ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ TCP/IP

Download Report

Transcript ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ TCP/IP

TCP/IP
Tranmission Control Protocol
/Internet Protocol
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ TCP/IP
TCP/IP ย่อมาจาก Tranmission Control Protocol / Internet Protocol
โปรโตคอล TCP/IP เป็ นชุ ดของโปรโตคอลทีม่ กี ารพัฒนามาตั้งแต่ ปี 1960 โดยมี
วัตถุประสงค์ ให้ สามารถสื่ อสารจากต้ นทางข้ ามเน็ตเวิร์คไปยังปลายทางได้ และสามารถหาเส้ นทางที่
จะส่ งข้ อมูลไปได้ เองโดยอัติโนมัติ ถึงแม้ ว่าในระหว่ างทางอาจผ่ านเน็ตเวิร์คทีม่ ีปัญหา โปรโตคอลก็
ยังคงหาเส้ นทางส่ งผ่ านข้ อมูลไปให้ ถึงปลายทางจนได้ ในระยะเริ่มต้ นโปรโตคอลนีใ้ ช้ กันในวงการ
แคบๆ เฉพาะราชการและสถานศึกษาของอเมริกา จนในช่ วงปี 90 จึงมีการนามาใช้ ในทางธุรกิจ และ
เป็ นจุดเริ่มต้ นของอินเตอร์ เน็ตในปัจจุบนั
การแบ่ งชั้น (Layering)
• TCP/IP เป็ นชุ ดของโปรโตคอลทีป่ ระกอบไปด้ วยโปรโตคอลย่ อยหลายตัว
แต่ ละตัวจะทาหน้ าที่ในแต่ ละชั้นหรือเลเยอร์ (layer) ซึ่งรับผิดชอบและแปล
ความหมายของข้ อมูลในแต่ ละระดับของการสื่ อสาร
• ในภาพรวม TCP/IP แบ่ งออกเป็ น 4 เลเยอร์ ดังนี้
Application
Transport
Network
Link
หน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละเลเยอร์
1. Link Layer ในเลเยอร์ นีจ้ ะเป็ นดีไวซ์ ไดรเวอร์ ทที่ างานอยู่บนระบบปฏิบตั ิการแต่ ละ
ระบบทาหน้ าทีร่ ับผิดชอบในการรับส่ งข้ อมูลตั้งแต่ ระดับกายภาพ สั ญญาณไฟฟ้ า จนถึงการแปลความ
จากระดับสั ญญาณไฟฟ้ าจนเป็ นข้ อมูลทางคอมพิวเตอร์ โปรโตคอลระดับนี้ เช่ น Ethernet และ SLIP
(Serial Line Internet Protocol)
2. Network Layer รับผิดชอบในการรับ ส่ ง ข้ อมูลเน็ตเวิร์ค ส่ งต่ อข้ อมูลไปจนถีงจุดหมาย
ปลายทาง โปรโตคอลระดับนี้ ได้ แก่ IP ICMP IGMP
3. Transport Layer รับผิดชอบในการรับส่ งข้ อมูลระหว่ างเครื่องหนึ่ง(Host)ไปยังอีกโฮสท์
หนึ่ง และจะส่ งข้ อมูลขึน้ ไปให้ Application Layer นาไปใช้ งานต่ อ มีโปรโตคอลทีจ่ ัดอยู่ในเลเยอร์ นีค้ อื
TCP และ UDP ซึ่งมีลกั ษณะในการรับส่ งข้ อมูลทีแ่ ตกต่ างกันออกไป
4. Application Layer เป็ นเลเยอร์ ทเี่ ป็ นแอพลิเคชั่นเรียกใช้ โปรโตคอลระดับล่ างๆลงไป เพือ่
วัตถุประสงค์ แตกต่ างกัน
หน้ าที่ความรับผิดชอบแต่ ละเลเยอร์ (ต่ อ)
SMTP (Simple Mail Transfer Protocol) ใช้รับส่ งจดหมายอิเลคโทรนิคส์
ระหว่างโฮสต์
Telnet
ใช้สาหรับการควบคุมเครื่ องระยะไกล
