บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ การสร้ างกรอบแนวความคิด ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์ หัวข้ อ 5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร 5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร 5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก 5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน 5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั 5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร 1.

Download Report

Transcript บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ การสร้ างกรอบแนวความคิด ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์ หัวข้ อ 5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร 5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร 5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก 5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน 5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั 5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร 1.

Slide 1

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 2

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 3

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 4

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 5

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 6

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 7

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 8

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 9

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 10

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 11

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 12

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 13

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 14

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 15

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 16

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 17

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 18

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 19

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 20

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 21

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 22

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 23

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 24

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 25

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 26

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล


Slide 27

บทที่ 5 การตรวจเอกสารเพือ่ งานวิจัย และ
การสร้ างกรอบแนวความคิด

ดร.ไพศาล กาญจนวงศ ์

หัวข้ อ
5.1 ประโยชน์ของการศึกษาเอกสาร
5.2 แหล่งที่มาของเอกสาร
5.3 หลักเกณฑ์และวิธีเลือก
5.4 การจดบันทึกงานวิจยั และวิธีเขียน
5.5 การสร้างกรอบความคิดในการวิจยั

5.1 ประโยชน์ ของการศึกษาเอกสาร
1. การอ่านด้วยตนเอง จะทาให้ผวู ้ จิ ยั อะไรเป็ นความ
จริ ง อะไรเป็ นข้อคิดเห็น ช่วยมองปั ญหาได้กระจ่าง
ขึ้น
2. ช่วยให้ได้แนวคิด ความรู ้พ้นื ฐาน และทฤษฏีที่
เกี่ยวข้องกับตัวแปรที่ทาการศึกษา
3. ช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาปั ญหา
4. ช่วยนิยามปั ญหา แบะกาหนดขอบเขตของปั ญหา
5. ช่วยตั้งสมมุติฐานได้อย่างสมเหตุสมผล

6. ช่วยให้เลือกตัวอย่างงานวิจยั ได้อย่างเหมาะสม
7. หลีกเลี่ยงการทาวิจยั ที่ซ้ าซ้อน
8. ช่วยเลือกเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ช่วยเลือกสถิติในการวิเคราะห์ขอ้ มูลได้เหมาะสม
10. เป็ นแนวทางในการแปลผลและการอภิปรายผล
11. เป็ นแนวทางในการเขียนรายงานวิจยั

5.2 แหล่ งที่มาของเอกสาร
1. สถานที่
2. เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง

1. สถานที่
1. ห้องสมุดทั้งที่เป็ น เอกสารจริ ง กับ ออนไลน์
2. อินเตอร์เน็ตทั้งที่เป็ นแบบเว็บไซต์ทวั่ ไป กับ
ฐานข้อมูลออนไลน์

2. เอกสารและงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง
1. หนังสื อ ตาราที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจยั
2. ปทานุกรม ที่รวบรวมผลงานวิจยั และสารานุกรมที่
เกี่ยวข้อง
3. วารสารทางการวิจยั ต่างๆ จุลสารและเอกสารเผยแพร่
4. ปริ ญญานิพนธ์ หรื อวิทยานิพนธ์ระดับปริ ญญาโท เอก
5. หนังสื อรวมบทคัดย่อปริ ญญานิพนธ์และวิทยานิพนธ์
6. หนังสื อพิมพ์ นิตยสารต่างๆ ที่สามารถนามาอ้างอิงได้

5.3 หลักเกณฑ์ และวิธีเลือก
• 1) เนือ้ หา เลือกพิจารณาวรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องในเชิง
ทฤษฎี หรื อผลการวิจยั ที่ใกล้เคียงกับเรื่ องที่กาลังทาวิจยั ให้มากที่สุด
2) ความทันสมัย เลือกใช้วรรณกรรมหรื อผลงานวิจยั ที่ให้ความรู ้ใหม่ๆ
เนื่องจากความรู้และวิทยาการเปลี่ยนแปลงเร็ ว
• 3) ประวัตผิ ้ เู ขียนหรือผู้วจิ ัย ควรเลือกผลงานที่เรี ยบเรี ยงหรื อจัดทาโดย
ผูท้ ี่มีความเชี่ยวชาญหรื อมีประสบการณ์ในสาขานั้นเป็ นอย่างดี จะทา
ให้มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงาน
• 4) สานักพิมพ์ ควรพิจารณาชื่อเสี ยงของสานักพิมพ์ดว้ ย ซึ่งจะทาให้เรา
มีความมัน่ ใจในคุณภาพผลงานระดับหนึ่ ง
• 5) ความน่ าเชื่อถือของข้ อมูล ผูว้ ิจยั ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่คน้ คว้า
มาว่ามีความถูกต้องแม่นยาเพียงใด โดยตรวจสอบกับข้อมูลที่มีอยูแ่ ล้ว
หรื อข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ

