วิจัยปรากฏการณ์ วทิ ยา (Phenomenology study) คณะผู้จัดทา ณรงค์ ศักดิ์ พรมวัง๑ ๕๓๓JCe๒๐๑ บุญเลิศ จันดีนุพาบ๒ ๕๓๓JCe๒๐๔ พิเชษฐ เทบารุง๓ ๕๓๓JCe๒๐๕ ๑รร.มัธยมวานรนิ วาส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ๒วิทยาลัยครู สะหวันนะเขต สปป.ลาว ๓มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร อ.พังโคน จ.สกลนคร.

Download Report

Transcript วิจัยปรากฏการณ์ วทิ ยา (Phenomenology study) คณะผู้จัดทา ณรงค์ ศักดิ์ พรมวัง๑ ๕๓๓JCe๒๐๑ บุญเลิศ จันดีนุพาบ๒ ๕๓๓JCe๒๐๔ พิเชษฐ เทบารุง๓ ๕๓๓JCe๒๐๕ ๑รร.มัธยมวานรนิ วาส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ๒วิทยาลัยครู สะหวันนะเขต สปป.ลาว ๓มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร อ.พังโคน จ.สกลนคร.

วิจัยปรากฏการณ์ วทิ ยา
(Phenomenology study)
คณะผู้จัดทา
ณรงค์ ศักดิ์ พรมวัง๑
๕๓๓JCe๒๐๑
บุญเลิศ จันดีนุพาบ๒ ๕๓๓JCe๒๐๔
พิเชษฐ เทบารุง๓
๕๓๓JCe๒๐๕
๑รร.มัธยมวานรนิ วาส
อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
๒วิทยาลัยครู สะหวันนะเขต
สปป.ลาว
๓มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร
อ.พังโคน จ.สกลนคร
วิจัยปรากฏการณ์ วทิ ยา (Phenomenology study)

