ดูงาน

Download Report

Transcript ดูงาน

โรค Acromegaly เป็นโรคทีเ่ กิดจากการที่มีโกรทฮอร์โมนหรือฮอร์โมนโซมาโตโทรฟิน
สูงมากเมือ่ โตเต็มวัย ทาให้กระดูกบางส่วนของร่างกายเติบโตผิดปกติ เช่น กระดูกบริเวณใบหน้า
ยาวทาให้มใี บหน้ายาวผิดปกติ สาหรับประเทศไทยยังมีอัตราการเติบโตของผูป้ ่วยทีเ่ ป็นโรคนี้
เพิ่มขึ้นเรือ่ ย ๆ ซึ่งหากปล่อยเอาไว้นานอาจจะสายเกินแก้และอันตรายถึงชีวติ ซึ่งโรคเนือ้ งอก ของ
ต่อมใต้สมองผิดปกติ (Acromegaly)สามารถเป็นได้ทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่ หากพบความผิดปกติ
ทางร่างกาย เช่น สูงใหญ่ มือเท้าโตผิดปกติ หรือหน้าตาเปลีย่ นไป
ให้รีบพบแพทย์ทนั ที
โรคเนื้องอกของต่อมใต้สมองผิดปกติวา่ โรคเนือ้ งอกของต่อมใต้สมอง
ผิดปกติ (Acromegaly)เกิดจากความผิดปกติของเนื้องอก ที่ได้สร้าง
ฮอร์โมนชนิดหนึง่ ที่เรียกว่า โกรธฮอร์โมน (Growth Homone) ซึ่งผลิต
ขึ้นมามากกว่าคนปกติทวั่ ไป โดยโรคนีป้ กติจะไม่ค่อยพบบ่อยมากนัก
เทียบเป็นอัตราส่วน 1 ต่อหลายแสนคน แต่สาหรับในประเทศไทยนัน้ พบ
จานวนผู้ปว่ ยเพิ่มมากขึ้นเรือ่ ย ๆ เนื่องจากว่าระบบการแพทย์ของไทยใน
ปัจจุบนั ดีขนึ้ กว่าในอดีตมาก มีการร่วมมือกันระหว่างแพทย์ผู้เชีย่ วชาญด้าน
ต่อมไร้ท่อ และแพทย์ระบบทางเดินทางประสาทในการวินจิ ฉัยและรักษา
ทาให้ค้นพบผูท้ ี่เป็นโรคนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนือ่ ง
อาการของโรคเนือ้ งอกของต่อมใต้สมองผิดปกตินนั้ ขึ้นอยูก่ บั การตรวจพบและการ
วินิจฉัยของโรคว่า ผู้ป่วยเป็นโรคนีต้ งั้ แต่อายุเท่าไหร่ หากเป็นตัง้ แต่เด็ก ๆ ความสูงจะเพิม่ ขึน้
อย่างชัดเจน เฉลีย่ ปีละ 10-15 เซนติเมตร ส่วนใหญ่ผปู้ กครองมักจะพาบุตรหลานมารักษา
ก็จะสูงเกือบ 2 เมตรแล้ว ทาให้โอกาสที่จะรักษาหายมีนอ้ ยมาก
สาหรับผูท้ ปี่ ่วยเป็นโรคนีใ้ นช่วงผ่านการเป็นวัยรุน่ หรือวัยผูใ้ หญ่ไปแล้ว การ
เจริญเติบโตด้านความสูงจะไม่เพิม่ ขึน้ แต่สรีระทางร่างกายจะเปลีย่ นไป เช่น หน้าตาจะ
เปลี่ยนไป คิ้วจะโหนกขึน้ จมูกจะใหญ่ขนึ้ คางจะขยาย ปากใหญ่ขนึ้ คางจะยื่น ฟันห่าง มือ
เท้าจะใหญ่หยาบกร้าน เสียงพูดจะเปลีย่ นไป ลิ้นคับปาก และอายุไม่ยนื ส่วนระบบร่างกาย
ภายใน อาทิ หัวใจและตับ จะโตมากขึน้ ข้อจะเสือ่ มเร็ว หลังโก่ง นอกจากนีผ้ ปู้ ่วยทีเ่ ป็นโรคนี้
