เครื่องมือในการศึกษาภูมิศาสตร์

Download Report

Transcript เครื่องมือในการศึกษาภูมิศาสตร์

ภูมิศาสตร์
เครื่ องมือในการศึกษาภูมิศาสตร์
ปรากฏการณ์ทางภูมิศาสตร์
วิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้ อมในประเทศไทย
ประวัติผ้ สู อน
ประวัติที่ปรึกษา
ประวัติผ้ จู ดั ทา
การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้ อม
การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ อม
เพื่อการพัฒนาอย่างยัง่ ยืน
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1 แผนที่ เป็ นเครื่ องมือชนิดหนึง่ ที่แสดงลักษณะของ
พื ้นผิวโลกลงบนวัสดุแบนราบด้ วยการย่อขนาดให้ เล็กลงโดย
ใช้ มาตราส่วน และใช้ สญ
ั ลักษณ์แทนสิง่ ที่มีอยู่จริงบน
พื ้นผิวโลก
1.1 ชนิดของแผนที่
1.1.1 แบ่ งตามลักษณะการใช้ แบ่ งได้ 3 ประเภท
1 แผนที่อ้างอิง (general reference map) เป็ น
แผนที่ใช้ สาหรับอ้ างอิงข้ อมูลในการทาแผนที่ชนิดอื่นๆ ได้ แก่
แผนที่ภมู ิประเทศ (topographic map) แสดง
ลักษณะภูมิประเทศบนพื ้นผิวโลก
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
2 แผนที่เฉพาะเรื่ อง (thematic map) เป็ นแผนที่
ที่สร้ างขึ ้นเพื่อแสดงรายละเอียดเฉพาะเรื่ อง
เช่น แผนที่รัฐกิจ
3 แผนที่เล่ ม (atlas) เป็ นแผนที่ที่รวมแผนที่
หลายๆชนิด เช่น แผนที่รัฐกิจ แผนที่ธรณีวิทยา
รวมไว้ ในเล่มเดียวกัน
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1.1.2 แบ่ งตามมาตราส่ วนของแผนที่
1 แผนที่มาตราส่ วนขนาดใหญ่ (large scale map)
ใช้ สาหรับเขียนแผนที่ของพื ้นที่ขนาดเล็ก เพื่อให้ สามารถ
บรรจุรายละเอียดที่ปรากฏในภูมิประเทศลงในแผนที่
2 แผนที่มาตราส่ วนขนาดกลาง (medium scale
map) ใช้ เขียนแผนที่ที่มีพื ้นที่กว้ างใหญ่เพื่อแสดงเฉพาะ
รายละเอียดที่สาคัญ
3 แผนที่มาตราส่ วนขนาดเล็ก (small scale map)
ใช้ เขียนแผนที่ของบริเวณที่มีอาณาเขตกว้ างใหญ่ สามารถ
แสดงได้ เฉพาะลักษณะที่สาคัญเท่านัน้
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1.2 องค์ ประกอบของแผนที่
1 ระวางแผนที่ คือกรอบ หรื อขอบกาหนดขอบเขตแผนที่
2 ชื่อแผนที่ (map name) ชื่อแผนที่เป็ นส่วนสาคัญ
อย่างหนึง่ ที่จะบอกว่าแผนที่นนเป็
ั ้ นแผนที่แสดงข้ อมูลอะไร
3 ชื่อภูมศิ าสตร์ (geographic name) คือตัวอักษรที่
ใช้ บอกชื่อเฉพาะที่มีความสาคัญ มีทงภาษาท้
ั้
องถิ่นและ
ภาษาอังกฤษ
4 ทิศ (direction) แผนที่ทกุ ระวางต้ องกาหนดทิศทางไว้
โดยทัว่ ไปแผนที่จะแสดงส่วนบนของแผนที่เป็ นทิศเหนือเสมอ
ทิศเหนือจริง (true north) เป็ นแนวทิศที่มงุ่ ตรงไปยังขัว้
โลกเหนือ ใช้ สญ
ั ลักษณ์รูปดาว
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
ทิศเหนือแม่เหล็ก (magnetic north) ได้ แก่ แนวที่
ปลายเข็มของเข็มทิศชี ้ไปในแนวทิศทางขัวเหนื
้ อของแม่เหล็ก
โลก ใช้ สญ
ั ลักษณ์รูปปลายลูกศรครึ่งซีก
ทิศเหนือกรี ด (grid north) ได้ แก่ แนวทิศเหนือ ตามเส้ น
ฉากทางดิ่ง ใช้ สญ
ั ลักษณ์เป็ นขีดตรง มีอกั ษร GN อยู่
ข้ างบน
1) การบอกทิศทางแบบแบริง (bearing) เป็ นการวัด
มุมจากทิศเหนือหรื อใต้ ไปทางตะวันออกหรื อตะวันตก ขนาด
ของมุมแบริงจะมีคา่ ไม่เกิน 90 องศา
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
การอ่านค่ามุมแบบแบริงจะเริ่มต้ นด้ วยทิศหลัก เช่น ทิศเหนือ
75 องศาตะวันตก (N 75° W)
2) การบอกทิศทางแบบแอซิมัท (azimuth) เป็ นมุมที่
วัดจากทิศเหนือไปตามเข็มนาฬิกายังทิศเป้าหมาย มีคา่ ไม่
เกิน 360 องศา
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
5 มาตราส่ วน (map scale) คือสิง่ ที่แสดงให้ ทราบถึง
ความสัมพันธ์ระหว่างระยะทางในแผนที่กบั ระยะทางจริ งบน
พื ้นผิวโลก มีอยู่ 3 ชนิด
1)มาตราส่ วนคาพูด (verbal scale) คือมาตราส่วนที่
บอกโดยตรงว่าระยะทางในแผนที่ 1 หน่วย แทนระยะทางจริ ง
บนพื ้นผิวโลก เช่น 1 เซนติเมตร เท่ากับ 20 กิโลเมตร
