วิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ภาคสอง สมัยที่ ๖๗ โดย อาจารยนริ ์ นทร ตัง้ ศรีไพโรจน์ วันอาทิตยที ์ ่ ๒๒ กุมภาพันธ ์ ๒๕๕๘

Download Report

Transcript วิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ภาคสอง สมัยที่ ๖๗ โดย อาจารยนริ ์ นทร ตัง้ ศรีไพโรจน์ วันอาทิตยที ์ ่ ๒๒ กุมภาพันธ ์ ๒๕๕๘

วิธก
ี ารชัว
่ คราวกอนพิ
พากษา
่
ภาคสอง สมัยที่ ๖๗
โดย
อาจารยนริ
์ นทร ตัง้ ศรีไพโรจน์
วันอาทิตยที
์ ่ ๒๒ กุมภาพันธ ์
๒๕๕๘
วิธก
ี ารคุมครองคู
ความ
้
่
๑) บทกฎหมาย
๒) บุคคลทีจ
่ ะขอความคุมครอง
้
๓) วิธก
ี ารทีจ
่ ะนามาใช้
๔) เงือ
่ นไขทีจ
่ ะไดรั
้ บอนุ ญาต
๕) หลักเกณฑการร
องขอ
์
้
๖) ศาลทีจ
่ ะทาการไตสวนและพิ
จารณาสั่ ง
่
๗) คาสั่ งของศาล
๘) บทคุมครองฝ
้
่ ายตรงขาม
้
06/11/58
2
บทกฎหมาย
มาตรา ๒๖๔
นอกจากกรณี ท ี่ บ ัญ ญัต ิ ไ ว้ ใน
มาตรา ๒๕๓ และมาตรา ๒๕๔ คูความชอบที
่
่
จะยืน
่ คาขอตอศาล
เพือ
่ ให้มีคาสั่ งกาหนดวิธก
ี าร
่
เพื่อ คุ้ มครองประโยชน์ของผู้ ขอในระหว่างการ
พิจ ารณาหรือ เพื่อ บัง คับ ตามค าพิพ ากษา เช่ น
ให้นาทรัพยสิ์ นหรือเงินทีพ
่ พ
ิ าทมาวางตอศาลหรื
อ
่
ต่ อ บุ ค คลภ าย น อก ห รื อ ใ ห้ ตั้ ง ผู้ จั ด ก ารห รื อ
ผู้รักษาทรัพยสิ์ นของห้างร้านทีท
่ าการค้าทีพ
่ พ
ิ าท
หรือให้จัดให้บุคคลผู้ไร้ความสามารถอยูในความ
่
ปกครองของบุคคลภายนอก
๖ พ.ย. ๕๘
3
บุคคลที่จะขอความคุ้มครอง
๑) โจทก ์
๒) จาเลย
๓) ผูร
ศ
่ าลอนุ ญาตให้เขามาในคดี
้ องสอดที
้
้
ฎี กาที่ ๔๗๔๑/๒๕๓๓ ผู้ทีจ่ ะร้องขอให้ศาลมีคาสั่ ง
เพือ
่ คุ้มครองประโยชนในระหว
างพิ
จารณาหรือเพือ
่ บังคับ
่
์
ตามคาพิพากษาตามมาตรา ๒๖๔ ต้องเป็ นคูความในคดี
ท ี่
่
ขอให้ ศาลมีค าสั่ งคุ้ มครองนั้น ผู้ ร้ องสอดเพีย งแต่ยื่น ค า
รองขอเข
ามาเป็
นคูความ
เมือ
่ ศาลชัน
้ ตนมี
้
้
่
้ คาสั่ งไมอนุ
่ ญาต
ให้ ผู้ ร้ องสอดเข้ ามาเป็ นคู่ ความ ผู้ ร้ องสอดจึ ง ไม่ มีสิ ทธิ
ขอให
ศาลมี ค าสั่ งคุ้ มครองประโยชน์ ตามบทบัญ ญัต4 ิ
๖ พ.ย. ๕๘ ้
ข้อพิจารณา
๑) เจ้าหนี้ตามคาพิพากษาในคดีอน
ื่ ขอไมไ
่ ด้
(ฏ.๓๒๒/๒๕๐๒)
๒) ผู้ คัด ค้ านที่ศ าลชั้น ต้ นมีค าสั่ งไม่ รับ ค า
คัดคาน
(ฎ.๗๖๖๗/๒๕๕๑)
้
๖ พ.ย. ๕๘
5
วิธีการที่จะนามาใช้
นอกจากกรณี ท ี่ บ ัญ ญัต ิ ไ ว้ ในมาตรา ๒๕๓
และมาตรา ๒๕๔ เช่น
๑) นาทรัพย์สินหรือเงินที่ พิพาทมาวางต่ อศาล
หรือต่อบุคคลภายนอก
ฎี ก าที่ ๙๕๔ / ๒๕๑๐ โจทก ฟ์ ้ องขอแบ่งทรัพ ย สิ์ น
รวมทัง้ รายไดที
างเป็
นสามีภริยาโดยมิชอบดวย
้ ไ่ ดมาระหว
้
่
้
กฎหมาย ชัน
้ ไตสวนเพื
อ
่ ให้ศาลมีคาสั่ งกาหนดวิธก
ี ารเพือ
่
่
คุ้มครองประโยชนของโจทก
ในระหว
างพิ
จารณาไดความ
่
้
์
์
วา่ โจทกกั
วยกฎหมาย
่
้
์ บจาเลยเป็ นสามีภริยาโดยไมชอบด
และอยู
ร่ วมกั
นทีโ่ รงแรมและบ้านเช่าอันเป็ นส่วนหนึ่งของ6
๖
พ.ย. ๕๘
่
ฎี กาที่ ๙๔๐/๒๕๑๖ โจทกฟ์ ้ องขอให้เพิกถอนการ
ให้ โดยอ้ างว่าได้จดทะเบีย นโอนทีด
่ น
ิ พิพ าทและสิ่ งปลูก
สร้ างโดยขาดเจตนา ย่ อมขอให้ ศาลสั่ งก าหนดวิธ ีก าร
คุ้มครองประโยชนในระหว
างพิ
จารณา โดยให้จาเลยนา
่
์
เงินคาเช
จคดี
่ ่ าห้องแถวพิพาทนับแตวั
่ นฟ้องจนกวาจะเสร็
่
มาวางศาลได้ เพราะถ้าศาลพิพากษาให้เพิกถอน โจทก ์
ย่ อมมีสิ ทธิใ นเงิน ค่ าเช่ าห้ องแถวนั บ แต่ วัน จดทะเบีย น
สั ญญาให้ มิใช่ตัง้ แตวั
่ นศาลพิพากษาให้เพิกถอนดังฟ้อง
ขอให้เพิกถอนการให้เพราะเหตุผ้รั
ู บประพฤติเนรคุณ
๖ พ.ย. ๕๘
7
ฎี กาที่ ๕๙๘๒ /๒๕๔๙ จาเลยฟ้องแย้งขอให้แบ่ง
เงิน ๔ ล้านบาท โดยอ้างวา่ เป็ นทรัพย์สินที่ หามาได้
ร่วมกันระหวางอยู
กิ
่
