คำถามเพื่อปลุกเร้า SMS การจัดการกับแรงต้าน Handling Resistance
Download
Report
Transcript คำถามเพื่อปลุกเร้า SMS การจัดการกับแรงต้าน Handling Resistance
Module 3
Motivational Interviewing Skills
Pilot Training of MI & MET
for AUD Curriculum
Thai Motivational Interviewing Network (TMIN)
การสัมภาษณ์ เพื่อสร้ างแรงจูงใจ
Motivational Interviewing (MI)
การให้ คาปรึกษาแบบยึดผู้ป่วยเป็ นหลัก (Client-centered
counseling) = Collaborative, Evocative, Autonomy
มีทิศทาง เน้ นเป้าหมาย (Goal-directed) เพิ่มแรงจูงใจ
เพื่อการเปลี่ยนแปลง ลดความลังเล เพิ่มช่องว่างระหว่าง
สิ่งที่อยากมีอยากเป็ น กับสิ่งที่เป็ นอยู่ เสริ มศักยภาพในตน
พัฒนาโดย Miller & Rollnick, 1991
ขันตอนของการเปลี
้
่ยนแปลงพฤติกรรม
(Stage of Change; Prochaska & DiClemente)
Evocation-open
ended question
Empathy-reflection/
Summaries
CollaborationAffirmations
Autonomy-Client
Centered
MI Spirit
การสัมภาษณ์ เพื่อสร้ างแรงจูงใจ
Motivational Interviewing (MI)
ทฤษฎีการรับรู้ ตนเอง (Self perception theory)
“As I hear myself talk, I learn what I believe”
“หากฉันได้ ยินสิ่งที่ฉนั คุยกับตนเอง ฉันก็ได้ เรี ยนรู้ในสิ่งที่ฉนั เชื่อ”
เป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ ผ้ ป
ู ่ วยพูดข้ อความจูงใจตนเอง
(Self-motivational statement, SMS)
การสนทนาเพื่อการเปลี่ยนแปลง (Change talk)
Elicit-Provide-Elicit (EPE) Approach
ข้ อความจูงใจตนเอง
Self-Motivational Statement (SMS)
การตระหนักในปั ญหา (Problem Recognition)
“ผมเพิ่งจะรู้วา่ ผมมีปัญหา”
ความกังวลกับปั ญหา (Concern)
“ผมกังวลกับมันจริ งๆ”
ความตังใจที
้ ่จะเปลี่ยนแปลง (Intention to Change)
“คงต้ องหยุดแล้ ว ผมต้ องทาอะไรซักอย่าง”
มองทางบวกสาหรับการเปลี่ยนแปลง (Optimism for Change)
“ผมมัน่ ใจว่าผมทาได้ ”
การสนทนาเพื่อการเปลี่ยนแปลง
Change Talk (DARN-CT)
• Desire – แสดงถึงความต้ องการที่จะเปลี่ยนแปลง
“ผมต้ องการพิสจู น์ตวั เองว่าทาได้ ”
• Ability – แสดงถึงศักยภาพในตนว่าเปลี่ยนได้ (Self-efficacy)
“ผมรู้วา่ ผมสามารถทาได้ ”
• Reasons – แสดงถึงเหตุผลสาหรับการเปลี่ยนแปลง
“ผมจะรู้สกึ โล่งอก ถ้ าผมแก้ ปัญหานี ้ได้ ”
การสนทนาเพื่อการเปลี่ยนแปลง
Change Talk (DARN-CT)
• Need – แสดงถึงความจาเป็ นในการเปลี่ยนแปลง
“ถ้ าผมไม่ดแู ลตนเอง ผมคงต้ องเจ็บป่ วย”
• Commitment – สัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลง
“ผมจะกระทาสิ่งนี ้”
Commitment talk
ทำนำยถึงกำรเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรม
• Taking step – แสดงถึงว่ากาลังลงมือทา
“ผมกาลังลงมือเปลี่ยนแปลงอยู่”
