วิชาว่าความและการถามพยาน (2) การร่างฟ้องคดีอาญา โดย ศ.(พิเศษ) สุชาติ ธรรมาพิทกั ษ์ กลุ ประกอบการบรรยายภาคสอง สมัยที่ 67 ปี 2557 สานักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบณ ั ฑิตยสภา.

Download Report

Transcript วิชาว่าความและการถามพยาน (2) การร่างฟ้องคดีอาญา โดย ศ.(พิเศษ) สุชาติ ธรรมาพิทกั ษ์ กลุ ประกอบการบรรยายภาคสอง สมัยที่ 67 ปี 2557 สานักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบณ ั ฑิตยสภา.

วิชาว่าความและการถามพยาน
(2)
การร่างฟ้ องคดีอาญา
โดย
ศ.(พิเศษ) สุชาติ ธรรมาพิทก
ั ษ์ กล
ุ
ประกอบการบรรยายภาคสอง สมัยที่ 67 ปี 2557
ึ ษากฎหมายแห่งเนติบณ
สานักอบรมศก
ั ฑิตยสภา
การเตรียมคดีฝ่ายผู ้ต ้องหาหรือจาเลย
ิ ธิของผู ้ต ้องหา ตาม ป. วิอาญา มาตรา
• ต ้องทราบถึงสท
7/1 (แก ้ไขเพิม
่ เติมตาม พรบ. แก ้ไข ป.วิอ. ฉบับที่ 22
ิ ธิตาม มาตราอืน
่
ลว. 23/12/47) และสท
่ ๆ เชน
ิ ธิขอให ้แจ ้งญาติวา่ ถูกจับ ม. 7/1 วรรคแรก
1. สท
ิ ธิพบและปรึกษาทนายความ ตาม ม. 7/1 (1)
2. สท
ิ ธิขอให ้ทนายความฟั งการสอบปากคาชน
ั ้ สอบสวน ม.
3. สท
7/1 (2) และ 134/3
ิ ธิได ้รับการเยีย
4. สท
่ ม ตาม ม. 7/1 (3)
ิ ธิได ้รับการรักษาพยาบาล ตาม ม. 7/1 (4)
5. สท
ิ ธิให ้การหรือไม่ให ้การ ในชน
ั ้ จับกุม ตาม ม. 83 วรรค
6. สท
สอง
ิ ธิได ้รับแจ ้งข ้อหา และเหตุแห่งการจับ ตาม ม. 84 (1)
7. สท
ิ ธิแต่งทนายเพือ
8. สท
่ คัดค ้าน หมายขังพนักงานสอบสวน
ตาม ม. 87 วรรค 8
ิ ธิร ้องขอให ้ปล่อย ตาม ม. 90
9. สท
การประกันตัวผู ้ต ้องหา
 พิจารณาตามหลักเกณฑ์ใน ป.วิ อ. ม. 87 และ
106
 ตารวจควบคุมตัว ได ้ 48 ชวั่ โมง จากนัน
้ ต ้องขอฝาก
ขังต่อศาล
ั ้ ตารวจและชน
ั้
 การประกันตัว อาจกระทาได ้ทัง้ ชน
ศาล
 หากศาลไม่ให ้ประกันตัว
 ถ ้าฝากขังครบ 48 วันแล ้ว และโทษไม่เกิน 10 ปี
การขอฝากขังต่อไป ศาลต ้องไต่สวนตาม ม. 87
วรรค 7
ิ ธิทางศาลก่อนฟ้ องคดีของ
การใชส้ ท
ผู ้ต ้องหา
กระทำได้ใน 4 กรณี คือ
ตาม ม. 87 คัดค ้านการฝากขัง
ตาม ม. 90 ร ้องขอให ้ปล่อย
ตาม ม. 150 ไต่สวนคดีวส
ิ ามัญฆาตกรรม
ตาม ม. 237 ทวิ วรรคแรก และวรรค 6 พนักงานอัยการ
ื พยานก่อนคดีมาสูศ
่ าลได ้
หรือผู ้ต ้องหา ขอสบ
ตัวอย่างคาร ้องคัดค ้านการฝากขัง
1. คดีนี้ พนักงานสอบสวนได ้นาตัวผู ้ต ้องหามาฝาก
ขังต่อศาลเป้ นครัง้ ที่ 5 แล ้ว ต ้องหาจึงขอคัดค ้านการ
ขอฝากขังด ้วยเหตุผลดังจะกราบเรียนต่อไปนี้ คือ
ผู ้ต ้องหาไม่เคยมีพฤติการณ์ดงั ทีพ
่ นักงานสอบสวน
กล่าวอ ้าง ทีพ
่ นักงานสอบสวนอ ้างว่าผู ้ต ้องหาเป็ นผู ้ที
อิทธิพลและได ้ใชอิ้ ทธิพลข่มขูพ
่ ยานจนพยานไม่กล ้ามา
เบิกความต่อพนักงานสอบสวนนัน
้ ไม่เป็ นความจริง และ
ไม่มม
ี ล
ู แต่อย่างใด ในความเป็ นจริง ผู ้ต ้องไม่เคยมี
ื่ มเสย
ี เกีย
ประวัตใิ นทางเสอ
่ วกับความประพฤติ และมีการ
งานทาเป็ นหลักแหล่ง ทัง้ ไม่เคยรู ้จักหรือพบปะกับ
พยานของพนักงานสอบสวนมาก่อน จึงขอศาลได ้โปรด
ยกคาร ้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวนด ้วย
ตัวอย่างคาร ้องขอให ้ปล่อยตาม มาตรา
90
1. ผู ้ร ้องเป็ นภริยาโดยชอบด ้วยกฎหมายของ
นายแดง ปรากฏว่านายแดง สามีของผู ้ร ้อง ได ้ถูก
ร.ต.อ. เขียว ซงึ่ เป็ นเจ ้าหน ้าทีต
่ ารวจ จับไปขังไว ้ที่
สถานีตารวจนครบาล......ตัง้ แต่เมือ
่ วันที่ 15 ก.พ.