่ นฉันสามีภริยา จึงถือวา่ เงินจานวน
ดังกล่าวเป็ นทรัพย์สินที่พิพาทตามฟ้ องแย้งทีจ่ าเลยจะมี
สิ ทธิร้ องขอให้ คุ้ มครองประโยชน์ ของตนในระหว่ าง
พิจารณาได้ และเมือ
่ ปรากฏข้อเท็จจริงในชัน
้ ไตสวนว
า่
่
โจทก์จ าเลยเป็ นสามี ภ ริ ย าโดยไม่ ช อบด้ ว ยกฎหมาย
เงินจานวนทีพ
่ พ
ิ าทกันมีการนาไปฝากทีบ
่ ริษท
ั เงินทุนโดย
ไดออกเป็
นตัว
๋ สั ญญาใช้เงินให้ในนามของจาเลย ตอมา
้
่
มีก ารเปลี่ย นชื่อ ในตั๋ว สั ญ ญาใช้ เงิน เป็ นชื่อ โจทก ์ และ
โจทกได
จากข้อเท็จจริง
่
์ ้เบิกถอนเงินจานวนดังกลาวไป
ดัง กล่ าว หากในที่ สุ ด แล้ วศาลพิ พ ากษาให้ แบ่ งเงิ น
จ านวนดัง กล่ าวแก่ จ าเลยกึ่ ง หนึ่ ง จ าเลยก็ จ ะได้ รับ
๖
พ.ย. ๕๘
ประโยชน
จากการที
ศ
่ าลมีคาสั่ งให้คุ้มครองประโยชนตาม
์
์ 8
กรณี ไ ม่ ใ ช่ ค าร้ อ งขอให้ น าทรัพ ย์สิ น หรื อ
เ งิ น ที่ พิ พ า ท ม า ว า ง ต่ อ ศ า ล ห รื อ ต่ อ
บุคคลภายนอก
ฎี กาที่ ๔๕๙๒ / ๒๕๓๙
ก า ร ร้ อ ง ข อ คุ้ ม ค ร อ ง
ประโยชนในระหว
างพิ
จารณาตามมาตรา ๒๖๔ คูความ
่
่
์
ฝ่ ายใดในคดี น้ั น ๆ จะร้ องขอก็ ไ ด้ แต่ จะต้ องเป็ นการ
คุ้ ม ค ร อ ง ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง ผู้ ร้ อ ง ข อ เ พื่ อ ใ ห้
ทรัพยสิ์ น สิ ทธิ หรือประโยชนอย
างหนึ
่ งทีพ
่ พ
ิ าท
่
่
์ างใดอย
กันในคดีน้น
ั ได้รับความคุ้มครองไว้จนกวาศาลจะได
่
้มีคา
พิพ ากษา กรณีท ี่จ าเลยที่ ๑ ฟ้ องแย้ ง ขอให้ โ จทก์ ช าระ
เงินเช่นในคดีนี้
๖ พ.ย. ๕๘
มิใช่พิพาทกันด้วยทรัพยสิ์ นหรือสิ ทธิ
9
ตัง้ ผู้จดั การ หรือผู้รกั ษาทรัพย์สินของห้ าง
ร้านทีท่ าการคา้ ที่พิพาท
๒)
ฎี กาที่ ๔๒๗๗/๒๕๔๓ จาเลยทัง้ สองเป็ นผู้ถือหุ้น
ข้างน้ อยและเป็ นผูบ้ ริหารของบริษทั ที่พิพาท จาเลยทัง้
สองร่วมกับ บุ ค คลภายนอก ปลอมรายงานการประชุ ม
วิ ส ามัญ ผู้ถือ หุ้ นว่า ที่ป ระชุ มผู้ ถือ หุ้ นมีม ติป ลดโจทก ที์ ่
๖
อ อ ก จ า ก ก ร ร ม ก า ร
ผู้มีอานาจทาการแทนบริษัททีพ
่ พ
ิ าท และตัง้ จาเลยที่ ๒
เป็ นกรรมการผู้มีอานาจกระทาการแทนทีโ่ จทกที
์ ่ ๖ จึง
เป็ นกรณี ท ี่โ จทก ทั
์ ้ง หก มี เ หตุ ส มควร ที่จ ะขอให้ ศาลมี
๖ พ.ย. ๕๘
10
คาสั่ งเพือ
่ คุ้ มครองประโยชน์ของโจทกทั
ง
้
หกในระหว
าง
่
์
พิพ าทได้ ทัง้ เป็ นค าสั่ งเพือ
่ คุ้ มครองประโยชน์ชั่วคราว
ในระหว่ างพิจ ารณาไว้ จนกว่ าศาลจะได้ มีค าพิพ ากษา
เทานั
่ ้น จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็ นแก้ไขหรือเพิกถอนอานาจ
กรรมการที่ได้จดทะเบียนไว้
ส่วนการกาหนดให้ ผ้จ
ู ดั การจานวน ๔ ใน ๗ คน
ลงลายมื อ ชื่ อ ร่ ว มกัน มีอ านาจกระท าการแทนบริษั ท
พิพ าทได้ นั้ น ก็ เ ป็ นกรณี เ กี่ ย วกับ การก าหนดวิธ ี ก าร
คุ้ มครองประโยชน์ ของโจทก ์ทั้ง หก ในอัน ที่ จ ะท าให้
บริ ษัท ที่ พิ พ าทสามารถด าเนิ นกิ จ การไปได้ โ ดยไม่ มี
ปัญหาในระหวางพิ
จารณากอนที
ศ
่ าลจะไดพิ
่
่
้ พากษา
ในความ
๓) จัดให้บุคคลผูไร
่
้
้ ความสามารถอยู
๖ พ.ย. ๕๘
11
เงื่อนไขที่จะได้รบั อนุญาต
๑) ตองเป็
นคูความในคดี
้
่
๒) คดีอ ยู่ในระหว่างพิจ ารณาของศาลใดศาล
หนึ่ง
ฎี ก าที่ ๔๒๑ / ๒๕๒๔ ค าว่า “ การพิ จ ารณา ” ตาม
มาตรา ๑ (๘) หมายความว่ า กระบวนการพิจ ารณา
ทัง้ หมดในศาลใดศาลหนึ่ง กอนศาลนั
้นชีข
้ าดตัดสิ นหรือ
่
จ าหน่ ายคดีโ ดยค าพิพ ากษาหรือ ค าสั่ ง และ
“ การ
จาหน่ ายคดี” นั้น หมายถึง การทีศ่ าลมีคาสั่ งให้จาหน่าย
คดีเสี ยจากสารบบความตามมาตรา ๑๓๒ ซึ่งมีผลให้คดี
เสร็จเด็ดขาดไปจากศาลทีม
่ ค
ี าสั่ งให้จาหน่ายคดีน้น
ั
การทีค
่ ูความร
้ ต้นรอฟังผลของคา
่
้องขอให้ศาลชัน
พิพ.ย.