แรงต้ านในการเปลี่ยนแปลง
Resistance Talk
• Advantages of status quo – เป็ นข้ อความที่สะท้ อนถึง
ข้ อดีของการดื่มสุรา
“สุราช่วยคลายเครี ยด”
• Disadvantage of change – เป็ นข้ อความที่สะท้ อนถึง
ข้ อเสียของการเลิกสุรา
“ถ้ าเลิกดื่มสุรา ก็จะนอนไม่หลับ”
แรงต้ านในการเปลี่ยนแปลง
Resistance Talk
change – เป็ นข้ อความที่สะท้ อนถึง
ความไม่ตงใจที
ั ้ ่จะเปลี่ยนแปลง
“อีกไม่นานก็ตายแล้ ว ช่วงนี ้ขอดื่มต่อไปก่อน”
• Intention not to
– เป็ นข้ อความที่สะท้ อนถึง
การมองการเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ
“ครัง้ นี ้ก็คงเลิกไม่สาเร็จ เพราะเคยเลิกมาหลายครัง้ แล้ ว”
• Pessimism about change
ใบงานที่ 1
Change Talk, Commitment Talk, Resistance Talk
หาผู้เข้ ารับการฝึ กอบรมได้ ยิน
Change talk – ให้ ตบที่หน้ าตักของตนเอง
Commitment talk – ให้ ปรบมือ
Resistance talk – ให้ กม
ุ ศีรษะของตนเอง
ตัวอย่ างประโยค
• ผมอยากจะลดปริ มาณการดื่มลง
• เลิกไม่ยากหรอก มันอยูท
่ ี่ใจ
• ผมทาได้ ถ้ าผมพยายาม
• ถ้ าไม่เลิก ภรรยาคงเลิกกับผมแทน
• เมื่อวานผมปฏิเสธเพื่อนที่มาชวนดื่ม
• ไม่ได้ ดื่ม แล้ วหงุดหงิดอารมณ์ ไม่ดี
• เจ้ านายกาลังเพ่งเล็งผมอยู่
• ผมจะพยายามทาให้ ดีที่สดุ
• ผมวางแผนไปอยูก่ บ
ั ญาติสกั พักนึง
• เกือบจะดื่มแล้ ว คิดว่าเลิกแล้ ว
จะดื่มทาไม
• ผมควรรับประทานอาหารอะไรบ้ าง
• ผมกินยาบารุ งตับทุกวัน
• ผมรู้ สกึ แย่ เพราะทางานไม่ได้
• อีกไม่นานก็ตายแล้ วหมอ เลิกทาไม
• ผมกลัวความจาของผมเสื่อม
• เคยเลิกมาหลายครัง้ แต่ไม่สาเร็ จ
• ไม่ได้ ดื่มหนักเหมือนเก่า ดื่มแค่ช่วง
วันหยุด
ทักษะที่ผ้ ูให้ คาปรึกษาใช้ (OARS)
กำรถำมคำถำมปลำยเปิ ด
(Open-ended questioning)
กำรชื่นชมยืนยันรับรอง (Affirmation)
กำรฟั งอย่ ำงเข้ ำใจและสะท้ อนควำม
(Reflective listening)
กำรสรุ ปควำม (Summarization)
กำรถำมคำถำมปลำยเปิ ด
(Open-ended Questioning)
คาถามปลายเปิ ด กระตุ้นให้ ผ้ ปู ่ วยคิด พูด และได้ ยิน
• ถามอย่างมีทิศทางเพื่อกระตุ้นเร้ าข้ อความที่ดี
หรื อข้ อความที่จงู ใจตนเอง (SMS)
• กระบวนการถาม แล้ วค่อยบอก และถามต่อ
Elicit-Provide-Elicit (EPE)
•
Elicit-Provide-Elicit (EPE) Approach
Elicit readiness and interest – ดึงความพร้ อม
และความสนใจในการเปลี่ยนแปลงออกมา
“ผมมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการประเมินสุขภาพของคุณ”
“คุณเคยได้ ยินเรื่ องนี ้มาอย่างไรบ้ าง”
“ดิฉน
ั ไม่แน่ใจว่าคุณอยากจะรู้เกี่ยวกับเรื่ องนี ้อย่างไร”
Elicit-Provide-Elicit (EPE) Approach
Provide feedback naturally – ให้ ข้อมูลสะท้ อนกลับ
อย่างเป็ นธรรมชาติ
“จากผลการตรวจพบว่า................”
“จากความรู้ ทางการแพทย์ พบว่า...............”
