วิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ภาคสอง สมัยที่ ๖๗ โดย อาจารยนริ ตัง้ ศรีไพโรจน์ ์ นทร วันอาทิตยที ์ ่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๘
Download ReportTranscript วิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ภาคสอง สมัยที่ ๖๗ โดย อาจารยนริ ตัง้ ศรีไพโรจน์ ์ นทร วันอาทิตยที ์ ่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๘
วิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ภาคสอง สมัยที่ ๖๗ โดย อาจารยนริ ตัง้ ศรีไพโรจน์ ์ นทร วันอาทิตยที ์ ่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๘ วิธีการคุ้มครองโจทก์ ๗) หลักเกณฑการร องขอ ์ ้ ๘) ศาลทีท ่ าการไตสวนและพิ จารณาสั่ ง ่ ๙) คาสั่ งของศาล ๑๐) บทคุมครองจ าเลย ้ ๑๑) คาขอในเหตุฉุกเฉิน ๗ พ.ย. ๕๘ 2 หลักเกณฑ์การร้องขอ ๑) ต้ องยื่น ค าขอฝ่ ายเดี ย ว โดยท าเป็ นค าร้ อง (ม.๒๕๔ ว.๑) ๒) ต้ องยื่น พร้ อ มกับ ค าฟ้ อง หรือ ในเวลาใด ก่ อ น ศ า ล ใ น แ ต่ ล ะ ชั ้ น มี คาพิพากษา (ม.๒๕๔ ว.๑ ประกอบ ม.๑ (๓)) ข้อพิจารณา ๑. กรณีศาลมีคาสั่ งให้จาหน่ ายคดี ชวคราว ั่ โจทก ์ขอคุ้ มครองชั่ ว คราวก่ อนพิ พ ากษาตาม มาตรา ๒๕๔ ได้ (ฎ.๔๒๑/๒๕๒๔) ๗ พ.ย. ๕๘ 3 ๓) ลักษณะของคาขอ ๓.๑) กรณีเป็ นคาขอฝ่ายเดียวโดยเครงครั ด ่ ตามมาตรา ๒๑ (๓) ๑. คาขอให้ยึด หรือ อายัด ทรัพ ย สิ์ นไว้ กอนพิ พากษา และ ่ ๒. คาขอให้ จับกุม และกัก ขัง จาเลยไว้ ชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ๓ . ๒ ) ก ร ณี ไ ม่ เ ป็ น ค า ข อ ฝ า ย เ ดี ย ว โ ด ย เครงครั ดตามมาตรา ๒๑ (๓) ่ ๑. คาขอห้ามจาเลยกระทาการจนกวา่ คดีจะถึงทีส ่ ุด และ ๗ พ.ย. ๕๘ 4 ในกรณีท ย ี่ น ื่ คาขอให้ ศาลมีคาสั่ งตาม มาตรา ๒๕๔ (๒) หรื อ (๓) ถ้ าศาลเห็ นว่ า หากให้โอกาสจาเลยคัดค้านกอนจะไม เสี ่ ่ ยหายแก่ โจทก ์ ให้ ศาลแจ้งก าหนดวันนั่ง พิจารณาพร้ อม ทั้ ง ส่ ง ส า เ น า ค า ข อ ใ ห้ แ ก่ จ า เ ล ย โ ด ย ท า ง เ จ้ า พนักงานศาล จ าเลยจะเสนอข้ อคัด ค้ านของตนใน ก า ร ที่ ศ า ล นั่ ง พิ จ า ร ณ า คาขอนั้นก็ได้ (ม.๒๕๖) ฎีก าที่ ๖๙๙/๒๕๐๘ การที่โ จทก ยื ์ ่น ค า ร้องขอให้ศาลเปิ ดทางเดินในระหวางคดี ยงั ไมถึ ่ ุดเป็ น ่ ่ งทีส คาขอฝ่ ายเดีย ว กฎหมายไม่ได้บัง คับ ว่าต้ องให้คู่ความ อีก ฝ่ ายหนึ่ ง มีโ อกาสคัด ค้ านก่ อน กฎหมายให้ อยู่ ใน ๗ พ.ย. ๕๘ อานาจหรื อดุลพินิจของศาลทีจ ่ ะฟังคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ งก็5 ศาลที่ทาการไต่สวนและพิจารณา สัง่ ๑) ระหวางพิ จารณาของศาลชัน ้ ต้น ่ ให้ยืน ่ ตอศาลชั น ้ ตนและศาลชั น ้ ตนเป็ นผูไต ่ ้ ้ ้ ่ สวนและพิจารณาสั่ ง ๒) ระหวางพิ จารณาของศาลอุทธรณ์ หรือศาล ่ ฎีกา ๒.๑) ศาลชัน ้ ตน ้ ยังไม่ได้ส่งสานวนความไป ยังศาลอุทธรณหรื ์ อศาลฎีกา ๗ พ.ย. ๕๘ ใหยื่ น ต อศ าลชั้ น ต น และ ให ศาล 6 ๒.๒) ศาลชั้น ต้ นส่ งส านวนความไปยัง ศาล อุทธรณหรื ้ ์ อศาลฎีกาแลว ้ (ม.๒๕๔ ว.ทาย) ๑. ยื่น คาร้ องต่อศาลอุ ท ธรณ์หรือ ศาล ฎีกา แล้วแตกรณี ในทางปฏิบต ั จ ิ ะยืน ่ คาร้องตอ ่ ่ ศาลชัน ้ ตน ้ ๒. ศาลอุ ท ธรณ ์ หรื อ ศาลฎี ก าเป็ นผู้ พิจ ารณาสั่ งในแต่ละชั้น ศาล โดยศาลอุ ท ธรณ ์ หรือ ศาลฎีก าอาจส่ งส านวนไปให้ ศาลชั้น ต้ นท า ก า ร ไต่สวนก่อนพิจารณาสั่ งอนุ ญาตหรือยกคาขอนี้ก็ ได้ ๗ พ.ย. ๕๘ 7 ข้อพิจารณา ๑. การขอให้ ยึ ด ทรัพ ย ์ก่ อนพิพ ากษาตาม ม า ต ร า ๒ ๕ ๔ จ ะ ต้ อ ง มี ก า ร ไต่สวนตามมาตรา ๒๕๕ ก่อน จึง จะอนุ ญ าต ได้ แม้จาเลยจะเคยถูกยึดทรัพยก ์ ่อนศาลชั้นต้น พิพ ากษามาแล้ วต่ อมามีก ารถอนการยึ ด ทรัพ ย ์ ดัง กล่าว เมือ ่ มาขอยึด ทรัพ ยในชั ้น อุท ธรณ์อีก ก็ ์ จะต้องมีการไตสวนตามมาตรา ๒๕๕ กอน จึง ่ ่ จะมีคาสั่ งอนุ ญาตได้ (ฎ.๔๔๔/๒๔๙๐) ๒. ศาลจะมีคาสั่ งอนุ ญาตตามมาตรา ๒๕๔ โดยเพียงแตสอบถามโจทก จ ่ ์ าเลยและบันทึกไว้ใน รายงานกระบวนพิจ ารณา ทั้ง ที่ ย ัง ไม่ ปรากฏ ข้อเท็จจริงเพียงพอตามมาตรา ๒๕๕ ไมได ่ ้ (ฎ. ๗ พ.