Transcript Slide 1
การดาเนินงานเชิงรุกสู่ ความสาเร็จ
ความหมาย 1). ของการทางานเชิงรุก (Proactive)
เป็ นการทางานที่ มีเป้ าหมายสู่ อนาคต การทางานเชิ งรุ ก
ต้องอาศัยข้อมูลข่าวสาร หรื อประสบการณ์ที่ได้รับมาจากอดีต
และที่ ก าลัง ประสบอยู่ในปั จ จุ บนั โดยกรอบการคิ ดจะเน้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต เน้นพันธกิจที่ดาเนินงานได้อย่าง
รวดเร็ ว คุม้ ค่าและมีคุณภาพ
ความหมาย 2). ของการทางานเชิงรุก (Proactive)
“Competency Dictionary ของ ก.พ.”
การเล็ ง เห็ น ถึ ง ปั ญ หาหรื อโอกาส พร้ อ มทั้ง ลงมื อ
จัด การกับ ปั ญ หานั้ น ๆ หรื อใช้ โ อกาสที่ เ กิ ด ขึ้ นให้ เ กิ ด
ประโยชน์ต่องานด้วยวิธีที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่
ความหมาย 3). ของการทางานเชิงรุก (Proactive)
เป็ นการทางานที่มีการวางแผนงานล่วงหน้า อย่างละเอี ยด
รอบคอบ รู ้ จ ัก และรั บ ผิ ด ชอบตนเอง โดยสามารถที่ จ ะเลื อ ก
ตอบสนองแรงกระตุ ้น จากภายนอก ในมุ มมองและคุ ณ ค่ าของ
ตนเองที่ ไ ม่ ย อมตกอยู่ภ ายใต้อิ ท ธิ พ ลสิ่ ง แวดล้อ มรอบข้า งและ
สถานการณ์ภายนอกบีบบังคับให้ตอ้ งจาใจทา รวมถึงมีส ติไม่จม
ปลักอยูก่ บั ปัญหา แต่ตอบสนองด้วยสติ
การทางานเชิงรับ (Reactive)
เป็ นการกระทาเมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้ตอบสนอง
ในบางครั้งอาจมีความรู ้สึกเข้าเกี่ยวข้องด้วย เมื่อเกิ ดข้อผิดพลาด
จะโทษสิ่ ง แวดล้อ มรอบข้า ง เงื่ อ นไขข้อ จ ากัด ต่ า งๆ โดยไม่
พิจารณาตนเองเป็ นหลัก
การทางานเชิงรุก
ต่ างจากการทางานแบบอืน่ ๆ อย่ างไร
ลักษณะที่สาคัญของการทางานเชิงรุก
มีการวางแผนล่วงหน้า
บริ หารจัดการด้วยวิจารณญาณ ด้วยความรอบคอบ
สามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้ดว้ ยข้อมูลที่มีอยู่
สามารถตอบสนองความต้องการที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็ ว
เป็ นการทางาน “กันไว้ดีกว่าแก้”
ประโยชน์ การทางานเชิงรุก
องค์การสามารถเล็งเห็นวิกฤตและโอกาส
องค์ ก รป้ องกั น ปั ญ หาที่ อ าจจะเกิ ด ขึ้ นในอนาคต จึ ง
สามารถเตรี ยมเรื่ องต่างๆ ไว้รองรับล่วงหน้า
เป็ นการช่วยลดทอนความเสี ยหายอย่างทันท่วงที
หรื อเป็ นการฉกฉวยประโยชน์ จ ากโอกาส หรื อจาก
สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นได้อย่างทันกาล
เป็ นการพัฒ นาบุ ค ลากรขององค์ก รให้มี อุ ป นิ สั ย ในการ
ทางาน-การคิดเชิงรุ ก
ทัศนคติที่ทาให้ เกิดการทางานเชิงรุก
การมองโลกในแง่บวก
คิดที่จะเป็ น “ผูใ้ ห้” มากกว่า “ผูร้ ับ”
ทุกอย่างย่อมต้องเป็ นไปได้
“วันพรุ่ งนี้” ย่อมดีกว่า “วันนี้”
การวางแผนการทางานเชิงรุก
ทาไมต้ องมีการวางแผน
ทาให้มีการใช้กาลังคน วัสดุอุปกรณ์ งบประมาณ และ
