งานนำเสนอ PowerPoint

Download Report

Transcript งานนำเสนอ PowerPoint

่
บทที 10
พฤติกรรม
(Behavior)
พฤติกรรม
(Behavior)
พฤติกรรม
(Behavior)
่ ชวี ต
การตอบสนองของสิงมี
ิ
่
ต่อการเปลียนแปลงของ
Gene
้
สภาพแวดล้อม ทังภายนอก
Behavior
่
ร่าEnvironment
งกาย และภายในร่างกายเพือ
การอยู ่ร*อด
โดยมีระบบประสาทและฮอร ์โมนเป็ นตัว
ควบคุม
สรุป
พฤติกรรมของสัตว ์
เป็ นผลจากการทางาน
ร่วมกันระหว่างปั จจัย
ทางพันธุกรรมและ
สภาพแวดล้อม
- ควบคุมพฤติกรรมซึง่
พัฒนาให้เหมาะสมกับ
สภาพแวดล้อมโดย
Gene
Natural selection
- ควบคุมระดับการเจริญ
ของ
ระบบประสาท
ตัวอย่าง : งู (Garter
snake)
- พวกอยู ่บนบกไม่กน
ิ
ทาก
่
พวกอยู
ใ
่
กล้
ช
ายฝั
ง
Experie
EnvironmentStimul
กินทาก
nce
us
้
ขันตอนการเกิด
StimulusกรรมRecepter
พฤติ
:
่
(สิงเร ้า)
(หน่ วยร ับ
ความรู ้สึก)
Integrated
Center
(สมอง, ไขสัน
หลัง)
คาสัง่
Behavior
Effector
(หน่ วย
ตอบสนอง)
- พฤติกรรมจะสลับซ ับซ ้อนมากหรือน้อย
้ ับระดบ
ขึนก
ั การเจริญของปั จจย
ั ต่าง ๆ ใน
กลไกการเกิดพฤติกรรม
่ ้า
สิงเร
สัตว ์
กลไกการปลดปล่อยพฤติกรรม
(Releasing mechanism)
แสดงพฤติกรรม
เหตุจูงใจ(ความพร ้อมทางร่างกาย)
อธิบาย
แสดงพฤติกรรมออกมา
่
เหตุจูงใจสู ง ต ัวกระตุน
้ ปลดปล่อยตา
แสดงพฤติกรรมออกมา
่ ต ัวกระตุน
เหตุจูงใจตา
้ ปลดปล่อยสู ง
ประเภทพฤติกรรม(behavior)
พฤติกรรม
่ ดจากการเรียนรู ้
่ มาแต่กพฤติ
พฤติกรรมทีมี
าเนิ ดกรรมทีเกิ
โทรปริซม
ึ
การฝั งใจ
ไคเนซีส
ความเคยชิน
แทกซีส
การมีเงื่อนไข
รีแฟลกซ ์
การลองผิดลองถู ก
รีแฟลกซ ์ต่อเนื่ อง
การใช้เหตุผล
พฤติกรรมจาแนกได้ออกเป็ น 2
ชนิ ดใหญ่ ๆ คือ
(โดยแสดงพฤติกรรมออกมาได้
่ ชวี ต
ในช่วงชีวต
ิ ของสิงมี
ิ )
1. Innate Behavior :
่ มาแต่กาเนิ ดและ
พฤติกรรมทีมี
่
ไม่เปลียนแปลง
2. Learned Behavior :
Innate Behavior
(Autometic responses to
the environment)
เป็ นพฤติกรรมง่ าย ๆ มี
่ ในการ
ลักษณะเฉพาะตัวทีใช้
่ ้าชนิ ดใดชนิ ดหนึ่ ง
ตอบสนองต่อสิงเร
้ ตว ์ใน species
และพฤติกรรมนี สั
่ ้าอย่าง
เดียวกันจะตอบสนองต่อสิงเร
หนึ่ งเหมือนกัน (Fixed - action
1. Orientation :
พฤติกรรมการวางตัวของสัตว ์
่
่
ซึงจะเกี
ยวข้
องกับ
่
่ งได้ 2 แบบ
การเคลือนที
แบ่
1.1 Kinesis พฤติกรรมการ
่
่
เคลือนที
โดย
่ ้าด้วยการ
ตอบสนองต่อสิงเร
่
่ หรือเข้าหา
เคลือนที
หนี
โดยไม่มท
ี ศ
ิ ทาง
ี มหนีออกจาก
• การเคลือ
่ นทีข
่ องพารามีเซย
