5 ละโว้แก้ไขแล้ว

Download Report

Transcript 5 ละโว้แก้ไขแล้ว

พระพุทธศาสนาแห่ งละโว้
(Buddhist Era 15 – 18)
1
พระพุทธศาสนาแห่ งละโว้
(Buddhist Era 15 – 18)
1. ละโว้หรื อลพบุรีในปั จจุบนั เคยเป็ นแหล่งความเจริ ญทางวัฒนธรรมแห่ งอาณาจักร
โบราณหลายอาณาจักร เริ่ มตั้งแต่ทวารวดี ขอม อยุธยา จนถึงรัตนโกสิ นทร์ ปัจจุบนั โดย
ได้ทิ้งร่ องรอยเกราบวกับศาสนา วัฒนธรรมและประเพณี ต่างๆเอาไว้
2. การแผ่ขยายอานาจและอิทธิ พล
ในพศต.ที่11-15 อิทธิ พลของอาณาจักรทวารวดีได้แผ่ไปถึงละโว้
ส่ วนพวกขอม (ฟูนนั , เจนละ หรื อเขมร) ได้แผ่ขยายอานาจไปยังตะวันตก(ของ
ขอม)
ส่ วนอาณาจักรศรี วชิ ยั ก็ได้แผ่ขยายอานาจไปทางใต้ จึงส่ งผลให้อาณาจักรทวาร
วดีหายไป
บางกลุ่มเชื่อว่า ในพศต.ที่15-16 ซึ่งเป็ นสมัยพระเจ้าอนุรุทธหรื อพระ
เจ้าอโนรธามังช่อ ได้เกิดศึกพุกามจึงทาให้นครปฐม (อาณาจักรทวารวดี)
ได้ลดบทบาทไป โดยที่ประชาชนและพระสงฆ์ได้ถูกกวาดต้อนไปพร้อมทั้ง
ศิลปะสาขาต่างๆกลับไปยังพม่า จากนั้นก็ทิ้งดินแดนนี้ให้แก่พวกขอมเข้ามา
ครอบครองภายหลัง
3. ยุคที่ขอมรุ่ งเรื องที่สุดในภูมิภาคนี้ จะอยูใ่ นช่วงพศต.ที่ 15-18
 โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่2 (พศต.ที่15) สามารถขยาย
อานาจได้ต้ งั แต่กมั พูชา ตลอดจนถึงภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง
ของไทยในปัจจุบนั
 ดินแดนของไทยในอดีต จะอยูใ่ นฐานะเป็ นอาณานิ คมหรื อประเทศราช
ของขอมหรื อเขมรโบราณ โดยมีศูนย์กลางอยูท่ ี่ละโว้ (ประเทศราช) ซึ่ง
ปกครองแถบลุ่มแม่น้ าเจ้าพระยาทั้งหมด

3
*** เกร็ดความรู้ ***
• พระเจ้ าอโนรธามังช่ อ หรื อ พระ
เจ้าอโนรธา (พ.ศ. 1587-1620 )
ปฐมกษัตริ ยพ์ ม่าแห่งราชวงศ์พุกาม ผูก้ ่อตั้ง
อาณาจักรพุกาม
• เป็ นกษัตริ ยท์ ี่ทรงนาพระพุทธศาสนาเข้า
มาในพม่าเป็ นพระองค์แรก
• คนไทยจะรู ้จกั พระองค์ในพระนามว่า
พระเจ้ าอนุรุทธ หรื อ พระเจ้ าอนิรุทธ
• พระเจ้าอโนรธามังช่อ
ทรงอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
และพระเถระมายังพุกาม
• ทรงสร้างเจดียม์ ากมาย
หลายองค์ในทุกที่ที่
พระองค์เสด็จไปถึง
ซึ่ งเจดียอ์ งค์ที่มีชื่อเสี ยง
ที่สุดที่พระองค์ทรงสร้าง
คือ เจดียช์ เวสิ กอง
4. อานาจการปกครองของขอมในบริ เวณแถบนี้
เริ่ มตั้งแต่ จ.นครพนม ฝั่งขวาแม่น้ าโขงถึงเมืองเพชรบุรี (ทางใต้ของไทย)
ตอนบนของลุ่มแม่น้ าเจ้าพระยา ขอมตั้งเมืองศรี สัชนาลัย สุ โขทัย เป็ น
ประเทศราช
ทางภาคอีสานทั้งหมด โดยมีสกลนคร พิมายเป็ นเขตปกครอง
