วิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ภาคสอง สมัยที่ ๖๗ โดย อาจารยนริ ตัง้ ศรีไพโรจน์ ์ นทร วันอาทิตยที ์ ่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๗
Download ReportTranscript วิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ภาคสอง สมัยที่ ๖๗ โดย อาจารยนริ ตัง้ ศรีไพโรจน์ ์ นทร วันอาทิตยที ์ ่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๗
วิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ภาคสอง สมัยที่ ๖๗ โดย อาจารยนริ ตัง้ ศรีไพโรจน์ ์ นทร วันอาทิตยที ์ ่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ วิธีการคุ้มครองโจทก์ ๑) บทกฎหมาย ๒) ประเภทของคาพิพากษาคดีแพง่ ๓) เหตุทต ี่ องให ้ ้การคุมครอง ้ ๔) บุคคลทีจ ่ ะขอความคุมครอง ้ ๕) วิธก ี ารทีจ ่ ะนามาใช้ ๖) เงือ ่ นไขทีจ ่ ะไดรั ้ บอนุ ญาต ๗) หลักเกณฑการร องขอ ์ ้ ๖ พ.ย. ๕๘ 2 ๘) ศาลทีท ่ าการไตสวนและพิ จารณาสั่ ง ่ ๙) คาสั่ งของศาล ๑๐) บทคุมครองจ าเลย ้ ๖ พ.ย. ๕๘ 3 บทกฎหมาย มาตรา ๒๕๔ คดีอื่นๆ นอกจาก คดี มโนสาเร่ โจทก์ชอบทีจ่ ะยืน่ ตอศาลพร ่ ้อมกับคาฟ้องหรือใน เวลาใดๆ ก่ อ นพิ พ ากษา ซึ่ ง ค าขอฝ่ ายเดี ย ว ่ นไขซึ่ง ร้องขอให้ศาลมีคาสั่ งภายในบังคับแห่งเงือ จะ ก ล่ าว ต่ อ ไ ป เ พื่ อ จั ด ใ ห้ มี ว ิ ธ ี คุ้ ม ค ร อ ง ใ ด ๆ ดังตอไปนี ้ ่ (๑) ให้ ยึ ด หรื อ อายัด ทรัพ ย ์สิ น ที่ พิ พ าท หรื อ ทรัพยสิ์ น ของจาเลย ทัง้ หมดหรือบางส่วนไว้ก่อน พิพ ากษา รวมทั้ง จานวน เงิน หรือ ทรัพ ย์สิน ของ ๖ พ.ย. ๕๘ 4 อื่นใดในอันที่จะบรรเทาความเดือดร้อนเสียหาย ทีโ่ จทก อาจได ์ ้รับ ต่อไปเนื่ อ งจากการกระท าของ ิ ให้จาเลยโอน จาเลย หรือมีคาสังห้ ่ ามชัวคราวม ่ ขาย ยักย้ า ยหรือ จ าหน่ า ย ซึ่ง ทรัพ ย สิ์ นที่พิพ าท หรือ ทรัพ ย สิ ์ นของจ าเลย หรือ มี ค าสัง่ ให้ ห ยุ ด หรื อ ป้ องกัน การเปลื อ งไปเปล่ า หรื อ การบุ บ สลายซึ่งทรัพยสิ์ นดังกลาว ทัง้ นี้ จนกว่าคดีจะ ่ ถึงทีส ่ ุดหรือศาลจะมีคาสั่ งเป็ นอยางอื น ่ ่ (๓) ให้ศาลมีคาสั่ งให้นายทะเบียน พนักงาน ๖ พ.ย. ๕๘ 5 (๔) ให้จับกุมและกักขังจาเลยไว้ชัว ่ คราว ในระหวางระยะเวลานั บแตศาลชั ้นต้นหรือศาล ่ ่ อุทธรณได าพิพากษา หรือคาสั่ งชี้ขาดคดี ์ ้อานค ่ หรือชีข ้ าดอุทธรณไปจนถึ งเวลาทีศ ่ าลชัน ้ ต้นไดส ์ ้ ่ง สานวนความทีอ ่ ุทธรณหรื ์ อฎีกาไปยังศาลอุทธรณ ์ หรือศาลฎีก า แล้วแต่กรณี คาขอตามมาตรานี้ ให้ยื่นต่อศาลชัน้ ต้น ให้ศาลชัน้ ต้นมีอานาจที่ จะ สัง่ อนุญาตหรือยกคาขอเช่นวานี ่ ้ ข้ อ พิ จ ารณา นอกจากนี้ ย ัง มีม าตรา ๒๕๕ ถึง ๒๖๓ และมาตรา ๒๖๕ ถึง ๒๗๐ เข้า ๖ พ.ย. ๕๘ 6 ประเภทของคาพิพากษาคดีแพ่ง ๑) บังคับให้ใช้เงิน ๒) บังคับให้กระทาการหรืองดเวนกระท าการ ้ ๓) บังคับให้ขับไลหรื ้ ถอน ่ อรือ ๔) บังคับให้ส่งมอบทรัพยสิ์ น ๕) บังคับให้ถือคาพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ทานิตก ิ รรม ข้อพิจารณา ทัง้ นี้ขน ึ้ อยูกั ่ บคาขอท้ายฟ้องของ โจทกหรื าเลย ์ อคาขอทายฟ ้ ้ องแยงของจ ้ ๖ พ.ย. ๕๘ 7 เหตุที่ต้องให้การคุ้มครอง ในระหว่างการพิจ ารณาคดีก่อนที่ศ าลจะมีค า พิพ ากษาหรือ ค าสั่ งให้ โจทก ชนะคดี เ ป็ นเจ้ าหนี้ ์ ตามคาพิพากษา จาเลยอาจดาเนินการอย่างใด อย่างหนึ่ ง ในระหว่างพิจ ารณา เพื่อ มิใ ห้ โจทก ์ บังคับคดีให้เป็ นไปตามคาพิพากษาหรือคาสั่ งทีจ ่ ะ มีขึ้น ได้ หรือ แม้ จะบัง คับ คดีไ ด้ แต่ ท าให้ โจทก ์ ไดรั ้ บความเสี ยหาย วัต ถุประสงคของมาตรา ๒๕๔ เพือ ่ ให้ โจทก ์ ์ สามารถบัง คับ คดีไ ด้ เมื่อ ศาลพิพ ากษาให้ โจทก ์ ๖ พ.ย. ๕๘ 8 บุคคลที่จะขอความคุ้มครอง ๑) โจทก ์ ๒) จาเลยในส่วนทีเ่ กีย ่ วกับคาฟ้องแยง้ ๓) ผูร ไมมี ่ ก ี ารคัดค้าน ้ องในคดี ้ ่ ขอพิ ้ พาททีม (ฎ. ๓๒๖๐-๓๒๖๑/๒๕๕๔, ๔๖๕๙/๒๕๕๕) ๔) เจ้ าหนี้ ต ามค าพิพ ากษากรณีจ าเลยขาดนัด ต่ อ ม า ลู ก ห นี้ ต า ม คาพิพากษายืน ่ คาขอให้พิจารณาใหม่ แล้วศาล ได้ส่ งคาสั่ งให้ งดการบัง คับคดีไ ปยัง เจ้าพนัก งาน บังคับคดี (ม.๒๙๒ (๑)) ๖ พ.ย. ๕๘ 9 ข้อพิจารณา ๑. คาขอในชั้นอุทธรณหรื ์ อฎีกา ผู้ขอต้องเป็ น โ จ ท ก ์ ต า ม ค า ฟ้ อ ง ข อ ง ศาลชัน ้ ต้นเทานั ่ ้น ๒. จาเลยยืน ่ คาร้องขอให้ศาลมีคาสั่ งตามมาตรา นี้ไมได ่ ้ (ฎ.๒๒๓๘-๒๒๔๐/๒๕๔๘) ๓ . จ า เ ล ย ผู้ อุ ท ธ ร ณ ์ ห รื อ ฎี ก า ร้ อ ง ( โ จ ท ก ์ อุ ท ธรณ ์หรือ โจทก ฎี ์ ก า) ขอความคุ้ มครองตาม มาตรา ๒๕๔ ไมได ่ ้ (คร.๕๘๗/๒๕๑๓ (ญ)) ๔. บุคคลภายนอกคดีรองขอความคุ มครองไม ได ้ ้ ่ ้ แ ม้ จ ะ เ ป็ น เ จ้ า ห นี้ ต า ม คาพิพากษาของจาเลยในคดีอน ื่ (ฎ.๓๒๒/๒๕๐๒) ๖ พ.ย. ๕๘ 10 วิธีการที่จะนามาใช้ ๑) ยึดหรืออายัดทรัพยสิ์ นไวก พากษา ้ อนพิ ่ ๒) ห้ามจาเลยกระทาการจนกวาคดี จะถึงทีส ่ ุด ่ ๓) ระงับการเปลีย ่ นแปลงทางทะเบียนจนกวาคดี ่ จะถึงทีส ่ ุด ๔) ให้จับกุมและกักขังจาเลยไวชั ่ คราว ้ ว ๖ พ.ย. ๕๘ 11 ๑) ยึดหรืออายัดทรัพยสิ์ นไว้กอนพิ พากษา ่ ๒๕๔ (๑)) (ม. ๑.๑) ทรัพยสิ์ นทีจ ่ ะยึด ไดแก ้ ่ ๑. ทรัพยสิ์ นทีพ ่ พ ิ าท ๒. ทรัพ ย ์สิ นของจ าเลยทั้ง หมดหรือ บางส่วน ๑.๒) ทรัพยสิ์ นทีอ ่ ายัด ไดแก ้ ่ จ า น ว น เ งิ น ห รื อ ท รั พ ย ์ สิ น ข อ ง บุคคลภายนอก ซึง่ ถึงกาหนดชาระแกจ ่ าเลย ข้ อพิจ ารณา วิธ ีก ารนี้ ใ ช้ ส าหรับ ค าฟ้ องที่ ขอให้บังคับจาเลยชาระเงิน ๖ พ.ย. ๕๘ 12 ฎีก าที่ ๒๓๘๑/๒๕๓๐ โจทก ฟ ์ ้ องขอให้ จ าเลย ร่ วมกั น ช า ระเงิ น ค่ ารั บ เหมา ก่ อสร้ างค่ าสิ นจ้ า งแล ะ ค่าเสี ยหาย ก่อนศาลชั้น ต้ นพิพ ากษาคดี โจทก ยื ์ ่น ค า ร้ องขอให้ สั่ งเจ้ าพนัก งานบัง คับ คดีต รวจสอบบัญ ชีผู้ พัก และรายไดโรงแรมของจ าเลยที่ ๑ และนาผลประโยชน์ ้ รายวัน ของโรงแรมมาเก็ บ รัก ษา โดยอ้ างว่ าจ าเลยมี หนี้สินและเจ้าหนี้จานวนมาก หากโจทกชนะคดี ก็ยากจะ ์ บังคับคดีแกจ ่ าเลยที่ ๑ ได้ ดังนี้ คาขอของโจทกหา ์ ใช่ขอให้ยึดหรืออายัดทรัพยสิ์ นของจาเลย หรือเงินหรือ ทรัพยสิ์ นของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกาหนดชาระแกจ ่ าเลย ตาม ๒๕๔ (๑) ไม่ จึ ง ไม่ อาจยกเอาบทกฎหมาย ดังกลาวมาปรั บสั่ งคดีโจทกตามที โ่ จทกร์ องขอได ่ ้ ้ ์ ๖ พ.ย. ๕๘ 13 ๒) ห้ ามจ าเลยกระท าการจนกว่าคดีจ ะถึง ที่สุ ด หรือศาลจะมีคาสั่ งเป็ นอยางอื น ่ (ม.๒๕๔ (๒)) แบง ่ ่ ออกเป็ น ๔ กรณี ๒.๑) ห้ามชั่วคราวมิให้จาเลยกระทาซ้าหรือ กระทาตอไป ซึง่ ่ ๑. การละเมิด ๒. การผิดสั ญญา หรือ ๓. การกระทาทีถ ่ ูกฟ้องร้อง ฎีก าที่ ๒๗๐๘/๒๕๒๒ โจทก ฟ ์ ้ องขอให้ จ าเลยท าหนัง สื อมอบอ านาจให้ แก่โจทก เพื ์ ่อ ให้ โจทก มี ์ สิ ท ธิแ ละอ านาจด าเนิ น การขุ ด แร่หรือ โอนขายประทาน บัตรและอืน ่ ๆ ไดทั ้ ง้ สิ้ นตามสั ญญาขายสิ ทธิการทาเหมือง แร่ เช่นดังทีจ ่ าเลยไดเคยท าหนังสื อมอบอานาจให้โจทก ์ ้ ไว้แต่เดิมและขอให้เพิกถอนหนังสื อมอบอานาจทีจ ่ าเลย มอบอ านาจไห้ ว.มาเปิ ดท าการขุ ด หาแร่ในที่ป ระทาน14 ๖ พ.