หลักการส่งเสริม พัฒนาการเด็ก

Download Report

Transcript หลักการส่งเสริม พัฒนาการเด็ก

หลักการส่ งเสริมพัฒนาการเด็ก
• แนวคิดเดิม
1. เน้นการส่งเสริมทักษะสติปัญญา(cognitive skills)
โดยวิธีให้ทาซ้า ๆ จนเด็กท่องจาได้
2. เน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (behavioral
modification) เช่น การให้รางวัล การทาโทษ
จ ุดประสงค์หลัก
- เพื่อเตรียมความพร้อมไปโรงเรียน
- ละเลยความพร้อมทักษะขัน้ พื้นฐาน ทักษะชีวิตต่างๆ
• ข้อเสีย
1.ให้ความสนใจเด็กตามกลมุ่ โรคมากกว่าความ
แตกต่างของเด็กแต่ละคน
2.เน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากกว่าแก้ปัญหา
พัฒนาการพื้นฐาน
3.เน้นการส่งเสริมแบบแยกส่วนมากกว่าการมอง
ทักษะชีวิต หรือพื้นฐานพัฒนาการโดยรวม
4. เน้นการส่งเสริมเด็กมากกว่าการทางานร่วมกับ
ครอบครัว
• แนวคิดใหม่
Stanley Greenspan นาเสนอ แนวคิด Developmental
individual difference relationship base (DIR) model
la นให้ความสาคัญเรือ
เน้
่ งทักษะชีวิต
- การมีปฏิสมั พันธ์
- การสื่อสาร
- การคิด
- การเข้าใจอารมณ์
• โดย
- Development พัฒนาการของการมีปฏิสมั พันธ์ การ
สื่อสาร การคิด โดยมีความต้องการและอารมณ์เป็น
แรงจูงใจ
- Individual difference ความแตกต่างของการรับรู้ การ
ประมวลข้อมูล และการสัง่ การควบค ุมกล้ามเนื้อของเด็กแต่
ละคน
- Relationship base เน้นปฏิสมั พันธ์ของเด็กกับผูด้ ูแล
1. Floortime
- สร้างบรรยากาศ ที่อบอนุ่ สน ุก ปลอดภัยแต่
เป้าหมายเพื่อกระตน้ ุ พัฒนาการ
1.1 กิจกรรมที่เด็กสนใจและตรงกับพัฒนาการ
เด็กเป็นผูน้ า
1.2 เด็กเกิดความรส้ ู ึกสน ุก สนใจ เกิดแรงจูงใจใน
การทากิจกรรมต่างๆ ด้วยตนเอง
2. การฝึกกิจกรรมที่บา้ น
เป็นการฝึกที่ผใ้ ู หญ่เป็นผูร้ เิ ริม่ เพื่อช่วยให้เด็ก
พัฒนาความสามารถใหม่ ๆ ได้แก่
2.1 การช่วยเหลือตัวเองและการฝึกพัฒนาการ
ด้านต่าง ๆ เช่น GM FM RL EL PS
2.2. การฝึกเพื่อแก้ไขความทักษะพื้นฐาน เช่น
- Visual and spatial processing เช่น การมองหา
ของเล่น การเอื้อมมือหยิบของจากทิศทางต่าง ๆ เล่นโยน
บอล มองตามไฟฉาย
- Auditory processing หัดรับฟังเสียงที่หลากหลาย
ฝึกทาความเข้าใจคาสัง่ ที่ซบั ซ้อน ฝึกการตอบคาถาม
- Motor planning and sequencing เช่น การเพิ่ม
ขัน้ ตอนการเล่นที่ซบั ซ้อนขึ้น ความคล่องแคล่วในการ
เคลื่อนไหว
- กิจกรรม Sensory เช่น การนัง่ ชิงช้า กระโดด
แทมโบลีน การทรงต้วบนล ูกบอล การนวด