Elicit patient’s interpretation and follow it – ดึง
การแปลผลของผู้ป่วยออกมา และติดตามดู
“คุณมีความเห็นอย่างไรบ้ าง”
“คุณได้ รับผลกระทบจากสุราอย่างไรบ้ าง”
การเสนอข้ อแนะนา
Offering Advice
Ask permission – ขออนุญาตก่อน
“ถ้ าคุณสนใจ ดิฉนั มีคาแนะนาให้ ลองพิจารณาดู”
“ถ้ าคุณโอเค ดิฉน
ั จะเล่าถึงประสบการณ์ความสาเร็จ
ของผู้ป่วยอื่น เผื่อจะเป็ นทางเลือกให้ คณ
ุ ”
Offer advice – ให้ คาแนะนา
“ดิฉน
ั อยากจะให้ คณ
ุ ลองพิจารณา...............”
“จากที่คณ
ุ เล่า ดิฉนั คิดว่าคุณจะประสบความสาเร็จ
ถ้ าคุณ.....”
การเสนอข้ อแนะนา
Offering Advice
Emphasize choice – เน้ นที่ทางเลือก
“มันคงขึ ้นอยูก่ บั การตัดสินใจของคุณ”
“ลองเลือกหนทางที่เหมาะกับตนเองดู”
Voice confidence – น ้าเสียงมัน่ ใจ
“ดิฉน
ั มัน่ ใจว่าคุณแก้ ปัญหาได้ หากคุณมุ่งมัน่ ”
Elicit response – ดึงการตอบสนองออกมา
“คุณคิดอย่างไรบ้ างเกี่ยวกับ........”
สิ่งที่เป็ นอุปสรรคต่ อการฟั งอย่ างตัง้ ใจ
อย่าชักชวน เทศน์สงั่ สอน สัง่ การ เตือน หมายหัว
หยาบคาย ท้ าทาย ให้ ความมัน่ ใจ
อย่าเพิ่งรี บแนะนา เห็นด้ วย หรื อรี บให้ คามัน
่ สัญญา
อย่าขึ ้นเสียงสูงหรื อเน้ นคาท้ ายๆ = คาถามปลายปิ ด
อย่าตัดสินผิดถูก กล่าวหา ประชดประชัน
อย่าใช้ คาพูดประโยคเดิมๆ ซ ้า เช่น ฟั งดู แบบว่า
คุณคิดว่า........
อย่าเปลี่ยนเรื่ องเร็ วเกิน
การฟั งอย่ างเข้ าใจและสะท้ อนความ
(Reflective listening)
Simple reflection (กำรสะท้ อนควำมแบบธรรมดำ)
Repeating – ทวนความ
Rephrasing – ทวนวลี
Paraphrasing – ถ่ายทอดความ
Complex reflection (กำรสะท้ อนควำมแบบซับซ้ อน)
Client’s true meaning or feeling – ความหมายหรื อความรู้ สก
ึ ที่แท้ จริ ง
Double-sided – สะท้ อนสองด้ าน ข้ อความที่ไม่ดี + ข้ อความที่ดี (SMS)
Amplified – สะท้ อนความให้ หนักขึ ้น
Minimizing – สะท้ อนความให้ เบาลง
Metaphor – คาอุปมาอุปไมย
Reflection
C: “ผมไม่ได้ ดื่มทุกวัน ผมต้ องทางานหนักทังวั
้ น ผมต้ องการ
พักผ่อนในช่วงวันหยุด ผมจึงดื่มเบียร์ 6 ขวด”
T: “คุณดื่มเบียร์ 6 ขวด” (repeating) “เบียร์ 6 ขวด”
(rephrase)
T: “คุณดื่มเพื่อผ่อนคลาย” “คุณดื่มหนักเฉพาะช่วงวันหยุด”
(paraphrase)
C: “บางครัง้ ผมอาจจะเอ๋อเพราะสูบกัญชามากเกิน
แต่ก็ไม่ร้ ูวา่ แม่จะมาห่วงผมมากมายทาไม
ผมก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ แล้ ว”
Reflection
T: “คุณไม่ชอบที่แม่หว่ งมากเกิน แต่บางครัง้ คุณก็กงั วลว่า
คุณสูบกัญชามากเกินจนสมองแย่ลง” (double-sided)