ย. ๕๘ บัต รที่ข ายใหโจทก อัน เป็ นคดีท ี่ม ีค าขอใหปลดเปลือ ้ ง หรือเหมืองแรที ่ โ่ จทกขอให ้ ศาลมีคาสั่ งคุ้มครองสิ ทธิของ ์ โจทก เลย และโจทก มิ ์ ์ ไ ด้ ฟ้ องเรีย กค่ าเสี ยหายมาด้ วย เหมืองแรที ่ พ ิ าทในคดีนี้ ่ ่ ว. เข้าไปทาจึงมิใช่ตัวทรัพยที ์ พ การทีโ่ จทก มายื ่น ค าร้ องขอให้ ศาลมีค าสั่ งคุ้ มครองสิ ท ธิ ์ ของโจทกดั จึงไม่ตรงกับการกระทาที่ จาเลยถูก ่ ์ งกลาว ฟ้ อง ซึ่ง ไม่เกี่ยวกับ ตัวทรัพย หรื ์ อ เหมือ งแร่ หากการ กระทาของ ว. และจาเลยอาจเกิดความเสี ยหายแกโจทก ่ ์ ในเวลาตอมา ก็ เป็ นเรือ ่ งนอกคาขอท้ายฟ้องคดีนี้ และ ่ ศาลจะมีคาสั่ งคุ้มครองสิ ทธิของโจทกให ์ ้ กระทบกระเทือน ถึง ว. ซึ่งเป็ นบุคคลภายนอกและไม่มีโอกาสต่อสู้คดีหา ไดไม บคารองของโจทก ไว ้ ่ ศาลจึงไมจ ่ าตองรั ้ ้ ้ จารณา ์ พิ ๒.๒) มีคาสั่ งอืน ่ ใดในอันทีจ ่ ะบรรเทาความ เดื อ ดร้ อ นเสี ย หาย ที่ โ จ ท ก ์ อาจได้ ร ับ ต่ อ ไป เนื่องจากการกระทาของจาเลย ๖ พ.ย. ๕๘ 15 ๒.๓) มีค าสั่ งห้ ามชั่ว คราวมิใ ห้ จ าเลยโอน ขาย ยักย้าย หรือจาหน่ายซึง่ ๑. ทรัพยสิ์ นทีพ ่ พ ิ าท หรือ ๒. ทรัพยสิ์ นของจาเลย ๒.๔) มีคาสั่ งให้ หยุด หรือป้องกันการเปลือง ไปเปลาหรื อการบุบสลายซึง่ ่ ๑. ทรัพยสิ์ นทีพ ่ พ ิ าท หรือ ๒. ทรัพยสิ์ นของจาเลย ข้อพิจารณา สองวิธก ี ารนี้ใช้สาหรับคาฟ้อง ทีข ่ อให้บังคับจาเลยชาระเงินหรือส่งมอบทรัพยสิ์ น ๖ พ.ย. ๕๘ 16 ฎี กาที่ ๑๓๑๒๔ /๒๕๕๓ การขอคุ้มครองชั่วคราว ตามมาตรา ๒๕๔ (๒) จะต้องเป็ นการห้ามมิใ ห้กระทา ซา้ ซึ่งการละเมิดหรือการผิดสั ญญา หรือการกระทาทีถ ่ ูก ฟ้ องร้ อง หรื อ มี ค าสั่ งอื่ น ใดในอัน ที่ จ ะบรรเทาความ เดือ ดร้ อนเสี ยหายที่โ จทก อาจได ้รับ ต่อไปเนื่ อ งจากการ ์ กระท าของจ าเลย หากกรณี ไ ม่ ใช่ เรื่อ งดัง กล่ าวแล้ ว จะต้องเป็ นการห้ามชั่วคราวมิให้จาเลยโอนขาย ยักย้าย หรือ จ าหน่ ายทรัพ ย สิ์ นทีพ ่ พ ิ าทหรือ ทรัพ ย สิ์ นของจ าเลย หรือมีคาสั่ งให้หยุดหรือป้องกันการเปลืองไปเปลาหรื อบุบ ่ สลายซึง่ ทรัพยสิ์ นดังกลาว แตกรณี ตามคาร้องของโจทก ์ ่ ่ ที่ข อให้ ศ าลมี ค าสังห้ ่ ามจาเลยที่ ๑ ดาเนินการต่ างๆ เพื่อให้ ได้มาซึ่งกรรมสิทธ์ ิ ในที่ ดินพิพาทจนกว่าศาลจะ พิ พ ากษาคดี ถึ ง ที่ สุ ด นี้ ไม่ เข้ าเหตุ ด ัง กล่ าวข้ างต้ น ๖ พ.ย. ๕๘ 17 ๓) ระงับการเปลีย ่ นแปลงทางทะเบียนจนกว่า คดีจะถึงทีส ่ ุด (ม.๒๕๔ (๓)) ให้ ศาลมีค าสั่ งให้ นายทะเบีย น พนั ก งาน เจ้ าหน้ าที่ ห รื อ บุ ค คลอื่ น ผู้ มี อ านาจหน้ าที่ ต าม กฎหมาย ระงั บ การจดทะเบี ย น การแก้ ไข เปลีย ่ นแปลงทางทะเบียน หรือ การเพิกถอนการ จดทะเบี ย น ไว้ ชั่ ว คราวจนกว่ าคดี จ ะถึ ง ที่ สุ ด หรือ ศาลจะมีค าสั่ งเป็ นอย่างอื่น ทั้ง นี้ เท่าที่ไ ม่ ขัดหรือแย้งตอบทบั ญญัตแ ิ ห่งกฎหมายทีเ่ กีย ่ วข้อง ่ ทีเ่ กีย ่ วกับ ๑. ทรัพยสิ์ นทีพ ่ พ ิ าท หรือ ๒. ทรัพยสิ์ นของจาเลย หรือ ๖ พ.ย. ๕๘ 18 เงื่อนไขที่จะได้รบั อนุญาต หลักเกณฑ์ที่ศาลจะพิจารณา (ม.๒๕๔ ประกอบ ม. ๒๕๕) ๑) ตองไม ใช ้ ่ ่ คดีมโนสาเร่ ๒) คาฟ้องตอง ู ้ มีมล ๓) ตอง ่ ะนาวิธค ี ุมครองตามที ่ ้ มีเหตุเพียงพอทีจ ้ ขอนั้นมาใช้ ๔) ตอง งคับคดี ้ เป็ นประโยชน์ ตอการบั ่ ๖ พ.ย. ๕๘ 19 ๑) ต้องไมใช ่ ่ คดีมโนสาเร่ (ม.๒๕๔ ว.๑) ลักษณะของคดีมโนสาเร่ (ม.๑๘๙) ๑. คดีท ี่ม ีค าขอให้ ปลดเปลื้อ งทุ ก ข อั ์ น อาจ คานวณเป็ นราคาเงินได้หรือคดีทม ี่ ท ี ุนทรัพยหรื ์ อ ราคาทรัพยสิ์ น ทีพ ่ พ ิ าทไมเกิ ่ น ๓๐๐,๐๐๐ บาท ่ าหนดในพระราชกฤษฎีกา หรือไมเกิ ่ นจานวนทีก ๒ . ค ดี ฟ้ อ ง ขั บ ไ ล่ บุ ค ค ล ใ ด ๆ อ อ ก จ า ก อสั งหาริม ทรัพ ย ์อัน มี ค่ าเช่ าหรือ อาจให้ เช่ าได้ ในขณะยื่ น ค าฟ้ องไม่ เกิ น เดื อ นละ ๓๐,๐๐๐ บาท หรือ ไม่ เกิน จ านวนที่ก าหนดในพระราช กฤษฎีกา ๖ พ.ย. ๕๘ 20 ๒) คาฟ้องตองมี มล ู (ม.๒๕๕ ว.๑) ้ ๒.๑) คาว่า “มีมูล ” หมายถึง มีมูล ทีจ ่ ะน า คดีมาฟ้องร้องจาเลยตอศาลได ้ พิจารณาจากคา ่ ฟ้ องของโจทก ์เท่ านั้ น ไม่ ต้ องไปพิจ ารณาถึ ง พยานหลักฐานในสานวน ๒.๒) โจทกฟ ์ ้ องขอให้เพิกถอนคาพิพากษา หรือขอให้สั่ งงดการบังคับคดี ถือวาเป็ ่ นคาฟ้องที่ ไมมี ่ มูล (ฎ.๑๙๔๗/๒๕๓๙) ๒.๓) โจทกฟ ์ ้ องโดยอาศั ยสิ ทธิเรียกร้องตาม สั ญ ญ า ถื อ ว่ า เ ป็ น ค า ฟ้ อ ง ที่ มี มู ล โ ด ย โ จ ท ก ์ ไ ม่ ต้ อ ง น า สื บ พยานหลักฐานจนสิ้ นกระแสความ (ฎ.๑๗๘/๒๕๕๑) ๖ พ.ย. ๕๘ 21 ๓) ต้องมีเหตุเพียงพอทีจ ่ ะนาวิธก ี ารคุมครอง ้ ตามทีข ่ อนั้นมาใช้ (ม.๒๕๕) ๓.๑) กรณี โ จทก ขอให ้ ศาลมีค าสั่ งยึด หรือ ์ อายัดทรัพยสิ์ นไว้กอนพิ พากษาตามมาตรา ๒๕๔ ่ (๑) ต้ องให้ เป็ นที่พ อใจของศาลใน ๒ กรณี ดังนี้ ๑. จาเลยตัง้ ใจจะยักย้าย โอน ขาย หรือจาหน่ายทรัพยสิ์ นทีพ ่ พ ิ าทหรือทรัพยสิ์ นของ ตนทั้ง หมดหรือ แต่บางส่ วนไปให้ พ้ นจากอ านาจ ศาล เพือ ่ ๑.๑ ประวิงหรือขัดขวางตอการ ่ บั ง คั บ ต า ม ๖ พ.ย. ๕๘ 22 ฎีก าที่ ๗๕๓/๒๕๔๑ โจทก ฟ ์ ้ องว่า ระหวางเจ ิ ได้มอบหมายให้จาเลยซึ่งเป็ น ่ ้ ามรดกยังมีชีวต บุ ต รคนหนึ่ ง ดู แ ลทรัพ ย สิ ์ นและจัด หาผลประโยชน์ จาก ทรัพ ย สิ์ นแทนเจ้ ามรดกมีท รัพ ย สิ์ นเป็ นเงิน สดและที่ด ิน พ ร้ อ ม สิ่ ง ป ลู ก ส ร้ า ง เ จ้ า ม ร ด ก ลงชื่ อ จ าเลยในบัญ ชี เ งิน ฝากและในโฉนดที่ด ิน โดย แสดงเจตนาว่าทรัพ ย สิ์ น ของเจ้ ามรดกนั้น จ าเลยมีชื่อ เพียงในฐานะผู้ครอบครองแทน เจ้ามรดกมีเจตนาทีจ ่ ะ แบงทรั พยสิ์ นของตนให้บุตรทุกคนเทากั ่ เจ้ามรดกถึง ่ ่ นเมือ แก่ความตาย โจทกในฐานะผู ้ จัดการมรดกและทายาท ์ คนอืน ่ เรียกให้จาเลยส่งมอบทรัพยสิ์ นทีจ ่ าเลยครอบครอง อยู่เข้ ากองมรดกเพื่อ แบ่งปันแก่ทายาทแต่จ าเลยปฏิเ สธ คาฟ้องดังกลาวย ม ่ ช ี ื่อ ่ ่อมครอบคลุมรวมทัง้ ทรัพยมรดกที ์ และไม่มีชื่อ เจ้ามรดก มิไ ด้จ ากัดแต่เฉพาะทรัพ ยที ่ ช ี ื่อ ์ ม เจ้ามรดกปรากฏอยูเท ่ นชั้นพิจารณามี ่ านั ่ ้ น และโดยทีใ ๖ พ.ย. ๕๘ น ต องวินิ จ ฉั ย ว าเงิน ฝากในธนาคารเป็ นเงิน ทีเ ประเด็ ่ จ้ า23 ้ ่ ดังกลาวไปให ่ ขัดขวางการบัง คับ ่ ้ พ้นจากอานาจศาลเพือ คดี เนื่องจากเมือ ่ เจ้ามรดกถึงแกความตายแล ่ ้ว จาเลย นาใบถอนเงินซึ่งมีลายมือชือ ่ เจ้ามรดกลงชือ ่ รวมกั บจาเลย ่ ในช่องเจ้ าของบัญชีและในช่ องผู้รับ เงินมาถอนเงินและ ปิ ดบัญชี อีกทัง้ ภายหลังโจทกฟ ์ ้ องคดีนี้แล้ว จาเลยยัง ได้ถอนเงินออกจากบัญชีของจาเลย โจทกย สิทธิท ี่ ่ ์ อมมี จะยืน ่ คาร้องขอให้อายัดเงินฝากดังกลาว อันเป็ นวิธก ี าร ่ ขอคุ้ มครองชั่ว คราวก่ อนพิพ ากษาตามมาตรา ๒๕๕ (๑) (ก) ได้ (เทียบเคียงกับ คร.๕๘๗/๒๕๑๓) ๖ พ.ย. ๕๘ 24 ฎี กาที่ ๖๙๒/๒๕๔๔ เมือ่ ศาลชั้นต้นมี คาสั่ งเกีย ่ วกับวิธก ี ารชั่วคราวกอนพิ พากษาครัง้ แรกแล้ว ่ จ าเลยที่ ๑ มิไ ด้ ยื่น ค าขอให้ ยกเลิก ค าสั่ งตามมาตรา ๒๖๗ วรรค ๒ หรือ ใช้ สิ ทธิอุ ท ธรณ ์ภายในก าหนด ตามมาตรา ๒๒๘ วรรค ๒ คาสั่ งดังกลาวจึ งถึงทีส ่ ุด ่ ทีด ่ น ิ ทีศ ่ าลชัน ้ ต้นมีคาสั่ งอายัดชั่วคราวจึงเป็ นหลักประกัน เบือ ้ งต้นในการทีโ่ จทกจะบั งคับคดีได้ เมือ ่ ตอมาปรากฏ ่ ์ ว่ าข้ อเท็ จ จริ ง ที่ เ กี่ ย วกับ ตัว ทรัพ ย ์ได้ เปลี่ ย นแปลงไป เนื่ อ งจากเจ้ าพนั ก งานบัง คับ คดีต ามค าพิ พ ากษาของ จาเลยที่ ๑ ได้ใช้สิ ทธิบงั คับคดีแก่ทีด ่ น ิ ดังกลาวจนท า ่ ให้คาสั่ งอายัดทีด ่ น ิ ชั่วคราวไร้ผล และทาให้จาเลยที่ ๑ มีสิทธิทจ ี่ ะได้รับเงินจากการบังคับคดีของเจ้าหนี้ จึงถือ เสมือ นว่ าเงิน จ านวนดัง กล่ าวเป็ นทรัพ ย ที ์ ่จ าเลยที่ ๑ ๖ พ.