ทางทิศตะวันตก อิทธิ พลของขอมแพร่ มาถึงสุ พรรณบุรี สิ งห์บุรี
ทางทิศใต้ อิทธิ พลของขอมแพร่ มาถึงเพชรบุรี
*** อิทธิ พลของขอมไม่ได้เข้าไปในลุ่มแม่น้ าปิ ง เพราะอารยธรรมทวารวดี
ยังคงมีอิทธิ พลอยูใ่ นบริ เวณดังกล่าวอยูม่ าก
5. ละโว้ มาจากคาว่า ลวปุระ = เมืองพระลพ ซึ่ งเป็ นชื่อพระโอรสองค์หนึ่งของ
พระรามในเรื่ องรามเกียรติ์ ดังนั้นจึงมีเรื่ องสิ่ งศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวกับพระรามในเมืองนี้
ด้วย เช่น
• ทะเลสาบชุบศร ซึ่ งกษัตริ ยข์ อมทุกพระองค์เมื่อจะทาพิธีบูชาอภิเษก
จะต้องเอาน้ าจากที่น้ ีไปทาพิธี เพราะถือว่าเป็ นเรื่ องที่ศกั ดิ์สิทธิ์
• ลิงหรื อหนุมาน (เสนาของพระราม)
อดีต
ปัจจุบัน
ศิลปะและศาสนา
1. การได้อิทธิ พลที่ส่งผลต่อการนับถือศาสนาในดินแดนส่ วนนี้
• อิทธิพลจากฟูนนั
• อิทธิพลจากทวารวดี >>> เถรวาท
• อิทธิพลจากศรี วิชยั >>> มหายาน (มนตรยาน)
• พราหมณ์นิกายศิวเวท
2. ตานานจามเทวีวงศ์และชินกาลมาลีปกรณ์
ได้เล่าถึงพระพุทธศาสนาในยุคทวารวดีซ่ ึ งเป็ นความสัมพันธ์ระหว่างละโว้กบั หริ
ภุญชัยไว้วา่
“ พระเจ้าจักกวัตติแห่งกรุ งละโว้รับเชิญจากประชาชนในภาคเหนือซึ่ งมีฤาษี
วาสุ เทพเป็ นประธาน ให้พระราชธิดาขึ้นไปเป็ นนางพระยาปกครองนครหริ ภุญชัย
(ลาพูน) โดยความตกลงพระทัยของพระนางจามเทวีกบั พระสวามี พระนางเสด็จจากกรุ ง
ละโว้โดยทางเรื อ พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ ราชบัณฑิต โหราจารย์ หมอยา นายช่างฝี มือ
ต่างๆ ในพ.ศ. 1205”
3. พระพุทธศาสนาฝ่ ายมหายานน่าจะมีบทบาทมากกว่าเถรวาทเพราะอิทธิ พลมาจาก
ขอม
4. ยุคนี้นิยมสร้างพระพุทธรู ปนาคปรกอย่างมาก เนื่องจากก่อนจะมานับถือศาสนา
พุทธ ขอมได้รับลัทธิ งูมาก่อน
• ลักษณะพระพุทธรู ปที่เรี ยกว่า ศิลปะอู่ทองที่ 1 (ศิลปะแบบใหม่) ซึ่ งเป็ น
เอกลักษณ์เฉพาะที่ผสมผสานระหว่างทวารวดีกบั ขอม
• ส่ วนศิลปะลพบุรี เป็ นศิลปะเลียนแบบมาจากขอมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
5. อิทธิ พลของพระพุทธศาสนามหายาน ซึ่ งจะนิยมสร้างพระเครื่ องมากกว่า เช่น
• อโรคยาศาลา
- ปรากฏให้เห็นขึ้นครั้งแรกในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เช่นเดียวกับธรรม
ศาลาเพื่อใช้เป็ นสถานพยาบาลที่สร้างขึ้นตามรายทางโบราณของอาณาจักร
ขอมสมัยพระนคร ซึ่ งเชื่อมกับปราสาทนครธม และปราสาทหิ นอื่นๆ
- พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงโปรดให้สร้างอโรคยาศาลขึ้นจานวน ๑๐๒ แห่ง
ตามหัวเมืองสาคัญทัว่ ราชอาณาจักร ที่ได้แผ่พระราชอานาจไปถึงและทรง