เป็ นแนวทางศึกษาโดยวิธีการให้บุคคลอธิบายเรื่ องราว และ
ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ตนเองประสบมา
 โดยมีฐานความคิดว่า มนุษย์จะรู ้ดีในเรื่ องที่ตนเองมี
ประสบการณ์มาก่อน
 โดยการรับรู ้และรู ้ความหมายในขณะที่มีสติสม
ั ปชัญญะ
ปรัชญาการวิจัยแนวปรากฏการณ์ วทิ ยา
เนื่องจากวิธีการวิจยั นี้อาศัยแนวคิดและทัศนะจากจากปรัชญา
ปรากฏการณ์วิทยา ซึ่งเป็ นปรัชญาประเภทจิตนิยม (idealism)
ดังนั้นจึงต้องทาความเข้าใจปรัชญานี้เพื่อจะช่วยให้เข้าใจในการทา
วิจยั ด้วยวิธีน้ ีได้ดีข้ ึน เช่น
ปรัชญาการวิจัยแนวปรากฏการณ์ วทิ ยา (ต่อ)
๑. ปรากฏการณ์วิทยาแนวสัจนิยม (Realistic phenomenology)
เน้นการค้นหาแก่นสารที่เป็ นสากลของวัตถุ / สสารต่างๆ
อย่างหลากหลาย รวมไปถึงกิจกรรมมากมายของมนุษย์
แรงกระตุน้ และตัวตนต่างๆ
ปรัชญาการวิจัยแนวปรากฏการณ์ วทิ ยา (ต่อ)
๒. ปรากฏการณ์วิทยาแนวอัตถิภาวะ (existential phenomenology)
กล่าวเกี่ยวกับการนาเอาวิธีการวิเคราะห์มนุษย์มาใช้ในฐานะที่เป็ น
หนทางสู่ ภววิทยารากฐาน (fundamental ontology)
ซึ่งพ้นไปจากภววิทยาอาณาบริ เวณต่างๆ
ปรัชญาการวิจัยแนวปรากฏการณ์ วทิ ยา (ต่อ)
๓. ปรากฏการณ์วิทยาแนวอรรถปริ วรรต (hermeneutic phenomenology)
ตามแนวคิดของ ไฮเดกเกอร์ (Heidegger; 1889-1976) เป็ นปรากฏการณ์
วิทยาการตีความ พยายามที่จะระมัดระวังในเรื่ องเกี่ยวกับวิธีการของมัน
นัน่ คือ เป็ นการอธิบายถึงระเบียบวิธีทางปรากฏการณ์วิทยา เพราะต้องการ
ใส่ ใจเกี่ยวกับการที่สิ่งทั้งหลายปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไร ต้องการปล่อยให้
สิ่ งต่างๆ พูดถึงตัวของตังเอง เป็ นวิธีการตีความอย่างหนึ่ง เพราะอ้างได้ว่
“ไม่มีปรากฏการณ์อนั ใดที่ไม่ถูกตีความโดยเรา”
การศึกษาแบบปรากฏการณ์ วทิ ยา
สามารถจาแนกได้ ๒ แนวทางใหญ่ๆ ดังนี้
๑. ประสบการณ์ของบุคคลคืออะไร และบุคคลนั้นให้ความหมาย
ต่อโลก และประสบการณ์ของเขาอย่างไร
๒. เราจะสามารถรู้ได้วา่ ประสบการณ์ของบุคคลอื่น
เป็ นประสบการณ์ที่เราไปรับรู้ได้อย่างไร
วิธีการศึกษาปรากฏการณ์ วทิ ยา
แบ่ งออกได้ ๓ ประเภท ดังนี้
๑. ปรากฏการณ์วิทยาในเชิงศาสตร์แห่งการตีความ เป็ นการศึกษา
ประสบการณ์ตรงของบุคคล ให้ความสนใจเกี่ยวกับความรู ้สึก
และสิ่ งแวดล้อมของบุคคล ค้นหาประเด็นเนื้อหาทางด้านวัฒนธรรมของ
มนุษย์ ความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น บุคคลที่อยูใ่ นเหตุการณ์
จะสะท้อนความรู ้สึกในเหตุการณ์น้ นั ๆ ออกมา การวิเคราะห์
จะมุ่งเจาะหาความหมาย และความรู ้สึกนึกคิดของบุคคลที่มีต่อเหตุการณ์
นั้นเป็ นการเฉพาะ
วิธีการศึกษาปรากฏการณ์ วทิ ยา
(ต่ อ)
๒. ปรากฏการณ์วิทยาเชิงประจักษ์ เป็ นการศึกษาแนวคิดและ
กระบวนการในด้านความรู้ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ การสะท้อน
ความรู้สึก ความคิด และประสบการณ์ชีวติ ที่ผา่ นมา เป็ นการ
ค้นหาพฤติกรรมของบุคคลที่แสดงออกมาโดยตรง
วิธีการศึกษาปรากฏการณ์ วทิ ยา
(ต่ อ)
๓. ปรากฏการณ์วิทยาแนวการสื บค้นด้วยตนเอง เป็ นการศึกษาเพื่อ
หาความหมายในปัญหาที่น่าสนใจ เพื่ออธิบายว่าทาไมมนุษย์จึง
มีพฤติกรรมเช่นนั้น หรื อทาไมจึงเกิดปัญหาเช่นนั้น โดยทัว่ ไป
ผูว้ จิ ยั จะต้องมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับประสบการณ์ของบุคคล
เหล่านั้น
แนวทางของการศึกษาในแนวทางของปรากฏการณ์ วทิ ยา
มีองค์ประกอบที่สาคัญ คือ
การค้นหาประเด็นปัญหาและการให้ความหมาย จาก
ประสบการณ์ตรงของบุคคลผูใ้ ห้ขอ้ มูล หรื อผูม้ ีส่วนร่ วมใน
การวิจยั เพื่อค้นหาสิ่ งที่ยงั ไม่มีใครเคยตอบมาก่อน
แนวทางของการศึกษาในแนวทางของปรากฏการณ์ วทิ ยา (ต่อ)
ไม่ใช่การอธิ บายสาเหตุ หรื อความสัมพันธ์ของตัวแปรต่าง ๆ
ผูว้ จิ ยั ต้องมีการศึกษาหาความรู้ในด้านต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจ
องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องจะทาให้การสัมภาษณ์ ครอบคลุมประเด็น
ต่าง ๆ มากที่สุด การวิเคราะห์ขอ้ มูลจะทาการจัดหมวดหมู่ของ
ข้อมูลเพื่อหาความหมายและคาตอบของสิ่ งที่ตอ้ งการศึกษา
วิธีดาเนินการวิจัย
Moustakas (1994) กล่ าวถึงวิธีดาเนินการวิจัยแนวปรากฏการณ์ วทิ ยา
เป็ น 7 ขั้นตอน
๑. กาหนดหัวข้ อ และคาถามในการวิจัยที่เหมาะสมกับวิธีการศึกษาแนว
ปรากฏการณ์ วทิ ยา
๒. ทบทวนองค์ ความรู้ เกีย่ วกับเรื่องที่ศึกษา
๓. กาหนดเกณฑ์ สาหรับเลือกบุคคลปละปรากฏการณ์ สาหรับศึกษา
๔. ให้ ข้อมูลที่จาเป็ นแก่ ผู้ที่ถูกเลือกมาศึกษา รวมทั้งจัดการกับประเด็นที่เกีย่ วกับ
จริยธรรมในการวิจัย
๕. กาหนดประเด็นหรือแนวคาถามสาหรับการสั มภาษณ์ แบบเจาะลึก
๖. ทาการสั มภาษณ์ และบันทึกการสั มภาษณ์ อย่ างละเอียด อาจจาเป็ นต้ องทาการ
สั มภาษณ์ ซ้า หลายครั้ง
๗. เตรียมข้ อมูลเพือ่ การวิเคราะห์ และดาเนินการวิเคราะห์
ปรากฏการณ์ และตัวอย่ างการงานวิจัย
ปฏิสมั พันธ์ระหว่างพยาบาลกับคนไข้
 การกระทาของพยาบาลที่จด
ั ว่าเป็ นหรื อไม่เป็ นการดูแลรักษา
ในทัศนะคนไข้
 การเป็ นผูป
้ ่ วยด้วยโรคเรื้ อรังบางชนิด เช่น เบาหวาน มะเร็ ง
 การเป็ นผูต
้ ิดเชื้อ HIV
 การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
 การเป็ นหญิง/ชายขายบริ การทางเพศ

