ศาสนาคริสต์ เรื่อง ประวัติศาสนาและประวัติพระศาสดา จัดทาโดย นางภิราณี คงเจริญ กลุ่มสาระสั งคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ประวัติความเป็ นมาของศาสนาคริ สต์ คริสต์ ศาสนา (อังกฤษ: Christianity) เป็ นศาสนาแห่ งความรัก เพราะพระเจ้ าทรงรักมนุษย์ ทรงรักประชากรของพระองค์ ทรงสร้ าง สั ตว์ ต่างๆขึน้ มาเพือ่

Download Report

Transcript ศาสนาคริสต์ เรื่อง ประวัติศาสนาและประวัติพระศาสดา จัดทาโดย นางภิราณี คงเจริญ กลุ่มสาระสั งคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ประวัติความเป็ นมาของศาสนาคริ สต์ คริสต์ ศาสนา (อังกฤษ: Christianity) เป็ นศาสนาแห่ งความรัก เพราะพระเจ้ าทรงรักมนุษย์ ทรงรักประชากรของพระองค์ ทรงสร้ าง สั ตว์ ต่างๆขึน้ มาเพือ่

ศาสนาคริสต์
เรื่อง
ประวัติศาสนาและประวัติพระศาสดา
จัดทาโดย
นางภิราณี คงเจริญ
กลุ่มสาระสั งคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ประวัติความเป็ นมาของศาสนาคริ สต์
คริสต์ ศาสนา (อังกฤษ: Christianity) เป็ นศาสนาแห่ งความรัก
เพราะพระเจ้ าทรงรักมนุษย์ ทรงรักประชากรของพระองค์ ทรงสร้ าง
สั ตว์ ต่างๆขึน้ มาเพือ่ รับใช้ เป็ นอาหารแก่ มนุษย์ และทรงให้ มนุษย์ลงสู่ นรก
เมือ่ ไม่ ศรัทธาในพระเจ้ า
ศาสนาคริสต์ เป็ นศาสนาทีน่ ับถือศรัทธาในพระเจ้ าองค์ เดียว เชื่อว่ าพระเจ้ าเป็ น
ผู้สร้ างโลกและทุกสิ่ งทุกอย่ างรวมถึงมนุษย์ โดยใช้ เวลาเพียง 6วัน และหยุดพัก
ในวันที่ 7 เมือ่ ไม่ ถึง6000ปี ก่อน พระเจ้ า คือพระยาเวห์ (นิกายโรมันคาทอลิค,
นิกายออโธดอกซ์ ) หรือพระยะโฮวา(นิกายโปรเตสแตนต์ ) มี พระเยซู คริสต์ เป็ น
ศาสดา คริสต์ ศาสนาเชื่อในพระเจ้ าหนึ่งเดียว ซึ่งดารงในสามพระบุคคล ใน
พระลักษณะ"ตรีเอกภาพ" หรือ "ตรีเอกานุภาพ" (Trinity) คือ พระบิดา,
พระบุตร และพระจิต(พระวิญญาณบริสุทธิ์) มีพระคัมภีร์คอื พระคริสตธรรม
คัมภีร์ หรือ คัมภีร์ไบเบิล (The Bible) ศาสนาคริสต์ มผี ้ นู ับถือทั้งหมด 2,100 ล้าน
คน ถือว่ าเป็ นศาสนาทีม่ จี านวนผู้นับถือมากทีส่ ุ ดในโลก
ศาสนาคริสต์ มีรากฐานมาจากศาสนายูดาย (หรือศาสนายิว) โดยมีเนือ้ หา
และความเชื่อบางส่ วนเหมือนกัน โดยเฉพาะคัมภีร์ไบเบิลฮิบรู ที่
คริสต์ ศาสนิกชน รู้จักในชื่อ พันธสั ญญาเดิม (The Old Testament)
โดยในพระคริสตธรรมคัมภีร์ 5 เล่มแรกจากทั้งหมด 46 เล่มในภาค
