chapter3 - UTCC e

Download Report

Transcript chapter3 - UTCC e

บทที่ 3
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์และอุปทาน
3.1 ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์
o ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคา
o ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ รายได้
o ความยืดหยุน
่ ไขว้ของอุปสงค์
3.2 ความยืดหยุน
่ ของอุปทาน
o การคานวณความยืดหยุน
่ ของอุปทาน
o ชนิดของความยืดหยุน
่ ของอุปทาน
ิ ค้าแต่ละชนิดก ับ
o ความยืดหยุน
่ ของอุปทานของสน
ั
ค่าความชนของอุ
ปทาน
้ ฤษฎีอป
3.3 การประยุกต์ใชท
ุ สงค์และอุปทาน
1
แนวคิดเรือ
่ งความยืดหยุน
่
 ความยืดหยุน
่ เป็นค่าทีใ่ ชว้ ัดว่า เมือ
่ มีการเปลีย
่ นแปลงของต ัวแปรทีเ่ ป็นเหตุ
แล้ว จะทาให้ต ัวแปรทีก
่ าล ังพิจารณาอยูน
่ น
ั้ (ผล) เปลีย
่ นแปลงไปมากน้อย
เพียงใด ถ้าเปลีย
่ นแปลงไปมากเรียกว่ามีความยืดหยุน
่ มาก ถ้าเปลีย
่ นแปลง
ไปน้อยเรียกว่ามีความยืดหยุน
่ น้อย และถ้าไม่มก
ี ารเปลีย
่ นแปลงไปเลยก็
เท่าก ับว่าไม่มค
ี า่ ความยืดหยุน
่ เลย ในการหาค่าความยืดหยุน
่ จะทาการว ัด
อ ัตราการเปลีย
่ นแปลงของต ัวแปรทีก
่ าล ังพิจารณาอยู่ ไม่ได้ว ัดเป็นหน่วย
ั ด้วยเหตุนค
เหมือนค่าความชน
ี้ า่ ความยืดหยุน
่ จึงไม่มห
ี น่วย
ความยืดหยุน
่ = % การเปลีย
่ นแปลงของปรากฏการณ์ผล
% การเปลีย
่ นแปลงของปรากฏการณ์เหตุ
้ นวคิดค่าความยืดหยุน
ึ ษาเรือ
 การศก
่ งอุปสงค์และอุปทาน ใชแ
่ เพือ
่ แสดง
ั ันธ์ระหว่าง ปริมาณเสนอซอ
ื้ หรือปริมาณเสนอขาย ก ับ ปัจจ ัย
ความสมพ
ทีม
่ ส
ี ว่ นกาหนดปริมาณด ังกล่าว ซงึ่ สามารถแยกพิจารณาเป็น ความ
ยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ และความยืดหยุน
่ ของอุปทาน
2
3.1 ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ (Elasticity of Demand)
ั ันธ์
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ เป็นการว ัดขนาดของความสมพ
ื้ สน
ิ ค้าและบริการก ับปัจจ ัยทีม
ระหว่างปริมาณการเสนอซอ
่ อ
ี ท
ิ ธิพล
ื้ ในรูปของเปอร์เซ็นต์การเปลีย
กาหนดปริมาณการเสนอซอ
่ นแปลง
่ นกาหนด Qd เปลีย
้ ะบอกว่าเมือ
โดยค่านีจ
่ ปัจจ ัยทีม
่ ส
ี ว
่ นแปลงไป
1% จะมีผลทาให้ Qd เปลีย
่ นแปลงไปกีเ่ ปอร์เซ็นต์
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ =
%  Qd
%  ปัจจ ัยทีก
่ าหนด Qd
ถ้าค่าทีไ่ ด้มค
ี า่ มากกว่า 1 เรียกว่าค่าความยืดหยุน
่ มาก (Elastic)
ถ้าค่าทีไ่ ด้มค
ี า่ น้อยกว่า 1 เรียกว่าค่าความยืดหยุน
่ น้อย (Inelastic)
3
ประเภทความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ แบ่งตามปั จจัยสาคัญทีม
่ ี
อิทธิพลต่อปริมาณอุปสงค์ คือ ราคา รายได ้ และ ราคา
ิ ค ้าชนิดอืน
สน
่ คือ
o
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคา
(Price Elasticity of Demand)
o
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ รายได ้
(Income Elasticity of Demand)
o
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ไขว ้
(Cross Elasticity of Demand)
4
3.1.1 ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคา
(Price Elasticity of Demand) : Ed
ื้ สน
ิ ค ้า
หมายถึง อัตราการเปลีย
่ นแปลงของปริมาณการเสนอซอ
ิ ค ้านัน
ชนิดใดชนิดหนึง่ ต่ออัตราการเปลีย
