คลิกที่นี่

Download Report

Transcript คลิกที่นี่

การช่วยกูช้ ีพทารกแรกเกิด
โดย
นายแพทย์ไชยา ครองยุทธ
พบ.,ว.ว.กุมารเวชศาสตร์
ในบทที่ 1 ท่านจะได ้เรียนรู ้
• การเปลีย
่ นแปลงทางสรีรวิทยาหล ังทารกเกิด
่ ยกูช
ี
• ลาด ับขนตอนในการช
ั้
ว
้ พ
ี่ งต่อความต้องการการชว
่ ยกูช
ี ของ
• ปัจจ ัยเสย
้ พ
ทารก
• เครือ
่ งมืออุปกรณ์และบุคลากรทีจ
่ าเป็นในการ
่ ยกูช
ี ทารก
ชว
้ พ
p. 1-1
1-2
ี ทารกแรก
ทาไมจึงต ้องเรียนรู ้เกีย
่ วกับการชว่ ยกู ้ชพ
เกิด
• การตายของทารกทวโลก
่ั
มีจานวน
ประมาณ 5 ล้านคนต่อปี
• 19% เกิดจากภาวะขาดออกซเิ จนตงแต่
ั้
แรกเกิด (birth asphyxia) (WHO, 1995)
่ ยกูช
ี ทีเ่ หมาะสม
และไม่ได้ร ับการชว
้ พ
่ เสริมความรูใ้ ห้แพร่หลายเกีย
• การสง
่ วก ับ
่ ยกูช
ี ทารกอาจทาให้ผลล ัพธ์ดข
้ึ
การชว
้ พ
ี น
p. 1-2
1-3
ี
ทารกคนใดทีต
่ ้องการการชว่ ยกู ้ชพ
่ ยเหลือ
• ประมาณ 10% ต้องการการชว
เพียงเล็กน้อยเพือ
่ ให้สามารถเริม
่ ต้น
หายใจเอง
่ ยกูช
ี
• 1% ทีต
่ อ
้ งการการชว
้ พ
• มากกว่า 90% สามารถหายใจได้เองและ
เปลีย
่ นแปลงระบบการไหลเวียนโลหิตมาสู่
ภาวะหล ังเกิดได้ โดยไม่ตอ
้ งการ หรือ
่ ยเหลือเพียงเล็กน้อย
ต้องการการชว
p. 1-2
1-4
สรีรวิทยาของทารกในครรภ์มารดา
ทารกในครรภ์มารดา
• ถุงลมปอดเต็มไปด้วยของเหลว
• ออกซเิ จนทีท
่ ารกในครรภ์ (fetus) ใช ้
ทงหมดผ่
ั้
านมาทางรก (placenta) ซงึ่
ื่ มต่อระหว่างระบบไหลเวียนโลหิตของ
เชอ
แม่และลูก
p. 1-4
1-5
สรีรวิทยาของทารกในครรภ์มารดา
ทารกในครรภ์
• หลอดเลือดแดงขนาดเล็ก
(arterioles) ทีอ
่ ยูใ่ นปอดตีบ
แคบมาก
• หลอดเลือดในปอดมีความ
ต ้านทานสูง เลือดจึงไหลไป
ปอดน ้อย
• เลือดสว่ นใหญ่ผา่ น ductus
้ อด
arteriosus เข ้าสูเ่ สนเลื
แดงใหญ่ aorta ทีม
่ ค
ี วาม
ต ้านทานตา่ กว่า
การไหลของเลือดผ่าน ductus arteriosus
และไหลออกจากปอดของทารกขณะอยูใ่ นครรภ์
Click on the image to play video
p. 1-4
1-6
ปอดและการไหลเวียนโลหิต
หลังคลอด
• อากาศและ
ออกซเิ จนเข ้ามา
อยูใ่ นถุงลม
• ของเหลวทีอ
่ ยูใ่ น
ึ
ถุงลมถูกดูดซม
จากปอด
อากาศแทนที
ข
่ เ่ องเหลวในถุ
งลมปอด
การขยายตั
วของหลอดเลื
อดในปอดหลั
งคลอด
ถุงลมปอดที
ต็มไปด
้วยของเหลว
หลอดเลือดทีห
่ ดตัวในปอดทารกขณะอยูใ่ นครรภ์
Click on the image to play video
p. 1-5
1-7
ปอดและการไหลเวียนโลหิต
หลังคลอด
เส้ นเลือดหดตัว ก่อนคลอด
เส้ นเลือดขยายตัว หลังคลอด
• หลอดเลือดในปอด
ขยายตัว
่ อด
• เลือดไหลไปสูป
เพิม
่ ขึน
้
ของเหลวในถุงลม
ออกซิเจนในถุงลม
การขยายตัวของหลอดเลือดในปอดหลังคลอด
p. 1-5
1-8
ปอดและการไหลเวียนโลหิต
หลังคลอด
• ออกซเิ จนในเลือด
เพิม
่ ขึน
้
• Ductus arteriosus
หดตัว
• เลือดไหลผ่านปอด
มากขึน
้ เพือ
่ รับ
ออกซเิ จน