2557 โดยมิได ้แจ ้งข ้อหาแต่อย่างใด และขณะนีก
้ ็
ยังมิได ้รับการปล่อยตัว
2. พฤติการณ์การจับกุมคุมขังดังกล่าวของ
ร.ต.อ. เขียว จึงไม่ชอบด ้วยกฎหมาย ผู ้ร ้องซงึ่ เป็ น
ภริยาโดยชอบด ้วยกฎหมายของนายแดง จึงขอ
ศาลได ้โปรดไต่สวนและพิจารณาสงั่ ปล่อยนาย
ั สูตรพลิก
ตัวอย่างคาร ้องคัดค ้านเรือ
่ งชน
ศพตาม ม. 150
ั สูตรพลิกศพกรณี
1. คดีนี้ ศาลนัดไต่สวนชน
้ ธปื นยิงผู ้ต ้องหาถึงแก่
ที่ ส.ต.อ. แดง ได ้ใชอาวุ
้
ความตาย โดยอ ้างว่าผู ้ตายได ้ต่อสูการปฏิ
บต
ั ิ
หน ้าทีข
่ องเจ ้าพนักงานตารวจในวันนี้
2. ผู ้ร ้องเป็ น ภริยาโดยชอบด ้วยกฎหมาย
ของผู ้ตาย ขอยืน
่ คาร ้องคัดค ้านคาร ้องของ
ิ ธิทจ
พนักงานอัยการและขอใชส้ ท
ี่ ะนา
พยานหลักฐานมาหักล ้างพยานหลักฐานของ
ื
พนักงานสอบสวน ในกรณีทพ
ี่ นักงานอัยการนาสบ
ด ้วย เพือ
่ ประโยชน์แห่งความยุตธิ รรม ขอศาลได ้
ื พยานก่อนฟ้ องคดี
ตัวอย่างคาร ้องขอสบ
ตาม ม. 237ทวิ
ี หายในคดีนซ
ข ้อ 1 เนือ
่ งจาก นายบราวน์ ผู ้เสย
ี้ งึ่ ถูก
ื้ ของอยู่
ชงิ ทรัพย์ เมือ
่ วันที่ 20 ก.พ. 2557 ในขณะเดินซอ
ั ชาติ
บริเวณตลาดจัตจ
ุ ักร เป็ นชาวต่างชาติ สญ
สหรัฐอเมริกา มีความจาเป็ นต ้องเดินทางกลับประเทศ
สหรัฐอเมริกาภายในวันที่ 27 ก.พ. 2557 นี้ เนือ
่ งจาก
ครบกาหนดวันลา จาต ้องกลับไปปฏิบต
ั งิ าน และขณะนี้
พนักงานสอบสวนยังทาการสอบสวนและรวบรวม
พยานหลักฐานต่าง ๆ ในคดีไม่แล ้วเสร็จ
ี หายเดินทางกลับมาประเทศไทย
ข ้อ 2 การให ้ผู ้เสย
เพือ
่ เป็ นพยานในศาลนัน
้ ไม่สะดวกอย่างมากเนือ
่ งจาก
ระยะทางห่างไกลและจาเป็ นต ้องขาดการงานอีกหลายวัน
่ า่ ยสูง จึงเป็ นการยากทีจ
ี หายซงึ่ เป็ น
ทัง้ มีคา่ ใชจ
่ ะนาผู ้เสย
ื ในภายหน ้า จึงขอศาลได ้โปรด
ประจักษ์ พยานมาสบ
ื พยานผู ้เสย
ี หายรายนีล
อนุญาตให ้สบ
้ ว่ งหน ้าก่อนฟ้ องคดี
ื พยานล่วงหน ้าก่อน
ตัวอย่างคาร ้องขอสบ
ฟ้ องคดี
ตาม ม. 237 ทวิ วรรค 6
ข ้อ 1. คดีนี้ ผู ้ร ้องได ้รับแจ ้งข ้อกล่าวหาและถูกจับกุมตัว
โดยเจ ้าพนักงานตารวจว่า
กระทาความผิดฐานวิง่ ราวทรัพย์
ของนายแดนนี่ ซงึ่ เป็ นชาวอังกฤษ เมือ
่ วันที่ 20 ก.พ. 2557
ั ้ สอบสวน และคดีอยู่
ขณะนี้ ผู ้ร ้องได ้รับการประกันตัวในชน
ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
ข ้อ 2. ผู ้ร ้องทราบจากนายแดนนีว่ า่ มีความจาเป็ นต ้อง
เดินทางกลับไปประเทศอังกฤษเพราะครบกาหนดวันลา และ
เนือ
่ งจากของนายแดนนีท
่ าหน ้าทีเ่ ป็ นกับตันเดินเรือทะเล
ิ ค ้า นายแดนนีจ
ขนสง่ สน
่ งึ ไม่มท
ี อ
ี่ ยูเ่ ป็ นหลักแหล่ง การทีน
่ าย
แดนนีจ
่ ะเดินทางกลับมาเบิกความเป็ นพยานในคดีนี้ เป็ นเรือ
่ ง
ิ้ เปลืองค่าใชจ่้ ายมาก และ
ยากและไม่อาจคาดเดาได ้ ทัง้ สน
ี หายในคดีวงิ่ ราวทรัพย์นไ
โดยทีน
่ ายแดนนี่
ซงึ่ เป็ นผู ้เสย
ี้ ด ้
่ ู ้กระทาผิด เนือ
ยืนยันต่อพนักงานสอบสวนว่าผู ้ร ้องมิใชผ
่ งจาก
ผู ้ร ้องทาหน ้าทีเ่ ป็ นมัคคุเทศน์ของนายแดนนีใ่ นวันเกิดเหตุ
นัน
้ เอง การจับกุมผู ้ร ้องน่าจะเป็ นการจับกุมผิดตัว นายแดนนี่
จึงเป็ นประจักษ์ พยานสาคัญในคดีนี้ หากภายหลังจากฟ้ องคดี
แล ้ว มิได ้ตัวนายแดนนีม
่ าเบิกความเป็ นพยาน ผลแห่งคดีอาจ
การประกันตัวผู ้ต ้องหา
 พิจารณาตามหลักเกณฑ์ใน ป.วิอ. ม. 87 และ
106
 ตารวจควบคุมตัว ได ้ 48 ชวั่ โมง จากนัน
้ ต ้องขอ
ฝากขังต่อศาล
ั ้ ตารวจและชน
ั้
 การประกันตัว อาจกระทาได ้ทัง้ ชน
ศาล
 หากศาลไม่ให ้ประกันตัว
 ถ ้าฝากขังครบ 48 วันแล ้ว และโทษไม่เกิน 10 ปี
