โมเดลสมการโครงสร้างภาวะผู้นำเชิงจิตวิญญาณ สำหรับผู้

Download Report

Transcript โมเดลสมการโครงสร้างภาวะผู้นำเชิงจิตวิญญาณ สำหรับผู้

โมเดลสมการโครงสร้ างภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
สาหรับผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
A Structural Equation Model of Spiritual Leadership
for Basic School Administrators.
อาจารย์ทปี่ รึกษา
รศ.ดร.วิโรจน์ สารรัตนะ
อาจารย์ทปี่ รึกษาร่ วม ดร.จิรวรรณ เล่งพานิชย์
นางสาวกมลวรรณ ทิพยเนตร รหัส 537050074-8 นักศึกษาปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา
ความเป็ นมาและความสาคัญของปัญหา
ภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
ปัญหาคุณภาพ การ
จัดการศึกษาขั้น
พืน้ ฐาน
ปัญหา
การศึกษา
ไทย
ผลการประเมิน
ภายนอก มาตรฐานที่
10 ด้ านผู้บริหาร
สถานศึกษาระดับ
“พอใช้ ”
ผู้บริหารสถานศึกษา
ไม่ มวี สิ ั ยทัศน์
ปัญหาพฤติกรรม
ของผู้บริหาร
สถานศึกษา ขั้น
พืน้ ฐาน
การมีส่วนร่ วมในการสร้ างวิสัยทัศน์
วิสัยทัศน์
ปฏิบัติตามวิสัยทัศน์
การสร้ างความมั่นใจในการทางาน
ความหวัง
มีความเชื่อเกิดจากปัญญา
ศรัทธา
ปฏิบัติตามแนวทางเรียนรู้
เป็ นแบบอย่างทีด่ ีในการทางาน
ขาดศรัทธาในผู้นา
ความไว้ วางใจ
ขาดความไว้ วางใจ
จากผู้ใต้ บังคับบัญชา
สร้ างแรงบันดาลใจในการทางาน
เผชิญสถานการณ์วกิ ฤติได้
ขาดจิตวิญญาณใน
การทางาน
ขาดศีลธรรม ความรัก
ในวิชาชีพ
สื่ อสารชัดเจน
คงเส้ นคงวาในเรื่องคาพูด
ทางานด้ วยความซื่อสั ตย์
สร้ างสั มพันธภาพทีด่ ี
โมเดลสมการโครงสร้ างภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณสาหรับผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
การวิจัยนีจ้ ะสามารถสร้ างตัวแปรแฝงทีเ่ ป็ นตัวแปรทางจิตวิทยาทีไ่ ม่ สามารถ
สั งเกตหรือวัดได้ โดยตรงแต่ จะสามารถอธิบายและประมาณค่ าได้ จากตัวแปรสั งเกต
การสร้ างโมเดลสมการ
โ ค ร ง ส ร้ า ง ภ า ว ะ ผู้ น า
เชิ งจิ ต วิ ญ ญ าณ ส าหรั บ
ผู้บริหารสถานศึกษา ขั้น
พื้น ฐาน ในลั ก ษณะที่ เ ป็ น
โมเดลเหตุและผล (casual –
effect model) ขึ้น เพื่อ
ทดสอบความสอดคล้ องกับ
ข้ อมู ล
เชิ ง
ประจักษ์
ก า ร ศึ ก ษ า ร ะ ดั บ ก า ร
แ ส ด ง อ อ ก นั้ น จ ะ ท า ใ ห้
สามารถทราบจุดอ่ อนจุดแข็ง
ของตัวแปร แต่ ละตัวที่นามา
ศึ ก ษ า ว่ า อ ยู่ ใ น ร ะ ดั บ ใ ด
ตัว แปรใดมากกว่ า ตัว แปรใด
ซึ่ ง จ ะ ท า ใ ห้ ก า ร ก า ห น ด
แนวทางการพั ฒ นาเป็ นไป
อย่ างถูกต้ อง
การศึ ก ษาเปรี ย บเที ย บนั้ น
จะทาให้ ทราบถึงแนวทางการ
พัฒนาตัวแปรนั้นๆ ว่ าควรใช้
หลักความเหมือนกันหรือหลัก
ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง กั น ห า ก
ผลการวิ จั ย พบว่ า ตั ว แปรที่
น ามาเปรี ย บกั น นั้ นมี ค วาม
เ ห มื อ น กั น ห รื อ มี ค ว า ม
แตกต่ างกัน
การศึ กษาขนาดของอิทธิพล
ทางตรง ทางอ้ อม และโดยรวม
นั้น จะทาให้ ทราบถึงจุดเน้ นให้
การพัฒนาปัจจัยที่มีอทิ ธิพลต่ อ
ภาวะผู้ น าเชิ ง จิ ต วิ ญ ญาณว่ า
ควรให้ ความสาคัญกับปัจจั ยใด
และในเส้ นทางใดมากกว่ า กัน
โดยพิ จ ารณาจากขนาดของ
อิทธิพลของตัวแปรที่นาศึกษา
คาถาม/วัตถุประสงค์ /สมมติฐาน
คาถาม
วัตถุประสงค์
ผู้ บ ริ ห ารสถานศึ ก ษา
ขั้ น พื้ น ฐ า น มี ก า ร
แสดงออกถึ ง ภาวะผู้ น า
เชิงจิตวิญญาณอยู่ในระดับ
ใ ด เ มื่ อ เ ป รี ย บ เ ที ย บ
จ าแนกตาม เพศ อายุ
และขนาดของโรงเรี ย น
มีความแตกต่ างกันหรือไม่
เพื่ อ ศึ กษาระดั บ การ
แ ส ด ง อ อ ก ภ า ว ะ ผู้ น า
เ ชิ ง จิ ต วิ ญ ญ า ณ ส า ห รั บ
ผู้ บ ริ ห า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า
ขั้นพืน้ ฐานและเปรียบเทียบ
จาแนกตามเพศ อายุ และ
ขนาดของโรงเรียน
สมมติฐาน
ผู้ บ ริ ห า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า
ขั้ น พื้ น ฐานที่ มี เ พศ อายุ และ
ข น า ด ข อ ง โ ร ง เ รี ย น ต่ า ง กั น
มีการแสดงออกภาวะผู้นาเชิ งจิต
วิญญาณต่ างกัน
Morgan (1992), Cotton (1996)
,Lashway (2002), Bush &
Glover (2003) , Jones (2008),
สั มฤทธิ์ กางเพ็ง (2551) ,
จิรวรรณ เล่ งพานิชย์ (2554)
คาถาม/วัตถุประสงค์ /สมมติฐาน
คาถาม
ผู้บริ หารสถานศึ กษา
ขั้ น พื้ น ฐ า น มี ก า ร
แสดงออกในปั จ จั ย ที่ มี
อิ ท ธิ พ ล ต่ อ ภ า ว ะ ผู้ น า
เชิงจิตวิญญาณอยู่ในระดับ
ใ ด เ มื่ อ เ ป รี ย บ เ ที ย บ
จาแนกตามเพศ อายุ และ
ข น า ด ข อ ง โ ร ง เ รี ย น
มีความแตกต่ างกันหรือไม่
วัตถุประสงค์
เพื่อศึ กษาระดับการ
แสดงออกในปั จ จั ย ที่ มี
อิทธิพลต่ อภาวะผู้นา เชิง
จิ ต วิ ญ ญ า ณ ส า ห รั บ
ผู้ บริ หารสถานศึ กษา
ขั้ น พื้ น ฐ า น แ ล ะ
เปรี ยบเทียบจาแนกตาม
เพศ อายุ และขนาดของ
โรงเรียน
สมมติฐาน
ผู้ บริ หารสถานศึ กษา
ขั้ น พื้ น ฐานที่ มี เ พศ อายุ
แล ะขนา ดขอ ง โ รงเ รี ย น
ต่ า งกัน มีก ารแสดงออกใน
ปั จ จั ย ที่ มี อิ ท ธิ พ ลต่ อภาวะ
ผู้นาเชิงจิตวิญญาณต่ างกัน
วาโร เพ็งสวัสดิ์ (2549) ;
จิ ต ติ ม า วรรณศรี (2550) ;
จิรวรรณ เล่ งพานิชย์ (2554)
; นิกญ
ั ชลา ล้ นเหลือ (2554)
คาถาม/วัตถุประสงค์ /สมมติฐาน
คาถาม
โมเดลสมการ
โ ค ร ง ส ร้ า ง ภ า ว ะ ผู้ น า
เชิ งจิ ต วิ ญ ญาณส าหรั บ
ผู้ บ ริ ห า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า
ขั้นพืน้ ฐานที่พฒ
ั นาขึน้ จาก
ทฤ ษ ฎี แ ล ะ ผล งา น วิ จั ย
ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ข้ อ มู ล
เชิงประจักษ์ หรือไม่
วัตถุประสงค์
สมมติฐาน
เพื่ อ ตรวจสอบความ
ส อ ด ค ล้ อ ง ข อ ง โ ม เ ด ล
สมการโครงสร้ างภาวะ
ผู้ น า เ ชิ ง จิ ต วิ ญ ญ า ณ
ส า ห รั บ ผู้ บ ริ ห า ร
สถานศึ ก ษาขั้ น พื้น ฐานที่