ปรากฏการณ์ และตัวอย่ างการงานวิจัย (ต่อ)
โดยในการเลือกตัวอย่างนั้นจุดสาคัญอยูท่ ี่การเลือกเพื่อให้
ได้ผทู้ ี่เหมาะสมนัน่ คือ ต้องเป็ นผูม้ ีประสบการณ์ หรื อได้รับ
ประสบการณ์ที่นกั วิจยั เจาะจงศึกษากลุ่มตัวอย่างที่เลือกมาศึกษา
ควรเป็ นผูท้ ี่มีประสบการณ์มากพอสมควร อาจเป็ นผูท้ ี่มี
ประสบการณ์ในระดับใกล้เคียงกันหรื อแตกต่างกันก็ได้
ปรากฏการณ์ และตัวอย่ างการงานวิจัย (ต่อ)
การเลือกตัวอย่างสาหรับการวิจยั แนวปรากฏการณ์วทิ ยา
ก็ไม่แตกต่างจากวิธีการในการวิจยั เชิงคุณภาพทัว่ ๆ ไปนัน่ คือ
นักวิจยั จะ เลือกแบบเจาะจง เพื่อให้ได้ตวั อย่างที่เหมาะสมกับ
เป้ าหมายและลักษณะของการวิจยั เป็ นหลัก
การเก็บข้ อมูล
นักวิจยั แนวปรากฏการณ์วทิ ยา ใช้เครื่ องมือในการเก็บข้อมูล
ของการวิจยั ได้แก่
 การสัมภาษณ์ เป็ นการสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง
เน้นให้เป็ นธรรมชาติมากที่สุด
 การสังเกต ใช้ร่วมในการเก็บข้อมูลได้
การเก็บข้ อมูล (ต่อ)
การสัมภาษณ์แนวปรากฏการณ์วิทยานั้น มีคาถาม 3 ประเภท
ต่อไปนี้เป็ นคาถามที่มีประโยชน์
๑. คาถามเพื่อทราบรายละเอียดของปรากฏการณ์หรื อสิ่ งที่เกิดขึ้น
จากคาพูดของผูใ้ ห้สัมภาษณ์เอง
๒. คาถามถึงเหตุการณ์ที่มีลกั ษณะตรงกันข้ามกับปรากฏการณ์ที่
ศึกษา เพื่อทาความเข้าใจว่าผูต้ อบได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างจาก
ปรากฏการณ์ที่เขาได้ประสบ
๓. คาถามที่จะให้ขอ้ มูลในรายละเอียดว่า ชีวิตประจาวันของผูท้ ี่
ถูกศึกษานั้นเป็ นอย่างไร
การวิเคราะห์ ข้อมูล