เวลาอย่างประหยัด
ช่วยให้การปฏิบตั ิงานประสบความสาเร็ จ
ลดความเสี่ ยง ความเสี ยหายในการปฏิบตั ิงาน
ทาให้พนักงานเกิดการมุ่งมัน่ ร่ วมกัน เกิดการ
ประสานงาน ง่ายต่อการควบคุมงาน
การวางแผน คืออะไร
แผนกลยุทธ์และแผนดาเนินการ แสดงให้เห็นโครงช่วยการ
ปฏิบตั ิให้บรรลุภารกิจและเป้ าหมาย/วัตถุประสงค์ที่ได้ต้ งั เอาไว้
และเป็ นกระบวนการที่ได้ทราบว่าจะให้เกิดสิ่ งใดขึ้นในอนาคต
ข้ อควรระวังในการวางแผนงาน
การกาหนดวัตถุประสงค์ไม่ชดั เจน วัดได้ยากทาให้การ
ประเมินผลทาไม่ได้
วิธีปฏิบตั ิไม่ชดั เจนยุง่ ยากต่อการปฏิบตั ิ ไม่ยดื หยุน่
รู ้รับผิดชอบขาดความรู ้ความสามารถในการปฏิบตั ิ
ทรัพยากรที่มีอยูไ่ ม่เพียงพอในการสนับสนุนแผนงาน
เกิดการประสานงา แทนการประสานงาน
ไม่มีการตรวจสอบ ติดตามผลงานทีมีประสิ ทธิภาพ
มีการวางแผนแต่ไม่มีการปฏิบตั ิงานตามแผน
การวิเคราะห์ งานเพือ่ จัดลาดับความสาคัญ
1. งานปกติ - งานที่นกั บริ หารทา เช่น การสอนงาน มอบหมายงาน
2. งานประจา - งานที่ทาแบบเดิมๆ ประจาวัน
3. งานเร่ งด่ วน - นโยบายเร่ งด่วน
4. งานริเริ่มสร้ างสรรค์ - นักบริ หารที่ดีตอ้ งทางานริ เริ่ มสร้างสรรค์
งานแบ่ งออกเป็ น 4 ประเภท ดังนี้
สาคัญ และ เร่ งด่ วน : ฝากใครทาไม่ได้ ต้องทาเอง ทันที
เร่ งด่วน รอข้าไม่ได้และต้องสาเร็ จด้วย
สาคัญ แต่ ไม่ เร่ งด่ วน : ฝากใครทาไม่ได้ ต้องทาเอง แต่ไม่
ด่วนมาก ต้องจัดสรรเวลามาทา และต้องทาสาเร็ จด้วย
ไม่ สาคัญ แต่ เร่ งด่ วน : ฝากคนอื่นทาได้ แต่ตอ้ งทาทันทีไม่
ควรช้า
ไม่ สาคัญ และไม่ เร่ งด่ วน : ฝากใครทาก็ได้ ถ้าว่างจริ งๆ แล้ว
จะทางานอย่างนี้
ประโยชน์ จากการจัดลาดับความสาคัญ
1.
2.
3.
งานสาคัญ งานเร่ งด่วน เสร็ จทันเวลา
ทางานได้ครบตามลาดับความสาคัญได้มากที่สุด
มีสมาธิในการทางาน ไม่ตอ้ งพวงในหลายเรื่ องการ
ทางานไม่ซ้ าซ้อน
ศิลปะการสื่ อสารงานเชิงรุก
ประเภทของการสื่ อสาร
การสื่ อสารด้วยการพูด (Oral)
การสื่ อสารด้วยข้อเขียน (Write)
การสื่ อสารที่ไม่ใช่การพูดและการเขียน/ด้วยท่าทาง (Body
Language)/ ด้วยสี
แบบแผนของการสื่ อสาร
การสื่ อสารทางเดียว (One way Communication)
การสื่ อสารสองทาง (Two way Communication)
เทคนิคกลวิธีและแนวคิดต่ างๆ
ในการทางานเชิงรุกให้ ประสบความสาเร็จ
รูปแบบการคิดเชิงรุก
คิดแบบเฮลิคอปเตอร์ (Helicopter Thinking)
คิดแบบระยะยาว (Long Term Thinking)
คิดเชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking)
คิดแบบเฮลิคอปเตอร์ (Helicopter Thinking)
เป็ นการคิ ด ที่ ม องรายละเอี ย ดของสภาพการต่ า งๆ ให้
ครอบคลุม เพื่อเน้อความพยายามที่มุ่งสู่ความสาเร็ จ
คิดแบบระยะยาว (long Term Thinking)