T: “คุณไม่ชอบให้ แม่มาทากับคุณเหมือนคุณเป็ นเด็กๆ”
(true meaning)
C: “ผมไปรักษามาก็หลายครัง้ ก็ยงั เลิกไม่ได้ ”
T: “คุณล้ มเหลวมาก็หลายครัง้ จนทาให้ คณ
ุ ท้ อใจ
แต่ขณะเดียวกันคุณก็ยงั มีใจอยากเลิกอยู่
คุณจึงได้ กลับมาหาหมอ” (double-sided)
Reflection
C: “แม่เป็ นห่วงผมมากเกินไป ชอบคอยจ้ องจับผิด”
T: “แม่ของคุณเป็ นคนที่น่าราคาญและไร้ เหตุผล” (amplified)
C: “ผมไม่ร้ ูวา่ จะกินยาไปทาไม ไม่เห็นจะช่วยให้ ดีขึ ้นอย่างไร”
T: “คุณคิดว่าไม่วา่ อะไรก็ช่วยคุณไม่ได้ ” (minimizing)
C: “ปั จจุบนั ผมสูบแค่กญ
ั ชา ไม่เหมือนก่อนที่สบู ยาบ้ า”
T: “คุณคิดว่าคุณดีขึ ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะคุณเสพ
สิ่งที่ไม่เป็ นอันตราย” (minimizing)
Reflection
C: “เพื่อนที่มหาลัยส่วนใหญ่สบู กัญชา”
T: “การสูบกัญชาเป็ นเรื่ องปกติของคุณและเพื่อนๆ” (minimizing)
C: “ช่วงแรกของการเลิกยา มันเผลอหลุดไปได้ งา่ ยจริ งๆ ต้ องคอย
ระมัดระวัง ”
T: “จริ งครับ คล้ ายกับการฝึ กขับจักรยานในช่วงเริ่ มต้ น”
(metaphor)
C: “แม้ ร้ ูวา่ เหล้ าเป็ นสิ่งที่ไม่ดีนะหมอ แต่ผมก็ยงั อยากจะดื่มมันอยู”่
T: “คล้ ายกับหนอนในกองอึ” (metaphor)
ใบงานที่ 2
Reflective Listening
แบ่งกลุม่ ย่อย 3-4 คน สมาชิกคนที่ 1 เป็ นผู้รับคาปรึ กษา สมาชิก
คนที่ 2 เป็ นผู้ให้ คาปรึกษา สมาชิกที่ 3 และ 4 สังเกตการณ์
ให้ ฝึกการพูดชักชวน (persuasion) โดยให้ สมาชิกคนที่ 1 ลองนึก
ถึงเรื่ องที่ตนเองลังเลใจ แล้ วให้ สมาชิกที่ 2 พูดโน้ มน้ าวด้ วยเหตุผล
3 อย่างที่สาคัญในการเลือกทางใดทางหนึง่ และแนะนาวิธีการ
เปลี่ยนแปลง ส่วนสมาชิกที่ 3 และ 4 สังเกตการณ์
ให้ กลุม่ ย่อยฝึ ก Reflective listening โดยให้ สมาชิกคนที่ 1 พูดคุย
เรื่ องเดิม แล้ วให้ สมาชิกที่ 2 ใช้ Simple reflection ส่วนสมาชิกที่
3 และ 4 สังเกตการณ์
ใบงานที่ 3
Simple & Complex Reflection
แบ่งกลุม่ ย่อย 3-4 คน ให้ สมาชิกคนที่ 1 เป็ นผู้กล่าว
ประโยค สมาชิกคนที่ 2 ทา Reflection
สมาชิกที่ 1, 3 และ 4 ให้ การ feedback
ผลัดกัน สมาชิกคนที่ 2 เป็ นผู้กล่าวประโยค
สมาชิกคนที่ 3 ทา Reflection
สมาชิกที่ 1, 2 และ 4 ให้ การ feedback
ผลัดกันฝึ กบทบาทไปเรื่ อยๆ โดยพยายามใช้
complex reflection ให้ เพิ่มมากขึ ้น
การชื่นชมยืนยันรับรอง
Affirmations
เป็ นการเสริ มแรงต่อความคิดที่ดีงาม (SMS)
สนับสนุนความคิดที่ดีงาม จุดแข็ง ความพยายาม
ศักยภาพในตน และความเชื่อมัน่ ในตนเอง
ควรมีความเฉพาะเจาะจง – “ดีมากเลยที่คณ
ุ ....”