พัฒ นาขึ้น จากทฤษฎีแ ละ
ผ ล ง า น วิ จั ย กั บ ข้ อ มู ล
เชิงประจักษ์
โมเดลสมการโครงสร้ าง
ภาวะผู้นา
เชิง จิต
วิ ญ ญาณส าหรั บ ผู้ บ ริ ห าร
สถานศึ ก ษา
ขั้ น
พื้ น ฐานที่ พั ฒ นาขึ้ น จาก
ทฤษฎี แ ละผลงานวิ จั ย มี
ความสอดคล้ อ งกั บ ข้ อ มู ล
เ ชิ ง ป ร ะ จั ก ษ์ Karadag
(2009),Chen&Yang
(2012)
คาถาม/วัตถุประสงค์ /สมมติฐาน
คาถาม
ปั จ จั ย ที่ น ามาศึ ก ษามี
น้ า ห นั ก ข อ ง อิ ท ธิ พ ล
ทางตรง อิทธิพลทางอ้ อม
และอิ ท ธิ พ ลรวมต่ อ ภาวะ
ผู้นาเชิงจิตวิญญาณสาหรับ
ผู้บริหารสถานศึกษา
ขั้นพืน้ ฐานเพียงใด
วัตถุประสงค์
เ พื่ อ ศึ ก ษ า ข น า ด
อิทธิพลทางตรง อิทธิ พล
ทางอ้ อม และอิ ท ธิ พ ล
รวมของปั จ จั ย ที่ น ามา
ศึ ก ษ า ต่ อ ภ า ว ะ ผู้ น า
เชิ ง จิ ต วิ ญ ญาณส าหรั บ
ผู้ บ ริ ห า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า
ขั้นพืน้ ฐาน
สมมติฐาน
ปั จ จั ย ที่ น ามาศึ ก ษา
อิ ท ธิ พ ล ท า ง ต ร ง
อิ ท ธิ พ ลทางอ้ อ ม และ
อิทธิพลรวมต่ อภาวะผู้นา
เชิ ง จิ ต วิ ญ ญาณส าหรั บ
ผู้ บ ริ ห า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า
ขั้นพืน้ ฐานอยู่ในระดับสู ง
Karadag (2009),
Chen&Yang (2012)
ขอบเขตการวิจัย
ประชากร
ตัวแปร
ประชากรทีใ่ ช้ ในการศึกษาครั้งนี้ คือ ผู้บริหารสถานศึกษา
ในสั งกัดสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ ปี การศึกษา 2555 จานวน 28,657 คน
และขนาดกลุ่มตัวอย่ าง ทีใ่ ช้ ในการวิจัย จานวน 740 คน
ตัวแปรแฝงภายนอก ได้ แก่ 1) ความผูกพันต่ อองค์ การ
ตัวแปรแฝงภายใน ได้ แก่ 1) ภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
2) ความพึงพอใจในการทางาน
3) ผลิตภาพ
บทที่ 2
วรรณกรรมและงานวิจัยทีเ่ กีย่ วข้ อง
1
นิยาม แนวคิด องค์ ประกอบ นิยามเชิงปฏิบตั ิการและตัวบ่ งชี้
ของภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
4
2
ปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพลต่ อภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
เส้ นทางอิทธิพล
3
และ
นิยาม แนวคิด องค์ ประกอบ นิยามเชิงปฏิบตั ิการและตัวบ่ งชี้ของ แต่
ละองค์ ประกอบทีม่ อี ทิ ธิพลต่ อภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
โมเดลสมมติฐาน
ภาวะผู้นา
เชิงจิต
วิญญาณ
สั งเคราะห์ องค์ ประกอบของภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
theoretical framework
conceptual framework
วิสัยทัศน์
ความหวัง
ภาวะผู้นา
เชิงจิตวิญญาณ
ศรัทธา
ความไว้ วางใจ
( หน้ า 25-28 )
มีจานวน 37 องค์ ประกอบ
สั งเคราะห์ ปัจจัยทีม่ ีอทิ ธิพลภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
theoretical framework
conceptual framework
ความพึงพอใจ
ในการทางาน
ความผูกพัน
ต่ อองค์ การ
ผลิตภาพ
( หน้ า 42-43 )
มีจานวน 17 ปัจจัย
ภาวะผู้นา
เชิงจิตวิญญาณ
เส้ นทางอิทธิพล
ความพึงพอใจ
ในการทางาน
ความผูกพัน
ต่ อองค์ การ
ภาวะผู้นาเชิง
จิตวิญญาณ
ผลิตภาพ
( หน้ า 48-49 )
สั งเคราะห์ องค์ ประกอบของความพึงพอใจในการทางาน
theoretical framework
conceptual framework
การนิเทศ
ความสั มพันธ์ ระหว่ าง
เพือ่ นร่ วมงาน
ความสุ ข
( หน้ า 61-62 ) มีจานวน 20 องค์ ประกอบ
ความพึงพอใจ
ในการทางาน
สั งเคราะห์ องค์ ประกอบของความผูกพันต่ อองค์การ
theoretical framework
conceptual framework
ความผูกพันเชิงปทัสถาน
ความผูกพันเชิงต่ อเนื่อง
ความผูกพันเชิงจิตพิสัย
( หน้ า 85-86 )
มีจานวน 12 องค์ ประกอบ
ความผูกพัน
ต่ อองค์ การ
สั งเคราะห์ องค์ ประกอบของผลิตภาพ
theoretical framework
conceptual framework
ความหมายในชีวติ
สภาพแวดล้ อมในการ
ทางาน
ผลิตภาพ
ความรู้ สึกเป็ นส่ วนหนึ่ง
ของชุ มชน
วัฒนธรรมองค์ การ
( หน้ า 100 )
มีจานวน 9 องค์ ประกอบ
The model of spiritual leadership for the basic school administrators
การนิเทศ
ความสุ ข
ความสัมพันธ์ระหว่าง
เพื่อนร่ วมงาน
วิสัยทัศน์
ความพึงพอใจในการทางาน
ความผูกพันเชิงปทัสถาน
ความหวัง
ความผูกพันเชิงต่อเนื่อง
ความผูกพันต่อองค์การ
ภาวะผูน้ าเชิงจิตวิญญาณ
ความผูกพันเชิงจิตพิสัย
ความไว้วางใจ
ผลิตภาพ
ความหมายในชีวติ
( หน้ า 113 )
ศรัทธา
สภาพแวดล้อม
ในการทางาน
ความรู ้สึกเป็ น
ส่ วนหนึ่งของชุมชน
วัฒนธรรมองค์การ
บทที่ 3
วิธีดาเนินการวิจัย
วิธีวทิ ยาการวิจัย
• การวิจัยเชิงปริมาณ
• มุ่งหาความสั มพันธ์ ระหว่ าง
ตัวแปรเหตุและตัวแปรผล
ประชากร
• ผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
จานวน 28,657 คน
กลุ่มตัวอย่ าง
• กาหนด 20:1 (37 พารามิเตอร์ )
• จานวน 740 คน
• โดยการสุ่ มแบบหลายขั้นตอน
วิธีการเลือกตัวอย่ างแบบหลายขั้นตอน (Multi–stage sampling)
ภาคเหนือ 9
จังหวัด
ภาคตะวันออกเฉียง
เหนือ 20 จังหวัด
ภาคเหนือ 3
จังหวัด
ภาคตะวันออกเฉียง
เหนือ 6 จังหวัด
ภาคกลาง 22
จังหวัด
ภาคตะวันออก
7 จังหวัด
ภาคตะวันตก 5
จังหวัด
ภาคกลาง
6
จังหวัด
ภาคตะวันออก
2 จังหวัด
ภาคตะวันตก
1 จังหวัด
ภาคใต
14 จังหวัด
ภาคใต
5 จังหวัด
เขต
เขต
เขต
เขต
เขต
เขต
เขต
เขต
เขต
เขต เขต
เขต
เขต
เขต
เขต
เขต
เขต
เขต เขต
เขต
เขต
เขต
ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม ประถม
S B S BS B S BS B S B S B S BS B S B S B S BS BS B S BS B S BS B S BS B S BS B
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
M
จานวนกลุ่มตัวอย่ างทีไ่ ด้ มาจากการสุ่ มแบบแบ่ งชั้น
อัตราส่ วน 4:1
เครื่องมือทีใ่ ช้ ในการวิจัย
ตอนที่ 1
การสร้ างและตรวจสอบคุณภาพ
• แบบสอบถามสถานภาพของผู้ตอบ
• แบบตรวจสอบรายการ
ศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎี
• เนือ้ หา คือ เพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ตอนที่ 2
กาหนดนิยามเชิงปฏิบัตกิ าร
• วัดภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
• แบบประเมินค่ า 5 ระดับ
• เนือ้ หา คือ วิสัยทัศน์ ความหวัง ศรัทธา และความ
ไว้ วางใจ
ตอนที่ 3
• วัดปัจจัยที่มีอทิ ธิพลต่ อภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
• แบบประเมินค่ า 5 ระดับ
• เนือ้ หา คือ ความผูกพันต่ อองค์ การ ความพึงพอใจ
ในการทางาน และผลิตภาพ
สร้ างเครื่องมือในการวิจยั
ความตรง
เชิงเนือ้ หาContent
validity
ความเชื่อมัน่
ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ
Reliability
ความตรง
เชิงโครงสร้ าง
Construct validity
เครื่องมือทีใ่ ช้ ในการวิจัย
ตอนที่ 1
• แบบสอบถามสถานภาพของผู้ตอบ
•
ความแม่ นตรงเชิงเนือ้ หา
ค่ า IOC ของแบบสอบถามมีค่าอยู่ระหว่ าง 0.67 – 1.00
ค่าสัมประสิทธิแ
์ อลฟาของกลุม
่ ตัวอย่าง
แบบตรวจสอบรายการ
ที่มีค่าระหว่าง 0.60-1.00 แสดงว่ามี
ความเชื่อมัน
่ ค่อนข้างสูง (กริช แรงสูงเนิน, 2554)
ความตรง
เชิงโครงสร้าง
ความเชื่อถือ
(factor
กาหนดนิยามปฏิบตั ิการ loading)
• เนือ้ หา คือ เพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ตอนที่ 2
• วัดภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
ภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
0.89
0.43 - 0.81
ความผูกพันต่อองค์การ
0.84
0.49 - 0.74
ความพึงพอใจ
ในการทางาน
0.90
0.48 - 0.55
ผลิตภาพ
0.94
0.47- 0.72
0.97
0.43 - 0.81
• แบบประเมินค่ า 5 ระดับ
• เนือ้ หา คือ วิสัยทัศน์ ความหวัง ศรัทธา และ
ความไว้ วางใจ
ตอนที่ 3
•
ค่านาหนักองค์ประกอบทีด
่ ม
ี ีค่ามากกว่า 0.30
วัดปัจจัยที่มีอทิ (สุธิพภลต่
อภาวะผู
าเชิงและคณะ,
จิตวิญญาณ 2551)
มาส
อังศุโ้ นชติ
• แบบประเมินค่ า 5 ระดับ
• เนือ้ หา คือ ความผูกพันต่ อองค์ การ ความพึงพอใจ
ในการทางาน และผลิตภาพ
รวม
เครื่องมือที่ใช้ ในการวิจัย
ตอนที่ 1
• แบบสอบถามสถานภาพของผู้ตอบ
ส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์
• แบบตรวจสอบรายการ
2 มีนาคม 2556
• เนือ้ หา คือ เพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ตอนที่ 2
• วัดภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
บบสอบถามฉบั
บสมบูรณ์
• แบบประเมินค่ า ได้
5 แระดั
บ
เรียน
ผูบ้ ริหารสถานศึกษา
740 คน
.
31 มีนาคม 2556
• เนือ้ หา คือ วิสัยทัศน์ ความหวัง ศรัทธา และความ
ไว้ วางใจ
ตอนที่ 3
• วัดปัจจัยที่มีอทิ ธิพลต่ อภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
• แบบประเมินค่ า 5 ระดับ
• เนือ้ หา คือ ความผูกพันต่ อองค์ การ ความพึงพอใจ
ในการทางาน และผลิตภาพ
730 ฉบับ (98.65%)
การวิเคราะห์ ข้อมูล
ค่าสถิตใ
ิ นการวิเคราะห์
วัตถุปเส้
ระสงค์
การวิจทัยธิข้พอ ล1) และ 2)
นทางอิ
•การพิ
จารณาขนาดของ
วิเคราะห์
หาระดับการแสดงออก
อิทธิพล TE ,IE, DE
ค่ าเฉลีจย่ ารณาความความเที
ค่ าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ย
•การพิ
่ ง
ค่ าสู งสุ ด ค่ดาตโดยดู
า่ สุ ด ค่ าความเบ้
า ทธิ์
ของการวั
คา่ สัมและค่
ประสิ
ความโด่ ง
การพยากรณ์
(R2)
•ค่าความเทีย
่ งตัวแปรแฝง
ρC >0.60
•ค่าเฉลีเปรี
ย
่ ยแปรปรวนที
บเทียบความแตกต่่ าง
ถูกสกัดได้ ρv >0.5
เปรียบเทียบค่ าเฉลีย่ ระหว่ างเพศ
ใช้ สถิติ t-test
เปรียบเทียบค่ าเฉลีย่ ระหว่ างอายุ/
ขนาดของโรงเรียนใช้ F-test
วัตถุประสงค์ การวิจัย ข้ อ 3) และ 4)
ตรวจสอบความสอดคล้ อง
การวิเคราะห์ องค์ ประกอบ
การวิเคราะห์ เส้ นทางอิทธิพล
ดัชนี
1.  2
ระดับการยอมรับ
 2 ที่ไม่มีนย
ั สาคัญ
2. ค่า  2 /df
ไม่ควรเกิน 2.00
3. ค่า GFI, AGFI,CFI
มีค่าตังแต่ 0.90 – 1.00
4. ค่า Standardized
RMR, RMSEA
<
5. ค่า CN
≥ 200
6. ค่า largest
มีค่า -2 ถึง 2
standardized
residual
0.05
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 1) และ 2) ผลการศึกษาและเปรียบเทียบระดับการแสดงออกภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณและ
ปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพลจาแนกตามเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ผลการวิจย
ั
ตัวแปร
ระดับ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิตวิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อองค์การ
มากทีส
่ ด
ุ
ความพึงพอใจในการทางาน
มากทีส
่ ด
ุ
ผลิตภาพ
มาก
เปรียบเทียบความแตกต่าง
เพศ
อายุ
ขนาดโรงเรียน
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 1) และ 2) ผลการศึกษาและเปรียบเทียบระดับการแสดงออกภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณและปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพล
จาแนกตามเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ภาวะผู้ น าเชิ ง จิ ต วิ ญ ญาณเป็ นภาวะผู้ น าที่ ผ้ ู บ ริ ห าร
สถานศึกษาขั้นพืน้ ฐานพิจารณาเห็นว่ าความไว้ วางใจในการ
ผลการวิจย
ั
ท างานจะท าให้ บุ ค ลากรเกิ ด ความเชื่ อ มั่ น ในเรื่ อ งการ
เปรียบเทียบความแตกต่าง
บริหารงานด้ วยความยุติธรรม การจัดซื้อจัดจ้ างด้ วยความ
ตัวแปร
ระดับ
โปร่ งใส มีพฤติกรรมในการทางานที่ผู้บริ หารแสดงสปิ ริ ต
ขนาด
เพศ
อายุ
ยอมรับข้ อผิดพลาดที่เกิดขึน้ จากตนเองด้ วยความเต็ มใจโดย
โรงเรียน
ไม่ โทษว่ าเป็ นความผิดของบุคคลอื่น หรือแม้ แต่ การประชุ ม
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
มาก
เพื่อขอความเห็นจากบุคลากรก็ยอมรั บในมติของที่ประชุ ม
วิญญาณ
ทุกครั้ งแม้ บางครั้ งอาจขัดแย้ งกับความคิดเห็นของตนเองก็
ความผูกพันต่อ
มาก