ย. ๕๘ ได้ มา แทนที่ ที่ ดิ นที่ ศ าลชั น ้ ต้ น มี ค าสั ง่ ให้ อ ายัด ไว้25 ๒. มี เ หตุ จ าเป็ นอื่ น ใดตามที่ ศ าลจะ พิเคราะหเห็ ิ รรมและสมควร (ม.๒๕๕ ์ นเป็ นการยุต ธ (๑) (ข)) ฎี ก า ที่ ๑ ๗ ๘ / ๒ ๕ ๕ ๑ จ า เ ล ย ตั้ ง โจทก ์เป็ นตัว แทนประสานงานเพื่ อ ผลประโยชน์ ของ จ าเลยในการได้ รับ จ้ างงานในโครงการท่าอากาศยาน สุ ว รรณภู ม ิ ต่อมาจ าเลยได้ เข้ าเป็ นคู่สั ญ ญากับ กิจ การ ร่วมค้ าไอทีโ อโดยเป็ นผลจากการด าเนิ น การของโจทก ์ ตามสั ญ ญาตัง้ ตัว แทน โจทก มี ์ สิ ทธิเ รีย กร้ องอัน เป็ นมูล หนี้ ต ามสั ญ ญาดัง กล่าวทีจ ่ ะฟ้ องร้ องจ าเลยได้ คดีข อง โจทกจึ ่ ะฟ้องร้อง ส่วนปัญหาวาโจทก ไม ั ิ ่ ่ บต ์ งมีมูลทีจ ์ ปฏิ หน้ าทีต ่ ามสั ญ ญาตั้ง ตัว แทน หรือ จ าเลยได้รับ การจ้ าง เหมาช วงงานดังกลาวโดยไม ได ั ต ิ าม26 ่ ่ เป็ ้ นผลจากการปฏิบต ๖ พ.ย. ๕๘ ่ จาเลยแลว ้ ๗ งวด ตรง โดยชาระเข้าบัญชีของจาเลยโดย ที่ ป ร ะ เ ท ศ ส า ธ า ร ณ รั ฐ อิ ต า ลี ก็ เป็ นการปฏิบต ั ต ิ ามสั ญญาจ้างเหมาช่วง จาเลยมิได้มี เจตนาจะยักย้ายเงินค่าจ้างตามมาตรา ๒๕๕ (๑) (ก) แต่ การที่ จ าเลย ไม่ มี ภ ู มิ ล าเนาในประเทศไทยไม่ มี สานักงานสาขาในประเทศไทย แม้เคยมีก็ปิดสานักงาน สาขาไปแล้วเพราะใบอนุ ญาตประกอบกิจการของคนตาง ่ ด้ าวไม่ ถู ก ต้ อง และการที่ จ าเลยไม่ มี ท รัพ ย ์สิ นใดใน ประเทศไทย ทัง้ มิได้นาสื บให้เห็ นวา่ จาเลยมี ทรัพย์สิน อยู่ใ นประเทศไทยพอที่ โจทก์จ ะบัง คับคดี ใ นประเทศ ไทยได้ ยอม ่ เป็ นเหตุจาเป็ นอื่ นที่ เป็ นการยุติธรรมและ ๖ พ.ย. ๕๘ 27 ๓.๒) กรณีโจทกขอให ์ ้ศาลมีคาสั่ งห้ามจาเลย กระทาการจนกวาคดี จะถึงทีส ่ ุดตามมาตรา ๒๕๔ ่ (๒) ต้ องให้ เป็ นที่พ อใจของศาลใน ๔ กรณี ดังนี้ ๑. จาเลยตัง้ ใจจะกระทาซา้ หรือกระทา ต่อไปซึ่ ง การละเมิด การผิด สั ญ ญา หรือ การ กระทาทีถ ่ ูกฟ้องร้อง (ม.๒๕๕ (๒) (ก)) ๑.๑ กรณีการละเมิด ฎีกาที่ ๖๔๒๔/๒๕๕๐ โจทก ์ ฟ้ องขอให้ บัง คับ จ าเลยขนย้ ายทรัพ ย สิ์ น และสิ่ งก่อสร้ าง ออกจากที่ด ิน พิพ าท และคื น ที่ด ิน พิพ าทแก่ โจทก ์ใน สภาพไม่มีส่ิ งปลู ก สร้ างและวัส ดุ อุ ป กรณ ์ก่อสร้ าง ห้ าม ๖ พ.ย. ๕๘ 28 จ าเลยและบริว ารเขาเกี่ย วของกับ ที่ด ิน พิพ าท การที่ ชนะคดี กรณี จึ ง มีเ หตุ ส มควรและเพี ย งพอที่จ ะน าวิธ ี คุ้ มครองชั่ว คราวก่อนพิพ ากษาตามมาตรา ๒๕๔ (๒) มาใช้ โดยห้ามชัว ่ คราวมิให้จาเลยและบริวารดาเนินการ กอสร างอาคารในที ด ่ น ิ พิพาทจนกวาคดี จะถึงทีส ่ ุดได้ ่ ้ ่ ๑.๒ กรณีการผิดสั ญญา ฎีกาที่ ๑๘๖๘/๒๕๔๘ โจทก ์ ฟ้ อ ง ขั บ ไ ล่ จ า เ ล ย ทัง้ สิ บเจ็ดและบริวารออกไปจากทีด ่ น ิ และสิ่ งปลูกสร้างของ โจทกซึ ่ าเลยทัง้ สิ บ ์ ่งจาเลยทัง้ สิ บเจ็ ดเช่าจากโจทก ์ แตจ เจ็ดผิดสั ญญาเช่าเพราะนาทรัพยสิ์ นของโจทกดั ่ ์ งกลาวไป ให้ผู้อืน ่ เช่าช่วง และยังปลูกสร้างอาคารหรือยินยอมให้ ผู้ อื่ น ปลู ก สร้ างอาคารในที่ด ิน ของโจทก ์โดยไม่ ได้ รับ อนุ ญาต โจทก ์จึ ง ยื่ น ค าร้ องขอคุ้ มครองชั่ ว คราวใน ระหวางพิ จารณา ศาลชัน ้ ต้นมีคาสั่ งห้ามจาเลยทัง้ สิ บเจ็ด ่ น าทรัพยสิ์ นของโจทกตามฟ ่ เช่าช่วง29 ๖ พ.ย. ๕๘ ้ องออกให้บุคคลอืน ์ ๒ . โ จ ท ก ์ จ ะ ไ ด้ รั บ ค ว า ม เ ดื อ ด ร้ อ น เสี ยหายตอไปเนื ่องจากการกระทาของจาเลย (ม. ่ ๒๕๕ (๒) (ข)) ฎีก าที่ ๗๒๒๑/๒๕๔๔ โจทก ฟ ์ ้ อง ขอให้จาเลยรือ ้ ถอนกาแพงพิพาท ซึ่งจาเลยได้กอสร ่ ้าง ปิ ดทางภารจายอมอันเป็ นการละเมิดตอสิ ่ ทธิของโจทกใน ์ การใช้ ทางภารจ ายอมเข้ าสู่ ทีด ่ น ิ ของโจทก ์ การทีโ่ จทก ์ ยืน ่ ค าร้ องขอคุ้ มครองประโยชน์ของโจทก ชั ์ ่ว คราวก่อน พิพ ากษาโดยให้ จ าเลยรื้ อ ถอนก าแพงพิ พ าทออกไป กอน เพือ ่ โจทกจะได ่ ้ใช้ทางภารจายอมได้นั้น จึงเป็ นการ ์ ขอให้ ศาลมีค าสั่ งในอัน ที่จ ะบรรเทาความเดือ ดร้ อนที่ โจทกได ่ ูกฟ้องร้อง ์ ้รับเนื่ องจากการกระทาของจาเลยทีถ ฟ ๒๕๔ (๒) กรณีตามคาร้องมี ้ องร้องดังกลาวตามมาตรา ่ ๖ พ.ย. ๕๘ 30 ๓. กรณีมค ี าสั่ งห้ามชัว ่ คราวมิให้จาเลย โอน ขาย ยัก ย้ ายหรือ จ าหน่ ายซึ่ง ทรัพ ย สิ์ นที่ พิ พ า ท ห รื อ ท รั พ ย ์ สิ น ข อ ง จ า เ ล ย โ ด ย มี เ ห ตุ ดังตอไปนี ้ (ม.๒๕๕ (๒) (ง)) ่ ๓ . ๑ จ า เ ล ย ตั้ ง ใ จ จ ะ ยั ก ย้ า ย โอน ขายหรือ จ าหน่ ายทรัพ ย สิ ์ นที่พ ิพ าทหรือ ทรัพยสิ์ นของตนทัง้ หมดหรือแตบางส ่ ่ วนไปให้พ้น จากอานาจศาล เพือ ่ (๑) ประวิง หรือ ขัด ขวาง ต่ อการบัง คับ ตามค าบัง คับ ใดๆ ซึ่ ง อาจจะออก บังคับเอาแกจ ่ าเลย หรือ ( ๒ ) จ ะ ท า ใ ห้ โ จ ท ก ์ เสี ยเปรียบ ๖ พ.ย. ๕๘ 31 ฎีก าที่ ๒๐๐/๒๕๓๙ โจทก ์ ขอคุ้ มครองประโยชน์ของโจทก ์ โดยห้ ามจ าเลยที่ ๑ โอนทีด ่ น ิ ตามสั ญญาจะซือ ้ ขายฉบับพิพาทให้แกจ ่ าเลยที่ ๒ ในคดีทจ ี่ าเลยที่ ๒ ฟ้องจาเลยที่ ๑ ซึ่งไมผู ่ กพัน โจทกในคดี นี้ ยอมมี ผลเป็ นการให้งดการบังคับคดีในคดี ่ ์ ซึ่ ง ได้ ถึ ง ที่ สุ ด แล้ ว จ าเลยที่ ๒ ซึ่ ง เป็ นเจ้ าหนี้ ต าม ค าพิพ ากษาย่ อมมีสิ ทธิท ี่จ ะบัง คับ คดีใ ห้ เป็ นไปตามค า พิ พ ากษาได้ หากจ าเลยที่ ๒ บั ง คั บ คดี ใ ห้ เป็ นที่ เสี ยหายแกโจทก ซึ ก็เป็ น ่ ่ ์ ง่ เป็ นบุคคลภายนอกคดีอยางไร เรือ ่ งทีจ ่ ะต้องไปวากล าวกั นระหวางโจทก กั ่ ่ ่ ์ บจาเลยที่ ๒ ต่อไป โจทก หามี สิ ทธิม ายื่น ขอใช้ วิธ ีก ารชั่ว คราวก่อน ์ พิพ ากษาเพื่อ ให้ มีผ ลห้ ามมิใ ห้ จ าเลยที่ ๒ ด าเนิ น การ บังคับคดีในคดีดงั กลาวได ไม ่ ้ ่ แต่การที่โ จทก ฟ ๖ พ.ย. ๕๘ ์ ้ องขอให้ เพิก32 โดยห้ามมิให้จาเลยที่ ๒ โอนทีด ่ น ิ ดังกลาวให ่ ้แกบุ ่ คคล อื่น แม้ โจทก จะเป็ นสามีจ าเลยที่ ๑ ซึ่ ง มีสิ ทธิข อกัน ์ ส่ วนของโจทก ได ์ ้ตามมาตรา ๒๘๗ ก็ ตาม แต่ก็ หามี บทกฎหมายใดบัง คับ ให้โจทก จ ์ าต้ องใช้ สิ ทธิข อกัน ส่ วน แตอย ยวไม่ ่ างเดี ่ ๔. ทรัพยสิ์ นทีพ ่ พ ิ าทหรือทรัพยสิ์ นของ จาเลยนั้นมีพฤติการณว การกระทาให้เปลือง ์ าจะมี ่ ไปเปลาหรื อบุบสลายหรือโอนไปยังผู้อืน ่ (ม.๒๕๕ ่ (๒) (ค)) ฎีกาที่ ๑๓๖๖/๒๕๕๓ ออกข้อสอบ เนติฯ สมัยที่ ๖๓ ปี การศึ กษา ๒๕๕๓ ๖ พ.ย. ๕๘ 33 ๓.๓) กรณีโจทกขอให ์ ้ ศาลมีคาสั่ งระงับการ เปลีย ่ นแปลงทางทะเบียนจนกวาคดี จะถึงทีส ่ ุดตาม ่ มาตรา ๒๕๔ (๓) ต้ องให้ เป็ นที่พ อใจของศาล ใน ๒ กรณี ดังนี้ ๑. เป็ นทีเ่ กรงวาจ ่ าเลยจะดาเนินการให้ มีการจดทะเบียน แก้ไขเปลีย ่ นแปลงทางทะเบียน หรือเพิกถอนการจดทะเบียนเกีย ่ วกับ ๑.๑ ทรัพยสิ์ นทีพ ่ พ ิ าท หรือ ๑.๒ ทรัพยสิ์ นของจาเลย หรือ ๑.๓ ทีเ่ กีย ่ วกับการกระทา ทีถ ่ ูกฟ้องร้อง ก า ร ด า เ นิ น ก า ร ดั ง ก ล่ า ว จ ะ ๖ พ.