สื่ อการสอนประกอบ วิชาภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ เรื่อง ไตรภูมพิ ระร่ วง ตอน มนุสสภูมิ จัดทาโดย นางสุ ชารัตน์ เรืองจิรโรจน์ ครู อันดับ คศ.

Download Report

Transcript สื่ อการสอนประกอบ วิชาภาษาไทย ท ๓๓๑๐๑ เรื่อง ไตรภูมพิ ระร่ วง ตอน มนุสสภูมิ จัดทาโดย นางสุ ชารัตน์ เรืองจิรโรจน์ ครู อันดับ คศ.

่
สือการสอนประกอบ
วิชาภาษาไทย ท
๓๓๑๐๑
่
เรือง ไตรภู มพ
ิ ระร่วง
ตอน
มนุ
ส
สภู
ม
ิ
จัดทาโดย นางสุชาร ัตน์ เรืองจิรโรจน์
ครู อ ันด ับ คศ.
๓
โรงเรียนอุดมดรุณี อาเภอเมือง
จังหวัดสุโขทัย
้ การศึ
่
สานักงานเขตพืนที
กษา
ไตรภู มพ
ิ ระ
ร่วง
แก ้ววรรณกรรม พระราชนิพนธ์
ของ
พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พญาลิไท)
นัดดา ของ
พ่อขุนรามคาแหงมหาราช เมือ
่ ครัง้
ไตรภู มพ
ิ ระ
ร่วง
ตอน มนุ สส
ภู ม ิ
ไตรภู ม ิ คือ
อะไร
เดิม เรียก เตภู มก
ิ ถา
่
คือ เรืองราว
ของสามโลก หรือ สาม
ภู ม ิ ได้แก่
กามภู ม ิ
รู ปภู ม ิ
อรู ปภู ม ิ
กาม
ภู ม ิ
โลกของผู ย
้ งั ติดอยู ่ในกามกิเลส
๒ แดน มี ๑๑ ชน้ั
๑. สุคติภูม ิ ประกอบด้วย นุ สสภู ม ิ และสวรรค ์ภู ม ิ
คือ ฉกามาพจร
-
จาตุมหาราชิกา
ดาวดึงส ์
ยามา
ดุสต
ิ
นิ มมานรดี
ปรนิ มมิตวสวัตดี
๒. อบายภู ม ิ (ทุคติภูม)ิ แดน
่
ฝ่ายเสือม
ได้แก่
- นรก
- ดิร ัจฉานภู ม ิ
- เปรตภู ม ิ
รู ป
ภู ม ิ
รู ป
ภู ม ิ
่ ่ของพรหมทีมี
่ รูปมี
ทีอยู
้ น
้
ทังสิ
๑๖ ชน้ั
ต้องบาเพ็ญสมาธิจนได้ฌาน
อรู ป
ภู ม ิ
อรู ปภู ม ิ
แดนของพรหมไม่มรี ู ป มีแต่จต
ิ
หรือวิญญาณ
้ั
มีทงหมด
๔ ชน้ั
ไตรภู มพ
ิ ระร่วง
สอนอะไร?
่
“ความเปลียนแปรของ
่
สรรพสิง คือ อนิ จจ
ลักษณะ”
มนุ สสภู ม ิ
กาเนิ ดแห่ง
มนุ ษย ์
่
ในความเชือ
ของพญาลิไท?