ย. ๕๘ 8 ๓. หากศาลพิจารณาคาขอคุ้มครองชั่วคราว กอนพิ พากษาของโจทกแล ่ ์ วเห็ ้ นวา่ คดีโจทกไม ์ มี ่ มู ล หรื อ ไม่ มี เ หตุ เ พี ย งพอ ศาลมี อ านาจสั่ งยก คาขอโดยไมต ่ ้องทาการไตสวนได ้ (ฎ.๒๑๔๙/๒๕๑๖) ่ ๔. การทีโ่ จทกทั บยืน ่ ์ ง้ สามฟ้องจาเลยพรอมกั ้ ค าร้ องขอคุ้ มครองชั่ว คราวก่อนพิพ ากษา ศาล ชั้น ต้ นมีค าสั่ งห้ ามจ าเลยจ าหน่ ายจ่ ายโอนที่ด ิน พร้อมสิ่ งปลูกสร้าง และให้อายัดเงินในบัญชีเงิน ฝากประจาหลายบัญชี แต่ก่อนทีศ ่ าลชั้นต้นจะมี ค าสั่ งอายัด เงิน ในบัญ ชี เ งิน ฝากไปยัง ธนาคาร จ าเลยถอนเงิน จากบัญ ชี แ ละปิ ดบัญ ชี ด ัง กล่ าว ทั้ง หมด อีก ทั้ง น าเงิน ฝากไปเปิ ดบัญ ชีเ งิน ฝาก ๗ พ.ย. ๕๘ 9 คาสังของศาล ่ ๑) ยกคาร้อง ๑.๑) โจทก มี ์ สิท ธิอุท ธรณ ์หรือฎีก าคาสั่ งได้ (ม.๒๒๘ (๒) และ ม.๒๔๗) ๑. การที่โ จทก อุ ์ ท ธรณ ์หรือ ฎีก าค าสั่ ง ศาลทีย ่ กคาร้องขอคุ้มครองชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ หลังจากที่ ศาลชัน้ ต้ นพิพากษายกฟ้ องคดี โจทก์ แล้ว จึงไมมี่ ประโยชนที์ ศ่ าลอุทธรณหรื ์ อศาลฎีกา จะวินิ จ ฉั ย อุ ท ธรณ ์หรือ ฎีก าค าสั่ งดัง กล่าวต่อไป เนื่ องจากการขอคุ้มครองชัวคราวก่ ่ อนพิพากษา ๗ พ.ย. ๕๘ 10 ๒. ในระหวางที โ่ จทกอุ ่ ์ ทธรณหรื ์ อฎีกา ค าสั่ งศาลที่ย กค าร้ องขอคุ้ มครองชั่ว คราวก่ อน พิพากษา ศาลมีคาพิพากษาถึงทีส ่ ุดให้โจทกชนะ ์ คดี จึงไมอาจด าเนินกระบวนพิจารณาวาด ่ ่ วยการ ้ ขอคุ้ มครองชั่ว คราวก่อนพิพ ากษาได้ (ฏ.๑๑๑๖/ ๒๕๐๓ และ ๖๑๑๒/๒๕๒๗) ๑.๒) โจทก ยื ์ ่น ค าขอใหม่ได้ แต่ต้ องอ้ าง เหตุใหม่ (ฎ.๙๗๐/๒๕๑๙) ๗ พ.ย. ๕๘ 11 ๒) อนุ ญาตตามคารอง ้ ๒.๑) ขอบเขตหรือเงือ ่ นไขเป็ นดุลพินิจของ ศาล แลวแต ศาลจะเห็ นสมควร (ม.๒๕๗ ว.๑) ้ ่ ๒.๒) การแจ้งคาสั่ ง ๑. ค าขอตามมาตรา ๒๕๔ (๑) ให้ ศาลแจ้งคาสั่ งให้จาเลยทราบโดยไมชั ่ กช้า (ม.๒๕๘ ว.๑) ๒. ค าขอตามมาตรา ๒๕๔ (๒) ให้ ศาลแจ้งคาสั่ งให้จาเลยทราบ (ม.๒๕๗ ว.๒) ๓. กรณีทศ ี่ าลมีคาสั่ งห้ามชั่วคราวมิให้ จ า เ ล ย โ อ น ข า ย ๗ พ.ย. ๕๘ 12 กาหนดไว้ให้จดทะเบียนตามมาตรา ๒๕๔ (๒) หรื อ ค าขอตามมาตรา ๒๕๔ (๓) ที่ เ กี่ ย วกับ ทรัพยสิ์ นดังกลาว หรือทีเ่ กีย ่ วกับการกระทาทีถ ่ ูก ่ ฟ้ องร้ อง ให้ ศาลแจ้ งค าสั่ งนั้ น ให้ นายทะเบีย น พนั ก งานเจ้ าหน้ าที่ หรื อ บุ ค คลอื่ น ผู้ มี อ านาจ หน้าทีต ่ ามกฎหมายทราบ และให้บุคคลดังกลาว ่ บันทึกคาสั่ งของศาลไว้ในทะเบียน และต้องแจ้ง ให้ จ าเลยทราบด้วย (ม.๒๕๗ ว.๒ ประกอบด้ วย ม. ๒๕๗ ว.๔) ๒.๓) การกาหนดวิธก ี ารโฆษณา กรณี ศ าลมี ค าสั่ งห้ ามชั่ ว คราวมิ ใ ห้ จ า เ ล ย โ อ น ข า ย ยั ก ย้ า ย ห รื อ จ า ห น่ า ย ซึ่ ง ๗ พ.ย. ๕๘ 13 ๒.๔) การวางเงินหรือหาประกันเพือ ่ ประกัน ประกันความเสี ยหาย (ม.๒๕๗ ว.ทาย) ้ ก่ อนที่ ศ าลจะออกหมายยึ ด หมาย อายัด หมายห้ามชั่วคราว หมายจับ หรือคาสั่ ง ใดๆ ศาลจะสั่ งให้ผู้ขอนาเงินหรือหาประกันตาม จานวนทีเ่ ห็ นสมควรมาวางศาล เพือ ่ การชาระคา่ สิ นไหมทดแทนซึ่ ง จ าเลยอาจได้ รับ ตามมาตรา ๒๖๓ ก็ได้ ข้อพิจารณา ๑. จ าเลยอุ ท ธรณ ์หรือ ฎีก าค าสั่ งศาล เกีย ่ วกับ จานวนเงิน ทีศ ่ าลเห็ นสมควรให้ โจทก มา ์ วางศาล เพื่ อ การช าระค่ าสิ นไหมทดแทนซึ่ ง จ าเลยอาจได้รับ ตามมาตรา ๒๖๓ นี้ ไ ด้ว่า ที่ ๗ พ.ย. ๕๘ 14 ฎี ก า ที่ ๗ ๐ ๔ / ๒ ๕ ๔ ๕ โ จ ท ก ์ ฟ้ อ ง อ้ า ง วา่ จาเลยที่ ๑ ถึงที่ ๒๐ และ จ. ตัวแทนเชิดของจาเลย ที่ ๑ ถึง ที่ ๒๐ ได้ ตกลงซื้ อ ขายที่ด ิน พร้ อมสิ่ งปลู ก สร้ าง ร ว ม ๒ ๗ ๒ โ ฉ น ด เ นื้ อ ที่ ๔ ๙ ไ ร่ ใ ห้ แ ก่ โ จ ท ก ์ ใ น ราคา ๙๐ ล้ า นบาท โจทก ช ิ และสิ่ งปลู ก ์ าระเงิน ค่าที่ด น ส ร้ า ง บ า ง ส่ ว น แ ล ะ เ ข้ า ค ร อ บ ค ร อ ง เ ป็ น เ จ้ า ข อ ง ทรัพยสิ์ น ตอมาจ าเลยที่ ๑ ถึงที่ ๒๐ สมรู้รวมคิ ดกับจาเลย ่ ่ ที่ ๒๑ แสดงเจตนาลวงบุคคลภายนอกทานิตก ิ รรมซือ ้ ขาย แ ล ะ จ ด ท ะ เ บี ย น โ อ น ก ร ร ม สิ ท ธิ ์ท ี่ ด ิ น ทั้ ง ห ม ด ไ ป เ ป็ น กรรมสิ ทธิข ์ องจาเลยที่ ๒๑ จึงเห็ นได้ว่าตามค าฟ้องของ โจทก ์ หากจ าเลยที่ ๒๑ โอนที่ด ิน พิพ าททั้ง หมดให้ แก่ บุ ค คลอื่น ในระหว่างพิจ ารณาย่อมจะท าให้ โจทก ได ์ ้ รับ ความเสี ยหาย เพราะแม้ โจทก ชนะคดี ก็ ไ ม่อาจโอนทีด ่ น ิ ์ พิพ าทกลับ มาเป็ นของโจทก ได ์ ้ กรณี นับ ว่ามีเ หตุ จ าเป็ น ๗ พ.