โปรดให้สร้างเป็ นปราสาทหิ นเอาไว้ ในบริ เวณประเทศไทยได้พบอโรคยา
ศาลแล้วอย่างน้อย 20 แห่ง กระจายอยูท่ วั่ ไป โดยพบมากในเขตอีสานใต้
อโรคยาศาลา ในกลุ่มปราสาทตาเหมือน บ้านหนองคันนา ต.ตา
เมียง อ.พนมดงรัก จ.สุ รินทร์
พระกริ่งพรหมมุนี สั งฆราชแพ วัดสุ ทศั น์
• ลักษณะของพระกริ่ ง เป็ นแบบพระพุทธรู ปมหายานทางประเทศธิ เบต
และปรากฏว่าในประเทศเขมร ก็มีพระกริ่ งแบบนี้เหมือนกัน เราเรี ยกกัน
ว่า “กริ่ งพระปทุม”
• ประเพณี นิยมสร้างพระกริ่ งของไทย คงจะได้ครู จากเขมรเป็ นแน่แท้
และมีการสร้างกันในยุคกรุ งสุ โขทัยแล้ว ที่กล่าวว่าตาราสร้างพระกริ่ งใน
ยุคกรุ งรัตนโกสิ นทร์ น้ ี เดิมเป็ นของสมเด็จพระพนรัต วัดป่ าแก้ว ดังนั้น
ในสมัยนั้นวัดป่ าแก้วก็นบั ถือกันว่าเป็ นสานักอรัญญิกาวาส – สมถธุระ
วิปัสสนาธุระ
• อันที่จริ งพระกริ่ งก็คือ พระปฏิมาไภษัชยคุรุพทุ ธเจ้านัน่ เอง
พระพุทธเจ้าองค์น้ ีเป็ นที่นิยมนับถือของปวงพุทธศาสนิ กชนฝ่ ายลัทธิ
มหายานยิง่ นัก
• ปรากฏพระประวัติมาในพระสู ตรสันสกฤตสู ตรหนึ่ง คือ
“พระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาราชามูลปณิ ธานสูตร”
13
พระนารายณ์ ทรงปื น
• พระนารายณ์ ทรงปื น เป็ นพระพิมพ์ที่มีรูปลักษณ์เป็ น "พระแผง" องค์คอ่ นข้างเขื่อง
ปรากฏทั้งเนื้อดินและเนื้อชิน และมีข้ ึนมากมายหลายกรุ ลักษณะองค์พระจะมี "พระ
ปางนาคปรก" เป็ นประธาน
• เป็ นงานศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากขอมบายน โดยดูได้จากการมีลกั ษณะของ
พระพุทธรู ปปางนาคปรกที่ประทับอยูก่ ่ ึงกลางนั้นเป็ นเช่นเดียวกับ "พระชัยพุทธมหา
นาถ" ซึ่ งเป็ นพระพุทธรู ปปางนาคปรกที่องค์ชยั วรมันที่ 7 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นรวม
23 องค์ และพระราชทานให้นาไปประดิษฐานไว้ทวั่ ปริ มณฑลแห่งอานาจของพระองค์
ซึ่ งต่อมาได้เรี ยกศิลปะเขมรในยุคดังกล่าวนี้ วา่ “ศิลปะลพบุรี”
พระร่ วงทรงปื น
พระหูยาน
ศิลปะของละโว้จะผสมระหว่างแบบพุทธศาสนาฝ่ ายมหายานกับพราหมณ์
 สถานที่ก่อสร้างทางศาสนาโดยมากทาด้วยอิฐศิลาแลงและหิ น ที่สร้างด้วยอิฐถือว่า
เป็ นสถานที่เก่าแก่ที่สุด ต่อมาก็เป็ นศิลาแลง และเมื่อขอมมีกาลังมากขึ้นก็สร้างด้วย
หิ น ศิลปะการสร้างศาสนสถานได้ครู มาจากอินเดียและศรี วชิ ยั ต่อมาก็ดดั แปลงเป็ น
ของตนเอง
 ความแตกต่างระหว่างพระปรางค์เทวสถานและพุทธสถาน
1) แบบศาสนาพราหมณ์ มักยกฐานพระปรางค์ให้สูงลอยเด่น เข่น ปราสาท
เขาพระวิหาร
2) แบบพุทธศาสนา มักสร้างบนพื้นราบๆ เช่น ปราสาทหิ นพิมาย