พันธสั ญญาเดิม ได้ รับการนับถือเป็ น พระคัมภีร์ ของศาสนายูดาย
และศาสนาอิสลาม ด้ วยเช่ นกัน
ในพระธรรมหลายตอนได้ พยากรณ์ ถึง พระเมสสิ ยาห์ (Messiah) ที่
ชาวคริสต์ เชื่อว่ า คือ พระเยซู
คริ สตชน มีความเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ เป็ นพระบุตรของพระเจ้ าที่มาบังเกิด
เป็ นมนุษย์จากหญิงพรหมจรรย์ (สาวบริ สุทธิ์) โดยฤทธิ์อานาจของ พระ
เจ้า เพื่อไถ่มนุษย์ให้พน้ จากความบาปโดยการสิ้ นพระชนม์ที่กางเขน
และทรงฟื้ นขึ้นมาจากความตายในสามวันหลังจากนั้น และเสด็จสู่
สวรรค์ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา ผูท้ เี่ ชื่อและไว้ วางใจใน
พระองค์จะได้รับการอภัยโทษบาปและจะเข้าสู่การพิพากษาในวัน
สุ ดท้ายเหมือนทุกคน แต่จะรอดพ้นจากการถูกพิพากษาให้ตกนรกแต่จะ
เป็ นการพิพากษาเพื่อรับบาเหน็จรางวัลแทนในวันสิ้ นโลก
ประวัติพระเยซู
พระเยซู
คริสต์ ศาสนา
คาว่ า "เยซู " มาจากคาในภาษากรีกคือ "อิเอซู ส" " ส่ วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่ า
"อีซา" ตามอัลกุรอาน ความหมายคือ "ผู้ช่วยให้ รอด" เป็ นชื่อที่ใช้ กนั มากในหมู่
ชาวยิว ส่ วนคาว่ า "คริสต์ " เป็ นสมญา ซึ่งมาจากคาในภาษากรีกว่ า "คริสตอส"
ซึ่งเป็ นคาแปลของคาภาษาฮีบรู Messiah อันหมายถึง
"ผู้ได้ รับการ
เจิม" ชาวอาหรับเรียกว่ า "มะซีฮฺ" ซึ่งหมายถึงการแต่ งตั้งให้ ทาหน้ าทีส่ ู งส่ ง เช่ น
กษัตริย์มหาปุโรหิต ศาสดาประกาศก เมือ่ อาณาจักรยูดาห์ เสี ยแก่ บาบิโลน ก็สิ้น
กษัตริย์ทไี่ ด้ รับการเจิม ต่ อจากนั้น ชาวยิวก็โหยหาพระเมสสิ ยาห์ ทจี่ ะมาสร้ าง
อาณาจักรใหม่ ของพระเจ้ า "คริสต์ " จึงเป็ นชื่อตาแหน่ ง ไม่ ใช่ ชื่อตัว
ก็เรียก
เป็ น "เยซู บุตรของโยเซฟ" แต่ นักบุญเปาโลหรืออัครทูตเปาโลชอบเรียกว่ า "พระ
คริสต์ " หรือ "พระเยซู คริสต์ "
ประวัตขิ องพระเยซู
ประสู ตเิ มือ่ 4 ปี ก่อนคริสตกาล ในเมืองนาซาเร็ธ แคว้ นกาลิลี จากหญิง
พรหมจารีคนหนึ่งชื่อมารีย์ สามีชื่อโยเซฟ ทูตสวรรค์ กาเบรียลเข้ าบ้ านมาหามารีย์
แล้วว่ า “ดูเถิด เธอจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่ าเยซู ”
โยเซฟจึงทาตามคานั้น คือได้ รับมารีย์เป็ นภรรยา แต่ มไิ ด้ สมสู่ กบั เธอ
ขณะทีม่ ารีย์กาลังตั้งครรภ์ อยู่น้ ัน
มหา
จักรพรรดิซีซาร์ ออกัสตัส ได้ มรี ับสั่ งให้ จด