2)มาตราส่ วนเส้ น (graphic scale) หรื อมาตราส่วน
รูปแท่ง (bar scale) คือมาตราส่วนที่แสดงด้ วยเส้ นตรง
หรื อรูปแท่งที่มีตวั เลขกากับไว้
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
3)มาตราส่ วนแบบเศษส่ วน (representative
scale) คือมาตราส่วนที่แสดงด้ วยตัวเลขอัตราส่วน การ
คานวณหาระยะทางจริงบนพื ้นผิวโลกจากแผนที่ หาได้ จาก
สูตร
6 สัญลักษณ์ (symbol) สัญลักษณ์ในแผนที่เป็ นสิ่งที่
กาหนดขึ ้นเพื่อใช้ แทนสิง่ ต่างๆที่ปรากฏในพื ้นที่จริง แบ่งได้ 3
ประเภท
สัญลักษณ์ที่เป็ นจุด (point symbol)
สัญลักษณ์ที่เป็ นเส้ น (line symbol)
สัญลักษณ์ที่เป็ นพื ้นที่ (area symbol)
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
7 สี (color) สีท่ ีใช้ เป็ นมาตรฐานในแผนที่มี 5 สีคือ
สีดา แทนสิง่ ต่างๆที่มนุษย์สร้ างขึ ้น เช่น วัด โรงเรี ยน หมูบ่ ้ าน
สีแดง แทนถนนและรายละเอียดพิเศษอื่นๆ
สีน ้าเงิน แทนบริเวณที่เป็ นน ้า
สีน ้าตาล แทนความสูง เช่น เส้ นชันความสู
้
ง ภูเขา
สีเขียว แทนพื ้นที่ป่าไม้ พื ้นที่การเกษตร พื ้นที่ราบ
1.3 แผนที่ภูมปิ ระเทศ ในแผนที่นิยมแสดงระดับความสูงไว้
4 รูปแบบ ดังนี ้
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
พื ้นดิน กาหนดสีแสดงลักษณะภูมิประเทศไว้ ดงั นี ้
สีเขียว แสดง ที่ราบ ที่ต่า
สีเหลือง แสดง เนินเขาหรื อที่สงู
สีเหลืองแก่ แสดง ภูเขาสูง
สีน ้าตาล แสดง ภูเขาสูงมาก
สีขาว
แสดง ภูเขาที่มีหิมะปกคลุม
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
พืน้ นา้ สีท่ ีนิยมใช้ เพื่อบอกความลึกของแหล่ งนา้ ในแผน
ที่ มีดงั นี ้
สีฟ้าอ่อน แสดง ไหล่ทวีป หรื อเขตทะเลตื ้น
สีฟ้าแก่ แสดง ทะเลลึก
สีน ้าเงิน แสดง ทะเล หรื อมหาสมุทร
สีน ้าเงินแก่ แสดง น่านน ้าที่มีความลึกมาก
3 เส้ นลายขวานสับหรื อเส้ นลาดเขา (hachure) ภูมิ
ประเทศหากเป็ นพื ้นที่ชนั สัญลักษณ์ในแผนที่ภูมิประเทศจะ
แสดงด้ วยเส้ นขีดที่สนหนา
ั้
และชิดกัน หากเป็ นพื ้นที่ลาดเท
มักแสดงด้ วยเส้ นขีดยาว บาง และห่างกัน
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
4 การแรเงา (shading) แสดงความสูงของภูมิประเทศ
อย่างหยาบๆ โดยการเขียนหรื อแรเงาพื ้นที่ให้ มีลกั ษณะเป็ น
ภาพสามมิติหรื อมีทรงทรงขึ ้น
2 เครื่ องมือทางภูมิศาสตร์
2.1 เครื่ องมือทางแผนที่
2.1.1 เข็มทิศ (compass) เป็ นอุปกรณ์ที่นามาใช้ หา
ทิศทาง ปลายข้ างหนึง่ ของเข็มบอกทิศจะชี ้ไปทางเหนือเสมอ
วิธีใช้ ต้ องวางเข็มทิศในแนวราบ ปลายลูกศรชี ้ไปที่ น หรื อ N
ซึง่ หมายถึงทิศเหนือ
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
2.1.2 เครื่ องมือวัดระยะทางในแผนที่ (map
measurer) เป็ นเครื่ องมือที่เหมาะสาหรับ
วัดระยะทางที่คดเคี ้ยว
2.1.3 เครื่ องมือวัดพื ้นที่ (planimeter)
เป็ นอุปกรณ์สาหรับหาพื ้นที่ของรูปบนพื ้นระนาบ
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
2.2 เครื่ องมือทางภูมอิ ากาศ
2.2.1 บารอมิเตอร์ (barometer) เป็ นเครื่ องมือวัด
ความกดอากาศ
1 บารอมิเตอร์ แบบปรอท
2 บารอมิเตอร์ แบบตลับ หรื อแบบแอนิรอยด์
3 บารอกราฟ (barograph) บันทึกความกดอากาศได้
อย่างต่อเนื่อง
2.2.2 เทอร์ โมมิเตอร์ (thermometer) เป็ นเครื่ องมือ
วัดอุณหภูมิอากาศ
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
2.2.3 ไซโครมิเตอร์ (psychrometer) เป็ นเครื่ องมือ
สาหรับวัดความชื ้นสัมพัทธ์และจุดน ้าค้ างในอากาศ
2.2.4 ไฮโกรมิเตอร์ (hygrometer) เป็ นเครื่ องมือวัด
ความชื ้นอากาศแบบต่อเนื่องโดยใช้ เส้ นผม ซึง่ จะ
เปลี่ยนแปลงตามปริมาณความชื ้นในอากาศ ถ้ าความชื ้น
น้ อยเส้ นผมจะหดตัว 2.2.5 มาตรวัดลม
(anemometer) เป็ นเครื่ องมือวัดความเร็วลม ที่นิยม
ใช้ กนั มากเป็ นมาตรวัดลมแบบลูกถ้ วย
2.2.6 เครื่ องวัดฝน (rain gauge) เป็ นเครื่ องมือที่ช่วย