Click on the image to play video
p. 1-6
1-9
ชว่ งทีม
่ ก
ี ารเปลีย
่ นแปลง
(transition period)
การเปลีย
่ นแปลงหล ัก ภายในเวลาไม่กน
ี่ าทีหล ังคลอด
ึ จากปอด
• ของเหลวทีอ
่ ยูใ่ นถุงลม ถูกดูดซม
• หลอดเลือดแดงและดาของสายสะดือ
(umbilical arteries และ vein) หดต ัว
้
• ความด ันโลหิตในร่างกายของทารกเพิม
่ ขึน
• หลอดเลือดในปอดขยายต ัว
p. 1-6
1-10
อาการแสดงของทารกทีม
่ ป
ี ั ญหาขาดออกซเิ จน
• ความตึงตัวของกล ้ามเนือ
้
(muscle tone) ลดลง
เขียวและความ
ตึงตัวของ
กล ้ามเนือ
้ ปกติ
• ภาวะกดการหายใจ
(respiratory depression)
้
• อัตราการเต ้นของหัวใจชาลง
(bradycardia)
• ความดันโลหิตตา่
เขียวและความ
ตึงตัวของ
กล ้ามเนือ
้
ลดลง
• ภาวะหายใจเร็ว (tachypnea)
• เขียว (cyanosis)
p. 1-7
1-11
ภาวะขาดออกซเิ จนของทารกในครรภ์และขณะ
คลอด
การหยุดหายใจขัน
้ ปฐมภูม ิ (primary apnea)
่ งแรกทารกจะ
• เมือ
่ ขาดออกซเิ จน ในชว
หายใจเร็ว ตามด้วยการหยุดหายใจ อ ัตรา
การเต้นของห ัวใจจะเริม
่ ลดลง แต่ความด ัน
โลหิตย ังคงปกติ ซงึ่ ทารกจะสามารถ
กล ับมาหายใจเองได้ใหม่หล ังจากได้ร ับ
การกระตุน
้ หายใจ
p. 1-8
1-12
การหยุดหายใจขัน
้ ทุตยิ ภูม ิ (secondary apnea)
Click on the image to play video
• หากการขาดออกซเิ จนยัง
ดาเนินต่อไป ทารกจะเริม
่
ื ก (gasp)
หายใจเป็ นเฮอ
และตามมาด ้วยการหยุด
หายใจ ความดันโลหิตจะเริม
่
ลดลง
• ในการหยุดหายใจขัน
้ ทุตย
ิ
ภูม ิ ทารกจะไม่ตอบสนองต่อ
การกระตุ ้นหายใจด ้วยการ
ั ผัส ในกรณีนท
สม
ี้ ารก
ต ้องการการชว่ ยหายใจ
p. 1-8
1-13
การชว่ ยเหลือทารกในชว่ งการหยุดหายใจขัน
้
ทุตย
ิ ภูม ิ
่ ยหายใจด้วยแรงด ันบวก (positiveการชว
pressure ventilation) จะมีผลทาให้อ ัตราการ
เต้นของห ัวใจดีขน
ึ้ อย่างรวดเร็ว
p. 1-9
1-14
ี
การเตรียมตัวสาหรับการชว่ ยกู ้ชพ
ทารกแรกเกิดทุกราย
ควรได้ร ับการประเมิน
ว่า ต้องการการดูแล
่ ยเหลือเบือ
้ งต้น
ชว
หรือไม่
1-15
p. 1-10
ขัน
้ ตอนเบือ
้ งต ้น
ในบทที่ 2 ท่านจะได้เรียนรู ้
ิ ใจชว
่ ยกูช
ี ทารกแรกเกิด
• การต ัดสน
้ พ
• การเปิ ดทางเดินหายใจให้โล่ง และเริม
่
่ ยกูช
ี ทารกแรก
้ งต้นในการชว
ขนตอนเบื
ั้
อ
้ พ
เกิด
่ ยกูช
ี ทารกแรกเกิดทีม
• การชว
้ พ
่ ารดามี
ประว ัติขเี้ ทาปนในนา้ ครา
่
• การเตรียมให้ออกซเิ จนผ่านทางสาย (freeflow oxygen)
p. 2-1
2-16
การประเมินทารกแรกเกิด
ท ันทีทท
ี่ ารกคลอด คาถามทีต
่ อ
้ งถาม ได้แก่
แรกเกิด
ดูแลทารกตามปกติ
อายุครรภ์ครบกาหนดหรือไม่
 นา้ ครา
่ ใสหรือไม่
 หายใจหรือร้องด ังหรือไม่
้ ดีหรือไม่
 ความตึงต ัวของกล้ามเนือ
ใช ่
 ให้ความอบอุน
่ แก่ทารก
 เปิ ดทางเดินหายใจให้โล่ง
 เช็ดต ัวให้แห้ง
ี วิ ของทารก
 ประเมินสผ
p. 2-2, 2- 4
2-17
ขัน
