วิวฒ ั นาการของสิ่ งมีชีวติ (Evolution) สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ ประมาณ 3,900 ล้ านปี มาแล้ ว ปัจจุบันพบว่ า สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง มีสิ่งมีชีวติ มากมาย หลายล้านชนิด อยู่รอบตัวเรา แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง มีรูปร่ างลักษณะ แตกต่

Download Report

Transcript วิวฒ ั นาการของสิ่ งมีชีวติ (Evolution) สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ ประมาณ 3,900 ล้ านปี มาแล้ ว ปัจจุบันพบว่ า สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง มีสิ่งมีชีวติ มากมาย หลายล้านชนิด อยู่รอบตัวเรา แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง มีรูปร่ างลักษณะ แตกต่

Slide 1

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 2

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 3

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 4

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 5

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 6

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 7

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 8

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 9

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 10

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 11

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 12

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 13

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 14

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 15

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 16

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 17

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 18

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 19

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 20

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 21

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 22

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 23

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 24

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 25

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 26

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 27

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 28

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 29

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 30

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 31

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 32

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 33

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 34

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 35

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 36

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 37

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 38

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 39

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา


Slide 40

วิวฒ
ั นาการของสิ่ งมีชีวติ
(Evolution)
สิ่ งมีชีวติ ชนิดแรก
กาเนิดขึน้ มาบนโลกเมื่อ
ประมาณ 3,900 ล้ านปี
มาแล้ ว

ปัจจุบันพบว่ า
สั ตว์ มกี ระดูกสั นหลัง
มีสิ่งมีชีวติ มากมาย
หลายล้านชนิด
อยู่รอบตัวเรา
แต่ ละชนิด สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
มีรูปร่ างลักษณะ
แตกต่ างกันไป
โปรคาริโอท

ปัจจุบัน

กาเนิดโลก

คาถาม
สิ่ งมีชีวติ ต่ างๆ เหล่ านี้
มาจากใหน
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร
สามารถดารงค์ เผ่ าพันธุ์ต่อไป
ได้ อย่ างไร

นักชีววิทยา
ศึกษาหาคาตอบต่ างๆเหล่ านี้

สิ่ งมีชีวติ มีววิ ฒ
ั นาการ

วิวฒ
ั นาการ คืออะไร

วิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงลักษณะพันธุกรรมในประชากร
ของ
สิ่ งมีชีวติ ลักษณะพันธุกรรมทีเ่ ปลีย่ นแปลง นาไปสู่ การ
เปลีย่ นแปลง โครงสร้ าง รู ปร่ าง ลักษณะ หรือ หน้ าที่
การทางาน
เมือ่ มีการสะสมในปริมาณทีม่ ากขึน้ นาไปสู่ การ
กาเนิด สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่ หรือสปี ชีส์ (Species) วงค์
(Family) ตลอดจน อันดับ (Order) และ ไฟลัม่
(Phylum) ในทีส่ ุ ด

วิวฒ
ั นาการ
ศึกษา ในระดับประชากร

ประวัติและแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการ

จากความเชื่อในอดีต
ที่เชื่อว่ าสิ่ งต่ างๆบนโลก
เกิดจากความประสงค์ ของพระเจ้ า
โดยที่เชื่อว่ า
โลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี เท่ านั้น
ความเชื่อนี้
สื บทอดติดต่ อกันมานาน

ต่ อมา คริสต์ ศตวรรษที่ 17

อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ ชาวกรีก
มีความคิดดั้งเดิมว่ า

ชีวติ อุบัตขิ นึ้ มาจากสิ่ งไม่ มชี ีวติ
เป็ นผู้ต้งั ทฤษฏี
“The Spontaneous Generation”

ลินเนียส (Carolus Linnaeus,1707-1778)
นักอนุกรมวิธานชาวสวีเดน
มีความเชื่อว่ า
สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิดมีลกั ษณะถาวรไม่ เปลี่ยนแปลงไป
จากแบบเดิม
ผลงานสาคัญของลินเนียส คือ
การศึกษาและจัดจาแนกสิ่ งมีชีวิตเป็ นหมวดหมู่
และการจัดระบบการตั้งชื่อของสิ่ งมีชีวิต โดยใช้ หลัก
Binomial nomenclature