วิธีการอ่าน
• ชื่อเรื่ อง
• จุดมุ่งหมาย
• การดาเนินการ เช่น ตัวแปรที่ศึกษา
ประชากรที่ศึกษา
• ข้อค้นพบ

5.4 การจดบันทึกงานวิจัยและวิธีเขียน
• การจดบันทึกต้องมีหวั ข้อในการจดบันทึกที่ชดั เจนเพื่อประโยชน์ใน
การอ้างอิงในรายงานวิจยั โดยบันทึกลงในบัตรขนาด 3x5 นิ้ว
• ข้อมูลที่จาเป็ นได้แก่








ชื่อผูแ้ ต่งและนามสุ กล
ชื่อหนังสื อหรื อชื่อบทความ
ชื่อโรงพิมพ์และสถานที่
วันเดือนปี ที่พิมพ์
เลขที่ของวารสาร
จานวนหน้าหรื อเลขที่หน้าในหนังสื อ
ถ้าเป็ นหนังสื อควรระบุเลขหมู่ของหนังสื อ

ขั้นตอนในการบันทึกย่ อ
1. บันทึกหัวข้อที่จาเป็ นสาหรับการอ้างอิงลงในด้านหน้าของ
บัตร 1 บัตรต่อสารสนเทศ 1 รายการ
2. บันทึกข้อความสรุ ป หรื อ คัดลอกโดย
1.
2.
3.
4.

ย่อข้อความ
คัดลอกข้อความทั้งหมด
ถอดความเป็ นสานวนของผูว้ ิจยั เอง
บันทึกแบบวิพากษ์วิจารณ์ โดยใส่ ความคิดของผูว้ ิจยั เข้าไปด้วย
แล้วสรุ ป

ตัวอย่ าง

กิจกรรม
• ให้ทาบัตรเอกสารอ้างอิง จาก
การศึกษาเอกสารในหัวข้อปัญหาที่
ได้จากบทที่ 2

การสร้ างกรอบความคิด
• ความหมาย
• ที่มาของกรอบแนวคิด
• หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
• วิธีการสร้างกรอบแนวคิด
• วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
• ประโยชน์ของกรอบแนวคิด
• สรุ ป
• ตัวอย่าง

ความหมายของกรอบความคิด
• กรอบแนวคิดคือการประมวลความคิด
รวบยอดของงานวิจยั ว่างานวิจยั ที่กาลังทา
อยูน่ ้ ี มีตวั แปรอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาเป็ น
อย่างไร อะไรเป็ นตัวแปรอิสระ อะไร
เป็ นตัวแปรตาม

ตัวอย่าง

ที่มาของกรอบแนวคิด
การกาหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ผูว้ ิจยั จะต้องกาหนด
กรอบความคิด หลักการ ทฤษฎีของการวิจยั ของตนว่าเป็ น
อย่างไร ปัญหาที่ตนต้องการศึกษานั้นตั้งอยูบ่ นทฤษฎี
ใดบ้าง โดยอาศัยแนวคิดที่ได้มาจากการศึกษาเอกสารและ
งานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. จากทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
2. จากผลงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
3. จากความคิดของผูว้ ิจยั

• จากทฤษฎีที่เกีย่ วข้ อง การศึกษาทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงตัวแปรใดสาคัญและมี
ความสัมพันธ์กนั อย่างไรแล้ว ยังทาให้กรอบแนวคิดใน
การวิจยั มีแนวทางที่ชดั เจนและมีเหตุผล

• จากผลงานวิจัยที่เกีย่ วข้ อง หมายถึงงานวิจยั ที่ผอู ้ ื่นได้ทามาแล้ว
มีประเด็นตรงกับประเด็นที่
เราต้องการศึกษา หรื อมีเนื้อหา หรื อตัวแปรบางตัวที่ตอ้ งการ
ศึกษารวมอยูด่ ว้ ย

• จากความคิดของผู้วจิ ัยที่สงั เคราะห์ข้ ึนเอง นอกจากการศึกษา
ผลงานวิจยั และทฤษฎีต่างๆที่
เกี่ยวข้องแล้ว กรอบแนวคิดยังจะได้มาจากความคิดและ
ประสบการณ์การทางานของผูว้ ิจยั เองอีกด้วย

หลักในการเลือกกรอบแนวคิด
1.
2.
3.
4.