HTTP (Hypertext Transfer Protocol) เป็ นโปรโตคอลที่ใช้รับส่ งข้อมูล
เว็ฟเพจระหว่างบราวเซอร์กบั เว็ฟ
เซิร์ฟเวอร์
POP (Post Office Protocol)
ใช้สาหรับดาวน์โหลดอีเมล์จากเมล์
เซิร์ฟเวอร์มาไว้ที่เครื่ องเมล์
ไคลเอนด์ (PC) ของผูใ้ ช้
IP : Internet Protocol
IP เป็ นโปรโตคอลที่ทาหน้าที่รับภาระในการนาข้อมูลไปส่ งยัง
จุดหมายปลายทางไม่วา่ ที่ใดๆในอินเตอร์เน็ต โปรโตคอลต่างๆใน TCP/IP Suit
ทั้ง TCP ,UDP, ICMP ต่างก็อาศัยระบบนี้ท้ งั สิ้ น เนื่องจากตัวโปรโตคอล IP นี้มี
กลไกที่ค่อนข้างฉลาดในการหาเส้นทาง ขนส่ งข้อมูล รู ้จกั ที่จะซอกแซกหา
ช่องทางไปยังจุดหมายทุกทางที่เป็ นไปได้ โปรโตคอลอื่นที่อยูเ่ ลเยอร์สูงขึ้นไป
เลยไม่ตอ้ งรับภาระปวดหัวในการหาวิธีส่งข้อมูลไปยังจุดหมายปลายทางอีก ขอ
แค่เพียงเตรี ยมข้อมูลให้เสร็ จสรรพแล้วส่ งให้ IP ก็นอนใจได้วา่ IP จะพยายาม
อย่างสุ ดความสามารถที่จะหาทางไปให้ถึงจุดหมายให้จงได้
ถึงแม้ ว่า IP จะเป็ นโปรโตคอลทีเ่ ชี่ยวชาญในการขนส่ งข้ อมูลไปได้ ไกลๆ แต่ กม็ จี ุดด้ อยคือ
IP เป็ นโปรโตคอลที่ Unreliable และ connectionless (เปรียบเสมือนเป็ นระบบขนส่ งที่
ชานาญรวดเร็วแต่ ไม่ รับประกันว่ าข้ อมูลจะถึงปลายทางหรือไม่ ) การที่ IP มีข้อด้ อย 2
ประการนี้ ดังนั้น โปรโตคอลเลเยอร์ อนื่ ที่ใช้ IP เป็ นตัวส่ งข้ อมูลทีจ่ าเป็ นต้ องหาหนทางใน
การลดข้ อด้ อยเหล่านีล้ งไป เพือ่ ให้ การรับส่ งข้ อมูลมีเสถียรภาพและเชื่อถือได้ ซึ่งก็คอื
จะต้ องมีกลไกในการรับประกันการรับส่ งข้ อมูลอีกชั้นนั่นเอง การส่ งข้ อมูลด้ วย IP
เปรียบเสมือนการส่ งจดหมาย ทัว่ ไปทีเ่ ราจ่ าหน้ าซองเรียบร้ อย ติดแสตมป์ แล้วนาไป
หย่ อนลงตู้ไปรษณีย์ โดยส่ วนใหญ่ แล้ วบุรุษไปรษณีย์นีก้ จ็ ะทาหน้ าทีอ่ ย่างสม่าเสมอคือ
นาจดหมายไปที่บ้านเลขทีต่ ามจ่ าหน้ าซอง แล้ วก็หย่ อนลงไปในตู้รับจดหมายของผู้รับซึ่ง
จะเห็นว่ า ด้ วยการทางานปกติจดหมายน่ าจะถึงปลายทางเสมอ แต่ โอกาสที่จะเกิด
อุปสรรคทาให้ จดหมายไม่ ถึงปลายทางก็เป็ นไปได้
หมายเลข IP หรือบางทีเรียกว่ าแอดเดรส IP นั้นถูกจัดเป็ นตัวเลขชุ ดหนึ่ง
ขนาด 32 บิตใน 1 ชุ ดจะมีตวั เลขถูกแบ่ งออกเป็ น 4 ส่ วน ส่ วนละ 8 บิตเท่ าๆกัน เวลา
เขียนก็แปลงให้ เป็ นเลขฐานสิ บก่อนเพือ่ ความง่ ายแล้ วเขียนโดยคั่นแต่ ละชุ ดด้ วยจุด
ดังนั้นในตัวเลขแต่ ละส่ วนนีจ้ ึงมีค่าได้ ต้ังแต่ 0 จนถึง 28-1 =255 เท่ านั้นเช่ น
192.10.1.101 เป็ นต้ น ตัวเลข IP Address ชุ ดนีจ้ ะเป็ นสิ่ งทีส่ าคัญคล้ ายเบอร์ โทรศัพท์ ที่
เรามีใช้ อยู่และไม่ ซ้ากัน เพราะสามารถกาหนดให้ เป็ นตัวเลขรวมได้ ท้งั สิ้นกว่ า 4