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
• พฤติกรรมการเคลือ
่ นทีข
่ องแมลงสาบในที่
โล่ง
• พฤติกรรมการเคลือ
่ นทีข
่ องตัวกุ ้งเต ้น(wood
ื้ น ้อยลง
lice)เมือ
่ ความชน
• การเคลือ
่ นทีเ่ ข ้าหาแสงของยูกลีนา
่ า ไคนี ซส
* เชือว่
ี พัฒนาการเป็ น
พฤติกรรมการลองผิดลองถูก
รูปพารามีเซียม Kinesis
Schooling
Kine
sis
Taxis
1.2 Taxis พฤติกรรมการ
่
่ าหาสิงเร
่ ้า
เคลือนที
เข้
่ นอน
อย่างมีทศ
ิ ทางทีแน่
เช่น หนอนแมลงวัน, เห็บ, ยุง
- สัตว ์จะต้องมี Sensory receptor
่
่ ้า
ทีเหมาะสมกั
บสิงเร
- ช่วยให้ให้สต
ั ว ์หาตาแหน่ งของ
บ้านได้ถูกต้อง
• การบินเข ้าหาแสงไฟของแมลงดานาในเวลา
กลางคืน
• การเคลือ
่ นทีห
่ นีแสงสว่าง แต่เข ้าหาความมืด
ของหนอนแมลงวัน
• การเคลือ
่ นทีเ่ ข ้าหาแสงสว่างของเห็บ(Ixodes
ricinus)
• การเคลือ
่ นทีข
่ องพลานาเรียเข ้าหาแสงและ
เข ้าหาอาหาร
• การเคลือ
่ นทีเ่ ข ้าหาหรือออกจากวัตถุ โดยใช ้
่ ผึง้ มด โดย
แสงเป็ นเข็มทิศ ยกตัวอย่างเชน
้
ใชดวงอาทิ
ตย์เป็ นเข็มทิศ
การบินเข ้าหาแสงสว่างของแมลงเม่า
การบินของค ้างคาวเข ้าหาแหล่งอาหาร
ื้ กลางคืนบินเข ้าหาแสง
ผีเสอ
ท่าการว่ายน้ าของปลา
ี งกบตัวผู ้
การทีก
่ บตัวเมียว่ายน้ าเข ้าหาเสย
เพือ
่ ผสมพันธุ์
ี งร ้องของแม่ไก่
• ลูกไก่วงิ่ เข ้าหาเสย
•
•
•
•
•
พฤติกรรมแบบรีแฟลกซ ์ (Reflex arcs)
่ ้า
ตอบสนองสิงเร
1. การกระพริบตา
-รวดเร็ว
2. การกระตุกเท้าหนี ตะปู
่
-หลีกเลียงอ
ันตราย
3. การกระตุกหัวเข่า
-ส่วนใดส่วนหนึ่ งของ
ร่างกาย
4. การบิดตัวหนี ปลายเข็ม
ของไส้เดือน
่
-เกียวข้
องก ับระบบสาระสาคัญ5. การไอการจามของคน
ประสาทส่วนกลาง
-
้
พบในสัตว ์แทบทุกชนิ ด รวมทังคนด้
วย
-
่ ยวข้
่
พฤติกรรมทีเกี
องกับระบบประสาท
-
ไม่ตอ
้ งมีการเรียนรู ้
พฤติกรรมแบบรีแฟลกต่อเนือ
่ ง
(chain of reflexes)
ั ว์แต่ละสปี ชส
ี ์
• มีแบบแผนแน่นอนในสต
• มีผลมาจากกรรมพันธุ์ มากกว่าสงิ่ แวดล ้อม
• เกิดจาก simple reflex + simple reflex
์ ามารถไป
* เป็ นพฤติกรรมทีเ่ กิดจากรีแฟลกซส
์ น
กระตุ ้นรีแฟลกซอ
ื่ ๆของระบบประสาทให ้ทางาน
ทาให ้เกิดพฤติกรรย่อยๆหลายพฤติกรรม
•
•
•
•
•
•
•
•
•
•
•
การสร ้างรังของนก
ั ใยของแมงมุม
การชก
การแทะมะพร ้าวของกระรอก
การฟั กไข่และการเลีย
้ งลูกอ่อนของไก่
ี องสต
ั ว์
พฤติกรรมการเกีย
้ วพาราสข
การปกป้ องอาณาบริเวณทีไ่ ด ้รับการคุ ้มครองของ
กิง้ ก่า
การสร ้างปลอกหุ ้มไขของแมงมุม
การสร ้างรังและหาอาหารมาไว ้ในรังของพวกต่อและ