พากษาในคดี
อน
ื่ เพือ
่ อาศั ยเป็ นหลักในการชีข
้ าดตัดสิ น12
๖
๕๘
การนั่ง พิจารณาไปนั่นเอง หาใช่เป็ นการสั่ งจาหน่ายคดี
เสี ยจากสารบบความตามมาตรา ๑๓๒ ไม่ คดีจงึ ยังอยูใน
่
ระหว่างการพิจ ารณาของศาลชั้นต้ น ซึ่ง ศาลชั้น ต้นจะมี
ค าสั่ งให้ เริ่ ม การนั่ ง พิ จ ารณาต่ อไปในวัน ใดๆ ตามที่
เห็ นสมควรก็ได้ ดังนั้น โจทกย
สิทธิร้องขอในเวลา
่
์ อมมี
ใดๆ ก่อนค าพิพ ากษาเพื่อ ให้ ศาลมีค าสั่ งคุ้ มครองอย่าง
ใดๆ ตามมาตรา ๒๕๔ และมีสิ ทธิร้ องขอให้ ศาลมีค าสั่ ง
กาหนดวิธก
ี ารเพือ
่ คุ้มครองประโยชนมาตรา
๒๖๔ ไดด
้ วย
้
์
๓) เพือ
่ คุ้มครองประโยชน์ของผู้ขอในระหว่าง
การพิจารณา หรือเพือ
่ บังคับตามคาพิพากษา
๖ พ.ย. ๕๘
13
ข้อพิจารณา
๑. กรณี เ พื่ อ คุ้ ม ครองประโยชน์ ข องผู้ข อใน
ระหว่างพิจารณา
แ น ว ค า พิ พ า ก ษ า ศ า ล ฎี ก า มั ก จ ะ ใ ห้
ความหมายไปในทานองที่ ว่า จะต้องเป็ นการ
ขอคุ้ ม ครองประโยชน์ ข อ ง ผู้ ร้ อ ง ข อ เพื่ อ ให้
ทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์ อยางใดอย
างหนึ
่งที่
่
่
พิ พาทกัน ในคดี น้ั น ได้ รับ ความคุ้ มครองไว้
จนกว่ าศาลจะได้ มี ค าพิ พ ากษาหรื อ เพื่ อ ความ
สะดวกในการทีจ
่ ะบังคับคดีตามคาพิพากษา
๖ พ.ย. ๕๘
14
ฎี กาที่ ๕๕๐๙/๒๕๔๕ โจทกกั์ บจาเลยทัง้ สี่ พิพาท
กัน เกี่ย วกับ กรรมสิ ทธิใ์ นที่ด น
ิ พิพ าท เจ้ าพนัก งานที่ด น
ิ
สอบสวนเปรีย บเทีย บแล้ วมีค าสั่ งให้ ออกโฉนดที่ด น
ิ แก่
จ
า
เ
ล
ย
ทัง้ สี่ ตามประมวลกฎหมายทีด
่ น
ิ ฯ มาตรา ๖๐ เมือ
่ จาเลยทัง้
สี่ ไดรั
่ น
ิ แล้วอาจมีการโอนทีด
่ น
ิ พิพาทตอไป
ซึ่ง
้ บโฉนดทีด
่
หากศาลพิพ ากษาในภายหลัง ว่ าที่ ด ิน พิพ าทเป็ นของ
โจทก ์ โจทก อาจได
้รับ ความเสี ยหาย กรณี ม ีเ หตุ ส มควร
์
ก าหนดวิธ ีก ารคุ้ มครองประโยชน์ของโจทก ในระหว
่าง
์
พิจารณาตามมาตรา ๒๖๔
ฎี ก าที่ ๗๓๔๐ / ๒๕๔๒ การขอคุ้ มครองชั่ว คราว
ระหวางพิ
จารณาตามมาตรา ๒๖๔ บัญญัตใิ ห้คูความฝ
่
่
่ าย
ใดฝ
๖ พ.ย. ๕๘
่ ายหนึ่ ง มีสิ ทธิท ี่จ ะยื่น ค าร้ องขอคุ้ มครองประโยชน15์
เพื่ อ ให้ ท รัพ ย์สิ น สิ ท ธิ
หรือประโยชน์ อย่างใดอย่างหนึ่ งที่ พิพาทกันใน
คดีนัน้ ได้รบั ความคุ้มครอง หมายถึง
(๑) ถ้าโจทก์เป็ นผู้ร้องขอต้องเกีย
่ วกับ
๑.๒ ค าว่า
คาฟ้อง หรือคาขอทายฟ
้
้ อง
( ๒ ) ถ้ า จ าเลยเป็ นผู้ ร้ อ งขอ ต้ อ ง
่ อให้ยกฟ้อง หรือคาขอท้าย
เกีย
่ วกับคาให้การทีข
ฟ้องแยง้ โดยไม่จาเป็ นต้องมีการฟ้ องแย้งเสมอ
ไป
06/11/58
16
กรณี ตวั อย่าง
๑. กรณี ไม่ เ กี่ ย วกับ ทรัพ ย ์สิ น
สิ ทธิ หรื อ
ประโยชนอย
างหนึ
่งทีพ
่ พ
ิ าทกันในคดี
์ างใดอย
่
่
๑.๑
โจทก์ร้องขอ
ฎี ก าที่ ๑๑๖๑ / ๒๕๕๑
โ จ ท ก ์ ที่ ๑ ท า
สั ญญาขายฝากที่ ด ิ น โฉนดเลขที่ ๑๐๓๔๐๓ และ
บ้ านเลขที่ ๒๐/๕ แก่จ าเลย ส่ วน ม. ภริย าโจทก ที
์ ่
๑ ซึ่ง เป็ นมารดาโจทก ที
่ น
ิ
์ ่ ๒ ท าสั ญ ญาขายฝากทีด
โฉนดเลขที่ ๗๕๘๙๓๒ แกจ
่ าเลย แล้วไมได
่ ้ใช้สิ ทธิ
ไถ่ถอนภายในกาหนด ทีด
่ น
ิ ของโจทกที
์ ่ ๑ และ ม.