ตาม การยอมรับข้ อผิดพลาดที่บุคลากรได้ ทาผิดพลาดและ
องค์การ
ที่สุด
หาแนวทางแก้ ไขร่ วมกันอันเป็ นพื้นฐานสาคัญที่ แสดงให้
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
เห็นถึงความเข้ าใจและรับรู้ถึงความต้ องการของบุคคลอืน่ 1,2
ผลิตภาพ
มาก
Meyer & Allen (1997)
2 จิรวัฒน ปฐมพรวิวฒ
ั น (2555)
1
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 1) และ 2) ผลการศึกษาและเปรียบเทียบระดับการแสดงออกภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณและปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพล
จาแนกตามเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐานเป็ นบุคคลที่ได้ รับ
ศรั ทธาจากบุคลากร โดยการแต่ งกายที่เหมาะสมตาม
ผลการวิจย
ั
กาลเทศะ สามารถเปิ ดโอกาสให้ บุค ลากรเข้ า พบเพื่อ
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ปรึกษาหารือเรื่องต่ างๆ ได้ 3 การที่บุคคลมีความศรัทธา
ตัวแปร
ระดับ
ย่ อมที่จะทางานให้ เกิดความสาเร็จ ศรัทธาจึ งเป็ นพลัง
ขนาด
เพศ
อายุ
สนับสนุ นในการทางาน ถ้ าเปรี ยบการวิ่งของบุคคลที่
โรงเรียน
เปี่ ยมด้ วยศรั ทธา ย่ อมที่จะเข้ าเส้ นชั ยได้ เป็ นอย่ างดี 4
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
มาก
ความศรัทธาเป็ นเครื่องยืนยันความคาดหวัง ความหวัง
วิญญาณ
ศรั ทธาที่มีความแตกต่ างและหลายหลายในองค์ การจะ
ความผูกพันต่อ
มาก
ช่ วยทาให้ วสิ ั ยทัศน์ มคี วามยัง่ ยืน 5
องค์การ
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
3 Hoppe (2005); Wheatley (2008)
4 MacArther (1998)
5 Boorom (2009)
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 1) และ 2) ผลการศึกษาและเปรียบเทียบระดับการแสดงออกภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณและปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพล
จาแนกตามเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ภาวะผู้นาเชิ งจิตวิญญาณเป็ นภาวะผู้นาที่มีประสิ ทธิภาพ
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
โดยเริ่ มจากภายใน และต้ องเริ่ มด้ วยหัวใจ ต้ องเปลี่ยนลักษณะ
และความตั้งใจในการเป็ นผู้นา เปลี่ยนจากผู้นาที่หัวใจคานึงถึง
ผลประโยชน์ ส่ วนตนและเป็ นผู้ น าที่ ค านึ ง ถึ ง ผู้ อื่ น ผู้ น าเป็ น
เสมือนผู้ให้ ทุกคนสร้ างวิสัยทัศน์ ร่วมกัน 1
ผู้ บ ริ ห า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า ขั้ น พื้ น ฐ า น ต ร ะ ห นั ก ถึ ง ขี ด
ความสามารถในการแก้ ปัญหาข้ อขัดแย้ งในองค์ การที่เกิดขึ้ นตาม
สภาพจริ ง ได้ ไ ม่ ดี เ ท่ า กั บ องค์ ป ระกอบด้ า นอื่ น ๆ ซึ่ ง ผู้ บ ริ ห าร
นอกจากจะเต็มเปี่ ยมไปด้ วยจิตวิญญาณในการทางาน ซึ่ ง เป็ น
แบบอย่ างที่ดีให้ กับบุคลากร ต้ องเป็ นผู้สร้ างแรงจูงใจให้ บุคลากร
ทางานจนสาเร็จตามเป้ าหมาย คอยให้ ความช่ วยเหลือสนับ สนุน
ในการท างาน ประเด็ น ส าคั ญ คื อ การลดปั ญ หาข้ อ ขั ด แย้ ง ใน
องค์ การ จึงอาจกล่ าวได้ ว่า ความหวังเป็ นสิ่ งที่สร้ างความท้ าทาย
ความสามารถของผู้บริหารสถานศึกษา 2
1 Blanchard (2006) 2 Richard Boyatzis & Annie Mckee (2005
อ้างถึงใน ปฏิพล ตั้งจักรวรานนท์ , 2550); Draft (2005)
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 1) และ 2) ผลการศึกษาและเปรียบเทียบระดับการแสดงออกภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณและปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพล
จาแนกตามเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
กรณี ก ารเปรี ย บเที ย บจ าแนกตามเพศ ผลการวิ จั ย พบว่ า
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
เพศหญิงมีระดับการแสดงออกภาวะผู้ นาเชิ งจิตวิญญาณมากกว่ า
เพศชาย อาจเนื่องมาจากปัจจุบันผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐานมี
ผู้บริ หารที่เป็ นเพศชายและเพศหญิงปฏิบัติงานในสถานศึ กษาต่ าง
ได้ รั บการยอมรั บ ในการบริ หารจัด การศึ กษาที่ส ามารถจัด การได้
อย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและประสิ ท ธิ ผ ล ผู้ น าที่ เ ป็ นสุ ภ าพสตรี น้ั น
จะต้ องเผชิ ญความท้ าทายและความยากลาบากในการก้ าวขึ้นเป็ น
ผู้ น ามากกว่ า ผู้ น าที่ เ ป็ นผู้ ช าย นอกจากนั้ น ที่ ส าคั ญ คื อ มี ก ารพบ
ความสั มพั น ธ์ ในทางสถิ ติ ร ะหว่ างความมั่ น ใจของผู้ น ากั บ
ความสาเร็ จในการเป็ นผู้นา โดยเฉพาะอย่ างยิ่งสาหรั บผู้นาที่เป็ น
สุ ภ าพสตรี น้ั น จะมี ค วามสั ม พัน ธ์ ร ะหว่ า งปั จ จั ย ทั้ ง สองประการ
มากกว่ าผู้นาที่เป็ นผู้ชาย 3 ปัจจุบันผู้นาสตรีมีบทบาทมากขึน้ เป็ น
ผู้ น ามากขึ้ น ได้ รั บ การยกย่ อ งในต าแหน่ งผู้ บ ริ ห ารทางด้ า น
การศึกษาของประเทศในระดับกระทรวง ทบวง กรม จนถึงระดับ
สถาบัน การศึ ก ษาต่ า งๆ และคาดว่ า ในอนาคตสตรี จ ะมี ค วามเท่ า
4
เที ย มเพศชายมากขึ้ น ในด้ านการบริ ห ารการศึ ก ษา
3 Leslie Pratch (2551) 4 สุ พรรณี มาตรโพธิ์ (2549)
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 1) และ 2) ผลการศึกษาและเปรียบเทียบระดับการแสดงออกภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณและปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพล
จาแนกตามเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ความผูกพันต่ อองค์ การเป็ นปัจจัยบ่ งชี้ประสิ ทธิผล
ผลการวิจย
ั
การท างานของบุ ค ลากรในองค์ การ เพราะผู้ บริ ห าร
สถานศึ ก ษาที่ ท าให้ บุ ค ลากรในองค์ ก ารเกิ ด ความผู ก พั น
เปรียบเทียบความแตกต่าง
เชิงปทัสถาน โดยแสดงออกให้ เห็นได้ จากการสร้ างให้ ทุกคน