ย. ๕๘ และสมควรเพี ย งพอที่ โ จทก ์จะขอให้ ศาลมี ค าสั่ งตาม15 จึงไมเหมาะสม เพราะจาเลยที่ ๒๑ ก็ตอสู ไม ่ ่ ้ คดีวาโจทก ่ ่ ์ มี อ านาจฟ้ อง ไม่มีสิ ทธิใ ดๆ ในที่ด น ิ พิพ าทและฟ้ องโจทก ์ เป็ นเท็ จ ซึ่ ง หากทางพิจ ารณาได้ ความในภายหลัง ว่ า โจทกน ่ มูลแล้ว เงินจานวนดังกลาว ่ ์ าคดีมาสู่ศาลโดยไมมี ย่อมไม่อาจชดเชยความเสี ยหายทีเ่ กิด ขึ้น แก่คู่ความอีก ฝ่ ายหนึ่ งได้ จึ ง เห็ นสมควรให้ โจทก ์ วางเงิ น ประกั น จานวน ๒๐ ล้านบาท ๒. ศาลไม่สั่ งให้ โจทก น ์ าเงิ น หรือ หา ประกันตามจานวนทีเ่ ห็ นสมควรมาวางศาล เพื่อ การชาระ ค่ าสิน ไหมทดแทน ซึ่ง จาเลยอาจได้รับ ตามมาตรา ๒๖๓ นี้ ได้ ๗ พ.ย. ๕๘ ฎีกาที่ ๖๔๒๔/๒๕๕๐ โจทกฟ์ ้ องขอให้บังคับ 16 การกระท าซ้ า หรื อ กระท าต่ อไป ซึ่ ง การละเมิ ด ที่ ถู ก ฟ้องร้อง อาจกอให ได ่ ้ เกิดความเสี ยหายแกโจทก ่ ์ ้ หาก ศาลพิพ ากษาให้ โจทก เป็ ์ นฝ่ ายชนะคดี กรณี จึ ง มีเ หตุ สมควรและเพี ย งพอที่ จ ะน าวิ ธ ี คุ้ มครองชั่ ว คราวก่ อน พิพากษาตามมาตรา ๒๕๔ (๒) มาใช้โดยห้ามชั่วคราว มิให้จาเลยและบริวารดาเนินการก่อสร้างอาคารในทีด ่ น ิ พิพาทจนกวาจะถึ งทีส ่ ุดได้ ่ ตามคาขอของโจทกมี ์ เหตุสมควรและ เพีย งพอทีจ ่ ะน าวิธค ี ุ้ มครองชั่ว คราวก่อนพิพ ากษามาใช้ หากจาเลยได้รับความเสี ยหายจาเลยก็มส ี ิ ทธิทจ ี่ ะวากล าว ่ ่ เอาแกโจทก ได ่ โจทก์เป็ นผู้มี ชื่อ ่ ์ ้ตามมาตรา ๒๖๓ เมือ ถือกรรมสิทธ์ ิ ในโฉนดทีด่ นิ ย่อมได้รับประโยชน์จากข้อ สั นนิ ษ ฐานว่ าเป็ นผู้ มี สิ ทธิ ค รอบครองตาม ๗ พ.ย. ๕๘ ป.พ.พ.17 ๓) ผลของคาสั่ งศาลทีอ ่ นุ ญาตตามคารอง ้ ๒๕๘ และ ม.๒๕๘ ทวิ) (ม. ๓.๑) คาขอให้ยึดหรืออายัดทรัพยสิ์ นไว้กอน ่ พิพากษา ให้บังคับจาเลยไดทั ้ นที ผลของการฝ่าฝื นคาสั่ ง พากษา ๑. กรณียด ึ ทรัพยสิ์ นไว้กอนพิ ่ จ าเลยก่ อให้ เกิ ด โอน หรื อ เปลีย ่ นแปลงซึง่ สิ ทธิในทรัพยสิ์ นทีถ ่ ก ู ยึดภายหลังที่ ได้ทาการยึดไว้แล้วนั้น หาอาจใช้ยันแก่เจ้าหนี้ ตามค าพิพ ากษาหรือเจ้ าพนัก งานบัง คับ คดีได้ไม่ ถึงแม้ราคาแห่งทรัพยสิ์ นนั้นจะเกินกวาจ ่ านวนหนี้ ตามค าพิพ ากษาและค่ าฤชาธรรมเนี ย มในการ ๗ พ.ย. ๕๘ 18 พิพากษา ๒ . ก ร ณี อ า ยั ด ท รั พ ย ์ สิ น ไ ว้ ก่ อ น จ าเลยก่ อให้ เกิ ด โอน หรื อ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ซึ่ ง สิ ท ธิ เ รี ย ก ร้ อ ง ที่ ไ ด้ ถู ก อ า ยั ด ภายหลังทีไ ่ ด้ทาการอายัดไว้แล้วนั้น หาอาจใช้ ยัน แก่เจ้ าหนี้ ต ามค าพิพ ากษาหรือ เจ้ าพนั ก งาน บังคับคดีได้ไม่ ถึงแม้ราคาแห่งสิ ทธิเรียกร้องนั้น จะเกินกวาจ ่ านวนหนี้ตามคาพิพากษาและคาฤชา ่ ธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดี และ จาเลยไดจ ้ าหน่ายสิ ทธิเรียกร้องนั้นเพียงส่วนทีเ่ กิน จานวนนั้นก็ ต าม (ม.๒๕๙ ประกอบ ม.๓๑๔ (๑)) (ฎ. ๑๑๓๒/๒๕๑๕) ๗ พ.ย. ๕๘ 19 ข้อพิจารณา ๑. หากมีก ารยึด หรือ อายัด ทรัพ ย สิ ์ น ของจาเลยไว้กอนพิ พากษาแล้ว โจทกในคดี อน ื่ ่ ์ ของจ าเลยคนเดี ย วกัน จะขอให้ ยึ ด หรื อ อายัด ทรัพยสิ์ นของจาเลยไว้กอนพิ พากษาในทรัพยสิ์ น ่ เดียวกันนั้นอีกไมได ่ ้ตามมาตรา ๒๕๙ ประกอบ มาตรา ๒๙๐ ๒. หากมีก ารยึด หรือ อายัด ทรัพ ย สิ ์ น ของจ าเลยไว้ ก่อนพิพ ากษาแล้ ว เจ้ าหนี้ ต ามค า พิพากษาของจาเลยคนเดียวกันในคดีอน ื่ จะขอให้ ยึ ด หรื อ อายัด ทรัพ ย ์สิ นของจ าเลยในทรัพ ย ์สิ น เดียวกันนั้นได้ แต่จะมายืน ่ คาร้องต่อศาลทีอ ่ อก ๗ พ.ย. ๕๘ 20 ๓.๒) คาขอให้ห้ามจาเลยกระทาการจนกวา่ คดีจะถึงทีส ่ ุด ให้ บั ง คั บ จ า เล ย ได้ ทั น ที ถึ ง แม้ ว่ า จ า เ ล ย ยั ง มิ ไ ด้ รั บ แ จ้ ง ค า สั่ ง เ ว้ น แ ต่ ศ า ล พิเคราะหพฤติ การณแห ์ ์ ่งคดีแล้ว เห็ นสมควรให้ คาสั่ งมีผลบังคับเมือ ่ จาเลยได้รับแจ้งคาสั่ ง (ม.๒๕๘ ว.