ในการวัดปริมาณน ้าฝน โดยใช้ อปุ กรณ์ที่มีลกั ษณะเป็ นรูป
ทรงกระบอก
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
3 เทคโนโลยีและสารสนเทศในการศึกษาภูมศิ าสตร์
3.1 การรั บรู้ จากระยะไกล (remote sensing)
หมายถึงการสารวจทางไกลที่ปราศจากการสัมผัสโดยตรง
ระหว่างที่ทาการสารวจกับอุปกรณ์ที่ใช้ ในการสารวจ
3.2 ชนิดของข้ อมูลการรั บรู้ ระยะไกล
3.2.1 รู ปถ่ ายทางอากาศ (aerial photograph)
หมายถึง รูปภายของลักษณะภูมิประเทศที่ปรากฏอยู่บนผิว
โลก ซึง่ ได้ มาจากการถ่ายภาพทางอากาศ ด้ วยวิธีการนา
กล้ องถ่ายรูปติดไว้ กบั อากาศยานที่บินไปเหนือภูมิประเทศ
บริเวณที่ต้องการถ่ายภาพ
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
กล้ องสามมิติ (stereoscope) เป็ นเครื่ องมือที่ใช้
สาหรับมองภาพสามมิติ สามารถมองความสูง-ต่าของภูมิ
ประเทศในลักษณะสามมิติได้
3.2.2 ภาพจากดาวเทียม (satellite imagery)
ดาวเทียมธีออส (THEOS) เป็ นดาวเทียมสารวจทรัพยากร
ดวงแรกของประเทศไทย จากความร่วมมือทางด้ าน
เทคโนโลยีอวกาศระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฝรั่งเศส
ภาพจากดาวเทียมครอบคลุมพื ้นที่กว้ างกว่ารูปถ่ายทาง
อากาศ
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
3.3 ระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ (Geographic
Information System-GIS) การนาระบบ
คอมพิวเตอร์ มาใช้ ในการจัดการข้ อมูลเชิงพื ้นที่ จัดเก็บ
ปรับปรุง วิเคราะห์ และแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลออกมา
เป็ นสารสนเทศรูปแบบต่างๆ
ระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ มีองค์ ประกอบที่สาคัญ
ได้ แก่
1 ฮาร์ ดแวร์
2 ซอฟต์แวร์ (software)
3 ข้ อมูล (data)
4 กระบวนการวิเคราะห์หรื อขันตอนการด
้
าเนินงาน
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
3.4 ระบบกาหนดตาแหน่ งบนโลก (Global
Positioning System-GPS) คือการนา
คลื่นสัญญาณวิทยุและรหัสจากดาวเทียมบอกตาแหน่งมา
บอกค่าพิกดั ของสิง่ ต่างๆ บนพื ้นผิวโลก ระบบดังกล่าวเกิด
จากการส่งดาวเทียมจานวน 24 ดวงขึ ้นสูห่ ้ วงอวกาศที่ระดับ
ความสูงประมาณ 20,200 กิโลเมตร ดาวเทียมทังหมดถู
้
ก
แบ่งออกเป็ นวงโคจร 6 วง แต่ละวงมีดาวเทียมประจาการอยู่
จานวน 4 ดวง ระบบกาหนดตาแหน่งบนพื ้นโลกประกอบด้ วย
3 ส่วนหลัก
1 ส่วนอวกาศ (space segment) ดาวเทียมซึง่ อยูบ่ น
อวกาศ ทาหน้ าที่สง่ สัญญาณ
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
2 ส่วนสถานีควบคุม (control segment) ทาหน้ าที่
ติดต่อสื่อสารกับดาวเทียม
3 ส่วนผู้ใช้ (user segment) เครื่ องรับสัญญาณหรื อ
เครื่ องระบบกาหนดตาแหน่งบนโลก
3.5 อินเทอร์ เน็ต (Internet)
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
ความหมายของปรากฏการณ์ ทางภูมศิ าสตร์
ปรากฏการณ์ทางภูมิศาสตร์ หมายถึงสภาวะต่างๆ ที่
เกิดขึ ้นกับเปลือกโลกและบรรยากาศที่หอ่ หุ้มโลก และ
สภาวะที่เกิดขึ ้นดังกล่าวจะส่งอิทธิพลต่อการดาเนินชีวิตของ
มนุษย์เราตลอดจนสภาพสิ่งต่างๆ บนโลก
ปรากฏการณ์ทางภูมิศาสตร์ ที่สาคัญมีหลายรู ปแบบ
ตัวอย่างเช่น การเกิดปรากฎการณ์แผ่นดินไหว การเกิด
ปรากฏการณ์ของการเปลี่ยนโครงสร้ างพื ้นผิวของเปลือกโลก
ใน ลักษณะต่าง ๆ การเกิดสภาวะความเปลี่ยนแปลงของ
สภาวะอุณหภูมิของโลกร้ อน การเกิดสภาวะพายุฝนฟ้า
คะนอง ฯลฯ
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
ปั จจุบนั การศึกษาทางด้ านภูมิศาสตร์ เป็ นการศึกษา
ที่มงุ่ สร้ างความเข้ าใจเกี่ยวกับรายละเอียดเบื ้องต้ นที่เกี่ยวข้ อง
กับพื ้นที่ มากกว่าที่จะศึกษาถึง ลักษณะเฉพาะและสถานที่
ต่างๆ ของโลกอย่างคร่าวๆ เช่นเดียวกันที่เคยปฏิบตั ิกนั มา
ในระยะแรก โดยในครัง้ นันข้
้ อมูลเกี่ยวกับสถานที่ตา่ งๆ ยัง
มีไม่มากพอ แต่เมื่อมีข้อมูลเพิ่มมากขึ ้นการศึกษาด้ าน
ภูมิศาสตร์ จงึ ได้ เปลี่ยนแนวทางมาสูก่ ารศึกษาถึงรายละเอียด
ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นใน พื ้นที่นนๆ
ั ้ โดยเฉพาะ ซึง่ มักจะใช้
หลักศึกษาด้ วยการใช้ วิธีการพิจารณาว่า “มีสิ่งใดบ้ างที่เป็ น
สาเหตุทาให้ เกิดสิ่งนันสิ
้ ่งนี ้ขึ ้น
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
โครงสร้ างของโลก
นักวิทยาศาสตร์ ได้ ศกึ ษาเพื่อหาข้ อมูลเกี่ยวกับส่วนประกอบ
และโครงสร้ างของโลก โดยอาศัยแนวคิดเกี่ยวกับสมมุติฐานในเรื่ อง
การกาเนิดของโลก การศึกษาเกี่ยวกับเศษชิ ้นส่วนของวัตถุต่างๆ ที่อยู่
ลึกลงไปเกือบอยู่ใจกลางโลกซึง่ ภูเขาไฟพ่นออกมา ตลอดจนเศษ
ชิ ้นส่วนของอุกกาบาตที่อยู่ในอวกาศและตกลงมายังบริ เวณ พื ้นผิวโลก
จากความเชื่อที่ว่าเศษชิ ้นส่วนของวัตถุดงั กล่าวมีลกั ษณะที่ใกล้ เคียงกับ
การกาเนิดของโลก จากการศึกษาข้ อมูลที่กล่าวมา นักวิทยาศาสตร์
ได้ แบ่งโครงสร้ างของชันโลกออกเป็
้
น 3 ชัน้ ประกอบด้ วย
1. ชันเปลื
้ อกโลก (crust)
2. ชันเนื
้ ้อโลก (montle)
3. ชันแก่
้ นโลก (core)
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
ภูมปิ ระเทศของโลกมีรูปแบบที่สาคัญอย่ างไร
จากการศึกษาเกี่ยวกับโลกทาให้ ทราบว่าโลกมี
สัณฐานเกือบเป็ นทรงกลมและมีบรรยากาศห่อหุ้มอยู่
โดยรอบ เมื่อพิจารณาสภาพของภูมิประเทศที่ปรากฏเห็น
ได้ คอ่ นข้ างชัดเจนบน พื ้นทวีป จะพบว่า ภูมิประเทศของ
โลก จะแบ่งออกได้ 4 รูปแบบ ที่สาคัญประกอบด้ วย
1. ภูมิประเทศที่เป็ นที่ราบ (plain)
2. ภูมิประที่เป็ นที่ราบสูง (plateau)
3.ภูมิประเทศที่เนินเขา (hill)
4.ภูมิประเทศที่เป็ นภูเขา (mountain)
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
2. ขนาดและความรุ นแรงของแผ่ นดินไหว การวัดมี 2
ลักษณะ คือ
2.1 ขนาดของแผ่นดินไหว คานวณได้ จาก
การตรวจวัดความสูงของกราฟที่พื ้นโลกปลดปล่อยออกมาใน
รูปการสัน่ สะเทือน เครื่ องมือที่ใช้ ตรวจวัดเรี ยกว่า ไซสโม
กราฟ หน่วยศูนย์กลางแผ่นดินไหวเรี ยกว่า ริคเตอร์
2.2 ความรุนแรงของแผ่นดินไหว หมายถึง
การวัดปริมาณของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ ้น ได้ แก่ ความรู้สกึ
ของผู้คน การสัน่ ของวัตถุหรื อสิง่ ก่อสร้ าง เป็ นต้ น
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1. กระบวนการของการเกิดภาวะโลกร้ อนขึน้
เกิดจากรังสีอลั ตราไวโอเลตถูกบรรยากาศชันโอโซนดู
้
ดซับไว้
บางส่วนจะสะท้ อนกลับหรื อกระจายไปในบรรยากาศโดยอนุภาคต่าง
ๆ ที่มีอยู่ในบรรยากาศ รังสีบางส่วนที่ตกมาถึงพ้ นโลกจะถูกดูดซับไว้
พื ้นโลกจะสะท้ อนรังสีออกไปในรูปความร้ อนหรื อรังสีอินฟราเรด
กลางสตวรรษที่ 19 นักวิทยาศาสตร์ ได้ พบว่า อุณหภูมิของโลกได้
เพิ่มขึ ้นโดยมีปัจจัยพื ้นฐานมาจากการขยายกาลังการผลิต และการ
นาเทคโนโลยีมาใช้ ในการผลิตที่ขาดสมดุลและเหมาะสมกับธรรมชาติ
ทาให้ ปริ มาณของก๊ าซเรื อนกระจกในชันบรรยากาศเพิ
้
่มมากขึ ้นเป็ นผล
ให้ เกิดการสะสมของรังสีในชันบรรยากาศจนเกิ
้
นสมดุล ส่งผลให้ ชนั ้
บรรยากาศและพื ้นผิวโลกมีระดับอุณหภูมิที่สงู ซึง่ ปรากฏการณ์
ดังกล่าวเรี ยกว่า ปรากฏการณ์เรื อนกระจก
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
2. การประเมินภาวะการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมขิ อง
โลกและผลกระทบ
องค์การอุตนุ ิยมวิทยาโลกและโครงการ
สิ่งแวดล้ อมแห่งสหประชาชาติ ได้ จดั ประชุมระหว่างรัฐบาล
เรื่ อง การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และได้ มีการแต่งตัง้
คณะทางานเพื่อศึกษาเกี่ยวกับวิธีการประเมิน การ
เปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศในเชิงวิทยาศาสตร์ การ
ประเมินผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ
และการกาหนดยุทธศาสตร์ เพื่อการแก้ ไขขึ ้น
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
แนวทางการป้องกันและแก้ ไขปั ญหาภาวะโลกร้ อนขึน้
1.ทัว่ โลกต้ องร่วมมือกันใช้ ก๊าซธรรมชาติแทนถ่านหิน