หมาล ้า
การดูดนมของทารกการค ้นหาหัวนมของแม่และการ
ดูดนมของลูกปลาวาฬ
การเต ้นราของผึง้
การนาไข่กลับรังของห่านเกรย์แลก
การชักใยของแมง
มุม
้
การใช ้ลินตวั
ดจับแมงของ
การสร ้างร ังของ
นก
้
การว่ายนาของ
ปลาวาฬ
การเต ้นราของผึง้
การดูดนมของลูก
ปลาวาฬ
การนาไข่กลับร ังของ
ห่านเกรย ์แลก
้
การเกียวพาราสี
ของปลาสติก
เกิลสามหนาม
สาระสาคัญ
• สามารถดารงชวี ต
ิ และดารงเผ่าพันธุไ์ ว ้ได ้
• สามารถแสดงพฤติกรรมออกมาได ้ แม ้จะ
ี ์
เลีย
้ งแยกสปี ชส
• เปลีย
่ นแปลงตามสภาพแวดล ้อมและ
ประสบการณ์
์ อ
• แมลงมีพฤติกรรมแบบรีแฟลกซต
่ เนือ
่ งมาก
ทีส
่ ด
ุ
Learned Behavior
่
Learning เป็ นการเพิม
fitness (การอยู ่รอดและ
สืบพันธุ ์) ให้แก่สต
ั ว์
่ องอาศ ัย
พฤติกรรมทีต้
ประสบการณ์ทมี
ี่ ในอดีตมา
่ ดขึน
้
ปร ับปรุงในพฤติกรรมทีเกิ
้
1. Imprinting (ความฝั งใจ): การ
่ ากัดโดยเวลา
เรียนรู ้ทีจ
่ ตว ์สามารถ
เป็ นพฤติกรรมทีสั
จดจาและผู กพันกับแม่หรือพ่อได้
้
พฤติกรรมความฝั งใจนี จะเป็
นการ
ทางานร่วมกันระหว่างกรรมพันธุ ์และ
การเรียนรู ้ โดยกรรมพันธุ ์จะเป็ น
่ าเป็ น ซึงจะ
่
ตัวกาหนดช่วงเวลาทีจ
้ ส่วนการเรียนรู ้
เกิดความฝั งใจขึน
Imprinting
• การเดินตามวัตถุแรกทีเ่ คลือ
่ นทีไ่ ด ้และสง่
ี งได ้ของลูกสต
ั ว์ เชน
่ ลูกนก ลูกห่าน ลูก
เสย
วัว ลูกควาย หลังจากฝั กออกจากไข่หรือหลัง
คลอดแล ้ว และเดินได ้แล ้ว
• การฝั งใจต่อกลิน
่ ต่อพืชชนิดหนึง่ ทีแ
่ มลงหวี่
ฟั กออกจากไข่ทแ
ี่ ม่แมลงหวีว่ างไข่ทงิ้ ไว ้
ี งของลูก
• การฝั งใจทีเ่ กิดจากการได ้ยินเสย
เป็ ด
• การฝั งใจทีเ่ กิดจากกลิน
่ ในปลาแซลมอน
ั ว์ในสปี ชส
ี เ์ ดียวกัน
• การผสมพันธุข
์ องสต
ี องนกในต่างสปี ชส
ี ์
• การเกีย
้ วพาราสข
2. Habituation (ความเคย
ชิน)
เป็ นการลดภาระการ
ตอบสนองของสัตว ์ ทาให้
ประหยัดพลังงาน
่ ตว ์เพิกเฉยที่
พฤติกรรมทีสั
่ ้าที่ มิได้
จะตอบสนองต่อสิงเร
่
มีผลต่อการดารงชีวต
ิ เมือ
่ ้านัน
้
ได้ร ับการกระตุน
้ จากสิงเร
•
•
•
•
•
•
•
•
•
การหลบของลูกนก ต่อสงิ่ ทีบ
่ น
ิ อยูเ่ หนือหัว
การหนีของกา ทีม
่ ต
ี อ
่ หุน
่ ไล่กา
กบทีเ่ ลีย
้ งไว ้ในบ่อ
สุนัขทีเ่ ลีย
้ งไว ้ในบ ้าน ทีใ่ กล ้สนามบิน
ั ญานเตือน
ในเวลาสงคราม เมือ
่ มีการเปิ ดสญ
ภัย
นกทีส
่ ร ้างรังอยูร่ ม
ิ ถนน หรือหากินตามแหล่ง
ถนน
ั ญาไฟแดงของนักขับรถ
การฝ่ าสญ
การกินอาหารสุกๆ ดิบๆ
การทีค
่ างคกตวัดลิน
้ จับแมลงทุกชนิดทีผ
่ า่ น
หน ้า
3.Conditioning (การเรียนรู ้แบบ