๒) ผลของการฝ่าฝื นคาสั่ ง ๑. กรณี ม ี ค าสั่ งห้ ามมิใ ห้ จ าเลยโอน ขาย ยัก ย้ าย หรือ จ าหน่ ายทรัพ ย สิ ์ นที่พ ิพ าท หรือทรัพยสิ์ นของจาเลย หาอาจใช้ยันแก่โจทก ์ หรือ เจ้ าพนัก งานบัง คับ คดีไ ด้ไม่ ถึง แม้ ว่าราคา แห่งทรัพยสิ์ นนั้นจะเกินกวาจ ่ านวนหนี้และคาฤชา ่ ธรรมเนียมในการฟองรองและการบังคับคดี และ ๗ พ.ย. ๕๘ 21 ๒. กรณี อ ื่ น นอกจากข้ อ ๑. โจทก ์ ขอให้จับและกักขังจาเลยเพือ ่ ให้ปฏิบต ั ต ิ ามคาสั่ ง ของศาลได้ (ม.๒๕๙ ประกอบ ม.๒๙๗ ดู ฎ.๒๐๗/ ๒๕๐๕) ข้ อพิจ ารณา มาตรา ๒๕๘ วรรค ๒ ไม่ มี บ ทคุ้ มครองบุ ค คลภายนอกผู้ สุ จ ริ ต ไว้ ดังเช่นมาตรา ๒๕๘ วรรค ๑ ๓.๓) ค าขอให้ ระงับ การเปลี่ย นแปลงทาง ทะเบียนจนกวาคดี จะถึงทีส ่ ุดทีเ่ กีย ่ วกับทรัพยสิ์ นที่ ่ พิพาทหรือทรัพยสิ์ นของจาเลย ให้ มี ผ ลใช้ บัง คับ ได้ ทัน ที ถึ ง แม้ ว่ า บุคคลตามทีร่ ะบุไว้จะยังมิได้รับแจ้งคาสั่ ง เว้นแต่ ๗ พ.ย. ๕๘ 22 ผลของการฝ่าฝื นคาสั่ ง หาอาจใช้ยันแกโจทก หรื ่ ์ อเจ้าพนักงาน บั ง คั บ ค ดี ไ ด้ ไ ม่ เว้ นแต่ ผู้ รับ โอนจะพิสู จ น์ ได้ ว่าได้ รับ โอนโดย สุจริตและเสี ยคาตอบแทนก อนที บ ่ ุคคลดังกลาวจะ ่ ่ ่ ไดรั ้ บแจ้งคาสั่ ง (ม.๒๕๘ ทวิ ว.๒) ฎีก าที่ ๓๐๔๓/๒๕๕๒ พนั ก งานอัย การ เป็ นโจทก ์ฟ้ องจ าเลยซึ่ ง เป็ นบิด าของ ว. ขอให้ โอน กรรมสิ ทธิท ์ ี่ด น ิ แก่ ว. การที่ผู้ คัด ค้ านรับ โอนที่ด น ิ จาก จ าเลยภาย หลั ง ที่ เ จ้ า พนั ก งา นที่ ด ิ น ได้ รั บ แจ้ งค าสั่ ง คุ้มครองชัว ่ คราวกอนพิ พากษา โดยห้ามโอน ขาย ยัก ่ ย้ าย หรือ จ าหน่ ายที่ด ิน แล้ ว ผู้ คัด ค้ านจึ ง ไม่ อาจอ้ าง ๗ ๕๘ เรืพ.ย. อ ่ งการรั บโอนโดยสุจริตและเสี ยคาตอบแทนใช ่ ้ ยัน ว.23 ๓.๔) ค าขอให้ ระงับ การเปลี่ย นแปลงทาง ทะเบียนจนกวาคดี จะถึงทีส ่ ุดทีเ่ กีย ่ วกับการกระทา ่ ทีถ ่ ูกฟ้องร้อง ให้มีผลใช้บังคับแกบุ ่ คคลตามทีร่ ะบุไว้ ตอเมื ่ บุคคลดังกลาวได รั ่ อ ่ ้ บแจ้งคาสั่ ง (ม.๒๕๘ ว.๔) ผลของการฝ่าฝื นคาสั่ ง ยัง ไม่ มี ผ ลใช้ บัง คับ ตามกฎหมายใน ระหว่างใช้วิธก ี ารชั่วคราวกอนพิ พากษา (ม.๒๕๘ ่ ทวิ ว.ทาย) ้ ๓.๕) หมายจับจาเลย ให้บังคับไดทั ้ ว่ ราชอาณาจักร แตห ่ ้าม มิให้ กักขังเกิน ๖ เดือน นับแต่วันจับ (ม.๒๕๘ ๗ พ.ย. ๕๘ 24 ๔) การสิ้ นผลของคาสั่ งศาลทีอ ่ นุ ญาตตามคารอง ้ ๔.๑) คาพิพากษาหรือคาสั่ งชี้ขาดตัดสิ นคดี ไดกล งวิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษาไว้ ้ าวถึ ่ ่ เ ป็ น ไ ป ต า ม ที่ ศ า ล มี ค า สั่ ง ไ ว้ ใ น ค า พิพากษาหรือคาสั่ ง ๔.๒) คาพิพากษาหรือคาสั่ งชีข ้ าดตัดสิ นคดี มิไดกล งวิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษาไว้ ้ าวถึ ่ ่ ๑. ศาลตัดสิ นให้จาเลยเป็ นฝ่ายชนะคดี เต็มตามขอหาหรื อบางส่วน (ม.๒๖๐ (๑)) ้ ค าสั่ งของศาลเกี่ ย วกับ วิ ธ ี ก าร ชั่วคราวในส่วนทีจ ่ าเลยชนะคดีน้น ั ให้ถือวาเป็ ่ น อัน ยกเลิก เมื่อ พ้ นก าหนด ๗ วัน นับ แต่วัน ที่ ศาลมีคาพิพากษาหรือคาสั่ ง ๗ พ.ย. ๕๘ 25 ทางแก้ของโจทก ์ (๑) โจทกต ่ คาขอฝ่ายเดียว ์ ้องยืน ต่อศาลชั้นต้นภายในก าหนดเวลา ๗ วัน นับ แตวั ่ าลมีคาพิพากษาหรือคาสั่ ง ่ นทีศ (๒) คาขอของโจทกต ์ ้องแสดงวา่ ตนประสงคจะยื น ่ อุทธรณหรื ์ ์ อฎีกาคาพิพากษาหรือ คาสั่ งนั้น และมีเหตุอน ั สมควรทีศ ่ าลจะมีคาสั่ งให้ วิธก ี ารชัว ่ คราวเช่นวานั ่ ้นยังคงมีผลใช้บังคับตอไป ่ ๗ พ.ย. ๕๘ 26 โจทก ์ ค าสั่ งของศาลกรณี ค าขอของ (๑) ศาลชั้น ต้ นมีค าสั่ งให้ ยกค า ขอของโจทก ์ คาสั่ งของศาลดังกลาวให ่ ุด ่ ้เป็ นทีส (๒) ศาลชั้นต้นมีคาสั่ งให้วิธก ี าร ชั่วคราวยังคงมีผลใช้บังคับตอไป คาสั่ งของศาล ่ ชัน ้ ตนให า่ ้ ้มีผลใช้บังคับตอไปจนกว ่ ( ๒ . ๑ ) ค ร บ ก า ห น ด ยื่ น อุทธรณหรื ์ อฎีกา (๒.๒) ศาลมีค าสั่ งถึง ที่สุ ด ไมรั กรณี ่ บอุทธรณหรื ์ อฎีกา แลวแต ้ ่ (๒.๓) หากมีก ารอุ ท ธรณ ์ หรือ ฎีก าแล้ ว ค าสั่ งของศาลชั้น ต้ นให้ มีผ ลใช้ บัง คับต่อไปจนกว่าศาลอุทธรณหรื ์ อศาลฎีกาจะมี ็ ๗ พ.ย. ๕๘ 27 ๒. ศาลตัดสิ นให้โจทกเป็ ์ นฝ่ายชนะคดี (ม.