องค์ประกอบของดินที่สำคัญมี 4 ส่วนคือ

Download Report

Transcript องค์ประกอบของดินที่สำคัญมี 4 ส่วนคือ


ดินเกิดจาก
1.การสลายตัวของหิน แร่
ได้ วัตถุตน้ กาเนิ ดดิน
2. การสลายตัวของสารอินทรีย ์
ได้ ฮิวมัส
ผสมคลุกเคล้า
กลายเป็ นดิน
คือ ซากพืชซากสั ตว์ ทเี่ น่ าเปื่ อยอยู่ในดิน
มีสีนา้ ตาลดา เป็ นอาหารของพืช
1. สารอินทรีย ์ เกิดจากการทับถมของใบไม้และสัตว์ท่ี
ตายแล้วเรียกว่า “ฮิวมัส”
2. สารอนิ นทรีย ์ เกิดจากการสลายตัวของหินและแร่
3. น้ า ได้จากน้ าฝนหรือน้ าใต้ดินซึมขึ้นมา
4. อากาศ แทรกซึมอยู่ตามช่องว่างระหว่างเม็ดดินซึ่ง
เรียกว่า “ความพรุน”
ชั้นหน้ าตัดดิน
ชั้น “O” หรือเรียกว่ า ชั้นดินอินทรีย์ คือ
ชั้นทีม่ ีการสะสมอินทรียวัตถุ
ชั้น “A” หรือ ดินชั้นบน
ประกอบด้ วยอินทรียวัตถุทสี่ ลายตัวแล้ว
ชั้น “E” หรือ ชั้นชะล้าง
เป็ นชั้นดินทีม่ ีสีซีดจาง
ชั้น “B” หรือ ชั้นดินล่าง
ชั้น“ C” หรือ ชั้นวัตถุต้นกาเนิดดิน
หินและแร่ ทกี่ าลังผุพงั สลายตัว
ชั้น “R” หรือ ชั้นหินดินดาน
เป็ นชั้นหินแข็งทีย่ งั ไม่ ผุพงั สลายตัว
 คือ ลักษณะเฉพาะที่จาแนกประเภทของดิน
 ดินมีสมบัตทิ วั ่ ไป ดังนี้
คือ คุณสมบัตทิ างกายภาพของเนื้ อดินที่สามารถ
สังเกตได้ดว้ ยตาเปล่า
บางชนิ ดเนื้ อละเอียด บางชนิ ดเนื้ อหยาบ
ชิ้นส่วนเล็กๆ ของดินประกอบด้วยกรวด ทราย ดิน
ตะกอน ดินเหนี ยวและฮิวมัส
1.ดินทราย มีอนุภาคทราย มากกว่ าร้ อยละ 85 ระบายนา้ และ
อากาศดีมาก แต่ มีความสามารถในการอุ้มนา้ ตา่ สากมือ

2. ดินร่ วน ประกอบด้ วยอนุภาคขนาดทราย ทรายแป้ ง และ
ดินเหนียวในปริมาณใกล้ เคียงกัน ระบายนา้ และถ่ ายเทอากาศดี
และมักจะมีความอุดมสมบูรณ์ ดี นุ่มมือ
3. ดินเหนียวประกอบด้ วยอนุภาคขนาดดินเหนียวตั้งแต่ ร้อยละ 40 ขึน้ ไป
เป็ นดินทีม่ ีเนือ้ ละเอียดระบายนา้ และอากาศดีและไม่ ดี

คือ สีท่เี กิดจากสารประกอบในดิน ทาให้ดิน
มีสี ต่างกัน เช่น
ดินที่มี ฮิวมัสปนอยู่มาก จะมีสคี ลา้
ดินที่มีเหล็กปนอยู่มากจะมีสนี ้ าตาลแดง
เหล็ก
แดง
แมงกานีส ดา
สารอินทรีย์ ดา สี คลา้
 คือ ช่องว่างระหว่างเม็ดดิน เป็ นที่สาหรับให้น้ าและอากาศผ่าน
เข้าไปในเนื้ อดิน
้ บนมีความพรุนมากกว่าดินชัน้ ล่าง
 ดินชัน
คือ ปริมาณของไฮโดรเจนที่มีอยู่ในดินทาให้ดินมี
สภาพเป็ นกรดหรือเบส ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโต
ของพืช
กาหนดค่ าเป็ นตัวเลขตั้งแต่ 1-14 เรียกค่ าตัวเลขนีว้ ่ าค่ า pH
โดยจัดว่ า
 สารละลายใดที่มีค่า pH น้ อยกว่ า 7 สารละลายนั้นมีสมบัติเป็ น
กรด
 สารละลายใดทีม
่ ีค่า pH มากกว่ า 7 สารละลายนั้นมีสมบัติเป็ น
เบส
 สารละลายใดทีม
่ ีค่า pH เท่ ากับ 7 สารละลายนั้นมีสมบัติเป็ น
กลาง