้ ตอนเบือ
้ งต ้น
• ให้ความอบอุน
่ แก่ทารก
• จ ัดท่าศรี ษะ เปิ ดทางเดินหายใจให้โล่ง*
(เท่าทีจ
่ าเป็ น)
• เช็ดต ัวให้แห้ง, กระตุน
้ ให้หายใจและจ ัด
ท่าศรี ษะใหม่
p. 2-2
2-18
การให ้ความอบอุน
่ แก่ทารก
ี ความร้อนโดย
ป้องก ันการสูญเสย
• วางทารกไว้ใต้เครือ
่ งให้ความอบอุน
่
(radiant warmer)
• เช็ดต ัวให้แห้ง
• เอาผ้าเปี ยกออก
p. 2-5
2-19
วิธก
ี ารทาให ้ทางเดินหายใจโล่ง
การเปิ ดทางเดินหายใจ ทาได้โดยการจ ัดศรี ษะของ
ทารกให้อยูใ่ นท่า “sniffing”
• ทารกควรนอนหงายหรือตะแคง โดยให้
คอแหงนเล็กน้อย
่ งคอ กล่องเสย
ี ง
• ท่า “sniffing” ทาให้ชอ
้ ตรง และลม
และหลอดลมอยูใ่ นแนวเสน
ผ่านเข้าได้สะดวก
p. 2-5
2-20
การเปิ ดทางเดินหายใจ
ทางเดินหายใจ
เปิ ดโล่ง
ทางเดินหายใจอุด
ตันจากการงอคอ
มากเกินไป
ทางเดินหายใจอุดตันจากการ
แหงนคอมากเกินไป
p. 2-5
2-21
ขัน
้ ตอนเบือ
้ งต ้น : มีขเี้ ทาในน้ าคร่า
• ทารก Not vigorous: ดูดขีเ้ ทาใน
หลอดลมคอท ันทีหล ังคลอด ก่อนให้การ
่ ยเหลือขนต่
ชว
ั้ อไป
• ทารก Vigorous: ดูดขีเ้ ทาและสารค ัด
่ ยเหลือตาม
หลง่ ั จากปากและจมูก และชว
ขนตอน
ั้
้ ดี
* Vigorous หมายถึง การหายใจได้ด ี ความตึงต ัวของกล้ามเนือ
อ ัตราการเต้นของห ัวใจ >100 ครง/นาที
ั้
p. 2-3, 2-4
2-22
ทารกแรกเกิดทีม
่ ข
ี เี้ ทาในน้ าคร่าและทารกร ้อง
ดังดี
ถ้า
• ทารกหายใจเป็ นปกติ
• ขยับแขนขา และ
• อัตราการเต ้นของหัวใจมากกว่า 100 ครัง้ /นาที
การดูแล
• ใชลู้ กยางแดง หรือท่อดูดเสมหะขนาดใหญ่
ดูดขีเ้ ทาและสารคัดหลั่งจากปากและจมูก
p. 2-7
2-23
ทารกแรกเกิดทีม
่ ข
ี เี้ ทาในน้ าคร่าและทารกไม่
ค่อยร ้อง (not vigorous)
ทาการดูดขีเ้ ทาจากหลอดลมคอท ันที
• ให้ออกซเิ จน และติดตามดูอ ัตราการเต้นของห ัวใจ
้ ายดูดเสมหะเบอร์ 12F หรือ
• ใส ่ laryngoscope และใชส
่ งคอด้านหล ัง
14F เพือ
่ จะดูดเสมหะในปาก ชอ
่ อ
่ ยหายใจเข้าในหลอดลมคอ
• ใสท
่ ชว
่ ยหายใจก ับเครือ
• ต่อท่อชว
่ งดูดเสมหะ
้ อ
่ ยหายใจเป็นต ัวดูดเสมหะ โดยถอยท่อออกชา้ ๆ
• ใชท
่ ชว
• ทาซา้ เมือ
่ จาเป็น
p. 2-6, 2-7
2-24
วิธก
ี ารทาให ้ทางเดินหายใจโล่งในทารกแรก
เกิดทีไ่ ม่มข
ี เี้ ทาปนในน้ าคร่า
• ดูดสารคัดหลั่งออกจาก
ปากให ้หมดก่อนดูดจาก
จมูก
• “M” before “N”
• การดูดสารคัดหลั่งอย่าง
้
ั้
นุ่มนวล และใชเวลาส
น
เพียงพอทีจ
่ ะทาให ้สาร
คัดหลั่งหมดได ้
Click on the image to play video
p. 2-9
2-25
การกระตุ ้นทีอ
่ าจเป็ นอันตรายกับทารก
•
•
•
•
•
•
การตบบริเวณหล ังหรือก้น
การกดเค้นบริเวณซโี่ ครง
้ มาบริเวณหน้าท้อง
การยกหน้าขาขึน
การขยายหูรด
ู ทวารหน ัก
้ ง
การใชถ
ุ นา้ ร้อนหรือเย็น
การเขย่าต ัวทารก
p. 2-12
2-26
การประเมินทารกแรกเกิด: การหายใจ อัตรา
ี วิ