การขอฝากขังต่อไป ศาลต ้องไต่สวนตาม ม. 87
วรรค 7
ิ ธิทางศาลก่อนฟ้ องคดีของ
การใชส้ ท
ผู ้ต ้องหา
 กระทาได ้ใน 4 กรณี คือ




ตาม ม. 87 คัดค ้านการฝากขัง
ตาม ม. 90 ร ้องขอให ้ปล่อย
ตาม ม. 150 ไต่สวนคดีวส
ิ ามัญฆาตกรรม
ตาม ม. 237 ทวิ วรรคแรก และวรรค 6 พนักงาน
ื พยานก่อนคดี
อัยการหรือผู ้ต ้องหา
ขอสบ
่ าลได ้
มาสูศ
ตัวอย่างคาร ้องคัดค ้านการฝากขัง
้ อ
้ งหำมำฝำก
1. คดีนี้ พนักงำนสอบสวนได้นำตัวผู ต
้ั ่ 5 แล้ว ต้องหำจึงขอคัดค้ำนกำร
ขังต่อศำลเป็ นครงที
ขอฝำกขังด้วยเหตุผลดงั จะกรำบเรียนต่อไปนี ้ คือ
่ กงำนสอบสวน
ผู ต
้ อ
้ งหำไม่เคยมีพฤติกำรณ์ดงั ทีพนั
่ กงำนสอบสวนอ้ำงว่ำผู ต
กล่ำวอ้ำง ทีพนั
้ อ
้ งหำเป็ นผู ้
ทีอท
ิ ธิพลและได้ใช้อท
ิ ธิพลข่มขู่พยำนจนพยำนไม่
้
กล้ำมำเบิกควำมต่อพนักงำนสอบสวนนันไม่
เป็ น
ควำมจริง และไม่มม
ี ู ลแต่อย่ำงใด ในควำมเป็ นจริง ผู ้
่
่
ต้องไม่เคยมีประว ัติในทำงเสือมเสี
ยเกียวก
ับควำม
้ เคย
ประพฤติ และมีกำรงำนทำเป็ นหลักแหล่ง ทังไม่
รู ้จักหรือพบปะกับพยำนของพนักงำนสอบสวนมำ
ก่อน จึงขอศำลได้โปรดยกคำร ้องขอฝำกขังของ
พนักงำนสอบสวนด้วย
ตัวอย่างคาร ้องขอให ้ปล่อยตาม มาตรา
90
1. ผู ร้ ้องเป็ นภริยำโดยชอบด้วยกฎหมำยของ
นำยแดง ปรำกฏว่ำ นำยแดง สำมีของผู ร้ ้อง ได้
่ นเจ้ำหน้ำทีต
่ ำรวจ จับไป
ถู ก ร.ต.อ. เขียว ซึงเป็
้
่
่
ขังไว้ทสถำนี
ี่
ตำรวจนครบำล...... ตังแต่
เมือวันที
15 ก.พ. 2557 โดยมิได้แจ้งข้อหำแต่อย่ำงใด และ
้ ยงั มิได้ร ับกำรปล่อยตัว
ขณะนี ก็
2. พฤติการณ์การจับกุมคุมขังดังกล่าวของ
ร.ต.อ. เขียว จึงไม่ชอบด ้วยกฎหมาย ผู ้ร ้องซงึ่ เป็ น
ภริยาโดยชอบด ้วยกฎหมายของนายแดง จึงขอศาล
ั สูตรพลิก
ตัวอย่างคาร ้องคัดค ้านเรือ
่ งชน
ศพตาม ม. 150
1. คดีนี้ ศำลนัดไต่สวนช ันสู ตรพลิกศพกรณี ท ี่
ส.ต.อ. แดง ได้ใช้อำวุธปื นยิงผู ต
้ อ
้ งหำถึงแก่ควำม
่
ตำย โดยอ้ำงว่ำผู ต
้ ำยได้ตอ
่ สู ก
้ ำรปฏิบต
ั ห
ิ น้ำทีของ
เจ้ำพนักงำนตำรวจในวันนี ้
2. ผู ้ร ้องเป็ น ภริยาโดยชอบด ้วยกฎหมายของ
ผู ้ตาย ขอยืน
่ คาร ้องคัดค ้านคาร ้องของพนักงาน
ิ ธิทจ
อัยการและขอใชส้ ท
ี่ ะนาพยานหลักฐานมา
หักล ้างพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ใน
ื ด ้วย เพือ
กรณีทพ
ี่ นักงานอัยการนาสบ
่ ประโยชน์
แห่งความยุตธิ รรม ขอศาลได ้โปรดอนุญาต
ื พยานก่อนฟ้ องคดี
ตัวอย่างคาร ้องขอสบ
ตาม ม. 237
ี หายในคดีนี้
ข ้อ 1 เนือ
่ งจาก นายบราวน์ ผู ้เสย
ซงึ่ ถูกชงิ ทรัพย์ เมือ
่ วันที่ 20 ก.พ. 2557 ในขณะเดิน
ื้ ของอยูบ
ซอ
่ ริเวณตลาดจัตจ
ุ ักร เป็ นชาวต่างชาติ
ั ชาติสหรัฐอเมริกา มีความจาเป็ นต ้องเดินทางกลับ
สญ
ประเทศสหรัฐอเมริกาภายในวันที่ 27 ก.พ. 2557 นี้
เนือ
่ งจากครบกาหนดวันลา จาต ้องกลับไปปฏิบต
ั งิ าน
และขณะนีพ
้ นักงานสอบสวนยังทาการสอบสวนและ
รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ในคดีไม่แล ้วเสร็จ
ี หายเดินทางกลับมาประเทศ
ข ้อ 2 การให ้ผู ้เสย
ไทยเพือ
่ เป็ นพยานในศาลนัน
้
ไม่สะดวกอย่างมาก
เนือ
่ งจากระยะทางห่างไกลและจาเป็ นต ้องขาดการ
งานอีกหลายวัน ทัง้ มีคา่ ใชจ่้ ายสูง จึงเป็ นการยากที่
ี
ึ่
ื
ื พยานล่วงหน ้าก่อนฟ้ องคดี
ตัวอย่างคาร ้องขอสบ
ตาม ม. 237 วรรค 6
ข ้อ 1. คดีนี้ ผู ้ร ้องได ้รับแจ ้งข ้อกล่าวหาและถูกจับกุม
ตัวโดยเจ ้าพนักงานตารวจว่ากระทาความผิดฐานวิง่ ราว
ทรัพย์ของนายแดนนี่ ซงึ่ เป็ นชาวอังกฤษ เมือ
่ วันที่ 20 ก.พ.