จึง ตกเป็ นกรรมสิ ทธิข
์ องจ าเลย ซึ่ง ไม่มีบ ทบัญ ญัตใ
ิ ดที่
บัญญัตใิ ห้ทีด
่ น
ิ ของจาเลยส่วนทีโ่ จทกทั
์ ง้ สองปลูกบ้านทั17ง้
06/11/58
สี่ หลัง ตกเป็ นภาระจ ายอมแกบานทัง้ สี่ หลัง ของโจทกทั้ง
ฎี ก าที่ ๑๔๐๘๘ / ๒๕๕๑ เมื่อ ทรัพ ย ที์ ่โ จทก น์ ายึด
เป็ นสิ นสมรส อัน เป็ นทรัพ ย สิ์ นที่ผู้ ร้ องกับ จ าเลยที่ ๑
เป็ นเจ้าของรวมกั
น โจทกซึ
่
์ ่งเป็ นเจ้าหนี้ตามคาพิพากษา
ยอมมี
สิทธินายึดและขายทอดตลาดไดทั
่
้ ง้ แปลง ผู้ร้องคง
มีสิทธิขอกันส่วนของตนตามมาตรา ๒๘๗ จากเงินทีไ่ ด้
จากการขายทอดตลาดเท่ านั้ น จึ ง ไม่ สมควรมี ค าสั่ ง
กาหนดวิธก
ี ารเพือ
่ คุ้มครองประโยชนของผู
้ร้อง โดยให้
์
ระงับการขายทอดตลาดทรัพยไว
างการอุ
ทธรณ ์
้
่
์ ในระหว
ฎี กาที่ ๖๑๐/๒๕๔๓ โจทกฟ์ ้ องขอให้ ขบั ไล่จาเลย
และเรียกค่ าเสี ยหาย หากโจทกชนะคดี
โจทกจะได
้เงิน
์
์
คาเสี
่ ยหายจากการกระทาละเมิดของจาเลย โจทก์ไม่ได้
ฟ้ องเรี ยกเอาเงินค่าเช่าอาคาร
๖ พ.ย. ๕๘
สิ่ งปลู ก สร้ าง หาบเร18่
ฎี กาที่ ๑๓๖๐ /๒๕๕๐
การที่โ จทก ทั
์ ง้ สอง
ยืน
่ คารองขอให
่ อ
ี ยูและ
้
้ศาลมีคาสั่ งอายัดเงินของจาเลยทีม
่
ทีจ
่ ะได้รับจากการประกอบกิจการ โดยให้จาเลยส่งเงิน
ทัง้ หมดมาเก็ บ รัก ษาไว้ ทีศ
่ าลจนกว่าจะมีค าพิพ ากษาถึง
ที่สุ ด นั้น มีผ ลเท่ากับ บัง คับ ให้ จ าเลยน าเงิน มาวางศาล
เพื่ อ เอาช าระหนี้ ใ ห้ โจทก ์เป็ นการร้ องขอตามมาตรา
๒๖๔ แต่ การร้ องขอดัง กล่ าวจะต้ องเป็ นการคุ้ มครอง
ประโยชน์ของผู้ ร้ องขอ เพื่อ ให้ ทรัพ ย สิ์ น สิ ท ธิ หรือ
ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ งทีพ
่ พ
ิ าทกันในคดีได้รับการ
คุ้มครองไว้จนกวาศาลจะได
่
้มีคาพิพากษา กรณี ที่โจทก์
ทัง้ สองฟ้ องให้ จาเลยชาระเงินซึ่งเป็ นค่าขาดประโยชน์
มาด้ ว ย มิใ ช่ พิ พ าทกัน ด้ วยทรัพ ย ์สิ นหรื อ สิ ทธิห รื อ
ประโยชน์ ที่จ ะร้ องขอเพื่อ ให้ ได้ รับ ความคุ้ มครองตาม19
06/11/58
ฎี ก าที่ ๙๔๐๔ / ๒๕๕๕ ตามค าขอท้ายฟ้ อง
ของโจทกเป็
่ งทีโ่ จทกขอให
่ น
ิ
้ จาเลยส่งมอบโฉนดทีด
์ นเรือ
์
ทัง้ ๑๑ แปลง ให้ แก่โจทก ์ หากจ าเลยไม่ปฏิบ ต
ั ใ
ิ ห้
ถื
อ
เ
อ
า
คาพิพากษาของศาลเป็ นเสมือนคาสั่ งตอเจ
่ น
ิ
่ ้าพนักงานทีด
ให้ออกใบแทนโฉนดทีด
่ น
ิ ทัง้ ๑๑ แปลง ให้แกโจทก
่
์
และให้โจทกมี
์ อานาจดาเนินการจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก ์
และทายาทเป็ นผู้ ถือ กรรมสิ ทธิร์ ่วมกัน แต่ตามค าร้ อง
ของโจทกที
่ อให้ศาลอุทธรณมี
ี ารเพือ
่
์ ข
์ คาสั่ งกาหนดวิธก
คุ้มครองประโยชนของโจทก
ในระหว
างการพิ
จารณาตาม
่
์
์
มาตรา ๒๖๔ เป็ นเรือ
่ งทีโ่ จทกขอให
่ ด้
้ จาเลยนาเงินทีไ
์
จากการขายที่ด ิน โฉนดเลขที่ ๔๗๐๗ ซึ่ ง เป็ นที่ด ิน
พิพาทมาวางศาล และให้มีคาสั่ งอายัดทีด
่ น
ิ พร้อมสิ่ งปลูก
สร้ างที่พ ิพ าทในคดีนี้ ท ้งั ๑๑ แปลง ตามค าขอท้ าย
ฟ
คาพิพากษาถึ20ง
้ องของโจทกไว
่
์ ้ชั่วคราวจนกวาศาลจะมี
๖ พ.ย. ๕๘
ที่ สุ ด เมื่ อ ขอเท็ จจริ ง ปรากฏตามค ารองของโจทก
โจทก ์ ทัง้ ตามคาร้องของโจทกไม
ามี
่
่ พฤติการณ ์
์ ปรากฏว
ใ ด ที่ แ ส ด ง ใ ห้ เ ห็ น ว่ า จ า เ ล ย จ ะ
ยักยาย
ถายเท
โอน ขาย จาหน่ายทีด
่ น
ิ พิพาทส่วนที่
้
่
เหลือตามคาร้องของโจทก ์ รูปคดีจึงไมมี
ั สมควร
่ เหตุอน
จะมีคาสั่ งกาหนดวิธก
ี ารเพือ
่ คุ้มครองประโยชนของโจทก
์
์
ในระหวางพิ
จารณาตามมาตรา ๒๖๔
่
๖ พ.ย. ๕๘
21
๑.๒
จาเลยร้องขอ