มีเงื่อนไข)
่ งเร
่ ้าตัวหนึ่ง
เป็ นพฤติกรรมทีสิ
่ ้าที่ แท้จริง (สิงเร
่ ้า
เข้าแทนสิงเร
เดิ
วช ักน
าให้
กิดการ I )
้ เStimulus
ตัวม
อย่)าแล้
ง หมา
+ เนื
อ(
้ าลายไหล
ตอบสนอง
ชนิ
ด
เดี
ย
วกัน
น
่
้ Stimulus II )
หมา + เสียงกระดิง + เนื อ(
น้ าลายไหล
หมา + เสียงกระดิง่
น้ าลายไหล
พฤติกรรมการมีเงื่อนไข ในการตอบสนองของ
สุนข
ั
พฤติกรรมการมีเงื่อนไข ในการกดบาร ์ของหนู
่ อาหาร
เพือได้
พฤติกรรมการมีเงื่อนไข ในการกินแมลงปอ
แมลงรอบเบอร ์และผึง้
• การทีเ่ ด็กไม่กน
ิ ผักสเี ขียวหัน
่ ฝอยทีโ่ รยบน
อาหาร เพราะคิดว่าเป็ นต ้นหอมทีเ่ ขาไม่กน
ิ
ั ว์ให ้แสดงพฤติกรรมทีเ่ ราต ้องการ
• การฝึ กสต
โดยการให ้รางวัลและการลงโทษ
• การเห็นภาพวิวทิวทัศน์แล ้วทาให ้เกิด
ความสุข
• การได ้ยินคาว่า มะม่วง หรือ มะยมแล ้วทาให ้
เกิดน้ าลายไหล
• การฝึ กหนูให ้กระโดดหนีเมือ
่ หลอดไฟสว่าง
4. Trial and Error : (การลองผิด
ลองถู ก)
ซ ับซ ้อนมากกว่า
Habituation
่ ตว ์แสดงออก
เป็ นพฤติกรรมทีสั
โดยบังเอิญ
แล้วถ้าได้รางวัลก็จะช ักนาให้ทา
้ ก : การ
พฤติกรรมเช่นนันอี
ตอบสนอง (Response) ถู กต้องทา
้ อน
• การเคลือ
่ นทีแ
่ บบลองผิดลองถูกของไสเดื
ื้
ในกล่องพลาสติกทีม
่ ค
ี วามมืดและชน
• การเคลือ
่ นทีข
่ องมดในทางวกวน
• การเคลือ
่ นทีข
่ องหนูในเขาวงกต
• ความพยายามของสุนัขทีจ
่ ะไปกินอาหาร
ื กอ ้อมเสาไม ้อยู่
โดยมีเชอ
5. Insight Learning (การรู ้จัก
ใช้เหตุผล) :
เกิดในพวก Primates
่ การดัดแปลง
เป็ นพฤติกรรมทีมี
มาจากการลองผิดลองถู ก โดยการ
้
้
เรี
ย
นรู
้นี
จะเกิ
ด
ขึ
นอย่
สรุป Fixed-action patternางรวดเร็วโดย
Insight
(Innate)
(Learned)
สัตว ์ตอบสนองได้ถูกต้องเลยในครง้ั
แรก
่
มีเป้ าหมาย เพิมโอกาสอยู ่รอด
+ โอกาสสืบพันธุ ์
่ ก
การแก้เชือกของกาทีผู
อาหารไว้
่ ่ทสู
การใช้ไม้สอยกล้วยทีอยู
ี่ ง
โดยใช้ลงั ต่อกน
ั
่
่ ชวี ต
พฤติกรรมทีพบในสิ
งมี
ิ
พฤติกรรมทางสังคม
Communication
่
1. Sound (การสือสารโดยใช้
เสียง)
เสียงของสัตว ์ใช้ในการ
่
ติดต่อสือสารระหว่
างก ันและ
ก่อให้เกิดการตอบสนองถือว่าเป็ น
การเรียนรู ้อย่างหนึ่ ง
ื่ สารด ้วยเสย
ี งมีจด
การสอ
ุ มุง่ หมาย
คล ้ายกันดังนี้
้
ั ว์ ซงึ่ อยูใ่ นส
1. ใชในการบอกชนิ
ดสต
ี เ์ ดียวกัน
ปี ชส
้
2. ใชบอกเพศว่
าเป็ นเพศผู ้หรือเพศ
เมีย
3. บอกตาแหน่งตนเองให ้ทราบว่าอยู่
จุดใด
ั ว์ตวั
4. เป็ นการประกาศเขตแดนให ้สต
ี งมีความหมายทีแ
เสย
่ ตกต่างกัน
ออกไปคือ
1.