ั ้ สอบสวน และ
2557 ขณะนี้ ผู ้ร ้องได ้รับการประกันตัวในชน
คดีอยูร่ ะหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
ข ้อ 2. ผู ้ร ้องทราบจากนายแดนนีว่ า่ มีความจาเป็ นต ้อง
เดินทางกลับไปประเทศอังกฤษเพราะครบกาหนดวันลา
และเนือ
่ งจากของนายแดนนีท
่ าหน ้าทีเ่ ป็ นกัปตันเดินเรือ
ิ ค ้า นายแดนนีจ
ทะเลขนสง่ สน
่ งึ ไม่มท
ี อ
ี่ ยูเ่ ป็ นหลักแหล่ง
การทีน
่ ายแดนนีจ
่ ะเดินทางกลับมาเบิกความเป็ นพยานใน
ิ้ เปลือง
คดีนี้ เป็ นเรือ
่ งยากและไม่อาจคาดเดาได ้ ทัง้ สน
ี หายใน
ค่าใชจ่้ ายมาก และโดยทีน
่ ายแดนนี่ ซงึ่ เป็ นผู ้เสย
คดีวงิ่ ราวทรัพย์นไ
ี้ ด ้ยืนยันต่อพนักงานสอบสวนว่าผู ้ร ้อง
่ ู ้กระทาผิด เนือ
มิใชผ
่ งจากผู ้ร ้องทาหน ้าทีเ่ ป็ นมัคคุเทศน์
ของนายแดนนีใ่ นวันเกิดเหตุนัน
้ เอง การจับกุมผู ้ร ้องน่าจะ
เป็ นการจับกุมผิดตัว นายแดนนีจ
่ งึ เป็ นประจักษ์ พยาน
สาคัญในคดีนี้ หากภายหลังจากฟ้ องคดีแล ้ว มิได ้ตัว
หลักการร่างฟ้ องคดีอาญา
หลักการร่างฟ้ องคดีอาญา

ื และมี
ปวิอ. มาตรา ๑๕๘ ฟ้ องต ้องทาเป็ นหนังสอ
ื่ ศาลและวันเดือนปี
(๑) ชอ
(๒) คดีระหว่างผู ้ใดเป็ นโจทก์ ผู ้ใดจาเลย และฐาน
ความผิด
(๓) ตาแหน่งพนักงานอัยการผู ้เป็ นโจทก์ ถ ้าราษฎรเป็ น
่ อ
ื่ ตัว นามสกุล อายุ ทีอ
โจทก์ให ้ใสช
่ ยู่ ชาติและบังคับ
ื่ ตัว นามสกุล อายุ ทีอ
(๔) ชอ
่ ยู่ ชาติและบังคับของจาเลย
้
่ ำงว่ำจำเลยได้กระทำผิด
(๕) กำรกระทำทังหลำยที
อ้
่
่
ข้อเท็จจริงและรำยละเอียดเกียวกับเวลำและสถำนที
่ ดกำรกระทำนัน
้ ๆ อีกทังบุ
้ คคลหรือสิงของที
่
ซึงเกิ
่
่
เกียวข้
องด้วยพอสมควรเท่ำทีจะให้
จำเลยเข้ำใจ
ข้อหำได้ด ี
่
ในคดีหมินประมำท
ถ้อยคำพู ด หนังสือ ภำพขีด
่ นอ
่ ันเกียวข้
่
่
เขียนหรือสิงอื
องกับข้อหมินประมำท
ให้
กล่ำวไว้โดยสมบู รณ์หรือคิดมำท้ำยฟ้อง
ื่ ศาลและวันเดือนปี
มาตรา ๑๕๘ (๑) ชอ
้ั นที่
คือ ศำลชนต้
โจทก ์นำคดีมำฟ้อง
่
วันเดือนปี ทีโจทก
์นำ
่ ้ องต่อศำล
คดีมำยืนฟ
• ทาให ้ทราบถึงเขต
อานาจศาล
• ทาให ้ทราบว่าคดีขาด
อายุความหรือไม่
• คดีอาญา ศาลยกอายุ
ความเป็ นเหตุยกฟ้ อง
ได ้เลย แม ้จาเลยมิได ้
้
ยกอายุความขึน
้ สูคดี
(ฎีกา ๑๕๓๓/
๒๕๔๘)
มาตรา ๑๕๘(๒) ผู ้ใดเป็ นโจทก์ จาเลย
และฐานความผิด
 ทาให ้ทราบในเบือ
้ งต ้นว่า การเป็ นการฟ้ อง
คดีระหว่างใคร
 หากราษฎรเป็ นโจทก์
ต ้องไต่สวนมูลฟ้ อง
 ฐานความผิด ทาให ้ทราบว่าความผิดทีฟ
่ ้ อง
นัน
้
 มีโทษเท่าใด
 เป็ นคดีอาญาแผ่นดิน หรือคดีความผิดต่อ
สว่ นตัว
 ทาให ้ทราบถึงอายุความคดี
มาตรา ๑๕๘(๓) ตาแหน่งพนักงานอัยการ
และ
รายละเอียดของราษฎรทีเ่ ป็ น
โจทก์
สงั เกตว่า กรณีอย
ั การ ระบุตาแหน่ง กรณีราษฎร
ื่ ฯลฯ
ระบุชอ
ี หายหรือไม่
ทาให ้ทราบว่า โจทก์ใชเ่ ป็ นผู ้เสย
โจทก์มอ
ี านาจฟ้ องหรือไม่
ทาให ้ทราบอายุของโจทก์ ซงึ่ เกีย
่ วข ้องถึง
ความสามารถของโจทก์
ั ชาติไทยหรือ
ทาให ้ทราบว่าโจทก์เป็ นคนสญ
ต่างชาติ
มาตรา ๑๕๘(๔) รายละเอียดของตัว
จาเลย
ื่ ตัวและนามสกุล เพือ
ชอ
่ ให ้ทราบว่าเป็ นบุคคลใด
ฟ้ องผิดคนหรือไม่
อายุจาเลย ทาให ้ทราบว่า
ฟ้ องถูกศาลหรือไม่ หากอายุไม่เกิน ๑๘ ปี ในวันที่
โจทก์ยน
ื่ ฟ้ อง ก็ต ้องฟ้ องยังศาลครอบครัวฯ (ม ๑๗๓
วรรคหนึง่ )
เป็ นข ้อมูลพิจารณาลดมาตราสว่ นโทษ ตาม ปอ.
มาตรา ๗๓-๗๖
อาจต ้องถามและตัง้ ทนายความให ้จาเลย ตาม ปวิอ.