่ นแปลงของราคาสน
้
ั บูรณ์
ค่าทีไ่ ด ้จะอยูใ่ นรูปค่าสม
ความยืดหยุน
่ : Ed
Ed =
Ed =
ื้
% ของการเปลีย
่ นแปลงของปริมาณการซอ
% ของการเปลีย
่ นแปลงของราคา
%Q
%P
5
วิธก
ี ารคานวณ Ed
1. การคานวณแบบชว่ ง (Arc Elasticity of Demand)
หมายถึง การหาค่าความยืดหยุน
่ ชว่ งใดชว่ งหนึง่ บนเสน้
อุปสงค์ โดยค่าทีค
่ านวณได ้เป็ นค่าถัวเฉลีย
่ ของค่า
ความยืดหยุน
่ ทุกๆ จุด ในชว่ งดังกล่าว
6
o P1P2 คือ สว่ นเปลีย
่ นแปลงของราคา
o Q1Q2 คือ สว่ นเปลีย
่ นแปลงของปริมาณ
ื้
เสนอซอ
P
P1
o การหาความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่
่ ง AB อาจว ัดการ
ราคาของชว
เปลีย
่ นแปลงจาก A มา B หรือจาก B มา
A จะได้คา่ ความยืดหยุน
่ ต่างก ัน
A
o การว ัดจาก A มา B จะใช ้ P1 และ Q1
เป็นต ัวหาร (เป็นฐาน) แต่การว ัดจาก B
มา A จะใช ้ P2 และ Q2 เป็นต ัวหาร (เป็น
ฐาน)
B
P2
D
0
Q1 Q2
Q
o เพือ
่ หลีกเลีย
่ งปัญหา ในการคานวณจึง
้ า่ เฉลีย
ใชค
่ ของราคาและปริมาณทงสอง
ั้
7
Ed (arc)
=
Ed (arc)
=
Ed (arc)
=
Q2 – Q1
Q2 + Q1
2
P2 – P1
P2 + P1
2
P2 + P1
Q2 + Q1
P 2 + P1
Q2 + Q1
x 100%
x 100%
x Q2 – Q1
P2 – P1
x
Q
P
8
่ P1 = 15
เชน
Ed (arc)
=
Ed (arc)
=
P 2 + P1
Q2 + Q1
x Q2 – Q1
P2 – P1
10+15 x 90-50 = 25 x 40
90+50 10-15
140 – 5
= -10 = -1.43
7
P
15
Q1 = 50 และ P2 = 10 Q2 = 90
Ed = -1.43 หมายความว่า
ิ ค ้าเปลีย
ถ ้าราคาสน
่ นแปลงไป
1% ปริมาณอุปสงค์จะ
เปลีย
่ นแปลงไป 1.43 %
ในทิศทางตรงกันข ้าม
A
B
10
D
0
50
90
Q
9
2. การคานวณแบบจุด (Point Elasticity of Demand)
้ ป
เป็ นการคานวณหาค่าความยืดหยุน
่ ณ จุดใดจุดหนึง่ บนเสนอุ
้
ิ ค ้ามีการเปลีย
สงค์ ใชในกรณี
ทรี่ าคาสน
่ นแปลงน ้อยมากจนไม่
สามารถสงั เกตเห็นได ้ แต่การเปลีย
่ นแปลงราคานีย
้ งั มีผลทาให ้
ื้ เปลีย
ปริมาณการเสนอซอ
่ นไป
Ed = Q  P
Q
P
= P x Q
Q
P
= P x dQ
Q
dP
Ed = P x
Q
1
slope
1
slope
10
ตัวอย่าง
P
30
Ed
A
1
= Px
slope
Q
Slope = -(10/15)
B
20
D
0
15
30
Q
Ed ทีจ
่ ด
ุ A = (30/15) x -(15/10) = -3
Ed ทีจ
่ ด
ุ B = (20/30) x -(15/10) = -1
11
่ สมการอุปสงค์ Q=35-3P
การหาค่า Ed จากสมการอุปสงค์ เชน
หา Edp ที่ P = 5
P = 5  Q = 35–3(5) = 20
แทนค่าในสูตร Ed = P x Q หรือ = P x dQ
Q
P
Q
dP
จาก
Q = 35-3P
dQ = -3
dP
Edp = 5 x -3 = -3 = - 0.75
20
4
ิ ค ้าเปลีย
หมายความว่า เมือ
่ ราคาสน
่ นแปลงไป 1% ปริมาณการเสนอ
ื้ จะเปลีย
ซอ
่ นแปลงไป 0.75% ในทิศทางตรงกันข ้าม
% Q < % P สมการอุปสงค์นี้ ณ ระดับราคา P = 5 จึงเป็ น
Inelastic (ค่า Ed < 1)
12
การหา Point Elasticity of Demand ด ้วยวิธเี รขาคณิต
้ ปสงค์เป็ นเสนตรง
้
เมือ
่ เสนอุ
Ed = P x 1
Q
P
หาค่า Ed ทีจ
่ ด
ุ C
Ed
A
E
0
slope
แทน slope ด ้วย AE/EC
C
Ed
D
= OE x 1
OD
slope
B
แทน slope ด ้วย CD/DB
Q
และด ้วยการพิสจ
ู น์ด ้วยเรขาคณิต
เรือ
่ งสามเหลีย
่ มคล ้ายทีม
่ ด
ี ้านต่อ
ด ้านสมนัยกัน
= OE x EC = OE
OD
AE
AE
Ed
= OE x DB = DB
OD
CD OD
Ed
= CB
AC
13
้ ปสงค์เป็ นเสนโค
้
เมือ
่ เสนอุ
้ง
้ ปสงค์ทาได ้โดย
หาค่า Ed ณ จุดใดบนเสนอุ
้
ั ผัสเสนอุ
้ ปสงค์ ณ จุดดังกล่าว
ลากเสนตรงส
ม
ั เป็ นเสนตรง
้
และหาค่า Ed ทีม
่ ค
ี วามชน
ณ จุดนัน
้
P
B
Ed
A
E
D
0
D
C
Q
= OE = DC = AC
EB
OD AB
ข ้อสงั เกต : ทีจ