เน้ นว่าเป็ นความคิดของผู้ป่วยเอง
การสรุ ปความ
Summarization
ควรมีการหยุดและสรุปเป็ นระยะๆ
สรุ ปในสิ่งที่ผ้ ป
ู ่ วยคิดและพูด
เน้ นความคิดที่ดีงาม เพื่อเสริ มแรงทางบวก
ตัวอย่ างของ Summarization
“จากที่พดู คุยกันมา ช่วงที่ผ่านมา คุณเริ่ มต้ นดื่มเพื่อเข้ าสังคม
การดื่มช่วยให้ คณ
ุ ผ่อนคลาย และคิดงานได้ ดีขึ ้น สุขภาพของคุณยังไม่
มีผลกระทบอะไร แต่ตอ่ มา คุณเป็ นห่วงเรื่ องการดื่มว่าจะทาให้ สขุ ภาพ
แย่ลง สุราทาให้ คณ
ุ ป่ วยเป็ นตับอักเสบ คุณมีอาการอ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร คุณเป็ นห่วงว่าหากยังคงดื่มต่อไป ไขมันจะพอกตับ
และเป็ นตับแข็งในที่สดุ ขณะเดียวกัน ภรรยาของคุณกาลังตังครรภ์
้
อยู่
คุณเป็ นห่วงว่า คุณจะไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ หากคุณเป็ นอะไรไป
ภรรยาก็เป็ นห่วงสุขภาพของคุณ และที่สาคัญ คุณคิดว่า
การดื่มสุราจะเป็ นแบบอย่างที่ไม่ดีตอ่ ลูกของคุณในอนาคต
คุณอยากเป็ นพ่อที่ดีของลูกที่กาลังเกิดมา
มีอะไรที่ดิฉนั สรุปตกหล่นไปบ้ าง”
“แล้ วคุณคิดจะทาอย่างไรต่อไปเกี่ยวกับเรื่ องการดื่มของคุณ”
กลยุทธ์ ในการปลุกเร้ า SMS
(Eliciting change talk or SMS)
ถามเพื่อกระตุ้นเร้ า Evocative Questions
ถามตรงๆ
อย่าถามว่าเป็ นห่วงกังวลหรื อไม่ ให้ ถามว่ากังวลอย่างไร
สมมติวา่ บุคคลนันลั
้ งเลใจที่จะเปลี่ยนแปลง หรื อ stage 2
คาถามเพื่อปลุกเร้ า SMS
กำรตระหนักในปั ญหำ (Problem Recognition)
“อะไรที่ทาให้ คณ
ุ คิดว่ามันเป็ นปั ญหา”
“มันมีผลกระทบต่อคุณหรื อคนรอบข้ างอย่างไรบ้ าง”
“มันเป็ นอุปสรรคต่อการบรรลุเป้าหมายในชีวิตของ
คุณอย่างไรบ้ าง”
“คนอื่นพูดถึงเรื่ องนี ้อย่างไรบ้ าง”
คาถามเพื่อปลุกเร้ า SMS
ควำมกังวลกับปั ญหำ (Concern)
“คุณเป็ นห่วงกังวลในเรื่ องการดื่มสุราของตนเองอย่างไรบ้ าง”
“อะไรที่ทาให้ ครอบครัวของคุณเป็ นห่วง”
“คุณคิดว่ามันจะเป็ นอย่างไรบ้ างหากคุณยังไม่หยุดดื่มสุรา”
คาถามเพื่อปลุกเร้ า SMS
ความตัง้ ใจที่จะเปลี่ยนแปลง (Intention to Change)
“อะไรที่ทาให้ คณ
ุ อยากหยุด”
“สมมติวา่ คุณเลิกได้ สาเร็ จ ชีวิตมันจะเปลี่ยนไปอย่างไร”
“อะไรเป็ นข้ อดีของการเลิกสุรา”
คาถามเพื่อปลุกเร้ า SMS
มองด้ ำนบวกของกำรเปลี่ยนแปลง
(Optimism for Change)
“อะไรที่ทาให้ คณ
ุ คิดว่าคุณจะทามันได้ สาเร็จ”
“อะไรที่ทาให้ คณ
ุ มีความเชื่อมัน่ ”
“อะไรที่เป็ นตัวช่วย หากคุณคิดจะเลิก”
คาถามเพื่อปลุกเร้ า SMS
ตรวจสอบข้ อดี-ข้ อเสีย (Exploring Pros and Cons)
ตรวจสอบเหตุผลทังสองด้
้
านของการเปลี่ยนและไม่เปลี่ยน
ถามรายละเอียด (Elaboration)
ถามเพื่อให้ ได้ รายละเอียดมากๆ จะพบ SMS มากขึ ้น
แล้ วค่อยสรุป
คาถามเพื่อปลุกเร้ า SMS
จินตนำกำร (Imagining)
สมมติสิ่งที่เลวร้ ายที่สดุ เกิดขึ ้น คุณจะเป็ นอย่างไร
สมมติสิ่งที่ดีเกิดขึ ้น คุณจะเป็ นอย่างไร
สมมติ.....