2.
3.
4.
ี งเรียกติดต่อ (contact calls)
เสย
ี งเรียกเตือนภัย (warning calls)
เสย
ี งเรียกคู่ (mating calls)
เสย
ี งเรียกกาหนดสถานทีข
เสย
่ อง
วัตถุ (echolocation)
Communication
่
2. Visual Signal (การสือสารโดยใช้
ท่าทาง)
ต ัวอย่าง
Bee Language
ื่ สารของผึง้
การสอ
1. การเต ้นรา
* แบบวงกลม (round dance)
- อาหารอยูใ่ กล ้ ประมาณ 50 เมตร ไม่เกิน
80 เมตร
* แบบเลข 8 (wagging dance)
- อาหารอยูไ่ กล เกิน 80 เมตร ขึน
้ ไป
2. การสา่ ยท ้อง
- อาหารอยูไ่ ม่ไกล อัตราการเต ้นราแบบสา่ ย
ั้
ท ้องจะเร็วและสน
่
Communication
3. Chemical Communication
่
(การสือสารโดยใช้
สารเคมี)
เช่น การปล่อยฟี โรโมน
ฟี โรโมน (pheromone)
• ฟี โรโมนทีท
่ าให ้เกิดพฤติกรรมทันที(releaser
่ สารดึงดูดเพศตรงข ้าม ได ้แก่ ฟี
pheromone) เชน
ื้ ไหมตัวเมียปล่อยออกมาเพือ
โรโมนทีผ
่ เี สอ
่ ดึงดูด
ื้ ตัวผู ้
ความสนใจของผีเสอ
• ฟี โรโมนทีไ่ ม่ทาให ้เกิดพฤติกรรมทันที(primer
่ ฟี โรโมนของหนูตัวผู ้ปล่อย
pheromone) เชน
ั นาให ้หนูตวั เมีย เป็ นสด
ั และพร ้อมทีจ
ออกมาชก
่ ะ
ผสมพันธุ์
ประเภทฟี โรโมน
่ ผีเสอ
ื้
• ฟี โรโมนเพศ (sex pheromone) เชน
ไหม
• ฟี โรโมนปลุกระดม (aggregation pheromone)
่ ด ้วงทีท
เชน
่ าลายเปลือกไม ้
่
• ฟี โรโมนเตือนภัย (alarm pheromone) เชน
ผึง้
่
• ฟี โรโมนตามรอย (trail pheromone) เชน
สุนัข
• ฟี โรโมนนางพณา (queen-substance
Communication
4. Physical Communication (การ
่
สือสารโดยการสั
มผัส)
่
่
เช่น การสัมผัสเป็ นสือเพื
อขออาหาร
ของลู กนก
่ ดสีแดง
นางนวลบางชนิ ด โดยใช้จงอยปากจิกทีจุ
่
บริเวณจงอยปากของแม่เพือกระตุ
น
้ ให้แม่ไปหา
อาหารมาให้
Communication
5. luminous Communication
่
(การสือสารโดยใช้
รหัสแสง)
่
ต ัวอย่าง
สัตว ์ทีอาศ
ัยอยู ใ่ น
่ อยโดยเกิด
ทะเลลึก และหิงห้
Luciferase (E)
กระบวนการ
bioluminescence
Luciferin (L) +
O
E-L
E + L + hv (แสง)
ด ังนี ้
2