่ ด
ุ A ค่า Ed < 1
14
ความยืดหยุน
่ อุปสงค์ตอ
่ ราคา
้ ปสงค์เป็ นเสนตรง
้
ในกรณีทเี่ สนอุ
P
25 Ed = 
20
A
1
12.5
510
Ed > 1
B
Ed = 1
C
5
Ed < 1
D
Ed = 0
0
10
20
25
30
40
50
Q
15
ชนิดของความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคาและรายรับรวม
ชนิดของอุปสงค์ตา่ งๆ จาแนกตามความยืดหยุน
่
1. อุปสงค์ทไี่ ม่มค
ี วามยืดหยุน
่ ( Ed = 0 )
2. อุปสงค์ทม
ี่ ค
ี วามยืดหยุน
่ น ้อย ( 0< Ed < 1 )
3. อุปสงค์ทม
ี่ ค
ี วามยืดหยุน
่ เท่ากับ 1 ( Ed = 1 )
4. อุปสงค์ทม
ี่ ค
ี วามยืดหยุน
่ มาก ( 1 < Ed <  )
5. อุปสงค์ทม
ี่ ค
ี วามยืดหยุน
่ สมบูรณ์ ( Ed =  )
16
ความยืดหยุน
่ อุปสงค์และรายรับรวม
o เมือ
่ ราคาเปลีย
่ นแปลงไป สง่ ผลให ้รายจ่ายของ
ผู ้บริโภคเปลีย
่ นแปลงไปมากน ้อยเท่าใดขึน
้ อยูก
่ บ
ั ความ
ิ ค ้าแต่ละชนิด
ยืดหยุน
่ อุปสงค์ตอ
่ ราคาของสน
o ผู ้ผลิตหรือผู ้ขายสามารถนาประโยชน์จากความยืดหยุน
่
้
ิ ใจพิจารณาหา
อุปสงค์ตอ
่ ราคา มาใชในการตั
ดสน
รายรับจากการขายได ้
รายรับของผู ้ผลิต
TR
ื้
= ราคา X ปริมาณการซอ
=
PxQ
17
อุปสงค์ทม
ี่ ค
ี วามยืดหยุน
่ เท่ากับศูนย์ตลอดทัง้ เสน้
P
D
ั พันธ์ของ P และรายรับรวม
ความสม
(Total Revenue = P x Q)
P1
P2
0
A
มีทศ
ิ ทางเดียวกัน
P   TR 
B
Q1
P   TR 
Q
18
อุปสงค์ทม
ี่ ค
ี วามยืดหยุน
่ น ้อยกว่า 1
ั พันธ์ของ P และรายรับรวม
ความสม
(Total Revenue = P x Q)
P
มีทศ
ิ ทางเดียวกัน
P
P   TR 
A
P   TR 
1
P
B
2
D’
D
0
Q1 Q 2
Q
Q 2’
19
อุปสงค์ทม
ี่ ค
ี วามยืดหยุน
่ เท่ากับ 1 ตลอดทัง้ เสน้
้
อุปสงค์เป็ นเสนโค
้งแบบ Rectangular hyperbolar
มีพน
ื้ ทีใ่ ต ้กราฟเท่ากันตลอด
P
ั พันธ์ของ P และรายรับรวม
ความสม
A
P
(Total Revenue = P x Q)
P   TR คงเดิม
1
B
P
2
P   TR คงเดิม
D
0
Q
Q1
Q2
20
อุปสงค์ทม
ี่ ค
ี วามยืดหยุน
่ มากกว่า 1
ั พันธ์ของ P และรายรับรวม
ความสม
(Total Revenue = P x Q)
P
มีทศ
ิ ทางตรงกันข ้ามกัน
P
P   TR 
A
P   TR 
1
B
P
2
D
D’
0
Q 1 Q 2’
Q2
Q
21
อุปสงค์ทม
ี่ ค
ี วามยืดหยุน
่ เท่ากับ  ตลอดทัง้ เสน้
P
ั พันธ์ของ P และรายรับรวม
ความสม
(Total Revenue = P x Q)
P   TR = 0
P
1
0
D
Q
22
ั พันธ์ระหว่างค่าความยืดหยุน
ความสม
่ ราคา และรายรับรวม
ค่าความยืดหยุน
่
ราคาเพิม
่
ราคาลด
Ed > 1
รายรับรวมลดลง
รายรับรวมเพิม
่ ขึน
้
Ed < 1
รายรับรวมเพิม
่ ขึน
้
รายรับรวมลดลง
Ed = 1
รายรับรวมคงที่
รายรับรวมคงที่
23
ปั จจัยกาหนดค่าความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคา
ิ ค ้าทดแทนได ้มากหรือน ้อย
1. การมีสน
ิ ค ้าอืน
หากมีสน
่ ทดแทนได ้มาก Ed > 1
ิ ค ้าอืน
หากมีสน
่ ทดแทนได ้น ้อย Ed < 1
ิ ค ้านัน
ิ ค ้าประเภทใด
2. สน
้ เป็ นสน
ิ ค ้าจาเป็ นต่อการบริโภค Ed < 1
หากเป็ นสน
ิ ค ้าฟุ่ มเฟื อย Ed > 1
หากเป็ นสน
3. ระยะเวลา (ทีท
่ าให ้เกิดการปรับตัว)
ั ้ Ed < 1
ในระยะสน
ในระยะยาว Ed > 1
ิ ค ้า
4. ความทนทานของสน
ิ ค ้าทีม
้
สน
่ อ
ี ายุการใชงานทนทาน
Ed < 1
ิ ค ้าทีม
้
ั ้ Ed > 1
สน
่ อ
ี ายุการใชงานน
้อยหรือสน
ั สว่ นของรายได ้ทีใ่ ชซ
้ อ
ื้ สน
ิ ค ้านัน
5. สด
้ ต่อรายได ้ทัง้ หมด
ื้ สน
ิ ค ้านัน
ั สว่ นมาก Ed > 1
หากค่าใชจ่้ ายซอ
้ ต่อรายได ้ทัง้ หมดมีสด
ื้ สน
ิ ค ้านัน
ั สว่ นน ้อย Ed < 241
หากค่าใชจ่้ ายซอ
้ ต่อรายได ้ทัง้ หมดมีสด