่
เมือแรกเป็
นเพียง “กลละ” หรือ
Cell ขนาดเล็ก
ผิรป
ู อันจะเกิดเป็ นชายก็ดี หญิงก็ดี เกิดมี
เป็ น อาทิ
้
โดยใหญ่แต่ละ
วัน
้ั
แลน้อย ครน
๗ วัน
เรียกว่า อม
ั พุ
ทะ
้ั ๗ วัน วัน
ครน
้
ขึน
่
่
่
ดังตะกั
วเชื
อม
อยู ่ในหม้อ
เรียกว่า เปสิ
้ อยใหญ่ไปทุกว ันครน
้ั ๗ วัน
ฆนะ นันค่
เป็ นตุม
่ ออกห้าแห่ง
ด ังหู ดเรียกว่า เบญจสาขาหู ด
เบญจหูดนั้นเป็ นมือ ๒ อัน เป็ นตีน ๒
อัน
้
แลแต่นน
ั
ค่อยไป
้
เบืองหน้
า
้ั
ทุกวันครน
๗ วัน
เป็ นฝ่ามือ
้ อ
เป็ นนิ วมื
้
นิ วตีน
คารบ ๔๒ จึง
เป็ นขน
เป็ นเล็บตีน เล็บ
มือ
่
เป็ นเครืองส
าหรบ
มนุ ษย ์
ถ้วนทุกอ ันแล
้
แลกุมารนัน
นั่งกลางท้อง
แม่
แลเอาหลังมา
ต่อหลังท้องแม่
่ มารอยูใ่ น
เมือกุ
ท ้องแม่น้ัน
ลาบากนักหนา
ก็ชนและเหม็
ื้
น
่ ด
กลินตื
แลเอือน ๘๐
ครอก
้ กลวงดังสาย
อ ันว่าสายดือแห่งกุมารนัน
้
ก้านบัว อ ันมีชอว่
ื่ าอุบล จงอยไส้ดอ
ื นัน
้
ข้าวน้ าอาหารใดอ ันแม่กน
ิ ไสร ้ แลโอชา
้ เป็ นน้ าชุม
รสนันก็
่
้
เข้าไปในไส้ดอ
ื นันแลเข้
าไปในท้อง
้
กุมารนันแล
้
้ อหลังท้อง
เบืองหลั
งกุมารนันต่
แม่ แลนั่งยองอยู ่ในท้องแม่
้
แลกามือทังสอง...
้
กุมารนันอยู
่ใน
ท้องแม่บ่ห่อนได้
หายใจเข้าออก
เสียเลย
บ่หอ
่ นได้เหยียดตีน
เหยียดมือออก ดัง่
้
้
เราท่านทังหลายนี
สักคาบเลย
คนผู ใ้ ดอยู ่ในท้อง
แม่ ๖ เดือน
แลคลอดบ่ห่อนจะ
ได้สก
ั คาบ
เมือจะออกจาก
้
ท้องแม่ วันนัน
ไสร ้
จึงลม
กรรมชวาต
พัดให้หวั ผู น
้ ้อย
้
นันลงมาสู
ท
่ จะ
ี่
ออก
แลคับแคบ
แอ่นยัน
้ั
้ั
่
ครนออกจากท้
องแม่แต่นนไป
เมือ
้
หน้ากุมารนัน
้ั
ผิแลคนผู ม
้ าแต่สวรรค ์... ครน
ว่าออกมาไสร ้
ผิคนอ ันมาแต่นรกก็ด ี แลมาแต่
เปรตก็ดม
ี น
ั คานึ งถึงความอ ันลาบาก
้ ครนว่
้ั าออกมาก็ร ้องไห้แล
นัน
น่ าสังเกตไหมว่าเหตุใดผู ้
่
แต่งจึงเข้าใจเรืองก
าเนิ ด
มนุ ษย ์อย่างความคิด
วิทยาศาสตร ์ จนแทบไม่
่ านี่ คือ
น่ าเชือว่
ผลงานกวีโบราณ
้
สรุปเนื อหาไตรภู
มพ
ิ ระร่วง ตอน
มนุ สสภู ม ิ
ผูแ้ ต่ง
– พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไทย)เป็ นกษัตริย ์องค ์ที่ 5 ของ