พระปรางค์ 3 ยอด (ลพบุรี)
 อาณาจักรละโว้ ประชาชนนับถือศาสนาพราหมณ์(โดยเฉพาะศิวเวท) และ
พระพุทธศาสนาผสมกัน แต่ดว้ ยการที่ต้ งั อยูใ่ นเขตอิทธิ พลทางวัฒนธรรมของทวรวดี
ดั้งเดิม จึงส่ งผลให้มีพทุ ธศาสนามหายานแบบมนตรยานและเถรวาท (แบบทวารวดี)

18
ศาสนสถานทางพระพุทธศาสนา
19
ปราสาทหินพิมาย จ.นครราชสี มา
พระปรางค์ พมิ าย
• เป็ นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
• มีรูปแบบศิลปกรรมขอมแบบบาปวนและนครวัดที่มีความงดงาม เชื่อว่าเป็ น
ต้นแบบในการสร้างนครวัดในเขมรปราสาทหิ นแห่ งนี้ ต้ งั อยูก่ ลาง เมืองพิมายซึ่ ง
เป็ นเมืองโบราณที่สาคัญของภูมิภาค มีเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงกับเมืองสาคัญ
ทางตอนเหนือของลาวและทางตอนใต้ของขอม
• สร้างขึ้นเพื่อเป็ นพุทธสถานในลัทธิมหายาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในยุคที่
อาณาจักรขอมแผ่อิทธิ พลมายังภูมิภาคนี้ ในสมัย พระเจ้าสุ ริยวรมันที่ 7 มหาราช
องค์สุดท้ายของอาณาจักรขอม
• ใน พ.ศ. 2479 กรมศิลปากรได้ข้ ึนทะเบียนเป็ นโบราณสถานของชาติ
• แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 5 ได้กาหนดให้
เมืองโบราณพิมายและปราสาทหิ นพิมายเป็ นอุทยานประวัติศาสตร์ ในปี พ.ศ.2529
โดยมีการอนุรักษ์และบูรณะเป็ นอย่างดี
พระปรางค์ สามยอด จ.ลพบุรี
พระปรางค์ สามยอด
• ตั้งอยูก่ ลางเมืองลพบุรี สร้างด้วยศิลาแลง ซึ่ งได้รับอิทธิ พลศิลปะขอมที่มีชื่อ
เรี ยกกันว่า “ศิลปะแบบลพบุรี”
• สร้างขึ้นเพื่อเป็ นพุทธสถานในลัทธิ วชั รยาน (มหายาน) ประจาเมืองละโว้ เพื่อ
ประดิษฐานรู ปพระวัชรสัตว์นาคปรก พระโลเกศวร และพระนางปรัชญาปารมิตา
อันเป็ นรู ปเคารพที่นิยมสร้างขึ้นในพุทธศาสนาลัทธิ วชั รยานของกัมพูชาในรัชกาล
ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่ งเป็ นช่วงระยะเวลาที่พทุ ธศาสนาลัทธิ วชั รยาน
เจริ ญรุ่ งเรื องอย่างมากในกัมพูชา
ตราประจาจังหวัดลพบุรี
รู ปพระนารายณ์ ประทับบน
พระปรางค์ สามยอด หมายถึง การระลึกถึง
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชผูส้ ร้างเมือง
ลพบุรีข้ ึนใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2208 และสร้าง
ความเจริ ญให้กบั แผ่นดินลพบุรีไว้มากมาย
ส่ วนพระปรางค์สามยอดถือได้
ว่าเป็ นโบราณสถานที่เป็ นสัญลักษณ์
ของเมืองลพบุรีนนั่ เอง
พระพุทธรู ปปางต่ างๆทีน่ ิยมสร้ างในสมัยละโว้

ปางสมาธิ
26
ปางสมาธิ
• เป็ นชื่อเรี ยกพระพุทธรู ปลักษณะนัง่ สมาธิ นัง่ ลาพระองค์ต้ งั ตรงพระบาท