ั ของอุปสงค์
ค่าความยืดหยุน
่ กับค่าความชน
้ ปสงค์จะมี Ed มาก
ค่า slope น ้อย => เสนอุ
้ ปสงค์จะมี Ed น ้อย
ค่า slope มาก => เสนอุ
Ed
P
A
C
P
0
X
Q
= P x 1
Q
slope
เสน้ AB => Ed ณ จุด X = OP < 1
PA
เสน้ CD => Ed ณ จุด X = OP > 1
PC
แต่ slope เสน้ AB มีคา่ มากกว่า slope เสน้ CD
B
D
Q
25
้ ปสงค์เลือ
หากเสนอุ
่ นขึน
้ ไปทางขวามือ ค่าความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์
้
ต่อราคาเสนใหม่
จะมีคา่ ลดลง
P
Ed ที่ E1 บนเสน้ AB มีคา่ = OP/PA
C
Ed ที่ E2 บนเสน้ CD มีคา่ = OP/PC
จุด E1 มีคา่ ความยืดหยุน
่ มากกว่าจุด E2
A
P
0
้ ปสงค์ทอ
เสนอุ
ี่ ยูท
่ างขวา มีคา่ ความ
E1
้ อ
้
ยืดหยุน
่ น ้อยกว่าเสนที
่ ยูท
่ างซาย
E2
B
D
Q
26
3.1.2 ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ รายได ้: Edy
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ รายได ้ (Edy) หมายถึง อัตราการ
ื้ ต่ออัตราการเปลีย
เปลีย
่ นแปลงของปริมาณการเสนอซอ
่ นแปลงของ
รายได ้ ในชว่ งเวลาทีก
่ าหนด
Edy = %Qd
% Y
วิธก
ี ารคานวณค่าความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ รายได ้: Edy
o คานวณความยืดหยุน
่ แบบชว่ ง (Arc Elasticity)
Edy (arc) =
Edy (arc) =
Y2 + Y1
Q2 + Q1
Y2 + Y1
Q2 + Q1
x
Q2–Q1
Y2–Y1
x
Q
Y
27
ื้ 40 หน่วย
ตัวอย่าง นายดามีรายได ้ 10,000 บาท มีปริมาณการเสนอซอ
ื้ 50 หน่วย
ถ ้าเขามีรายได ้เพิม
่ เป็ น 15,000 บาท จะมีปริมาณการเสนอซอ
จงหาค่า Edy แบบชว่ ง
Y2 + Y1 x Q
Edy (arc) =
Y
Q2 + Q1
Y1 = 10,000
Q1 = 40
Y2 = 15,000
Q2 = 50
Edy (arc) =
=
5040
15,00010,000
10
5,000


15,00010,000
5040
25,000
90 = 0.56
ื้ จะ
หมายความว่า เมือ
่ รายได ้เปลีย
่ นแปลงไป 1% ปริมาณเสนอซอ
เปลีย
่ นแปลงไป 0.56% ในทิศทางเดียวกัน ค่า Edy ณ ชว่ งรายได ้นีเ้ ป็ น
ิ ค ้าดังกล่าวเป็ นสน
ิ ค ้าปกติ ซงึ่ อาจจะเป็ นสน
ิ ค ้าจาเป็ น
Inelastic และสน
28
ี
ต่อการครองชพ
o คานวณความยืดหยุน
่ แบบจุด (Point Elasticity)
Edy = Q  Y
Q
Y
= Y x Q
Q
Y
1
slope
= Y x dQ
Q
dY
Edp = Y x
Q
1
slope
29
Edy อาจมีเครือ
่ งหมายบวกหรือลบก็ได ้ ขึน
้ อยูก
่ บ
ั ลักษณะ
ิ ค ้าว่าเป็ นสน
ิ ค ้าประเภทใด
ของสน
ิ ค ้าปกติ (Normal Goods) ความสม
ั พันธ์ของ Qd กับ Y
สน
มีทศ
ิ ทางเดียวกัน Edy > 0 (+)
ิ ค ้าจาเป็ น
สน
0 < Edy < 1
ิ ค ้าฟุ่ มเฟื อย 1 < Edy < 
สน
ิ ค ้าด ้อยคุณภาพ (Inferior Goods) ความสม
ั พันธ์ของ
สน
Qd กับ Y มีทศ
ิ ทางตรงข ้าม Edy < 0 (–)
30
ตัวอย่าง การคานวณหา Edy แบบจุด
Y
Dy
B
1,500
1,000
500
A
2
1
slope
2/500
2
0
Edp = Y x
Q
4
Q
Edy (A) = 1000 x 2 = 2
2
500
Edy (B) = 1500 x 2 = 1.5
4
500
หมายความว่า เมือ
่ รายได ้เปลีย
่ นแปลงไป 1% ที่ Y = 1,000 บาทปริมาณ
ื้ จะเปลีย
ื้ จะ
เสนอซอ
่ นแปลงไป 2% และที่ Y = 1,500 บาท ปริมาณเสนอซอ
ิ ค ้า
เปลีย
่ นแปลงไป 1.5% ในทิศทางเดียวกัน ค่า Edy เป็ น elastic และสน
ิ ค ้าปกติ (ค่อนข ้างฟุ่ มเฟื อย)
ดังกล่าวเป็ นสน
31
ิ ค ้าอืน
3.1.3 ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคาสน
่ ๆ หรือความยืดหยุน
่ ไขว ้
(Cross Elasticity of Demand)
ื้ สน
ิ ค ้าชนิดหนึง่
หมายถึงอัตราการเปลีย
่ นแปลงของปริมาณการเสนอซอ
ิ ค ้าอืน
ต่ออัตราการเปลีย