2.ทัว่ โลกต้ องหันมาใช้ แหล่งพลังงานทดแทน
ได้ แก่ พลังงานจากแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล
3.ทัว่ โลกต้ องช่วยกันรักษาพื ้นที่ป่าที่มีอยูแ่ ละปลูก
ป่ าเพิ่มเติม
4.ต้ องมีการปรับปรุงวิธีการใช้ ป๋ ยให้
ุ เหมาะสมกับ
ชนิดของพืชและหลีกเลี่ยงการใช้ ป๋ ยที
ุ ่ทาให้ เกิดก๊ าซ
5.ต้ องปรับปรุงวิธีการใช้ พลังงานไฟฟ้าอย่างมี
ประสิทธิภาพทังภาคธุ
้
รกิจอุตสาหกรรมและครัวเรื อน
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1.วิกฤตการณ์ เกี่ยวกับที่ดนิ และทรั พยากรดิน
จากความจากัดของที่ดิน การเปลี่ยนแปลงสภาพการใช้ ที่ดิน
การใช้ ที่ดินไม่เหมาะสมกับสมรรถนะของที่ดิน และการจัด
ระเบียบการใช้ ที่ดินที่ไม่ถกู ต้ องของผู้ครองที่ดินสาเหตุตา่ งๆ
เหล่านี ้ล้ วนเป็ นวิกฤตการณ์เกี่ยวกับที่ดิน และจะเป็ นปั ญหา
ของประเทศมากยิ่งขึ ้นหากไม่มีมาตรการแก้ ไขที่ถกู ต้ อง
เหมาะสม โดยวิกฤตการณ์เกี่ยวกับที่ดินของประเทศไทย มี
ดังนี ้
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1.1ความจากัดของจานวนที่ดนิ ประเทศไทยมีพื ้นที่อยู่
ประมาณ 320 ล้ านไร่ โดยเป็ นทังพื
้ ้นที่ที่ใช้ เป็ นที่อาศัย เป็ น
พื ้นที่ทาการเกษตรและอุตสาหกรรม เป็ นพื ้นที่ป่าและที่ดิน
ร้ างว่างเปล่า ในขณะที่จานวนประชากรของประเทศเพิ่มขึ ้น
จาก 18 ล้ านคน ใน พ.ศ. 2490 เป็ น 64 ล้ านคนใน พ.ศ.
2552 การพัฒนาประเทศทาให้ ชมุ ชนเมืองขยายตัวเข้ าไปใน
พื ้นที่เกษตรกรรม เช่น การขยายของกรุงเทพ ทาให้ บริ เวณ
พื ้นที่ฝั่งธนบุรีที่เคยเป็ นสวนผลไม้ และนาข้ าวหมดไป เป็ นต้ น
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1.2การเปลี่ยนสภาพการใช้ ท่ ีดนิ ปริมาณพื ้นที่
ทางการเกษตรของประเทศที่เพิ่มมากขึ ้นโดยการเปลี่ยน
สภาพที่ดินที่เป็ นป่ าไม้ โดยใน พ.ศ. 2523 มีพื ้นที่ทา
การเกษตรเพียง 147.1 ล้ านไร่ ครัง้ ต่อมาใน พ.ศ. 2551 พื ้นที่
ทาการเกษตรได้ เพิ่มขึ ้นเป็ น 170.2 ล้ านไร่ จึงเป็ นไปได้ วา่
พื ้นที่ทาการเกษตรที่เพิ่มขึ ้นประมาณ 23 ล้ านไร่นนั ้ เป็ นบุก
รุกเข้ าไปในพื ้นที่ป่าไม้ ดังจะเห็นได้ จากพื ้นที่ป่าไม้ ใน
ภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงราย ลาปาง แพร่ น่าน เป็ นต้ น
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1.3 การพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชนและสาธารณูปโภค
การพัฒนาอุตสาหกรรมนับตังแต่
้ การเปลี่ยนแปลงที่ตงของ
ั้
โรงงานจากในเมืองไปอยูเ่ มืองนอก เช่น จากในกรุงเพทมหา
นครไปอยูบ่ ริเวณรังสิต บริเวณจังหวัดปทุมธานี และอาเภอ
บางปะอิน อาเภอวังน้ อย จังหวัดพระนครศรี อยุธยารวมทัง้
การไปจัดตังนิ
้ คมอุตสาหกรรมต่างๆ เช่นบริเวณแหลงฉบัง
จังหวัดชลบุรี และบริเวณมาบตาพุด จังหวัดระยอง ล้ วนเป็ น
การเข้ าไปบุกรุกพื ้นที่เกษตรกรรมที่มีอยู่ก่อน
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1.4การขาดกรรมสิทธิ์ถือครองที่ดนิ ผู้ที่ถือครองที่ดินที่
เป็ นผู้มีกรรมสิทธิ์ที่ดินตามกฎหมายนันมี
้ เป็ นส่วนน้ อย ผู้
ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมักเป็ นผู้เช่าที่ดินทากิน หรื อไม่ก็
เข้ าไปใช้ ประโยชน์จากที่ดินโดยรัฐยังไม่สามารถมอบ
กรรมสิทธิ์ที่ดินให้ ได้ อย่างถูกต้ องตามกฎหมาย ทาให้ ไม่
สามารถพัฒนาที่ดินที่จะนาไปใช้ ประโยชน์ได้ เต็มศักยภาพ
หรื อไม่ก็ขาดความรู้ความเข้ าใจในการครอบครองที่ดิน จน
เกิดการฟ้องร้ องให้ ออกจากพื ้นที่
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1.5ปั ญหาการถือครองที่ดนิ การบุกรุกที่ดินของรัฐทังที
้ ่
เป็ นพื ้นที่ป่าไม้ และที่สาธารณะประโยชน์ ประชาชนเข้ าไปอยู่
อาศัยและประกอบอาชีพโดยขาดสิทธิในการครอบครองที่ดิน
ตามกฎหมาย หรื อการที่ประชาชนเข้ าไปครอบครองอย่าง
ถูกต้ องแต่รัฐประกาศให้ เป็ นที่ดินของรัฐในภายหลัง ทาให้