จะเป็นโรคอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจโต อาจหัวใจวายและเสียชีวิตได้
โดยปกติโรคนี้ หากรักษาแต่เนิน่ ๆ สามารถรักษาให้
หายขาดได้ แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ในตอนท้าย ๆ
ของโรค ทาให้การรักษายากมากขึน้ และโอกาสทีจ่ ะหายขาดมีนอ้ ย
สาหรับวิธีการรักษามีหลายวิธี หากพบเนือ้ งอกมีขนาดเล็กหรือพบ
แต่เนิน่ ๆ จะรักษาด้วยวิธกี ารผ่าตัด กรณีที่เนือ้ งอกมีขนาดใหญ่
มาก ไม่สามารถผ่าตัดออกได้หมด (ประเทศไทยมักจะพบถึง 9
ใน 10 คน ขนาดของเนือ้ งอกประมาณ 5-6 เซนติเมตร ซึ่งเนือ้
งอกจะไปกดเบียดบริเวณประสาทตาทาให้ตาบอดได้)
วิธีที่ 2 คือการฉายแสง วิธีการรักษาลักษณะนีไ้ ม่แนะนา เนื่องจาการฉายแสงจะ
ไปทาลายเนือ้ งอกตายลงก็จริง แต่กจ็ ะทาลายเซลล์ดี ๆ ตายไปด้วย ซึ่งส่งผลกับเรือ่ งของ
ฮอร์โมนเพศ และฮอร์โมนชนิดอื่น ๆ ซึ่งเป็นวิธที างเลือกสุดท้ายทีใ่ ช้กัน
ปัจจุบันการรักษาโรคเนือ้ งอกของต่อมใต้สมองผิดปกติ (Acromegaly) จะนิยม
ใช้วิธีการรักษาโดยการฉีดยา ซึ่งจะสามารถต้านการสร้างฮอร์โมนทีผ่ ดิ ปกติได้ และพบว่าเมือ่
ใช้ยาฉีดฮอร์โมนชนิดนี้ จะทาให้เนือ้ งอกมีขนาดเล็กลงได้แต่ไม่ได้หายขาด ซึ่งการรักษาด้วย
ยาจะช่วยทาให้เนือ้ งอกมีขนาดเล็กลง สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของเนือ้ งอกให้ผปู้ ่วย
รู้สึกบรรเทา และมีชีวติ เหมือนคนปกติได้
หากเนื้องอกไปโดนในส่วนของฮอร์โมนไธรอยด์กจ็ ะเฉือ่ ยชา ทางานช้า ขี้
หนาว ท้องผูก หากเนื้องอกลุกลามไปที่ต่อมฮอร์โมนเพศ จะทาให้ขาดฮอร์โมนเพศ
ซึ่งจะมีความผิดปกติทางเพศ ซึ่งจะไม่มลี ักษณะของผู้หญิงหรือผู้ชาย ผู้หญิงก็จะ
ไม่มีประจาเดือน ผู้ชายก็ไม่มคี วามรูส้ กึ ทางเพศ แต่จะตัวสูง แต่ต่อมทางเพศถูก
ทาลายหมดแล้ว หรือหากเนือ้ งอกไปกดทับฮอร์โมนทีเ่ รียกว่า สเตอรอยด์ ก็จะไม่มี
แรง ลุกนั่งก็จะเป็นลม น้าตาลต่าและเกิดโรคภาวะแทรกซ้อนอืน่ ๆ ตามมา เป็น
โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
ภาวะเตี๊ย หรือเคระ เกิดจากร่างกายขาย
ฮอร์โมน GH (Growth Hormone) มาตั้งแต่เด็ก ๆ
ทาให้การเจริญเติบโตของร่างกายนัน้ มีผลน้อย ส่งผลให้
ร่างกายเต้ยแคระ แต่ร่างกายก็ยังเป็นสัดส่วนทีถ่ กู ต้องอยู่
รวมถึงความสามารถในการใช้ชวี ิตประจาวันได้อย่างปกติ