่ นแปลงของราคาสน
่ ทีเ่ กีย
่ วข ้อง
Edc =
Edc
=
ื้ สน
ิ ค ้า A
% ของการเปลีย
่ นแปลงของปริมาณการซอ
ิ ค ้า B
% ของการเปลีย
่ นแปลงของราคาสน
%QA
%PB
วิธก
ี ารคานวณ Edc
o การคานวณแบบชว่ ง (Arc Elasticity)
Edc (arc) =
Edc (arc) =
PB2 + PB1 x QA2 – QA1
P B2 – P B1
QA2 + QA1
PB2 + PB1
QA2+ QA1
x
QA
PB
32
o การคานวณแบบจุด (Point Elasticity)
Edc = QA  PB
QA
PB
= PB x QA
QA
PB
= PB x dQA
QA
dPB
1
slope
1
Edc = PB x
slope
QA
33
ิ ค ้าทีพ
ค่า Edc จะมีเครือ
่ งหมายบวกหรือลบ ขึน
้ กับสน
่ จ
ิ ารณา มี
ั พันธ์อย่างไร
ความสม
ิ ค ้าทดแทนกัน (Substitution Goods)
สน
o ค่า Edc จะเป็ นบวก (Edc>0)
ั พันธ์ของราคาสน
ิ ค ้าชนิดหนึง่ กับปริมาณของสน
ิ ค ้าอีก
o ความสม
ชนิดหนึง่ จะมีทศ
ิ ทางเดียวกัน คือ PB  QA , PB   QA 
ิ ค ้าประกอบกัน (Complementary Goods)
สน
o ค่า Edc จะเป็ นลบ (Edc<0)
ั พันธ์ของราคาสน
ิ ค ้าชนิดหนึง่ กับปริมาณของสน
ิ ค ้าอีก
o ความสม
ชนิดหนึง่ จะมีทศ
ิ ทางตรงกันข ้ามกัน คือ PBQA , PBQA
ิ ค ้าไม่มค
สน
ี วามเกีย
่ วข ้องกัน
o ค่า Edc จะเป็ นศูนย์ (Edc=0)
34
่ PB1 = 20
เชน
QA1 = 80 และ PB2 = 30 QA2 = 60
Edc (arc) =
PB
30
PB2 + PB1 x QA2 – QA1
P B 2 – P B1
QA2 + QA1
Edc (arc) = 30+20 x 60-80 = 50 x – 20
80+60 30-20
140
10
= -5 = - 0.7
7
Edp = -0.7 หมายความว่า ถ ้า
ิ ค ้า B เปลีย
ราคาสน
่ นแปลงไป
M
ิ ค ้า A
1% ปริมาณอุปสงค์สน
จะเปลีย
่ นแปลงไป 0.7% ใน
N
20
ทิศทางตรงกันข ้าม แสดงว่า A
ิ ค ้าทีใ่ ชประกอบกั
้
กับ B เป็ นสน
น
D
0
60
80
QA
35
ตัวอย่าง
PB
30
1
Edc = PB x
QA slope
Slope = -(10/20)
M
= -1/2
N
20
D
0
60
80
QA
Edc ทีจ
่ ด
ุ M = (30/60) x -(2) = -1
Edc ทีจ
่ ด
ุ N = (20/80) x -(2) = -1/2
36
3.2 ความยืดหยุน
่ ของอุปทานต่อราคา : Es
ิ ค ้าและ
หมายถึง อัตราการเปลีย
่ นแปลงของปริมาณการเสนอขายสน
ิ ค ้านัน
บริการต่ออัตราการเปลีย
่ นแปลงของราคาสน
้
เป็ นการวัดอัตราการตอบสนองของปริมาณความต ้องการขาย ทีม
่ ต
ี อ
่
การเปลีย
่ นแปลงของราคาโดยเปรียบเทียบในรูปของร ้อยละ ค่าที่
ได ้จะอยูใ่ นรูปค่าสมบูรณ์
Es =
% ของการเปลีย
่ นแปลงของปริมาณเสนอขาย
% ของการเปลีย
่ นแปลงของราคา
Es =
%Q
%P
Q ในทีน
่ ค
ี้ อ
ื ปริมาณเสนอขายหรือปริมาณอุปทาน
37
3.2.1 การคานวณความยืดหยุน
่ ของอุปทาน
1. การคานวณแบบชว่ ง (Arc Elasticity of Supply)
P 2 + P1
x Q2 – Q1
P2 – P 1
Q2 + Q1
P2 + P1 x Q
Es (arc) =
P
Q2 + Q1
2. การคานวณแบบจุด (Point Elasticity of Supply)
Es (arc) =
Es = Q  P
Q
P
= P x Q
Q
P
= P x dQ
Q
dP
Es = P x
Q
1
slope
1
slope
ค่าของ Es จะมีเครือ
่ งหมายเป็ นบวก ตามกฎของอุปทาน
38
่ P1 = 3 Q1 = 10,000 และ P2 = 5 Q2 = 15,000
เชน
Es (arc)
=
Es (arc)
=
=
P
P 2 + P1
Q2 + Q1
x Q2 – Q1
P2 – P1
3+5
15,000+10,000
8
25,000
x 15,000-10,000
5-3
x
5,000
2
= 0.8
S
3
0
Es = 0.8 หมายความว่า ถ ้าราคา
ิ ค ้าเปลีย
สน
่ นแปลงไป 1% ปริมาณ
B
5
A
อุปทานจะเปลีย
่ นแปลงไป 0.8%
ในทิศทางเดียวกัน
10,000
15,000
Q
39
การหา Point Elasticity of Supply ด ้วยวิธเี รขาคณิต
้ ปทานออกจากแกนนอน
1. เสนอุ
P
S
F
A
B
1
slope
Es ทีจ
่ ด
ุ X
X
D
0
Es = P x
Q
Q
ั ด ้วย XB
แทนความชน
AB
Es = OD x AB =
OB
XB
ั ด ้วย DF
แทนความชน