มาตรา ๑๗๓ วรรคหนึง่
ทีอ
่ ยูข
่ องจาเลย ทาให ้ทราบว่ารู ้ว่าจาเลยมีถน
ิ่ ที่
มาตรา ๑๕๘ (๕) การกระทาทัง้ หลายที่
อ ้างว่าจาเลยกระทาผิด
การกระทาทัง้ หลายทีอ
่ ้างว่าจาเลยได ้กระทาผิด
ข ้อเท็จจริงและรายละเอียดทีเ่ กีย
่ วกับเวลาและ
สถานทีซ
่ งึ่ เกิดการกระทานัน
้ ๆ อีกทัง้ บุคคลหรือ
สงิ่ ของทีเ่ กีย
่ วข ้องด ้วยพอสมควรเท่าทีจ
่ ะให ้จาเลย
เข ้าใจข ้อหาได ้ดี
จาแนกออกเป็ นสาระสาคัญ ๔ ประการ คือ
(๑) การกระทาทัง้ หลายทีอ
่ ้างว่าจาเลยกระทาผิด
(๒) ข ้อเท็จจริงและรายละเอียดเกีย
่ วกับ เวลาและ
สถานที่ ซงึ่ เกิดการกระทานัน
้ ๆ
(๓) ข ้อเท็จจริงและรายละเอียดเกีย
่ วกับ บุคคลหรือ
การเขียนฟ้ องตาม ม ๑๕๘ (๕) วรรค
แรก

มีหลักควรจา ๗ ประการ
(๑) บรรยายถึงการกระทาทัง้ หลายทีอ
่ ้างว่าจาเลย
ั แจ ้ง
กระทาผิดโดยชด
(๒) ต ้องกล่าวถึงวัน เวลา และสถานทีท
่ เี่ กิดเหตุโดย
ั แจ ้ง
ชด
(๓) บรรยายข ้อเท็จจริงให ้เป็ นไปตามลาดับเหตุการณ์
(๔) บรรยายข ้อเท็จจริงเกีย
่ วกับบุคคล หรือสงิ่ ของทีใ่ ช ้
ในการกระทาผิดหรือได ้มาจากการกระทาผิดให ้
ั เจนตามสมควร
ชด
ั ชด
ั เจน ไม่ฟมเฟื
(๕) บรรยายข ้อเท็จจริงให ้กระชบ
ุ่
อย
(๖) บรรยายโดยเอาองค์ประกอบความผิดเป็ นตัวตัง้
๑. บรรยายถึงการกระทาทัง้ หลายทีอ
่ ้างว่า
ั แจ ้ง
จาเลยกระทาผิดโดยชด
เป็ นการบรรยายถึงข ้อเท็จจริงทีเ่ ป็ นองค์ประกอบ
ความผิด ทีข
่ อให ้ศาลลงโทษ ต ้องบรรยายให ้เข ้า
องค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย
ั เจนครบถ ้วน ฟ้ องอาจขาด
บรรยายไม่ชด
องค์ประกอบ
แม ้จาเลยรับสารภาพ ศาลก็ยกฟ้ อง
ตัวอย่ำง โจทก์เป็ นทนายความ จาเลยจ ้างว่าความแล ้วไม่
ชาระค่าว่าความให ้ โจทก์ทวงถาม จาเลยหนีหน ้า และ
โอนทีด
่ น
ิ ๒ แปลงให ้แก่บค
ุ คลภายนอก ๒ คน โดยรู ้ว่า
โจทก์กาลังทวงถามหนี้ โจทก์จงึ ฟ้ องจาเลยรวม ๓ คน
ตัวอย่างบรรยายฟ้ อง
• โจทก์บรรยายฟ้ องว่า จาเลยที่ ๑ ตกลงให ้ค่าจ ้างว่า
ความแก่โจทก์ ถึงกาหนดแล ้วไม่ชาระ โจทก์ทวงถาม
จาเลยที่ ๑ ก็หลบหน ้า ต่อมาจาเลยที่ ๑ ก็โอนทีด
่ น
ิ ของ
จาเลยที่ ๑ แก่จาเลยที่ ๒ และที่ ๓ ไป โดยจาเลยที่ ๒
และที่ ๓ ก็ทราบดีวา่ จาเลยที่ ๑ ยังไม่ชาระหนีใ้ ห ้แก่
โจทก์ อันเป็ นการโอนโดยทุจริต ประสงค์มใิ ห ้โจทก์ได ้รับ
ชาระหนี้ ทัง้ ทีน
่ ่าจะตระหนักดีวา่ โจทก์ต ้องฟ้ องบังคับคดี
ิ อืน
อย่างแน่นอน เพราะจาเลยที่ ๑ ไม่มท
ี รัพย์สน
่ ใด
พอทีจ
่ ะชาระหนีแ
้ ก่โจทก์
• ศำลวินิจฉัยว่ำ โจทก์กล่าวในฟ้ องเพียงว่า จาเลยน่าจะ
ตระหนักดีวา่ โจทก์จะต ้องฟ้ องคดีแน่นอน แต่ในความเป็ น
จริง โจทก์ฟ้องแล ้วหรือเตรียมจะฟ้ องอย่างไรหรือไม่
โจทก์ไม่บรรยายไว ้ จึงเป็ นคาฟ้ องทีข
่ าดสาระสาคัญที่
เป็ นองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ ้าหนี้ ตาม ปอ.