ส่วนใหญ่สาเหตุของโรค Dwarfism เกิดจากโรค Achondroplasia กระดูก
เติบโตอย่างผิดปกติ ซึ่งเป็นถึง70%ของ ผู้ป่วยโรค Dwarfism แต่ในกรณีของโรค
Achondroplasia จะมีรปู ร่างที่ไม่สมสัดส่วน ช่วงแขนหรือขาจะดูสั้นๆเล็กๆ เมื่อเทียบกับ
ลาตัว (บริเวณท้อง) โดยมีหวั ขนาดใหญ่กว่าปกติและใบหน้าที่มีลักษณะพิเศษ หากร่างกาย
เกิดความไม่สมส่วน มักจะเกิดจากหนึง่ หรือมากกว่าหนึง่ ยีนที่ควบคุมลักษณะหรือความผิดปกติ
ในการพัฒนากระดูกอ่อน การที่รา่ งการมนุษย์เกิดการผิดปกติอย่างมาก มักจะมีสาเหตุ
เกี่ยวกับ ฮอร์โมน เช่น การเจริญเติบโตฮอร์โมนบกพร่องซึง่ รูจ้ กั กันในชือ่ ของ “Pituitary
Dwarfism” ซึ่งการเติบโตทีผ่ ดิ ปกตินเี้ กีย่ วกับระบบต่อมไร้ทอ่ เกิดจากการทางานที่ผดิ ปกติ
ของ Growth Hormone จากแหล่งทีผ่ ลิตฮอร์โมนชนิดนี้ คือ ต่อม พิธูอิตารี่ ส่วนหน้า หรือ
เรียกอีกอย่างว่า ต่อมใต้สมองส่วนหน้า
ความไม่สมส่วนของ dwarfism จะถูกกาหนดโดยหนึง่ หรือมากกว่าของสัดส่วน
ร่างกาย ความ ไม่สมส่วน ขนาดใหญ่หรือเล็กจะเปรียบเทียบกับส่วนที่เหลือของร่างกาย
โดยมีการเจริญเติบโตทีผ่ ดิ ปกติโดยเฉพาะที่บริเวณทีเ่ ห็นได้ชัดเจน. ในกรณีทผี่ เู้ ป็น
dwarfism ที่มีร่างกายสมส่วน โดยทัว่ ไปไม่มีการเติบโตปรากฏอย่างชัดเจน.
Hypotonia หรือขาดกล้ามเนือ้ เป็นธรรมดาใน dwarfs แต่สติปัญญาและอายุขัยมัก
ปกติ
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรกั ษาโรค Dwarfism บุคคลทีค่ วามผิดปกติเช่นกระดูกเติบโต
ผิดปกติ บางครัง้ พวกเขาสามารถแก้ไขได้คอื การ ศัลยกรรม และบางฮอร์โมนทีผ่ ดิ ปกติจะ
สามารถรักษาได้โดยแพทย์แต่ใน กรณีส่วนใหญ่จะมักเป็นไปไม่ได้ทจี่ ะทาให้โรค Dwarfism
หายขาด เมื่ออายุยงิ่ มากขึน้ ก็ต้องทนรับมือกับโรค Dwarfism อุปกรณ์เฟอร์นเิ จอร์ภาย ใน
บ้านจะสามารถช่วยให้รา่ งกายในผูป้ ่วย Dwarf ทางานต่างๆได้อย่างปกติ ของหลายกลุม่ มีการ
สนับสนุนทีจ่ ะช่วยให้ ผู้ป่วยโรค Dwarfism รับมือกับความท้าทายต่อหน้าพวกเขาและเพือ่ ช่วย
ให้พัฒนาขึน้ ไปเพือ่ ที่จะทาให้พวกเขาสามารถพึ่งตนเองได้
โรค gigantism อาจเรียกอีกอย่างนึง
ว่า ภาวะยักษ์ ที่เรียกว่าภาวะยักษ์ เพราะผู้ป่วยมี
อาการ ตังสูงใหญ่กว่าคนปกติ แต่สัดส่วนของ
ร่างกาย เท่าเดิมทุกอย่าง มักจะเกิดตัง้ แต่เด็ก