ตัวแปร
ระดับ
ในองค์ การเกิดความรู้ สึกว่ างานที่ตนเองทามีความท้ าทาย
ขนาด
เพศ
อายุ
โรงเรียน
ช่ วยให้ เกิดความรู้ และได้ รับประสบการณ์ มากขึน้ จนทุกคน
เกิ ด ความรู้ สึ ก อยากอยู่ อ งค์ ก ารแห่ ง นี้ ไ ปจนเกษี ย ณอายุ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
มาก
วิญญาณ
ราชการ 1 เป็ นระดับของความต้ องการที่จะมีส่วนร่ วมใน
การทางานให้ กบั หน่ วยงานหรือองค์ การที่ตนเองเป็ นสมาชิก
ความผูกพันต่อ
มาก
องค์การ
ที่สุด
อยู่อย่ างเต็มกาลังความสามารถและศักยภาพทีม่ อี ยู่ 2
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
1 วิเชียร วิทยอุดม (2550)
2 ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ (2545)
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 1) และ 2) ผลการศึกษาและเปรียบเทียบระดับการแสดงออกภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณและปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพล
จาแนกตามเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
จนเกิ ด เป็ นความผู ก พั น เชิ ง ต่ อเนื่ อ งที่ แ สดงออกใน
รู ปพฤติ ก รรมที่ ต่ อเนื่ อ งหรื อคงเส้ นคงวาในการท างาน
การไม่ โ ยกย้ า ยเปลี่ ย นแปลงที่ ท างาน การพยายามที่ จ ะรั กษา
สมาชิ ก ภาพโดยไม่ โ ยกย้ า ย เนื่ อ งมาจากการเปรี ย บเที ย บ
ชั่งนา้ หนักว่ าหากลาออกจากองค์ การไปต้ องสู ญเสี ยสิ่ งใดบ้ าง 3
ดั ง นั้ น ความผู ก พัน เชิ ง จิ ต พิ สั ย จึ ง มี ค วามส าคั ญ รองจาก
ความผู กพันเชิ งปทัสถานและความผู กพันเชิ งต่ อเนื่ อง สาเหตุ
สาคัญประการหนึ่งคือผู้บริ หารสถานศึ กษาขั้นพืน้ ฐาน มีความ
ต้ องการจะดารงอยู่ในองค์ การต่ อไป เกิดจากการรักและมั่นคงใน
องค์ การที่ปฏิบัตงิ านอยู่ด้วยจิตวิญญาณและไม่ อยากละทิง้ ไป 4
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
3 Mowday, Porter & Steers (1999)
4 Sonia San Mart ́ın (2008)
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 1) และ 2) ผลการศึกษาและเปรียบเทียบระดับการแสดงออกภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณและปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพล
จาแนกตามเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
การปฏิบตั ิงานอย่ างเป็ นสุ ข ย่ อมส่ งผลให้ บุคลากร
ผลการวิจย
ั
เกิ ด ความพึ ง พอใจในการท างานเช่ นกั น ผู้ บริ หาร
สถานศึกษาจึงต้ องสร้ างความเชื่ อมั่นและให้ ความไว้ วางใจ
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ในการทางานกับบุคลากร โดยการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้
ตัวแปร
ระดับ
เกิดการร่ วมทุกข์ ร่วมสุ ข การสนใจสอบถามสารทุกข์ สุกดิบ
ขนาด
เพศ
อายุ
โรงเรียน
ของบุคลากรเสมือนบุคคลในครอบครัว 1 ล้ วนเป็ นสิ่ งสาคัญ
ในการปฏิบัติงานร่ วมกัน ผู้บริ หารสถานศึกษาจาเป็ นต้ อง
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
มาก
วิญญาณ
เป็ นผู้ นิเ ทศและผู้ รับการนิ เทศโดยการชี้ แนะแนวทางการ
ปฏิบตั ิงานให้ กบั บุคลากรได้ ชัดเจน 2
ความผูกพันต่อ
มาก
องค์การ
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
1 ธร สุ นทรายุทธ (2553)
2 ไสว บุญมา (2552); ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ (2555)
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 1) และ 2) ผลการศึกษาและเปรียบเทียบระดับการแสดงออกภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณและปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพล
จาแนกตามเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
นอกจากนั้ นต้ อ งเป็ นผู้ สร้ างความสั มพันธ์ ระหว่ า ง
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
บุคลากรที่ดี คือเข้ าใจความรู้ สึกของบุ คลากรบนพืน้ ฐาน
ความแตกต่ างระหว่ างบุคคลเพือ่ กาหนดบทบาทภาระหน้ าที่
งานให้ เ หมาะสมกั บ บุ ค คล การสั่ ง งานและติ ด ต่ อ งาน
ทุกครั้ ง โดยตรงตามสายงาน และไม่ สั่ง งานผ่ า นคนอื่น ๆ
โดยไม่ จาเป็ น 3
ดั ง นั้ น ความสั ม พัน ธ์ ร ะหว่ า งผู้ ร่ ว มงานเป็ นสิ่ ง ที่ มี
ความจ าเป็ นในการมี ชี วิ ต อยู่ ข องมนุ ษ ย์ พั ฒ นาการทาง
สั งคมและความคิดความเข้ าใจของบุคคล พัฒนาขึน้ จากการ
มีความสั มพันธ์ กับผู้อื่น เพื่อบุคคลทั้งสองฝ่ ายจะได้ ประสบ
ความสาเร็จในการสร้ างสั มพันธภาพทีด่ ตี ่ อกัน ส่ งผลให้ การ
ทางานประสบผลสาเร็จ 4
3 ชู ศักดิ์ ประเสริฐ (2554)
4 เอมอร กฤษณะรังสรรค์ (2554)
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 1) และ 2) ผลการศึกษาและเปรียบเทียบระดับการแสดงออกภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณและปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพล
จาแนกตามเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
ผลิ ต ภาพโดยในผลการวิ จั ย นี้ เป็ นผลิ ต ภาพที่ ไ ม่ ได้
แสวงหาผลประโยชน์ แต่ ม่ ุงเน้ นในเรื่ องของแนวทาง วิถีทาง
การปฏิบัติงานสู่ การเป็ นภาวะผู้นาเชิ งจิตวิญญาณที่เป็ นผู้ สร้ าง
วัฒนธรรมองค์ การที่ดี ส่ งเสริ มบรรยากาศการทางานร่ ว มกัน
บุคลากรทุกคนในองค์ การปฏิบัติงานด้ วยความโปร่ งใสตรวจสอบ
ได้ เป็ นผู้ ส ร้ างความหมายในชี วิ ต ดั ง เห็ น ได้ จ ากการรั บ รู้
เป้ าหมายในการทางานของตนเอง การปฏิบัติงานที่ต้องมี การ
เตรี ยมการและวางแผนเสมอ และตั้ง เจตคติไ ว้ เ สมอว่ างานที่
ปฏิบัติจะต้ องบรรลุตามเป้ าหมายที่ต้องการร่ วมกัน มีความคิด
สร้ า งสรรค์ ใ นการสร้ า งสภาพแวดล้ อ มในการท างานให้ น่ า อยู่