พันล้านเลขหมาย แต่ การกาหนดให้ คอมพิวเตอร์ มีเลขหมาย IP Address นีไ้ ม่ ได้
เริ่มต้ นจาก 1 และนับขึน้ ไปเรื่อยๆหากแต่ จะมีการแบ่ งออกเป็ น 2 ส่ วน คือ ส่ วนแรกเป็ น
หมายเลขของเครือข่ าย (Network Number) ส่ วนทีส่ องเรียกว่ า หมายเลขของ
คอมพิวเตอร์ ทอี่ ยู่ในเครือข่ ายนั้น(Host Number) เพราะเครือข่ ายใดๆอาจจะมีเครื่อง
คอมพิวเตอร์ เชื่อมต่ ออยู่ได้ มากมาย ในเครือข่ ายทีอ่ ยู่คนละระบบอาจมีหมายเลขโฮสต์
ซ้ากันก็ได้ แต่ เมือ่ รวมกับหมายเลข Network แล้วจะได้ เป็ น IP Address ทีไ่ ม่ ซ้ากันเลย
การแบ่ งคลาส (Class) ของ IP Address
• มีการแบ่งจากคลาส A ถึงคลาส E เพื่อจะได้ทาการจัดสรร IP Addres ได้
อย่างเหมาะสมกับขนาดของเน็ตเวิร์ก
Class A
Class B
Class C
Class D
0
7 bits
24 bits
hostid
netid
10
110
1110
16 bits
14 bits
netid
hostid
21 bits
8 bits
netid
hostid
28 bits
Multicast group id
28 bits
Class E
1111
Reserved for future use
โครงสร้างของแอดเดรสที่ใช้ใน CLASS ต่างๆของเครื อข่ายซึ่ง
ทั้งหมดยาว 32 บิต
มีการจัดคลาสแบ่ งออกเป็ น 5 ระดับ แต่ ที่ใช้ งานทัว่ ไปจะมีเพียง 3 ระดับ คือ Class A
Class B ,Class C ซึ่งก็แบ่ งตามขนาดความใหญ่ ของเครือข่ ายนั่นเอง ถ้ าเครือข่ ายใดมีจานวนเครื่อง
คอมพิวเตอร์ เชื่อมต่ ออยู่มาก ก็จะมีหมายเลขอยู่ใน Class A ถ้ ามีจานวนเครื่องต่ อลดหลัน่ กันลงมาก็
จะอยู่ใน Class b และ Class C ตามลาดับ หมายเลข IP ของ Class A มีตัวเลขเป็ น 0 และหมายเลข
ของเครือข่ าย (Network Number) ขนาด 7บิต และ มีหมายเลขของเครื่องคอมพิวเตอร์ (Host
Number) ขนาด 24 บิต ทาให้ ในหนึ่งเครือข่ ายของ Class A สามารถเชื่อมต่ ออยู่ในเครือข่ ายได้ ถึง
224= 16 ล้ านเครื่อง เหมาะสาหรับองค์ กร หรือบริษัทยักษ์ ใหญ่ แต่ ใน Class A นีจ้ ะมีหมายเลข
เครือข่ ายได้ 128 ตัว เท่ านั้นทัว่ โลก ซึ่งหมายความว่ าจะมีเครือข่ ายยักษ์ ใหญ่ แบบนีไ้ ด้ เพียง 128
เครือข่ ายเท่ านั้น สาหรับ Class B จะมีหมายเลขเครือข่ ายแบบ 14 บิต และหมายเลขเครื่อง
คอมพิวเตอร์ แบบ 16 บิต(ส่ วนอีก 2 บิตที่เหลือบังคับว่ าต้ องขึน้ ต้ นด้ วย 102) ดังนั้นจึงสามารถมี
จานวนเครือข่ ายทีอ่ ยู่ใน Class B ได้ มากกว่ า Class A คือมีได้ ถึง 214 = 16000 เครือข่ าย
และก็สามารถมีเครื่ องคอมพิวเตอร์ เชื่อมต่อกันในเครื อข่าย Class B แต่ละเครื อข่ายได้
ถึง 216 หรื อ มากกว่า 65000 เครื่ อง สุ ดท้าย คือ Class C ซึ่ งมีหมายเลขเครื่ อง
คอมพิวเตอร์แบบ 8 บิต และมีหมายเลขเครื อข่ายแบบ 21 บิต ส่ วนสามบิตแรกบังคับว่า