สุโขทัย
่ ม
ชือเดิ
– เตภู มก
ิ ถา หรือ ไตรภูมก
ิ ถา
ความหมาย
่
– เรืองราวของสามโลก
คือ กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ
จุดมุ่งหมาย
้ ้เห็นคุณและโทษของโลกทังสาม
้
่ แต่การแปรเปลียนไม่
่
– ชีให
ทีมี
แน่ นอน
มีแต่อนิ จจลักษณะ
้ ้มนุ ษย ์หาทางหลุดพ้นไปจากโลกทังสามเพื
้
่
– ชีให
อไปอยู
่ในโลกุตรภู ม ิ
หรือนิ พพาน
่
่ อหาจากนรกภู
้
– เน้นเรืองกฎแห่
งกรรม โดยเริมเนื
มิ
ผลจากการฟัง – ทาให ้บรรลุนิพพาน
คุณค่า
ด้านวรรณคดี
– เป็ นหลักฐานแสดงให ้เห็นว่าคนไทยรู ้จักแต่งวรรณคดีตงั ้ แต่สมัย
สุโขทัย
ด้านศาสนา
– เป็ นการนาเสนอปรัชญาทางพุทธศาสนา
ด้านจริยธรรม
– กาหนดกรอบการปฏิบต
ั ต
ิ นให ้คนในสงั คมทัง้ ผู ้ปกครองและผู ้ถูก
ปกครอง ทาให ้สงั คมสงบสุข
ด้านประเพณี และวัฒนธรรม
ื่ ทีต
่ ระเพณีและวัฒนธรรมใน
– แสดงให ้เห็นความเชอ
่ กทอดมาสูป
่
ปั จจุบน
ั เชน
– การจัดดอกไม ้ธูปเทียนให ้คนตายก่อนปิ ดฝาโลง เพือ
่ ให ้ผู ้ตายนา
ั การะพระจุฬามณี เจดีย ์ในสวรรค์
ดอกไม ้นัน
้ ไปสก
– การเผาศพในเมรุเปรียบเสมือนการเดินทางขึน
้ เขาพระสุเมรุไปสู่
สวรรค์
ด้านศิลปะ
แนวคิด
– การเกิดในท ้องมารดาเป็ นทุกข์แบบหนึง่ ไม่ใช ่
เรือ
่ งน่ายินดีเลย
่
– กวีมค
ี วามรู ้เรืองการก
าเนิ ดมนุ ษย ์ตามแบบ
วิทยาศาสตร ์
การใช้ภาษา
– มีการใชค้ าเป็ นจังหวะน่าฟั ง
ั ผัสคล ้องจอง
– มีการใชค้ าสม
้
– มีการใชโวหารภาพพจน์
โดยเฉพาะอุปมา
โวหาร
การเกิดมนุ ษย ์
•
•
•
•
•
•
•
•
•
•
ปฏิสนธิ -> กัลละ (ขนาด เศษ 1 ส่วน256 ของเส ้นผม)
้ ้างเนื อ)
้
7 วัน
-> อ ัมพุทะ (นาล
้
้ อ)
14 วัน -> เปสิ (ชินเนื
้ แท่งเนื อ้ ขนาดเท่าไข่ไก่)
21 วัน -> ฆนะ (ก ้อนเนื อ,
28 วัน -> เบญจสาขาหู ด (มีหวั แขน2 ขา2) ครบ 1
เดือน
้ อ ลายนิ วมื
้ อ
35 วัน -> มีฝ่ามือ นิ วมื
42 วัน -> มีขน เล็บมือ เล็บเท ้า (เป็ นมนุ ษย ์ครบ
สมบูรณ์)
50 วัน -> ท่อนล่างสมบูรณ์
84 วัน -> ท่อนบนสมบูรณ์
184 วัน -> เป็ นเด็กสมบูรณ์ นั่งกลางท ้องแม่ (6เดือน)
การคลอด/การเกิด
•
•
•
•
•