๒๖๐ (๒)) ค าสั่ งของศาลเกี่ ย วกับ วิ ธ ี ก าร ชั่ว คราวยัง คงมี ผ ลใช้ บัง คับ ต่ อไปเท่ าที่ จ าเป็ น เพือ ่ ปฏิบต ั ต ิ ามคาพิพากษาหรือคาสั่ งของศาล (ม. ๒๖๐ (๒)) ในปี ตาม ฎ.๙๘๔๖/๒๕๔๔ ออกข้ อสอบเนติฯ ๒๕๔๓ แล้ ว ฎ.๑๐๖๙๓/๒๕๕๑ วินิ จ ฉั ย เดิน ฎ.๙๒๗๐/๒๕๔๗ ออกข้อสอบเนติฯ ในปี ๒๕๕๐ แลว ้ ๗ พ.ย. ๕๘ 28 ข้อพิจารณา ๑. การที่ ศ าลชั้น ต้ นอนุ ญาตให้ ผู้ ค้ า ประกันซึ่งรับผิดอยางลู กหนี้รวมน าหนังสื อรับรอง ่ ่ การทาประโยชนมาเป็ นหลักประกันแทนทีด ่ น ิ ของ ์ จาเลยที่ศาลมีคาสั่ งห้ ามกระท านิต ก ิ รรมชั่ว คราว ในระหวางพิ จารณา หากศาลชัน ้ ต้นพิพากษาให้ ่ จาเลยชนะคดีโดยไมกล งวิธก ี ารชั่วคราวกอน ่ าวถึ ่ ่ พิพ ากษา และโจทก ไม ์ ่ยื่น ค าขอต่อศาลชั้น ต้ น ภายในก าหนด ๗ วัน นั บ แต่ วัน ที่ ศ าลมีค า พิ พ า ก ษ า แ ส ด ง ว่ า ป ร ะ ส ง ค ์ จ ะ ยื่ น อุ ท ธ ร ณ ์ ค า พิพ ากษาและมีเ หตุ ส มควรที่ศ าลจะมีค าสั่ งให้ ใช้ วิธก ี ารชั่วคราวเช่นนั้นมีผลใช้บังคับตอไป ผู้คา้ ่ ๗ พ.ย. ๕๘ 29 ฎี ก าที่ ๓๕๐๔ / ๒๕๔๑ ค าสั่ งศาลชั้น ต้ นที่ อ นุ ญ า ต ใ ห้ ผู้ ค้ า ป ร ะ กั น ทั้ง สามน า น.ส.๓ มาเป็ นหลัก ประกัน แทนที่ ดิ น ของ จาเลย หลัง จากทีศ ่ าลมีค าสั่ งห้ามจ าเลยกระทานิ ตก ิ รรม ชั่วคราวในระหวางพิ จารณาตามมาตรา ๒๖๕ มาตรา ่ ๒๕๙ ประกอบมาตรา ๒๗๔ นั้นเป็ นคาสังที ่ ่ กาหนดใช้ วิธีการชัวคราวก่ ่ อนศาลชัน้ ต้นพิพากษาวิธกี ารหนึ่ง เมือ่ ศาลชั้น ต้ นพิพ ากษา ให้ จ าเลยชนะคดี โดยมิ ได้ ก ล่ า วถึง วิธีการชัวคราวก่ ่ อนพิพากษา และโจทกมิ์ ไดยื้ น่ คาขอตอ่ ศาลชั้ น ต้ นภายในก าหนด ๗ วัน นั บ แต่ วัน ที่ ศ าลมี ค า พิ พ า ก ษ า แสดงว่ า โจ ทก ์ ประสงค์ จ ะยื่ น อุ ท ธรณ์ ค า พิพ ากษา และมี เ หตุสมควรที่ ศ าลจะมี ค าสังให้ ่ วิ ธี การ ชัว่ คราวเช่ น ว่ า นั ้น มี ผ ลบัง คับ ต่ อ ไป ค าสั่ งของศาล ๗ พ.ย. ๕๘ 30 ๒. หากไม่ ใช่ ค าสั่ งเกี่ ย วกับ วิ ธ ี ก าร ชั่ว คราวก่อนพิพ ากษา จะไม่มีผ ลยกเลิก ไปเมื่อ ศาลชั้ น ต้ นพิ พ ากษาให้ โจทก ์ แพ้ คดี โ ดยมิ ไ ด้ กล่าวถึงวิธีการชัวคราวก่ ่ อนพิพากษา ฎี ก าที่ ๖๖๑๙ / ๒๕๔๕ โจทก ์ทั้ง สองและ จาเลยตกลงกันให้ศาลชัน ้ ต้นถอนคาสั่ งอันเกีย ่ วกับวิธก ี าร ชั่ ว ค ร า ว ก่ อ น พิ พ า ก ษ า โ ด ย จ า เ ล ย เ ส น อ ห นั ง สื อ คา้ ประกันของธนาคารซึ่งเป็ นบุคคลภายนอกยอมผูกพัน เ พื่ อ ก า ร ช า ร ะ ห นี้ ต า ม คาพิพากษา โดยเงือ่ นไขวาหากคดี ถงึ ทีส ่ ุดแลวจ ่ ้ าเลยเป็ น เป็ นฝ่ ายแพ้ คดี ธนาคารจึ ง ต้ องผู ก พัน ตามข้ อความใน หนังสื อคา้ ประกันดังกลาวตามมาตรา ๒๗๔ กรณี ไม่อาจ ่ ถือว่าการเข้าคา้ ประกันของธนาคารตอศาลเพื อ ่ ชาระหนี้ ่ ตามค ่ ของศาลชัน้ ต้ น เกี่ ย วกับ31 ๗ พ.ย. ๕๘ าพิ พ ากษา เป็ นค าสั ง ๔.๓) มีก ารบัง คับ คดีเ กี่ย วกับ ทรัพ ย สิ์ น ของ จ าเลยที่ถู ก โจทก ยึ ์ ด หรือ อายัด ไว้ ก่อนพิพ ากษา โดยเจ้าหนี้ตามคาพิพากษาในคดีอน ื่ แลว ้ ฎีก าที่ ๙๕๒/๒๕๔๑ แม้ ศาลชั้น ต้ นจะมี คาสั่ งอายัดเงิน ของจ าเลยไว้ ชั่ว คราวก่อนมีค าพิพากษา ตามคารองของโจทก ่งเป็ นเจ้าหนี้ตามคาพิพากษา ้ ้ ์ ผู้รองซึ ของจ าเลยในคดีอ ื่น ก็ ม ีสิ ทธิท ี่จ ะขออายัด ทรัพ ย นั ์ ้ น เพื่อ บัง คับ คดีต ามค าพิพ ากษาในคดีข องตน เพราะกรณี ไ ม่ ต้องดวยข ้ ้อห้ามมิให้อายัดทรัพยซ ์ า้ ตามมาตรา ๒๙๐ และ เมื่อ บุ ค คลภายนอกผู้ ครอบครองเงิน ของจ าเลยได้จัด ส่ ง เงิน ดัง กล่ าวซึ่ ง ศาลชั้น ต้ นมีค าสั่ งให้ อายัด ไว้ ชั่ว คราว มาแลว ่ ผู้รองซึ ง่ เป็ นเจ้าหนี้ตามคาพิพากษาในคดีอน ื่ ้ เมือ ้ ได ้ขอบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้บังคับคดีโดย32 ๗ พ.ย. ๕๘ มีหนังสื อขออายัดเงินจานวนดังกลาวแลว การอายัดเงิน บทคุ้มครองจาเลย ๑) วิธก ี ารทีศ ่ าลกาหนดไว้ไมมี ่ เหตุเพียงพอหรือ มีเหตุอน ั สมควรประการอืน ่ ๒) ข้ อเท็ จ จริง หรือ พฤติก ารณ ์ที่ศ าลอาศั ย เป็ น หลักในการมีคาสั่ งอนุ ญาตเปลีย ่ นแปลงไป ๓) ขอให้โจทกใช ์ ้ ค่าสิ นไหมทดแทนแก่จาเลย (ออกขอสอบเนติ ฯ สมัยที่ 66 แลว) ้ ้ ๗ พ.