4. เอกสารประกอบการบรรยาย R2R (อ.รุจินาถ)

Download Report

Transcript 4. เอกสารประกอบการบรรยาย R2R (อ.รุจินาถ)

R2R
Routine to Research
รุจน
ิ าถ
อรรถสิ ษฐ
นักวิชาการอิสระ
งานอบรม “’งาน R2R” ภาคอีสานตนแบบ(21้
22 พค 57)
1. ความเป็ นมาของ
R2R
 R2R (Routine to Research :
งานวิจย
ั จากงานประจา) กอตั
้ ใน
่ ง้ ขึน
ประเทศไทย
เกิดขึน
้ โดยธรรมชาติ
ดวยพลั
งของมนุ ษยที
่ รารถนาจะ
้
์ ป
สรางสรรค
สิ์ ่ งทีม
่ ค
ี ุณคาให
กร
้
่
้แกองค
่
์
สั งคมไทย
และเพือ
่ นมนุ ษย ์

แนวคิด
R2R
และโครงการ
พัฒนางานประจาสู่งานวิจย
ั
กาเนิดขึน
้
ช่วงแรก
ในปี
พ.ศ. 2547 ใน
1. ความเป็ นมาของ
R2R
(ตอ)
่
 ปัจจุบน
ั แนวคิดและการขับเคลือ
่ นงานวิจย
ั
จากงานประจาขยายไปทัว่ ประเทศ
นับจากปี
พ.ศ.2550 เกิดกลไกความรวมมื
อและการ
่
สนับสนุ นของสถาบันวิจย
ั ระบบสาธารณสุข
ศิ์ รริ าชพยาบาล
กระทรวง
คณะแพทยศาสตร
์
สาธารณสุข
สานักงานหลักประกันสุขภาพ
แหงชาติ
และสานักงานกองทุนสรางเสริ
ม
่
้
สุขภาพ
 พ.ศ.2555 งาน R2R มีผลงานเขาร
้ วมใน
่
การประชุมแลกเปลีย
่ นเรียนรูจากงานประจ
าสู่
้
งานวิจย
ั
ครัง้ ที่
5 จานวน
552 เรือ
่ ง
2. ความหมายของ
R2R
 “งานวิจย
ั จากงานประจา” เป็ นการพัฒนางาน
ประจาสู่งานวิจย
ั
ผลลัพธของ
R2R
์
ไมได
งแคได
จย
ั เทานั
แตมี
่ มุ
้ งหวั
่
่ ผลงานวิ
้
่ ้น
่
เป้าหมายทีจ
ไปใช้
่ ะนาผลงานวิจย
ั R2R
ประโยชนเพื
่ พัฒนางานประจานั้น
์ อ
Routine
Research
Routine
(R2R2R)
 R2R
คือ
กระบวนการพัฒนาคน
ไมใช
่ งการคิดอยางเป็
นระบบ
แตยั
่ ่ แคเรื
่ อ
่
่ ง
รวมถึงการแสวงหาและการให้คาตอบอยางเป็
น
่
ระบบ
เอามาใช้ประโยชนได
และยัง
์ จริ
้ ง
เป็ นการสรางสั มพันธภาพทีด
่ รี ะหวางคนทางาน
2. ความหมายของ
(ตอ)
่
R2R
 R2R
เป็ นการทางานวิจย
ั เพือ
่ พัฒนางาน
ประจาอยางต
อเนื
โดยเป็ นการ
่
่ ่องและยัง่ ยืน
วิจย
ั ทีม
่ งเน
ุ่ ้ นให้ “ผลการปฏิบต
ั งิ านประจาดีขน
ึ้
มีคุณภาพและมีประสิ ทธิภาพมากขึน
้ ” กวาที
่ ่
ผานมา
่
 R2R เป็ นเครือ
่ งมือพัฒนาวัฒนธรรมและ
คุณคาขององค
กรที
ม
่ พ
ี ลวัตริเริม
่ สรางสรรค
ใน
่
์
้
์
ทุกระดับ
ทุกส่วนขององคกร
อาศัยการ
์
สรางการเปลี
ย
่ นแปลงเป็ นเครือ
่ งมือของการ
้
เรียนรู้
เป็ นการเรียนรูที
าง