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
 ผู ้ใด เพือ
่ มิให ้เจ ้าหนีข
้ องตนหรือของผู ้อืน
่ ได ้รับ
้ อ
ชาระหนีท
้ งั ้ หมดหรือแต่บางสว่ น ซงึ่ ได ้ใชหรื
ิ ธิเรียกร ้องทางศาลให ้ชาระหนี้ ย ้ายไป
จะใชส้ ท
ี ซอ
่ นเร ้นหรือโอนไปให ้แก่ผู ้อืน
เสย
่ ซงึ่ ทรัพย์ใด
ก็ด ี แกล ้งให ้ตนเองเป็ นหนีจ
้ านวนใดอันไม่เป็ น
ความจริงก็ด ี ต ้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี
ี ันบาท หรือทัง้ จาทัง้ ปรับ
หรือปรับไม่เกินสพ
ข ้อเท็จจริงทีเ่ ป็ นองค์ประกอบความผิด
องค์ประกอบความผิด อาจเป็ น
่ ลักเอาไป หรือเข ้าไปใน
การกระทาของจาเลย เชน
เคหสถาน การประทุษร ้ายทาอย่างไร (กรณีชงิ ทรัพย์หรือ
ปล ้นทรัพย์—ฎ. 1033/2527) ได ้รับอันตรายสาหัส
อย่างไร (ฎ.6416/2534) ยักยอกโดยเบียดบังทรัพย์
อย่างไร (ฎ.9244/2527)
่ การทีธ
ข ้อเท็จจริงบางอย่างทีเ่ ป็ นสาระสาคัญ เชน
่ นาคาร
็ หรือ เป็ นเอกสารสท
ิ ธิ
ปฏิเสธการ จ่ายเงินตามเชค
อย่างไร (ฎ. 9051/2547)
ข ้อเท็จจริงบางอย่างอาจไม่เป็ นองค์ประกอบ
๒. กล่าวถึงวัน เวลา และสถานทีเ่ กิด
ั เจน
เหตุโดยชด
- วัน หมำยถึง วัน เดือน ปี
- เวลา ทางอาญา แบ่งเป็ น ๒ ระยะ คือ
- เวลากลางวัน ได ้แก่ เวลาตัง้ แต่พระอาทิตย์ขน
ึ้
ถึงพระอาทิตย์ตก (ไม่ถอ
ื
ิ
ตามเวลานาฬกา)
- เวลากลางคืน ได ้แก่เวลาตัง้ แต่พระอาทิตย์ตก
ถึงพระอาทิตย์ขน
ึ้
แบ่งเป็ น ๒ ชว่ ง คือ
- เวลากลางคืนก่อนเทีย
่ ง คือเวลากลางคืน
ก่อนเทีย
่ งวัน
การบรรยายวันเวลาในคาฟ้ อง
ฎีกาที่ ๕๑๒/
๒๔๙๓
ฎีกาที่ ๕๐๘/
๒๔๙๐
• การบรรยายเวลา
ตาม มาตรา
๑๕๘(๓)
หมายถึงวันเดือน
ปี ด ้วย ไม่เฉพาะ
เวลากลางวัน
กลางคืน
• ฟ้ องบรรยายวันที่
หาว่ากระทาผิด
แต่มไิ ด ้กล่าวถึง
เวลาไว ้ด ้วย เป็ น
ฟ้ องทีไ่ ม่สมบูรณ์
ฎ. ๒๐๑๐/
๒๕๒๒,
๔๓๗๘/
• ฟ้ องว่
าบุกรุก
๒๕๒๘
เคหสถาน
บรรยายวันเวลา
เกิดเหตุวา่
“กลางเดือน
กรกฎาคม ถึง
ปลายเดือน
สงิ หาคม ๒๕๑๘
วันใดไม่ปรากฎ
ั เวลา
ชด
กลางวัน” ไม่
เคลือบคลุม
ตัวอย่างการบรรยายวันเวลา
ั ว่ากลางวันหรือกลางคืน แต่หาก
 แม ้ฟ้ องไม่ระบุชด
รู ้ว่าเป็ นกลางวันหรือกลางคืนอยูแ
่ ล ้ว ก็เป็ นฟ้ องที่
่ ฟ้ องว่าโจทก์นาหนังสอ
ื มอบอานาจ
สมบูรณ์ เชน
้
ปลอมไปใชในการโอนที
ด
่ น
ิ ต่อเจ ้าพนักงานทีด
่ น
ิ ณ
สานักงานทีด
่ น
ิ
ก็ฟังได ้อยูใ่ นตัวว่าเป็ นเวลา
ราชการ ซงึ่ ก็รู ้อยูว่ า่ เป็ นเวลากลางวัน
บรรยายฟ้ องว่า “จาเลยกับพวกเล่นการพนัน สลาก
กินรวบในเวลากลาง” โดยพิมพ์ตกคาว่า วันหรือคืน
ไป จึงไม่รู ้ว่า “กลาง” อะไร แต่ศาลฎีกาวินจ
ิ ฉั ยว่า
การเล่นพนันนัน
้ ไม่วา่ กลางวันหรือกลางคืนก็ผด
ิ
ตัวอย่างการบรรยายวันเวลา
็ ไม่มเี งิน
 โจทก์บรรยายฟ้ องคดีจาเลยสงั่ จ่ายเชค
ว่า “ในวันที.่ ..พฤษภาคม ๒๕๒๓ โจทก์ได ้นา
็ ไปขึน
เชค
้ เงินกับธนาคารและธนาคารปฏิเสธ
การจ่ายเงิน” โดยมิได ้เติมวันทีใ่ ห ้เรียบร ้อย
ั เจนลงไป เมือ
ชด
่ เดือนพฤษภาคม มี ๓๑ วัน จึง
ไม่รู ้ว่าจาเลยกระทาผิดวันไหน เพราะวันที่
ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินนัน
้ ถือเป็ นวันที่
ความผิดเกิดขึน
้ (ฎีกา ๑๑๔๖/๒๕๒๖)
็ ของธนาคารสง่ ต่อ
หมำยเหตุ คดีนโี้ จทก์นาใบคืนเชค
ศาลด ้วย แต่ไม่ได ้แนบเป็ นสาเนาท ้ายฟ้ อง ศาลฎีกา
วินจ
ิ ฉั ยว่า ไม่ทาให ้ฟ้ องทีไ่ ม่สมบูรณ์กลายเป็ นสมบูรณ์
่ งค์ประกอบ
เวลาและสถานทีไ่ ม่ใชอ
ความผิด

ทีม
่ าตรา ๑๕๘(๕) บัญญัตวิ า่
“รายละเอียดเกีย
่ วกับเวลาและ
่ งค์ประกอบของ
สถานที”่ จึงไม่ใชอ
ความผิ
ดังนัดน
้ ในทางปฏิบต
ั ิ
(๑) ศาลสงั่ ให ้โจทก์ไปแก ้ไขให ้ถูกต ้องได ้ ตาม