เจ้ าหน้ าที่ของรัฐในภายหลัง ทาให้ เจ้ าหน้ าที่ของรัฐและ
ประชาชนเกิดความขัดแย้ งกัน และนอกจากนี ้ที่ดินที่เป็ นที่อยู่
อาศัยมันไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์อย่างถูกต้ อง เมื่อระยะเวลา
ผ่านมานาน ทาให้ ไม่สามารถระบุสทิ ธิ์ของผู้ถือครองได้ อย่าง
ถูกต้ อง
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1.6การเกิดภัยธรรมชาติ ภัยธรรมชาติที่มกั
เกิดขึ ้นในประเทศไทยและก่อให้ เกิดความเสียหายต่อชีวิต
และทรัพย์สินของประชาชน ที่สาคัญ ได้ แก่ น ้าท่วมรวมทัง้
การพัดเอาดินโคลนไหลไปทาความเสียหายแก่ชีวิตบ้ านเรื อน
สาธารณูปโภค และผลผลิตทางการเกษตร เช่น ใน พ.ศ.
2548 ที่อาเภอลับแล อาเภอน ้าปาด และอาเภอเมือง จังหวัด
อุตรดิตถ์ ทาให้ เกิดความเสียหายนับพันล้ านบาท ส่วนใน
พื ้นที่อื่นๆ เช่น จังหวัดเพชรบูรณ์ น่าน แพร่ สุโขทัย พิจิตร
เป็ นต้ น ก็เกิดน ้าท่วมสร้ างความเสยหายทุกปี นอกจากนี ้พายุ
ฤดูร้อนก็มกั จะเกิดในช่วงเดือนเมษายน ที่อากาศร้ อนจัด จน
เป็ นภัยต่อบ้ านเรื อนและทรัพย์สินเป็ นจานวนมาก
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
1.7แผ่ นดินทรุ ดตัว บริเวณพื ้นที่ที่มีการใช้ น ้า
บาดาลมาก เช่น พื ้นที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ
นนทบุรี และปทุมธานี ได้ มีการนาน ้าบาดาลขึ ้นมาใช้ อย่าง
ต่อเนื่องมากว่า 30 ปี โดย เฉพาะพื ้นที่บริเวณย่านรามคาแหง
บางนา และในจังหวัดสมุทรปราการ แผ่นดินได้ ทรุดตัวลง
แล้ วกว่า 1 เมตร และยังทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง จนทาให้
ภาครัฐต้ องกาหนดมาตรการห้ ามขุดเจาะน ้าบาดาลขึ ้นมาใช้
และให้ ใช้ น ้าผิวดิน (น ้าในแม่น ้า) มาทาประปาให้ บริการเพิ่ม
มากขึ ้น
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
2. วิกฤตการณ์ ทรั พยากรนา้
วิกฤตการณ์ทรัพยากรน ้า เกิดจากสาเหตุหลักๆ ดังนี ้
2.1 การขาดแคลนนา้ การเพิ่มจานวนประชากร การ
เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรม รวมถึงการเพิ่ม
ปริมาณการใช้ น ้าของครอบครัวและชุมชน ทาให้ เกิดการขาด
แคลนน ้า โดยเฉพาะในฤดูแล้ งพบว่า เกิดการขาดแคลนน ้าที่
จะใช้ ทาน ้าประปาในหลายพื ้นที่ รวมทังขาดแคลนน
้
้าในการ
ใช้ เพาะปลูกและอุตสาหกรรมด้ วยเช่น ในจังหวัดชลบุรี
จันทบุรี ตราด ระยอง ปราจีนบุรี เป็ นต้ น
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
2.2 นา้ เสียและสารพิษในนา้ การทิ ้งน ้าเสียจาก
บ้ านเรื อนและโรงงานอุตสาหกรรมลงสูแ่ หล่งน ้า ทาให้ น ้าเน่า
เสีย สัตว์น ้าไม่สามารถดารงชีวิตอยูไ่ ด้ รวมถึงไม่สามารถ
นามาใช้ อปุ โภคบริโภคหรื อใช้ ในการเกษตรได้ เช่นน ้า ใน
แม่น ้าเจ้ าพระยา แม่น ้าท่าจีน และลาคลองต่างๆ ใน
กรุงเทพมหานคร เป็ นต้ น
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
2.3 นา้ ท่ วม เป็ นปั ญหาที่เกิดขึ ้นกับพื ้นที่ตา่ งๆ ของประเทศ
ไทยเป็ นประจาทุกปี โดนเฉพาะ.ในช่วงฤดูฝนที่ได้ รับอิทธิพล
จากพายุตา่ งๆ ในทะเลจีนใต้ ทาให้ พื ้นที่ทางการเกษตร
บ้ านเรื อน และทรัพย์สินเสียหาย ในบริเวณและพื ้นที่ที่เกิดน ้า
ท่วมเป็ นประจา ได้ แก่ จังหวัดน่าน แพร่ สุโขทัย และพิจิตร
นอกจากนี ้ยังเป็ นพื ้นที่ราบลุม่ แม่น ้าเจ้ าพระยา คือ จังหวัด
สิงห์บรุ ี อ่างทอง พระนครศรี อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และ
กรุงเทพฯ ที่เกิดปั ญหาน ้าท่วมเป็ นประจา
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
3. วิกฤตการณ์ เกี่ยวกับแร่ และพลังงาน
3.1 การขาดแคลนพลังงาน แร่และพลังงานเป็ น
ทรัพยากรที่ใช้ แล้ วหมดไป คือ ไม่สามารถเกิดขึ ้นมาใหม่ได้ ใหม่กว่าจะ
เกิดขึ ้นใหม่ต้องใช้ เวลานานมาก ทาให้ แร่และพลังงานที่ใช้ แล้ วหมดไป
ในอนาคตอันใกล้ เช่น ถ่านหิน ถ้ ามีอตั ราการใช้ เช่นปั จจุบนั ถ่านหินก็
จะหมดไปภายในระยะเวลาไม่นานเมื่อเกิดการขาดแคลนพลังงาน ทา