้ ใ่ ช้ความรูและสร
้
้
ความรูไปพร
อมกั
น
เมือ
่ ทาอยางกว
างขวาง
้
้
่
้
บเคลือ
่ นไปสู่
องคกรจะขั
ตอเนื
์
่ ่องและยัง่ ยืน
3. คุณลักษณะของ R2R มี
4
ด
านคื
อ
้
3.1 โจทยวิ
ั
คาถามการวิจย
ั ตองมาจากปั
ญหาหน้า
้
์ จย
งาน
มาจากงานประจาทีท
่ าอยู่
เป็ นการแกปั
้ ญหา
หรือตองการพั
ฒนางานประจาให้มีคุณภาพสูงขึน
้
้
3.2 ผู้วิจย
ั
ตองเป็
น ”ผู้ปฏิบต
ั งิ านประจา” นั้นเอง
้
และตองท
าหน้าทีห
่ ลักในการวิจย
ั ดวย
้
้
3.3 ผลลัพธของงานวิ
จย
ั
ตองวั
ดผลทีไ่ ดจากผู
้
้
้รับบริการ
์
(ผู้ป่วย) หรือการบริการทีส
่ ่ งผลตอผู
่ ้ป่วยโดยตรง
ตัวอยางเช
ดานงานบริ
การจะช่วยลดขัน
้ ตอนการ
่
่น
้
ทางาน
การบริการดีขน
ึ้
แกปั
่ า
้ ญหาภาระงานทีท
อยูได
ส่วนดานดู
แลผู้ป่วย
ผลการรักษาจะดีขน
ึ้
่ ้
้
ภาวะแทรกซ้อนหรือระยะเวลาในการพักรักษาตัวที่
โรงพยาบาลลดลง
เป็ นตน
้
3.4 การนาผลวิจย
ั ไปใช้ประโยชน์
ผลงานวิจย
ั ตองวน
้
4. แนวคิดของ R2R
จากงาน
• เป็ นกระบวนการพัฒนาหรือสรางความรู
้
้
ประจา
ผู้ปฏิบต
ั งิ าน / ทีมการดูแลผู้ป่วยรวมกั
นค้นควา้ / กาหนด
่
• แนวคิ
ดอภาพรวม
ปัญหาหรื
ระบบทีต
่ องการปรั
บปรุง / พัฒนาการปฏิบต
ั งิ าน
้
ประจาให้มีผลดี
มีประสิ ทธิภาพและคุณภาพบริการดี
ยิง่ ขึน
้
ผู้ปฏิบต
ั งิ าน / ทีมงานนาหลักการ / ระบบบริหารจัดการ
งานวิจย
ั หรือการจัดการความรู้
มาออกแบบเพือ
่ ศึ กษา
วิเคราะห ์
และทดลอง
เปลีย
่ นแปลงอยางเป็
นระบบตามหลักการงานวิจย
ั
่
ผลงานวิจย
ั ถูกนาไปใช้ตอการพั
ฒนางานประจา
และ
่
กระบวนการดูแลสุขภาพผู้ป่วยให้มีประสิ ทธิภาพมากขึน
้
4. แนวคิดของ R2R (ตอ)
่
 R2R เป็ นงานวิจย
ั ทีส
่ รางจากงานประจ
า
้
ทาให้เกิด “นวัตกรรมบริการ” เป็ นการนา
ความรูมาช
้
่ วยปรับปรุงงานหรือการบริการใหมี
้
ผลดี
มีประสิ ทธิภาพและประสิ ทธิผลมากขึน
้
 R2R
จะให้ความสาคัญกับ
“ผลงานวิจย
ั ” ทีไ่ ดจะย
อนกลั
บมาเป็ นประโยชน์
้
้
ในงานประจาอีกครัง้ หนึ่ง
อันเป็ นการพัฒนา
คุณภาพงานประจา
ทีมงานประจาก็ทากันอยู่
แลว
แตอาจไม
ได
้
่
่ บั
้ นทึกเป็ นหลักฐาน
หรือเก็บขอมู
นระบบ
้ ลอยางเป็
่
5. ระเบียบวิธก
ี ารวิจย
ั ของ R2R
 R2R
สามารถใช้ไดทั
ั เชิง
้ ง้ การวิจย
ปริมาณ
(Quantitative Res.)
การวิจย
ั
เชิงคุณภาพ
(Qualitative Res.)