ต้องเป็ น 1102 ดังนั้นใน แต่ละเครื อข่าย Class C จะมีจานวนเครื่ องต่อเชื่อมได้เพียงไม่
เกิน 254 เครื่ องในแต่ละเครื อข่าย(28= 256 เครื อข่าย แต่หมายเลข 0 และ 255 จะไม่ถกู
ใช้งาน จึงเหลือเพียง 254) ดังนั้น วิธีการสังเกตได้ง่ายๆ ว่าเราเชื่อมต่ออยูท่ ี่เครื อข่าย
Class ใดก็สามารถดูได้จาก IP Address ในส่ วนหน้า( ส่ วน Network)โดย
เท่านั้น)
เท่านั้น)
Class A จะมี Network address ตั้งแต่ 0 ถึง 127 (บิตแรกเป็ น 0 เสมอ)
Class B จะมี Network address ตั้งแต่ 128 ถึง 191 (เพราะขึ้นต้นด้วย102
Class C จะมี Network address ตั้งแต่ 192 ถึง 223(เพราะขึ้นต้นด้วย1102
ช่ วงของ IP Address แต่ ละคลาส
Class
A
B
C
D
E
Range
0.0.0.0 – 127.255.255.255
128.0.0.0 – 191.255.255.255
192.0.0.0 – 223.255.255.255
224.0.0.0 – 239.255.255.255
240.0.0.0 – 255.255.255.255
เช่น ถ้าเครื่ องคอมพิวเตอร์ในอินเตอร์เน็ตมีหมายเลข IP ดังนี้ 181.11.82.22
ตัวเลข 181.11 แสดงว่าเป็ นเครื อข่ายใน Class B ซึ่งหมายเลขเครื อข่ายเต็มๆ
จะใช้ 2 ส่ วนแรกคือ 181.11 และมีหมายเลขคอมพิวเตอร์คือ 82.22 หรื อถ้ามี
IP Address เป็ น 192.131.10.101 ทาให้ทราบว่าเครื่ องคอมพิวเตอร์น้ นั
เชื่อมต่ออยูใ่ น Class C มีหมายเลขเครื อข่าย 3 ส่ วนแรก คือ 192.131.10 และ
หมายเลขประจาเครื่ องคือ 101เป็ นต้น
โครงสร้ างของโปรโตคอล TCP/IP
• TCP : (Tranmission Control Protocol) - อยูใ่ น Transport Layer ทา
หน้าที่จดั การและควบคุมการรับส่ งข้อมูล และมีกลไกความคุมการ
รับส่ งข้อมูลให้มีความถูกต้อง และมีการสื่ อสารอย่างเป็ นกระบวนการ
• UDP : (User Datagram Protocol) - อยูใ่ น Transport Layer ทาหน้าที่
จัดการและควบคุมการรับส่ งข้อมูล แต่ไม่มีกลไกควบคุมการรับ ส่ ง
ข้อมูลให้มีเสถียรภาพและเชื่อถือได้
โครงสร้ างของโปรโตคอล TCP/IP (ต่อ)
• IP : (Internet Protocol) - อยูใ่ น Internetwork Layer เป็ นโปรโตคอล
หลักในการสื่ อสารข้อมูล มีหน้าที่คน้ หาเส้นทางระว่างผูร้ ับและผูส้ ่ ง
ใช้ IP Address ซึ่งมีลกั ษณะเป็ นเลขสี่ ชุด แต่ละชุดมีค่าตั้งแต่ 0-255 เช่น
172.17.3.12 ในการอ้างอิงโฮสต์ต่างๆ และกลไกการ Route เพื่อส่ งต่อ
ข้อมูลไปจนถึงจุดหมายปลายทาง
• ICMP : (Internet Control Message Protocol) - อยูใ่ น Internetwork
Layer มีหน้าที่ส่งข่าวสารและแจ้งข้อผิดพลาดให้แก่ IP
โครงสร้ างของโปรโตคอล TCP/IP(ต่อ)
• IGMP : (Internet Group Management Protocol) อยูใ่ นเน็ตเวิร์กเล
เยอร์ ทาหน้าที่ในการส่ ง UDP ดาต้าแกรมไปยัง กลุ่มของโฮสต์ หรื อ