ให้ ต้องนาเข้ าพลังงานจากต่างประเทศ เช่น น ้ามัน แก๊ สธรรมชาติ ซึง่
ส่งผลกระทบต่อการเงินของประเทศ ทาให้ ไทยต้ องเสียดลการค้ ากับ
ต่างประเทศ และนอกจากนี ้ราคาของแร่และพลังงานจะมีความผันผวน
ไปตามกระแสเศรษฐกิจและการเมือง ในส่วนของประชาชนก็จะได้ รับ
ผลกระทบจากราคาสินค้ าที่แพงขึ ้นตามวัตถุดิบและต้ นทุนการผลิต
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
3.2 ส่ งผลกระทบต่ อสิ่งแวดล้ อม การนาแร่และพลังงาน
มาใช้ จะมีผลกระทบต่อสิง่ แวดล้ อมหากไม่มีระบบป้องกันที่ดี
เช่น การทาเหมืองแร่ถ่านหิน ทาให้ เกิดฝุ่ นละอองในอากาศ
หรื อปนเปื อ้ นในน ้าใต้ ดิน หรื อการทาเหมืองตะกัว่ ทาให้ แหล่ง
น ้าใกล้ เคียงมีปริมาณตะกัว่ สูงกว่าปกติ ส่งผลกระทบต่อ
สุขภาพอนามัยของประชาชนที่อยูบ่ ริเวณใกล้ เคียง เช่น สาร
กามะถันจากการผลิตไฟฟ้าด้ วยถ่านหิน ทาให้ เกิดโรค
ทางเดินหายใจ ระคายเคืองตา เป็ นต้ น
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
มนุษย์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้ อมมี
ความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันอย่างใกล้ ชิด ทังนี
้ ้เพราะทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้ อมเป็ นสิ่งที่เอื ้ออานวยประโยชน์ให้ มนุษย์ได้ รับปั จจัยสี่ ซึง่
ได้ แก่ อาหาร เครื่ องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย แต่
ขณะเดียวกันการกระทาของมนุษย์เองได้ สง่ ผลกระทบต่อสภาพของ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ อม และเนื่องจากความจากัดของ
ทรัพยากรธรรมชาติรวมทังการเพิ
้
่มขึ ้นอย่างรวดเร็ วของจานวน
ประชากร ได้ มีผลทาให้ เกิด การแก่งแย่งในการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้ อมที่มีอยู่ ยิ่งไปกว่านัน้ มนุษย์ยงั ได้ ใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้ อมอย่างฟุ่ มเฟื อยและไม่มีแผนการจัดการโดยมุ่งหวังผล
กาไรสูงสุด
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
ชัดเจนในปั จจุบนั อาทิเช่น พื ้นที่ป่าไม้ ถกู บุกรุก
ทาลาย จนมีสดั ส่วนไม่เหมาะสมกับการรักษาสภาพความ
สมดุลของระบบธรรมชาติหรื อระบบนิเวศ หรื อภาวะน ้าเน่า
เสียในแม่น ้าสายหลัก ทังแม่
้ น ้าเจ้ าพระยา แม่น ้าแม่กลอง แม่
น ้าท่าจีน และแม่น ้าบางปะกง หรื อภาวะอากาศเสียในเขต
กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเมืองหลัก อันเนื่องมาจาก
ควันพิษรถยนต์ การเกิดปฏิบตั ิการเรื อนกระจก (โลกร้ อน)
เป็ นต้ น ดังนัน้ เพื่อให้ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้ อม
ซึง่ เป็ น ปั จจัยสาคัญของการพัฒนาประเทศมีสภาพที่พร้ อม
สนับสนุนการพัฒนาประเทศในอนาคตต่อไปนัน้
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
ความหมายของการพัฒนาที่ย่ งั ยืน
- การพัฒนาที่ยงั่ ยืน เป็ นคาที่มีรากฐานมาจากหลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง การพัฒนาคนให้ มีคณ
ุ ภาพ การเพิ่ม
ผลผลิต และการใช้ หรื อจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้ อมอย่างฉลาด รู้จกั ถนอมในการใช้ เพื่อให้ มีไว้ ใช้ เพื่อใช้
มีอย่างยาวนานจนถึงคนรุ่นหลัง
- การใช้ ทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ยงั่ ยืน หมายถึง การนา
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ อมมาใช้ พฒ
ั นาคุณภาพชีวิตของ
มนุษย์ เพื่อให้ มีมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่ทาให้
ทรัพยากรธรรมชาติหรื อสิ่งแวดล้ อมนันด้
้ วยประสิทธิภาพลง หรื อ
กระทบกระเทือนต่อคนรุ่นหลัง
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
แนวทางในการปฏิบัตทิ ่ จี ะนาไปสู่การพัฒนาที่ย่ งั ยืน
- ประชาชนและภาครัฐต้ องช่วยกันควบคุมปล่อยของเสียที่
สร้ างขึ ้นให้ ออกสูธ่ รรมชาติน้อยลง
