ดสอนในระดับ
อาชีวศึกษา ซึ่งส่ งผลต่ อความสาเร็จและความเป็ น
เลิศในการประกอบอาชีพในอนาคต
ความถนัด + การฝึ กฝน = ความสาเร็จ
(Snow. 1980)
แวววิชาชีพ = ความสนใจ + ความถนัด + การฝึ กฝน
= ความสาเร็จ ความเป็ นเลิศ
ความสนใจ
หมายถึง ความรู้สึกชื่ นชอบกิจกรรมหนึ่งมากกว่ า
กิจกรรมอื่น ๆ อาจเปรียบเทียบกิจกรรมที่เขาชื่ นชอบ
2 อย่ าง เช่ น เด็กคนหนึ่งชอบร้ องเพลงมากกว่ า
การทาโจทย์ คณิตศาสตร์ เป็ นต้ น
ทฤษฎีเกีย่ วกับความสนใจ
ทฤษฎีจติ วิเคราะห์ (Psychoanalytic Theory)
: คุณลักษณะทางบุคลิกภาพ มีอทิ ธิพลต่ อการเลือกงาน
ทีบ่ ุคคลสนใจ
ทฤษฎีการพัฒนาของซุปเปอร์ (Super’s Developmental Theory)
: ความสนใจเป็ นตัวกาหนดในการเลือกสายการเรียน และ
การประกอบอาชีพ
ขั้นพัฒนาทางอาชีพ 5 ขั้น
1) ขั้นการเจริญเติบโต แรกเกิด - 14 ปี
2) ขั้นสารวจ อายุ 15 - 24 ปี
3) ขั้นสร้ างหลักฐาน อายุ 25 - 44 ปี
4) ขั้นการดารงชีวติ ทีม่ นั่ คง อายุ 45 - 64 ปี
5) ขั้นความเสื่ อมถอย อายุ 65 ขึน้ ไป
* อายุ 14 - 18 ปี เป็ นช่ วงความสนใจในการเลือกอาชีพ
แต่ ความสนใจในการเลือกอาชีพทีถ่ ือว่ าแน่ นอนอยู่ในช่ วงอายุ 25 ปี ขึน้ ไป
ความถนัด (Aptitude)
หมายถึง คุณลักษณะพืน้ ฐานในปัจจุบันของ
บุคคล ทีบ่ ่ งบอกให้ ทราบสมรรถวิสัย (capacity)
หรื อศักยภาพ (Potentiality) ของบุคคลนั้นว่ า
มีขดี ความสามารถในการเพิม่ พูนความชานาญ
การเรียนรู้ และความสาเร็จในอนาคตมากน้ อย
เพียงใด (ไพศาล หวังพานิช, 2526)
ความถนัดไม่ ได้ เป็ นผลหรื อมรดกทีเ่ กิดจากพันธุกรรม
ของบุคคล แต่ เกิดจากการสะสมหรื อก่ อตัวมาจาก
ประสบการณ์ ทุกอย่ างของบุคคล
ดังนั้นการฝึ กฝนและสิ่ งแวดล้ อมจะเป็ นสิ่ งทีช่ ่ วยให้
เกิดการก่ อตัว สะสม ตกผลึกเป็ นความถนัดของ
คนเรา
หลักการวัดความถนัด
ส่ วนใหญ่ นิยมใช้ แบบทดสอบ
เรียกว่า แบบทดสอบ
ความถนัด (Aptitude test)
1. เป็ นการวัดความสามารถโดยอาศัยการบูรณาการ ประสบการณ์
การเรียนรู้ ทมี่ ีอยู่ของบุคคล ซึ่งต่ างจากแบบทดสอบผลสั มฤทธิ์
ทีต่ ้ องการวัดในเนื้อหาของการเรียนในหลักสู ตรเท่ านั้น
2. นิยมใช้ เป็ นแบบทดสอบทีจ่ ากัดเวลา (Speed test)
3. ความถนัดไม่ ใช่ ความสามารถเพียงด้ านเดียว แต่ เป็ น
ความสามารถหลายด้ านผสมกัน ดังนั้นจึงนิยมจัดเป็ น
ชุด (Battery) แต่ ละชุดประกอบด้ วยความสามารถหลายด้ าน
4. การเลือกใช้ แต่ ละครั้ง ควรพิจารณาถึงธรรมชาติของ
สาขาทีจ่ ะเลือกเรียนให้ ละเอียดรอบคอบ ซึ่งจะม
ความสั มพันธ์ กบั ความเทีย่ งตรงในการทานาย
ความสาเร็จในการเรียนด้ วย
1. ทฤษฎีองค์ ประกอบเดีย่ ว
(Uni – factor theory)
1.1 ผู้คดิ ทฤษฎี Binet and Simon. 1905
1.2 แบบทดสอบ วัดเชาว์ ปัญญาหรื อ IQ
(Intelligence Quotient)
1.3 ลักษณะการวัด วัดโครงสร้ างรวมเป็ นความสามารถ
่
ทัวไป
G
2. ทฤษฎีสององค์ ประกอบ
(Bi – factor theory)
2.1 ผู้คดิ ทฤษฎี Charles Spearman . 1927