ย. ๕๘ 34 ฎีก าที่ ๖๙๐๘/๒๕๕๒ โจทก ฟ ์ ้ อง ขอให้ จ าเลยทั้ง สามแบ่งปั น ทรัพ ย มรดกของ จ. ให้ แก่ ์ โจทกตามพิ นย ั กรรม โดยมีทรัพยมรดกเป็ นทีด ่ น ิ และหุ้ น ์ ์ ของบริษัทสามแห่ง ซึ่งทีด ่ น ิ และหุ้นดังกลาวเจ ่ ้ามรดกได้ ใส่ ชื่ อ จ าเลยที่ ๑ ไว้ ระหว่างพิจ ารณาจ าเลยที่ ๑ ถึง แก่ความตาย ต่อมาจ าเลยที่ ๒ แถลงต่อทีป ่ ระชุ ม บริ ษั ท แห่ งหนึ่ งขอโอนหุ้ นของบริ ษั ท ดัง กล่ าวให้ แก่ ทายาทตามพินั ย กรรมของจ าเลยที่ ๑ ซึ่ ง ที่ป ระชุ ม บริ ษั ท มี ม ติ อ นุ มัต ิ โจทก ์จึ ง ยื่ น ค าร้ องขอให้ ก าหนด วิธ ีก ารชั่ว คราวก่ อนพิพ ากษาต่ อศาล ค าร้ องขอของ โจทก เป็ ์ นกรณี ท ี่ต้ องด้ วยมาตรา ๒๕๔ (๓) ซึ่ง โจทก ์ ก ล่ า ว อ้ า ง ม า ใ น ค าร้ องแล้ วว่ า จ า เลยที่ ๒ และที่ ๓ ในฐา นะ ผู้จัดการมรดกของจาเลยที่ ๑ จะดาเนินการให้มีการจด ทะเบียนแก้ไขเปลีย ่ นแปลงทางทะเบียนเกีย ่ วกับทรัพยสิ์ น ๖ พ.ย. ๕๘ ที่พ ิพ าทให้ แก่ ทายาทจ าเลยที่ ๑ ซึ่ ง การด าเนิ น การ35 มาใช้ ได้ ตามหลัก เกณฑ ที ์ ่บ ัญ ญัต ิไ ว้ ในมาตรา ๒๕๕ (๓) (ก) การทีศ ่ าลชัน ้ ต้นยกคาร้องของโจทกโดยไม ได ่ ไต ้ ่ ์ สวนให้ ได้ ความจริง ว่าเป็ นเช่ นไรก่อน จึ ง เป็ นการไม่ ชอบ ๒. มี เ หตุ จ าเป็ นอื่ น ใดตามที่ ศ าลจะ พิ เ ค ร า ะ ห ์ เ ห็ น เ ป็ น การยุตธ ิ รรมและสมควร (ม.๒๕๕ (๓) (ข)) ๖ พ.ย. ๕๘ 36 ๓.๔) กรณีโจทกขอให ์ ้ศาลมีคาสั่ งจับกุมและ กักขังจาเลยไว้ชั่วคราวตามมาตรา ๒๕๔ (๔) ต้ องให้ เป็ นที่พ อใจของศาลว่า เพื่อ ที่จ ะประวิง หรือ ขัด ขวางต่อการพิจ ารณาคดีห รือ การบัง คับ ตามค าบัง คับ ใด ซึ่ ง อาจจะออกบัง คับ เอาแก่ จาเลย หรือเพือ ่ จะทาให้โจทกเสี ์ ยเปรียบ ( ก ) จ า เ ล ย ซ่ อ น ตั ว เ พื่ อ จ ะ ไ ม่ รั บ หมายเรียกหรือคาสั่ งของศาล (ข) จ าเลยได้ยัก ย้ายไปให้ พ้นอานาจ ศาลหรือซุ กซ่อนเอกสารใดๆ ซึ่งพอจะเห็ นได้วา่ จะใช้ เป็ นพยานหลัก ฐานยันจ าเลยในคดีท อ ี่ ยู่ใน ๖ พ.ย. ๕๘ 37 (ค) ปรากฏตามกิร ิย าหรือ ตามวิธ ีท ี่จ าเลย ประกอบการงานหรือการค้าของตนวา่ จาเลยจะ หลี ก หนี ห รื อ พอเห็ นได้ ว่ าจะหลี ก หนี ไ ปให้ พ้ น อานาจศาล ๖ พ.ย. ๕๘ 38 ๔) ต้องเป็ นประโยชนต งคับคดี ์ อการบั ่ ต้ องเกี่ ย วเนื่ อ งกับ ค าขอท้ ายฟ้ องและไม่ กระทบตอบุ ่ คคลภายนอกคดี ฎีก าที่ ๓๗๓๐/๒๕๕๒ โจทก ฟ ์ ้ องจ าเลยที่ ๑ และที่ ๒ ว่ าผิ ด สั ญญาจะซื้ อ ขายที่ด ิน พิพ าท โดย หลังจากจาเลยทัง้ สองทาสั ญญาจะซื้อขายทีด ่ น ิ ให้โจทก ์ แล้ วกลับ ไปท าสั ญ ญาจะซื้อ ขายและโอนกรรมสิ ทธิใ์ น ที่ ด ิน พิ พ าทให้ แก่ จ าเลยที่ ๓ โดยมี ค าขอท้ ายฟ้ อง ขอให้เพิกถอนสั ญญาจะซือ ้ ขายทีด ่ น ิ ระหวางจ าเลยที่ ๑ ่ ที่ ๒ กับ จ าเลยที่ ๓ แต่โจทก ไม ์ ่มีค าขอให้ จ าเลยที่ ๑ ที่ ๒ โอนกรรมสิ ทธิใ์ นทีด ่ น ิ พิพาทให้แกโจทก และ ่ ์ รับ เงิ น ค่ าที่ ด ิ น ส่ วนที่ เ หลื อ จากโจทก ์ไป ค าร้ องขอ คุ้มครองชั่วคราวของโจทกที ่ อห้ามมิให้จาเลยที่ ๑ ที่ ์ ข ๒ และที่ ๓ ทานิ ต ก ิ รรมใดเกีย ่ วกับทีด ่ น ิ พิพาทและมี ๖ พ.ย. ๕๘ คาสั ่ งอายัดทีด ่ น ิ พิพาทไว้ชั่วคราวกอนมี คาพิพากษา จึ39ง ่ ฎี กาที่ ๔๖๕๙ / ๒๕๕๕ ผู้ ร้ อ ง ยื่ น ค า ร้ อ ง เป็ น ผู้จดั การมรดกของผู้ตาย เนื่องจากการจัดการมรดกมี เหตุ ขด ั ข้อง ผู้คัดค้ านยืน ่ ค าคัดค้านว่า ผู้ค ด ั ค้านเป็ น ทายาทผู้รบั พินัยกรรมของผู้ตาย ผู้ตายทาพินัยกรรม ตัดทายาทโดยธรรม มิให้รับมรดก ผู้ร้องไม่ใช่ผู้มีสิทธิ รับมรดกของผู้ตาย ขอให้ยกคาร้องและตัง้ ผู้คัดค้านเป็ น ผู้จัด การมรดก คดี จึ ง มี ป ระเด็น ข้ อ พิ พ าทเพี ย งว่า ผู้ ร้ องหรือ ผู้ คัด ค้ านคนใดสมควรเป็ นผู้ จัด การมรดกของ ผู้ตาย ซึ่ง หากผู้ ร้ องชนะคดีศ าลก็ เ พีย งมีค าสั่ งตัง้ ผู้ร้ อง เป็ นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ไมมี ่ ผลบังคับไปถึงรายได้ หรือดอกผลจากกองมรดกของผู้ตาย ซึ่งผู้คัดค้านเป็ นผู้ ค ร อ บ ค ร อ ง ต า ม ที่ ผู ้ ร้ องยื่น ค าร้ องขอคุ้ มครองชั่ว คราวก่อนพิพ ากษาด้ วย40 ๖ พ.ย. ๕๘ ๕) ต้องมีเหตุผลอันสมควร ต้องยืน ่ คารองต อศาลภายในระยะเวลาอั น ้ ่ สมควรและไมก ่ อให ่ ้เกิดความเสี ยหายแกจ ่ าเลย ฎีก าที่ ๒๔/๒๕๔๐ คดีมป ี ระเด็ น พิพ าทว่า ทีด ่ น ิ พิพ าทเป็ นสาธารณสมบัตข ิ องแผ่นดินส าหรับ ประชาชน ใช้ประโยชน์รวมกั นหรือไม่ และโจทกมี ่ ์ สิทธิครอบครอง ทีด ่ น ิ พิพาทหรือไม่ คดีอยูในระหว างพิ จารณา ซึ่งตามคา ่ ่ ฟ้องคาให้การและฟ้องแย้งของจาเลยฟังไดว เป็ ้ าโจทก ่ ์ นผู้ เ ข้ า ค ร อ บ ค ร อ ง ที่ ดิ น พิ พ า ท ห า ก จ า เ ล ย ไ ด้ ใ ช้ ใ ห้ ผู้ รับ เหมาก่อสร้ างเข้ าไปปัก ป้ ายโฆษณา ไถปรับ พื้น ดิน และท าการก่ อสร้ างในที่ด ิน พิพ าท ซึ่ ง แม้ จะเป็ นการ กระทาทีเ่ กิดขึ้นใหม่หลัง จากฟ้องคดี แตก็ ่ อาจก่อให้เกิด ความเสี ยหายแกโจทก ได ่ ์ ้ หากศาลพิพากษาให้โจทกเป็ ์ น ฝ่ายชนะคดี แม้โจทกจะร ์ ้องขอให้ห้ามจาเลยทัง้ สามมิให้ ให้กระทาการใดในทีด ่ น ิ พิพาทตามค าร้ องของโจทก ได ์ 41้ ๖ พ.ย. ๕๘ ตามมาตรา ๒๕๔ (๒) (เดิม) ก็ตาม แตเมื ่ ปรากฏตามคา ่ อ มาใช้ แก่จ าเลยในคดีนี้ ย่ อมก่ อ ให้ เ กิ ด ความเสี ย หาย แก่ จาเลยเช่นเดียวกัน ตามพฤติการณในกรณี เช่ นนี้ จึง ์ ยังไมสมควรที ศ ่ าลจะนาวิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษาตาม ่ ่ มาตรา ๒๕๔ (๒) มาใช้แกจ ่ าเลยตามคาขอของโจทกได ์ ้ (ฎ.๖๗๙๓/๒๕๔๓ และ ๕๒๗๓/๒๕๔๖ วินจ ิ ฉัยยืนตาม) ๖ พ.ย. ๕๘ 42 หลักเกณฑ์การร้องขอ ๑) ต้ องยื่น ค าขอฝ่ ายเดี ย ว โดยท าเป็ นค าร้ อง (ม.๒๕๔ ว.๑) ๒) ต้ องยื่น พร้ อ มกับ ค าฟ้ อง หรือ ในเวลาใด ก่ อ น ศ า ล ใ น แ ต่ ล ะ ชั ้ น มี คาพิพากษา (ม.๒๕๔ ว.๑ ประกอบ ม.๑ (๓)) ข้อพิจารณา ๑. กรณีศาลมีคาสั่ งให้จาหน่ ายคดี ชวคราว ั่ โจทก ์ขอคุ้ มครองชั่ ว คราวก่ อนพิ พ ากษาตาม มาตรา ๒๕๔ ได้ (ฎ.๔๒๑/๒๕๒๔) ๖ พ.ย. ๕๘ 43 ๓) ลักษณะของคาขอ ๓.๑) กรณีเป็ นคาขอฝ่ายเดียวโดยเครงครั ด ่ ตามมาตรา ๒๑ (๓) ๑. คาขอให้ยึด หรือ อายัด ทรัพ ย สิ์ นไว้ กอนพิ พากษา และ ่ ๒. คาขอให้ จับกุม และกัก ขัง จาเลยไว้ ชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ๓ . ๒ ) ก ร ณี ไ ม่ เ ป็ น ค า ข อ ฝ า ย เ ดี ย ว โ ด ย เครงครั ดตามมาตรา ๒๑ (๓) ่ ๑. คาขอห้ามจาเลยกระทาการจนกวา่ คดีจะถึงทีส ่ ุด และ ๖ พ.ย. ๕๘ 44 ในกรณีท ย ี่ น ื่ คาขอให้ ศาลมีคาสั่ งตาม มาตรา ๒๕๔ (๒) หรื อ (๓) ถ้ าศาลเห็ นว่ า หากให้โอกาสจาเลยคัดค้านกอนจะไม เสี ่ ่ ยหายแก่ โจทก ์ ให้ ศาลแจ้งก าหนดวันนั่ง พิจารณาพร้ อม ทั้ ง ส่ ง ส า เ น า ค า ข อ ใ ห้ แ ก่ จ า เ ล ย โ ด ย ท า ง เ จ้ า พนักงานศาล จ าเลยจะเสนอข้ อคัด ค้ านของตนใน ก า ร ที่ ศ า ล นั่ ง พิ จ า ร ณ า คาขอนั้นก็ได้ (ม.๒๕๖) ฎีก าที่ ๖๙๙/๒๕๐๘ การที่โ จทก ยื ์ ่น ค า ร้องขอให้ศาลเปิ ดทางเดินในระหวางคดี ยงั ไมถึ ่ ุดเป็ น ่ ่ งทีส คาขอฝ่ ายเดีย ว กฎหมายไม่ได้บัง คับ ว่าต้ องให้คู่ความ อีก ฝ่ ายหนึ่ ง มีโ อกาสคัด ค้ านก่ อน กฎหมายให้ อยู่ ใน ๖ พ.