สะดวกสบาย การสร้ างบุคลากรให้ เป็ นทั้งผู้นาและผู้ตาม เปิ ด
โอกาสให้ ทุ ก คนได้ แ สดงแนวความคิด อย่ า งอิ ส รเสรี ใ นรู ป การ
ประชุมประจาเดือน 1
1 Baum (2002); Draft (2007)
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 1) และ 2) ผลการศึกษาและเปรียบเทียบระดับการแสดงออกภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณและปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพล
จาแนกตามเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐานจึงต้ องเป็ นผู้ที่มีความรู้ สึก
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
เป็ นส่ วนหนึ่งของชุ มชน เห็นได้ จากการเปิ ดโอกาสให้ บุคคลได้
แลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ ซึ่ ง กั น และกั น ส่ งเสริ ม ให้ ทุ ก คนรั ก และ
หวงแหนภาพลักษณ์ ขององค์ การ ตลอดจนการชี้แจงให้ บุคลากร
ทุกคนรับทราบเมื่อเกิดการเปลีย่ นแปลงในองค์ การ ความรู้ สึกเป็ น
ส่ วนหนึ่งของชุมชนนั้น เกิดจากการที่สมาชิกภาพมีความซื่อสั ตย์
และมีปฏิสัมพันธ์ ภายในกลุ่มจะส่ งผลให้ สมาชิ กทุกคนรู้ ว่างานที่
ตนเองปฏิบัติมีความสาคัญ 2 การมีส่วนร่ วมรั บรู้ ในทุกสิ่ งที่
เกิ ด ขึ้ น ในกลุ่ ม การร่ วมแลกเปลี่ ย นความศรั ท ธา และความ
ต้ อ งการโดยผ่ า นข้ อ ตกลงร่ วมกั น ในกลุ่ ม จึ ง อาจกล่ า วได้ ว่ า
ความรู้ สึกเป็ นส่ วนหนึ่งของชุมชน เป็ นเรื่องของความรับผิดชอบ
ของคนในกลุ่มที่มีร่วมกัน 3
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
2 Fry (2003); Field (2010)
3 Spitzberg & Thorndike (1992)
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 3) ผลการตรวจสอบความสอดคล้ องของโมเดลสมการโครงสร้ างภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณสาหรับผู้บริหาร
สถานศึกษาทีพ่ ฒ
ั นาขึน้ กับข้ อมูลเชิงประจักษ์
ดัชนี
p-value
ความพึงพอใจ
ในการทางาน
0.61**
ความผูกพัน
ต่ อองค์ การ
0.18**
0.49**
0.12**
0.64**
ภาวะผู้นา
เชิงจิตวิญญาณ
0.27**
ผลิตภาพ
2 = 24.34 df = 43 p-value= 0.98 ,RMSEA=0.00
เกณฑ์
> 0.05
< 2.00
ค่ าที่ได้
0.98
0.56
> 0.95
0.99
AGFI
> 0.95
0.99
CFI
> 0.95
1.00
SRMR
< 0.05
0.01
RMSEA < 0.05
0.00
2 /df
GFI
CN
≥ 200
1835.79
LSR
≤ ±2.00
0.62
ผล
สรุปและอภิปรายผล
ข้ อ 4) ผลการศึกษาขนาดอิทธิพลทางตรง อิทธิพลทางอ้ อม และอิทธิพลรวมของปัจจัยทีน่ ามาศึกษาต่ อภาวะผู้นา
เชิงจิตวิญญาณสาหรับผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
0.61**
ความผูกพัน
ต่ อองค์ การ
ภาวะผู้ น าเชิ งจิ ต วิ ญ ญาณเป็ น
แนวคิ ด ภาวะผู้ น ายุ ค ใหม่ ที่ ใ ช้ ความ
ผู ก พั น ต่ อ อง ค์ ก า รเ พื่ อ แสวง หา
กระบวนการแนวทาง หรื อ แนวคิ ด
ใหม่ ๆ เพือ่ นาองค์ การสู่ เป้ าหมาย
ความพึงพอใจ
ในการทางาน
0.18**
0.49**
0.12**
0.64**
ภาวะผู้นา
เชิงจิตวิญญาณ
0.27**
ผลิตภาพ
หน้า 179
ผู้ บ ริ ห ารที่มีส ร้ า งให้ เ กิ ด ความ
ผูกพันต่ อองค์ การจะมอง เห็นมีความ
ต้ องการจะดารงอยู่ในองค์ การต่ อไป
เกิดจากการรักและมั่นคงในองค์ ก ารที่
ปฏิ บั ติ ง านอยู่ ด้ วยจิ ต วิ ญ ญาณ
และไม่ อยากละทิง้ ไป
ข้ อเสนอแนะจากผลการวิจัย
 เนื่องจากการแสดงภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณของ
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
ผู้ บ ริ ห ารสถานศึ ก ษาขั้ น พื้น ฐานในด้ า นต่ า งมี
ค่ าเฉลี่ ย อยู่ ในระดั บ มากถึ ง ระดั บ มากที่ สุ ด
การกาหนดแนวทางเพื่อพัฒนาภาวะผู้นาเชิ งจิต
วิ ญ ญาณของผู้ บ ริ ห ารสถานศึ ก ษาขั้ น พื้น ฐาน
ควรให้ ความสาคัญกับตัวแปรที่มีค่าเฉลี่ยน้ อยกว่ า
โดยเฉพาะด้ านความหวัง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเป็ นลาดับ
สุ ดท้ าย เช่ นเดียวกับการกาหนดแนวทางพัฒนา
ในแต่ ล ะด้ า นก็ค วรให้ ความสาคัญเพื่อ ยกระดับ
ข้ อที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ในลาดับสุ ดท้ ายของแต่ ละด้ าน
นั้นด้ วย ทั้งนี้ แนวคิดนี้สามารถนาไปใช้ กับ
การกาหนดแนวทางเพื่อพัฒนาปัจจัยที่ส่ งผลต่ อ
ภ า ว ะ ผู้ น า เ ชิ ง จิ ต วิ ญ ญ า ณ ข อ ง ผู้ บ ริ ห า ร
สถานศึกษาขั้นพืน้ ฐานแต่ ละปัจจัยได้ ด้วย
ข้ อเสนอแนะจากผลการวิจัย
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน

การสร้ างโปรแกรมเพื่อพัฒนาปั จจัยด้ า น
ความผูกพันกับองค์ การ ความพึงพอใจในการ
ท างาน และปั จ จั ย ด้ า นผลิ ต ภาพ สามารถ
คานึงถึงหลักความคล้ ายคลึงกันหรือหลักการใช้
ร่ วมกันได้ ทั้งกรณีผู้บริหารสถานศึกษาที่มีเพศ
ช่ ว งอายุ และที่ป ฏิบัติ ง านในสถานศึ ก ษาที่ มี
ขนาดแตกต่ างกัน เนื่องจากผลการวิจัยพบว่ ามี
การแสดงออกในสามปัจจัยไม่ แตกต่ างกันทั้ งใน
กรณีเพศ อายุ และขนาดของโรงเรียน
ข้ อเสนอแนะจากผลการวิจัย
 การนาโมเดลที่พัฒนาขึ้นไปเป็ นกรอบแนวคิด เพื่อ
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
พัฒนาผู้บริ หารสถานศึ กษาขั้นพืน้ ฐาน ควรมุ่งพัฒนา
ปั จ จั ย ที่ มี อิ ท ธิ พ ลในทางบวกต่ อภาวะผู้ น าเชิ ง จิ ต
วิญญาณ 3 ปัจจัย ได้ แก่ ปัจจัยด้ านความผูกพันต่ อ
องค์ การ ปั จจัยด้ านความพึงพอใจในการทางาน และ
ปัจจัยด้ านผลิตภาพ โดยให้ ความสาคัญกับปั จจั ยด้ าน
ความผูกพันต่ อองค์ การซึ่ งมีอิทธิ พลทางตรงต่ อภาวะ
ผู้นาเชิ งจิตวิญญาณสู งสุ ด และให้ ความสาคัญกับปัจจัย
ด้ า นความพึ ง พอใจในการท างานซึ่ ง มี อิ ท ธิ พ ลทั้ ง
ทางตรงและทางอ้ อมต่ อภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
ข้ อเสนอแนะจากผลการวิจัย
 จากผลการวิจัยที่พบว่ าผู้บริหารสถานศึกษา
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
