Transcript LI 395
LI 395 Lesson 4 ไวยากรณ์และการอ่าน หัวข้อที่จะเรี ยนในสัปดาห์น้ ี • ๑. ความหมายของไวยากรณ์ • ๒. ความรู้เรื่ องวจีวภิ าคที่ใช้เป็ นพื้นฐานในการ อ่าน • ๓. ความรู้เรื่ องวากยสัมพันธ์ที่ใช้เป็ นพื้นฐานใน การอ่าน ๑. ความหมายของไวยากรณ์ ไวยากรณ์ (Grammar)โดยทัว่ ไปหมายถึงการศึกษาด้าน โครงสร้างของคา และความสัมพันธ์ของคาในประโยคของภาษาใด ภาษาหนึ่ง อาจให้ความหมายได้ ๔ อย่าง (ตามพจนานุกรมการอ่าน ของสมาคมการอ่านนานาชาติ) ๑. คาอธิบายเกี่ยวกับภาษาใดภาษาหนึ่ง เพื่อให้ขอ้ มูลว่าภาษาทาหน้าที่ อย่างไร ซึ่งจะรวมด้านเสี ยง ด้านคา ด้านวจีวิภาคและด้าน ความหมายของโครงสร้างภาษาทั้งในปัจจุบนั และในอดีตที่ผา่ นมา • ๒. วจีวภิ าค (Morphology) และ วากยสัมพันธ์ ของภาษาใดภาษาหนึ่ง • ๓. การศึกษาเชิงพรรณาของภาษาหนึ่งหรื อหลาย ภาษา • ๔. สิ่ งที่ผพู ้ ดู รู ้เกี่ยวกับโครงสร้างและการใช้ภาษาของ ตัวเองเพื่อการสื่ อสารและความคิดริ เริ่ ม ประเภทของไวยากรณ์ • Frank Smith .ให้ขอ้ สังเกตเกี่ยวกับเรื่ องไวยากรณ์วา่ • ๑. ไวยากรณ์ที่เราเรี ยนกันอยูน่ ้ ีส่วนมากเป็ นแบบเก่า (Traditional grammar) เป็ นการพรรณาเกี่ยวกับ หน้าที่ของคา ซึ่งมีกฏต่างๆที่จะต้องปฎิบตั ิตาม • ๒. ไวยากรณ์แบบใหม่ที่เน้นด้านความหมาย (Semantic grammar) ซึ่งอธิบายความหมายของโครงสร้างลึก (Deep structure) และโครงสร้างผิว (Surface structure) ซึ่งมีความแตกต่างในด้านแนวคิด (Concept) หลายประการ ความรู ้เรื่ องวจีวิภาค (Morphology) • ๑. คาและหน่วยคา (Words and morphemes) • คาประกอบขึ้นด้วยเสี ยงและความหมาย เช่นคาว่า talk, talks, talked, talker มีส่วนที่แตกต่างกันคือรู ปและ เสี ยงลงท้าย /-s/, /-ed/, และ /-er/ ส่ วนที่แตกต่างนี้ นับเป็ นหน่วยของคาด้วย ซึ่งบางหน่วยให้ความหมาย เช่น /-s/, • /-ed/ แสดงเวลาในปัจุบนั และอดีต /-er/ แสดงเป็ น ผูก้ ระทา เป็ นต้น หน่วยของคาเหล่านี้อาจเปลี่ยนรู ปไปตามเงื่อนไข ต่างๆ ซึงเรี ยกว่า Allomorph เช่นหน่วยคาเดียวกันแต่เขียน และออกเสี ยงต่างกันตามสิ่ งแวดล้อมที่ต่างกัน • เช่น hats, dogs, roses หน่วยคา [ s ], จะออก เสี ยง เป็ น /z/ เมื่อตามหลังพยัญชนะ [ g] หรื อ [se] ซึ่งมี เสี ยงสัน่ สะเทือนในสายเสี ยง เป็ นต้น • นอกจากนี้กม็ ีคาที่เปลี่ยนรู ปสระ เช่น man-men, oxoxen, drink-drank-drunk รู ปสระที่เปลี่ยนไป พร้อมกับเสี ยง ก็เป็ นหน่วยคาที่เกิดจากเงื่อนไขทางรู ปคาและเสี ยง • เพื่อบอกจานวน (พจน์) และกาล (time aspect) เป็ นต้น ประเภทของหน่วยคา • ๑. หน่วยคาอิสระและหน่วยคาผูกพัน (Free and bound morpheme) • write = หน่วยคาอิสระ writer, writing, written, [ -er], [-ing], [-en] เป็ นหน่วยคา ผูกพัน คืออาศัยคาอิสระ เพื่อแสดงความหมายที่เปลี่ยนไป ในตัวเอง เมื่ออยูเ่ ดี่ยวๆก็ไม่มีความหมายอะไร • ๒. หน่วยคาทางความหมายและหน่วยคาทางไวยากรณ์ (Lexical and grammatical morphemes) เช่น boy, girl, man, เป็ นหน่วยคาอิสระทางความหมาย แต่เวลาพูดเป็ นกลุ่มคาหรื อประโยค จะมีคามาช่วยขยายความหรื อ แสดงอาการกระทา เช่น A boy is standing. He is talking