1. ใช้ กระดาษลิตมัสสี นา้ เงินหรือสี แดง โดยนากระดาษลิตมัสทดสอบกับสาร
ทีส่ งสั ย ถ้ าเป็ นกรดจะเปลีย่ นกระดาษลิตมัสสี นา้ เงินเป็ นสี แดง และถ้ าเป็ น
เบสจะเปลีย่ นกระดาษลิตมัสสี แดงเป็ นสี นา้ เงิน
 2. ใช้ กระดาษยูนิเวอร์ แซลอินดิเคเตอร์ โดยนากระดาษยูนิเวแซลอินดิเคเตอร์
ทดสอบกับสารแล้ วนาไปเทียบกับแผ่ นสี ทขี่ ้ างกล่ อง

3. ใช้ นา้ ยาตรวจสอบความเป็ นกรด-เบส เช่ น สารละลายบรอมไทมอลบลูจะให้ สี
ฟ้าอ่ อนในสารละลายทีม่ ี pH มากกว่ า 7 และให้ สีเหลืองในสารละลายทีม่ ี pH
น้ อยกว่ า 7
การเน่ าเปื่ อยของสารอินทรียใ์ นดิน
การใส่ปยเคมี
ุ๋ บางชนิ ด
สารที่ปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมบาง
ประเภท
 การใส่ ปูนขาว (แคลเซียมไฮดรอกไซด์ )
 ผลความเป็ นกรด-เบสของดิน
มีผลต่ อการเจริญเติบโตของพืช พืชแต่ ละชนิด
เจริญเติบโตได้ ดใี นดินที่มีค่า pH ต่ างกัน
ถ้ าสภาพ pH ไม่ เหมาะสมทาให้ พชื บางชนิดไม่ สามารถ
ดูดซึมแร่ ธาตุทตี่ ้ องการใน ดินไปใช้ ประโยชน์ ได้
้ คือ
ดินแบ่งเป็ น 2 ชัน
้ บนและ
 ดินชัน
้ ล่าง
ดินชัน
ลักษณะของดิน
ดินชั้นบน
1. ดินนับจากผิวดินจนถึงดินที่ลกึ
ประมาณ 20 cm
2. ดินทีม่ ีสารอินทรีย์สะสมมาก
ทาให้ ดนิ มีสีคลา้
3. เม็ดดินมีขนาดโต ทาให้
ช่ องว่ างระหว่ างเม็ดดินมีขนาด
ใหญ่ นา้ และอากาศผ่ านสะดวก
ดินชั้นล่ าง
1. ดินทีอ่ ยู่ลกึ กว่ า 20 cm ขึน้ ไป
2. ดินที่มีสารอินทรีย์สะสมน้ อย
ทาให้ ดนิ มีสีจาง
3. เม็ดดินมีขนาดเล็ก ทาให้
ช่ องว่ างระหว่ างเม็ดดินมีขนาด
เล็ก นา้ และอากาศผ่ านยาก
ดินเป็ นกรด แก้ไขได้โดยการเติมปูนขาว หรือดินมาร์ล
ดินเป็ นเบสแก้ไขได้โดยการเติมแอมโมเนี ยมซัลเฟต
หรือผงกามะถัน
ดินมาร์ล คือ ดินที่ได้จากการสลายตัวของหินปูน ซึ่งมี
แคลเซียมคาร์บอนเนตเป็ นองค์ประกอบ ดินมาร์ลมีมาก
ในจังหวัดสระบุรี ลพบุรี และนครสวรรค์
ชนิดของพืช
ข้าว
ค่ า pH ของดินที่เหมาะสม
ผักกาดหัว, กะหลา่ ดอก, ขึน้ ฉ่ าย, ถั่วลันเตา
กะหลา่ ปลี, แครอท, คะน้ า
ยาสู บ
มันเทศ
ฝ้ าย
5.5-6.0
6.0-7.0
5.7-7.0
5.4-5.7
5.5-7.0
6.0-8.0
สั บปะรด
5.0-6.0
 จากข้อมูลในตารางข้างบนจงตอบคาถามต่อไปนี้
1.พืชชนิดใดบ้างที่สามารถปลูกได้ท้ งั ดินที่มสี ภาพเป็ นกรด
และเบสเล็กน้อย
2.นักเรี ยนจะสรุ ปจากข้อมูลนี้ได้อย่างไร
3.พืชแต่ละชนิดเจริ ญเติบโตในดินที่มีค่า pH เท่ากันหรื อไม่
อย่างไร
 คือ การที่ดินถูกกัดเซาะเป็ นร่องหรือถูกขุด
เป็ นบริเวณกว้างเป็ นการเปลี่ยนแปลงของ
ผิวดินอย่างหนึ่ ง
 1. การชะล้างพังทลายตามธรรมชาติ เช่น พื้นดินแตกระแหงเนื่ องจากลม
พื้นดินริมฝัง่ น้ าถูกกัดเซาะเนื่ องจากน้ า หน้าดินถูกน้ าฝนพัดพาไป
 2. การชะล้างพังทลายโดยการกระทาของมนุ ษย์และสัตว์
เช่น การขุดถนน การขุดเหมืองแร่ การระเบิดเขา
การหักร้างถางป่ า
การขุดที่อยู่อาศัยของสัตว์
้ บนซึ่งอุดมสมบูรณ์ดว้ ยธาตุอาหารของพืชถูก
 1. ดินชัน
เคลือ่ นย้าย เป็ นผลกระทบต่อเกษตรกรรม
 2. ดินเกิดเป็ นร่องน้ า
 3. ดินถูกพัดพาไปตกตะกอนทาให้แม่น้ าและอ่างเก็บน้ า
ตื้นเขิน และทาให้เกิดเป็ นสันดอนขึ้นเป็ นอุปสรรคต่อการ
คมนาคมทางน้ า
 4. ทาให้เกิดอุทกภัยร้ายแรง
 การอนุ รกั ษ์ หมายถึง การใช้อย่างประหยัดและให้เกิด
ประโยชน์มากที่สุด ตลอดจนการนาสิง่ ที่ใช้แล้วมาใช้ใหม่หรือ
หาสิง่ อืน่ มาทดแทน
 การอนุ รกั ษ์และพัฒนาที่ดิน หมายถึง การรูจ้ กั ใช้ท่ดี ินให้เกิด
ประโยชน์มากที่สุด มีการสูญเปล่าน้อยที่สุด และมีการสร้าง
หรือทาให้ดินมีมากขึ้น การอนุ รกั ษ์และพัฒนาที่ดินสามารถทา
ได้โดย