หรือ
การวิจย
ั เชิงปฏิบต
ั ก
ิ าร
(Action Res.) ทีม
่ ี
ความเหมาะสมกับโจทยวิ
ั และเชือ
่ ถือได้
์ จย
 R2R
ไมใช
ิ ย
ั ใหม่
ผู้
่ ่ ระเบียบวิธวี จ
เริม
่ ทางานวิจย
ั R2R
ไมควรเริ
ม
่ จากการ
่
อบรมระเบียบวิธวี จ
ิ ย
ั
แตควรเริ
ม
่ จากการ
่
คนหาประเด็
นคาถามวิจย
ั ทีผ
่ ุดขึน
้ มาจากปัญหา
้
งานประจาทีผ
่ านมา
มาจากการวิเคราะหของ
่
์
5. ระเบียบวิธก
ี ารวิจย
ั ของ R2R
(ตอ)
่
 R2R
ส่วนใหญไม
ยบวิธวี จ
ิ ย
ั
่ ต
่ องการระเบี
้
ทีซ
่ บ
ั ซ้อน
หรือสถิตข
ิ น
้ั สูง
แตก็
่ มใิ ช่
งานวิจย
ั ชัน
้ 2 งานวิจย
ั R2R
ตองเป็
น
้
งานวิจย
ั ทีแ
่ มนย
่ ถือได้
่ าและเชือ
 R2R
อาจใช้ระเบียบวิธวี จ
ิ ย
ั ของงานวิจย
ั
คลินิก
(Clinical Research)
งานวิจย
ั
เพือ
่ ทองถิ
น
่
(Community – based
้
Research)
งานวิจย
ั เพือ
่ พัฒนาพืน
้ ที่
(Area-Based Collaborative Research :
ABC)
งานวิจย
ั ระบบสาธารณสุข
6. องคประกอบการขั
บเคลือ
่ นและ
์
บริหารงานวิจย
ั R2R
ประกอบดวย
้
3 องคหลั
์ ก
Individual
(นักวิจย
ั R2R)
INN
Model
Node
(ผู้อานวยความสะดวก
แมข
่ าย)
่
Knowledge facilitator
Networking
(ความเป็ นเครือขาย
่
ของ R2R)
เครือขายแลกเปลี
ย
่ น
่
เรียนรู้
6. องคประกอบการขั
บเคลือ
่ นและ
์
บริหารงานวิจย
ั R2R
ประกอบดวย
้
องคหลั
(ตดอ)
• การขับเคลือ
่ น 3 R2R
่ INN Model
์ อาศักยแนวคิ
ประกอบดวย
I-Individual (นักวิจย
ั )
N-Node (แม่
้
ขาย)
และ N-Network (เครือขายของกลุ
มบุ
่
่
่ คคล)
• นักวิจย
ั R2R
ควรเริม
่ จากใจทีม
่ งหมายจะพั
ุ่
ฒนางาน
ประจาให้ดีขน
ึ้
ไมใช
่ จากอยากทางานวิจย
ั
รูจั
่ ่ เริม
้ กและ
เรียนรูที
่ ะค้นหาคาถามการวิจย
ั ทีเ่ ป็ นกุญแจสู่การพัฒนาการ
้ จ
บริการหรือการทางาน
ผลลัพธจากการท
างาน R2R
์
คือ
ส.ป.ก. ส = ความสุข
ความสนุ กจากการทางาน
ป = ปัญญา
เกงขึ
้
ฉลาดขึน
้
และ
ก=
่ น
ความกาวหน
่ ารงาน
้
้ าในหน้าทีก
• คุณอานวย
เป็ นผู้อานวยความสะดวกตอกิ
่ จกรรม R2R
มีบทบาทช่วยให้นักวิจย
ั เกิดการแลกเปลีย
่ นเรียนรูเชิ
้ งลึกและ
เชือ
่ มโยงกัน
อาจเรียกเป็ น
Knowledge manager
6. องคประกอบการขั
บเคลือ
่ นและ
์
บริหารงานวิจย
ั R2R
ประกอบดวย
้
3 องคหลั
่
์ ก (ตอ)
• คุณอานวย / คุณเอือ
้
มีบทบาท
5ช
(นพ.