เป็ นการคิ ด ที่ ก าหนดองค์ป ระกอบต่ า งๆ ที่ ส่ ง ผลต่ อ
ความสาเร็ จในระยะ 5-10 ปี ข้างหน้า
คิดเชิงนวัตกรรม (Innovative Thinking)
เป็ นการคิดที่พิจารณาการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่เป็ นไปได้
และเป็ นกุญแจสาคัญต่อความสาเร็ จตามเป้ าหมาย
ขั้นตอนของการคิดเชิงรุก
ขั้นตอนรวบรวมข้อมูลสารสนเทศ (Gathering information)
จัดรู ปแบบการคิด (Formulating Idea)
ปฏิบตั ิการวางแผน (Planning Action)
เครื่องมือต่ างๆ ที่ใช้ ในการทางานเชิงรุก
7 รู้สู่ การทางานเชิงรุก
รู ้วิสยั ทัศน์ เป้ าหมาย และวัตถุประสงค์ของงานและองค์กร
รู ้ตาแหน่งงาน หน้าที่งาน และความรับผิดชอบ
รู ้เทคนิค วิธีปฏิบตั ิ และการปรับปรุ งงานอย่างต่อเนื่อง
รู ้การพัฒนาตนเอง
รู ้การศึกษาวิเคราะห์บุคคลอื่น และการยอมรับความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล
รู ้การพัฒนาศักยภาพในเรื่ องความคิด
รู ้การพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
ทักษะการคิดเชิงรุก
การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytic Thinking)
การคิดเชิงตัวเลข (Numerical Thinking)
การคิดไตร่ ตรอง (Reflective Thinking)
การคิดเชิงพยากรณ์ (Predictive Thinking)
การคิดจินตนาการ (Imaginative Thinking)
การคิดเชิงประจักษ์ (Visual Thinking)
ทักษะการคิดเชิงรุก (ต่ อ)
การคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking)
การคิดถึงผลที่จะตามมา (Reflective Thinking)
คิดเป็ นระบบ (System Thinking)
คิดมีเหตุผล (Reasonable Thinking)
คิดยืดหยุน่ (Flexible Thinking)
ทักษะการคิดเชิงรุก (ต่ อ)
คิดรอบคอบ (Delicate Thinking)
คิดเชิงบวก (Positive Thinking)
คิดปราศจากอคติ
คิดบูรณาการ (integrate Thinking)
การพัฒนาความคิดริเริ่มสร้ างสรรค์
พัฒนาความคิดริเริ่มสร้ างสรรค์
การระดมมันสมอง (Brainstorming) โดวิธีการนี้ จะทาให้
พนักงานทุกคนได้มีอิสรเสรี ทางความคิด มีการแสดงความ
คิดเห็นร่ วมกันในเชิงสร้างสรรค์เรื่ องใดเรื่ องหนึ่ง
รายการตรวจสอบ (Checklist) วิธีการนี้จะช่วยกระตุน้ ให้
คนพิจารณาในสิ่ งที่อาจจะมองข้ามไปได้ ควรตรวจสอบให้
ละเอียดถี่ถว้ น
เก่ งกับการพัฒนาตนเอง (Self Development)
เก่งตน (self Ability)
- ทางกาย
- ทางวาจา
- ทางใจ
เก่งคน (Self Ability)
เก่งงาน (Task Ability) : โมเดลปลาทู
โมเดลปลาทู KM 2010
KV=Knowledge Vision (ส่ วนหัวปลา)
- กาหนดทิศทางและเป้ าหมายขององค์กร
- ค้นหาความรู ้ที่จาเป็ นต่อองค์กรทั้งความรู ้จาก
ภายนอกและความรู ้ภายใน
โมเดลปลาทู KM 2010 (ต่ อ)
KS=Knowledge Sharing (ส่ วนลาตัวของปลา)
- การเคลื่อนไหวกล้ามเนื้ อของปลา คือการเรี ยนรู ้ จาก
กิจกรรมและเปลี่ยนเรี ยนรู ้ดว้ ยวิธีการและช่องทางต่างๆ