ย. ๕๘ อานาจหรื อดุลพินิจของศาลทีจ ่ ะฟังคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ งก็45 ศาลที่ทาการไต่สวนและพิจารณา สัง่ ๑) ระหวางพิ จารณาของศาลชัน ้ ต้น ่ ให้ยืน ่ ตอศาลชั น ้ ตนและศาลชั น ้ ตนเป็ นผูไต ่ ้ ้ ้ ่ สวนและพิจารณาสั่ ง ๒) ระหวางพิ จารณาของศาลอุทธรณ์ หรือศาล ่ ฎีกา ๒.๑) ศาลชัน ้ ตน ้ ยังไม่ได้ส่งสานวนความไป ยังศาลอุทธรณหรื ์ อศาลฎีกา ๖ พ.ย. ๕๘ ใหยื่ น ต อศ าลชั้ น ต น และ ให ศาล 46 ๒.๒) ศาลชั้น ต้ นส่ งส านวนความไปยัง ศาล อุทธรณหรื ้ ์ อศาลฎีกาแลว ้ (ม.๒๕๔ ว.ทาย) ๑. ยื่น คาร้ องต่อศาลอุ ท ธรณ์หรือ ศาล ฎีกา แล้วแตกรณี ในทางปฏิบต ั จ ิ ะยืน ่ คาร้องตอ ่ ่ ศาลชัน ้ ตน ้ ๒. ศาลอุ ท ธรณ ์ หรื อ ศาลฎี ก าเป็ นผู้ พิจ ารณาสั่ งในแต่ละชั้น ศาล โดยศาลอุ ท ธรณ ์ หรือ ศาลฎีก าอาจส่ งส านวนไปให้ ศาลชั้น ต้ นท า ก า ร ไต่สวนก่อนพิจารณาสั่ งอนุ ญาตหรือยกคาขอนี้ก็ ได้ ๖ พ.ย. ๕๘ 47 ข้อพิจารณา ๑. การขอให้ ยึ ด ทรัพ ย ์ก่ อนพิพ ากษาตาม ม า ต ร า ๒ ๕ ๔ จ ะ ต้ อ ง มี ก า ร ไต่สวนตามมาตรา ๒๕๕ ก่อน จึง จะอนุ ญ าต ได้ แม้จาเลยจะเคยถูกยึดทรัพยก ์ ่อนศาลชั้นต้น พิพ ากษามาแล้ วต่ อมามีก ารถอนการยึ ด ทรัพ ย ์ ดัง กล่าว เมือ ่ มาขอยึด ทรัพ ยในชั ้น อุท ธรณ์อีก ก็ ์ จะต้องมีการไตสวนตามมาตรา ๒๕๕ กอน จึง ่ ่ จะมีคาสั่ งอนุ ญาตได้ (ฎ.๔๔๔/๒๔๙๐) ๒. ศาลจะมีคาสั่ งอนุ ญาตตามมาตรา ๒๕๔ โดยเพียงแตสอบถามโจทก จ ่ ์ าเลยและบันทึกไว้ใน รายงานกระบวนพิจ ารณา ทั้ง ที่ ย ัง ไม่ ปรากฏ ข้อเท็จจริงเพียงพอตามมาตรา ๒๕๕ ไมได ่ ้ (ฎ. ๖ พ.ย. ๕๘ 48 ๓. หากศาลพิจารณาคาขอคุ้มครองชั่วคราว กอนพิ พากษาของโจทกแล ่ ์ วเห็ ้ นวา่ คดีโจทกไม ์ มี ่ มู ล หรื อ ไม่ มี เ หตุ เ พี ย งพอ ศาลมี อ านาจสั่ งยก คาขอโดยไมต าการไตสวนได ่ องท ้ ่ ้ (ฎ.๒๑๔๙/๒๕๑๖) ๔. การทีโ่ จทกทั บยืน ่ ์ ง้ สามฟ้องจาเลยพรอมกั ้ ค าร้ องขอคุ้ มครองชั่ว คราวก่อนพิพ ากษา ศาล ชั้น ต้ นมีค าสั่ งห้ ามจ าเลยจ าหน่ ายจ่ ายโอนที่ด ิน พร้อมสิ่ งปลูกสร้าง และให้อายัดเงินในบัญชีเงิน ฝากประจาหลายบัญชี แต่ก่อนทีศ ่ าลชั้นต้นจะมี ค าสั่ งอายัด เงิน ในบัญ ชี เ งิน ฝากไปยัง ธนาคาร จ าเลยถอนเงิน จากบัญ ชี แ ละปิ ดบัญ ชี ด ัง กล่ าว ทั้ง หมด อีก ทั้ง น าเงิน ฝากไปเปิ ดบัญ ชีเ งิน ฝาก ๖ พ.ย. ๕๘ 49 คาสังของศาล ่ ๑) ยกคาร้อง ๑.๑) โจทก มี ์ สิท ธิอุท ธรณ ์หรือฎีก าคาสั่ งได้ (ม.๒๒๘ (๒) และ ม.๒๔๗) ๑. การที่โ จทก อุ ์ ท ธรณ ์หรือ ฎีก าค าสั่ ง ศาลทีย ่ กคาร้องขอคุ้มครองชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ หลังจากที่ ศาลชัน้ ต้ นพิพากษายกฟ้ องคดี โจทก์ แล้ว จึงไมมี่ ประโยชนที์ ศ่ าลอุทธรณหรื ์ อศาลฎีกา จะวินิ จ ฉั ย อุ ท ธรณ ์หรือ ฎีก าค าสั่ งดัง กล่าวต่อไป เนื่ องจากการขอคุ้มครองชัวคราวก่ ่ อนพิพากษา ๖ พ.ย. ๕๘ 50 ๒. ในระหวางที โ่ จทกอุ ่ ์ ทธรณหรื ์ อฎีกา ค าสั่ งศาลที่ย กค าร้ องขอคุ้ มครองชั่ว คราวก่ อน พิพากษา ศาลมีคาพิพากษาถึงทีส ่ ุดให้โจทกชนะ ์ คดี จึงไมอาจด าเนินกระบวนพิจารณาวาด ่ ่ วยการ ้ ขอคุ้ มครองชั่ว คราวก่อนพิพ ากษาได้ (ฏ.๑๑๑๖/ ๒๕๐๓ และ ๖๑๑๒/๒๕๒๗) ๑.๒) โจทก ยื ์ ่น ค าขอใหม่ได้ แต่ต้ องอ้ าง เหตุใหม่ (ฎ.๙๗๐/๒๕๑๙) ๖ พ.ย. ๕๘ 51 ๒) อนุ ญาตตามคารอง ้ ๒.๑) ขอบเขตหรือเงือ ่ นไขเป็ นดุลพินิจของ ศาล แลวแต ศาลจะเห็ นสมควร (ม.๒๕๗ ว.๑) ้ ่ ๒.๒) การแจ้งคาสั่ ง ๑. ค าขอตามมาตรา ๒๕๔ (๑) ให้ ศาลแจ้งคาสั่ งให้จาเลยทราบโดยไมชั ่ กช้า (ม.๒๕๘ ว.๑) ๒. ค าขอตามมาตรา ๒๕๔ (๒) ให้ ศาลแจ้งคาสั่ งให้จาเลยทราบ (ม.๒๕๗ ว.๒) ๓. กรณีทศ ี่ าลมีคาสั่ งห้ามชั่วคราวมิให้ จ า เ ล ย โ อ น ข า ย ๖ พ.ย. ๕๘ 52 กาหนดไว้ให้จดทะเบียนตามมาตรา ๒๕๔ (๒) หรื อ ค าขอตามมาตรา ๒๕๔ (๓) ที่ เ กี่ ย วกับ ทรัพยสิ์ นดังกลาว หรือทีเ่ กีย ่ วกับการกระทาทีถ ่ ูก ่ ฟ้ องร้ อง ให้ ศาลแจ้ งค าสั่ งนั้ น ให้ นายทะเบีย น พนั ก งานเจ้ าหน้ าที่ หรื อ บุ ค คลอื่ น ผู้ มี อ านาจ หน้าทีต ่ ามกฎหมายทราบ และให้บุคคลดังกลาว ่ บันทึกคาสั่ งของศาลไว้ในทะเบียน และต้องแจ้ง ให้ จ าเลยทราบด้วย (ม.๒๕๗ ว.๒ ประกอบด้ วย ม. ๒๕๗ ว.๔) ๒.๓) การกาหนดวิธก ี ารโฆษณา กรณี ศ าลมี ค าสั่ งห้ ามชั่ ว คราวมิ ใ ห้ จ า เ ล ย โ อ น ข า ย ยั ก ย้ า ย ห รื อ จ า ห น่ า ย ซึ่ ง ๖ พ.ย. ๕๘ 53 ๒.๔) การวางเงินหรือหาประกันเพือ ่ ประกัน ประกันความเสี ยหาย (ม.๒๕๗ ว.ทาย) ้ ก่ อนที่ ศ าลจะออกหมายยึ ด หมาย อายัด หมายห้ามชั่วคราว หมายจับ หรือคาสั่ ง ใดๆ ศาลจะสั่ งให้ผู้ขอนาเงินหรือหาประกันตาม จานวนทีเ่ ห็ นสมควรมาวางศาล เพือ ่ การชาระคา่ สิ นไหมทดแทนซึ่ ง จ าเลยอาจได้ รับ ตามมาตรา ๒๖๓ ก็ได้ ข้อพิจารณา ๑. จ าเลยอุ ท ธรณ ์หรือ ฎีก าค าสั่ งศาล เกีย ่ วกับ จานวนเงิน ทีศ ่ าลเห็ นสมควรให้ โจทก มา ์ วางศาล เพื่ อ การช าระค่ าสิ นไหมทดแทนซึ่ ง จ าเลยอาจได้รับ ตามมาตรา ๒๖๓ นี้ ไ ด้ว่า ที่ ๖ พ.ย. ๕๘ 54 ฎี ก า ที่ ๗ ๐ ๔ / ๒ ๕ ๔ ๕ โ จ ท ก ์ ฟ้ อ ง อ้ า ง วา่ จาเลยที่ ๑ ถึงที่ ๒๐ และ จ. ตัวแทนเชิดของจาเลย ที่ ๑ ถึง ที่ ๒๐ ได้ ตกลงซื้ อ ขายที่ด ิน พร้ อมสิ่ งปลู ก สร้ าง ร ว ม ๒ ๗ ๒ โ ฉ น ด เ นื้ อ ที่ ๔ ๙ ไ ร่ ใ ห้ แ ก่ โ จ ท ก ์ ใ น ราคา ๙๐ ล้ า นบาท โจทก ช ิ และสิ่ งปลู ก ์ าระเงิน ค่าที่ด น ส ร้ า ง บ า ง ส่ ว น แ ล ะ เ ข้ า ค ร อ บ ค ร อ ง เ ป็ น เ จ้ า ข อ ง ทรัพยสิ์ น ตอมาจ าเลยที่ ๑ ถึงที่ ๒๐ สมรู้รวมคิ ดกับจาเลย ่ ่ ที่ ๒๑ แสดงเจตนาลวงบุคคลภายนอกทานิตก ิ รรมซือ ้ ขาย แ ล ะ จ ด ท ะ เ บี ย น โ อ น ก ร ร ม สิ ท ธิ ์ท ี่ ด ิ น ทั้ ง ห ม ด ไ ป เ ป็ น กรรมสิ ทธิข ์ องจาเลยที่ ๒๑ จึงเห็ นได้ว่าตามค าฟ้องของ โจทก ์ หากจ าเลยที่ ๒๑ โอนที่ด ิน พิพ าททั้ง หมดให้ แก่ บุ ค คลอื่น ในระหว่างพิจ ารณาย่อมจะท าให้ โจทก ได ์ ้ รับ ความเสี ยหาย เพราะแม้ โจทก ชนะคดี ก็ ไ ม่อาจโอนทีด ่ น ิ ์ พิพ าทกลับ มาเป็ นของโจทก ได ์ ้ กรณี นับ ว่ามีเ หตุ จ าเป็ น ๖ พ.ย. ๕๘ และสมควรเพี ย งพอที่ โ จทก ์จะขอให้ ศาลมี ค าสั่ งตาม55 โจทก วางเงิ น ประกัน ค่าเสี ยหายเพีย ง ๑ แสนบาทจึง ไม่ ์ เหมาะสม เพราะจ าเลยที่ ๒๑ ก็ ต่ อสู้ คดี ว่ าโจทก ์ไม่ มี อ านาจฟ้ อง ไม่มีสิ ทธิใ ดๆ ในทีด ่ น ิ พิพาท และฟ้ องโจทก ์ เป็ นเท็ จ ซึ่ ง หากทางพิจ ารณาได้ ความในภายหลัง ว่ า โจทกน ่ มูลแล้ว เงินจานวนดังกลาว ่ ์ าคดีมาสู่ศาลโดยไมมี ย่อมไม่อาจชดเชยความเสี ยหายทีเ่ กิด ขึ้น แก่คู่ความอีก ฝ่ ายหนึ่ งได้ จึ ง เห็ นสมควรให้ โจทก ์ วางเงิ น ประกั น จานวน ๒๐ ล้านบาท ๒. ศาลไม่สั่ งให้ โจทก น ์ าเงิ น หรือ หา ประกันตามจานวนทีเ่ ห็ นสมควรมาวางศาล เพื่อ การชาระ ค่ าสิน ไหมทดแทน ซึ่ง จาเลยอาจได้รับ ตามมาตรา ๒๖๓ นี้ ได้ ๖ พ.