มองไปข้ ำงหน้ ำ (Looking Forward)
ถ้ าเปลี่ยนแปลง อะไรจะดีขึ ้น
ถ้ าไม่เปลี่ยนแปลง ชีวิตจะเปลี่ยนไปอย่างไร
ถ้ า......... แล้ ว............
คาถามเพื่อปลุกเร้ า SMS
มองย้ อนกลับไป (Looking Back)
เปรี ยบเทียบช่วงอดีตก่อนที่จะมีปัญหากับปั จจุบนั ที่มีปัญหา
สุรายาเสพติดทาให้ คณ
ุ ตกต่าอย่างไร
ค้ นหำเป้ำหมำยและคุณค่ ำชีวต
ิ (Exploring Goals
or Values)
อะไรคือสิ่งที่สาคัญมากที่สด
ุ ในชีวิต
อะไรคือเป้าหมายของคุณ ทังระยะใกล้
้
และไกล
สุรายาเสพติดเป็ นอุปสรรคในการบรรลุเป้าหมายอย่างไร
คาถามเพื่อปลุกเร้ า SMS
ไม้ บรรทัดของความพร้ อม (Readiness ruler)
ให้ ผ้ ปู ่ วยลองให้ คะแนน 0-10 สาหรับความสาคัญ
ความมัน่ ใจ และความพร้ อมของการเปลี่ยนแปลง
ถามผู้ป่วยว่า เพราะอะไรถึงไม่ให้ คะแนน 0 หรื อ
ตัวเลขที่ต่ากว่าจานวนที่เลือก
คาถามเพื่อปลุกเร้ า SMS
ขัดเพื่อให้ แย้ ง Paradoxical Challenge
ผู้บาบัดใช้ เหตุผลของจิตใจด้ านที่ไม่อยากเปลี่ยน
เพื่อกระตุ้นให้ ผ้ ปู ่ วยโต้ แย้ ง
เข้ าข้ างจิตใจที่ไม่อยากเปลี่ยนแปลง
“ดูแล้ วคุณยังติดใจสุรายาเสพติดอยูม
่ าก คงจะเลิกยาก”
การจัดการกับแรงต้ าน
Handling Resistance
การจัดการกับแรงต้ าน
Handling Resistance
ลักษณะข้ อความของแรงต้ าน = ตรงข้ ามกับ SMS
(Non-SMS or Resistance Talk)
ข้ อดีของการเสพยา
ข้ อเสียของการเลิก
ไม่คิดตังใจที
้ ่จะเปลี่ยนแปลง
มองการเปลี่ยนแปลงในทางลบ
ระลึกว่าแรงต้ านเป็ นเรื่ องปกติ แท้ จริ งผู้ป่วยสองจิตสองใจ
แรงต้ านเป็ นเรื่ องของผู้บาบัด เตือนใจให้ ทบทวนกลยุทธ์
การจัดการกับแรงต้ าน
Handling Resistance
Reflective listening
Simple reflection – เต้ นตามไปเรื่ อยๆ
Double-sided reflection – ให้ เห็นความขัดแย้ งในใจเอง
Amplified reflection – ซ ้าเติมให้ หนักขึ ้น
Minimizing reflection – ผ่อนให้ เบาลง
Shifting focus – กำรเปลี่ยนจุดเน้ น เปลี่ยนเรื่ องคุย
การจัดการกับแรงต้ าน
Handling Resistance
Responsibility or personal choice – ความรับผิดชอบ
ในตน การตัดสินใจอยูท่ ี่คณ
ุ
Reframing – yes…but – การมองเชิงบวก ใช่....แต่...
ในขณะเดียวกัน.....