การเต ้นของหัวใจ และสผ
ิ ใจ และ
การต ัดสน
่ ยเหลือทารก ใน
ชว
่ ยกูช
ี
การชว
้ พ
้ ก ับการหายใจ
ขึน
อ ัตราการเต้นของ
ี วิ
ห ัวใจ และ สผ
Click on the image to play video
p. 2-13, 2-14
2-27
การให ้ Free-flow Oxygen
ื้ แก่ออกซเิ จน
• เพิม
่ ความร้อนและความชน
(ถ ้าต ้องให ้ออกซเิ จนนานกว่า 2 – 3 นาที)
• ความแรงของออกซเิ จนประมาณ 5 ลิตร/
นาที
ี วิ ทารก
• ให้ออกซเิ จนเพียงพอทีจ
่ ะทาให้สผ
้
แดงขึน
p. 2-16, 2-17
2-28
การใชอุ้ ปกรณ์ชว่ ยหายใจ
ด ้วยแรงดันบวก
ในบทที่ 3 ท่านจะได้เรียนรู ้
่ ยหายใจ
• ข้อบ่งชใี้ นการชว
• ข้อเหมือน และข้อแตกต่างระหว่าง flow-inflating
bag, self-inflating bag และ T-piece
resuscitators
้ ป
่ ยหายใจ การวางตาแหน่ง
• การใชอ
ุ กรณ์ในการชว
ทีถ
่ ก
ู ต้องและเหมาะสมก ับหน้าของทารก
่ ยหายใจ
• การทดสอบความพร้อมของอุปกรณ์ชว
่ ยหายใจ
• การประเมินความสาเร็จในการชว
p. 3-1
3-29
ข ้อบ่งชใี้ นการชว่ ยหายใจด ้วยแรงดันบวก
ื ก
– หยุดหายใจหรือหายใจเฮอ
– อ ัตราการเต้นของห ัวใจน้อยกว่า 100
ครง/นาที
ั้
– ต ัวเขียวขณะได้กา
๊ ซออกซเิ จนเข้มข้น
100%
่ ยหายใจอย่างมีประสท
ิ ธิภาพ เป็นปัจจ ัย
การชว
่ ยกูช
ี ทารกให้ประสบผลสาเร็จได้
หล ักในการชว
้ พ
p. 3-4
3-30
ลักษณะสาคัญของอุปกรณ์ชว่ ยหายใจด ้วย
แรงดันบวก
• ขนาดของหน้ากากทีเ่ หมาะสม
• ความสามารถในการให้ออกซเิ จนความเข้มข้น
ต่างๆ ก ันจนถึงออกซเิ จนเข้มข้น 90% to 100%
่ งหายใจ
• ความสามารถในการควบคุมความด ันชว
่ งหายใจเข้า
เข้า (PIP) และระยะเวลาชว
(inspiratory time)
• ขนาดของ bag ทีเ่ หมาะสม (200-750 มิลลิลต
ิ ร)
• มาตรการป้องก ันไม่ให้ทารกได้ร ับแรงด ันมาก
เกินไป
p. 3-10, 3-11
3-31
Self-inflating Bag
ข้อดี:
• พองต ัวได้เอง
• มีลน
ิ้ ลดความด ัน (pop-off valve)
กรณีทบ
ี่ บ
ี ความด ันเกิน 40 ซม.นา้
p. 3-7
3-32
Self-inflating Bag
ี :
ข้อเสย
• พองต ัวได้เอง แม้ไม่มก
ี า
๊ ซเข้าสู่ bag
• หน้ากากต้องแนบสนิทก ับหน้าของทารก จึงจะทา
ให้ลมจากการบีบ bag เข้าปอดได้
• ต้องต่ออุปกรณ์เก็ บก ักออกซเิ จน (oxygen
reservoir)
• ไม่สามารถใชใ้ นการให้กา
๊ ซออกซเิ จนอย่างเดียว
ถ้าไม่บบ
ี bag เพราะมีลน
ิ้ ปิ ดกนอยู
ั้
่
• ไม่สามารถให้ CPAP และ PEEP ได้ ยกเว้นต่อ
PEEP valve
p. 3-7
3-33
Self-inflating Bag: การควบคุมออกซเิ จน
ต ้องต่ออุปกรณ์เก็บกัก
ออกซเิ จน (oxygen
reservoir) จึงจะได ้ความ
เข ้มข ้นของออกซเิ จนสูง
้
แม ้ว่าจะใชออกซ
เิ จน 100%
ถ ้าไม่มอ
ี ป
ุ กรณ์เก็บกัก
ออกซเิ จน ทารกจะได ้รับ
ออกซเิ จนประมาณ 40% ซงึ่
อาจไม่เพียงพอในการชว่ ยกู ้
ี ทารกแรกเกิด
ชพ
Click on the image to play video
p.3-343-45
มาตรการความปลอดภัย : Self-inflating Bags ทีม
่ ี
ลิน