•
ท ้อง 6 เดือนคลอด - >ไม่รอด
ท ้อง 7 เดือนคลอด ->ไม่แข็งแรง
การเกิด
มาจากสวรรค์ -> ตัวเย็น ออกมาแล ้วหัวเราะ
มาจากนรก -> ตัวร ้อน ออกมาแล ้วร ้องไห ้
*** ลมกรรมชวาต = ลมเกิดแต่กรรม ดันให ้เด็ก
คลอดออกมา
กาลทัง้ 3 ของมนุ ษย ์
•
•
•
•
•
กาล 1 แรกเกิดในท้องแม่
กาล 2 อยู ่ในท้องแม่
กาล 3 ออกจากในท้องแม่
* คนธรรมดา ไม่รู ้ต ัว จาไม่ได้ทง้ั 3 กาล
* พระปั จเจกโพธิเจ้า/ พระอรหันตาขีณาสพ
เจ้า / พระอ ัครสาวกเจ้า 2 กาลแรกรู ้ตัว จาได้
แต่ลม
ื กาลที่ 3
่
• *** ควรอิมสงสารแล
= เกิดเป็ นคนควรใช้
ชีวต
ิ ให้คม
ุ ้ ค่า
โวหารในไตรภู ม ิ
อุปมาโวหาร แสดงให้เห็นความทุกข ์ของการเกิด
่
่ ั งเมือฝนตก
่
- เลือดแลน้ าเหลืองย้อยลงเต็มตนทุกเมือแล
ดุจดงลิ
้ั
แลนั่งกามือเซาเจ่าอยู ่ในโพรงไม้นนแล
- ในท้องแม่ร ้อนนักหนา ดุจดงั เราเอาใบตองเข้าจ่อตน แลต้มใน
้
หม้อนันไซร
้
้
้ บตน ดงคนอ
่ั
- กุมารนันเจ็
บเนื อเจ็
ันท่านขังไว้ในไหอ ันคับแคบ
หนักหนา
้ั
่ ั กทรายอ ัน
- กุมารอยู ่ในท้องแม่นนให้
เจ็บเพียงจะตายแล ดุจดงลู
่
่ั
เพิงออกแล
อยู ่ธรห้อยผิบ่มด
ิ ุจดงคนอ
ันเมาเหล้า(เหมือนลู ก
่ ั กงู อ ันหมองู เอาไป
ทรายโดนคนเมาเอาไปโยนเล่น) ผิบ่มด
ิ ุจดงลู
้
เล่น
นันแล
่ งจก
่ ั งนรกอ ันยมบาลกุมตีนแลหย่อนหัวลง
- เมือถึ
ั คลอด ดุจดงฝู
ในขุมนรก อ ันลึกได้แลร ้อยวา
่ มารคลอดออกจากท้องแม่ ออกแลไปบ่มพ
- เมือกุ
ิ น
้ ตน ตนเย็น
้
้ บตนนักหนา ดงช้
่ ั างสารท่านช ักท่านเข็น
(แม่)นันแลเจ็
บเนื อเจ็
ข้อสอบก่อนเรียน/หลังเรียน
่
่
1. ข้อใดแสดงให้เห็นว่าผู แ
้ ต่งเรืองไตรภู
มพ
ิ ระร่วงเข้าใจเรือง
กาเนิ ดของมนุ ษย ์อย่างความคิดทางวิทยาศาสตร ์
ก. ฝูงตืดแลเอือนทัง้ หลายนัน
้ คนกันอยูใ่ นท ้องแม่ ตืดแลเอือน
ฝูงนัน
้ เริมตัวกุมารนัน
้ ไสร ้
ข. ผิวรูปอันจะเกิดเป็ นชายก็ดเี ป็ นหญิงก็ด ี เกิดมีอาทิแต่เกิดเป็ น
กลละนัน
้ โดยใหญ่แต่ละวัน
แลน ้อย
ค. เมือ
่ กุมารอยูใ่ นท ้องแม่นัน
้ ลาบากหนักหนา พึงเกลียดพึง
หน่ายพ ้นประมาณนัก
ื้ แลเหม็นกลิน
ก็ชน
่ ตืดแลเอือนอันได ้ 80 ครอก