ขั้นพืน้ ฐานที่มีประสิ ทธิภาพมีความสามารถใน
การเพิ่ม ผลิต ภาพขององค์ ก าร และผลิต ภาพ
ที่ สู งขึ้ น เป็ นเครื่ องชี้ วั ด ความสามารถใน
การบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษา จึงควร
มีก ารจั ด ท าโปรแกรมเพื่อ พัฒ นาและส่ งเสริ ม
ให้ ผ้ ูบริ หารสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐานตระหนักถึง
ความสาคัญของผลิตภาพ
ข้ อเสนอแนะจากผลการวิจัย
 เนื่องจากค่ าน้าหนักองค์ ประกอบของโมเดลการ
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
วัดภาวะผู้นาเชิ งจิตวิญญาณ ได้ แก่ ความไว้ วางใจ
ศรั ทธา วิสัยทัศน์ และความหวัง มีค่ า น้า หนั ก สู ง
คือ 0.66, 0.65,0.53,0.50
ตามลาดับ การ
เสริ ม สร้ างภาวะผู้ น าเชิ ง จิ ต วิ ญ ญาณส าหรั บ
ผู้ บ ริ ห า ร ส ถ า น ศึ ก ษ า ขั้ น พื้ น ฐ า น ค ว ร ใ ห้
ความส าคั ญ กั บ ทุ ก องค์ ประกอบ โดยเฉพาะ
องค์ ป ระกอบความไว้ ว างใจ เนื่ อ งมาจากความ
ไว้ วางใจเป็ นความเชื่ อมั่นศรัทธาในการปฏิบั ติงาน
ของผู้ บ ริ ห ารสถานศึ ก ษาในเรื่ อ งความโปร่ งใส
ค ว า ม ยุ ติ ธ ร ร ม ใ น ก า ร ตั ด สิ น ใ จ
ข้ อเสนอแนะจากผลการวิจัย
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
 จากผลการวิจัยที่พบว่ า ปัจจัยด้ านความ
ผูกพันต่ อองค์ การมีเส้ นทางอิทธิ พลสู งสุ ด
จึงควรพัฒนาภาวะผู้นาเชิ งจิตวิญญาณโดย
เริ่ ม พัฒนาจากปั จ จั ย ด้ า นความผู ก พัน ต่ อ
องค์ ก าร ขณะเดียวกันก็พัฒนาปั จจัยด้ า น
ความพึ ง พอใจในการท างานที่ มี เ ส้ นทาง
อิทธิพลรวมในระดับรองลงมา และความ
ตระหนักถึงความสาคัญสองปัจจัยนี้เพราะ
มี อิ ท ธิ พ ล ท า ง ต ร ง ต่ อ ภ า ว ะ ผู้ น า
เชิงจิตวิญญาณ
ข้ อเสนอแนะจากผลการวิจัย
 จ า ก ผ ล ก า ร วิ จั ย ที่ พ บ ว่ า ค่ า น้ า ห นั ก
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
องค์ ประกอบของโมเดลการวัดความพึงพอใจ
ในการทางาน ได้ แก่ ความสุ ข การนิเทศ
และความสั มพันธ์ ระหว่ างเพือ่ นร่ วมงาน โดย
มีค่าน้าหนักองค์ ประกอบ 0.53, 0.47, 0.41
ตามล าดั บ ดั ง นั้ นการพั ฒ นาปั จ จั ย ด้ าน
ค ว า ม พึ ง พ อ ใ จ ใ น ก า ร ท า ง า น ค ว ร ใ ห้
ความส าคั ญ กั บ ตั ว แปรทุ ก ตั ว เพราะเป็ น
องค์ ป ระกอบพื้น ฐานที่บุ ค ลากรต้ อ งการให้
ผู้บริ หารสถานศึ กษาปฏิบัติตนเป็ นแบบอย่ าง
โดยยึ ด หลั ก ธรรมาภิ บ าล ความโปร่ งใส
ยุติธรรม ส่ งผลให้ องค์ การมีความพึงพอใจใน
การท างาน เพื่ อ ให้ เ กิ ด ประสิ ท ธิ ภ าพและ
ประสิ ทธิผลอย่ างยัง่ ยืน
ข้ อเสนอแนะจากผลการวิจัย
 จากผลการวิจัยที่พบว่า ค่าน้าหนักองค์ประกอบของโมเดลการ
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
วัดผลิตภาพ ได้ แก่ ความหมายในชีวิต สภาพแวดล้ อมในการ
ทางาน ความรู้ สึกเป็ นส่ วนหนึ่ งของชุ มชน และวัฒนธรรม
องค์ การ โดยมีค่าน้าหนักองค์ ประกอบ 0.72, 0.65, 0.59,0.46
ตามลาดับ โดยความหมายในชีวิตควรให้ ความสาคัญมากที่ สุด
นอกจากนั้นองค์ ประกอบในปัจจัยด้ านผลิตภาพ ตัวแปรอื่ นๆ
มีค วามส าคัญ ทุ กตัว แปรที่ ไ ม่ ค วรละเลย เนื่ อ งจากผู้ บ ริ ห าร
สถานศึ ก ษาขั้น พื้น ฐานที่ มีภ าวะผู้ น าเชิ ง จิ ต วิญ ญาณเป็ นผู้ ที่
ปฏิบัติหน้ าที่โดยมิได้ แสวงหาผลกาไรทางธุรกิจ เหมือนผลิต
ภาพในความหมายของทางอุตสาหกรรม เมื่อการปฏิบัติงาน
ด้ วยจิตวิญญาณ ทุ่มเท เสี ยสละ ย่ อมส่ งผลให้ ผลิตภาพหรื อ
เกิดวัฒนธรมในองค์ การที่มีความสมัครสมานสามัคคี รั กใคร่
กลมเกลียว มีความรู้ สึกว่ าตนเองเป็ นส่ วนหนึ่งขององค์ การใน
การร่ ว มคิ ด ร่ ว มพัฒ นา การมุ่ ง พัฒ นาสภาพแวดล้ อ มในที่
ทางานให้ น่าอยู่เอือ้ ต่ อการจัดการเรี ยนการสอนและเอือ้ ต่ อการ
ปฏิบัติงานทาให้ เกิดความพึงพอใจทั้งผู้บริ หารสถานศึกษาและ
บุคลากร
ข้ อเสนอแนะการนาผลการวิจัยไปใช้
 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
และส านั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษา รวมทั้ ง
สถานศึ ก ษาในฐานะที่ เ ป็ นผู้ ดู แ ลและมี ห น้ า ที่
รั บผิดชอบโดยตรงในการจัดการศึ กษาพื้นฐาน
ควรตระหนักและให้ ความสาคัญกับนโยบายการ
พัฒนาผู้บริ หารสถานศึกษาในเรื่ องความผูกพัน
ต่ อองค์ การมากขึน้ เนื่องจากผลการวิจัยที่พบว่ า
ความผู ก พั น ต่ อ องค์ ก ารมี อิ ท ธิ พ ลทางตรงต่ อ
ภาวะผู้ น าเชิ ง จิ ต วิ ญ ญาณ ซึ่ ง เมื่ อ ผู้ บริ ห าร
สถานศึกษามีความยึดมัน่ ผูกพันต่ อองค์ การจะทา
ให้ เกิดความรักหวงแหนภาพลักษณ์ และมุ่งมั่นที่
จะพั ฒ นาองค์ การโดยไม่ คิ ด โยกย้ ายหรื อ
เกษียณอายุราชการก่ อนกาหนด
ข้ อเสนอแนะการนาผลการวิจัยไปใช้
ความพึงพอใจ
ในการทางาน
0.61**
ความผูกพัน
ต่ อองค์ การ
0.18**
0.12**
0.64**
 จากผลการตรวจสอบความสอดคล้ องโมเดลสมการ
0.49**
ภาวะผู้นา
เชิงจิตวิญญาณ
0.27**
ผลิตภาพ
2 = 24.34 df = 43 p-value= 0.98 ,RMSEA=0.00
โครงสร้ างภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณสาหรับผู้บริหาร
สถานศึ ก ษาขั้ น พื้น ฐานที่ พัฒ นาขึ้น กั บ ข้ อ มู ล เชิ ง
ประจั ก ษ์ มี ข้ อเสนอแนะส าหรั บส านั ก งาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน และหน่ วยงาน
ที่เกีย่ วข้ อง
2.1 ควรนาโมเดลสมการโครงสร้ างนี้เป็ น
แนวทางในการพั ฒ นาผู้ บริ หารสถานศึ กษา
ขั้นพื้นฐาน เนื่ องจากผลการวิจัยที่ พบว่ า โมเดล
สมการโครงสร้ างภาวะผู้นาเชิ งจิตวิญญาณมีความ
สอดคล้ องกับข้ อมูลเชิงประจักษ์ โดยพัฒนาปัจจัยที่
มีอิทธิพลต่ อภาวะผู้นาเชิ งจิตวิญญาณ คือ ปั จจัย
ด้ า นความผู ก พั น ต่ อ องค์ ก าร ปั จ จั ย ด้ า นความ
พึงพอใจในการทางาน และปัจจัยด้ านผลิตภาพ
ข้ อเสนอแนะการนาผลการวิจัยไปใช้
ความพึงพอใจ
ในการทางาน