ทะเบียนสามะโนครัวทัว่ ทั้งแผ่ นดิน โยเซฟกับ
มารีย์จึงต้ องเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธ แคว้ น
กาลิลไี ปยังเมืองของดาวิดเมืองหนึ่ง ชื่ อเบธเล
เฮม ในแคว้ นยูเดีย เพราะโยเซฟเป็ นเชื้อสาย
ของดาวิด เมือ่ เขาทั้งสองอยู่ทนี่ ั่น ก็ถึงเวลาทีม่ า
รีย์ประสู ติ นางจึงประสู ติบุตรชายหัวปี เอา
ผ้ าอ้ อมพันและวางไว้ ในรางหญ้ า เพราะว่ าไม่ มี
ทีว่ ่ างให้ เขา ในโรงแรม
เมื่อพระเยซูอายุได้ 30 ปี ก็
ทรงรับ พิธีบัพติสมาในนา้ จาก
นักบุญยอห์น บัพติสโตที่แม่ นา้
จอร์ แดน “ครั้นพระองค์ทรงรับ
พิธีบัพติสมาในนา้ แล้วในทันใด
นั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ า และท้องฟ้ า
ก็แหวกออก และพระองค์ได้ทรง
เห็นพระวิญญาณของพระเจ้า ดุจ
นกพิราบ ลงมา
สถิตอยู่
บนพระองค์”
ผลของการที่พระเยซู ออกประกาศ, สั่ ง
สอน, รักษาโรค และทาการต่ างๆมากมาย
ทาให้ มคี นเป็ นจานวนมากติดตามพระองค์
ไป
วันต้ นเทศกาลกินขนมปังไร้ เชื้อ
พระองค์ กบั เหล่าสาวกได้ เข้ าไปในบ้ านหลัง
หนึ่งในกรุ งเยซู ซาเล็ม เพือ่ ร่ วมเสวยปัสกา
ด้ วยกัน อาหารทีพ่ ระองค์ ได้ เสวยในคืนนั้น
ประกอบด้ วยขนมปังและนา้ องุ่น ซึ่งก็เป็ น
อาหารมือ้ สุ ดท้ ายทีพ่ ระองค์ ได้ เสวยก่ อน
สิ้นพระชนม์ เพราะหลังจากทีไ่ ด้ เสวย
อาหารแล้ ว ยูดาสสาวกคนหนึ่งในสิ บสอง
คนนั้นได้ ออกจากบ้ านไป พวกสาวกที่
เหลือไม่ ทราบว่ ายูดาสไปไหน แต่ พระเยซู
ทราบว่ ายูดาสจะไปหาพวกปุโรหิตและ
พวกฟาริสี เพือ่ พาทหารมาจับพระองค์
การตรึงทีก่ างเขนและการเสด็จขึน้ สู่ ฟ้าสวรรค์
พระคริ สตธรรมคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่ ระบุวา่
พระเยซูถกู ตรึ งบนไม้กางเขนตั้งแต่เช้า "เมื่อเขาตรึ ง
พระองค์ไว้น้ นั เป็ นเวลาเช้าสามโมง" และ
สิ้ นพระชนม์บนไม้กางเขนในเวลาบ่าย "เวลานั้น
ประมาณเวลาเที่ยง ก็บงั เกิดมืดมัวทัว่ แผ่นดิน จนถึง
บ่ายสามโมง ดวงอาทิตย์กม็ ืดไป ม่านใน พระวิหาร
ก็ขาดตรงกลาง พระเยซูทรงร้องเสี ยงดังตรัสว่า
‘พระบิดาเจ้าข้า ข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิตของข้า
พระองค์ไว้ ในพระหัตถ์ของพระองค์’ ตรัสอย่าง
นั้นแล้วก็สิ้นพระชนม์
คัมภีร์
คัมภีร์ไบเบิล
คัมภีร์ไบเบิล (Bible) (มาจากภาษากรีกว่ า บิบลิออน แปลว่ า หนังสื อ) พระ
คริสตธรรมคัมภีร์ เป็ นหนังสื อที่บอกเรื่องราวเกีย่ วกับพระเจ้ า, มนุษย์ , ความบาป