โฮสต์หลายๆตัวพร้อมกัน
• ARP : (Address Resolution Protocol) - อยูใ่ น Link Layer ทาหน้าที่
เปลี่ยนระหว่าง IP แอดเดรส ให้เป็ นแอดเดรสของ Network Interface
เรี ยกว่า MAC Address ในการติดต่อระหว่างกัน MAC Address คือ
หมายเลขประจาของ Hardware Interface ซึ่งในโลกนี้จะไม่มี MAC
Address ที่ซ้ ากัน มีลกั ษณะเป็ นเลขฐาน 16 ยาว 6 ไบต์ เช่น
23:43:45:AF:3D:78 โดย 3 ไบต์แรกจะเป็ นรหัสของผูผ้ ลิต และ 3 ไบต์
หลังจะเป็ นรหัสของผลิตภัณฑ์
โครงสร้างของโปรโตคอล TCP/IP(ต่อ)
• RARP : (Reverse ARP) - อยูใ่ นลิงค์เลเยอร์เช่นกัน แต่ทาหน้าที่กลับกัน
กับ ARP คือเปลี่ยนระหว่างแอดเดรสของ Network Interface ให้ เป็ น
แอดเดรสที่ใช้โดย IP Address
เลเยอร์ ของโปรโตคอลต่ างๆในชุด TCP/IP
User
Process
User
Process
User
Process
TCP
User
Process
UDP
Application
Transport
ICMP
IP
IGMP
Network
ARP
Hardware
Interface
RARP
Link
IP Header
IP Header
เมื่อข้อมูลถูกส่ งลงมาจากชั้น Transport Layer สู่ช้ นั Network Layer
กระบวนการ Encapsulate ของ IP Protocol จะทาหารเพิ่มส่ วน Header
ลงไป Header ของ IP datagram มีขนาด 20-32 ไบต์ มีส่วนประกอบ
ต่างๆ ดังแสดงในรู ป
ตาราง IP Header
IP Routing
IP Routing
เป็ นกระบวนการค้นหาเส้นทางในการส่ งผ่านข้อมูลจากต้นทางไป
ยังปลายทางโดยผ่านการส่ งต่อข้อมูลไปจนกว่าจะถึงปลายทาง นับเป็ น
กลไกสาคัญที่ทาให้ IP เป็ นโปรโตคอลที่สามารถส่ งข้อมูลจากโฮสต์
หนึ่งไปอีกโฮสต์หนึ่งได้แม้วา่ จะอยูไ่ กลแสนไกล
กระบวนการ Routing
กลไกการทางานของ ARP
• การทางานของ ARP เป็ นเรื่ องไม่ซบั ซ้อน มีเพียง 2 ขั้นตอนเท่านั้น
คือ
1. เครื่ องที่ตอ้ งการสอบถาม MAC Address ส่ ง ARP packet เรี ยกว่า
ARP Request ซึ่งบรรจุ IP , MAC Address ของตนเอง และ IP Address
ของเครื่ องที่ตอ้ งการทราบ MAC Address ส่ วน MAC Address ปลายทาง
นั้น จะถูกกาหนดเป็ น FF:FF:FF:FF:FF:FF ซึ่งเป็ น Broardcast Address
เพื่อให้ ARP packet ถูกส่ งไปยังเครื่ องทุกเครื่ องที่อยูใ่ นเน็ตเวิร์คเดียวกัน
กลไกการทางานของ ARP
การตอบกลับ
การใช้ งาน ICMP
• 1. Query ใช้สอบถามสถานะ
ระหว่างกัน ในรู ปที่ 4.1 เป็ นการ
ส่ ง Echo request เพื่อถามสถานะ
ของปลายทาง ซึ่งโฮสปลายทาง
อยูใ่ นสถานะปกติ สามารถทา
การสื่ อสารได้จะส่ ง Echo Reply
กลับมา
Error Report
• Error Report ใช้รายงาน
ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เช่น หาก
ไม่สามารถส่ งดาต้าแกรมไปถึง
ปลายทางได้ เราเตอร์จะส่ ง