้ ลดความดัน (Pressure-Release Valve)
Click on the image to play video
p. 3-11
3-35
้
ความเข ้มข ้นของออกซเิ จนทีค
่ วรใชระหว่
างการ
ี ทารกแรกเกิด
ชว่ ยกู ้ชพ
• Neonatal Resuscitation Program มี
้ อกซเิ จนเข้มข้น 100%
ข้อแนะนาให้ใชอ
่ ยหายใจด้วยแรงด ันบวก
ระหว่างการชว
ึ ษาพบว่า การให้กา
• มีบางการศก
๊ ซออกซเิ จน
ี
เข้มข้นน้อยกว่า 100% ก็อาจจะสามารถกูช
้ พ
ทารกได้สาเร็จ
่ ยกูช
ี ทารกแรกเกิด โดยใช ้
• ถ้าเริม
่ การชว
้ พ
ออกซเิ จนเข้มข้นน้อยกว่า 100% เป็นเวลา 90
วินาที ทารกไม่ดข
ี น
ึ้ ควรเพิม
่ ความเข้มข้นของ
ออกซเิ จน จนถึง 100%
p. 3-14
3-36
Bag และหน ้ากาก : อุปกรณ์
ควรวางตาแหน่งของหน้ากากให้ครอบ
• ปลายคาง
• ปาก
• จมูก
p. 3-16
3-37
ิ ธิภาพ
การชว่ ยหายใจมีประสท
้ึ :
อาการทีบ
่ ง
่ ชวี้ า
่ ทารกดีขน
•
•
•
•
้
อ ัตราการเต้นของห ัวใจเพิม
่ ขึน
ี มพูขน
ทารกมีผวิ สช
ึ้
ทารกหายใจได้เอง
้ ดีขน
ความตึงต ัวของกล้ามเนือ
ึ้
p. 3-21, 3-23
3-38
อัตราการชว่ ยหายใจ:
40 – 60 ครงั้ / นาที
Click on the image to play video
p.3-393-22
หากต ้องชว่ ยหายใจด ้วยแรงดันบวกผ่านหน ้ากาก
เป็ นเวลาหลายนาที
่ ายสวนกระเพาะอาหารเข้าทางปาก
ควรได้ร ับการใสส
เพือ
่ ระบายลมออกจากกระเพาะอาหาร
่ ระเพาะอาหารจะรบกวนการหายใจ
ก๊าซทีเ่ ข้าสูก
• กระเพาะอาหารขยายต ัว ทาให้รบกวนการเคลือ
่ น
ลงของกระบ ังลม ทาให้ปอดขยายต ัวได้ไม่เต็มที่
• ก๊าซในกระเพาะอาหารทีม
่ ากเกินไป ทาให้มก
ี าร
ย้อนกล ับของสารค ัดหลง่ ั ในกระเพาะอาหาร ทา
ให้มก
ี ารสูดสาล ักเข้าปอด
p. 3-26
3-40
่ ายสวนกระเพาะอาหาร
วิธก
ี ารใสส
อุปกรณ์
• สายสวนกระเพาะอาหารขนาด 8F
• กระบอกฉีดยาขนาด 20 มล.
p. 3-27
3-41
่ ายสวนกระเพาะอาหาร
ขัน
้ ตอนการใสส
ว ัดความยาวของสายสวนกระเพาะอาหาร
p.3-423-27
ทารกอาการไม่ดข
ี น
ึ้
ตรวจสอบการให้ออกซเิ จน การแนบสนิทของ
หน้ากากก ับหน้าของทารก และความแรงในการบีบ
• ทรวงอกเคลือ
่ นทีเ่ พียงพอหรือไม่
• ให้ออกซเิ จนแก่ทารกเพียงพอหรือไม่
• พิจารณา
่ อ
่ ยหายใจ
– ใสท
่ ชว
ี งลมเข้าปอด
– ฟังเสย
่ ลมรว่ ั ในชอ
่ งอก (pneumothorax)
– ปัญหาอืน
่ ๆ เชน
p. 3-29, 3-30
3-43
การกดหน ้าอก
(Chest Compressions)
ในบทที่ 4 ท่านจะได้เรียนรู ้
• ข้อบ่งชใี้ นการกดหน้าอกในระหว่างการชว่ ย
ี
กูช
้ พ
• วิธก
ี ารการกดหน้าอก
่ ย
• วิธก
ี ารกดหน้าอกให้สอดคล้องก ับการชว
หายใจด้วยแรงด ันบวก
• เมือ
่ ใดจึงเลิกกดหน้าอก
p. 4-1
4-44
การกดหน ้าอก
Chest Compressions
การกดหน้าอก
่ ยเพิม
• ชว
่ การไหลเวียนเลือด ชว่ ั คราว
่ ยหายใจ
• ต้องทาร่วมก ับการชว
้ อกซเิ จน 100%
• ควรใชอ
p. 4-2
4-45
การกดหน้าอก : ข้อบ่งช ี้
เมือ
่ อ ัตราการเต้น
ของห ัวใจน้อยกว่า
60 ครง/นาที