บูฟอง (Buffon, 1707-1788)
นักวิทยาศาสตร์ ชาว ฝรั่งเศส

มีความเห็นว่ า
ลักษณะของสิ่ งมีชีวติ มีการเปลีย่ น
แปลงเนื่องมาจากอิทธิพลของสภาพแวดล้อม
“The inheritances of acquired characteristics”
โดยเชื่อว่ า
โลก มีอายุมากกว่ า 6,000 ปี

ต่ อมา
คริสต์ ศตวรรษที่ 18
ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์
เจริญก้าวหน้ ามากขึน้
มีนักวิทยาศาสตร์
แสดงความคิดเห็นแตกต่ างกัน
มีแนวความคิดอีกมากมาย
ก่อให้ เกิดเป็ น ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ

ลามาร์ ค (Lamarck, 1744-1829)
นักวิทยาศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ทีน่ าเสนอทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เป็ นคนแรก
แต่ ทฤษฎีถูกปฏิเสธ
จากนักวิวฒ
ั นาการ
เนื่องจาก
ไม่ สามารถพิสูจน์ ได้
ด้ วยวิธีทางวิทยาศาสตร์

ทฤษฎีของ ลามาร์ ค ประกอบด้ วยหลักเกณฑ์ ใหญ่ คือ
1) The Inheritance of acquired characteristics
2) Law of use and disuse
ร่ างกายและส่ วนต่ างๆมีแนวโน้ มทีจ่ ะเพิม่ ขนาดตลอดเวลา

มีอวัยวะเกิดขึน้ ใหม่ เนื่องจากผลของการใช้ งาน
ส่ วนใหนทีถ่ ูกใช้ จะเจริญหรือเพิม่ ขนาด
ส่ วนทีไ่ ม่ ถูกใช้ จะลดขนาดหรือสู ญหายไป
ลักษณะทีเ่ ปลีย่ นแปลงนีส้ ามารถถ่ ายทอดไปได้

Lamarckism
“The theory of acquired characteristics”

บรรพบุรุษยีราฟคอสั้ นกว่ ายีราฟปัจจุบัน กินใบอ่อนบนยอดไม้ เป็ นอาหาร
เมือ่ ใบอ่ อนบริเวณด้ านล่ างถูกกินหมด ต้ องยืดคอเพือ่ กินยอดไม้ ทอี่ ยู่สูงขึน้ ไป
เป็ นเวลานานทาให้ คอยาวขึน้ เมือ่ ยีราฟตัวนีม้ ลี ูก ลูกทีเ่ กิดจะคอยาวเหมือน
แม่ และเมือ่ ทาเช่ นนีไ้ ปหลายชั่วรุ่ นเป็ นสาเหตุให้ ยรี าฟรุ่ นต่ อๆ มา มีคอยาว
ขึน้ เรื่อย จนในทีส่ ุ ดมีคอยาวอย่ างทีเ่ ห็นในปัจจุบัน

ปัญหาของทฤษฎี ลามาร์ ค
ไม่ สามารถทดลองพิสูจน์ ให้ เห็นจริงได้
August Weisman
นักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน
ทาการทดลองตัดหางหนูประมาณ 20 ชั่วรุ่น
ปรากฏว่ าหนูทเี่ กิดใหม่ ยงั คงมีหางตามปกติ
คัดค้ านหลักเกณฑ์ ของทฤษฏีนี้
นอกจากนีก้ ารศึกษาต่ อมาพบว่ า
การถ่ ายทอดลักษณะจะผ่ านทางเซลสื บพันธุ์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
(Darwinism)

ชาร์ ล ดาวิน : Charles R. Darwin 18091882
นักธรรมชาติวทิ ยา ชาวอังกฤษ
บิดา ของการศึกษาวิวฒ
ั นาการ
ผู้ต้งั