(เท้า) ทั้งสองซ้อนกัน โดยพระบาทขวาซ้อนทับอยูบ่ นพระบาทซ้าย พระ
หัตถ์ท้ งั สองวางซ้อนหงายกันบนพระเพลา (ตัก) โดยวางพระหัตถ์ขวา
ซ้อนหงายอยูบ่ นพระหัตถ์ซา้ ย (ท่าสมาธิ ราบ ขาขวาทับขาซ้าย)
• จัดเป็ น "ปฐมปาง" หรื อปางที่ให้กาเนิดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ด้วยพระองค์ทรงอยูใ่ นพระอิริยาบถนี้ ในคืนวันตรัสรู ้ เรี ยกได้อีกอย่างว่า
ปางตรัสรู ้ หรื อเป็ นพระพุทธรู ปในอิริยาบทประทับนัง่ สมาธิ โดยใช้ขอ้ พระ
บาททั้งสองข้างขัด กันซึ่ งเรี ยกว่า (ปางขัดสมาธิ เพชร)
ปางมารวิชัย
“พระพุทธนิมติ วิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์ บรมไตรโลกนาถ”
• พระพุทธรู ปปางมารวิชยั ทรงเครื่ องที่ใหญ่และงดงามที่สุดในเมืองไทย
• เป็ นพระพุทธรู ปคู่บา้ นคู่เมือง และคุม้ ครองบ้านคุม้ ครองเมือง ทาให้ขา้ ศึกเกิด
ความเกรงกลัวไม่ทาลายวัดนี้ได้
• อยูท่ ี่วดั หน้าพระเมรุ เป็ นวัดมีความสาคัญทางประวัติศาสตร์กรุ งศรี อยุธยา
เนื่องจากเคยเป็ นวัดที่พม่าใช้ต้ งั ฐานบัญชาการจึงเป็ นวัดเดียว
ในกรุ งศรี อยุธยาที่ไม่ได้ถกู พม่าทาลายและยังคงปรากฏสถาปั ตยกรรมแบบอยุธยา
และอยูใ่ นสภาพสมบูรณ์มากที่สุดในจังหวัดพระนครศรี อยุธยา
ปางประทานอภัย
ปางประทานอภัย
เป็ นชื่อเรี ยกของพรพุทธรู ปที่มีลกั ษณะ ยกพระหัตถ์เบื้องขวาตั้งหันฝ่ าพระหัตถ์ไป
ข้างหน้า มีท้ งั ท่ายืน ท่าเดิน และท่าขัดสมาธิ (หรื อเรี ยกปางลักษณะนี้วา่ เป็ น ปางห้ าม
ญาติ หรื อ ปางโปรดสั ตว์ )
ประวัติ
พระเจ้าอชาตศัตรู พระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร แห่งกรุ งราชคฤห์ ถูกพระ
เทวทัตยุยงให้ปลงพระชนม์พระราชบิดา แล้วขึ้นครองราชแทน พระเจ้าอชาตศัตรู ยงั
ทรงช่วยสนับสนุนพระเทวทัต ส่ งนายขมังธนูไปปลงพระชนม์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่สาเร็ จ ภายหลังจากที่พระมเหสี คลอดพระราชโอรสจึงมี
ความดีใจเป็ นล้นพ้นและสานึ กตัวว่า ได้ทาบาปมหันต์ที่ปลงพระชนม์ชีพพระราช
บิดา จึงเสด็จมาสารภาพความผิดและขอพระราชทานอภัยโทษกับพระพุทธองค์ ขอ
ถึงพระรัตนตรัยเป็ นที่พ่ ึงและทรงบารุ งพระพุทธศาสนา และอุปถัมภ์ในการทา
สังคายนาพระไตรปิ ฎก ครั้งที่ 1
ปางเสด็จลงจากดาวดึงส์
32
ปางเสด็จลงจากดาวดึงส์
เป็ นพระปางลีลา ทาเป็ นพระยืน มีรูปพระอินทร์ อยู่ 2 ข้างเป็ นเครื่ อง
ประกอบ หรื อทาเป็ นพระพุทธรู ปอยูใ่ นอิริยาบถประทับยืน พระหัตถ์ท้ งั สอง
ยกขึ้นเสมอพระอุระ (อก) จีบนิ้วพระหัตถ์ท้ งั สอง เป็ นกิริยาทรงแสดงธรรม
ประวัติ
หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จจาพรรษา ณ สวรรค์ช้ นั ดาวดึงส์ เมื่อ
สิ้ นสุ ดพรรษาพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ช้ นั ดาวดึงส์ดว้ ยบันไดแก้วมณี ที่
ท้าวสักกเทวราชเนรมิตน้อมถวาย โดยมีเหล่าพรหมและเทวดาจานวนมากส่ ง
เสด็จและยังมีปัญจสิ ขเทพบุตรทรงพิณ ขับร้องด้วยเสี ยงอันไพเราะ มาตลี
เทพบุตรถือของหอมและดอกไม้ทิพย์โปรยปรายในระหว่างทาง พระพุทธองค์
เสด็จลงจากสวรรค์ช้ นั ดาวดึงส์ในวันออกพรรษา จึงมีประเพณี ตกั บาตรเทโว
เพื่อรับเสด็จพระพุทธองค์ในวันออกพรรษาสื บมาจนถึงปัจจุบนั
ปางปาเลไลยก์
ปางปาเลไลยก์ (ปาลิเลยยกะ)
• น่าจะดัดแปลงมาจากปางปฐมเทศนาแบบทวารวดี
• เป็ นพระประจาวันของคนที่เกิดวันพุธกลางคืน หรื อ วันราหู (ตั้งแต่พระอาทิตย์
ตกดินจนถึงเช้าตรู่ วนั พฤหัสบดี)
• พระพุทธรู ปปางนี้มีพระพุทธลักษณะเป็ นพระพุทธรู ปในอิริยาบถประทับนัง่
บัลลังก์ หย่อนพระบาททั้งสองทอดลงมาเหยียบบนพื้น
พระพาหา(แขน)ทั้งสองวางบนพระเพลา(เข่า) หงายพระหัตถ์ขวา
เป็ นกิริยารับหม้อน้ าจากพญาช้างปาลิไลยกะ ซึ่ งเป็ นช้างอยูใ่ นป่ า หลีกหนีจาก
โขลง มาคอยปรนนิบตั ิพระพุทธองค์
พระหัตถ์ซา้ ยควา่ ลง แสดงกิริยาไม่รับรวงผึ้งจากลิง เนื่องจากรวงผึ้งมีแมลงผึ้งอยู่
ลิงต้องกลับไปเอาแมลงผึ้ง และตัวลูกอ่อนออกหมดก่อน แล้วนาไปถวายใหม่
พระองค์จึงทรงรับประเคน
• ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ พระพุทธรู ปปางนี้มีมูลเหตุมาจากการที่พระพุทธเจ้า
เสด็จไปประทับในป่ าป่ ารักขิตวัน ในละแวะบ้านปาลิเลยยกะ (อ่านว่า ปา-ลิ-ไลยะ-กะ = ป่ าเลไลย์)
พระโพธิสัตว์
พระอวโลกิเตศวรโพธิสตั ว์ปัทมปาณี
นาลันทา, รัฐพิหาร, อินเดีย,
พุทธศตวรรษที่ 14-15 (คริ สต์ศตวรรษที่ 9)
สั นสกฤต : अवलोकितेश्वर
(Avalokiteśvara, อวโลกิเต
ศวร)
พระโพธิสตั ว์ปัทมปาณิ
(พระโพธิสตั ว์อวโลกิเตศวร)
ศิลปะศรี วิชยั (พศต.ที่ ๑๔ - ๑๕)
พบที่วดั พระบรมธาตุไชยา
อ.ไชยา จ.สุ ราษฎร์ธานี
พระอวโลกิเตศวร
• พระโพธิสัตว์องค์สาคัญของพระพุทธศาสนามหายาน ที่มีผู ้
เคารพศรัทธามากที่สุด และเป็ นเสมือนปุคคลาธิษฐานแห่งมหา
กรุ ณาคุณของพระพุทธเจ้าทั้งปวง เรื่ องราวของพระอวโลกิเต
ศวรปรากฏอยูท่ วั่ ไปในคัมภีร์สันสกฤตของมหายาน
รู ปนางภควดีปัญญาบารมี ทาเป็ นรู ปนางยกมือขวาถือหนังสื อ
มือซ้ายถือดอกบัว ซึ่ งมักเข้าใจกันว่าเป็ นรู ปนางอุมาภควดี
พระพุทธศาสนานิกายมหายาน ปรากฏอยู่ในอาณาจักร 2 แห่ ง ที่สาคัญทีส่ ุ ด

อาณาจักรศรี วิชยั (ราว พ.ศ. 1300)

41

ดินแดนละโว้ (ราว พ.ศ. 1550)
42
THE
END