ฎี กาที่ ๓๙๐๐ /๒๕๓๒ โจทกจ์ าเลยพิพาท
กัน เรื่ อ งกรรมสิ ทธิท
์ ี่ ด ิน จ าเลยมิไ ด้ ฟ้ องแย้ งขอแสดง
กรรมสิ ทธิห
์ รือ เรีย กค่ าเสี ยหายมาด้ วย เมื่อ ศาลชั้น ต้ น
พิพากษาวาที
่ น
ิ พิพาทเป็ นของโจทก ์ จาเลยจะร้องขอให้
่ ด
ศาลสั่ งให้โจทกเอาผลประโยชน
ที
้ บมาวางศาลจนกวา่
์
์ ไ่ ดรั
คดีจะถึงทีส
่ ุดหาได้ไมเพราะผลทางคดี
ถ้าจาเลยเป็ นฝ่าย
่
ชนะศาลก็ จ ะพิพ ากษายกฟ้ องโจทก ไปเท
่านั้ น ไม่มีผ ล
์
บังคับไปถึงผลประโยชนของที
ด
่ น
ิ ตามทีจ
่ าเลยขอคุ้มครอง
์
(ยืนตาม ฎ.๑๔๖๓/๒๕๑๕)
๖ พ.ย. ๕๘
22
ฎี ก าที่ ๕๗๒๒ / ๒๕๕๑ ผู้ ร้ องกับ ผู้ คัด ค้ าน
มิได้พิพาทกันเกีย
่ วกับสิ ทธิเรียกร้องเอาทรัพยสิ์ นซึ่งเป็ น
มรดกของผู้ตายแตอย
คงพิพาทกันเพียงวา่ ผู้ร้อง
่ างใด
่
ห
รื
อ
ผู้คัดค้านสมควรเป็ นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ประโยชน์
ของผู้คัดค้านในคดีนี้จึงอยูที
่ ารจะได้เป็ นผู้จัดการมรดก
่ ก
ของผู้ ตายหรือ ไม่เท่านั้ น ไม่ได้ อยู่ที่ก ารจะได้ รับ ส่ วน
แบ่ งในทรั พ ย ์ มรดกของผู้ ตาย ค าร้ องขอคุ้ มครอง
ชัว
่ คราวของผู้คัดค้านทีข
่ อให้อายัดทรัพยมรดกและห
้ามผู้
์
ร้ องท านิ ต ิก รรมใดเกี่ย วกับ ทรัพ ย มรดกจึ
ง ไม่ เกี่ย วกับ
์
ประโยชน์ ของผู้ คัด ค้ านที่ม ีอ ยู่ในคดี อัน พึง จะต้ องให้
ศาลมีค าสั่ งก าหนดวิธ ีก ารเพื่อ คุ้ มครองในระหว่ างการ
พิจารณาหรือเพือ
่ บังคับตามคาพิพากษาดังบัญญัตไิ ว้ใน
๖
พ.ย. ๕๘
23
มาตรา
๒๖๔ (ยืนตาม ฎ.๒๘๒๐/๒๕๓๙)
คร . ท . ๘๐ / ๒๕๕๔
การร้ องขอคุ้ มครอง
ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ร ะ ห ว่ า ง พิ จ า ร ณ า ต า ม ม า ต ร า ๒ ๖ ๔
คู่ความฝ่ ายใดในคดีจ ะร้ องขอก็ ไ ด้ แต่จะต้ องเป็ นการ
คุ้มครองประโยชนของผู
่ ให้ทรัพยสิ์ น สิ ทธิ หรือ
้ขอเพือ
์
ประโยชน์ อย่ างใดอย่ างหนึ่ งที่ พ ิ พ าทกัน ได้ รับ ความ
คุ้ มครองไว้ จนกว่ าศาลจะมีค าพิพ ากษาหรือ เพื่อ ความ
สะดวกในการทีจ
่ ะบังคับตามคาพิพากษาตอไป
่
โจทกและจ
าเลยพิพาทกันเรือ
่ งกรรมสิ ทธิใ์ น
์
ทีด
่ น
ิ พิพาท โดยจาเลยฟ้องแตเพี
ยน
่ ยงให้โจทกจดทะเบี
์
ไถถอนการขายฝากที
ด
่ น
ิ พิพาท หาได้ฟ้องเรียกร้องให้
่
โจทกช
จ
่ ยหายอยางใดแก
่
่ าเลยไม่ จาเลยจึงไม่
์ าระคาเสี
อาจร้ องขอให้ ศาลสั่ งให้ โจทก เอาผลประโยชน
์
์ที่ไ ด้ รับ
จากทีด
่ น
ิ พิพ าทมาวางศาลจนกว่าคดีจ ะถึง ทีส
่ ุ ด เพราะ
เป็ นการขอนอกเหนื อไปจากประโยชน์ทีพ
่ พ
ิ าทกันในคดี
และมิ
ใช่เพือ
่ บังคับตามคาพิพากษาตามมาตรา ๒๖๔ 24
๖ พ.ย. ๕๘
๒ . กรณี เกี่ ยวกั บ ท รั พ ย ์ สิ น สิ ท ธิ ห รื อ
ประโยชนอย
างหนึ
่งทีพ
่ พ
ิ าทกันในคดี
์ างใดอย
่
่
๒.๑
โจทก์ร้องขอ
ฏี ก าที่ ๓๑๖๖ / ๒๕๒๔
แม้ อ านาจในการ
แต่ งตั้ง ผู้ อ านวยการองค ์ การโทรศั พท ์ฯ จะเป็ นของ
คณะกรรมการองคการโทรศั
พ ทฯ์ ก็ ตาม แต่โจทก ก็
ิ ด้
์
์ มไ
ขอให้ศาลเป็ นผู้ใช้อานาจในการแตงตั
ิ าทกันโดย
่ ง้ คดีพพ
โจทก ์ซึ่ ง เป็ นผู้ อ านวยการองค ์การโทรศั พ ท ฯ
์ ฟ้ องว่ า
จาเลยเลิกจ้างโดยไมเป็
่ นธรรมขอให้บังคับจาเลยรับโจทก ์
กลับ เข้ าท างานในต าแหน่ งเดิม ตามข้ อตกลงเกี่ย วกับ
สภาพการจ้างและการทางาน ถ้าไมอาจบั
งคับไดจึ
่
้ งขอให้
จาเลยชดใช้คาเสี
่ ให้คาขอบังคับ
่ ยหายแกโจทก
่
์ ดังนี้ เพือ
มี
ผ ลโจทก ก็
์ ย่ อมขอให้ ห้ ามจ าเลยแต่ งตั้ง ผู้ อ านวยการ25
06/11/58
องคการโทรศั พ ทฯ ไวกอนทีศ
่ าลจะพิพ ากษาคดีได ศาล