Paradoxical challenge – การขัดเพื่อให้ แย้ ง
การจัดการกับแรงต้ าน
Handling Resistance
C: “ผมไม่ได้ ดื่มทุกวัน ผมต้ องทางานหนักทังวั
้ น ผมต้ องการ
พักผ่อนในช่วงวันหยุด ผมจึงดื่มเบียร์ 6 ขวด”
T: “คุณดื่มเบียร์ 6 ขวด” (repeating) “เบียร์ 6 ขวด”
(rephrasing) “คุณดื่มเพื่อผ่อนคลาย” “คุณดื่มหนักเฉพาะ
ช่วงวันหยุด” (paraphrasing) (simple reflection)
C: “บางครัง้ ผมอาจจะเอ๋อเพราะสูบกัญชามากเกิน
แต่ก็ไม่ร้ ู ว่าแม่จะมาห่วงผมมากมายทาไม
ผมก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ แล้ ว”
การจัดการกับแรงต้ าน
Handling Resistance
T: “คุณไม่ชอบที่แม่หว่ งมากเกิน แต่บางครัง้ คุณก็กงั วลว่า
คุณสูบกัญชามากเกินจนสมองแย่ลง”
(double-sided, complex reflection)
C: “ผมไปรักษามาก็หลายครัง้ ก็ยงั เลิกไม่ได้ ”
(แต่ยงั มาพบแพทย์)
T: “คุณล้ มเหลวมาก็หลายครัง้ จนทาให้ คณ
ุ ท้ อใจ แต่
ขณะเดียวกันคุณก็ยงั มีใจอยากเลิกอยู่ คุณจึงได้ กลับมา
หาหมอ” (double-sided, complex reflection)
การจัดการกับแรงต้ าน
Handling Resistance
C: “แม่เป็ นห่วงผมมากเกินไป ชอบคอยจ้ องจับผิด”
T: “แม่ของคุณเป็ นคนที่น่าราคาญและไร้ เหตุผล”
(amplified, complex, paradoxical)
C: “เพื่อนที่มหาลัยส่วนใหญ่สบู กัญชา”
T: “การสูบกัญชาเป็ นสิ่งสาคัญในชีวิตของคุณและเพื่อนๆ”
(amplified, complex, paradoxical)
C: “ผมไม่ร้ ูวา่ จะกินยาไปทาไม ไม่เห็นจะช่วยให้ ดีขึ ้นอย่างไร”
T: “คุณคิดว่าไม่วา่ อะไรก็ช่วยคุณไม่ได้ ” (minimizing,
complex, paradoxical)
การจัดการกับแรงต้ าน
Handling Resistance
C: “ปั จจุบนั ผมสูบแค่กญ
ั ชา ไม่เหมือนก่อนที่สบู ยาบ้ า”
T: “คุณคิดว่าคุณดีขึ ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะคุณเสพสิ่งที่
ไม่เป็ นอันตราย” (minimizing, complex, paradoxical)
C: “ช่วงแรกของการเลิกยา มันเผลอหลุดไปได้ งา่ ยจริ งๆ
ท่าจะเลิกยาก”
T: “จริ งครับ คล้ ายกับการฝึ กขับจักรยานในช่วงเริ่ มต้ น” (metaphor)
C: “แม้ ร้ ูวา่ เหล้ าเป็ นสิ่งที่ไม่ดีนะหมอ แต่ผมก็ยงั อยากจะดื่มมันอยู”่
T: “คล้ ายกับหนอนในกองอึ” (metaphor) แต่คนกับหนอนต่างกัน
(reframing)
การจัดการกับแรงต้ าน
Handling Resistance
C: ผมไม่อยากอยูโ่ รงพยาบาลแล้ ว เพื่อนๆ เอาแต่คยุ เรื่ อง
ยาเสพติด ไม่ร้ ูวา่ จะมาอยูท่ ี่นี่กนั ทาไม
T: “ต่างคนต่างจิตต่างใจ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้
สิ่งที่เราเปลี่ยนได้ คือตัวเรา หากเราคิดที่จะเปลี่ยนแปลง
จุดสาคัญ คือ เราจะเริ่ มต้ นอย่างไรดี” (shifting focus)
C: “ผมไม่อยากเลิกแล้ ว ไม่อยากกินยา ไม่อยากมากลุม่ แล้ ว
ผมเพียงอยากเสพเป็ นครัง้ คราวเพื่อคลายเครี ยด”
การจัดการกับแรงต้ าน
Handling Resistance
T: “ที่สดุ แล้ ว ไม่มีใครจะมาตัดสินใจแทน กระทาแทนคุณ
ทังหมดขึ
้
้นอยูก่ บั ตัวเราเองทังหมด
้
หมอได้ แต่สนับสนุน
ให้ คณ
ุ ประสบความสาเร็จในสิ่งที่คณ
ุ อยากเป็ นอยากมี”
(responsibility or personal choice)
C: “ผมดื่มเหล้ าเพื่อช่วยให้ นอนหลับ ถ้ าไม่ดื่มก็นอนไม่หลับ”
T: “เหล้ าก็มีสว่ นช่วยให้ นอนหลับ เพราะเป็ นยากล่อมประสาท
แต่ตอ่ มาสมองก็ดื ้อต่อเหล้ า ก็ทาให้ นอนไม่หลับในที่สดุ
ทาให้ ต้องเพิ่มปริ มาณขึ ้นไปเรื่ อยๆ” (reframing)
วัตถุประสงค์ ของการคุยกับญาติ (MI)
สร้ างสัมพันธ์กบ
ั ญาติ
ญาติเห็นความสาคัญในการเข้ าไปช่วยเหลือผู้ป่วย
ญาติให้ คามัน่ สัญญาในการช่วยเหลือผู้ป่วย
ส่งเสริ มให้ เกิดความร่ วมมือในครอบครัว
ญาติจงู ใจผู้ป่วย
การจากัดการมีสว่ นร่ วมของญาติ
ตัวอย่ างคาถามสาหรับการถามญาติ
“ญาติเป็ นห่วงในตัวผู้ป่วยอย่างไรบ้ างครับ?”