ICMP Message Host
Unreachable กลับมารายงานโฮส
ต้นทาง (รู ปที่ 4.2)
TCP/IP NETWORK
• ปกติอินเตอร์เน็ตจะมีหมายเลขเครื่ องทุกเครื่ องเรี ยกว่า IP
Address ในระบบเครื อข่ายเดียวกันหมายเลขนี้จะไม่ซ้ ากันโดย
ศูนย์บริ การอินเตอร์เน็ตจะทาหน้าที่แจก IP Address มาให้
• การแจก IP Address ขององค์การใหญ่จะมี 3 คลาส คือ
Class A , Class B, Class C
การแจก IP ADRESS เป็ น CLASS
• รู ปที่ 1 แสดงการแจกไอพีแอดเดรส
เป็ นคลาส
การแจกไอพีแอดเดรสแบบเดีย่ ว
• รู ปที่ 2 การแจกไอพีแอดเดรสแบบ
เดี่ยว
รู ปที่ 3 แสดงไอพีแอดเดรสในการเชื่อมต่อ
แบบลีสไลน์
• การกาหนดไอพีแอดเดรสของเรา
เตอร์ ในการเชื่อมต่ อแบบลีสไลน์
• ในการเชื่อมต่อแบบลีสไลน์น้ นั
ศูนย์บริ การอินเทอร์เน็ตจะให้
หมายเลขไอพีแอดเดรสมาสองชุด
นะครับไม่ใช่ชุดเดียวคือ
• ไอพีแอดเดรสของแลน (เป็ นคลาส
กาหนดที่เครื่ องลูกข่าย)
•
ไอพีแอดเดรสของแวน (เป็ นไอพี
เดี่ยว กาหนดที่เราท์เตอร์)
การกาหนดไอพีแอดเดรสของเครื่อง
คอมพิวเตอร์ ในระบบเครือข่ าย
ไอพีแอดเดรสของเราท์เตอร์น้ นั ศูนย์บริ การ
จะต้องเป็ นผูก้ าหนดมาให้ เราไม่สามารถกาหนดเองได้
แต่สาหรับไอพีแอดเดรสของเครื่ องลูกข่ายนั้นเรา
สามารถกาหนดเองได้ ซึ่งมีการกาหนดอยูส่ องวิธี
ไอพีแอดเดรสจริง
ไอพีแอดเดรสจริ งคือไอพีแอดเดรสที่มีอยูใ่ นตารางเราติ้งเทเบิลของ
ระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะถูกกาหนดให้เฉพาะแต่ละระบบเครื อข่ายโดยที่ไม่
ซ้ าเพื่อให้เครื่ องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ สามารถติดต่อถึงกันได้
การกาหนดให้เป็ นไอพีแอดเดรสจริ งนั้นมีขอสังเกตุที่ควรพิจารณาการใช้
งานดังนี้
สะดวกในการใช้งานเนื่องจากไอพีแอดเดรสจริ งสามารถติดต่อระบบ
อินเทอร์เน็ตได้โดยตรง
เป็ นอันตรายต่อการบุกรุ กเนื่องจากเชื่อมต่ออินเทอร์เนตโดยตรง
ไอพีแอดเดรสจริ งในปัจจุบนั ไม่เพียงพอต่อการแจกจ่าย
ไอพีแอดเดรสสารอง
"ไอพีแอดเดรสสารอง" บางคนจะเรี ยกว่า "ไอพีปลอม"
ไอพีน้ ีไม่ใช่ของปลอมสามารถใช้งานได้จริ ง โดยมาจากคาว่า
"Private IP Address" บางท่านก็เรี ยกว่า ไอพีส่วนตัว
.เนื่องจากไอพีแอดเดรสจริ งไม่พอแจกจ่าย ศูนย์บริ การ
อินเทอร์เน็ตจึงมีวิธีหลีกเลี่ยงโดยการให้ผทู้ ี่เชื่ อมต่อกับระบบ
อินเทอร์เน็ตใช้หมายเลขไอพีสารองแทนหมายเลขจริ ง
• รู ปที่ 4 การใช้ไอพีแอดเดรสสารอง
• หมายเลขไอพีแอดเดรสสารอง จะมี
ทั้งหมด 273 ชุดประกอบไปด้วย
คลาส A 10.0.0.0 10.255.255.255 (1 ชุด)
คลาส B 172.168.0.0 172.31.255.255 (16
ชุด)
คลาส C 192.168.0.0 192.168.255.255 (256