ย. ๕๘ 56 การกระท าซ้ า หรื อ กระท าต่ อไป ซึ่ ง การละเมิ ด ที่ ถู ก ฟ้องร้อง อาจกอให ได ่ ้ เกิดความเสี ยหายแกโจทก ่ ์ ้ หาก ศาลพิพ ากษาให้ โจทก เป็ ์ นฝ่ ายชนะคดี กรณี จึ ง มีเ หตุ สมควรและเพี ย งพอที่ จ ะน าวิ ธ ี คุ้ มครองชั่ ว คราวก่ อน พิพากษาตามมาตรา ๒๕๔ (๒) มาใช้โดยห้ามชั่วคราว มิให้จาเลยและบริวารดาเนินการก่อสร้างอาคารในทีด ่ น ิ พิพาทจนกวาจะถึ งทีส ่ ุดได้ ่ ตามคาขอของโจทกมี ์ เหตุสมควรและ เพีย งพอทีจ ่ ะน าวิธค ี ุ้ มครองชั่ว คราวก่อนพิพ ากษามาใช้ หากจาเลยได้รับความเสี ยหายจาเลยก็มส ี ิ ทธิทจ ี่ ะวากล าว ่ ่ เอาแก่โจทกได ่ โจทกเป็ ์ ้ตามมาตรา ๒๖๓ เมือ ์ นผู้มีชื่อ ถือ กรรมสิ ท ธิใ์ นโฉนดทีด ่ น ิ ย่อมได้ รับ ประโยชน์จากข้ อ สั นนิ ษ ฐานว่ าเป็ นผู้ มี สิ ทธิ ค รอบครองตาม ป.พ.พ. ๖ พ.ย. ๕๘ มาตรา ๑๓๗๓ ที่ศ าลชั้น ต้ นอนุ ญ าตตามค าขอของ57 ๓) ผลของคาสั่ งศาลทีอ ่ นุ ญาตตามคารอง ้ (ม. ๒๕๘ และ ม.๒๕๘ ทวิ) ๓.๑) คาขอให้ยึดหรืออายัดทรัพยสิ์ นไว้กอน ่ พิพากษา ให้บังคับจาเลยไดทั ้ นที ผลของการฝ่าฝื นคาสั่ ง ๑. กรณียึด ทรัพ ย สิ์ น ไว้ก่อนพิพ ากษา จาเลยกอให ่ นแปลงซึ่งสิ ทธิ ่ ้ เกิด โอน หรือเปลีย ในทรัพยสิ์ นทีถ ่ ูกยึดภายหลังทีไ่ ดท ้ าการยึดไว้แลว ้ นั้น หาอาจใช้ยันแกเจ ่ ้าหนี้ตามคาพิพากษาหรือ เจ้ าพนั ก งานบัง คับ คดี ไ ด้ ไม่ ถึ ง แม้ ราคาแห่ ง ทรัพยสิ์ นนั้นจะเกินกวาจ ่ านวนหนี้ตามคาพิพากษา ๖ พ.ย. ๕๘ 58 ๒ . ก ร ณี อ า ยั ด ท รั พ ย ์ สิ น ไ ว้ ก่ อ น พิ พ า ก ษ า จ า เ ล ย ก่ อ ใ ห้ เ กิ ด โ อ น ห รื อ เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ซึ่ ง สิ ท ธิ เ รี ย ก ร้ อ ง ที่ ไ ด้ ถู ก อ า ยั ด ภายหลังทีไ ่ ด้ทาการอายัดไว้แล้วนั้น หาอาจใช้ ยัน แก่เจ้ าหนี้ ต ามค าพิพ ากษาหรือ เจ้ าพนั ก งาน บังคับคดีได้ไม่ ถึงแม้ราคาแห่งสิ ทธิเรียกร้องนั้น จะเกินกวาจ ่ ่ านวนหนี้ตามคาพิพากษาและคาฤชา ธรรมเนียมในการฟ้องร้องและการบังคับคดี และ จาเลยไดจ ้ าหน่ายสิ ทธิเรียกร้องนั้นเพียงส่วนทีเ่ กิน จานวนนั้นก็ ต าม (ม.๒๕๙ ประกอบ ม.๓๑๔ (๑)) (ฎ. ๑๑๓๒/๒๕๑๕) ๓. จะใช้ บัง คับ บุ ค คลภายนอก ซึ่ ง พิสูจ นไดวาไดรับ โอนสุ จ ริต และเสี ยคาตอบแทน ๖ พ.ย. ๕๘ 59 ข้อพิจารณา ๑. หากมีก ารยึด หรือ อายัด ทรัพ ย สิ ์ น ของจาเลยไว้กอนพิ พากษาแล้ว โจทกในคดี อน ื่ ่ ์ ของจ าเลยคนเดี ย วกัน จะขอให้ ยึ ด หรื อ อายัด ทรัพยสิ์ นของจาเลยไว้กอนพิ พากษาในทรัพยสิ์ น ่ เดียวกันนั้นอีกไมได ่ ้ตามมาตรา ๒๕๙ ประกอบ มาตรา ๒๙๐ ๒. หากมีก ารยึด หรือ อายัด ทรัพ ย สิ ์ น ของจ าเลยไว้ ก่อนพิพ ากษาแล้ ว เจ้ าหนี้ ต ามค า พิพากษาของจาเลยคนเดียวกันในคดีอน ื่ จะขอให้ ยึ ด หรื อ อายัด ทรัพ ย ์สิ นของจ าเลยในทรัพ ย ์สิ น เดียวกันนั้นได้ แต่จะมายืน ่ คาร้องต่อศาลทีอ ่ อก ๖ พ.ย. ๕๘ 60 ๓.๒) คาขอให้ห้ามจาเลยกระทาการจนกวา่ คดีจะถึงทีส ่ ุด ให้ บั ง คั บ จ า เล ย ได้ ทั น ที ถึ ง แม้ ว่ า จ า เ ล ย ยั ง มิ ไ ด้ รั บ แ จ้ ง ค า สั่ ง เ ว้ น แ ต่ ศ า ล พิเคราะหพฤติ การณแห ์ ์ ่งคดีแล้ว เห็ นสมควรให้ คาสั่ งมีผลบังคับเมือ ่ จาเลยได้รับแจ้งคาสั่ ง (ม.๒๕๘ ว.๒) ผลของการฝ่าฝื นคาสั่ ง ๑. กรณี ม ี ค าสั่ งห้ ามมิใ ห้ จ าเลยโอน ขาย ยัก ย้ าย หรือ จ าหน่ ายทรัพ ย สิ ์ นที่พ ิพ าท หรือทรัพยสิ์ นของจาเลย หาอาจใช้ยันแก่โจทก ์ หรือ เจ้ าพนัก งานบัง คับ คดีไ ด้ไม่ ถึง แม้ ว่าราคา แห่งทรัพยสิ์ นนั้นจะเกินกวาจ ่ านวนหนี้และคาฤชา ่ ธรรมเนียมในการฟองรองและการบังคับคดี และ ๖ พ.ย. ๕๘ 61 ๒. กรณี อ ื่ น นอกจากข้ อ ๑. โจทก ์ ขอให้จับและกักขังจาเลยเพือ ่ ให้ปฏิบต ั ต ิ ามคาสั่ ง ของศาลได้ (ม.๒๕๙ ประกอบ ม.๒๙๗ ดู ฎ.๒๐๗/ ๒๕๐๕) ข้ อ พิ จ า ร ณ า ม า ต ร า ๒ ๕ ๘ วรรค ๒ ไมมี ่ บทคุ้มครองบุคคลภายนอกผู้สุจริต ไว้ดังเช่นมาตรา ๒๕๘ วรรค ๑ ๓.๓) ค าขอให้ ระงับ การเปลี่ย นแปลงทาง ทะเบียนจนกวาคดี จะถึงทีส ่ ุดทีเ่ กีย ่ วกับทรัพยสิ์ นที่ ่ พิพาทหรือทรัพยสิ์ นของจาเลย ให้ มี ผ ลใช้ บัง คับ ได้ ทัน ที ถึ ง แม้ ว่ า บุคคลตามทีร่ ะบุไว้จะยังมิได้รับแจ้งคาสั่ ง เว้นแต่ ๖ พ.ย. ๕๘ 62 ผลของการฝ่าฝื นคาสั่ ง หาอาจใช้ยันแกโจทก หรื ่ ์ อเจ้าพนักงาน บั ง คั บ ค ดี ไ ด้ ไ ม่ เว้นแตผู รั ่ ้รับโอนจะพิสูจนได ์ ว ้ าได ่ ้ บโอนโดยสุจริต และเสี ยคาตอบแทนก อนที บ ่ ุคคลดังกลาวจะได ่ ่ ่ ้รับ แจ้งคาสั่ ง (ม.๒๕๘ ทวิ ว.๒) ฎีก าที่ ๓๐๔๓/๒๕๕๒ พนั ก งานอัย การ เป็ นโจทก ์ฟ้ องจ าเลยซึ่ ง เป็ นบิด าของ ว. ขอให้ โอน กรรมสิ ทธิท ์ ี่ด น ิ แก่ ว. การที่ผู้ คัด ค้ านรับ โอนที่ด น ิ จาก จ าเลยภาย หลั ง ที่ เ จ้ า พนั ก งา นที่ ด ิ น ได้ รั บ แจ้ งค าสั่ ง คุ้มครองชัว ่ คราวกอนพิ พากษา โดยห้ามโอน ขาย ยัก ่ ย้ าย หรือ จ าหน่ ายที่ด ิน แล้ ว ผู้ คัด ค้ านจึ ง ไม่ อาจอ้ าง ๖ ๕๘ เรืพ.ย. อ ่ งการรั บโอนโดยสุจริตและเสี ยคาตอบแทนใช ่ ้ ยัน ว.63 ๓.๔) ค าขอให้ ระงับ การเปลี่ย นแปลงทาง ทะเบียนจนกวาคดี จะถึงทีส ่ ุดทีเ่ กีย ่ วกับการกระทา ่ ทีถ ่ ูกฟ้องร้อง ให้มีผลใช้บังคับแกบุ ่ คคลตามทีร่ ะบุไว้ ตอเมื ่ บุคคลดังกลาวได รั ่ อ ่ ้ บแจ้งคาสั่ ง (ม.๒๕๘ ว.๔) ผลของการฝ่าฝื นคาสั่ ง ยัง ไม่ มี ผ ลใช้ บัง คับ ตามกฎหมายใน ระหว่างใช้วิธก ี ารชั่วคราวกอนพิ พากษา (ม.๒๕๘ ่ ทวิ ว.ทาย) ้ ๓.๕) หมายจับจาเลย ให้บังคับไดทั ้ ว่ ราชอาณาจักร แตห ่ ้าม มิให้ กักขังเกิน ๖ เดือน นับแต่วันจับ (ม.๒๕๘ ๖ พ.ย. ๕๘ 64 ๔) การสิ้ นผลของคาสั่ งศาลทีอ ่ นุ ญาตตามคารอง ้ ๔.๑) คาพิพากษาหรือคาสั่ งชี้ขาดตัดสิ นคดี ไดกล งวิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษาไว้ ้ าวถึ ่ ่ เ ป็ น ไ ป ต า ม ที่ ศ า ล มี ค า สั่ ง ไ ว้ ใ น ค า พิพากษาหรือคาสั่ ง ๔.๒) คาพิพากษาหรือคาสั่ งชีข ้ าดตัดสิ นคดี มิไดกล งวิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษาไว้ ้ าวถึ ่ ่ ๑. ศาลตัดสิ นให้จาเลยเป็ นฝ่ายชนะคดี เต็มตามขอหาหรื อบางส่วน (ม.๒๖๐(๑)) ้ ค าสั่ งของศาลเกี่ ย วกับ วิ ธ ี ก าร ชั่วคราวในส่วนทีจ ่ าเลยชนะคดีน้น ั ให้ถือวาเป็ ่ น อัน ยกเลิก เมื่อ พ้ นก าหนด ๗ วัน นับ แต่วัน ที่ ศาลมีคาพิพากษาหรือคาสั่ ง ๖ พ.ย. ๕๘ 65 ทางแก้ของโจทก ์ (๑) โจทกต ่ คาขอฝ่ายเดียว ์ ้องยืน ต่อศาลชั้นต้นภายในก าหนดเวลา ๗ วัน นับ แตวั ่ าลมีคาพิพากษาหรือคาสั่ ง ่ นทีศ (๒) คาขอของโจทกต ์ ้องแสดงวา่ ตนประสงคจะยื น ่ อุทธรณหรื ์ ์ อฎีกาคาพิพากษาหรือ คาสั่ งนั้น และมีเหตุอน ั สมควรทีศ ่ าลจะมีคาสั่ งให้ วิธก ี ารชัว ่ คราวเช่นวานั ่ ้นยังคงมีผลใช้บังคับตอไป ่ ๖ พ.ย. ๕๘ 66 โจทก ์ ค าสั่ งของศาลกรณี ค าขอของ (๑) ศาลชั้น ต้ นมีค าสั่ งให้ ยกค า ขอของโจทก ์ คาสั่ งของศาลดังกลาวให ่ ุด ่ ้เป็ นทีส (๒) ศาลชั้นต้นมีคาสั่ งให้วิธก ี าร ชั่วคราวยังคงมีผลใช้บังคับตอไป คาสั่ งของศาล ่ ชัน ้ ตนให า่ ้ ้มีผลใช้บังคับตอไปจนกว ่ ( ๒ . ๑ ) ค ร บ ก า ห น ด ยื่ น อุทธรณหรื ์ อฎีกา (๒.๒) ศาลมีค าสั่ งถึง ที่สุ ด ไมรั กรณี ่ บอุทธรณหรื ์ อฎีกา แลวแต ้ ่ (๒.๓) หากมีก ารอุ ท ธรณ ์ หรือ ฎีก าแล้ ว ค าสั่ งของศาลชั้น ต้ นให้ มีผ ลใช้ บัง คับต่อไปจนกว่าศาลอุทธรณหรื ์ อศาลฎีกาจะมี ็ ๖ พ.ย. ๕๘ 67 ๒. ศาลตัดสิ นให้โจทกเป็ ์ นฝ่ายชนะคดี (ม.