“ญาติคิดว่าตนเองจะมีสว่ นช่วยผู้ป่วยอย่างไรบ้ างครับ?”
“ญาติอยากให้ ผมช่วยผู้ป่วยอย่างไรบ้ างครับ?”
“ญาติต้องการข้ อมูลอะไรที่เป็ นประโยชน์ในการสนับสนุน
ผู้ป่วยเพิ่มเติมบ้ างครับ?”
“คุณอยากให้ ญาติมีสว่ นช่วยสนับสนุนอย่างไรบ้ าง?”
(ถามผู้ป่วย)
ตัวอย่ างคาถามเพื่อให้ ญาติจูงใจผู้ป่วย
“การเสพยาเสพติดของลูกชายคุณมีผลต่อคุณแม่อย่างไรบ้ าง?”
“ขณะนี ้อะไรที่ทาให้ คณ
ุ แม่เป็ นห่วงกังวลกับการเสพยาเสพติด
ของลูกชายบ้ าง?”
“คุณพ่อคิดว่าอะไรจะเกิดขึ ้นบ้ างหากลูกชายยังคงเสพ
ยาเสพติดต่อไป?”
“คุณแม่คาดหวังให้ ลกู ชายเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ ้นอย่างไรบ้ าง?”
ตัวอย่ างคาถามเพื่อให้ ญาติจูงใจผู้ป่วย
“อะไรที่คณ
ุ พ่อชอบมากที่สดุ ในช่วงที่ลกู ชายไม่เสพยาเสพติด?”
“มีอะไรบ้ างที่เป็ นสัญญาณว่าเขาต้ องการเลิกยาเสพติดจริ งๆ?”
“อะไรที่ทาให้ คณ
ุ พ่อมีความหวังว่าลูกชายจะดีขึ ้น?”
“ในช่วงที่ผ่านมา เขาได้ ทาอะไรที่แสดงถึงความพยายามใน
การเลิกยาเสพติดบ้ างครับ?”
ใบงานที่ 4
การฝึ ก MI skills
แบ่งกลุม่ ย่อยเป็ น 8-10 คน ต่อวิทยากร 1 ท่าน
คัดเลือกสมาชิก 3 คน ออกมาฝึ ก ที่เหลือสังเกตการณ์
สมาชิกฝึ กบทบาทสมมติตามสถานการณ์ที่ให้
สมาชิกคนที่ 1 เป็ นผู้บาบัด
สมาชิกคนที่ 2 เป็ นผู้ป่วย
สมาชิกคนที่ 3 เป็ นญาติ
ผู้บาบัดพยายาม MI skills ได้ แก่ OARS, eliciting change talk,
resistance handling กับผู้ป่วย และญาติ สถานการณ์ละ 15-20
นาที หากติดขัดสามารถเปลี่ยนบทบาทการฝึ กระหว่างกันได้
ใบงานที่ 4
การฝึ ก MI skills
ให้ สมาชิกวิพากษ์ วิจารณ์และให้ ข้อมูลสะท้ อนกลับ
ซึง่ กันและกัน
สมาชิกผลัดกันฝึ กโดยเปลี่ยนบทบาทสลับกันไปโดย
เปลี่ยนสถานการณ์ที่จดั เตรี ยมไว้ ให้