สมศักดิ ์
ชุณหรัศมิ)์ คือ
“ชวน
เชียร ์
ชี้
ชม
เชือ
่ ม” เพือ
่ ยัว่ ยุให้รวมท
าความเขาใจ
ตีความ
่
้
ลองทา
และทา
R2R
อยางต
อเนื
่
่ ่ อง
• คุณอานวย / คุณเอือ
้
ยังมีบทบาทเชือ
่ มโยงกับผูบริ
้ หาร
ทาอยางไรจะให
บสนุ นงาน R2R
่
้ผูบริ
้ หารเห็ นดวยและสนั
้
ทาให้ผู้บริหารรับรูเรื
่ งราวดี ๆ ของนักวิจย
ั
สราง
้ อ
้
โอกาสเพือ
่ นาไปสู่การเปลีย
่ นนโยบายองคกร
ทาให้เกิด
์
พัฒนางานประจายางไม
จ
่
่ ากัด
• เครือขาย
เป็ นเวทีเชือ
่ มโยงและแลกเปลีย
่ นเรียนรู้
่
รวมกั
นภายในพืน
้ ทีห
่ รือระหวางพื
น
้ ที่
เป็ นการบอกเลา่
่
่
เรือ
่ งประสบการณความส
าเร็จ
แลกเปลีย
่ นแรงบันดาล
์
7. การเริม
่ หาโจทยวิ์ จย
ั
• การตัง้ โจทยวิ
ั
หรือคาถามการวิจย
ั เป็ น
์ จย
ขัน
้ ตอนแรกและขัน
้ ตอนสาคัญ
เป็ น
จุดเริม
่ ตนส
หากวิเคราะหปั
้ าคัญ
์ ญหา
ผิดพลาดไปจากความเป็ นจริงก็ยากทีจ
่ ะพัฒนา
เป็ นโครงการวิจย
ั
และนาไปสู่การปฏิบต
ั ิ
อยางเป็
นรูปธรรม
่
• เริม
่ จากชักชวนผูที
่ วของ
รวมคิ
ด
้ เ่ กีย
้
่
+ ตีความ + วิเคราะหสถานการณ
คุณคา่
์
์
และปัญหาของงานประจา
7. การเริม
่ หาโจทยวิ์ จย
ั
(ตอ)
่
“ทีส
่ าคัญ” คือ
อยาเริ
่ คิดวาก
่ ม
่ าลังจะทางาน
วิจย
ั
ให้คิดถึงงานประจาทีต
่ นเองทาอยูก
่ อน
่
มองและหยุดคิด
ถอยออกมามองตนเองแบบ
สายตาคนนอก
มองเขาไปดู
เพือ
่ ให้รูว
้
้ า่
ระบบหรืองานทีท
่ าอยู่
มีปญ
ั หาหรือจุดบกพรอง
่
อะไร? อยางไร?
เราควรปรับหรือไม?
่
่ อยางไร?
่
หรือถาดี
าให้ดีขน
ึ้ อีกไดไหม?
ทีส
่ าคัญ
้ แลวจะท
้
้
เวลาคิดอยาคิ
ลองคิดดัง ๆ ไมต
่ ดคนเดียว
่ อง
้
กลัววาความคิ
ดของตนเองจะไมได
่ ง
พูดให้
่
่ เรื
้ อ
คนอืน
่ ฟังดวย
จะไดมี
้
้ คนช่วยคิด
หยุดคิดสั กนิด
ถอยหลังมาดูจุดบกพรองหรือชองทางทีจ
่ ะพัฒนา
7. การเริม
่ หาโจทยวิ์ จย
ั (ตอ)
่
• อยาเริ
่ จากโจทยภายนอก
ให้หา + กาหนดโจทย ์
่ ม
์
จากภายในงาน
เลือก “เป้าหมาย” ทีต
่ องการพั
ฒนาหรือปรับปรุง
้
ให้ดีขน
ึ้
• เลือก
“เป้าหมายเดียว” ทีท
่ าทาย
แตไม
นไป
้
่ ยากเกิ
่
• ตรวจสอบสถานการณ ์
ทบทวนองคความรู
เชิ
ั ิ
้ งปฏิบต
์
หาวาที
่ งดี / เรือ
่ งดีน้น
ั
่ ไ่ หนทาไดดี
้ ? และไปเรียนรูจากสิ
้
• แสวงหา
“กัลยาณมิตร” หาทีมงาน
หาเพือ
่ น
หาเครือขาย
หาผู้รูที
่ ป
ี ระสบการณและเต็
มใจ
่
้ ม
์
ช่วยเหลือ
และสรางที
มทีม
่ ค
ี วามสมัครใจ
มีความ
้
เทาเที
มาทางานและเรียนรูร
น
่ ยม
้ วมกั
่
• กลับมาดู
“เป้าหมายเดิมทีต
่ ง้ั ไว้” ขัดเกลาให้คมชัด
และทาทายมากขึ
น
้
้
• จากเป้าหมาย
พิจารณา / คิดรวมกั
นเพือ
่ ลงสู่
่
“โจทยวิ
ั ” ทีช
่ ด
ั เจนทัง้ หมด
์ จย
8. เริม
่ ตนคิ
ั
้ ด...หัวขอวิ
้ จย
8.1 เริม
่ จากกิเลสของตนเองมาเป็ นโจทยวิ
ั
์ จย
ความไมพอใจในสิ
่ งทีป
่ ฏิบต
ั งิ านในปัจจุบน
ั
่
ความอยากทีจ
่ ะแกปั
้ ญหาในงานของตนเอง
อาจจาก
หรือ
• สารวจวางานที
ท
่ าอยูในปั
จจุบน
ั มีปญ
ั หาตรงไหนบ้าง?