3. การฝึกอย่างเป็นระบบ
เป็นการฝึกกับนักวิชาชีพต่าง ๆ เพื่อส่งเสริม
พัฒนาการเฉพาะด้านตามความเหมาะสม
วิธีการสอน
1 . สอนโดยการสาธิต (Modeling)
2. สอนโดยการจับทา (Physical Guidance)
3. สอนโดยการใช้ คาพูด หรือบอก (Verbal Guidance)
• จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม
•
•
•
•
ส่งเสริมต่อเนื่องอย่างน้อยวันละ 1 ครัง้
คาพูดที่ใช้ควรง่าย สัน้ ชัดเจน และคงที่
ให้เวลาเด็กปฏิบตั ิตาม 3-5 วินาที
ถ้าเด็กยังไม่ได้ทาให้พดู ซ้า
(ข้อความเหมือนเดิม) พร้อมให้การช่วยเหลือเด็ก เช่น
อธิบายเพิ่ม ทาเป็นตัวอย่าง ชี้บอก หรือจับมือทา
ตามความเหมาะสม
หลักการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก
• ให้ความช่วยเหลือเด็กเท่าที่จาเป็น
ลดการช่วยเหลือลงเมื่อเด็กทาได้
อาจช่วยเหลือโดย
ทางกาย : จับมือทำ แตะข้อศอกกระตุน้
ทางวาจา : บอกให้เด็กทรำบ
ทางท่าทาง : ชี้ ผงกศีรษะ ส่ำยหน้ำ
หลักการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก
• ถ้าเด็กเกิดการเรียนรแ้ ู ล้ว ให้เปลี่ยนข้อความแบบ
ต่างๆ แต่มีความหมายเหมือนกัน เพื่อให้เด็กได้
เรียนรค้ ู าศัพท์ที่หลากหลาย
• การให้แรงเสริม ควรให้ทนั ทีเมื่อเด็กทาได้ถ ูกต้อง
ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเพื่อให้เด็กทาได้หรือเด็กทา
ได้เอง เช่น ชมเชย ยิ้ม ปรบมือ สัมผัส ให้ขนม
ใช้ หลัก 4 R
1. Repeatation : การสอนซา้ ๆและใช้ เวลามากกว่ า
ปกติ ใช้ วธิ ีสอนหลายๆ วิธี
2. Relaxation : เรียนปนเล่ น ไม่ เครียด บรรยากาศ
ผ่ อนคลาย ใช้ การเล่ านิทาน ร้ องเพลง
3. Routine
: สอนเป็ นกิจวัตรประจาวัน
4. Reinforcement : การให้ รางวัล
การให้แรงเสริมควรคานึงถึง
 ต้องให้ทนั ทีที่เด็กทาสาเร็จ
 เหมาะสมกับวัย และเป็นสิ่งที่เด็กชอบ
 ควรให้แรงเสริมบ่อยๆ เมื่อต้องการให้เกิดทักษะ
หรือพฤติกรรมใหม่
 ลดแรงเสริมลงเมื่อเด็กทาได้แล้ว แต่ยงั ให้อยูเ่ ป็น
ระยะเพื่อให้พฤติกรรมนัน้ คงอยู่
• การขัดขวาง เป็นการลดหรือแก้ไข
พฤติกรรมที่ไม่ตอ้ งการ หรือป้องกันการ
ทาทักษะผิดหรือทาสิ่งที่ไม่ถ ูกต้อง โดย
- ใช้มือปิด สิ่งที่ไม่ถ ูกต้องหรือสิ่งที่ไม่ตอ้ งการ
ให้เด็กทา พร้อมพูดยา้ เฉพาะสิ่งที่ตอ้ งการให้เด็กทา
เพื่อป้องกันการทาผิด
- ช่วยจับมือเด็กทา ในสิ่งที่ถ ูกต้อง
•
การย่อยงาน
เป็นการช่วยให้เด็กเรียนรท้ ู กั ษะได้เร็วขึ้น
ขัน้ ตอนที่แบ่งย่อย ขึ้นอยูก่ บั ความสามารถในการ
เรียนรข้ ู องเด็กแต่ละคน