ฎี กาที่ ๕๕๐๙/๒๕๔๕ โจทกกั์ บจาเลยทัง้ สี่
พิพาทกันเกีย
่ วกับกรรมสิ ทธิใ์ นทีด
่ น
ิ พิพาท เจ้าพนักงาน
ทีด
่ น
ิ สอบสวนเปรียบเทียบแล้วมีคาสั่ งให้ออกโฉนดทีด
่ น
ิ
แกจ
่ จาเลยทัง้ สี่ ได้รับโฉนดทีด
่ น
ิ แล้วอาจมี
่ าเลยทัง้ สี่ เมือ
การโอนที่ ด ิน พิ พ าทต่ อไป ซึ่ ง หากศาลพิ พ ากษาใน
ภายหลัง ว่าที่ด น
ิ พิพ าทเป็ นของโจทก ์ โจทก อาจไดรั
บ
์
ความเสี ยหาย กรณีมเี หตุสมควรกาหนดวิธก
ี ารคุ้มครอง
ประโยชน์ ของโจทก ์ในระหว่ างพิจ ารณาตามมาตรา
๒๖๔
๒.๒. จาเลยร้องขอ
ฎี ก าที่ ๒๘๒๘ / ๒๕๒๖
สมั
ยที่ ๖๑
06/11/58
ออกข้ อสอบเนติ ฯ
26
๓ . กรณี เกี่ ยวกั บ ท รั พ ย ์ สิ น สิ ท ธิ ห รื อ
ประโยชน์ อย่ างใดอย่ างหนึ่ ง ที่พ ิพ าทกัน ในคดี
แต่ไม่มีเหตุผลอันสมควรอนุญาต
ฎี กาที่ ๔๒๘/๒๕๔๑ คดีนี้ที่ดินพิพาทของจาเลยที่
๓ ไดจดทะเบี
ยนจานองไว้เป็ นการชาระหนี้แก่จาเลยที่
้
๔ ผู้ รับ จ านองมีสิ ทธิที่จ ะ ได้ ร บั ช าระหนี้ ก่ อ น เจ้ าหนี้
สามัญ จึงเป็ นสิ ทธิทจ
ี่ ะให้ความคุ้มครองตามกฎหมายแก่
จ า เ ล ย ที่ ๔ ไ ด้ ดี ก ว่ า ก า ร ที่ โ จ ท ก ์ ทั้ ง
สิ บ ห้ า ขอวางเงิ น ต่ อศาลเป็ นประกัน การช าระหนี้ แทน
ที่ดิน การใช้วิธกี ารคุ้มครองประโยชนของโจทก
ทั
์
์ ง้ สิ บห้า
ไว้ ในระหว่างการพิจ ารณาตามทีโ่ จทก ทั
์ ง้ สิ บ ห้ามีค าขอ
จึง เป็ นการทาให้จ าเลยที่ ๔ เสี ยหาย จะกระทาโดย27
06/11/58
ฎี ก าที่ ๗๓๔๐ / ๒๕๔๒ โจทก ฟ์ ้ องจ าเลยทั้ง สอง
ขอให้ศาลสั่ งห้ามจาเลยทัง้ สองเกีย
่ วข้องและห้ามกระทา
การ รบกวนการครอบครองที่ ดิ น ของโจทก ์ จาเลยทัง้
สองให้ การว่ า ที่ด น
ิ พิพ าทเป็ น ที่ ส าธารณสมบัติ ข อง
แผ่นดินอันเป็ นทรัพยสิ์ นของรัฐ หากข้อเท็จจริงฟังได้
ตามที่จ าเลยทั้ง สองให้ การต่ อสู้
โจทก์ย่ อ มไม่ มี สิ ท ธิ
ครอบครองที่ดินพิพาทโดยชอบดวยกฎหมาย
แม้โจทก ์
้
จะเข้ าปลู ก ต้ นยู ค าลิป ตัส โดยสุ จ ริ ต ก็ ห าอาจใช้ ยัน
จาเลยทัง้ สองซึ่ งเป็ นตัวแทนของรัฐ ได้ไม่ และต้นยูคา
ลิ ป ตั ส ใ น ที่ ด ิ น พิ พ า ท ที่ โ จ ท ก ์ ป ลู ก ย่ อ ม ไม่ ต้ อ งด้ ว ย
ข้อยกเว้นที่ จะถือว่าไม่เป็ นส่ วนควบของทีด่ นิ ตาม ป.
06/11/58
28
๒. กรณี เพื่อบังคับตามคาพิพากษา
๒.๑ ในชัน
้ ร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดี
ทีฝ
่ ่ าฝื นตอกฎหมายตามมาตรา
๒๙๖
่
๒ . ๒ ใ น ชั้ น ร้ อ ง ข อ คั ด ค้ า น ก า ร ข า ย
ทอดตลาดตามมาตรา ๓๐๙ ทวิ
คร. ๑๐๒๐/๒๕๓๗ จาเลยคัดค้านการขาย
ทอดตลาด
อ้ างว่ าราคาต่ า ไป
จ าเลยขอคุ้ มครอง
ประโยชน์ในระหว่างการพิจ ารณา โดยขอให้ งดการ
โอนทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดไว้ก่อนตามมาตรา ๒๖๔
ได้
06/11/58
29
๒.๓ ในชัน
้ ขับไลบริ
่ วารของจาเลย
ฏี กาที่ ๕๙๙๗/๒๕๓๓ คดีนี้เป็ นกรณีพิพาท
กันในชัน้ บังคับคดี ซึ่งมีประเด็นทีจ่ ะต้องวินิจฉัยชีข้ าด
เพีย งว่ า ผู้ร้ อ งเป็ นบริ ว ารของจ าเลยหรื อ ไม่ ส่ วนที่
ผู้ ร้ องอ้ างว่ามีสิ ทธิค รอบครองเหนื อ ที่ด น
ิ พิพ าทด้ วยนั้น
เป็ นเรือ
่ งทีผ
่ ้รู องจะไปว
ากล
าวเอากั
บโจทกต
้
่
่
่
์ างหากจากคดี
นี้ ผู้ ร้ อง จึ ง ไม่ มี เ หตุ ท ี่ จ ะให้ ศาลน าวิ ธ ี ก ารคุ้ มครอง
ชั่วคราวกอนมี
คาพิพากษาโดยให้ ระงับการทานิติกรรม
่
ใดในทีด
่ น
ิ พิพ าทจนกว่าศาลจะมีค าพิพ ากษาถึง ทีส
่ ุ ดมา
ใช้ในชัน
้ นี้ได้
06/11/58
30
หลักเกณฑ์การร้องขอ
๑) ยืน
่ คาขอโดยทาเป็ นคารอง
้
๒) เป็ นคารองสองฝ
้
่ าย
(ม. ๒๖๔ ว.๒ ประกอบ ม.