่
่
• ถางานไม
มี
ั หา
การปฏิบต
ั แิ บบเดิมทีท
่ าอยูสามารถ
่
้
่ ปญ
ปรับปรุงให้ดีขน
ึ้ ไดหรื
้ อไม?
่ อยางไร
่
8.2
เริม
่ จากกิเลสของคนอืน
่ มาตัง้ โจทย ์
มองไปที่
เป้าหมายหรือความพอใจขององคกร
รวมถึงความ
์
ทุกขของผู
้ป่วยและครอบครัวผู้ป่วย
์
• โจทยวิ
ั ทีด
่ จ
ี ะมีคนตองการและช
์ จย
้
่ วยแกปั
้ ญหาคนที่
8.3
เกีย
่ วของได
้
้
• โจทยวิ
ั ทีด่ จี ะทาให้ไดรั้ บการสนับสนุนทีด่ ี
์ จย
เริม
่ จากการอานวารสารและงานวิ
จย
ั ทีต
่ พ
ี ม
ิ พแล
่
้
์ ว
8. เริม
่ ตนคิ
ั
้ ด...หัวขอวิ
้ จย
(ตอ)
่
8.3
เริม
่ จากการอานวารสารและงานวิ
จย
ั ที่
่
ตีพม
ิ พแล
์ ว
้
• ศึ กษาวา่
ใครทาอะไร? ทาไปถึงไหน? และ
ช่องวางความรู
อยู
่
้ ตรงไหน?
่
• การทบทวนวรรณกรรมเพือ่ หาหัวขอวิ
ั
คือใคร
้ จย
ทา? ทาอะไร? ผลเป็ นอยางไร?
และควรจะทาอะไร
่
ตอ?
่
8.4
การพบปะพูดคุยและสื่ อสารกับบุคคลอืน
่
ทัง้ ส่วนตัวและการประชุมวิชาการ
8.5
การทาวิจย
ั ซา้ ในคาถามวิจย
ั เดิม
แตท
่ า
วิจย
ั ในพืน
้ ทีใ่ หม
9. กระบวนการทางานวิจัย
9.1 ระบุหวั ข้ อหรื อปั ญหาการวิจยั
9.2 กาหนดตัวแปรของการวิจยั และวิธีวดั ตัวแปร
9.3 กาหนดระเบียบวิธีวิจยั
9.4 กาหนดประชากรและกลุม่ ตัวอย่างในการวิจยั และ
เขียนโครงร่างการวิจยั
9.5 ดาเนินการเก็บข้ อมูล / ทดลองปฏิบตั กิ าร
9.6 วิเคราะห์ข้อมูล
9.7 เขียนรายงานการวิจยั
9.8 เผยแพร่และขยายผลงานวิจยั
10 บทเรียนและขอจ
้ ากัดของงาน R2R
ระดับปฐมภูม ิ (2555)

เวทีการแลกเปลีย
่ นเรียนรูควรจั
ดเป็ น
้
ปกติ
และควรดาเนินงานตอเนื
่ ่องทัง้ ระดับ
ภูมภ
ิ าคและส่วนกลาง

จานวนการส่งผลงาน R2R
เพิม
่
มากขึน
้ จากระยะทีผ
่ านมา
แตจ
่
่ านวน
งานวิจย
ั ทีไ่ ดตี
ิ พลดลงไปมาก
ส่วนใหญมี
้ พม
์
่
ปัญหาการเขียนบทคัดยอ
ไมสามารถสื
่ อสาร
่
่
ไดว
ทาเมือ
่ ไหร?