ั้
ทงๆ
ั้
ทีท
่ ารกได้ร ับการ
่ ยหายใจด้วยแรง
ชว
ด ันบวกอย่างเพียง
พอแล้วเป็นเวลา
30 วินาที
หยุดหายใจ
อัตราการเต ้นของหัวใจ
< 100
หายใจเอง
อัตราการเต ้นของหัวใจ
> 100 แต่เขียว
ให ้ออกซเิ จน
ยังคงเขียว
ชว่ ยหายใจ
ด ้วยแรงดันบวก *
อัตราการเต ้นของหัวใจ
< 60
อัตราการเต ้นของหัวใจ
> 60
ชว่ ยหายใจด ้วยแรงดันบวก *
กดหน ้าอก
่ อ
* พิจารณาใสท
่ ชว่ ยหายใจ
p.4-464-2
การกดหน ้าอก :
• ห ัวใจไปชนก ับ
ั
กระดูกไขสนหล
ัง
่ งอก
• ความด ันในชอ
้
เพิม
่ ขึน
• เกิดการไหลเวียน
เลือดไปย ังอว ัยวะ
สาค ัญ
Click on the image to play video
p.4-474-4
การกดหน ้าอก :
ต ้องมีบค
ุ ลากร 2 คน
• คนหนึง่ กด
หน้าอก
• อีกคนให้การ
่ ยหายใจ
ชว
p.4-484-4
เปรียบเทียบเทคนิคในการกดหน ้าอก
้ วิ้ ห ัวแม่มอ
• เทคนิคการใชน
ื (Thumb Technique)
(ดีกว่า)
– เมือ
่ ยล้าน้อยกว่า
– สามารถควบคุมความลึกของการกดหน้าอก
ได้ดก
ี ว่า
้ องนิว้ มือ (2-Finger Technique)
• เทคนิคการใชส
่ ยกูช
ี ทีม
– เหมาะสาหร ับผูช
้ ว
้ พ
่ ม
ี อ
ื ขนาดเล็ก
้ น
่ ะดือได้ดก
– ใชพ
ื้ ทีไ่ ม่มาก เปิ ดทางเข้าสูส
ี ว่า
เมือ
่ ต้องการให้ยา
p. 4-5
4-49
การกดหน ้าอก :
ตาแหน่งการวางมือและนิว้
• ใชนิ้ ว้ ลากมาตามขอบ
ล่างของกระดูกซโี่ ครง
จนกระทั่งมาพบกระดูก
xyphoid
• วางนิว้ หัวแม่มอ
ื หรือนิว้
มือสองนิว้ เหนือต่อจาก
กระดูก xyphoid ตาม
้ ล
แนวเสนที
่ ากระหว่าง
หัวนม
p.4-504-6
การกดหน ้าอก : เทคนิคหัวแม่มอ
ื
(Thumb Technique)
• นิว้ ห ัวแม่มอ
ื อยูบ
่ น
กระดูกหน้าอก
• นิว้ อืน
่ อยูใ่ ต้หล ัง
ทารกเพือ
่ หนุน
ั
กระดูกสนหล
ัง
p.4-514-6
การกดหน ้าอก : เทคนิคหัวแม่มอ
ื
(Thumb Technique)
้ วิ้ ห ัวแม่มอ
• ใชน
ื กด
ลงบนกระดูกกลาง
อก (sternum) และ
ปล่อย เพือ
่ ให้
หน้าอกคืนรูปได้
เต็มที่
ถูกต ้อง
ไม่ถก
ู ต ้อง
p.4-524-7
การกดหน ้าอก:
ความแรงและความลึกในการกด
• ความลึกของการ
กดหน้าอก
ประมาณ 1 ใน 3
ของความกว้าง
ทรวงอกในแนว
หน้าหล ัง
ถูกต ้อง
ไม่ถก
ู ต ้อง
p.4-534-9
การกดหน ้าอกประสานงานกับ
การชว่ ยหายใจ
• 1 รอบ ประกอบด้วยการกดหน้าอก 3
่ ยหายใจ 1 ครงั้ ในเวลา
ครงั้ และการชว
2 วินาที
่ ยหายใจ 30 ครงั้ และกด
• ทาการชว
หน้าอก 90 ครง/นาที
ั้
รวมก ันเป็น 120
ครงต่
ั้ อนาที
p. 4-11
4-54
การกดหน ้าอก : การหยุดกดหน ้าอก
หลังจากทาการกด
หน ้าอกและชว่ ย
หายใจแล ้ว 30
วินาที ควรหยุดกด
หน ้าอก เพือ
่ ตรวจ
อัตราการเต ้นของ
หัวใจอีกครัง้
ประเมินการหายใจ
ี วิ
อ ัตราการเต้นของห ัวใจและสผ
หยุดหายใจ
อัตราการเต ้น
ของหัวใจ
< 100
หายใจเอง
อัตราการเต ้นของหัวใจ
> 100 แต่เขียว
ให้ออกซเิ จน
ยังคงเขียว
่ ยหายใจ
ชว
ด้วยแรงด ันบวก *
อัตราการเต ้น
ของหัวใจ< 60
อัตราการเต ้น