มาตรา ๑๖๑
(๒) โจทก์ขอแก ้ไขเพิม
่ เติมฟ้ องให ้ถูกต ้อง ตาม
มาตรา ๑๖๓ และ ๑๖๔ ได ้
(๓) กรณีไม่มก
ี ารสงั่ ให ้แก ้ไข หรือโจทก์ไม่แก ้ไข
และศาลยกฟ้ อง ถือว่าฟ้ องมิได ้บรรยายว่า
จาเลยกระทาผิดเมือ
่ ใด หรือกระทาผิด ณ
สถานทีใ่ ด เป็ นการวินจ
ิ ฉั ยเนือ
้ หาของความผิด
แล ้ว ฟ้ องใหม่ไม่ได ้ เป็ นฟ้ องซา้
การบรรยายสถานทีก
่ ระทาผิด
บรรยายเพียงให ้จาเลยเข ้าใจได ้ว่าถูกกล่าวหา
ว่ากระทาผิด ณ ทีใ่ ด โดยปกติระบุเพียง ตาบล
อาเภอ จังหวัด ก็พอ
เหตุเกิดหลายแห่ง บรรยายแห่งเดียว ถือว่า
สมบูรณ์ตาม 158 (5) (ฎ. 4378/2528) แต่ทาง
ปฏิบัต ิ ควรบรรยายให ้หมดทุกแห่ง
ื พิมพ์ มักระบุ “เหตุ
การหมิน
่ ประมาททางหนังสอ
เกิดทั่วราชอาณาจักร”
ตัวอย่าง ฟ้ องว่า จาเลยยืน
่ คาร ้องเท็จต่อศาล
๓. บรรยายข ้อเท็จจริงเรียงตามลาดับ
เหตุการณ์
เริม
่ จากก่อนกระทาผิด เมือ
่ กระทาผิด และหลังกระทาผิด
่ ยักยอกหรือฉ ้อโกงหลายครัง้ ให ้
ถ ้าทาผิดหลายครัง้ เชน
บรรยายเรียงลาดับเหตุการณ์ไป
บรรยายฟ้ องว่าจาเลยกระทาผิดหลังวันฟ้ อง โดยบรรยายว่า
จาเลยกระทาผิดเมือ
่ วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ แต่โจทก์ยน
ื่
ฟ้ องต่อศาลเมือ
่ วันที่ ๒๒ มิถน
ุ ายน ๒๕๔๒ ถือเป็ นฟ้ อง
เคลือบคลุม เพราะเป็ นไปไม่ได ้ ศาลต ้องยกฟ้ อง (ฎีกา
๒๕๘๘/๒๕๔๓)
ฟ้ องเป็ นว่า คดีรับของโจรเกิดก่อนลักทรัพย์ โดยบรรยายว่า
“เมือ
่ วันที่ ๑๗ พ.ย. ๒๕๔๒ เวลากลางคืน คนร ้ายได ้บังอาจ
ลักทรัพย์ของผู ้เสยี หายไป” และในวรรคต่อมาบรรยายว่า
้
๔. ข ้อเท็จจริงเกีย
่ วกับบุคคล สงิ่ ของทีใ่ ชใน
การกระทาผิดหรือ
ได ้มาจากการกระทาผิด บรรยายให ้
ั เจนพอสมควร
ชด
มีบค
ุ คลอืน
่ ร่วมกระทาผิดหรือไม่ (อาจไม่ต ้องระบุ
ื่ )
ชอ
ี หายเป็ นใคร (ระบุชอ
ื่ )
ผู ้เสย
้ ธหรือเครือ
่
จาเลยใชอาวุ
่ งมืออะไรกระทาผิด เชน
้ ธปื น
ใชปื้ น ถ ้าทราบ อาจบรรยายว่า “จาเลยใชอาวุ
รีวอลเวอร์ ขนาดกระสุน .๓๘ เล็งไปทีผ
่ ู ้เสยี หาย
และยิงผู ้เสยี หาย รวม ๓ นัด ถูกผู ้เสยี หายที่
บริเวณหน ้าอกเป็ นบาดแผล...” (ถ ้าไม่ทราบ
รายละเอียดของอาวุธ อาจบรรยายกว ้าง ๆ ว่าใช ้
อาวุธปื นและขนาดกระสุน)
สงิ่ ของทีไ่ ด ้มาในการกระทาผิด อาจบรรยายว่า
คดีตวั อย่าง การบรรยายบุคคลเจ ้าของทรัพย์
 บรรยายฟ้ องชงิ ทรัพย์วา่ “จาเลยบังอาจกระทาความผิดฐานชงิ
ทรัพย์ โดยลักเอากระเป๋ าสตางค์ ๑ ใบราคา ๕๐ บาท เงินสด ๓๗๐
ื่ อายุประมาณ ๓๕ ปี ผู ้เสยี หายไปโดย
บาท...ของหญิงไม่ทราบชอ
ทุจริต”
 เป็ นบรรยายฟ้ องทีค
่ รบถ ้วน เพราะตามฟ้ องจะทราบว่าเป็ นการชงิ
ทรัพย์ของผู ้อืน
่ ไป มิใชเ่ อาทรัพย์ของจาเลยเองหรือทรัพย์ไม่มี
เจ ้าของไป ฟ้ องไม่เคลือบคลุม แม ้ความผิดประเภทนีต
้ ามลักษณะ
ื่
ของความผิด จะต ้องเป็ นทรัพย์ของผู ้อืน
่ ซงึ่ ตามปกติต ้องระบุชอ
้ ได ้ แต่กฎหมายไม่ได ้บังคับไว ้
เจ ้าของทรัพย์ เพือ
่ ให ้จาเลยต่อสูคดี
ื่ เจ ้าของทรัพย์เสมอไป ในกรณีทไี่ ม่อาจ
เด็ดขาดว่าจะต ้องระบุชอ
ทราบตัวเจ ้าของทรัพย์ทแ
ี่ น่นอนได ้ คาฟ้ องกล่าวเพียงพอสมควร
เพือ
่ ให ้จาเลยเข ้าใจข ้อหาได ้ดี ก็เพียงพอแล ้ว (ฎีกา ๑๔๓๓/
๒๕๓๐)
 เคยมีคาพิพากษาศาลฎีกาวินจ
ิ ฉัยว่า ฟ้ องว่าลักทรัพย์ ไม่ระบุวา่
ทรัพย์ของใคร ลงโทษจาเลยไม่ได ้ (ฎีกา ๕๓๓/๒๔๙๖)
คดีตวั อย่าง บรรยายรายละเอียด
 ฎีกำที่ ๘๓/๒๕๕๒
 ม. ๑๕๘ (๕) ประสงค์แต่เพียงให ้คาฟ้ อง มี
รายละเอียดพอสมควรทีจ
่ ะทาให ้จาเลยเข ้าใจข ้อหา
ได ้ดี ก็พอแล ้ว
้ ธ
 ฟ้ องจาเลยข ้อหา ร่วมกันฆ่าผู ้อืน
่ โดยโดยใชอาวุ
ปื นยิงและไตร่ตรองไว ้ก่อน
โดยไม่บรรยาย