๒๖๐ (๒)) ค าสั่ งของศาลเกี่ ย วกับ วิ ธ ี ก าร ชั่ว คราวยัง คงมี ผ ลใช้ บัง คับ ต่ อไปเท่ าที่ จ าเป็ น เพือ ่ ปฏิบต ั ต ิ ามคาพิพากษาหรือคาสั่ งของศาล (ม. ๒๖๐ (๒)) ในปี ตาม ฎ.๙๘๔๖/๒๕๔๔ ออกข้ อสอบเนติฯ ๒๕๔๓ แล้ ว ฎ.๑๐๖๙๓/๒๕๕๑ วินิ จ ฉั ย เดิน ฎ.๙๒๗๐/๒๕๔๗ ออกข้อสอบเนติฯ ในปี ๒๕๕๐ แลว ้ ๖ พ.ย. ๕๘ 68 ข้อพิจารณา ๑. การที่ ศ าลชั้น ต้ นอนุ ญาตให้ ผู้ ค้ า ประกันซึ่งรับผิดอยางลู กหนี้รวมน าหนังสื อรับรอง ่ ่ การทาประโยชนมาเป็ นหลักประกันแทนทีด ่ น ิ ของ ์ จาเลย ทีศ ่ าลมีคาสั่ งห้ามกระทานิตก ิ รรมชั่วคราว ในระหวางพิ จารณา หากศาลชัน ้ ต้นพิพากษาให้ ่ จาเลยชนะคดีโดยไมกล งวิธก ี ารชั่วคราวกอน ่ าวถึ ่ ่ พิพ ากษา และโจทก ไม ์ ่ยื่น ค าขอต่อศาลชั้น ต้ น ภายในก าหนด ๗ วัน นั บ แต่ วัน ที่ ศ าลมีค า พิ พ า ก ษ า แ ส ด ง ว่ า ป ร ะ ส ง ค ์ จ ะ ยื่ น อุ ท ธ ร ณ ์ ค า พิพ ากษาและมีเ หตุ ส มควรที่ศ าลจะมีค าสั่ งให้ ใช้ วิธก ี ารชั่วคราวเช่นนั้นมีผลใช้บังคับตอไป ผู้คา้ ่ ๖ พ.ย. ๕๘ 69 ฎี ก าที่ ๓๕๐๔ / ๒๕๔๑ ค าสั่ งศาลชั้น ต้ นที่ อ นุ ญ า ต ใ ห้ ผู้ ค้ า ป ร ะ กั น ทั้ง สามน า น.ส.๓ มาเป็ นหลัก ประกั น แทนที่ ด ิ น ของ จาเลย หลัง จากทีศ ่ าลมีค าสั่ งห้ามจ าเลยกระทานิ ตก ิ รรม ชั่วคราวในระหวางพิ จารณาตามมาตรา ๒๖๕ มาตรา ่ ๒๕๙ ประกอบมาตรา ๒๗๔ นั้นเป็ นคาสังที ่ ่ กาหนดใช้ วิธีการชัวคราวก่ ่ อนศาลชัน้ ต้นพิพากษาวิธกี ารหนึ่ง เมือ่ ศาลชั้น ต้ นพิพ ากษา ให้ จ าเลยชนะคดี โดยมิ ได้ ก ล่ า วถึง วิธีการชัวคราวก่ ่ อนพิพากษา และโจทกมิ์ ไดยื้ น่ คาขอตอ่ ศาลชั้ น ต้ นภายในก าหนด ๗ วัน นั บ แต่ วัน ที่ ศ าลมี ค า พิ พ า ก ษ า แสดงว่ า โจ ทก ์ ประสงค์ จ ะยื่ น อุ ท ธรณ์ ค า พิพ ากษา และมี เ หตุสมควรที่ ศ าลจะมี ค าสังให้ ่ วิ ธี การ ชัว่ คราวเช่ น ว่ า นั ้น มี ผ ลบัง คับ ต่ อ ไป ค าสั่ งของศาล ๖ พ.ย. ๕๘ 70 ๒. หากไม่ ใช่ ค าสั่ งเกี่ ย วกับ วิ ธ ี ก าร ชั่ว คราวก่อนพิพ ากษา จะไม่มีผ ลยกเลิก ไปเมื่อ ศาลชั้ น ต้ นพิ พ ากษาให้ โจทก ์ แพ้ คดี โ ดยมิ ไ ด้ กล่าวถึงวิธีการชัวคราวก่ ่ อนพิพากษา ฎี ก าที่ ๖๖๑๙ / ๒๕๔๕ โจทก ์ทั้ง สองและ จาเลยตกลงกันให้ศาลชัน ้ ต้นถอนคาสั่ งอันเกีย ่ วกับวิธก ี าร ชั่ ว ค ร า ว ก่ อ น พิ พ า ก ษ า โ ด ย จ า เ ล ย เ ส น อ ห นั ง สื อ คา้ ประกันของธนาคารซึ่งเป็ นบุคคลภายนอกยอมผูกพัน เ พื่ อ ก า ร ช า ร ะ ห นี้ ต า ม คาพิพากษา โดยเงื่อนไขว่าหากคดีถึงทีส่ ุดแล้ว จาเลย เป็ นฝ่ ายแพ้ คดี ธนาคารจึ ง ต้ องผู ก พัน ตามข้ อความใน หนังสื อคา้ ประกันดังกลาวตามมาตรา ๒๗๔ กรณี ไม่อาจ ่ ถือว่าการเข้าคา้ ประกันของธนาคารตอศาลเพื อ ่ ชาระหนี้ ่ ตามค ่ ของศาลชัน้ ต้ น เกี่ ย วกับ71 ๖ พ.ย. ๕๘ าพิ พ ากษา เป็ นค าสั ง ๔.๓) มีก ารบัง คับ คดีเ กี่ย วกับ ทรัพ ย สิ์ น ของ จ าเลยที่ถู ก โจทก ยึ ์ ด หรือ อายัด ไว้ ก่อนพิพ ากษา โดยเจ้าหนี้ตามคาพิพากษาในคดีอน ื่ แลว ้ ฎีก าที่ ๙๕๒/๒๕๔๑ แม้ ศาลชั้น ต้ นจะมี คาสั่ งอายัดเงิน ของจ าเลยไว้ ชั่ว คราวก่อนมีค าพิพากษา ตามคารองของโจทก ่งเป็ นเจ้าหนี้ตามคาพิพากษา ้ ้ ์ ผู้รองซึ ของจ าเลยในคดีอ ื่น ก็ ม ีสิ ทธิท ี่จ ะขออายัด ทรัพ ย นั ์ ้ น เพื่อ บัง คับ คดีต ามค าพิพ ากษาในคดีข องตน เพราะกรณี ไ ม่ ต้องดวยข ้ ้อห้ามมิให้อายัดทรัพยซ ์ า้ ตามมาตรา ๒๙๐ และ เมือ ่ บุคคลภายนอกซึ่งเป็ นผู้ครอบครองเงินของจาเลยได้ จัด ส่ งเงิน ดัง กล่ าว ซึ่ ง ศาลชั้น ต้ นมี ค าสั่ งให้ อายัด ไว้ ชั่วคราวมาแล้ว เมือ ่ ผู้ร้องซึ่งเป็ นเจ้าหนี้ตามคาพิพากษา ในคดี อ ื่น ได้ ขอบัง คับ คดีแ ละเจ้ าพนั ก งานบัง คับ คดีไ ด72้ ๖ พ.ย. ๕๘ บัง คั บ คดี โ ดยมี ห นั ง สื อขออายั ด เงิ น จ านวนดัง กลาว บทคุ้มครองจาเลย ๑) วิธก ี ารทีศ ่ าลกาหนดไว้ไมมี ่ เหตุเพียงพอหรือ มีเหตุอน ั สมควรประการอืน ่ (ศาลสั่ งอนุ ญ าตไปโดยไม่ ชอบ) ๒) ข้ อเท็ จ จริง หรือ พฤติก ารณ์ที่ศ าลอาศั ย เป็ น หลักในการมีคาสั่ งอนุ ญาตเปลีย ่ นแปลงไป (ศาลสั่ ง อนุ ญาตไปโดยชอบแตข จจริงเปลีย ่ นไป) ่ อเท็ ้ ๓) ขอให้โจทกใช ์ ้คาสิ ่ นไหมทดแทนแกจ ่ าเลย ๔) ฟ้องเป็ นคดีละเมิด ๖ พ.ย. ๕๘ 73 ๑) วิธก ี ารทีศ ่ าลกาหนดไว้ไมมี ่ เหตุเพียงพอหรือ มีเหตุอน ั สมควรประการอืน ่ (ม.๒๖๑) ๑.๑) หลักเกณฑ ์ ๑. จ าเลยซึ่ ง ได้ รับ หมายยึ ด หมาย อายัด หรือ ค าสั่ งตามมาตรา ๒๕๔ (๑) (๒) หรือ (๓) หรือ จะต้ องเสี ยหายเพราะหมายยึ ด หมายอายัด หรือ ค าสั่ งดัง กล่าว ขอต่อศาลให้ ถ อ น ห ม า ย เ พิ ก ถ อ น ค า สั่ ง ห รื อ แ ก้ ไ ข เปลีย ่ นแปลงคาสั่ ง หมายยึด หรือหมายอายัดซึ่ง ออกตามค าสั่ งดัง กล่าว (ขอให้ เพิก ถอนหรือ แก้ ไข เปลีย ่ นแปลง) ๒. จ าเลยซึ่ ง ถู ก ศาลออกค าสั่ งจับ กุ ม ตามมาตรา ๒๕๔ (๔) ขอต่อศาลให้ เพิก ถอน คาสั่ ง ถอนหมาย หรือ ให้ ปล่อยตัว ไปโดยไม่มี เ งื่ อ น ไ ข ห รื อ ใ ห้ ป ล่ อ ย ตั ว ไ ป ชั่ ว ค ร า ว โ ด ย มี 06/11/58 74 ๑.๒) ลักษณะของคาขอ ๑. อยูภายใต บั ่ ้ งคับมาตรา ๒๑ (๒) ๒. คาขอต้องระบุวา่ คาสั่ งของศาลที่ ให้ ใช้ วิธ ีก ารชั่ว คราวก่อนพิพ ากษานั้น ไม่มีเ หตุ เพีย งพอหรือ ไม่มีเ หตุ ส มควร และต้ องระบุ ว่ามี เหตุ ท ี่จ ะขอให้ เพิก ถอนหรือ แก้ ไขเปลี่ย นแปลง คาสั่ งดวย ้ ข้อพิจารณา ๑. หากคาร้ องของจ าเลยระบุ ว่า ฟ้ องของ โจทก ไม ์ ่มีมู ล ที่จ ะชนะคดี หรือ โจทก มี ์ เ จตนาทุ จ ริต ใน การร้ องขอให้ ศาลมีค าสั่ งยึด ที่ด น ิ และสิ่ งปลู ก สร้ างของ จ าเลย เป็ นการคัดค้านว่าพยานหลักฐานทีโ่ จทกน ์ าสื บ75 06/11/58 ๒ . ค า สั่ ง เ กี่ ย ว กั บ วิ ธ ี ก า ร ชั่ ว ค ร า ว ก่ อ น พิพ ากษาตามมาตรา ๒๕๔ คงมีผ ลบัง คับ เฉพาะกับ จาเลยทีศ ่ าลมีค าสั่ งเทานั ่ ในคดีทม ี่ ี ่ ้ น ดังนั้น จาเลยอืน จาเลยหลายคนจึง ไม่มีสิ ทธิยน ื่ ค าร้ องตามมาตรา ๒๖๑ นี้ (เทียบเคียงกับ ฎ.๖๙๒/๒๕๔๔) ๓. จ าเลยซึ่ ง ได้ รั บ หมายหรื อ ค าสั่ งตาม มาตรา ๒๕๔ หากประสงคจะขอให ้ ศาลถอนหมายหรือ ์ ค าสั่ งชอบที่ จ ะยื่ น ค าขอในคดี เ ดิม ตามมาตรา ๒๖๑ วรรค ๑ เท่านั้ น ไม่ อาจฟ้ องขอให้ หมายหรือ ค าสั่ ง ดัง กล่ าวไม่ มี ผ ลบัง คับ เป็ นคดีใ หม่ ได้ (เที ย บเคี ย ง ฎ. ๒๖๒๔/๒๕๔๓) ๖ พ.ย. ๕๘ 76 ๑.๓) ศาลทีจ ่ ะยืน ่ คาขอและศาลทีม ่ อ ี านาจ พิจารณาสั่ ง ๑. ศาลชั้น ต้ น ศาลอุ ท ธรณ ์หรือ ศาล ฎีก าที่ม ีค าสั่ งอนุ ญ าตให้ ใช้ วิธ ีก ารชั่ว คราวก่อน พิ พ ากษา และศาลนั้ น ๆ มี อ านาจในการ พิจารณาสั่ ง ๒ . ก ร ณี ที่ ม ี ก า ร อุ ท ธ ร ณ ์ ห รื อ ฎี ก า คัด ค้ านค าพิพ ากษาหรื อ ค าสั่ งชี้ ข าดตัด สิ นคดี แ ล ะ ไ ด้ ยื่ น ค า ข อ ใ ห้ เ พิ ก ถ อ น ห รื อ แ ก้ ไ ข เปลีย ่ นแปลงคาสั่ งในวิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ศ า ล อุ ท ธ ร ณ ์ ห รื อ ศ า ล ฎี ก า แล้วแตกรณี และให้ศาลดังกลาวมี อานาจในการ ่ ่ 06/11/58 77 ๑.๔) การพิจารณาของศาล (ม.๒๖๑ ว.