พระพทุ ธศาสนากับ การพัฒนาสั งคม (2) ดร.พระมหาสุทติ ย์ อาภากโร (อบอ่ นุ ) ผ้ อู านวยการสถาบันวิจยั พุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจฬ ุ าลงกรณราชวิทยาลัย.

Download Report

Transcript พระพทุ ธศาสนากับ การพัฒนาสั งคม (2) ดร.พระมหาสุทติ ย์ อาภากโร (อบอ่ นุ ) ผ้ อู านวยการสถาบันวิจยั พุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจฬ ุ าลงกรณราชวิทยาลัย.

พระพุทธศาสนาก ับ
การพัฒนาสังคม (2)
ดร.พระมหาสุทต
ิ ย ์ อาภากโร
(อบอุน
่ )
ผู อ้ านวยการสถาบันวิจยั พุทธ
ศาสตร ์
หัวข้อการบรรยาย
้
่
่
ความเข้าใจพืนฐานทั
วไปเกี
ยวสั
งคมและ
มนุ ษย ์
 เป้ าหมายการพัฒนาสังคมเชิงพุทธ
 กระบวนการพัฒนาสังคมเชิงพุทธ
 ธรรมะสาหร ับการพัฒนาสังคม
 หลักการนาพุทธธรรมไปใช้ในการ
พัฒนาสังคม

หลักธรรมในการ
พัฒนาสังคม
่ งเสริมชีวต
หลักธรรมเพือส่
ิ ทีร่่ วมกัน







ทาน 2
ธรรมคุ ้มครองโลก 2 (หิร ิ โอตัปปะ)
บุคคลหาได ้ยากในโลก 2
ปฏิสน
ั ถาร 2
สังคหวัตถุ 4
คารวะ 6
สาธารณิ ยธรรม 6
่
หลักธรรมเพือปกครอง
คือจัดการ
่ รว่ มกัน
ชีวต
ิ ทีดี