2.2 แบบทดสอบ
Analogies Completion Understanding
Paragraphs Opposites Instructions
Resemblances Inferences
2.3 ลักษณะการวัด วัดโครงสร้ างทางสมองเป็ นสอง
องค ์ประกอบ คือ
2.3.1 องค์ ประกอบรวม (G – factor)
2.3.2 องค์ ประกอบเฉพาะ (S – factor)
S3
S1
G
S2
ทฤษฎีหลายองค์ ประกอบ (Multiple-Factor Theory)
1.1 ผู้นาทฤษฎี L.L. Thurstone. 1933
1.2 แบบทดสอบ ใช้ วดั สมรรถภาพหรื อคุณลักษณะพืน้ ฐาน
1.3 ลักษณะการวัด วัดโครงสร้ างพืน้ ฐาน 7 ด้ าน คือ
1.3.1 ด้ านภาษา (Verbal-factor)
1.3.2 ด้ านความคล่องแคล่วในการใช้ คา (Word Fluency-factor)
1.3.3 ด้ านจานวน (Number-factor)
1.3.4 ด้ านมิติสัมพันธ์ (Space-factor)
1.3.5 ด้ านความจา (Memory-factor)
1.3.6 ด้ านความเร็วในการรับรู้ (Perception Speed-factor)
1.3.7 ด้ านเหตุผล (R-factor)
แบบทดสอบมาตรฐานต่ างๆ ทีเ่ กีย่ วข้ องกับการวัดความถนัด
1. แบบทดสอบ จี เอ ที บี (GATB : General Aptitude Test Battery)
2. แบบทดสอบ ดี เอ ที (DAT : Differential Aptitude Test)
3. แบบทดสอบ เอฟ เอ ซี ที (FACT : Flanagan Aptitude
Classification Test)
1. แบบทดสอบ จี เอ ที บี (GATB : General Aptitude Test Battery)
กรมแรงงานในประเทศสหรัฐ สร้ างแบบทดสอบชุ ดนีเ้ พื่อใช้ วดั งานเฉพาะด้ าน
ใช้ วดั นักเรียนเกรด 9-12 และผู้ใหญ่ เพื่อใช้ ในการให้ คาปรึกษาเกีย่ วกับอาชีพ
มีแบบทดสอบ 12 ฉบับ วัด 9 องค์ ประกอบ ดังนี้
1. เชาวน์ ปัญญา ประกอบด้ วยแบบทดสอบ คาศัพท์ เหตุผลทางคณิตศาสตร์
และภาพสามมิติ
2. ความถนัดทางภาษา ใช้ แบบทดสอบคาศัพท์
3. ความถนัดทางตัวเลข ใช้ แบบทดสอบคานวณรวมกับเหตุผลทางคณิตศาสตร์
4. ความถนัดมิติสัมพันธ์ ใช้ แบบทดสอบภาพสามมิติ
5. การรับรู้ ฟอร์ ม ใช้ แบบทดสอบ จับคู่เครื่ องมือ กับ จับคู่ภาพทางเรขาคณิต
6. การรับรู้ ทางเสมียน ใช้ แบบทดสอบเปรียบเทียบชื่ อ
7. การประสานงานกล้ ามเนื้อ ใช้ แบบทดสอบทาเครื่ องหมาย
8. ความคล่องแคล่ วในการใช้ นิว้ มือ ใช้ แบบทดสอบการรวมชิ้นส่ วน และแยกชิ้นส่ วน
9. ความคล่องแคล่ วในการใช้ มือ ใช้ แบบทดสอบการย้ายที่และใส่ กลับคืน
2. แบบทดสอบ ดี เอ ที (DAT : Differential Aptitude Test )
ผู้สร้ างคือ Bennett สร้ างขึน้ ใช้ ในการแนะแนวทางการศึกษา
และอาชีพของนักเรียนเกรด 8-12 ประกอบด้ วยแบบทดสอบ 8
ฉบับ ดังนี้
1. เหตุผลทางภาษา
2. การใช้ ภาษา
3. สะกดคา
4. ความสามารถทางตัวเลข
5. เหตุผลทางนามธรรม
6. มิติสัมพันธ์
7. เหตุผลเชิงจักรกล
8. ความเร็วและแม่ นยาทางเสมียน
3. แบบทดสอบ เอฟ เอ ซี ที (FACT : Flanagan Aptitude
Classification Test )
ผู้สร้ างคือ Flanagan สร้ างขึน้ ใช้ วดั ความถนัดในการ
ประกอบอาชีพต่ าง ๆ ถึง 38 อาชีพ วิเคราะห์ จาก
ผู้ประสบผลสาเร็จ และล้ มเหลวจากอาชีพ จัดทาเป็ น
แบบทดสอบ 19 ฉบับ และใช้ วดั อาชีพต่ าง ๆ ดังสรุป
ในตาราง ดังนี้
วิศวกร