DX
Es = OD x DX =
OB
DF
AB
OB
OD
DF
Es < 1
้ ปทานซงึ่ ออกจากแกนนอน (ความชน
ั เป็ นบวก) ES เป็ น Inelastic
เสนอุ
40
้ ปทาน
(Es<1) ตลอดทัง้ เสน้ ไม่วา่ จะหาค่าทีจ
่ ด
ุ ใดบนเสนอุ
้ ปทานออกจากแกนตัง้
2. เสนอุ
Ed = P x
Q
P
S
D
Es ทีจ
่ ด
ุ C
C
B
A
0
E
1
slope
Q
ั ด ้วย CE
แทนความชน
AE
Es = OD x AE =
OE
CE
ั ด ้วย BD
แทนความชน
DC
Es = OD x DC =
OE
BD
AE
OE
OD
BD
Es > 1
้ ปทานซงึ่ ออกจากแกนตัง้ (ความชน
ั เป็ นบวก) ES เป็ น elastic
เสนอุ
้ ปทาน
(Es>1) ตลอดทัง้ เสน้ ไม่วา่ จะหาค่าทีจ
่ ด
ุ ใดบนเสนอุ
41
้ ปทานออกจากจุดกาเนิด
3. เสนอุ
Es = P x
Q
P
S
D
1
slope
Es ทีจ
่ ด
ุ C
C
ั ด ้วย CE
แทนความชน
OE
Es = OD x OE = 1
OE
CE
0
E
Q
้ ปทานซงึ่ ออกจากจุดกาเนิด (ความชน
ั เป็ นบวก) Es เป็ น
เสนอุ
Unitary (Es=1) ตลอดทัง้ เสน้ ไม่วา่ จะหาค่าทีจ
่ ด
ุ ใดบนเสน้
อุปทาน
42
3.2.2 ชนิดของอุปทานต่างๆ จาแนกตามความยืดหยุน
่
1. อุปทานทีไ่ ม่มค
ี วามยืดหยุน
่ ( Es = 0 )
2. อุปทานทีม
่ ค
ี วามยืดหยุน
่ น ้อย ( 0< Es < 1 )
3. อุปทานทีม
่ ค
ี วามยืดหยุน
่ เท่ากับ 1 ( Es = 1 )
4. อุปทานทีม
่ ค
ี วามยืดหยุน
่ มาก ( 1 < Es< ∞ )
5. อุปทานทีม
่ ค
ี วามยืดหยุน
่ สมบูรณ์ ( Es = ∞ )
43
อุปทานไม่มค
ี วามยืดหยุน
่ หรือ
มีความยืดหยุน
่ เท่ากับศูนย์ตลอดเสน้
(perfectly inelastic supply)
ราคา
S
Es = 0
ปริมาณเสนอขาย (supply) จะคงเดิม
P2
ไม่วา
่ ราคาจะเปลีย
่ นแปลงไปอย่างไร
P1
้ S เป็นเสน
้ ตงฉากก
เสน
ั้
ับแกนนอน
0
Q1
ปริมาณผลผลิต
44
อุปทานมีความยืดหยุน
่ น ้อยกว่า 1 ตลอดเสน้
(relatively inelastic supply)
ราคา
0< Es < 1
S
ปริมาณเสนอขาย (supply)
เปลีย
่ นแปลงไปใน % ทีน
่ อ
้ ยกว่า
P2
% ของราคาทีเ่ ปลีย
่ นแปลงไป
P1
0
้ S เป็นเสน
้ ค่อนข้างชน
ั
เสน
โดยมีจด
ุ ต ัดทีแ
่ กนนอน ณ ราคา 0
Q1 Q2
ปริมาณผลผลิต
45
อุปทานมีความยืดหยุน
่ เท่ากับ 1 ตลอดเสน้
(unitary elastic supply)
Es = 1
ราคา
S
ปริมาณเสนอขาย (supply)
เปลีย
่ นแปลงไปใน % ทีเ่ ท่าก ันก ับ
P2
% ของราคาทีเ่ ปลีย
่ นแปลงไป
P1
0
้ S เป็นเสน
้ ตรงออกจากจุดกาเนิด
เสน
Q1
Q2
ปริมาณผลผลิต
46
อุปทานมีความยืดหยุน
่ มากกว่า 1 ตลอดเสน้
(relatively elastic supply)
1 < Es < 
ราคา
S
ปริมาณเสนอขาย (supply)
เปลีย
่ นแปลงไปใน % ทีม
่ ากกว่า
P2
% ของราคาทีเ่ ปลีย
่ นแปลงไป
P1
้ S เป็นเสน
้ ค่อนข้างลาด
เสน
โดยมีจด
ุ ต ัดทีแ
่ กนตงั้ ณ ราคา 0
0
Q1
Q2
ปริมาณผลผลิต
47
อุปทานมีความยืดหยุน
่ เท่ากับอนั นต์ตลอดเสน้
(perfectly elastic supply)
Es = 
ราคา
ปริมาณเสนอขาย (supply) มีไม่จาก ัด ณ ระด ับ
ราคาหนึง่ แต่ถา้ ราคาเปลีย
่ นแปลงไปเพียง
ิ ค้านนเลย
เล็กน้อย จะไม่มก
ี ารเสนอขายสน
ั้
P1
0
S
้ S เป็นเสน
้ ขนานก ับแกนนอน
เสน
ปริมาณผลผลิต
48
้ ปทานทีม
้
นอกจากนีเ้ สนอุ
่ ล
ี ก
ั ษณะเป็ นเสนโค
้งแบบ Rectangular
Hyperbola จะมีคา่ ES ตัง้ แต่ 0 
P
S
Es=0
Es<1
Es=1
Es>1
Es=
0
Q
49
ั ของอุปทาน
3.2.3 ความยืดหยุน
่ กับค่าความชน
ั ของเสนอุ
้ ปทาน มีความสม
ั พันธ์ในทิศ
ความยืดหยุน
่ กับความชน
ทางตรงข ้าม
ทีจ
่ ด
ุ E
P
S2
S1
B
A
Q
1
slope
Es1 = OP x BQ
OQ
EQ
Es2 = OP x AQ
OQ
EQ
E
P
0
Es = P x
Q
Q
BQ>AQ
Es1 > Es2
้ ปทานทีม
เสนอุ
่ ค
ี า่ slope มาก (เสน้ S1)  ES น ้อย
้ ปทานทีม