อธิปไตย 3
พรหมวิหาร 4
สังคหวัตถุ 4
อคติ 4
พละ 5
อปริหานิ ยธรรม 7
ราชธรรม 10
วัตถุประสงค ์ในการบัญญัตวิ น
ิ ย
ั 10
มู ลเหตุแห่งการบัญญัตวิ น
ิ ย
ั : แนว
ทางการบัญญัตก
ิ ฎหมาย
่
1. เพือการยอมร
ับว่าดีจากสงฆ ์
่
2. เพือความผาสุ
กแห่งสงฆ ์/หมู ่คณะ
่ าราบผู ไ้ ม่มค
้ าน
3. เพือก
ี วามละอาย ดือด้
่
4. เพือความผาสุ
กของผู ม
้ ศ
ี ล
ี
่ องกันความเสือมในปั
่
5. เพือป้
จจุบน
ั
่ ดกันความเสื
้
่
6. เพือปิ
อมอ
ันจะพึงมีในอนาคต
่
่
่
7. เพือความเลื
อมใสของผู
ท
้ ยั
ี่ งไม่เลือมใส
่
่
่ นของผู
้
่
8. เพือความเลื
อมใสเพิ
มขึ
ท
้ เลื
ี่ อมใสอยู
่แ
่
่
9. เพือความด
ารงมันแห่
งพระศาสนา
่
10.เพือความอนุ
เคราะห ์พระวินย
ั
มูลเหตุแห่งการบัญญัตวิ น
ิ ัย
มู ลเหตุ 10
่
1. เพือการยอมร
ับว่าดีจากสงฆ ์
ประโยชน์แก่สงฆ ์/ส
่
2. เพือความผาสุกแห่งสงฆ ์/หมู ่คณะ
่ าราบผู ไ้ ม่มค
้ าน
3. เพือก
ี วามละอาย ดือด้
่
4. เพือความผาสุ
กของผู ม
้ ศ
ี ล
ี
่ องก ันความเสือมในปั
่
5. เพือป้
จจุบน
ั
่ าราบความสกปรกอ ันจะพึงมีในอนาคต
6. เพือก
่
่
่
7. เพือความเลื
อมใสของผู
ท
้ ยั
ี่ งไม่เลือมใส
่
่
่ นของผู
้
่
8. เพือความเลื
อมใสเพิ
มขึ
ท
้ เลื
ี่ อมใสอยู
่แล้ว
่
่
9. เพือความด
ารงมันแห่
งพระศาสนา
่
10.เพือความอนุ
เคราะห ์พระวินย
ั
มูลเหตุแห่งการบัญญัตวิ น
ิ ัย
มู ลเหตุ 10
1. ต้องได้ร ับความเห็นชอบจากสงฆ ์
่
2. เพือความผาสุ
กแห่งสงฆ ์/หมู ่คณะ
่ าราบผู ไ้ ม่มค
้ าน
3. เพือก
ี วามละอาย ดือด้
่
เพื
อประโยชน์
บ
ค
ุ
คล
่
4. เพือความผาสุกของผู ม
้ ศ
ี ล
ี
่ องก ันความเสือมในปั
่
5. เพือป้
จจุบน
ั
่ าราบความสกปรกอ ันจะพึงมีในอนาคต
6. เพือก
่
่
่
7. เพือความเลื
อมใสของผู
ท
้ ยั
ี่ งไม่เลือมใส
่
่
่ นของผู
้
่
8. เพือความเลื
อมใสเพิ
มขึ
ท
้ เลื
ี่ อมใสอยู
่แล้ว
่
่
9. เพือความด
ารงมันแห่
งพระศาสนา
่
10.เพือความอนุ
เคราะห ์พระวินย
ั
มูลเหตุแห่งการบัญญัตวิ น
ิ ัย
มู ลเหตุ 10
1. ต้องได้ร ับความเห็นชอบจากสงฆ ์
่
2. เพือความผาสุ
กแห่งสงฆ ์/หมู ่คณะ
่ าราบผู ไ้ ม่มค
้ าน
3. เพือก
ี วามละอาย ดือด้
่
4. เพือความผาสุ
กของผู ม
้ ศ
ี ล
ี
่
่ องก ันความเสือมในปั
่
เพือประโยชน์
5. เพือป้
จจุบน
ั
่ ดกนความเสื
้ั
่
6. เพือปิ
อมอ
ันจะพึงมีในอนาคต
แก่ความบริสุทธิแ์
่
่
่
7. เพือความเลื
อมใสของผู
ท
้ ยั
ี่ งไม่เลือมใส
่
่
่ นของผู
้
่
8. เพือความเลื
อมใสเพิ
มขึ
ท
้ เลื
ี่ อมใสอยู
่แล้ว
่
่
9. เพือความด
ารงมันแห่
งพระศาสนา
่
10.เพือความอนุ
เคราะห ์พระวินย
ั
มูลเหตุแห่งการบัญญัตวิ น
ิ ัย
มู ลเหตุ 10
1. ต้องได้ร ับความเห็นชอบจากสงฆ ์
่
2. เพือความผาสุ
กแห่งสงฆ ์/หมู ่คณะ
่ าราบผู ไ้ ม่มค
้ าน
3. เพือก
ี วามละอาย ดือด้
่
4. เพือความผาสุ
กของผู ม
้ ศ
ี ล
ี
่ องก ันความเสือมในปั
่
5. เพือป้
จจุบน
ั
่ าราบความสกปรกอ ันจะพึงมีในอนาคต
6. เพือก
่
่
่
7. เพือความเลื
อมใสของผู
ท
้ ยั
ี่ งไม่เลือมใส
่
เพื
อประโยชน์
แ
ก่
ป
่
่
่
้
่
่
8. เพือความเลือมใสเพิมขึนของผู ท
้ เลื
ี อมใสอยู ่แล้ว
่
่
9. เพือความด
ารงมันแห่
งพระศาสนา
่
10.เพือความอนุ
เคราะห ์พระวินย
ั
มูลเหตุแห่งการบัญญัตวิ น
ิ ัย
มู ลเหตุ 10
1. ต้องได้ร ับความเห็นชอบจากสงฆ ์
่
2. เพือความผาสุ
กแห่งสงฆ ์/หมู ่คณะ
่ าราบผู ไ้ ม่มค
้ าน
3. เพือก
ี วามละอาย ดือด้
่
4. เพือความผาสุ
กของผู ม
้ ศ
ี ล
ี
่ องก ันความเสือมในปั
่
5. เพือป้
จจุบน
ั
่ าราบความสกปรกอ ันจะพึงมีในอนาคต
6. เพือก
่
่
่
7. เพือความเลื
อมใสของผู
ท
้ ยั
ี่ งไม่เลือมใส
่
่
่ นของผู
้
่
8. เพือความเลื
อมใสเพิ
มขึ
ท
้ เลื
ี่ อมใสอยู
่แล้ว
่
่
9. เพือความด
ารงมันแห่
งพระศาสนา
แก่ศาสนา/หลักการ
่
10.เพือความอนุ
เคราะห ์พระวินย
ั
่
หลักธรรมเพือปกครอง
คือจัดการ
่ รว่ มกัน
ชีวต
ิ ทีดี