ของหัวใจ > 60
่ ยหายใจด้วยแรงด ันบวก *
ชว
กดหน้าอก
อัตราการเต ้น
ของหัวใจ < 60
ให้ยา epinephrine*
หายใจอย่างมี
ประสิทธิภาพ
อัตราการเต ้น
ของหัวใจ >100
สีผวิ เป็ นสีชมพู
การดูแลหล ัง
่ ยกูช
ี
การชว
้ พ
่ อ
* พิจารณาใสท
่ ชว่ ยหายใจ
p.4-55
4-12
การกดหน ้าอก : อัตราการเต ้นของหัวใจยังคงตา่
กว่า 60 ครัง้ /นาที
่ ยหายใจมีประสท
ิ ธิภาพ
• ตรวจสอบว่าการชว
หรือไม่
่ อ
่ ยหายใจ ถ้าย ังไม่ได้ใส ่
• พิจารณาใสท
่ ชว
่ ายสวนหลอดเลือดของสะดือ เพือ
• ใสส
่ ให้ยา
epinephrine
p. 4-13
4-56
่ อ
การใสท
่ ชว่ ยหายใจ : ข ้อบ่งช ี้
กรณีทม
ี่ ข
ี เี้ ทาปนในนา้ ครา
่ หากทารก
not vigorous
่ ยหายใจด้วยแรงด ันบวกไม่ม ี
การชว
ิ ธิภาพ หรือต้องชว
่ ยหายใจเป็น
ประสท
เวลาหลายนาที
เมือ
่ ต้องทาการกดหน้าอก เพือ
่ ให้
ั ันธ์ก ับการชว
่ ยหายใจ
สมพ
เมือ
่ ต้องการให้ยา epinephrine
ระหว่างรอการหาหลอดเลือดดา
ท่อชว่ ยหายใจ : ขนาดทีเ่ หมาะสม
ขนาดของท่อชว่ ยหายใจขึน
้ กับน้ าหนั กและอายุ
ครรภ์
ควรตัดขนาดท่อชว่ ยหายใจให ้มีความยาว 13-15
ซม.
้
การใชลวด
stylet สอดเข ้าไปในท่อชว่ ยหายใจ
(ทางเลือก)
ขนาดท่ อ (มม.)
(เส้ นรอบวงด้ านใน)
2.5
นา้ หนัก
(กรัม)
< 1,000
อายุครรภ์
(สัปดาห์)
< 28
3.0
1,000-2,000
28-34
3.5
3.5-4.0
2,000-3,000
> 3,000
34-38
> 38
การเตรียม Laryngoscope
อุปกรณ์ประกอบ
ควรเลือกขนาด blade ให้เหมาะสม
เบอร์ 0 สาหร ับทารกเกิดก่อนกาหนด
เบอร์ 1 สาหร ับทารกเกิดครบกาหนด
ตรวจสอบความสว่างของหลอดไฟ
เปิ ดเครือ
่ งดูดเสมหะทีค
่ วามด ัน 100 มม.
ปรอท
ต่อก ับสายดูดเสมหะขนาด 10F (หรือใหญ่
กว่า) เพือ
่ ทาการดูดเสมหะในปาก
้ ายดูดเสมหะทีเ่ ล็ กกว่า เพือ
ใชส
่ ดูดเสมหะใน
่ ยหายใจ
ท่อชว
นา้ หน ักแรกเกิด
(กิโลกรัม)
ความลึก
(ซ.ม.จากริมฝี ปาก)
1*
7
2
8
3
9
4
10
่ ยหายใจด้วยแรงด ัน
ให้ออกซเิ จนและชว
่ อ
่ ยหายใจ
บวกก่อนทาการใสท
่ ชว
(ยกเว ้นในกรณีทม
ี่ ข
ี เี้ ทาปนในน้ าครา่ )
ให้ออกซเิ จน free flow ระหว่างการใส ่
่ ยหายใจ
ท่อชว
่ อ
่ ยหายใจ ไม่
ระยะเวลาในการใสท
่ ชว
เกิน 20 วินาที
ข ้อบ่งชใี้ นการให ้ยา epinephrine
Epinephrine เป็นยากระตุน
้ ห ัวใจ โดยมีข ้อบ่งชใี้ น
ทารกทีย
่ ังมีอ ัตราการเต้นของห ัวใจตา
่ กว่า 60
ครง/นาที
ั้
แม้วา
่
่ ยหายใจด้วยแรงด ันบวกอย่างมีประสท
ิ ธิภาพแล้ว 30 วินาที ตาม
• ชว
ด้วย
่ ยหายใจด้วยแรงด ันบวกร่วมก ับการกดหน้าอกอีก 30 วินาที
• ชว
รวม = 60 วินาที
ไม่ควรให ้ยา epinephrine ก่อนชว่ ยหายใจ
ด ้วย
ิ ธิภาพ
แรงดันบวกอย่างมีประสท
p. 6-2, 6-6
6-63
การให ้ยาและสารน้ าทางหลอดเลือดดาของสะดือ
่ ายสวนในหลอด
ใสส
เลือดของสะดือ
• เป็นทางให้สารนา้
และยา
้ ายสวนขนาด
• ใชส
3.5F หรือ 5F
ื้
• ใชเ้ ทคนิคปลอดเชอ
p.