0.61**
ความผูกพัน
ต่ อองค์ การ
0.18**
0.12**
0.64**
2.2
0.49**
ภาวะผู้นา
เชิงจิตวิญญาณ
0.27**
ผลิตภาพ
2 = 24.34 df = 43 p-value= 0.98 ,RMSEA=0.00
สาหรั บการนาโมเดลไปใช้ ควรปรั บให้ เหมาะสม
กับบริ บทของสถานศึกษา เนื่องจากความแตกต่ าง
ระห ว่ างปั จจั ย ที่ มี อิ ท ธิ พ ลต่ อภาวะผู้ น า เชิ ง
จิตวิญญาณสาหรับผู้บริ หารสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
นอกจากนั้นควรคานึงถึงปัจจัยที่ส่งผลต่ อภาวะผู้นา
เชิ งจิตวิญญาณอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่ ได้ นามาศึกษา
ในครั้งนี้
ข้ อเสนอแนะเพือ่ การวิจัยครั้งต่ อไป
 ควรศึ ก ษาโมเดลสมการโครงสร้ างภาวะผู้ น าเชิ ง
ผลการวิจย
ั
เปรียบเทียบความแตกต่าง
ตัวแปร
ระดับ
เพศ
ภาวะผูน
้ าเชิงจิต
วิญญาณ
มาก
ความผูกพันต่อ
องค์การ
มาก
ที่สุด
ความพึงพอใจใน มาก
การทางาน
ที่สุด
ผลิตภาพ
มาก
อายุ
ขนาด
โรงเรียน
จิตวิญญาณโดยการวิเคราะห์ พหุระดับระหว่ างผู้บริหาร
สถานศึ กษาขั้นพืน้ ฐานและผู้บริ หารสถานศึ กษาเอกชน
เพือ่ ตรวจสอบ ตัวแปรในโมเดลการวิจัยว่ ามีความเหมือน
หรื อ แตกต่ า งระหว่ า งผู้ บริ หารสถานศึ ก ษาขั้น พื้นฐาน
และผู้ บ ริ ห ารสถานศึ ก ษาเอกชนหรื อ ไม่ เพื่ อ พั ฒ นา
เป็ นไปอ ย่ า ง สอ ดค ล้ อ ง กั บ กลุ่ มเ ป้ า หมา ย แล ะ
กลุ่มตัวอย่ างทีม่ สี ถานะและบริบทใกล้ เคียงกัน
 ควรศึกษาปัจจัยทีม่ อี ิทธิพลต่ อภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
อื่น ๆ ที่ไม่ ได้ นามาศึ ก ษาในการวิจัยนี้เพิ่ มเติ ม เพราะ
จากการสั ง เคราะห์ แ นวคิ ด จากนั ก วิ ช าการศึ ก ษาที่ มี
การศึ ก ษาจากปั จจัยที่หลากหลายและแตกต่ า งกันยั ง มี
ปั จจัยอื่นๆ อีกมาก ดังนั้นควรศึ กษาปั จจัยที่ มีอิทธิพล
อื่น ๆ อี ก เพื่อ น ามาปรั บ ปรุ ง และพั ฒ นาโมเดลสมการ
โครงสร้ างภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
ประเด็นปัญหาทีค่ วรศึกษาวิจัยต่ อไปในอนาคต
 ควรให้ มี ก ารวิ จั ย เพื่ อ ตรวจสอบภาวะผู้ น า
เชิ ง จิ ต วิ ญ ญาณเพื่ อ ให้ เกิ ด การพั ฒ นาอย่ าง
ต่ อ เนื่ อ ง เพื่อ วิ เ คราะห์ หาจุ ดเด่ น จุ ดด้ อ ย ทั้ง
ภาวะผู้นา เชิงจิตวิญญาณและปัจจัยทีม่ อี ทิ ธิพล
 ควรพัฒนางานวิจัยเชิงปฏิบัติการในเรื่ อง
ภาวะผู้ น าเชิ ง จิ ต วิ ญ ญาณต่ อยอดเพื่ อ ศึ ก ษา
ให้ เ กิ ด องค์ ค วามรู้ อ ย่ า งหลากหลายและเชิ ง ลึ ก
เช่ น การวิ จั ย และพัฒ นา (research
and
development) ก า ร วิ จั ย เ ชิ ง ป ฏิ บั ติ ก า ร
แบบมี ส่ วนร่ วม (participatory
action
research) เป็ นต้ น โดยน าผลการวิ จั ย นี้ เ ป็ น
ข้ อมู ลและแนวทางเพื่ อ น าผลการวิ จั ย ทั้ ง
เชิ ง ปริ ม าณและเชิ ง คุ ณ ภาพไปใช้ ในการพัฒนา
ภาวะผู้นาเชิงจิตวิญญาณ
วิเคราะห์ ประมาณค่ าพารามิเตอร์ เพียงครั้งเดียว
สามารถวัดได้ ท้งั ตัวแปรแฝงและตัวแปรสั งเกตในคราวเดียวกัน
ข้ อดีของ
โมเดลสมการ
โครงสร้ าง
ความคลาดเคลือ่ นสั มพันธ์ กนั ได้
สามารถทดสอบความตรงของโมเดลว่ าสอดคล้ องกลมกลืนกับ
ข้ อมูลประจักษ์ หรือไม่
ใช้ ทดสอบทฤษฎีมากกว่ าสร้ างทฤษฎี
ตรวจสอบความตรง ความพอเหมาะของโมเดลการวิจัยให้
สอดคล้ องความเป็ นจริง
การวัดการกระจายข้อมูล
• พิสัยข้ อมูล (Range) คือการหาความต่ างของข้ อมูล
มากทีส่ ุ ดและน้ อยทีส่ ุ ด
•ค่ าเบีย่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) คือค่ ารากที่สองของความแปรปรวน
การวัดแนวโน้มสูส
่ ่วนกลาง
การวิเคราะห์
ทางสถิติ
•ค่ าเฉลีย่ (Mean) คือค่ าเฉลีย่ เลขคณิต
•มัธยฐาน (Median) คือค่ ากลางข้ อมูล
•ฐานนิยม (Mode) คือค่ าความถี่สูงสุ ด
การแจกแจงข้อมูล
•แบบเบ้ ขวา แสดงว่ าผู้ตอบแบบสอบถามส่ วนใหญ่ ให้ ค่าน้ อย
•แบบเบ้ ซ้าย แสดงว่ าผู้ตอบแบบสอบถามส่ วนใหญ่ ให้ ค่ามาก
การประมาณค่า
•เป็ นวิธีการทางสถิติทมี่ คี วามสาคัญเพือ่ ประมาณค่ าพารามิเตอร์ ของ
ประชากร คือ การประมาณค่ าเฉลีย่ ค่ าสั ดส่ วน เพือ่ ให้ ผดิ พลาดน้ อย
ทีส่ ุ ด คือการประมาณค่ าใกล้ จริงมากทีส่ ุ ด
ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Best & John, 1981)
4.51-5.00
มีการแสดงออกในระดับมากที่สุด
3.51-4.50
มีการแสดงออกในระดับมาก
2.51-3.50
มีการแสดงออกในระดับปานกลาง
1.51-2.50
มีการแสดงออกในระดับน้อย
1.00-1.50
มีการแสดงออกในระดับน้อยที่สุด
การแปลผล
ข้ อมูล
ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Devore & Peck,1993)
0.80-1.00
มีความสัมพันธ์กันมาก
0.50-0.79
มีความสัมพันธ์ปานกลาง
0.01-0.49
มีความสัมพันธ์กันน้อย
0.00
ไม่มีความสัมพันธ์
การประเมินโมเดลวัด
•เป็นโมเดลตัวแปรสังเกตวัดตัวแปรแฝง โดยพิจารณาประสิทธิภาพ
โมเดล ดังนี
•ความตรง (Validity) พิจารณาจากค่า Factor loading ควรมีค่าสูง (tvalue >1.96)
•ความเที่ยง (Reliability) ความคงเส้นคงวาในการวัด โดยพิจารณา
ค่า R2 (Square multiple correlation)
เทคนิคการ
ประเมินโมเดล
- ความเที่ยงตัวแปรแฝง (Construct reliability : pc)
ควรมีค่ามากกว่า 0.60 (Diamontopoulos and Siguaw,2000)
- ค่าเฉลี่ยความแปรปรวนที่ถูกสกัดได้ (Average variance
extracted : pv )ควรมีค่ามากกว่า 0.50 (Diamontopoulos and
Siguaw,2000)
การประเมินโมเดลโครงสร้าง
•ทิศทางสัมประสิทธิ์การถดถอย ควรมีทิศทางสอดคล้อง Theory
•สัมประสิทธิ์การถดถอยมีนัยสาคัญทางสถิติ
•สัมประสิทธิ์การทานายของโมเดลสมการโครงสร้าง (R2)
แบบสอบถามที่สมบูรณ์มากกว่าร้อยละ 90
(Weisberg, Krosnick and Bowen,1996)
เทคนิคการ
รวบรวม
แบบสอบถาม
การมอบของที่ระลึกให้ผู้บริหารเลือก 3 ชิน
• ผ้าเช็ดมือ
•พวงกุญแจไฟฉาย
•สมุดโน้ต
การส่งแบบสอบถามจานวน 1,200 ฉบับใน
คราวเดียวกัน