อธิปไตย 3
พรหมวิหาร 4
สังคหวัตถุ 4
อคติ 4
พละ 5
อปริหานิ ยธรรม 7
ราชธรรม 10
วัตถุประสงค ์ในการบัญญัตวิ น
ิ ย
ั 10
่
หลักธรรมเพือความสั
มพันธ ์ใน
สังคม





อ ัคคิ 3
ฆราวาสธรรม 4
มิตรแท้-มิตรเทียม 4
ทิศ 6
กัลยาณมิตรธรรม 7
่
หลักธรรมเพือความเป็
นอยู ่ดท
ี าง
เศรษฐกิจ







ปาปณิ กธรรม 3
ทิฏฐธัมมิกต
ั ถ4
ปัจจัย 4
โภควิภาค 4
ประโยชน์จากทร ัพย ์ 5
โภคอาทิยะ 5
กามโภคี 10
หลักการนาธรรมะไปประยุกต ์ใช้ใน
การพัฒนาสังคม
1. ยึดธรรมะ (หน้าที)่ เป็ นใหญ่
“...อาหาร การนอน ความกลัว
้ ตว ์
ภัย เมถุนคือการเสพกาม ทังสั
และมนุ ษย ์มีอยู ่เหมือนกันหมด
่ าให้คนต่างจาก
ธรรมนั่นเองทีท
่
่ มธ
ี รรมหรือเสือม
สัตว ์ คนทีไม่
จากธรรม จึงเสมอกันกับสัตว....”
์
2. มีกติกา กฎเกณฑ ์ในการ
ดาเนิ นการ
๊
(ตามหลัก่ คุณธรรมของเหล่าจือ)
 เพราะเสือมจากคุณธรรม
จึงมีเมตตา
ธรรม
่
 เพราะเสือมจากเมตตาธรรม
จึงมี
จริยธรรม
่
 เพราะเสือมจากจริ
ยธรรม จึงมีจารีต
ประเพณี
่
 เพราะเสือมจากจารี
ตประเพณี จึงมี
กฎหมาย
3. มีวธ
ิ แ
ี ห่งการปฏิบต
ั โิ ดย
ชอบ
1. ปฏิบต
ั บ
ิ นความเสมอภาค
สีลสามัญญตา
= เสมอภาค
ในศี
ล
/ระเบี
ย
บ
ทิฏฐิสามัญญตา = เ ส ม อ ภ า คใ น
่
2. ปฏิบต
ั ความเห็
เิ พือให้
เกินดความสุขแก่บุคคล
และสังคม
4. บริหารตน บริหารคน
บริหารงาน ให้ชอบ
 เพือ
่ ให ้เกิดสุข
 เพือ
่ กระบวนการทีม
่ ค
ี วามสุข
 เพือ
่ ให ้เป็ นสุข
 เพือ
่ ประโยชน์เกือ
้ กูล
ตัวอย่างการนาหลักธรรมไปใช้ใน
การพัฒนาสังคม