ง. ด ้วยอานาจแห่งไฟธาตุอน
ั ร ้อนนัน
้ สว่ นตัวกุมารนัน
้ บ่มไิ หม ้
เพราะว่าเป็ นธรรมดาด ้วยบุญ
กุมารนัน
้ จะเป็ นคนแล
่ “ไตรภู มพ
2. ข้อใดคือจุดมุ่งหมายของเรือง
ิ ระ
ร่วง”
่
ก. เพือสะท
้อนภาพชีวต
ิ ของคนสมัยสุโขทัย
่
ข. เพือสอนธรรมะของพระพุ
ทธเจ ้า
่
ค. เพือสอนธรรมะแกประชาชนชาวสุโขทั
ยและเป็ นการ
เผยแผ่ทาง
พระพุทธศาสนา
่ น้ าให ้มนุ ษย ์หาทางหลุดพน้ ไปจากโลกทังสามและ
้
ง. เพือชี
ไปอยูใ่ น
โลกและภพภูมท
ิ มี
ี่ ความสุขนิ ร ันดร.
3. ข้อใดคือแนวคิดสาคญ
ั ของไตรภู มพ
ิ ระร่วง ตอน มนุ สสภู ม ิ
ก. การเกิดเป็ นมนุษย์เป็ นความทุกข์อย่างยิง่
ข. การเกิดของมนุษย์ตามแนวคิดทางด ้านวิทยาศาสตร์
ค. มนุษย์เกิดมาด ้วยความยากลาบากและมีทม
ี่ าต่างๆ กัน
ง. มนุษย์เมือ
่ แรกเกิดเป็ นเพียง “กลละ” หรือเซลล์ทม
ี่ ข
ี นาดเล็ก
4. ข้อใดรวมเรียกว่า “ไตรภู ม”ิ
ก. สวรรคภูม ิ มนุสสภูม ิ นรกภูม ิ
ข. กามภูม ิ รูปภูม ิ อรูปภูม ิ
ค. โลกมนุษย์ สวรรค์ บาดาล
ง. สุคติภม
ู ิ ทุคติภม
ู ิ ฉกามาพจร
่
5. สถานทีใดจ
ด
ั ว่าเป็ นดินแดนของผู ม
้ บ
ี ุญ
ก. อุตตรกุรท
ุ วีป
ข. ชมพูทวีป
ค. อมรโคยานทวีป ง. บุรพวิเทหทวีป
้
6. “......แต่กุมารนันอยู
่ในท้องแม่ บ่หอ
่ นจะได้หายใจเข้าออก
่ั
้
้
เสียเลย บ่หอ
่ นได้เหยียดตีนเหยียดมือออกดงเราท่
านทังหลายนี
้
้ บตนดงคนอ
่ั
สักคาบหนึ่ งเลยแลกุมารนันเจ็
บเนื อเจ็
ันท่านขังไว้ใน
้
้
ไหอ ันคบ
ั แคบหนักหนา แค้นเนื อแค้
นใจ แลเดือดเนื อเดื
อดใจ
นักหนา.....”
ลักษณะใดไม่ปรากฏในข้อความข้าง
ก. การใช ้โวหารภาพพจน์
ข. การพรรณนาให ้กลัวบาปกรรม
่ นจังหวะน่ าฟัง
ค. การใช ้คาทีเป็
้ า ซ ้อนคาและการใช ้วลีซาๆ
้ เพือเน้
่ นความหมาย
ง. การซาค
่
้
7. ข้อใดเรียงลาดับก่อน – หลัง เกียวก
ับขันตอนการเกิ
ด
ของมนุ ษย ์ได้ถูกต้อง
ก. กลละ ฆนะ เปส ิ อัมพุทะ
ข. อัมพุทะ เปส ิ ฆนะ กลละ
ค. กลละ อัมพุทะ เปส ิ ฆนะ
ง. อัมพุทะ ฆนะ กลละ เปส ิ
่ มารอยู ่ในท้องแม่นนล
้ั าบากนักหนา
8. “......เมือกุ
พึงเกลียดพึงหน่ ายพ้นประมาณนัก ก็ชนแลเหม็
ื้
น
่ ดแลเอือน.....”