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก Darwinism

หลักเกณฑ์ สาคัญ
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของ

ดาร์ วนิ คือ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

แนวความคิดทีน่ าไปสู่ การนาเสนอทฤษฎี
วิวฒ
ั นาการ ของ ดาร์ วนิ
ได้ แก่
1) การเดินทางรอบโลกไปกับเรือ HMS Beagle : 1831-1836

หมู่เกาะกาลาปากอส

กาเนิดจากภูเขาไฟ
ตั้งอยู่บริเวณเส้ นศูนย์ สูตร ห่ าง
จากประเทศ อิเควดอร์ ประมาณ
600 ไมล์ มีกระแสนา้ อุ่นและนา้
เย็นไหลผ่ าน

พืชบนเกาะเป็ นชนิดทนแล้ ง
สั ตว์ ที่พบ มีลกั ษณะแตกต่ างไปจากที่อนื่

ตัวอย่ างสั ตว์ ที่สาคัญบางชนิดที่ดาร์ วนิ พบจากการศึกษา
(Darwin’s Evidence for Evolution)
นกม๊ อกกิง้ ทีม่ ีความหลากหลาย (Variation
of Mocking birds)

นกฟิ นซ์ ชนิดต่ างๆ บนหมู่เกาะกาลาปากอส

2) ความรู้จาก ไลเอลล์

(Charles Lyell, 1797-1875)
นักธรณีวทิ ยา

ชาวอังกฤษ
เขียนหนังสื อ ธรณีวทิ ยา
“The Principle of Geology”

ไลเอลล์ เป็ นผู้ที่ สนับสนุนทฤษฎี

The Principle of Uniformitarianism
“Present is the Key to the Past”
โดยเชื่อว่ า

สิ่ งทีเ่ กิดขึน้ ในปัจจุบันเป็ นอย่ างไร
ในอดีตจะเป็ นอย่ างนั้น

3)

ความรู้ทไี่ ด้ จาก มัลทัส (Thomas
Multhus) : 1766-1834
นักประชากรศาสตร์ เขียนหนังสื อ
เรื่อง “The Principle of Population”
มีใจความตอนหนึ่งที่กล่ าวว่ า

“อัตราการเพิม่ ของประชากรเป็ นแบบทวีคูณ
ในขณะทีอ่ ตั ราการเพิม่ ของอาหาร เป็ นแบบ
ผลบวกเลขคณิต”
อัตราส่ วนในการเพิม่ จึงไม่ สัมพันธ์ กัน

ดาร์ วนิ นาหลักเกณฑ์ นี้ อธิบาย ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ

4) ความรู้ทไี่ ด้ จาก วอลเลส
(Alfred R. Wallace) : 1823-1913
วอลเลส มีแนวคิดเช่ นเดียวกับดาร์ วนิ
โดยเขียนบทความเกีย่ วกับ
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ ส่ งให้ ดาร์ วนิ
ในชื่อเรื่อง
“On the Tendency of Varieties to Depart
Indifinitely From the Origin Type”
Alfred Russel Wallace

การศึกษาของวอลเลส
ทาในพืน้ ที่ หมู่เกาะมาเลย์ อาชิเพลาโก
(Malay archipelago)

Malay Archipelago
บริเวณที่ วอลเลส ทาการศึกษา

จากความรู้ต่างๆ รวมทั้งบทความของวอลเลส
ดาร์ วนิ เขียนหนังสื อ เกีย่ วกับกาเนิดของสิ่ งมีชีวติ
และ ตีพมิ พ์ในปี ค.ศ. 1859
โดยใช้ ชื่อเรื่องว่ า
The Origin of Species by Means of Natural Selection

หลักเกณฑ์ ต่างๆเหล่ านี้
ต่ อมากลายเป็ นทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
เรียก ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(The Theory of Natural Selection)