การวิเคราะห์ขอ้ มูลสาหรับการวิจยั แนวปรากฏการณ์วิทยา
ในสาระสาคัญแล้วไม่ได้ต่างไปจากการวิเคราะห์ในการวิจยั
เชิงคุณภาพทัว่ ไป ทั้งในเรื่ องการเตรี ยมข้อมูล และการวิเคราะห์
เนื้อหา แต่สิ่งที่ปรากฏการณ์วทิ ยาเน้นเป็ นพิเศษในการวิเคราะห์
คือการ “กลัน่ ” เอาความหมายของปรากฏการณ์จากข้อมูล
ไม่เพียงแต่ความหมายในทัศนะของผูใ้ ห้ขอ้ มูลแต่ละรายเท่านั้น
แต่ความหมายโดยทัว่ ไปของปรากฏการณ์น้ นั ๆ ด้วย
การวิเคราะห์ ข้อมูล (ต่อ)
หลังจากเตรี ยมข้อมูลให้อยูใ่ นสภาพที่พร้อมจะวิเคราะห์แล้ว
๑. ขั้นแรกของการวิเคราะห์ จะเริ่ มด้วยให้นกั วิจยั สารวจ
ภายในตัวเอง ว่าตนเองมีอคติ หรื อมีขอ้ สรุ ปที่คิดไว้กอ่ นเกี่ยวกับ
ปรากฏการณ์ที่ศึกษานัน่ หรื อไม่ ถ้ามีตอ้ งขจัดออกไปเสี ยก่อน
ก่อนที่จะเริ่ มต้นวิเคราะห์ขอ้ มูล
การวิเคราะห์ ข้อมูล (ต่อ)
๒. ขั้นที่สองของการวิเคราะห์ เป็ นการแตกข้อมูลหรื อข้อความทั้งหมด
ออกเป็ นส่ วนย่อย ๆ ตามความหมายที่ปรากฏอยูใ่ นแต่ละส่ วน เพื่อให้
สะดวกในการคัดแยกข้อมูลออกเป็ นเรื่ อง ๆ แต่ละส่ วนของข้อมูลที่ชาแหละ
ออกมานัน่ จะถูกนิยามหรื อให้ความหมาย ต่อจากนั้นส่ วนต่างๆ จะถูกคัด
รวมกันเป็ นกลุ่ม ๆ หรื อเป็ นเรื่ อง ๆ ตามความหมายที่เชื่อมโยงกับของส่ วน
เหล่านั้น แต่ละกลุ่มก็จะประกอบด้วยข้อมูลที่เป็ นเรื่ องเดียวกันอย่างแท้จริ ง
นักวิจยั จะมองหา และให้ความสาคัญแก่เรื่ องที่เกี่ยวกับปรากฏการณ์ศึกษาเป็ น
พิเศษ
การวิเคราะห์ ข้อมูล (ต่อ)
๓. ขั้นสุ ดท้ายเป็ นการสังเคราะห์โครงสร้าง ในขั้นนี้นกั วิจยั จะ
พยายาม “กลัน่ ” เอาความหมายของปรากฏการณ์ออกมาจาก
ประสบการณ์ของตัวอย่างที่ศึกษาทุกราย นักวิจยั จะต้องมองทะลุ
ผ่านสิ่ งที่ปรากฏลงไปยังความหมายที่อยูเ่ บื้องหลังของสิ่ งนั้น
เพื่อหาแก่นของประสบการณ์ชนิดนั้นทั้งหมดตามจุดมุ่งหมาย
ที่นกั วิจยั จะต้องไปให้ถึง
ข้ อจากัดวิธีการวิจัยแนวปรากฏการณ์ วิทยา
Creswell (1998) กล่าวถึงสิ่ งต่อไปนี้วา่ เป็ นข้อจากัดและเป็ นสิ่ ง
ท้าทายความสามารถของนักวิจยั เชิงคุณภาพที่ใช้วิธีการศึกษาแนว
ปรากฏการณ์วิทยา คือ
๑. แนวคิดทางปรัชญาของปรากฏการณ์วิทยา
๒. การเลือกตัวอย่างที่เหมาะสมสาหรับศึกษา และ
๓. การขจัดความคิดและอคติส่วนตัวของนักวิจยั
สรุ ปการวิจยั แนวปรากฏการณ์ วทิ ยา
การวิจยั แบบปรากฏการณ์วิทยาเป็ นการตีความสิ่ งที่
ปรากฏให้ได้ความหมายที่แฝงซ่อนอยูเ่ บื้องลึกภายใน
จิตใจของผูป้ ระสบกับปรากฏการณ์น้ นั

จบการนาเสนอ ขอบคุณครับ