เสนอุ
่ ค
ี า่ slope น ้อย (เสน้ S2)  ES มาก
50
3.2.4 ปั จจัยทีก
่ าหนดค่าความยืดหยุน
่ ของอุปทาน
ความยากง่ายในการเปลีย
่ นแปลงปริมาณการผลิตหรือการเสนอขาย
เป็ นเรือ
่ งสาคัญ ทีท
่ าให ้อุปทานมีความยืดหยุน
่ มากหรอน ้อย คือ
ตอบสนองต่อการเปลีย
่ นแปลงของราคาได ้ดีเพียงใด ซงึ่ ขึน
้ กับ
่
หลายปั จจัย เชน
ิ ค ้า เชน
่ สน
ิ ค ้าเกษตร สน
ิ ค ้าอุตสาหกรรม
o ชนิดของสน
ั ้ ระยะยาว
o ระยะเวลา ได ้แก่ ระยะเฉพาะหน ้า ระยะสน
่
o อืน
่ ๆ เชน
o ปั จจัยการผลิตหาได ้ยากหรือง่าย
o จานวนของปั จจัยการผลิตมีมากหรือน ้อย
o ความยุง่ ยากของกระบวนการผลิต
o การเข ้า-ออกจากอุตสาหกรรมการผลิตยากหรือง่าย
51
้
3.3 การประยุกต์ใชทฤษฎี
อป
ุ สงค์และอุปทานและค่าความยืดหยุน
่
ิ ค ้าของหน่วยธุรกิจ
o การกาหนดราคาสน
ิ ใจในการบริหารงานของหน่วยธุรกิจ
o การตัดสน
ิ ค ้าเกษตร
o นโยบายราคาสน
o นโยบายภาษี
o การให ้เงินอุดหนุนแก่ผู ้ผลิต
52
ิ ค ้าของหน่วยธุรกิจ
การกาหนดราคาสน
ค่าความยืดหยุน
่
แนวทางการตัง้ ราคา
เพือ
่ ให ้ได ้รายรับรวมเพิม
่ ขึน
้
Ed > 1
ลดราคา เพือ
่ ให ้รายรับรวมเพิม
่ ขึน
้
Ed < 1
เพิม
่ ราคา เพือ
่ ให ้รายรับรวมเพิม
่ ขึน
้
ิ ใจในการบริหารงานของหน่วยธุรกิจ
การตัดสน
่ การใชเครื
้ อ
เชน
่ งจักรแทนแรงงาน ต ้องพิจารณาถึง อุปทานของ
เครือ
่ งจักรชนิดนัน
้ เป็ นอย่างไร อุปทานแรงงาน/อุปสงค์แรงงานใน
ตลาดเป็ นอย่างไร
53
ิ ค ้าเกษตร
นโยบายราคาสน
ิ ค ้าและอุปทานสน
ิ ค ้าเกษตร มีความยืดหยุน
โดยปกติ อุปสงค์สน
่ ต่อราคาตา่
้
้
่
รัฐบาลจึงเชามาช
ว่ ยเหลือเกษตรกร โดยใชนโยบายต่
างๆ เชน
o การจากัดปริมาณผลผลิตให ้เหมาะสม
o การกาหนดราคาขัน
้ ตา่
ิ ค ้าเกษตรมีคา่ Ed และ Es แตกต่างกัน การ
หากอุปสงค์และอุปทานของสน
ชว่ ยเหลือของรัฐบาลจะให ้ผลแตกต่างไปด ้วย
54
การประกันราคาขัน
้ ตา่ (Price support)
หากราคาดุลยภาพที่ Pe เป็ นราคาทีต
่ า่ เกินไป รัฐบาลตัง้ ราคาประกันไว ้ที่ Pf
ื้ อุปทานสว่ นเกิน
รัฐบาลรับซอ
Ed และ Es มาก
Ed และ Es น ้อย
S
อุปทานสว่ นเกิน
Pf
S
P
P
A
B
Pf
E
Pe
อุปทานสว่ นเกิน
A
B
E
Pe
งบประมาณทีใ่ ช ้
D
D
0
Q1
Qe
Q2
Q
0
Q1
Qe
Q2
Q
55
นโยบายภาษี
้
o รัฐบาลมักใชการเก็
บภาษี เป็ นนโยบายในการกระจายรายได ้และ
จัดสรรทรัพยากร โดยอาจเก็บจากผู ้ผลิต (ผู ้ขาย) หรือเก็บจาก
ผู ้บริโภค
o ผลกระทบจากการเก็บภาษี จะเป็ นอย่างไรนัน
้ ขึน
้ อยูก
่ บ
ั เก็บภาษี
จากใคร และลักษณะของภาษี ทจ
ี่ ัดเก็บเป็ นประเภทใด
่ เป็ น ภาษี ตามสภาพหรือภาษี ทเี่ รียกเก็บต่อหน่วยทีข
o เชน
่ าย
ิ ค ้าหรือภาษี ทเี่ รียก
(specific tax) หรือเป็ น ภาษี ตามมูลค่าสน
็ ต์ของราคาขาย (ad valorem tax)
เก็บเป็ นเปอร์เซน
56
เก็บภาษี จากผู ้บริโภค
ิ ค้า
เก็บภาษีตามมูลค่าสน
เก็บภาษีตามสภาพ
P
P
P0
P0
TAX
TAX
P1
P1
D0
D0
D1
0
Q0
D1
Q
ร ัฐบาลจะเก็บภาษีเท่าก ันในทุกหน่วย
ิ ค้าทีถ
่ ถ้าเก็บ
ของสน
่ ก
ู นาออกขาย เชน
ื้ ไป 10
หน่วยละ 2 บาท เมือ
่ ผูบ
้ ริโภคซอ
้ื 25
ี ภาษี 20 บาท ถ้าซอ
หน่วย จะต้องเสย
ี ภาษี 50 บาท
หน่วยจะเสย
0
Q0
Q
ร ัฐบาลจะเก็บภาษีคด
ิ เป็น% ตามราคา
ี ภาษีเป็น
้ ก็จะยิง่ เสย
ขาย ยิง่ ราคาขายสูงขึน
้ แม้จะคิดเป็น% ทีเ่ ท่าเดิม
จานวนมากขึน
่ เสย
ี ภาษี 10% ถ้าราคา 10 บาท เสย
ี
เชน
ี 2 บาท 57
1 บาท และราคา 20 บาท เสย