๓) ๑. ถ้าศาลเห็ นวาวิ ี ารทีก ่ าหนดไว้ไม่ ่ ธก มีเหตุเพียงพอ ศาลจะมีคาสั่ งเพิกถอนวิธก ี ารทีส ่ ่ั ง ไวแล ้ วนั ้ ้นเสี ยได้ ๒. ถ้ าศาลเห็ น ว่าวิธ ีก ารที่ก าหนดไว้ มี เหตุอน ั สมควรประการอืน ่ ศาลจะมีคาสั่ งอืน ่ ใดที่ จะแก้ ไขเปลี่ ย นแปลงค าสั่ งให้ เหมาะสมตามที่ ิ รรมก็ได้ เห็ นสมควรเพือ ่ ประโยชนแห ์ ่งความยุตธ ๓ . ศ า ล มี อ า น า จ ก า ห น ด ใ ห้ จ า เ ล ย ว า ง เ งิ น ต่ อ ศ า ล ห รื อ หาประกันมาให้ตามจานวนและภายในระยะเวลาที่ เห็ น สมควร หรือ จะก าหนดเงื่อ นไขใดๆ ตามที่ เห็ นสมควรก็ได้ ยกเว้น การฟ้องเรียกเงิน ห้าม 06/11/58 78 ๒) ข้ อเท็ จ จริง หรือ พฤติก ารณ ์ที่ศ าลอาศั ย เป็ น หลักในการมีคาสั่ งอนุ ญาตเปลีย ่ นแปลงไป (ม.๒๖๒) ๒.๑) หลักเกณฑ ์ ๑. เมือ ่ ศาลเห็ นสมควร หรือ ๒. จาเลยตามทีบ ่ ญ ั ญัตไิ ว้ใน ม. ๒๖๑ มี ค า ข อ ใ ห้ แ ก้ ไ ข ห รื อ ย ก เ ลิ ก วิ ธ ี ก า ร คุ้ ม ค ร อ ง ชัว ่ คราวของโจทก ์ ๒.๒) ลักษณะของคาขอ เช่นเดียวกับมาตรา ๒๖๑ 06/11/58 79 ๒.๓) ศาลที่จ ะยื่น ค าขอและศาลที่ม ีอ านาจ พิจารณาสั่ ง ๑. ศาลชั้น ต้ น ศาลอุ ท ธรณ ์หรือ ศาล ฎี ก า ที่ มี ค า สั่ ง อ นุ ญ า ต ให้ ใช้ วิธ ก ี ารชั่ว คราวก่อนพิพ ากษา ซึ่ง ศาลนั้น ๆ มีอานาจในการพิจารณาสั่ ง (ม.๒๖๒ ว.๑) ๒ . ก ร ณี ที่ ม ี ก า ร อุ ท ธ ร ณ ์ ห รื อ ฎี ก า คัด ค้ านค าพิพ ากษาหรื อ ค าสั่ งชี้ ข าดตัด สิ นคดี และได้ยื่น ค าขอให้ แก้ ไขหรือ ยกเลิก ค าสั่ งให้ ใช้ วิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา (ม.๒๖๒ ว.๒) ่ ๒ . ๑ ศ า ล ชั้ น ต้ น ยั ง ไ ม่ ไ ด้ ส่ ง สานวนความไปยังศาลอุทธรณหรื ์ อศาลฎีกา ให้ ยื่น ค าขอต่อศาลชั้น ต้ น และให้ ศาลชั้น ต้ นเป็ นผู้ มีอ านาจที่จ ะสั่ งอนุ ญ าต หรือยกคาขอนี้ได (ต้องจา) 06/11/58 80 ๒.๒ ศาลชัน ้ ต้นส่งสานวนความ ไปยังศาลอุทธรณหรื ์ อศาลฎีกาแลว ้ ให้ยืน ่ คาขอตอศาลอุ ทธรณ ์ ่ หรือ ศาลฎีก าแล้ วแต่กรณี แล้ วให้ ศาลอุ ท ธรณ์ หรือ ศาลฎีก าแล้ วแต่กรณี เ ป็ นผู้ มีอ านาจที่จ ะสั่ ง อนุ ญาต หรือยกคาขอนี้ได้ ๒.๔) การพิจารณาของศาล ศาลจะมีคาสั่ งแก้ไขหรือยกเลิกวิธก ี าร ชัว ่ คราวกอนพิ พากษานั้นเสี ยก็ได้ ่ 06/11/58 81 ข้อพิจารณา ๑. กรณี ค าสั่ งคุ้ มครองชั่ว คราวก่อน พิพากษายังไมสิ่ ้ นผลบังคับ กรณีจ าเลยยื่นค าร้ องขอให้ เพิก ถอนค าสั่ งคุ้ มครองชั่ว คราวก่อนพิพ ากษา ศาล ชั้ น ต้ น ย ก ค า ร้ อ ง ศ า ล อุ ท ธ ร ณ ์ พิ พ า ก ษ า ยื น จ าเลยฎีก า ในระหว่ างพิจ ารณาของศาลฎีก า ปรากฏว่าศาลชั้น ต้ นพิพ ากษาให้ โจทก ชนะคดี ์ คาสั่ งดัง กล่าวจึง มีผ ลใช้ บัง คับ ต่อไปเท่าทีจ ่ าเป็ น เพือ ่ ปฏิบต ั ต ิ ามคาพิพากษาหรือคาสั่ งของศาลตาม มาตรา ๒๖๐ (๒) ค าสั่ งดัง กล่าวจึง มิใ ช่ ค าสั่ ง พากษาทีศ ่ คราวกอนพิ คุ้มครองชัว ่ าลจะมีคาสั่ งเพิก ่ ถอนหรือแก้ไขเปลีย ่ นแปลงคาสั่ งหรือยกเลิกตาม มาต ร า ๒๖๑ ม าต รา ๒ ๖๒ หรื อ มาต ร า ๒๖๗ ได้ (เทียบเคียง ฎ.๗๔๒๑/๒๕๕๑) 06/11/58 82 ๒. กรณี ค าสั่ งคุ้ มครองชั่ว คราวก่อน พิพากษาสิ้ นผลบังคับแลว ้ ไม่ มีค วามจ าเป็ นต้ องพิจ ารณา เพิกถอนคาสั่ งคุ้มครองชั่วคราวกอนพิ พากษาของ ่ ศาลชั้น ต้ นตามตามฎี ก าของจ าเลย (ฏ.๗๑๐๕/ ๒๕๓๙) ๓. เป็ นดุลพินิจของศาล ก า ร แ ก้ ไ ข เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ค า สั่ ง วิธ ีก ารชั่ว คราวก่อนพิพ ากษา ศาลมีอ านาจใช้ ดุลพินิจทีจ ่ ะแก้ไขโดยกาหนดวิธก ี ารชั่วคราวใหม่ ไดตามที เ่ ห็ นสมควรเพือ ่ ประโยชนแก ้ ์ คู ่ ความฝ ่ ่ ายที่ จะชนะคดีต่อไป โดยไม่จาต้องรอให้ คู่ความยืน ่ คาร้องขอเข้ามาอีกหรือต้องทาการไตสวนใหม ่ ่ (ฎ. 06/11/58 83 ๓) ขอให้ โจทก ใช ์ ้ ค่าสิ นไหมทดแทนแก่จ าเลย (ม.๒๖๓) ๓.๑) เหตุทจ ี่ ะยืน ่ คาขอ กรณีแรก โจทกท ์ าให้ศาลมีคาสั่ งโดย มีความเห็ นหลงไปวาสิ ่ ท ธิเ รียกร้องของโจทก มี ์ มู ล (ม.๒๖๓(๑)) ๑. โดยความผิดหรือเลินเลอของโจทก ่ ์ ๒. ศาลตัด สิ นให้ โจทก เป็ ์ นฝ่ ายแพ้ คดี ๓. จาเลยได้รับความเสี ยหายเนื่องจาก คาสั่ งให้ใช้วิธก ี ารชัว ่ คราว 06/11/58 84 กรณี ท ี่ส อง โจทก ท ์ าให้ ศาลมีค าสั่ ง โดยมีความเห็ นหลงไปวา่ วิธก ี ารชั่วคราวทีส ่ ่ ั งไว้ นั้นมีเหตุผลเพียงพอ (ม.๒๖๓(๒)) ๑. โดยความผิดหรือเลินเลอของโจทก ่ ์ ๒. ไม่ว่าคดีน้ัน ศาลจะชี้ข าดตัด สิ นให้ โจทกชนะหรื อแพคดี ์ ้ ๓. จาเลยไดรั ้ บความเสี ยหายเนื่องจาก คาสั่ งให้ใช้วิธก ี ารชัว ่ คราวกอนพิ พากษา ่ ๓.๒) ลักษณะของคาขอ ๑. อยูภายใต บั ่ ้ งคับมาตรา ๒๑ (๒) ๒. ต้ องระบุ ใ ห้ เข้ าเหตุ ต าม มาตรา ๒๖๓ 06/11/58 85 ๓.๓) ศาลทีจ ่ ะยืน ่ คาขอและกาหนดเวลาทีจ ่ ะ ยืน ่ คาขอ กรณีแรก จ าเลยซึ่ ง ต้ องถู ก บั ง คั บ โดยวิ ธ ี ก าร ชั่วคราวอาจยืน ่ คาขอต่อศาลชั้นต้ นภายใน ๓๐ วัน นับแตวั ่ ค ี าพิพากษาของศาลทีม ่ ค ี าสั่ งตาม ่ นทีม วิธก ี ารชัว ่ คราวนั้น (ม.๒๖๓ (๑)) (ฎ.๓๓๑๙/๒๕๔๒) กรณีทส ี่ อง จ าเลยซึ่ ง ต้ องถู ก บั ง คั บ โดยวิ ธ ี ก าร ชั่วคราวจะยืน ่ คาขอตอศาลชั ้นต้น กอนศาลมี คา ่ ่ พิพ ากษาหรือ ภายหลัง ที่ศ าลมีค าพิพ ากษาแล้ ว ก็ได หากยืน ่ ภายหลังทีศ ่ าลมีคาพิพากษาตองอยู 06/11/58 86 ๓.๔) ศาลทีม ่ อ ี านาจพิจารณาสั่ ง ศ า ล ที่ มี ค า สั่ ง ต า ม วิ ธี ก า ร ชั่ ว ค ร า ว กล ่าวคือ ถ้ าเป็ นกรณี ท ี่ใ ช้ วิธ ีก ารชั่ว คราวก่ อน พิพากษาในระหวางพิ จารณาของศาลใด ศาลนั้น ่ เ ป็ น ผูพิ ้ จารณาสั่ ง (ม.๒๖๓ ว.๒) ๓.๕) การพิจารณาของศาล (ม.๒๖๓ ว.๒) ๑ . ศ า ล มี อ า น า จ สั่ ง ใ ห้ แ ย ก ก า ร พิจารณาเป็ นสานวนตางหากจากคดี เดิม ่ ๒. ศาลทาการไตสวนแล ่ ้วเห็ นวา่ คา ขอของจ าเลยรับ ฟั ง ได้ ให้ ศาลมีค าสั่ งให้ โจทก ์ ชดใช้ ค่ าสิ นไหมทดแทนให้ แก่ จ าเลยได้ ตาม 06/11/58 87 ๓.๖) ผลของคาสั่ งศาล ๑. ถ้ าโจทก ์ไม่ ปฏิบ ัต ิ ต ามค าสั่ งศาล ศาลมีอานาจบังคับโจทกเสมื ์ อนหนึ่ งวาเป็ ่ นลูกหนี้ ตามคาพิพากษา ๒. กรณีทศ ี่ าลมีคาสั่ งให้โจทกชดใช ์ ้คา่ สิ นไหมทดแทนในกรณี โ จทก ท ์ าให้ ศาลมีค าสั่ ง โดยมี ค วามเห็ นหลงไปว่ า สิ ทธิเ รี ย กร้ องของ โจทกมี ์ มูล ให้งดการบังคับคดีไว้จนกวาศาลจะมี ่ คาพิพากษาถึงทีส ่ ุดให้โจทกแพ ์ ้คดี ๓. ค าสั่ งของศาลชั้ น ต้ นหรื อ ศาล อุ ท ธรณ ์ ดัง กล่ าว ให้ อุ ท ธรณ ์ หรื อ ฎี ก าได้ ตาม บทบัญญัตวิ าด ทธรณหรื ่ วยการอุ ้ ์ อฎีกา (ม.๒๖๓ ว. 06/11/58 88 ข้อพิจารณา ๑. นอกจากจ าเลยจะร้ องขอให้ ถอนหมาย เพิกถอนหรือแก้ไขเปลีย ่ นแปลงคาสั่ งตามมาตรา ๒๖๑ แล้ว จาเลยยังมีสิท ธิขอให้ศาลในคดีน้ัน สั่ งให้โจทกชดใช ์ ้คาสิ ่ นไหมทดแทนแกตนได ่ ้ตาม มาตรา ๒๖๓ ๒. หากจ าเลยร้ องขอให้ ศาลแก้ ไขหรื อ ยกเลิกวิธก ี ารชั่วคราวตามมาตรา ๒๖๒ จาเลย ไมมี ่ สิทธิขอให้ศาลในคดีน้ันสั่ งให้โจทกชดใช ์ ้ คา่ สิ นไหมทดแทนแกตนได ตามมาตรา ๒๖๓ ่ ้ ๓. ไมน ่ ามาตรา ๒๖๓ ไปใช้กับกรณีการ ร้องขอคุ้มครองประโยชนในระหว างการพิ จารณา ์ ่ 06/11/58 89 ๔. จาเลยจะใช้สิ ทธิตามมาตรา ๒๖๓ โดย ก า ร ฟ้ อ ง แ ย้ ง ใ น ค า ใ ห้ ก า ร ข อ ง จ า เ ล ย ไ ม่ ไ ด้ เนื่องจากไมเกี ่ วกับฟ้องเดิม (ฎ.๑๐๐๒/๒๕๒๙ และ ่ ย ๓๓๑๙/๒๕๔๒) ๖ พ.ย. ๕๘ 90 ยุติการบรรยาย ถาม-ตอบ