และแผนการของพระเจ้ าในการช่ วยมนุษย์ ให้ รอดพ้ นจากความพินาศอันเนื่องจาก
ความบาป สู่ ชีวติ นิรันดร์ เป็ นหนังสื อทีบ่ ันทึกหลักธรรมคาสอนของศาสนาคริสต์
ซึ่งในบางเล่มมีพนื้ ฐานมาจากหลักคาสอนของศาสนายูดายของชาวยิว ชาวคริสต์
เรียกคัมภีร์ไบเบิลในชื่ออืน่ ๆ อีกหลายชื่อเช่ น พระวจนะของพระเจ้ า (Word
of God) หนังสื อดี (Good Book) และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy
Scripture)
นิกาย
นิกายของศาสนาคริสต์
1 นิกายโรมันคาทอลิก นิกายโรมันคาทอลิกเป็ นนิกายดั้งเดิมโดยศาสนิกชนที่นบั ถือศาสนานี้เชื่อ
ว่าหลักธรรมที่ตนนับถือเเละสถาบันที่ตนสังกัดสื บทอดมาจากพระเยซูคริ สต์ จึงถือว่านิกายของ
ตนเป็ นศูนย์รวมของศาสนาคริ สต์ที่มีมาตั้งเเต่เริ่ มต้นประมุขของนิกายโรมันคาทอลิก
เรี ยกว่า พระสันตะปาปาประทับอยู่ ณ กรุ งวาติกนั
2 นิกายออร์ ทอด็อก นิกายออร์ทอด็อกเกิดจากการที่จกั รวรรดิโรมันถูกเเบ่งออกเป็ น
2 ภาค คือโรมเก่าเเละโรมใหม่โดยโรมใหม่ซ่ ึงมีศูนย์กลางอยูท่ ี่กรุ งคอนสเเตนติโนปิ ล
ได้ เเต่งตั้งประมุขทางศาสนาขึ้นมาให้มีอานาจเสมอกับสังฆราชที่กรุ งโรมเก่าเหตุการครั้งนี้ สร้าง
ความไม่พอใจให้กบั ศาสนจักร จนนาไปสุ่ การเเตกเเยกเป็ น 2 นิกายโดยศาสนิกชนที่ กรุ งคอน
สเเตนติดนเปิ ลได้ประกาศเเยกตัวตั้งนิกายออร์ทอด็อกขึ้นมาเเต่หลักความเชื่อยังคงคล้ายกับนิกาย
เดิมอยูม่ าก
3 นิกายโปรเตสเเตนต์ โปรเตสเเตนเป็ นชื่อรวมของกลุมชาวคริ สต์หลายๆกลุ่มเกิดมาจากการที่
พระชาวเยอรมัน ชื่อ มาร์ติ ลูเธอร์เห็นว่าศาสนจักรมีความไม่เหมาะสมจึงเเยกออกมาตั้ง
นิกายใหม่ หลังจากลูเธอร์ต้งั นิกายใหม่กม้ ีการรวมตัวในลักษณะเช่นนี้อีกหลายกลุ่มเเละไม่ถือ
ว่าพระสันตปาปาเป็ นผูน้ าศาสนาของตน
พิธีกรรมสาคัญในศาสนา
พิธีกรรมสาคัญในคริสต์ ศาสนา
พิธีกรรมในศาสนานี้ มีสาคัญๆอยู่ 7 พิธี เรียกว่ า พิธีรับศีลศักดิ์สิทธิ์ มีดงั นี้
1. ศีลล้างบาปหรือการรับบัพติสมา เป็ นพิธีแรกที่คริสตชนต้ องรับ โดยบาทหลวงจะใช้
นา้ ศักดิ์สิทธิ์เทลงบนศีรษะพร้ อมเจิมนา้ มัน คริสมาทีห่ น้ าผาก
2. ศีลอภัยบาป เป็ นการสารภาพบาปกับพระเจ้ าโดยผ่านบาทหลวง บาทหลวงจะเป็ นผู้
ตักเตือนสั่ งสอนไม่ ให้ ทาบาปนั้นอีก และทาการอภัยบาปให้ ในนามพระเจ้ า
3. ศีลมหาสนิท เป็ นพิธีกรรมรับศีลโดยรับขนมปังและเหล้ าองุ่นมารับประทาน โดย