เก็บภาษี จากผู ้ขาย
ิ ค้า
เก็บภาษีตามมูลค่าสน
เก็บภาษีตามสภาพ
P
S1
S0
P1
S1
P
S0
P1
TAX
TAX
P0
0
P0
Q0
Q
ร ัฐบาลจะเก็บภาษีเท่าก ันในทุกหน่วย
ิ ค้าทีถ
่ ถ้าเก็บ
ของสน
่ ก
ู นาออกขาย เชน
หน่วยละ 2 บาท เมือ
่ ผูผ
้ ลิตขายได้ 10
ี ภาษี 20 บาท ถ้าขายได้
หน่วย จะต้องเสย
ี ภาษี 50 บาท
25 หน่วยจะเสย
0
Q0
Q
ร ัฐบาลจะเก็บภาษีคด
ิ เป็น% ตามราคา
ี ภาษีเป็น
้ ก็จะยิง่ เสย
ขาย ยิง่ ราคาขายสูงขึน
้ แม้จะคิดเป็น% ทีเ่ ท่าเดิม
จานวนมากขึน
่ เสย
ี ภาษี 10% ถ้าราคา 10 บาท เสย
ี
เชน
ี 2 บาท 58
1 บาท และราคา 20 บาท เสย
เก็บภาษี ตามสภาพจากผู ้บริโภค
P
P
Ed > 1
Ed < 1
P
P
จานวนภาษี ทเี่ รียกเก็บต่อหน่วย
D0
D
D1
0
Q1
Q0
Q
0
1
Q1
Q0
D0
Q
ื้ สน
ิ ค ้าในเสน้ D ทีม
การเปลีย
่ นแปลงปริมาณเสนอซอ
่ ี Ed > 1 มีมากกว่า
ื้ สน
ิ ค ้าในเสน้ D ทีม
การเปลีย
่ นแปลงปริมาณเสนอซอ
่ ี Ed < 1 (เปลีย
่ น
จาก Q0  Q1)
59
เก็บภาษี ตามสภาพจากผู ้ขาย
Es > 1
P
Es < 1
P
S1
S1
S0
S0
จานวนภาษี ทเี่ รียกเก็บต่อหน่วย
P
P
0
Q1
Q0
Q
0
Q1 Q0
Q
ิ ค ้าในเสน้ D ทีม
การเปลีย
่ นแปลงปริมาณเสนอขายสน
่ ี Ed > 1 มีมากกว่า
ิ ค ้าในเสน้ D ทีม
การเปลีย
่ นแปลงปริมาณเสนอขายสน
่ ี Ed < 1 (เปลีย
่ น
จาก Q0  Q1)
60
ิ ค ้าจากผู ้บริโภค
เก็บภาษี ตามมูลค่าสน
P
P
Ed > 1
Ed < 1
P
P
จานวนภาษีทเี่ ก็บ
D1
0
Q1
Q0
D0
D0
Q
D
0
1
Q1
Q0
Q
ื้ สน
ิ ค ้าในเสน้ D ทีม
การเปลีย
่ นแปลงปริมาณเสนอซอ
่ ี Ed > 1 มี
ื้ สน
ิ ค ้าในเสน้ D ทีม
มากกว่าการเปลีย
่ นแปลงปริมาณเสนอซอ
่ ี Ed < 1
(เปลีย
่ นจาก Q0  Q1)
61
ิ ค ้าจากผู ้ขาย
เก็บภาษี ตามมูลค่าสน
P
Es > 1
P
S1
Es < 1
S1
S0
S0
จานวนภาษีทเี่ ก็บ
P
P
0
Q1
Q0
Q
0
Q1 Q0
Q
ิ ค ้าในเสน้ D ทีม
การเปลีย
่ นแปลงปริมาณเสนอขายสน
่ ี Ed > 1 มี
ิ ค ้าในเสน้ D ทีม
มากกว่าการเปลีย
่ นแปลงปริมาณเสนอขายสน
่ ี Ed < 1
(เปลีย
่ นจาก Q0  Q1)
62
ภาระภาษี
เมือ
่ รัฐบาลเก็บภาษี การทีอ
่ ป
ุ สงค์และอุปทานมี Ed และ ES ที่
แตกต่างกัน การรับภาระภาษี จะแตกต่างกันด ้วย
ื้ จะรับภาระภาษี มากกว่าผู ้ขาย
Ed < ES => ผู ้ซอ
ื้ จะรับภาระภาษี น ้อยกว่าผู ้ขาย
Ed > ES => ผู ้ซอ
63
เก็บภาษี จากผู ้ขายแบบ Specific tax
P
D
P1
P0
0
S1
S0
ผู ้บริโภครับภาระภาษีฝ่ายเดียว TAX
E
Q0
Ed = 0
Q
64
เก็บภาษี จากผู ้ขายแบบ Specific tax
P
S1
P1
P0
P’1
E'
ผู ้บริโภครับภาษี
ผู ้ขายรับภาระภาษี
S0
TAX
E
D
0
Q1 Q0
Q
65
เก็บภาษี จากผู ้ขายแบบ Specific tax
P
S1
P0
P1
0
E' TAX
ผู ้ขายรับภาระ
ภาษี ฝ่ายเดียว
Q1
E
S0
D
Ed = 
Q0
Q
66
เก็บภาษี จากผู ้บริโภคแบบ Specific tax
P
S
P0
P1
E
ผู ้ขายรับภาระภาษี
ฝ่ ายเดียว
TAX
E1
D1
0
Q0
D0
Q
67
เก็บภาษี จากผู ้บริโภคแบบ Specific tax
P
S
P2
P0
P1
0
ผู ้บริโภครับภาระภาษี
ผู ้ขายรับภาระภาษี
E
E1
D1
Q1 Q0
TAX
D0
Q
68
การให้เงินอุดหนุน
รัฐบาลให ้เงินอุดหนุนผู ้ผลิตเพือ
่ ให ้สามารถขยายการผลิตหรือเพิม
่ ปริมาณ
้ ปทาน shift ไป
การขายได ้ การให ้เงินอุดหนุน (subsidy) ทาให ้เสนอุ
ิ ค ้าจะมากหรือน ้อยเพียงใดขึน
ทางขวา ปริมาณการเสนอขายสน
้ อยูก
่ บ
ั ค่า
ของ Es
Es มาก เมือ
่ ให ้เงินอุดหนุน => Q  มาก
Es น ้อย เมือ
่ ให ้เงินอุดหนุน => Q  น ้อย
P
S0
P0
subsidy
S0
P
S1
P0
subsidy
P1
P1
D
D
0
S1
Q0 Q1
Es มาก
Q
0
Q0 Q1
Es น ้อย
Q
69