หลักเกณฑ์
ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. สิ่ งมีชีวติ แต่ ละชนิด มีความสามารถ
ในการสื บพันธุ์สูง ถ้ าทุกตัวมีโอกาส
อยู่รอดได้ เท่ ากันหมด ส่ งผลให้ ประชากร
มีจานวนเพิม่ มากขึน้
2. สมาชิกในกลุ่มประชากร มีลกั ษณะ
แตกต่ างแปรผัน มากบ้ างน้ อยบ้ าง

3. เมือ่ สมาชิกอยู่รวมกัน
มีการแข่ งขัน
แก่ งแย่ งทรัพยากร
ในการดารงชีวติ
ได้ แก่ อาหาร ทีอ่ ยู่อาศัย
และสิ่ งอืน่ ๆ
ตัวใหนที่แข็งแรงกว่า
มีความสามารถ
มากกว่ าอยู่รอดได้
ตัวทีอ่ ่ อนแอถูกกาจัด
เกิด
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)

4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
สามารถสื บพันธุ์
และ
ถ่ ายทอดลักษณะต่ อไปยังลูกหลาน
เมื่อกาลเวลาผ่ านไป
มีการสะสม
ลักษณะที่เปลีย่ นแปลงเพิม่ มากขึน้ ในทีส่ ุ ดทา
ให้ กลายเป็ น
สิ่ งมีชีวติ ชนิดใหม่

หลักเกณฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
1. ความสามารถในการสื บพันธุ์สูง

2. มีลกั ษณะแตกต่ างแปรผัน
3. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ
(Natural Selection)
4. ตัวทีถ่ ูกคัดเลือกไว้
จะสื บพันธุ์และถ่ ายทอดลักษณะ
ต่ อไปยังลูกหลาน

หลักเกณฑ์ ทฤษฏีววิ ฒ
ั นาการของดาร์ วนิ
ได้ รับการยอมรับ และ กระตุ้นให้ นักวิทยาศาสตร์
สนใจศึกษาวิวฒ
ั นาการเพิม่ มากขึน้
ปัญหาของทฤษฎีดาร์ วนิ
* รับแนวความคิดของลามาร์ คในเรื่องอิทธิพลของ
สภาพแวดล้ อม
* ไม่ สามารถอธิบายขั้นตอนการแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
* ไม่ สามารถอธิบายได้ ว่า การแปรผันลักษณะทีเ่ กิดขึน้
สามารถคงอยู่ในสภาพแวดล้ อมได้ อย่ างไร

ในระหว่ างปี 1822-1884
เมนเดล (Gregor J. Mendel)
บาดหลวงและนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย
ทาการทดลองผสมต้ นถัว่
ค้ นพบการถ่ ายทอดลักษณะพันธุกรรม
ผลการทดลองสนับสนุนให้ เห็นว่ า
การแปรผันของลักษณะในสิ่ งมีชีวติ
เกิดขึน้ ได้ อย่ างไร์

ดาร์ วนิ
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งวิวฒ
ั นาการ
เมนเดล
ได้ ชื่อว่ า
บิดาแห่ งพันธุศาสตร์

ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการปัจจุบัน

Modern synthesis
หรือ
Synthetic Theory

นับตั้งแต่ ในปี 1935
ได้มกี ารนาความรู้ ใหม่ ๆ
ในสาขาวิชาต่างๆ ได้แก่
พันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์ ประชากร
การศึกษาทางชีวโมเลกุล
และ
วิทยาศาสตร์ สาขาอืน่ ๆ

ถูกนามาผสมผสาน
อธิบายใช้ ร่วมกับ
กลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของทฤษฎีดาร์วิน

หลักใหญ่ อธิบายเกีย่ วกับ
การเปลีย่ นแปลงของลักษณะ (traits)

ทฤษฎีวิวฒ
ั นาการปัจจุบัน เรียกว่ า
Neo-Darwinism หรือ Synthetic Theory
จะเห็นได้ ว่า
หลักเกนฑ์ ทฤษฎีววิ ฒ
ั นาการ
มีการเปลีย่ นแปลง
ไปตามเหตุผลและกาลเวลา