พจนานุ กรมขีดความสามารถของพระสงฆ ์พระ
นักพัฒนา (Dictionary Competency) ขีด
ความสามารถหลักของพระสงฆ ์พระนักพัฒนา Core
Competency of Monk (CCM)
1. ความรู ้ในหลักพุทธธรรม
CCM1
ื่ สาร
2. ความสามารถในการเทศน์สอ
CCM2
3. ภาวะความเป็ นผู ้นา
CCM3
ั พันธ์
4. ความมีมนุษยสม
ตัวอย่างการนาหลักธรรมไปใช้ใน
การพัฒนาสั์เพืงอที
่ คม
่
 ขีดความสามารถของพระสงฆ
จะหนุ
นเสริม






การแก้ไขปั ญหาความยากจน/การพัฒนาด้าน
เศรษฐกิจ Functional Competency of Monk (FCM)
ความรู ้ในหลักเศรษฐศาสตร ์แนวพุทธ
FCM1
่ นเสริมการแก้ไขปั ญหา
ความรู ้ในหลักธรรมะทีหนุ
ความยากจน FCM2
ความสามารถในการถ่ายทอดธรรมะ
FCM3
ความสามารถในการประสานงาน
FCM4
ความสามารถในการใช้สอเทคโนโลยี
ื่
FCM5
ความสามารถในการปร ับตัว
FCM6
ตัวอย่างกลุ่มฮักเมือง
น่ าน
บวชป่ า
สืบชะตา
แม่น้ า
ศู นย ์
ประสานงาน
ประชาคม
จังหวัดน่ าน
ก่อตง้ั พ.ศ
2529
เครือข่ายองค ์กรชุมชน
่ พ.ศ.
404 กลุม
่ เมือ
2540
ร ัฐรู ้ถึงพลังประชาชน
เครือข่ายอนุ ร ักษ ์
ป่ า
ให้โอกาสป่ าฟื ้ น
ต ัว
3 ปี เห็นผล
เครือข่ายอนุ ร ักษ ์
ปลา
กว่า 100 แห่ง
ให ้โอกาสปลาแพร่
พันธุ ์
้
ปลากลับสูล
่ านาใน
1 ปี
่
การระดมความคิดเห็นเพือ
พัฒนาจังหวัด
ตัวอย่างการพัฒนาสังคมที่ OITA



การพัฒนาสินค้า OVOP: One Village One
Product Movement เมืองโออิตะใช้เวลากว่า
25 ปี โดยดาเนิ นการอย่างต่อเนื่อง เกิดจาก
่
แนวความคิดทีจะแก้
ไขปั ญหาความยากจนและ
การมีงานทาของแม่บา้ นเกษตรกร โดยผู ว้ า
่
ราชการ นายโมริฮโิ กะ ฮิรามัทซึ (Morihiko
Hiramatsu)
่
เนื่องจากเมืองโออิตะ เป็ นเมืองทีชาวญี
ปุ่่ นมี
ความรู ้สึกว่าเป็ นบ้านนอก อยู ่ใต้สุดของเกาะกิว
่ มผ
ชิวใต้ ทาให้เป็ นเมืองทีไม่
ี ู ใ้ ดสนใจ
้ ชาวเมืองโออิตะมีแนวความคิดทีจะสร
่
ด ังนัน
้าง
ความน่ าสนใจให้แก่บา้ นเมืองของตน โดยนา
้ บวกกับภู
่
่ มา
ทร ัพยากรในพืนที
มป
ิ ั ญญาท้องถิน
่
พัฒนาและสร ้างมู ลค่าเพิม