with a girl. • A, is,-ing, He, with เป็ นคาไวยากรณ์ ทาหน้าที่ให้ ความหมายแก่คาอิสระในด้านต่างๆ เช่นบอกหน้าที่ แสดงอาการ กระทา อ้างอิงคาอื่น เป็ นต้น • ๓. หน่วยคาแกนและหน่วยคาเติม (Roots and Affixes) เช่นคาว่า national, democracy • Nat-, demo- เป็ นหน่วยคาแกน คือเป็ นรากศัพท์ของคาที่ สร้างขึ้นใหม่ –ion+al, cracy, เป็ นหน่วยคาเติม คือเป็ น suffix หรื อปัจจัยที่เติมมาข้างหลังเพื่อทาให้เกิดคาใหม่ คา อื่นๆ เช่น preface, retain, illness หน่วยคาที่เติม มาข้างหน้า prefix, pre-, re-, ill- บวกกับรากศัพท์ ก็สร้างคาใหม่ข้ ึนมา • ๔. หน่วยคาผันและหน่วยคาคง (Derivational affixes and inflectional affixes) • Happy--happiness, quickquickly, bookbooks, learnlearned • ส่ วนของคา –ness, -ly เป็ นหน่วยคาผัน คือทาให้คาอิสระ เปลี่ยนรู ปคา (form)และหน้าที่(function)ไป ส่ วน –s, -ed เป็ นหน่วยคาคง คือทาหน้าที่เปลี่ยนรู ปและความหมาย ไปตามกาล แต่ไม่ได้เปลี่ยนหน้าที่ (function) ส่ วนประกอบของคา • การสร้างคาจากหน่วยคาประเภทต่างๆจึงสามารถสร้างคา ใหม่ข้ ีนมาได้หลายแบบ เช่น • ๑. หน่วยอิสระ เป็ นคาโดดเช่น pen, book, road, etc. • ๒. หน่วยคาอิสระ + หน่วยคาอิสระ เช่น homework. • Policeman, blackboard • ๓. หน่วยคาอิสระ + หน่วยคาผูกพัน หน่วยคาผูกพัน + หน่วยคาอิสระ เช่น manner, unhappy • ๔. หน่วยคาผูกพัน + หน่วยคาผูกพัน เช่น • interesting, disappointment เป็ นต้น ๓. ความรู้เรื่ องวากยสัมพันธ์ (Syntax) • วากยสัมพันธ์ เป็ นเรื่ องเกี่ยวกับการเรี ยงคา วลี ประกอบขึ้นเป็ น ประโยค มีกฏเกณฑ์ที่ตอ้ งปฎิบตั ิ เพื่อการยอมรับและเข้าใจตามที่ เจ้าของภาษานิยมกัน กฏเกณฑ์การสร้างประโยค (syntactic rules) เป็ นตัวเชื่อมระหว่างภาษาระดับลึก (Deap structure) กับภาษาระดับผิว (Surface structure) การสร้างประโยค • ทาได้หลายวิธี เช่น • ๑. การเรี ยงลาดับคา (word order) เพื่อสื่ อความหมาย เช่น Dogs chase cats. กับ Cats chase dog. มี ความหมายต่างกัน เพราะมีการสับเปลี่ยนคาใหม่ • ๒. ความสัมพันธ์ของคา (Constituents of words) แสดงถึงความใกล้ชิดของคาที่อยูใ่ นประโยค เช่น • the boy jumped (the boy + jumped, • The+boy, jumped) เมื่อประโยคยาวขึ้น ส่ วนประชิด (constituency) ก็จะต่างออกไป โครงสร้างประโยคแบบใหม่ • Deep structure ได้แก่โครงสร้างภาษาที่มีความหมาย รองรับโครงสร้างอื่นๆที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น • 3. Are you hungry? จะมาจากโครงสร้างเดิมคือ 2 • 2. You are hungry. :ซึ่งเปลี่ยนมาจาก 1. 1.Hungry(you) (are) • ประโยค 1, 2 เป็ นprimary & deep structure • ประโยค 3 เป็ น Surface structure ซึ่งเปลี่ยนมา จากโครงสร้างที่รองรับด้านความหมายต้นๆ ไวยากรณ์แบบปริ วรรตและไวยากรณ์แบบ สัมพันธ์ความหมายเป็ นรายกรณี • ๑.ไวยากรณ์ปริ วรรต (Transformation Grammar) ผูบ้ ุกเบิก Noam Chomsky • ๒.ไวยากรณ์แบบสัมพันธ์ความหมายเป็ นรายกรณี (Generative semantics or Case Grammar) • แนวคิด แบบ ๑ โครงสร้างนาไปสู่ความหมาย • แบบ ๒ ความหมายนาไปสู่โครงสร้าง