ย. ๕๘ 33 ๑) วิธก ี ารทีศ ่ าลกาหนดไว้ไมมี ่ เหตุเพียงพอหรือ มีเหตุอน ั สมควรประการอืน ่ (ม.๒๖๑) ๑.๑) หลักเกณฑ ์ ๑. จ าเลยซึ่ ง ได้ รับ หมายยึ ด หมาย อายัด หรือ ค าสั่ งตามมาตรา ๒๕๔ (๑) (๒) หรือ (๓) หรือ จะต้ องเสี ยหายเพราะหมายยึ ด หมายอายัด หรือ ค าสั่ งดัง กล่าว ขอต่อศาลให้ ถ อ น ห ม า ย เ พิ ก ถ อ น ค า สั่ ง ห รื อ แ ก้ ไ ข เปลีย ่ นแปลงคาสั่ ง หมายยึด หรือหมายอายัดซึ่ง ออกตามค าสั่ งดัง กล่าว (ขอให้ เพิก ถอนหรือ แก้ ไข เปลีย ่ นแปลง) ๒. จ าเลยซึ่ ง ถู ก ศาลออกค าสั่ งจับ กุ ม ตามมาตรา ๒๕๔ (๔) ขอต่อศาลให้ เพิก ถอน คาสั่ ง ถอนหมาย หรือ ให้ ปล่อยตัว ไปโดยไม่มี เ งื่ อ น ไ ข ห รื อ ใ ห้ ป ล่ อ ย ตั ว ไ ป ชั่ ว ค ร า ว โ ด ย มี 07/11/58 34 ๑.๒) ลักษณะของคาขอ ๑. อยูภายใต บั ่ ้ งคับมาตรา ๒๑ (๒) ๒. คาขอต้องระบุวา่ คาสั่ งของศาลที่ ให้ ใช้ วิธ ีก ารชั่ว คราวก่อนพิพ ากษานั้น ไม่มีเ หตุ เพีย งพอหรือ ไม่มีเ หตุ ส มควร และต้ องระบุ ว่ามี เหตุ ท ี่จ ะขอให้ เพิก ถอนหรือ แก้ ไขเปลี่ย นแปลง คาสั่ งดวย ้ ข้อพิจารณา ๑. หากคาร้ องของจ าเลยระบุ ว่า ฟ้ องของ โจทก ไม ์ ่มีมู ล ที่จ ะชนะคดี หรือ โจทก มี ์ เ จตนาทุ จ ริต ใน การร้ องขอให้ ศาลมีค าสั่ งยึด ที่ด น ิ และสิ่ งปลู ก สร้ างของ จ าเลย เป็ นการคัดค้านว่าพยานหลักฐานทีโ่ จทกน ์ าสื บ35 07/11/58 ๒ . ค า สั่ ง เ กี่ ย ว กั บ วิ ธ ี ก า ร ชั่ ว ค ร า ว ก่ อ น พิพ ากษาตามมาตรา ๒๕๔ คงมีผ ลบัง คับ เฉพาะกับ จาเลยทีศ ่ าลมีค าสั่ งเทานั ่ ในคดีทม ี่ ี ่ ้ น ดังนั้น จาเลยอืน จาเลยหลายคนจึง ไม่มีสิ ทธิยน ื่ ค าร้ องตามมาตรา ๒๖๑ นี้ (เทียบเคียงกับ ฎ.๖๙๒/๒๕๔๔) ๓. จ าเลยซึ่ ง ได้ รั บ หมายหรื อ ค าสั่ งตาม มาตรา ๒๕๔ หากประสงคจะขอให ้ ศาลถอนหมายหรือ ์ ค าสั่ งชอบที่ จ ะยื่ น ค าขอในคดี เ ดิม ตามมาตรา ๒๖๑ วรรค ๑ เท่านั้ น ไม่ อาจฟ้ องขอให้ หมายหรือ ค าสั่ ง ดัง กล่ าวไม่ มี ผ ลบัง คับ เป็ นคดีใ หม่ ได้ (เที ย บเคี ย ง ฎ. ๒๖๒๔/๒๕๔๓) ๗ พ.ย. ๕๘ 36 ๑.๓) ศาลทีจ ่ ะยืน ่ คาขอและศาลทีม ่ อ ี านาจ พิจารณาสั่ ง ๑. ศาลชั้น ต้ น ศาลอุ ท ธรณ ์หรือ ศาล ฎีก าที่ม ีค าสั่ งอนุ ญ าตให้ ใช้ วิธ ีก ารชั่ว คราวก่อน พิ พ า ก ษ า แ ล ะ ศ า ล นั้ น ๆ มี อ า น า จ ใ น ก า ร พิจารณาสั่ ง ๒ . ก ร ณี ที่ ม ี ก า ร อุ ท ธ ร ณ ์ ห รื อ ฎี ก า คัด ค้ านค าพิพ ากษาหรื อ ค าสั่ งชี้ ข าดตัด สิ นคดี แ ล ะ ไ ด้ ยื่ น ค า ข อ ใ ห้ เ พิ ก ถ อ น ห รื อ แ ก้ ไ ข เปลีย ่ นแปลงคาสั่ งในวิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ศ า ล อุ ท ธ ร ณ ์ ห รื อ ศ า ล ฎี ก า แล้วแตกรณี และให้ศาลดังกลาวมี อานาจในการ ่ ่ 07/11/58 37 ๑.๔) การพิจารณาของศาล (ม.๒๖๑ ว.๓) ๑. ถ้าศาลเห็ นวาวิ ี ารทีก ่ าหนดไว้ไม่ ่ ธก มีเหตุเพียงพอ ศาลจะมีคาสั่ งเพิกถอนวิธก ี ารทีส ่ ่ั ง ไวแล ้ วนั ้ ้นเสี ยได้ ๒. ถ้ าศาลเห็ น ว่าวิธ ีก ารที่ก าหนดไว้ มี เหตุอน ั สมควรประการอืน ่ ศาลจะมีคาสั่ งอืน ่ ใดที่ จะแก้ ไขเปลี่ ย นแปลงค าสั่ งให้ เหมาะสมตามที่ ิ รรมก็ได้ เห็ นสมควรเพือ ่ ประโยชนแห ์ ่งความยุตธ ๓ . ศ า ล มี อ า น า จ ก า ห น ด ใ ห้ จ า เ ล ย ว า ง เ งิ น ต่ อ ศ า ล ห รื อ หาประกันมาให้ตามจานวนและภายในระยะเวลาที่ เห็ น สมควร หรือ จะก าหนดเงื่อ นไขใดๆ ตามที่ เห็ นสมควรก็ได้ ยกเว้น การฟ้องเรียกเงิน ห้าม 07/11/58 38 ๒) ข้ อเท็ จ จริง หรือ พฤติก ารณ ์ที่ศ าลอาศั ย เป็ น หลักในการมีคาสั่ งอนุ ญาตเปลีย ่ นแปลงไป (ม.๒๖๒) ๒.๑) หลักเกณฑ ์ ๑. เมือ ่ ศาลเห็ นสมควร หรือ ๒. จาเลยตามทีบ ่ ญ ั ญัตไิ ว้ใน ม. ๒๖๑ มี ค า ข อ ใ ห้ แ ก้ ไ ข ห รื อ ย ก เ ลิ ก วิ ธ ี ก า ร คุ้ ม ค ร อ ง ชัว ่ คราวของโจทก ์ ๒.๒) ลักษณะของคาขอ เช่นเดียวกับมาตรา ๒๖๑ 07/11/58 39 ๒.๓) ศาลที่จ ะยื่น ค าขอและศาลที่ม ีอ านาจ พิจารณาสั่ ง ๑. ศาลชั้น ต้ น ศาลอุ ท ธรณ ์หรือ ศาล ฎี ก า ที่ มี ค า สั่ ง อ นุ ญ า ต ให้ใช้วิธก ี ารชั่วคราวกอนพิ พากษา ซึ่งศาลนั้นๆ ่ มีอานาจในการพิจารณาสั่ ง (ม.