1. ปลูกพืชคลุมดิน เพือ่ ไม่ให้น้ าชะเอาแร่ธาตุต่างๆ ไป
 2. ปลูกพืชหมุนเวียนและใช้ปยให้
ุ๋ ถกู วิธี
 3. ปลูกหญ้าเพือ่ เลี้ยงสัตว์และปลูกป่ าไม้
 4. ปลูกพืชตระกูลถัว่ แล้วทาให้เน่ าเปื่ อยกลายเป็นปุ๋ ย
 5. ไม่เผาป่ าหรือทาลายป่ าไม้
 6. ไม่ทาไร่เลื่อนลอย
 7. สร้างคันดินกัน้ ขวางที่ลาดชัน เพือ่ ชะลอความเร็วของน้ าที่ไหลเป็ นการป้ องกัน
การกัดเซาะพัดพาหน้าดิน
 8. ปลูกพืชแนวขวางเป็ นขึ้นบันไดตามเนื้ อที่ลาดชันทาให้ดินถูกชะล้างไปได้ยาก
จงตอบคาถามต่ อไปนี้
1.การปลูกพืชเป็ นแถวยาวตามแนวลาดและแถวขวางแนวลาดบนทีล่ าดชันทาให้ เกิดการ
ชะล้างต่ างกันหรือไม่ อย่างไร
2.การปลูกพืชตามแนวระดับและการปลูกพืชแบบขั้นบันได จะช่ วยลดอัตราการชะล้าง
พังทลายของดินได้ อย่างไรบ้ าง
3.ถ้ าต้ องการปลูกพืชบนไหล่ เขา ควรทาอย่ างไรจึงจะช่ วยลดอัตราการชะล้ างพังทะลาย
ของดิน
4.ควรปลูกพืชบนทีล่ าดชันหรือไม่ เพราะเหตุใด
5.จงอธิบายการปลูกพืชหมุนเวียน
6.พืน้ ดินทีป่ ลูกพืชชนิดเดียวกันนานๆ ในระยะแรกพืชเจริญงอกงามดี แต่ ต่อมาพืชจะ
เจริญเติบโตช้ า เป็ นเพราะเหตุใด นักเรียนจะมีวธิ ีปรับปรุ งอย่ างไร เพือ่ ให้ พชื
เจริญเติบโตเหมือนเดิม
7.การนาหน้ าดินมาถมทีเ่ ป็ นการอนุรักษ์ ดินหรือไม่ อย่ างไร

http://www.kr.ac.th/tech/det48m2/soiltest02.htm
สวัสดี