ความตรงประเด็น
ความง่ายและไม่ซบั ซ้อน
ความสอดคล้องกับความสนใจ
ความมีประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิการ
พยาบาล

• 1. ความตรงประเด็น กรอบแนวคิดทีต
่ รงประเด็นของการ
วิจยั กล่าวคือ มีความตรงประเด็นในด้านเนื้อหา ซึ่ งพิจารณาได้จากเนื้อหาของตัว
แปรอิสระหรื อตัวแปรที่ใช้ควบคุม และระเบียบวิธีที่ใช้ในการวิจยั ในกรณี ที่มี
แนวคิดหลายๆ แนวตรงกับหัวข้อเรื่ องที่ผวู ้ จิ ยั ต้องการศึกษา ผูว้ จิ ยั ควรเลือกแนวคิด
ที่ตนเองคิดว่าตรงกับประเด็นที่ตอ้ งการศึกษามากที่สุด
2. ความง่ ายและไม่ สลับซับซ้ อน กรอบแนวคิดทีค
่ วรจะเลือกควร
เป็ นกรอบที่ง่ายแก่การเข้าใจ ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อน หากมีทฤษฎีหลายทฤษฎีที่จะ
นามาใช้เป็ นกรอบแนวคิด ผูท้ ี่ทาวิจยั ควรเลือกทฤษฎีที่ง่ายที่สุดที่สามารถอธิบาย
ปรากฎการณ์ที่ตอ้ งการศึกษาได้พอๆกัน
3. ความสอดคล้องกับความสนใจ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ควรมี
เนื้อหาเกี่ยวกับตัวแปร หรื อความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่สอดคล้องกับความ
สนใจของผูท้ ี่จะทาการวิจยั
4. ความมีประโยชน์ ต่อการปฏิบัติการพยาบาล การวิจยั นั้นควรมีกรอบแนวคิด
สะท้อนถึงประโยชน์ที่สามารถนาไปใช้ในการปฏิบตั ิการพยาบาลด้วย

วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด
• การสร้างกรอบแนวคิด เป็ นการสรุ ปโดยภาพรวมว่า
งานวิจยั นั้นมีแนวคิดที่สาคัญอะไรบ้าง มีการ
เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั
อย่างไร บางที่เรี ยกว่า รู ปแบบ หรื อตัวแบบ(model)
• วิธีการสร้ างกรอบแนวคิด กระทาได้ 2 ลักษณะ คือ
1. โดยการสรุ ปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผวู ้ จิ ยั ได้
ศึกษาจากเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
2. กาหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็ นส่ วนสาคัญใน
การศึกษาวิจยั ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจยั ที่
ได้ศึกษา

วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
การเขียนทาได้ 3 ลักษณะ คือ
1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยก
หัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1
หน้ากระดาษ
2. เขียนเป็ น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และ
ทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรื อ
3. เขียนเป็ นแผนภูมิประกอบคาบรรยาย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตวั แปรหลายตัว
หรื อตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

ประโยชน์ ของกรอบแนวคิด
การสร้างกรอบแนวคิดที่ชดั เจน จะเป็ นประโยชน์ต่อผูว้ ิจยั
และผูท้ ี่อ่านงานวิจยั ดังนี้
1. สามารถเข้าใจแนวคิดสาคัญที่แสดงถึงแก่นของปั ญหา
การศึกษาในระยะเวลาอันสั้น
2.เป็ นตัวชี้นาทาให้ผวู ้ ิจยั เกิดความมัน่ ใจว่างานวิจยั เป็ นไป
ในแนวทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. สร้างความชัดเจนในงานวิจยั ว่าจะสามารถตอบคาถามที่
ศึกษาได้
4. เป็ นแนวทางในการกาหนดความหมายตัวแปร การสร้าง
เครื่ องมือ และการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจยั
5.. สามารถเชื่อมโยงไปสู่ การกาหนดกรอบทิศทางการทา
วิจยั ได้เหมาะสม ถูกต้อง โดยเฉพาะวิเคราะห์ขอ้ มูล