โรค gigantism มีสาเหตุมาจาก
ในวัยเด็กได้รบั ฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ผลิตจากต่อมใต้
สมอง ที่ชื่อ Growth Hormone (GH) มาก
เกินไป ซึ่งฮอร์โมนนีจ้ ะทาหน้าทีส่ ร้งความ
เจริญเติบโตของร่างกาาย เมื่อร่างกายมีการผลิต
Growth Hormone (GH) มากจนเกินไป ก็ทาให้
ร่างกายใหญ่โต ดังรูป โดยผู้ป่วยในส่วนมาก จะมี
ความสูงเกิน 200 เซนติเมตร (2 เมตร)
จากเคสตัวอย่างในเมืองไทย เด็กหญิงมาลี ดวงดี อายุ 16
ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านปะเดา ต.ด่านชุมพล อ.บ่อ
ไร่ จ.ตราด เป็นโรคที่เรียกว่า ไจแกนติซมึ (Gigantism) หรือเด็กร่าง
ยักษ์ คือรูปร่างสูงใหญ่แต่สมส่วน โรคนี้พบได้นอ้ ยมาก มีสาเหตุจากความ
ผิดปกติของโกรท ฮอร์โมน (Growth hormone) เธอมีอาการ รูปร่างสูง
ใหญ่ อาจสูงได้ถึง 270 เซนติเมตร แต่หากเกิดตอนโตเต็มที่แล้ว คือหลัง
อายุ 18 ปี จะทาให้กระดูกใบหน้า กระดูกนิว้ มือ นิ้วเท้า โตผิดปกติ
ใบหน้าเป็นรูปสามเหลีย่ ม หน้าจั่ว จมูกใหญ่ กระดูกแก้มโหนก เรียกว่า
อะโครเมกาลี่ (Acromegaly)
นายแพทย์เรวัต แพทย์ประจาตัวคนไข้ได้กล่าวว่า การรักษาทาได้ 3 วิธี คือ
1.รักษาด้วยยา มีทั้งกินและฉีด ยากินคือ บรอมโมคริบตีน
(Bromocriptine) ทาให้กอ้ นเนือ้ งอกเล็กลง อาการต่างๆ ก็จะดีขนึ้ ได้ผลประมาณร้อยละ
40 ส่วนยาฉีดต้องฉีดทุก 8 ชั่วโมง และต้องฉีดต่อเนือ่ งระยะยาว
2.รักษาโดยการผ่าตัดสมองผ่านทางช่องจมูก ซึ่งมักจะทาหลังจากที่
รักษาด้วยยาแล้วไม่ได้ผล หรือมีปัญหาก้อนเนือ้ กดทับประสาทตา วิธีนี้สามารถทาได้ใน
โรงพยาบาลขนาดใหญ่ โรงพยาบาลทีเ่ ป็นโรงเรียนแพทย์ หรือโรงพยาบาลเฉพาะทางคือ
สถาบันประสาทวิทยา สังกัดกรมการการแพทย์ วิธีนี้ได้ผลดี โรคแทรกซ้อนต่า
3.รักษาโดยการฉายรังสี เพื่อให้ก้อนเนือ้ งอกยุบ ซึ่งกรณีของ
เด็กหญิงมาลีนนั้ มีทางรักษาได้ จะให้สถาบันประสาทวิทยาประสานงานกับสานักงาน
สาธารณสุขจังหวัดตราดต่อไป เพื่อวางแผนรักษาร่วมกัน
ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
( Hyperthyroidism ) หรือคอพอก
เป็นพิษ : ภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้าง
ฮอร์โมนออกมามากว่าปกติเป็นผลทาให้
ร่างกายมีการเผาผลาญสารอาหารมาก
เกินไป