๒๖๒ ว.๑) ๒ . ก ร ณี ที่ ม ี ก า ร อุ ท ธ ร ณ ์ ห รื อ ฎี ก า คัด ค้ านค าพิพ ากษาหรื อ ค าสั่ งชี้ ข าดตัด สิ นคดี และได้ยื่น ค าขอให้ แก้ ไขหรือ ยกเลิก ค าสั่ งให้ ใช้ วิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา (ม.๒๖๒ ว.๒) ่ ๒ . ๑ ศ า ล ชั้ น ต้ น ยั ง ไ ม่ ไ ด้ ส่ ง สานวนความไปยังศาลอุทธรณหรื ์ อศาลฎีกา ให้ ยื่น ค าขอต่อศาลชั้น ต้ น และให้ ศาลชั้น ต้ นเป็ นผู้ มีอ านาจที่จ ะสั่ งอนุ ญ าต หรือยกคาขอนี้ได (ต้องจา) 07/11/58 40 ๒.๒ ศาลชัน ้ ต้นส่งสานวนความ ไปยังศาลอุทธรณหรื ์ อศาลฎีกาแลว ้ ให้ยืน ่ คาขอตอศาลอุ ทธรณ ์ ่ หรือ ศาลฎีก าแล้ วแต่กรณี แล้ วให้ ศาลอุ ท ธรณ์ หรือ ศาลฎีก า แล้วแต่กรณี เป็ นผู้ มีอ านาจทีจ ่ ะ สั่ งอนุ ญาตหรือยกคาขอนี้ได้ ๒.๔) การพิจารณาของศาล ศาลจะมีคาสั่ งแก้ไขหรือยกเลิกวิธก ี าร ชัว ่ คราวกอนพิ พากษานั้นเสี ยก็ได้ ่ 07/11/58 41 ข้อพิจารณา ๑. กรณี ค าสั่ งคุ้ มครองชั่ว คราวก่อน พิพากษายังไมสิ่ ้ นผลบังคับ กรณีจ าเลยยื่นค าร้ องขอให้ เพิก ถอนค าสั่ งคุ้ มครองชั่ว คราวก่อนพิพ ากษา ศาล ชั้ น ต้ น ย ก ค า ร้ อ ง ศ า ล อุ ท ธ ร ณ ์ พิ พ า ก ษ า ยื น จ าเลยฎีก า ในระหว่ างพิจ ารณาของศาลฎีก า ปรากฏว่าศาลชั้น ต้ นพิพ ากษาให้ โจทก ชนะคดี ์ คาสั่ งดัง กล่าวจึง มีผ ลใช้ บัง คับ ต่อไปเท่าทีจ ่ าเป็ น เ พื่ อ ป ฏิ บั ติ ต า ม ค าพิ พ ากษาหรื อ ค าสั่ งของศาลตาม มาตรา ๒๖๐ (๒) ค าสั่ งดัง กล่าวจึ ง มิใ ช่ ค าสั่ งคุ้ มครอง ชั่ว คราวก่อนพิพ ากษาที่ศ าลจะมีค าสั่ งเพิก ถอน หรื อ แก้ ไขเปลี่ ย นแปลงค าสั่ งหรื อ ยกเลิ ก ตาม มาต ร า ๒๖๑ ม าต รา ๒ ๖๒ หรื อ มาต ร า 07/11/58 42 ๒. กรณี ค าสั่ งคุ้ มครองชั่ว คราวก่อน พิพากษาสิ้ นผลบังคับแลว ้ ไม่ มีค วามจ าเป็ นต้ องพิจ ารณา เพิกถอนคาสั่ งคุ้มครองชั่วคราวกอนพิ พากษาของ ่ ศาลชั้น ต้ นตามตามฎี ก าของจ าเลย (ฏ.๗๑๐๕/ ๒๕๓๙) ๓. เป็ นดุลพินิจของศาล ก า ร แ ก้ ไ ข เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ค า สั่ ง วิธ ีก ารชั่ว คราวก่อนพิพ ากษา ศาลมีอ านาจใช้ ดุลพินิจทีจ ่ ะแก้ไขโดยกาหนดวิธก ี ารชั่วคราวใหม่ ไดตามที เ่ ห็ นสมควรเพือ ่ ประโยชนแก ้ ์ คู ่ ความฝ ่ ่ ายที่ จะชนะคดีต่อไป โดยไม่จาต้องรอให้ คู่ความยืน ่ คาร้องขอเข้ามาอีกหรือต้องทาการไตสวนใหม ่ ่ (ฎ. 07/11/58 43 คาขอในเหตุฉุกเฉิน ๑) กรณี ที่จะยื่นคาขอ (ม.๒๖๖ ว.๑) ๑.๑) เป็ นกรณีตามมาตรา ๒๕๔ และ มีเหตุฉุกเฉินเพือ่ ให้ ศาลมีคาสัง่ หรือ ออกหมายตามทีโ่ จทกขอ ั ช้า ์ โดยไม่ชก ข้อพิจารณา ๑.๒) ๑. จ าเลยขอคุ้ มครองชั่ว คราวตามมาตรา ๒๕๓ ในเหตุฉุกเฉินไมได ่ ้ ๒. คูความขอคุมครองประโยชนตามมาตรา ๗ พ.ย. ๕๘ 44 ๒) วิธียื่นคาขอและลักษณะของคาขอ ๒.๑) ต้องยื่นคาขอเป็ น ๒ ฉบับ ๑. คาขอตามมาตรา ๒๕๔ ๒. คาขอแสดงให้ศาลเห็ นว่าคดีมเี หตุ ฉุ ก เฉิ น และขอให้ ศาลสั่ งเป็ นกรณี ฉุ ก เฉิ น ด้ วย (ฎ.๔๔๔/๒๔๙๐) ๒.๒) เป็ นคาขอฝ่ ายเดียวโดยเคร่งครัด ๗ พ.ย. ๕๘ 45 ๓) วิธีพิจารณาและชี้ขาดคาขอ (ม. ๒๖๖ ๓.๑) ว.๒) ให้ ศาลพิจารณาคาขอเป็ นการด่ วน (ม.๒๖๗ ว.๑) ๑. ศาลต้ องไต่ สวนโจทก ์เพี ย งฝ่ าย เดี ย ว จะให้ จ าเลยน าพยานหลัก ฐานเข้ าสื บ หักลางไม ได ้ ่ ้ ๒. ศาลต้องพิจารณาจากคาแถลงของ โจทก ์ หรือจากพยานหลักฐาน ทีโ่ จทกได ์ ้นามา สื บ หรือที่ ศาลได้เรียกมาสืบเอง 07/11/58 ๓.๒) เงื่อนไขที่ ศาลจะสังอนุ ่ ญาต ๑. คดีน้น ั เป็ นคดีมเี หตุฉุกเฉิน โดยให้ 46 ๓.๓) คาสังอนุ ่ ญาต (ม.๒๖๙) ๑. ให้ ศ าล มี ค าสั ง่ ห รื อ ออกหมาย ตาม ที่ ข อ ภายใน ขอบเขต และ เงื่ อ นไข ไปตามที่ เห็ นจาเป็ นทันที (ม.๒๖๗ ว.๑) ั ญัต ิไ ว้ ใน ๒. ให้ มีผ ลบัง คับ ตามที่บ ญ มาตรา ๒๕๘ และ ๒๕๘ ทวิ ๓. ศาลจะสั่ งให้โจทกรอการบั งคับคดี ์ ไวจนกว า่ ้ ๓.๑ ศาลจะได้วินิจฉัยชีข ้ าดคา ขอของจาเลยทีข ่ อให้ยกเลิกคาสัง่ หรือ 07/11/58 47 ๓.