6-64 6-4
Epinephrine: ผลของยา
และการให ้ซ้า
• เพิม
่ อ ัตราการเต้นของห ัวใจ และความ
้ ห ัวใจ
แรงของการบีบต ัวของกล้ามเนือ
• ทาให้เกิดหลอดเลือดสว่ นปลายหดต ัว
่ ยหายใจ การ
• ถ้าให้ยาครงแรกทางท่
ั้
อชว
ให้ยาซา้ ควรให้ทางหลอดเลือดดาของ
สะดือ
p. 6-6, 6-9
6-65
การบริหารยา Epinephrine
ความเข้มข้นของยาทีแ
่ นะนา = 1:10,000
วิธบ
ี ริหารยาทีแ
่ นะนา = ทางหลอดเลือดดา (ให ้ทาง
่ ายสวนหลอด
ท่อชว่ ยหายใจได ้ในระหว่างรอการใสส
เลือดดา)
ขนาดของยาทีแ
่ นะนา = 0.1-0.3 มล./กก. ของยา
epinephrine 1:10,000 (ให้ 0.3-1 มล./กก. ถ้า
่ ยหายใจ)
ให้ทางท่อชว
อ ัตราการให้ยาทีแ
่ นะนา = เร็วทีส
่ ด
ุ เท่าทีท
่ าได้
p. 6-7
6-66
ถ ้าทารกอาการไม่ดข
ี น
ึ้ หลังให ้ยา epinephrine
(อัตราการเต ้นของหัวใจน ้อยกว่า 60 ครัง้ /นาที)
ิ ธิภาพของ
ตรวจสอบประสท
่ ยหายใจ
• การชว
• การกดหน้าอก
่ อ
่ ยหายใจ ว่าอยูใ่ นหลอดลมคอหรือไม่
• การใสท
่ ชว
• วิธบ
ี ริหารยา epinephrine
พิจารณาว่า ทารกมีภาวะความด ันเลือดตา
่
จนช็อค (hypovolemic shock) หรือไม่
p. 6-9
6-67
ี :
ทารกไม่ตอบสนองต่อการชว่ ยกู ้ชพ
็ ค (hypovolemic shock)
ชอ
ข้อบ่งชใี้ นการให้สารนา้ ทดแทน
่ ยกูช
ี และ
• ทารกไม่ตอบสนองต่อการชว
้ พ
ี วิ ซด
ี ชพ
ี จรเบา
• ทารกอยูใ่ นภาวะช็อค (สผ
อ ัตราการเต้นของห ัวใจชา้ หรืออาการไม่ดข
ี น
ึ้
่ ยกูช
ี )
ภายหล ังการชว
้ ด
ี เลือด ได้แก่ มารดามี
• มีประว ัติทารกในครรภ์เสย
่ งคลอดจานวนมาก รกลอกต ัว
เลือดออกทางชอ
ก่อนกาหนด รกเกาะตา
่ และมีภาวะ
twin-to-twin transfusion
p. 6-10
6-68
การให ้สารน้ าทดแทน:
สารนา้ ทีแ
่ นะนา:
• Normal saline
สารนา้ อืน
่ ๆ:
• Ringer’s lactate
• เลือดกลุม
่ O Rh-negative
p. 6-10
6-69
การให ้สารน้ าทดแทน: ปริมาณและวิธก
ี ารให ้
• ชนิดของสารนา้ ทดแทนทีแ
่ นะนา = Normal saline
• สารนา้ ทดแทนอืน
่ ๆ = Ringer’s lactate หรือ
เลือดกลุม
่ O Rh-negative
• ปริมาณของสารนา้ ทดแทนทีแ
่ นะนา = 10 มล./กก.
• วิธก
ี ารให้ทแ
ี่ นะนา= ทางหลอดเลือดดาของสะดือ
• วิธก
ี ารเตรียม = เตรียมสารนา้ ปริมาณทีต
่ อ
้ งการใน
กระบอกฉีดยาขนาดใหญ่
• อ ัตราการให้สารนา้ ทีแ
่ นะนา = ให้ในเวลา 5-10 นาที
p. 6-10
6-70
การตอบสนองต่อการให ้สารน้ าทดแทน
•
•
•
•
•
อาการทีบ
่ ง
่ ชวี้ า่ ทารกมีอาการดีขน
ึ้ ภายหล ังการให้
สารนา้ ทดแทน
้
อ ัตราการเต้นของห ัวใจเพิม
่ ขึน
ี จรแรงขึน
้
ชพ
ี วิ ซด
ี ลดลง
สผ
้
ความด ันโลหิตเพิม
่ ขึน
ถ้าภาวะช็อค (hypovolemic shock) ไม่ดข
ี น
ึ้
พิจารณาให้สารนา้ ทดแทนอีกครงั้
(ปริมาณ 10 มล./กก.)
p. 6-10
6-71