- ทางานผสานกัน สร้างบรรยากาศและชุมชนแห่งการเรี ยนรู ้
- (ในบางครั้งหรื ออาจบ่อยๆ) เป็ นจุดเริ่ มต้นของการกาหนด
ทิศทางและเป้ าหมายขององค์กร ซึ่ งเป็ นแนวคิดจาก “ชุมชนแนว
ปฏิบตั ิ”
- ทาให้องค์กรเคลื่อนไหวเดิ นหน้า ดัง่ ปลาที่ว่ายน้ าไป สู่
จุดมุ่งหมาย
โมเดลปลาทู KM 2010 (ต่ อ)
KA-Knowledge Asses (ส่ วนท้ องปลา)
- เป็ นที่จดั เก็บความรู ้ที่สร้างขึ้นหรื อทีแ่ สวงหามาได้
เพื่อการนามาไว้ใช้ประโยชน์หรื อใช้งานต่อไป
- เป็ นดัง่ อาหาร (ความรู ้) ที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิต (องค์กร)
ซึ่งความรู ้จะถูกดึงไปใช้ในส่ วนต่างๆ อยูต่ ลอดเวลา
หลักในการใช้ เครื่องมือ
ในกระบวนการแก้ปัญหาเชิงรุก
ความคิดเชิงรุกกับการทางานและการบริหารอย่ างมีระบบ
การก าหนดเป้ าหมายในปั จ จุ บนั นั้น มี ก ระบวนการ
ต่ า งๆ เข้า มาช่ ว ยในการก าหนดเป้ าหมายมากมาย แต่ ที่
ยอมรับกันมากและกาลังเป็ นที่นิยมอย่างมากในปั จจุบนั นั้น
ก็ คื อ การวางยุ ท ธศาสตร์ (กลยุ ท ธ์ Strategy) ซึ่ งสามารถ
กาหนดได้ในทุกระดับของการทางานพร้อมทั้งอาจมีตวั วัดที่
มีประสิ ทธิ ภาพ เพื่อเป็ นตัวช่วยในการวัดผลการทางาน เช่น
BSC,KPI ฯลฯ
ความคิดเชิงรุกกับการทางานและการบริหารอย่ างมีระบบ
การทางานหรื อความคิดเชิงรุ กที่จะต้องเริ่ มต้นจากการวาง
ยุทธศาสตร์ (ระดับองค์กร,บุคคล) ที่ดีก่อนเป็ นอันดับแรก ซึ่ งเราอาจ
รวบรวมเป็ นแนวทาง ต่างๆ ได้ดงั นี้
กาหนดยุทธศาสตร์
- Swot
- พันธกิจ
- กลยุทธ์
- กาหนดวิสัยทัศน์ - เป้ าหมาย
กาหนดตัววัด
- BSC
- KPI
กาหนดแนวทางการทางาน
นวัตกรรม (INNOVATION)
7 คาถามเพื่อนาไปสู่ การสร้ างนวัตกรรมพนักงานผูส้ ร้ างนวัตกรรมจะ
สามารถช่วยหาจุ ดที่ ตอ้ งการทานวัตกรรมได้โดยตั้งคาถามที่ เหมาะสม ตามชุด
คาถาม (7R) ที่สามารถช่วยให้เกิดความคิดได้ง่ายขึ้น ดังนี้
Retching (คิดใหม่ทาใหม่)
Reconfigure (ทบทวนการทางานใหม่)
Reassign (มอบหมายใหม่)
Resequence (เรี ยงลาดับใหม่)
Relocate (สถานที่ใหม่)
Retool (เครื่ องมือใหม่)
Reduce (ลดทุกอย่าง)
หลักการใช้ เครื่องมือใน
ในกระบวนการแก้ ปัญหาเชิงรุ ก
การวิเคราะห์ การแก้ ปัญหา
ลาดับขั้นตอนในการวิเคราะห์ ปัญหา
รวบรวมปั ญหาที่เกิดขึ้น
ศึกษาผลกระทบต่างๆ จากปั ญหาที่เกิด
กาหนดประเด็นปั ญหา
แยกปัญหาหลักปัญหารอง
ค้นหาวิธีแก้ปัญหาโดยใช้เครื่ องมือ
ผลกระทบจากการแก้ปัญหา และการตัดสิ นใจ
วิเคราะห์ความเป็ นไปได้ในการแก้ปัญหา
เลือกวิธีที่จะใช้ในการแก้ปัญหา (Force Field Analysis)
กาหนดช่วงเวลาในการแก้ปัญหา การตัดสิ นใจ
การวิเคราะห์ การแก้ ปัญหา
เครื่ องมือช่วยในการแก้ปัญหา
อริ ยสัจสี่
แผนภูมิกา้ งปลา
PP MTRIX
Mind Mapping