ไอพีแอดเดรสสารองก็คือไอพีแอดเดรสที่ไม่มี ชุด)
เราติ้งเทเบิลอยูใ่ นระบบอินเทอร์ เน็ต
ขั้นตอนที่ 1 สารวจดูวา่ เครื่ องคอมพิวเตอร์ของคุณได้ทาการติดตั้ง protocal
TCP/IP ไว้แล้วรึ ยงั โดย เข้าไปที่ Start -> Settings -> Control
Panal -> Network ถ้ายังไม่มี TCP/IP ก็ให้ click ที่ปุ่ม Add
เลือก Protocal
เลือก microsoft ทางด้านซ้าย แล้วเลือก TCP/IP ทางด้านขวา Click ปุ่ ม OK
เลือกแถบไปที่ TCP/IP แล้วกดปุ่ ม Properties เพื่อตามค่าต่างๆ ข้างในตามนี้
Gateway : 203.148.248.1
ใส่ ค่าตามที่เห็นในรู ปนี้
Host : rangsit
Domain : rsu.ac.th
DNS Server Search : 203.148.248.2
Add เพิ่มไปอีกตัวก็ได้นะ 203.148.248.3
Domain Suffix Search : rsu.ac.th
เมื่อตั้งค่าได้ตามนี้แล้วก็ กดปุ่ ม OK
แล้วเครื่ องของคุณจะทาการ Restart windows อีกครั้ง
ขั้นตอนที่ 2ติดตั้ง Dial-up Networking
Start -> Program -> Accessories -> Dial-up Networking
ถ้าไม่มีแสดงว่าคุณไม่ได้ทาการติดตั้งลงโปรแกรมนี้จาก windows95
ให้นาแผ่น windows 95 ใส่ ไว้ที่เครื่ อง แล้วไปทาการติดตั้งโปรแกรมตามนี้ Start ->
Control Panel -> Add/Remove Programs -> Windows Setup ->
Communications
-> Details -> Click Checkbok Dial-up Networking แล้วเลือก OK แล้ว
ก็ Ok เมื่อทาการติดตั้งโปรแกรม Dial-up Networking พร้อมแล้ว ก็ไปเปิ ดไปที่โปรแกรม
Dial-up Networking เลือก make new connection
เลือก configure....
แล้วเลือก Option ทาเครื่ องหมายถูกที่ Bring up terminal window
after dialing
แล้วกด OK แล้ว Next ไปในขั้นตอนต่อไป
กดปุ่ มขวาของmouseบน icon เพื่อไปเลือก properties
หลังจากเลือกที่ properties จะได้ตามรู ปนี้ ให้กดไปที่ปุ่ม server type
ในนี้จะใส่ หรื อว่าไม่ใส่ โดยใช้ Server Assigned ก็ได้ แต่วา่ ใช้ Server assign
IP Address จะดีกว่า
double click ที่ icon ที่เราสร้างขึ้นแล้วกด connect เพื่อ connect ไปที่
server
เมื่อ Connect ได้แล้วจะเห็นกรอบสี่ เหลี่ยมเล็กๆขึ้นมา ให้ เคาะปุ่ ม Enter ไปประมาณ 3 - 4 ที
เมื่อเห็น login: ก็ใส่ ใส่ login ของคุณเข้าไปกด enter Password : ก็ใส่ password
ของคุณ กด enter จากนั้น ใช้mouse กดไปที่ปุ่ม Continue หรื อกด F7 เมื่อการ connect
สมบูรณ์แล้วก็สามารถไปเปิ ดโปรแกรมต่างๆมาใช้ได้เลย เช่น netscape , mirc , ws_ftp ,
Telnet
คณะผู้จัดทา
• 1. นางสาวรังสิ นาฎ สุ ขสว่ าง รหัสประจาตัว 46-3506-008-2
• 2. นางสาวสมหญิง บุตรพันธ์ รหัสประจาตัว 46-3506-013-2
• 3. นายประดิษฐ์ สุ ภัคตระกูล รหัสประจาตัว 46-3506-035-5