ช่างก่อสร้ าง
ช่างออกแบบสาขาต่าง ๆ
ช่างไฟฟ้าอิ เล็คทรอนิกส์
ช่างกด
ช่างเครื่ องยนต์
แบบทดสอบ
7
4
7
5
6
6
อาชีพ
1. ค้ นหาภาพที่ไม่สมบูรณ์
2. เหตุผลทางจักรกล
3. ความสามารถใช้ ตาราง
4. เหตุผลทางคณิ ตศาสตร์
5. การใช้ ศพั ท์
6. การประกอบชิ ้นงาน
7. ความเข้ าใจและการตัดสินใจ
8. มิติสมั พันธ์ ซอ่ นภาพ
9. การวางแผน
10. เลขคณิ ต
11. เติมอักษรที่ขาดหาย
12. การอ่านกราฟ
13. การใช้ ภาษา
14. ความแม่นยาในการใช้ มอื
15. การพิจารณาตาแหน่งอันตราย (Alertness)
16. การประสานกล้ ามเนื ้อมือ
17. การออกแบบ (Pattern)
18. การใช้ รหัส
19. ความจา
รวม
ขั้นตอนการสร้ าง
แบบทดสอบ
• กาหนดจุดมุ่งหมายในการสร้ าง
• ศึกษาเอกสารทีเ่ กีย่ วข้ อง
• กาหนดกรอบของการวัด
• นิยามสิ่ งที่ต้องการวัด
• เขียนข้ อสอบ
• หาค่ า IOC
• คัดเลือกและปรับปรุ งข้ อสอบ
• ทดลองใช้ ครั้งที่ 1-3
• หาค่ า p, r และความเชื่ อมั่น
• จัดทารู ปเล่ มและคู่มือการใช้
แบบประเมินความเที่ยงตรง
คาชี้แจง แบบประเมินความเทีย่ งตรง จัดทาขึน้ เพื่อตรวจสอบความสอดคล้ อง
ของข้ อสอบกับนิยามสิ่ งทีต่ ้ องการวัด (นิยามศัพท์ ) โดยมีเกณฑ์
ในการประเมิน ดังนี้
+1 แทน แน่ ใจว่ าข้ อสอบวัดได้ สอดคล้องกับนิยาม
0 แทน ไม่ แน่ ใจว่ าข้ อสอบวัดได้ สอดคล้องกับนิยาม
-1 แทน แน่ ใจว่ าข้ อสอบวัดได้ ไม่ สอดคล้องกับนิยาม
ข้ อสอบ
ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
+1
0
-1
การหาค่ า IOC
IOC 
 R/N
เมื่อ IOC = ดัชนีความสอดคล้องของข้ อสอบกับนิยาม
 R = ผลรวมคะแนนประเมินของผู้เชี่ยวชาญ
N = จานวนผู้เชี่ยวชาญ
* ค่ า IOC ตั้งแต่ 0.5 ขึน้ ไป ถือว่ าข้ อสอบวัดได้ สอดคล้องกับนิยาม
การหาค่ าความยากและอานาจจาแนก
P = (H+L)/N
N
r  ( H  L) /
2
เมื่อ P
r
H
L
N
=
=
=
=
=
ค่ าความยาก
ค่ าอานาจจาแนก
จานวนคนกลุ่มสู งทีต่ อบถูก
จานวนคนกลุ่มตา่ ทีต่ อบถูก
จานวนคนที่เข้ าสอบทั้งหมด
การวัดความถนัดด้ านภาษา
เป็ นการวัดความสามารถเกีย่ วกับความเข้ าใจในการรับรู้ความหมาย
ในการสื่ อสารทางภาษา คือ ความสามารถในการจับใจความสาคัญของ
เรื่ องราว คาพูด คาสนทนา รูปภาพ รวมทั้งการรู้ความหมายของคาหรื อ
ศัพท์ ต่าง ๆ
ตัวอย่ าง เช่ น
ความหมายของคา
คาตรงข้ าม ข้ อใดมีความหมายตรงข้ ามกับคาว่ า ผลัก มากทีส่ ุ ด
ก. ยึด ข. ดัน ค. ดึง ง. ลาก จ. ติด
ศัพท์ ไม่ เข้ าพวก
ข้ อใดไม่ เข้ าพวก
ก. ทองคา ข. ทองเหลือง ค. ทองแดง ง. ทองขาว จ.ทองม้ วน
การวัดความถนัดด้ านเหตุผล
ความมีเหตุผลเป็ นความสามารถในการไล่เรียงหารายละเอียดข้ อเท็จจริง
ปัญหาหรื อสถานการณ์ ต่าง ๆ เพื่อนาไปเปรียบเทียบ พิจารณา ไตร่ ตรอง
แล้วรวบรวมรายละเอียดเหล่านั้นไปตัดสิ นชี้ขาดในเรื่ องเหล่านั้นอย่ าง
เหมาะสม ลักษณะดังกล่าวก็คือการใช้ วจิ ารณาญาณเพื่อการวินิจฉัยนั่นเอง
ตัวอย่ าง เช่ น
แบบอุปมาอุปไมย
ชาย หญิง
ก. แม่
ข. ลุง
พ่อ…….
ค. พี่
ง. ลูก
จ. ป้ า