้ พฒ
่
จากนันก็
ั นาสินค้า OVOP สร ้างมู ลค่าเพิม
เป็ นแบรนด ์เนมของโออิตะเอง จนเมืองโออิตะ
่ ชอเสี
กลายเป็ นเมืองทีมี
ื่ ยงด้าน OVOP แผ่
่
กระจายไปทัวโลก
ถือเป็ น Benchmarking ที่
นานาประเทศยอมร ับนาไปประยุกต ์ใช้ เช่น
่
เมืองเซียงไฮ้
ประเทศจีนนาไปทา One Factory
One Product
เมืองเคดะ ประเทศมาเลเซีย : Satu Kampung,
Satu Product
เมืองหลุยเซียนา USA : One Parich, One
Product

หลักการพัฒนา OVOP ของผู บ
้ ริหารเมืองโออิตะ
่
คือ แทนทีจะค
านึ งเพียงผลิตภัณฑ ์มวลรวม
ประชาชาติ (GNP) ให้คานึ งถึงความพอใจมวล
รวมประชาชาติดว้ ย (GNP: Gross National
Product to GNS: Gross National
้
Factisfaction) โดยมีแนวคิดพืนฐานหลั
ก3
ประการ (3 Basic Principles) คือ


่ หรือ ภู มป
คิดระด ับโลก แต่ทาระด ับท้องถิน
ิ ั ญญา
่ ่สากล (Local to Global) คือ ผลิตสินค้า
ท้องถินสู
่
่
่ ทีสามารถ
่
ทีคงกลิ
นสี
และวัฒนธรรม ท้องถิน
่
่
เข้าถึงรสนิ ยมของผู บ
้ ริโภค ทัวประเทศและทั
วโลก
่ นสินค้าทีมี
่ เอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะถิน
่
ยิงเป็
่ ชอก้
้ ด ังนัน
้
มากเพียงไร ก็จะ ยิงมี
ื่ องโลกได้เพียงนัน
่
การผลิต สินค้ามิใช่เพียงเพือสนองความต้
องการ
้ แต่ตอ
ของ ชุมชนเท่านัน
้ งคานึ งถึงมาตรฐานใน
ระด ับประเทศหรือสากลด้วย
่
และคิดอย่าง สร ้างสรรค ์
เป็ นอิสระ พึงพาตนเอง
(Self-reliance and Creativity) กล่าว คือ
กิจกรรมต่างๆ ต้องมาจากความต้องการ ของคน
่
ในชุมชนโดยตรงคือ ประชาชนใน ท้องถินเป็
นผู ้
ตัดสินใจว่าจะพัฒนาสินค้าใด เข้าร่วมโครงการ
(สามารถเลือกได้มากกว่า 1 ชนิ ด) ส่วนหน่ วยงาน
่ ยงให้ การสนับสนุ นเทคโนโลยีและ
ร ัฐมีหน้าทีเพี

การพัฒนาทร ัพยากรมนุ ษย ์ (Human
่ นเป้ าหมาย
Resource Development) ซึงเป็
่ จริงของ
่
แท้
สู งสุดของ OVOP แรงขับเคลือนที
่ าเป็ น
การพัฒนาภู มภ
ิ าค คือ “มนุ ษย ์” ซึงจ
่ จะต้
่
อย่างยิงที
องมีความกล้าท้าทาย และมี
วิสย
ั ทัศน์กว้างไกล จึงจะสามารถเป็ นผู น
้ า
กระบวนการพัฒนาในแต่ละชุมชนได้ อ ันจะ ทา
ให้เศรษฐกิจของภู มภ
ิ าคพัฒนาไปได้อย่าง
้ คาว่า
อ ัตโนมัตแ
ิ ละเป็ นธรรมชาติ ด ังนัน
้
“ผลิตภัณฑ ์” ไม่ได้หมายถึง “สินค้า” เท่านัน
แต่หมายถึงผลิตผลจากความ สามารถของ
โดยกาหนดแนวทางแห่ง
ความสาเร็จ 6 ประการ คือ