ความเชื่อว่ าพระกายและพระโลหิตของพระเยซู
4. ศีลกาลัง เป็ นพิธีรับศีลโดยการเจิมหน้ าผาก เพือ่ ยืนยันความเชื่อว่ าจะนับถือศาสนา
คริสต์ ตลอดไปและได้ รับพระพรของพระจิตเจ้ า ทาให้ เข้ มแข็งในความเชื่อมากขึน้
4. ศีลกาลัง เป็ นพิธีรับศีลโดยการเจิมหน้าผาก เพื่อยืนยันความเชื่อว่าจะ
นับถือศาสนาคริ สต์ตลอดไปและได้รับพระพรของพระจิตเจ้า ทาให้
เข้มแข็งในความเชื่อมากขึ้น
5. ศีลสมรส เป็ นพิธีประกอบการแต่งงาน โดยบาทหลวงเป็ นพยาน เป็ น
การแสดงความสัมพันธ์วา่ จะรักกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่
6. ศีลบวช สงวนไว้เฉพาะผูท้ ี่จะบวชเป็ นบาทหลวงและเป็ นชายเท่านั้น
7. ศีลเจิมคนไข้ เป็ นพิธีเจิมคนไข้โดยบาทหลวงจะเจิมน้ ามันลงบน
หน้าผากและมือทั้งสองข้างของผูป้ ่ วย ให้ระลึกว่าพระเจ้าจะอยูก่ บั ตน
และให้พลังบรรเทาอาการเจ็บป่ วย
สาหรับนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายออร์โธด็อกซ์ จะมีพิธีกรรมทั้ง 7 พิธี
แต่สาหรับนิกายโปรเตสแทนท์ จะมีเพียง 2 พิธีคือพิธีบพั ติสมา และ พิธี
มหาสนิท
แบบทดสอบ
1. ตามทัศนะของศาสนาคริสต์ เหตุใดมนุษย์ จึงมีลกั ษณะทีจ่ ะทาความชั่วได้
ก. เพราะมนุษย์ มบี าปแต่ กาเนิด
ข. เพราะมนุษย์ มจี ิตใจอ่ อนแอ
ค. เพราะการทาดีต้องเกิดจากการข่ มใจ
ง. เพราะมนุษย์ มเี สรีภาพ
2. พระเยซูทรงสอนว่ า "จงรักเพือ่ นบ้ าน เหมือนรักตนเอง" เพือ่ นบ้ านในที่นีห้ มายถึงใคร
ก. คริสตศาสนิกชน
ข. ผู้นับถือศาสนาอืน่
ค. สาวกของพระเยซู
ง. มนุษย์ ทุกคน
3. พิธีเข้ าเป็ นพุทธมามกะ เปรียบได้ กบั พิธีใดในศาสนาคริสต์
ก. พิธีรับศีลมหาสนิท
ข. พิธีรับศีลล้ างบาป
ค. พิธีรับศีลกาลัง
ง. พิธีรับศีลแก้ บาป
4. คาสอนของพระเยซูไม่ เน้ นเรื่องใด
ก. การทาพิธีกรรมบูชาพระเจ้ า
ข. จริยธรรมในการดาเนินชีวติ
ค. ความรักในพระเจ้ าและเพือ่ นมนุษย์
ง. การเสี ยสละโดยไม่ หวังผลตอบแทน
5. ข้ อใดถูกต้ องทีส่ ุ ดเกีย่ วกับศาสนาคริสต์
ก. นิกายออร์ ทอดอกซ์ เป็ นนิกายเก่ าแก่ ทสี่ ุ ด
ข. นิกายโรมันคาทอลิกอนุญาตให้ พระชั้นผู้น้อยแต่ งงานได้
ค. นิกายโปรเตสแตนต์ เชื่อว่ าทุกคนสามารถติดต่ อกับพระเจ้ าโดยตรงได้
ง. นิกายโรมันคาทอลิก ออร์ ทอดอกซ์ และโปรเตสแตนต์ ต่างก็เคารพยกย่ อง
มารดาพระเยซูว่าเป็ นแม่ พระ
เฉลย
1. ก
2. ง
3. ข
4. ก
5. ค