กลินตื
คาว่า “เอือน” ในข้อความข้างต้นนี ้ มี
ความหมายตามข้อใด
ก. พยาธิชนิดหนึง่
ข.
ค. เลือด
ง.
่ ดในการใช้คาทีแสดงความเคลื
่
่
่ อ
่
9. ข้อใดเด่นทีสุ
อนไหว
เพือสื
ให้เกิดจินตภาพ
่
ก. ในท ้องแม่น้ันร ้อนนักหนา ดุจดังเราเอา
ใบตองเข ้าจ่อตน แลต ้มใน
แลต ้มในหม้อนั้นไสร ้
่ กฟักข ้าวอันสุกนั้น แลมีลาแข ้งลาขานั้นงามดังล
่ า
ข. มีปากอันแดงดังลู
่ ากล ้วยทองฝาแฝด
งามดังล
นั้นแล
แล
้ ้าวใน
ค. อีกฝูงเทวาฟ้ าฝนนั้นก็ตกชอบฤดูกาล บ่มน
ิ อ้ ย บ่มม
ิ าก ทังข
้
้าก็บ่ห่อน
ข ้าวในนาทังปลาในน
รู ้ร่วงโรยเสียไปด ้วย
ด ้วยฝนแล ้งเลย
ง. ฝูงยมบาลเอาเชือกเหล็กแดงอันลุกเป็ นไฟไล่ กระหวัดร ัดตัวเขา แล ้ว
เขา แล ้วตระบิดให ้คอเขานั้น
ขาดออก
ออก
้
10.“.....แลมีฝูงผู ห
้ ญิงอ ันอยู ่ในแผ่นดินนันงามทุ
กคน
้ มต
่ บ่มส
รู ปทรงเขานันบ่
ิ า
ิ ู ง บ่มพ
ิ ี
บ่มผ
ิ อม บ่
่ั
มิขาว บ่มด
ิ า สีสมบู รณ์ งามดงทองอ
ันสุกเหลืองเรือง
่
้ นนิ วมื
้ อเขานัน
้
เป็ นทีพอใจฝู
งชาย
ทุกคนแลนิ วตี
้
่ ้ าครง่ ั
กลมงามนะแน่ ง เล็บตีนเล็บมือเขานันแดงดั
งน
้
อ ันท่านแต่งแล้วแลแต้มไว้ แลสองแก้มเขานันไสร
้ งาม
่ั
้
้
เป็ นนวลดงแกล้
งเอาแป้ งผัด หน้าเขานันหมดเกลี
ยง
ปราศจากมลทินหาฝ้าหาไฝบ่มไิ ด้ แลเห็นดวงหน้าเขา
่ั
้ั
ไสร ้
ดุจดงพระจั
นทร ์ว ันเพ็งบู รณ์นน.....”
้
้
“แผ่นดินนัน”
ในข้อความข้างต้นนี หมายถึ
ง
แผ่นดินใด
้
้
ก. สวรรค ์ชันดาวดึ
งส ์
ข. สวรรค ์ชันโสฬส
ค. อุตตรกุรท
ุ วีป
ง. ป่ าหิมพานต ์
เฉลย
ข้อสอบ
1. ข.
2. ข.
3.ก.
4.ข.
5.ก.
6. ก.
7. ค.
8. ก.
9. ง.
10. ค.
จบ
บริบูรณ์