ั ผลไม่
้ าท
่ าไดอย
้ างไร?
่
่ วิธวี ด
ชัดเจน
ส่วนใหญวั
ซึง่ มี
่ ดความพึงพอใจ
ความน่าเชือ
่ ถือน้อย
10 บทเรียนและขอจ
้ ากัดของงาน R2R
ระดับปฐมภูม ิ (2555) (ตอ)
่
โจทยวิ
ั ของการบริการปฐมภูม ิ
์ จย

ควร
1. พัฒนาบริการ
กลไก
และระบบเกือ
้ หนุ นทีท
่ าให้
จัดบริการปฐมภูมอ
ิ ยางมี
คุณภาพ
องครวมและ
่
์
ตอเนื
่ ่อง
2. พัฒนาประสิ ทธิภาพ / ประสิ ทธิผลของการทางานแบบ
ภาคีหุ้นส่วน
เพือ
่ พัฒนาสุขภาพของประชาชน
3. มาจากหน้างาน
ออกแบบงานวิจย
ั อยางมี
เหตุผล
่
มีหลักฐานเชิงประจักษ์
กระบวนการพัฒนางานวิจย
ั ที่
ดี

และมีผลลัพธที
่ าไปสู่การใช้ประโยชนที
่ ด
ั เจน
์ น
์ ช
ผลงาน
R2R
ระดับปฐมภูม ิ
พบวา่
เนื้อหางาน
R2R
ส่วนใหญเป็
่ นการส่งเสริม
สุขภาพ
การป้องกันโรค
การควบคุมโรค
การบริหารงาน
งานฟื้ นฟูสภาพ
ตามลาดับ
10 บทเรียนและขอจ
้ ากัดของงาน R2R
ระดับปฐมภูม ิ (2555) (ตอ)
่

กระบวนการการวิจย
ั ควรมีการ
ผสมผสานทัง้ งานวิจย
ั เชิงปริมาณและเชิง
คุณภาพ
และมีการวิจย
ั ครบวรจรเพือ
่ นา
ผลงานวิจย
ั ไปสู่การใช้ประโยชน์
หลาย
โครงการเป็ นการอธิบายสถานการณปั
์ ญหา
เทานั
ไมมี
ั ก
ิ ารเพือ
่ แกไขปั
ญหา
่ ้น
่ ปฏิบต
้
สรางวิ
ี ารใหม่ / ความรูใหม
ที
่ ด
ั เจน
บาง
้ ธก
้
่ ช
โครงการเป็ นวิจย
ั ประเมินผลงาน
ปฏิบต
ั ก
ิ าร
ทีผ
่ านมา
โดยไมมี
่
่ การสรางอะไรใหม
้
่

การใช้ประโยชนจากงานวิ
จย
ั ควร
์
เป็ นประเด็นทีค
่ ด
ิ ถึงตัง้ แตเริ
่ ตนสร
าง
การมี
่ ม
้
้
ส่วนรวมของผู
ก
ที
่ วของตั
ง้ แตเริ
่ ตนและทุ
้
่
้ เ่ กีย
้
่ ม
11 กอนเริ
ม
่ ตนท
่
้ างาน R2R :
วิเคราะหตนเอง
์
กลุมที
1
เก็บขอมู
ยด
่ ่
้ ลในงานอยางละเอี
่
แตยั
าอะไรตอ
่ งไมรู่ จะท
้
่
กลุมที
2
มีโครงการวิจย
ั หรือหัวขอวิ
ั อยู่
่ ่
้ จย
แลว
แตยั
่ ทา
้
่ งไมได
่ เริ
้ ม
กลุมที
3
สนใจทีจ
่ ะทางานวิจย
ั มาก
่ ่
แตยั
่ งไมมี
่ โครงการแน่นอน
กลุมที
4
สนใจทีจ
่ ะทาวิจย
ั พอควร
แต่
่ ่
ไมค
าไดหรื
่ อยแน
่
่ ใจวาจะท
่
้ อไม?
่
กลุมที
5
ไมต
าวิจย
ั เลย
คิดวา่
่ ่
่ องการท
้
ยุงยากและไม
สนใจ
่
่
สวัสดี