๒๑ (๒) (๔))
๓) ขอกรณีฉุกเฉิ นไมได
่ ้ เพราะมาตรา ๒๖๔
วรรคสอง มิไ ด้บัญ ญัต ใ
ิ ห้ นามาตรา ๒๖๖ ถึง
๒๗๐ มาใช้ บัง คับ กับ ค าขอตามมาตรา ๒๖๔
(คร. ๑๙๓๐/๒๕๕๑)
๖ พ.ย. ๕๘
31
ศาลที่จะทาการไต่สวนและ
พิจารณาสัง่
๑) ขอในระหวางพิ
จารณาของศาลชัน
้ ต้น
่
ยืน
่ คาขอต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นเป็ นผู้มี
อานาจพิจารณาสั่ ง
๒) ขอในระหวางพิ
จารณาของศาลอุทธรณ์ หรือ
่
ศาลฎีกา
ยืน
่ ค าขอต่อศาลอุ ท ธรณ ์หรือศาลฎีก า แต่
ส่ วนใหญ่จะยื่น ค าขอต่อศาลชั้น ต้ นเสมอ ศาล
อุทธรณหรื
์ อศาลฎีกาเป็ นผูมี
้ อานาจพิจารณาสั่ ง
๖ พ.ย. ๕๘
32
ข้อพิจารณา
๑. ศาลต้องพิจารณามีคาสั่ งโดยไมชั
่ กช้า (ม.
๒๖๔ ว.๒ ประกอบ ม.๒๕)
๒. ถ้ าศาลเห็ น ว่ าไม่ จ าเป็ นต้ องท าการไต่
สวนจะงดการไตสวนและมี
คาสั่ งไปไดเลย
่
้
ฎีกาที่ ๓๗๔๙/๒๕๓๓ คดีอยูในระหว
างการ
่
่
พิจารณาของศาลอุทธรณ ์ ศาลอุทธรณอาจมี
คาสั่ งตามคา
์
ขอของคู่ ความที่ข อคุ้ มครองประโยชน์ ในระหว่ างการ
พิ จ ารณาของศาลอุ ท ธรณ ์ ได้ โดยไม่ จ าต้ องไต่ สวน
กอน
เพราะการสั่ งในกรณีเช่นนี้กฎหมายเพียงแตบั
่
่ ญญัต ิ
ให้ศาลมีอานาจทาการไตสวนได
่
้ตามทีเ่ ห็ นสมควรกอนมี
่
คาสั่ งตามมาตรา ๒๑ (๔) ประกอบมาตรา ๒๖๔ เมือ
่ ศาล
ชั้ น ต้ นพิ พ ากษาให้ โจทก ์ ได้ รั บ ส่ วนแบ่ งที่ ด ิ น พิ พ าท
06/11/58
๑ ใน ๘ ส่ วน การที่ โ จทก ์มี ค าขอและศาลอุ ท ธรณ ์ ใช33้
ที่ สุ ด โจทก ์ ย่ อมจ ะได้ รั บ แบ่ งที่ ด ิ น รวมทั้ ง ดอก ผล ใน
ทรัพ ย สิ์ น ส่ วนทีเ่ ป็ นของโจทก ตามที
่ข อบัง คับ มาในฟ้ อง
์
ดวย
้
๓. ในระหว่ างที่ โ จทก์ ย งั ไม่ ไ ด้ เ สี ย ค่ า ขึ้ น
ศาลตามทีศ่ าลชัน้ ต้นมีคาสั่ ง ศาลชัน้ ต้นมีอานาจ
รับ ค าขอและไต่ สวนค าขอที่ โ จทก ์ขอคุ้ มครอง
ประโยชนในระหว
างพิ
จารณาได้ (ฎ.๑๒๘๕/๒๕๓๕)
์
่
๔. การยื่ น ค าร้ องขอคุ้ มครองประโยชน์
คูความจะต
องยื
น
่ ตอศาลในขณะคดี
อยูระหว
างการ
่
้
่
่
่
พิจารณา หรือมิฉะนั้นต้องยืน
่ ในชัน
้ บังคับคดีเมือ
่
มีเ หตุ ท ี่จ ะขอคุ้ มครองประโยชน์ของคู่ความเพื่อ
บัง คับตามค าพิพ ากษา เมือ
่ คดีนี้ ศ าลชั้น ตนมีค า
06/11/58
34
คาสังของศาล
่
๑) ยกคาร้อง
๑.๑) ผู้ร้องขออุทธรณฎี
์ กาคาสั่ งได้ (ม.๒๒๘
(๒) และ ม.๒๔๗)
ข้ อ พิ จารณา
ถ้ าเป็ นทุ เ ลาการบั ง คั บ คดี
อุทธรณฎี
์ กาไมได้ (ม.๒๓๑)
๒) อนุญาตตามคาร้อง
๒.๑) การสิ้นผลของคาสัง่
๖ พ.ย. ๕๘
เป็ นไปตามมาตรา ๒๖๐ (ม.๒๖๔ ว.๒
35
ข้อพิจารณา คูความตกลงกั
นให้มีผลไป
่
จนกวาคดี
จะถึงทีส
่ ุดได้
่
ฎีกาที่ ๑๖๘/๒๕๑๓ ระหวางพิ
จารณา ศาลชัน
้ ต้นมี
่
ชั้น ต้ นมีค าสั่ งตัง้ ท. ปฏิบ ต
ั ห
ิ น้ าทีผ
่ ู้ จัด การทรัพ ย มรดกที
่
์
พิ พ าทได้ จนกว่ าจะคดี จ ะถึ ง ที่ สุ ด ตามที่ คู่ ความตกลง
กัน เว้นแตศาลจะสั
่ งเป็ นอยางอื
น
่ คาสั่ งของศาลชัน
้ ต้นจึง
่
่
เป็ นการคุ้ มครองประโยชน์ของคู่ความตามมาตรา ๒๖๔
การทีค
่ ูความตกลงกั
นให้มีการคุ้มครองประโยชนจนกว
า่
่
์
คดีจ ะถึง ที่สุ ด นั้น ไม่เป็ นการฝ่ าฝื นกฎหมายแต่ประการ
ใด ข้อตกลงจึงใช้ได้ จะนาบทบัญญัตม
ิ าตรา ๒๖๐ มาใช้
บังคับให้เป็ นการขัดแยงกั
ความไม
ได
้ บขอตกลงของคู
้
่
่ ้
๖ พ.ย. ๕๘
36
บทคุ้มครองฝ่ ายตรงข้าม
มาตรา ๒๖๒ ถ้าข้อเท็ จจริง หรือพฤติการณ์ที่
ศาลอาศั ย เป็ นหลัก ในการมีค าสั่ งอนุ ญ าตตามค า