เกิดภาวะทีม่ ีภมู ไิ ปกระตุน้ ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนออกมามาก ผู้ป่วยจะมีตอ่ ม
ไทรอยด์โตทัง้ ต่อม โรค Multinudular toxic goiter หมายถึงภาวะทีก่ ้อน [nodule]
ในต่อมไทรอยด์ทางานสร้างฮอร์โมนเพิม่ ขึน้ อาจก้อนเดียว หรือหลายก้อน Thyroiditis
ช่องแรกของต่อมไทรอยด์อกั เสบจะมีอาการของคอพอกเป็นพิษ ผู้ป่วยคอพอกเป็นพิษจะมี
อาการคือ อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ กล้ามเนือ้ อ่อนแรง ตาโปน มือสั่น ใจสั่น
เหนื่อยง่าย คอพอก ประจาเดือนผิดปกติ ขี้ร้อน น้าหนักลดแม้ว่าจะรับประทานอาหารได้
ดี
ความผิดปกติของร่างกายจากปริมาณ GH สูงหรือต่าเกินไป
- ขาด GH ในเด็ก ทาให้เด็กนัน้ ไม่โต รูปร่างเตีย้ แคระแกรน เรียกลักษณะนีว้ ่า คนเตีย้
แคระ (Dwarfism) ขาด GH ในผู้ใหญ่ จะไม่แสดงอาการสาคัญทีเ่ ห็นเด่นชัด แต่
มักจะมีนาตาลในเลื
้
อดน้อยกว่าคนการขาด GH ในวัยผูใ้ หญ่ทาให้เกิด Simmonds
disease ทาให้เนือ้ เยือ่ ต่างๆเหีย่ วแห้งหรือเหี่ยวย่น
- ได้รับ GH มากเกินไปในเด็ก ทาให้รา่ งกายสูงใหญ่ผิดปกติเรียกว่า โรคยักษ์
(Gigantism) ในผู้ใหญ่มักจะเกิดอาการเติบโตเฉพาะกระดูกบางส่วนของร่างกายจะเพิม่ มาก
ขึ้นผิดปกติ เรียกอาการนีว้ ่า อะโครเมกาลี (Acromegaly)
การรักษามีได้หลายวิธีแพทย์จะพิจารณาจาก อายุ สภาพของผู้ป่วย ชนิดของคอพอกเป็น
พิษ ความรุนแรงของโรค การรักษามีได้ 3 วิธี คือการรับประทานยาเพื่อลดการสร้างฮอร์โมน เช่น
PTU,Methimazole การรับประทานน้าแร่ radioactive iodineเมื่อผู้ป่วย
รับประทานน้าแร่เข้าไป ต่อมไทรอยด์ก็จะรับ iodine ที่มีรังสีเข้าไป รังสีนี้จะทาลายเนื้อต่อม
ไทรอยด์ แพทย์จะคานวณขนาดยาที่เหมาะสม หากได้มากเกินไปจะเกิดภาวะต่อมไทรอยด์ทางาน
น้อยจาเป็นต้องได้รับยา thyroid hormone ไปตลอดชีวิต แต่ถ้าหากได้รับน้าแร่น้อยไปผู้ป่วย
ยังคงเกิดอาการของต่อมไทรอยด์เป็นพิษแต่รุนแรงน้อยลง แพทย์จะนัดให้ยาอีกครั้ง
การผ่าตัด ปัจจุบันการผ่าตัดมีความนิยมลดลงไปมาก โดยเลือกใช้กับผู้ป่วยบางราย เช่น เด็ก
วัยรุ่น หรือหญิงตั้งครรภ์ที่มีปัญหากับยาที่รักษา หรือผู้ที่มีต่อมโตมาก มีอาการทางตารุนแรง หรือมี
ก้อนในต่อม ยาอื่น betablocker เช่น propanolol,atenolol,metoprolol เพื่อลดอาการของโรค
ในผู้ที่มไี ทรอยด์ฮอร์โมนต่า สารประกอบที่