การสร ้างจิตสานึ ก Awareness Building
่ คณ
่
การค้นหามรดกทีมี
ุ ค่าของท้องถิน
Identifying of the local Treasure
้
ความอุตสาหะคือพืนฐานของพลั
ง
Perseverance is the Base of Power
่
การสร ้างมู ลค่าเพิมของผลิ
ตภัณฑ ์ Making
High value-added products
่
การสร ้างความมันคงด้
านการตลาด Securing
Marketing Channels
การพัฒนาคน Human Resource


กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ ์ OVOP ของ
่ ลก
“โออิตะ” เป็ นกระบวนการทีมี
ั ษณะ
เฉพาะต ัวและเป็ น “การพัฒนาจากภายใน”
่ นกระบวนการทีมี
่ รากเหง้าคือ มิได้ เกิด
ซึงเป็
้
จากนโยบายร ัฐ (ทังในระด
ับชาติและ ภู มภ
ิ าค)
่
แต่เกิดจากการริเริมและผลั
กด ัน ของคนใน
ชุมชน
การพัฒนาจากภายในของ OVOP คือ การ
สร ้างอรรถประโยชน์สูงสุดจากทร ัพยากรใน
่ เพือปร
่
ท้องถิน
ับปรุงมาตรฐานความเป็ นอยู ่
่
่
ของคนในชุมชน โดยยังคงกลินอายของสิ
งแวดล้อมทางธรรมชาติ การวัดความเจริญ
่
แนวคิดแบบญีปุ่่ น
 คิดกว้าง
 มองไกล
 ใฝ่สู ง
 ชอบธรรม
คิดแบบญีปุ่่ น








คิดกว้าง คือ อย่าคิดถึงแต่ต ัวเอง
มองไกล ก็คอ
ื ต้องมองไปอีก 100 ปี ข้างหน้า
่
ใฝ่สู ง ก็คอ
ื ใฝ่ทีจะให้
เราอยู ่รว่ มกันอย่าง
ร่มเย็นและสันติ
ชอบธรรม คือ มีความถูกต ้อง โปร่งใส สุจริต
ทีเ่ กิดปั ญหาทุกวันนี้ ก็เพราะคนไทยยัง “คิด
่
แคบ มองใกล้ และ ใฝ่ตา”
คิดแคบ ก็คอ
ื คิดแต่ประโยชน์ของตัวเอง
มองใกล้ ก็คอ
ื มองแต่พวกพ้องของตัวเอง
่ ก็คอ
ใฝ่ตา
ื ใฝ่แต่อยากได้เงินได้ทอง

คิดกว้าง-มองไกล-ใฝ่สู ง
พาจู งจิตไม่ไหลหลง
่
่
ทิฏฐิมเิ บียงเที
ยงตรง
่
สู งส่งซึงธรรมอ
าไพ
เปรียบ...อินทรีทองครองฟ้า
่
เหินสง่ าสู งจริงยิงใหญ่
ทัศนะเห็นอย่างกว้างไกล
ยากไซร ้หาเทียบเปรียบปาน

่
คิดแคบ-มองใกล้-ใฝ่ตา
ระส่าจิตปรุงฟุ้ งซ่าน
วุน
่ วายเวียนวนคนพาล
อลหม่านอิดหนาระอาใจ
ดุจ...นกกระจอกงอกง่ อย
มัวคอยคิดปองมองใกล้
่
จิกตีกน
ั นัวทัวไป
่ นตา
เห็นได้ทุกถินชิ