ข อ ใ น วิ ธ ี ก า ร ชั่ ว คร าว อ ย่ าง ใ ด อ ย่ า ง ห นึ่ ง นั้ น
เปลี่ ย นแปลงไป เมื่ อ ศาลเห็ นสมควรหรื อ เมื่ อ
จ าเลยหรื อ บุ ค คลภายนอกตามที่ บ ัญ ญัต ิ ไ ว้ ใน
มาตรา ๒๖๑ มี ค าขอ ศาล ที่ ค ดี น้ั นอยู่ ใน
ระหว่ างพิ จ ารณาจะมี ค าสั่ งแก้ ไขหรื อ ยกเลิ ก
วิธก
ี ารเช่นวานั
่ ้นเสี ยก็ได้
ในระหวางระยะเวลานั
บแตศาลชั
้นต้นหรือศาล
่
่
อุ ท ธรณ ์ได้ อ่านค าพิพ ากษาหรือ ค าสั่ งชี้ข าดคดี
หรือชีข
้ าดอุทธรณไปจนถึ
งเวลาทีศ
่ าลชัน
้ ต้นไดส
์
้ ่ง
๖ พ.ย. ๕๘
37
ฎี ก าที่ ๙๕๔ / ๒๕๑๐ คดีอ ยู่ในระหว่างพิจ ารณาของ
ศาลชั้น ต้ น จ าเลยฎีก าคัด ค้ านค าสั่ งศาลที่ใ ห้ คุ้ มครอง
ประโยชนของคู
ความในระหว
างพิ
จารณา เมือ
่ ข้อเท็จจริง
่
่
์
หรื อ พฤติ ก ารณ ์ ที่ ศ าลอาศั ยเป็ นหลั ก ในการมี ค าสั่ ง
เปลีย
่ นแปลงไป ก็ เ ป็ นอ านาจของศาลชั้น ต้ นทีค
่ ดีอ ยู่ใน
ระหวางพิ
จารณามีคาสั่ งแก้ไขหรือยกเลิกวิธก
ี ารนั้นตาม
่
มาตรา ๒๖๒ มิใ ช่ เป็ นอ านาจของศาลฎีก า เพราะยัง ถือ
ไมได
อยูในระหว
างพิ
จารณาของศาลฎีกา
่ ว
้ าคดี
่
่
่
๖ พ.ย. ๕๘
38
คาพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจ
ฎี ก าที่ ๘๘๗๖ / ๒๕๕๑
ค า ร้ อ ง ข อ ใ ห้ ง ด ก า ร ข า ย
ทอดตลาดที่ผู้ ร้ องยื่น ระหว่ างฎีก าขอขยายระยะเวลา
อุ ท ธรณ ์ เป็ นค าร้ องขอคุ้ มครองประโยชน์ ตามมาตรา
๒๖๔ ไม่ ใช่ ค าร้ องขอทุ เ ลาการบัง คับ คดีต ามมาตรา
๒๓๑ การพิจ ารณาว่าศาลใดมีอานาจสั่ งค าร้ องจะต้ อง
พิจารณาวา่ ประเด็นข้อพิพาทแห่ งคดี อยู่ในระหว่างการ
พิจารณาของศาลใด เมือ่ ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีคือ
ทรั พ ย ์ พิ พ าทเป็ นของจ าเลยที่ ๓ หรื อ ผู้ ร้ อง แต่
ป ร ะ เ ด็ น ที่ ขึ้ น ม า สู่ ก า ร พิ จ า ร ณ า ข อ ง ศ า ล ฎี ก า คื อ มี
พ ฤ ติ ก า ร ณ ์ พิ เ ศ ษ ที่ จ ะ ข ย า ย ร ะ ย ะ เ ว ล า อุ ท ธ ร ณ ์ ใ ห้
๖ พ.ย. ๕๘
39
ผู ร องหรือ ไม ซึ่ ง เมื่อ ศาลฎีก าพิพ ากษากลับ ใหขยาย
เมื่อคดีนี้ศาลชัน้ ต้น
มีคาพิพากษาแล้ว แต่ยงั มิได้สงรั
ั ่ บอุทธรณ์ กรณี จึงมิใช่
คดี อ ยู่ ร ะหว่ า งการพิ จารณา และมิ ใช่ เ ป็ นการขอ
คุ้มครองประโยชน์ เพื่อบังคับ ตามคาพิพากษาเพราะผู้
ร้ อ งยัง ไม่ ถ ูก บัง คับ คดี การยื่ น ค าร้ องขอคุ้ มครอง
คูความเพื
อ
่ บังคับตามคาพิพากษา
่
ประโยชนของผู
งไมชอบด
วยมาตรา
๒๖๔
้รองจึ
้
่
้
์
๖ พ.ย. ๕๘
40
ฎี ก าที่ ๙๙๔๓ / ๒๕๕๖
การที่ ผู้ ร้ องขอให้ ปล่ อย
ทรัพ ย ที
่ ึด พร้ อมยื่น ค าร้ องขอยกเว้ นค่าธรรมเนี ย มศาล
์ ย
และในระหวางไต
สวนค
าร้องขอยกเว้นคาธรรมเนี
ยมศาล
่
่
่
ผู้ร้องยืน
่ คาขอให้งดการขายทอดตลาดไว้กอน
โดยอ้าง
่
วาผู
สิทธิรองขอให
่ ้รองมี
้
้
้งดการขายทอดตลาดในเวลาใดๆ
กอนพิ
พากษา เพือ
่ ให้ศาลมีคาสั่ งคุ้มครองชั่วคราวมิให้มี
่
การขายทอดตลาดทรัพ ย สิ์ น ของผู้ ร้ องไปในระหว่างไต่
สวนค าร้ องขอยกเว้ นค่ าธรรมเนี ย มศาลตาม มาตรา
๒๕๔ และมาตรา ๒๖๔ นั้น เมือ
่ พิจารณาตามมาตรา
๒ ๘ ๘
ไ ด้ ก า ห น ด เ ห ตุ ที่
เจ้ าพนัก งานบัง คับ คดีจ ะงดการขายทอดตลาดไว้ ว่าเมื่อ
ศ า ล รั บ ค า ร้ อ ง ขั ด ท รั พ ย ์
แ ล ะ
เจ้าพนักงานบังคับคดีไดรั
้ บสาเนาคาร้องเช่นวานี
่ ้ ดังนั้น
๖
พ.ย. ๕๘
การงดการขายทอดตลาดในกรณี
ดงั กลาวจึ
งเป็ นไปตาม41
่
ยุติการบรรยาย
ขอให้สอบไล่ได้