ประเภทวุน้ เช่น กรดไฮยาลูโรนิก (hyaluronic acid)
และคอนดรอยติน ซัลเฟต (chondroitin sulfate) จะ
จับกับโปรตีนใต้ผวิ หนังมากขึ้น ทาให้รสู้ ึกว่าผิวหนังบวม
น้า หน้าบวม อ้วน ทาให้นาหนั
้ กเพิม่ ผมและผิวแห้ง
สมองจะทางานช้าลง ปฏิกิริยาโต้ตอบช้า ประจาเดือน
ผิดปกติ เรียกกลุม่ อาการนีว้ า่ มิกซีดมี า ( myxedema)
นอกจากนีเ้ สียงยังแหบและต่า จนมีผู้กล่าว
ว่ามิกซีดมี าเป็นโรคที่วนิ ิจฉัยได้ทางโทรศัพท์ (
myxedema is the one disease that can be
diagnosed over the telephone) นอกจากนี้ยังจิต
ประสาทไม่ดี (myxedema madness) และมีผลต่อ
ประสาทหูทาให้หูหนวกและเป็นใบ้ได้(deaf-mutism)
1. การสร้างฮอร์โมนไม่เพียงพอ
2. เซลล์เป้าหมายไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมน ซึ่งมีระดับปกติ
3. ตัวรับสัญญาณ (receptors) ผิดปกติ เกิดโรคของต่อมไทรอยด์
4. ต่อมไทรอยด์ไม่ทางาน
5. การฉายรังสีทกี่ ระทบกระเทือนต่อมไทรอยด์
6. การได้รบั ยากลุม่ กอยโทรเจน (goitrogens) ซึ่งเป็นสารทีท่ าให้การ
นาไอโอดีนเข้าเซลล์ไม่ได้ดี หรือแย่งเอนไซม์TPOในการจับไอโอดีน
7. การขาดไอโอดีน
8. การขาดเอนไซม์ไทโรเปอรอกซิเดส (thyroperoxidase)
9. การเกิดโรคของต่อมใต้สมอง หรือทีไ่ ฮโพทาลามัส
1. การขาดไทรอยด์ฮอร์โมนในวัยเด็ก
การขาดสารไอโอดีนในระดับเล็กน้อย อาจไม่ทาให้เกิดความผิดปกติทางร่างกายอย่างชัดเจน แต่มี
ผลต่อระดับเชาว์ปญ
ั ญาหรือไอคิว ทารกตั้งแต่แรกเกิดถึงอายุ 2-3 ปี ถ้าขาดไอโอดีน จะมีสติปัญญาด้อย มี
ไอคิวต่ากว่าที่ควรจะเป็นตามศักยภาพ เด็กที่อยูใ่ นบริเวณที่เสีย่ งต่อการขาดไอโอดีน มักมีไอคิวต่าลง
ประมาณ 13.5 จุดเด็กทีเ่ กิดจากแม่ที่มปี ญ
ั หาไทรอยด์มกั มีไอคิวต่ากว่า 85
การขาดไทรอยด์ฮอร์โมนในทารกแรกเกิดมีความ
สาคัญต่อการเจริญเติบโตมาก โดยเฉพาะการเจริญ
เติบโตของสมอง จะทาให้รูปร่างเตี้ยแคระ แขน
ขาสั้นหน้าและมือบวม ผิวหยาบแห้ง ผมบาง ไม่
เจริญเติบโต ปัญญาอ่อน อาจหูหนวกและเป็นใบ้
2. การขาดฮอร์โมนไทรอกซินในวัยผูใ้ หญ่
จะส่งผลให้อัตราเมแทบอลิซมึ ลดน้อยลง ทาให้อ่อนเพลีย เซื่องซึม
เคลือ่ นไหวช้า กล้ามเนือ้ อ่อนแรง ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อได้งา่ ย หัวใจเต้นช้า ทน
หนาวไม่ได้ มีคอเลสเทอรอลสูง