- ประชาชนและภาครัฐต้ องรู้จกั วิธีการใช้
ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
- ประชาชนทุกคนต้ องเกิดจิตสานึกร่วมกัน โดยการ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคทรัพยากร
ธรรมชาติให้ เหมาะสม
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
นโยบายและวิธีการจัดการด้ านทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ย่ งั ยืน
ของรัฐบาลไทย
รัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา มีนโยบายให้ จดั การสารวจที่ดินว่าง
เปล่าที่ยงั ไม่มีเจ้ าของ มาจัดวางระเบียบการจับจองที่ดินให้ เหมาะสม
แก่การเพาะปลูก และจัดวางแผนส่งเสริ มชลประทาน
รัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช มีนโยบายเร่งดาเนินโครงการ
ชลประทานขนาดเล็กส่งเสริ มการประมงและปศุสตั ว์จนสามารถเป็ น
สินค้ าออก และป่ าไม้ เป็ นทรัพยากรธรรมชาติที่เป็ นสมบัติของส่วนรวม
รัฐจะอนุรักษ์ และพัฒนาป่ าไม้ ให้ คงสภาพและเกิดความสมบูรณ์เป็ น
แหล่งของต้ นน ้าลาธาร รัฐบาลพลเอกสุจินดา คราประยูร มีนโยบายใน
การที่จะอนุรักษ์ ค้ มุ ครองและป้องกันการทาลายทรัพยากรธรรมชาติทงั ้
ดิน ป่ าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติกับรู ปแบบและแนว
ทางการใช้ ทรัพยากรอย่ างยั่งยืน
- แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 6 (พ.ศ.25302534) เป็ นแผนพัฒนาฯที่เน้ นพัฒนาประเทศให้ ก้าวควบคูไ่ ปกับการ
แก้ ไขปั ญหาเศรษฐกิจและสังคมที่สะสมมาจากแผนพัฒนาฯฉบับที่ผ่าน
มาเน้ นการใช้ ทรัพยากรทุกชนิดอย่างมีคณ
ุ ภาพ และเน้ นเศรษฐกิจ
การเมืองสังคม ให้ มีความเกื ้อกูลซึง่ กันและกัน
- แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 7 (พ.ศ.25352539) เป็ นแผนพัฒนาฯที่ม่งุ ให้ เกิดความสมดุลระหว่างการพัฒนาใน
เชิงปริ มาณคุณภาพและความเป็ นธรรมในสังคมเน้ นการกระจายรายได้
และความรู้ไปสูภ่ มู ิภาค เน้ นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คุณภาพชีวิต
และการรักษาสิ่งแวดล้ อมและทรัพยากรธรรมชาติ
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
ย้ อนกลับ
ชื่ออาจารย์ ปกรณ์กฤษ นามสกุล หวังกุ่ม
ตาแหน่ง ครู คศ.2 วิยฐานะ ชานาญกาญ
สังกัด
กลุ่มสาระการเรี ยนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีสารสนเทศ (คอมพิวเตอร์ )
โรงเรี ยนบ่อพลอยรัชดาภิเษก จังหวัดกาญจนบุรี
การศึกษา
พ.ศ. 2542
ปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) สาขา
เกษตรศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี
พ.ศ. 2545 ป. บัณฑิต วิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี
พ.ศ. 2548 ปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต (ค.บ.) สาขาคอมพิวเตอร์ ศกึ ษา
พ.ศ. 2553 ปริญญาโท ศึกษาสตรมหาบัณฑิต (ศษ.ม) สาขาบริหาร
การศึกษา
มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
การติดต่อ [email protected]
www.pkkan.net
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ถัดไป
เกิดวันที่
ประวัติการศึกษา
ย้ อนกลับ
ประวัติการทางาน
รัชดาภิเษก
24 ตุลาคม 2526
- ระดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยทักษิณ จ.สงขลา
คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาเอกสังคมศึกษา
- ปั จจุบนั กาลังศึกษาระดับมหาบัณฑิต
สาขาวิชา บริ หารการศึกษา
มหาวิทยาลัยรามคาแหง
ข้ าราชการครู คศ.1 โรงเรี ยนบ่อพลอย
หน้ าหลัก
หน้ าเมนู
ย้ อนกลับ
ชื่อ นางสาวนพรัตน์ เสียงเจนดี
ชื่อเล่น จิน
เกิดวันที่ 27 สิงหาคม 2538
อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 57/1 ม.1 ต.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี 71160
สีที่ชอบ สีชมพู
สีที่ไม่ชอบ สีแดง
อนาคตที่ใฝ่ ฝั น ครูองั กฤษ
E-Mail [email protected]
โทรศัพท์ 034-581172
โทรศัพท์มือถือ 083-8549435
090-7868594