๔) คาสังให้ ่ ยกคาขอในเหตุฉุกเฉิน ๑. ศาลต้ องสั่ ง ยกค าร้ อ งขอฉุ ก เฉิ น ต า ม ม า ต ร า ๒ ๖ ๖ แ ล ะ ค าร้ อ งขอให้ ใ ช้ วิ ธี ก ารชัว่ คราวก่ อ นพิ พ ากษา ตามมาตรา ๒๕๔ โดยไม่ต้องพิจารณาเนื้ อหา ตามคาร้องขอให้ใช้วิธกี ารชัว่ คราวกอนพิ พากษา ่ ตามมาตรา ๒๕๔ (ฎ.๗๑๔๐/๒๕๔๗) ๒. ให้ เป็ นที่ สุด ไมว นคาสั่ งของ ่ าจะเป็ ่ ศ า ล ชั้ น ต้ น ห รื อ ศ า ล อุ ท ธ ร ณ ์ ( ม . ๒ ๖ ๗ ว . ๑ ตอนทาย ฎ.๔๐๗/๒๕๑๙ และ ฎ.๒๗๒๘/๒๕๒๖) ้ 07/11/58 ๓. ไม่ ตัด สิ ทธิโ จทก ์ที่ จ ะเสนอค าขอ 48 ข้อพิจารณา ๑. โจทกขอใช ี ารชั่วคราวกอนพิ พากษา ์ ้วิธก ่ โดยอ้ างเหตุ ฉุ กเฉิ น แต่ ศาลด าเนิ น กระบวน พิ จ ารณา แบบธรรมดา มิ ไ ด้ ด าเนิ น การตาม มาตรา ๒๖๗ และมาตรา ๒๖๙ ถ้ า ศาลยก ค าขอ ของโจทก ์ถื อ ว่ า เป็ นการยกค าขอเหตุ ธรรมดา คาสั่ งดังกลาว ่ ไม่เป็ นที่ สุดตามมาตรา ๒๖๗ วรรค ๑ ตอนทาย ้ (เทียบนัย ฎ.๑๕๐๙/๒๕๑๔) ๒. ศาลมีค าสั่ ง อนุ ญ าต ตามค าขอฉุ กเฉิ น เพีย ง บางส่ ว น สวน ที่ ศ าลไม่ อ นุ ญ าต นั้ น มีผ ล 07/11/58 49 ๓.๕) จาเลยขอให้ยกเลิกคาสังหรื ่ อหมาย ของศาล (ม.๒๖๗ ว.๒) ๑. จาเลยมีสิทธิยน ื่ คาขอโดยพลัน ให้ ศาลยกเลิกคาสั่ งหรือหมายตามคาขอของโจทกใน ์ เหตุฉุกเฉินได้ ๒. จ าเลยอาจท าเป็ นค าขอฝ่ ายเดี ย ว โดยไดรั ้ บอนุ ญาตจากศาล (ฎ.๖๑/๒๕๒๕) ๓. ให้ น าบทบัญ ญัต แ ิ ห่ งวรรคหนึ่ งมา ใช้บังคับโดยอนุ โลม กลาวคื อ ่ ๓.๑ ศาลต้ องพิจ ารณาค าขอ เป็ นการดวน ่ 07/11/58 50 ๔. ศาลมีคาสั่ งยกเลิกคาสังเด ่ ิ มตามคา ขอ คาสั่ งเช่นวานี ่ ้ให้ เป็ นที่ สุด โจทกอุ ์ ทธรณฎี ์ กา ไม่ได้ (คร.๗๑๔/๒๕๑๔, ฎ.๔๐๗/๒๕๑๙, ฎ.๑๑๑๒-๑๑๑๕/ ๒๕๓๖ และ ฎ.๔๓๔๓/๒๕๓๖) ฎี กาที่ ๒๘๖๖ /๒๕๕๐ ศาลชั้นต้นสั่ ง ห้ามชั่ว คราวฉุ ก เฉิ น จ าเลยร้ องขอให้ ยกเลิก โดยพลัน ตามมาตรา ๒๖๗ วรรค ๒ ศาลชั้น ต้ นยกค าร้ อง จาเลยอุทธรณ์ ได้ ศาลอุทธรณพิ ์ พากษากลับให้เพิกถอน คาสั่ งห้ามชั่วคราวทีศ ่ าลชัน ้ ต้นอนุ ญาตไปโดยฉุ กเฉิ นนั้น เสี ย คาพิพากษาศาลอุทธรณถึ ์ งที่ สุดตามมาตรา ๒๖๗ วรรค ๒ โจทก์ฎีกาไมได้ 07/11/58 ๕. ศาลมีค าสั่ งยกเลิก ค าสั่ งที่ไ ด้ ออก 51 ข้อพิจารณา ๑. จ าเลยจะฟ้ องแย้ งขอให้ เพิก ถอนหรื อ ยกเลิก ค าสั่ งในเหตุ ฉุ ก เฉิ น และเรีย กค่าเสี ยหาย ไมได ่ ้ (ฎ.๑๕๗๔/๒๕๑๙) จาเลยต้องดาเนินการตาม มาตรา ๒๖๗ และมาตรา ๒๖๓ ๒. ค าสั่ งของศาลที่ใ ห้ ยกเลิก ค าสั่ ง ในเหตุ ฉุ กเฉินให้เป็ นที่ สุด ไม่ว่าจาเลยจะขอโดยอาศั ย มาตรา ๒๖๗ วรรค ๒ หรือ มาตรา ๒๖๒ และไม่ว่าศาลจะพิจ ารณาค าขอของจ าเลย เป็ น กรณี ฉุกเฉินตามมาตรา ๒๖๗ วรรค ๒ หรือ กรณี ธรรมดา หรือพิจารณาฝ่ ายเดี ยวหรือสอง ฝ่ าย (ฎ.๑๑๔๒/๒๕๒๕ 07/11/58 และ ๓๕๒๙/๒๕๓๙) 52 ๔. โจทกยื ่ คาร้องขอใช้วิธก ี ารชัว ่ คราวโดย ์ น มีคาขอในกรณีมเี หตุฉุกเฉิน ให้ศาลสั่ งห้ามผู้ร้อง ซึ่ ง เ ป็ น ผู้ อ า วั ล ตั๋ ว สั ญ ญ า ใ ช้ เ งิ น จ่ า ย เ งิ น ต า ม ตั๋วสั ญญาใช้เงินนั้น ศาลชั้นต้นมีคาสั่ งให้อายัด การใช้เงินเป็ นการชัว ่ คราว ตอมาผู ร น ่ คารอง ่ ้ องยื ้ ้ ขอให้ ศาลเพิก ถอนค าสั่ งอายัด ดัง กล่ าว ศาล ชั้น ต้ นมีค าสั่ งยกเลิก ค าสั่ งอายัด จึง เป็ นกรณี ท ี่ บุคคลภายนอก คือผู้ร้องถูกหมายอายัด และขอ เพิกถอนคาสั่ ง ไม่ใช่กรณี ที่จาเลยเป็ นผู้ถูกหมาย อ า ยั ด แ ล ะ เ ป็ น ผู้ขอให้ยกเลิกตามมาตรา ๒๖๗ จึงต้ องอาศัย บทบัญญัตม ิ าตรา ๒๕๙ นามาตรา ๓๑๒ ซึ่ ง 07/11/58 53 ๕. โจทกยื ่ คาร้องขอคุ้มครองชั่วคราวกอน ์ น ่ พิพากษาและยืน ่ คาขอในเหตุฉุกเฉิ น ศาลชัน ้ ต้ น นัด ไต่สวนค าร้ องของโจทก หลั ์ ง วัน ยื่น ค าร้ องถึง ๘ วัน จึง มิ ใ ช่ เ ป็ นการพิ จ ารณาเป็ นการด่ ว น ตามมาตรา ๒๖๗ ถือว่าศาลชั้นต้นดาเนินการ ไต่สวนคาร้องของโจทกอย่ ์ างวิธีธ รรมดา ศาล ชั้น ต้ นไต่ สวนแล้ วมีค าสั่ งอนุ ญาตให้ ใช้ วิธ ีก าร ชั่ ว ค ร า ว ก่ อ น พิ พ า ก ษ า ต า ม ค า ข อ ข อ ง โ จ ท ก ์ จาเลยขอให้ยกเลิกคาสั่ ง ศาลชัน ้ ต้ นยกคาร้อง จ าเลยอุ ท ธรณ ์ค าสั่ ง ศาลอุ ท ธรณ ์พิพ ากษายก คาสั่ งศาลชัน ้ ตน ้ คาสั่ งของศาลอุทธรณจึ ์ งไม่เป็ น 07/11/58 54 ยุติการบรรยาย ถาม-ตอบ