ในผูท้ มี่ ีไทรอยด์ฮอร์โมนต่า สารประกอบทีป่ ระเภทวุ้นเช่น กรดไฮยาลูโร
นิก (hyaluronic acid) และคอนดรอยติน ซัลเฟต (chondroitin sulfate) จะ
จับกับโปรตีนใต้ผวิ หนังมากขึน้ ทาให้รสู้ กึ ว่าผิวหนังบวมน้า หน้าบวม อ้วน ทาให้
น้าหนักเพิม่ ผมและผิวแห้ง สมองจะทางานช้าลง ปฏิกิริยาโต้ตอบช้า ประจาเดือน
ผิดปกติ เรียกกลุม่ อาการนีว้ ่ามิกซีดีมา ( myxedema)
นอกจากนีเ้ สียงยังแหบและต่า จนมีผกู้ ล่าวว่ามิกซีดีมาเป็นโรคที่วินจิ ฉัยได้ทางโทรศัพท์
(myxedema is the one disease that can be diagnosed over the
telephone) นอกจากนีย้ งั จิตประสาทไม่ดี (myxedema madness) และมีผลต่อ
ประสาทหูทาให้หหู นวกและเป็นใบ้ได้ (deaf-mutism)
จากภาพจะเห็นอาการบวมของหน้าและมือของผู้ป่วยที่เป็นมิกซีดีมา
นอกจากนีย้ งั พบอาการการทางานของต่อมไทรอยด์ผิดปกติเนือ่ งจากการ
อักเสบของต่อมไทรอยด์ (thyroiditis) ซึ่งเกิดจากการแพ้ภมู ปิ ้องกันของตนเอง
(autoimmune) ทาให้มีอาการเหมือนคนทีม่ ไี ทรอยด์ฮอร์โมนน้อยลง คือ
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ตาและปากแห้งและอาจมีอาการซึมเศร้าได้ เรียกโรคนี้ว่าต่อม
ไทรอยด์อกั เสบแบบฮาชิโมโต( Hashimoto's thyroiditis )
การรักษา
ในมารดาทีม่ ีไทรอยด์ฮอร์โมนทีป่ กติ ระหว่างทีต่ งั้ ครรภ์ไทรอยด์ฮอร์โมนจะผ่านรกไปได้
ดังนั้นทารกจะมีอาการขาดไทรอยด์ฮอร์โมนเมื่อเกิดแล้ว ซึ่งถ้าสามารถวินจิ ฉัยและรักษาได้
เร็ว โดยการให้ฮอร์โมนชดเชยตัง้ แต่เด็กแรกเกิด จะทาให้เด็กมีโอกาสเติบโตได้เป็นปกติ ถ้า
ไม่ได้รบั ฮอร์โมนชดเชยในขวบปีแรก เด็กจะเติบโตเป็นเด็กปัญญาอ่อน ปัจจุบันจะเจาะเลือดทารก
แรกเกิดเพือ่ ดูระดับไทรอยด์ฮอร์โมนทุกคน
แต่ถ้ามารดาทีต่ งั้ ครรภ์ขาดไทรอยด์ฮอร์โมน ทารกทีเ่ กิดมาจะมีอาการขาดไทรอยด์ฮอร์โมน
อย่างถาวร ดังนั้นสตรีวยั เจริญพันธุ์ ตั้งแต่อายุ 13 ปี ควรได้รบั ไอโอดีนอย่างเพียงพอ ไม่ควรรอ
จนกระทัง่ ตัง้ ครรภ์
สมาชิกกลุ่ม 1
น.ส.อทิตยา
เพียรแก้ว เลขที่ 15ก
น.ส.ศิชลดา
จีนหนู เลขที่ 10ข
น.ส.ชนนิภานันท์ ฤทธิ์ศิรัฐ เลขที่ 11ข
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
อ้างอิง
http://www.pibul.ac.th
http://www.chaiwbi.com
http://www.il.mahidol.ac.th
http://kaikatkiat.blogspot.com
http://th.wikipedia.org