รายละเอียดว่าจาเลยทัง้ สองร่วมกันยิงผู ้ตายอย่างไร
ใครเป็ น ผู ้ยิง และผู ้ตายถูกยิงทีส
่ ว่ นใดของร่างกาย
ด ้วยอาวุธชนิดใด เป็ นฟ้ องทีช
่ อบด ้วยกฎหมาย
คดีตวั อย่าง รายละเอียดบุคคล
่
• คดีเกียวก
ับพนันสลำกกินรวบ ฟ้องว่ำ จำเลย
่
เป็ นเจ้ำมือสลำกกินรวบจำกผู เ้ ล่นทัวไป
ไม่
บรรยำยว่ำร ับแทงจำกใคร ไม่เป็ นฟ้องเคลือบ
คลุม เพรำะเป็ นเพียงรำยละเอียด (ฎีกำ ๑๐๘๐/
๒๕๐๘)
•ฟ้ องว่า จาเลยแจ ้งความเท็จต่อ “เจ ้าพนักงาน
สอบสวน” และ “สงั ฆมนตรี”
แต่ไม่ระบุวา่ เป็ น
ใคร เป็ นฟ้ องเคลือบคลุม (เพราะมีหลายคน จึงไม่รู ้
ว่าใคร)สว่ นทีฟ
่ ้ องว่า แจ ้งความเท็จต่อ “สงั ฆ
สรุปความสาคัญการบรรยายถึงบุคคล
และสงิ่ ของ
ั เจน
หากไม่บรรยาย”บุคคลและสงิ่ ของ” ให ้ชด
หรือบรรยายข ้ามไป มักเป็ นฟ้ องเคลือบคลุม
ผลของฟ้ องเคลือบคลุม หากศาลยกฟ้ อง จะ
ฟ้ องใหม่ไดในอายุ
้
ความ
เทียบกับ กรณีไม่บรรยาย “วันเวลา และสถานที่
กระทาผิด”
ศาลสงั่ ให ้โจทก์แก ้ไขหรือโจทก์ขอแก ้ไขได ้
หากไม่แก ้ไขและศาลวินจ
ิ ฉั ยว่าไม่มวี ันเวลากระทา
ผิด หรือสถานทีก
่ ระทาผิด ถือว่าวินจ
ิ ฉั ยในเนือ
้ หา
ั ชด
ั เจน
๕. บรรยายข ้อเท็จจริงให ้กระชบ
ไม่ฟมเฟื
ุ่
อย
 กำรเขียนฟ้องอำญำ ไม่ใช่กำรเรียงควำม แต่เป็ น
่
กำรย่อควำม ไม่ตอ
้ งท้ำวควำม หรือเล่ำเรือง
 ฟ้องเพียงให้มค
ี วำมช ัดเจนว่ำ
- จาเลยกระทาอย่างไร
- กระทาต่อใครหรือต่อสงิ่ ใด
- กระทาเมือ
่ ใด ณ ทีใ่ ด
อะไร
- เพือ
่ ให ้จาเลยเข ้าใจและรู ้ว่า ถูกกล่าวหาเรือ
่ ง
ข ้อเท็จจริงในฟ้ องต ้องไม่ขด
ั กัน
ั ้ สอบสวนว่า
* ฟ้ องว่า “จาเลยให ้การชน
...และจาเลยเบิกความต่อศาลว่า...
ดังนัน
้ หากข ้อความทีจ
่ าเลยเบิกความ
ั ้ ศาลเป็ นความจริง ทีจ
ในชน
่ าเลยให ้
การต่อพนักงานสอบสวนย่อมเป็ นเท็จ
และหากข ้อความทีใ่ ห ้การต่อพนักงาน
สอบสวนเป็ นความจริง การเบิกความ
ต่อศาลก็ยอ
่ มเป็ นความเท็จ”
* ศาลฎีกาวินจ
ิ ฉั ยว่า การบรรยายฟ้ อง
่ นี้ แสดงว่าโจทก์เองก็ไม่ทราบว่า
เชน
ความจริงเป็ นอย่างไร เป็ นฟ้ องทีข
่ ัด
กันเอง ไม่อาจทาให ้จาเลยเข ้าใจ
ข ้อหาได ้ดี เป็ นฟ้ องทีไ่ ม่ชอบด ้วย
มาตรา ๑๕๘ (๕) (ฎีกา ๑๙๗๖/
๒๕๒๕)
้
๖. ใชองค์
ประกอบความผิดเป็ นเกณฑ์ตงั ้
แล ้วบรรยายข ้อเท็จจริงเกีย
่ วกับการกระทา
ความผิดให ้รับกัน
 ความผิดฐานลักทรัพย์ มาตรา ๓๓๔ บัญญัตวิ า่
“ผู ้ใดเอาทรัพย์ของผู ้อืน
่ หรือทีผ
่ ู ้อืน
่ เป็ นเจ ้าของ
รวมอยูด
่ ้วย ไปโดยทุจริต ผู ้นัน
้ กระทาความผิด
ฐานลักทรัพย์...”
 บรรยายว่าให ้เข ้าองค์ประกอบความผิดได ้ดังนี้
“เมือ
่ (วันเวลา) จาเลยได ้บังอาจกระทาผิด
กฎหมาย กล่าวคือ จาเลยได ้ลักเอารถจักรยานยนต์
ยีห
่ ้อ...อันเป็ นทรัพย์ของนายแดง ผู ้เสยี หาย ไป
โดยทุจริต”
๗. ข ้อเท็จจริงอืน
่ ทีเ่ กีย
่ วข ้อง
กรณีพนักงานอัยการเป็ นโจทก์ ต ้องบรรยายถึงผลการ
่ ในคดีเชค
็
สอบสวน เชน
“ต่อมาเมือ
่ วันที.่ ...เจ ้าพนักงานตารวจจับกุมตัว
จาเลยได ้ นาสง่ พนักงานสอบสวนสถานีตารวจ...ทา
ั ้ สอบสวน จาเลย
การสอบสวนตามกฎหมาย ในชน
็ ให ้เจ ้า
ให ้การปฏิเสธ คดีนี้ ผู ้เสยี หายได ้มอบเชค
พนักงานดาเนินการโดยชอบด ้วยกฎหมายแล ้ว”
กรณีมป
ี ระกันตัว ต ้องบรรยายต่อว่า
“จาเลยได ้มีการประกันตัวออกไปในระหว่างการ
สอบสวน โจทก์ได ้นาสง่ ตัวจาเลยมาศาลพร ้อมนี้
แล ้ว”
กรณีราษฎรเป็ นโจทก์ ควรบรรยายถึงเหตุผลทีน
่ าคดีมา
การบรรยายฟ้ องคดีหมิน
่ ประมาท ตาม ม.
๑๕๘(๕) วรรคสอง
 ฟ้ องต ้องกล่าวถึงถ ้อยคาพูด หรือติดมาท ้ายฟ้ อง
ื ภาพขีดเขียนหรือสงิ อืน
บรรดาหนังสอ
่ อันเกีย
่ วกับ
ข ้อหมิน
่ ประมาท มากับฟ้ อง
 สงิ่ เหล่านีเ้ ป็ นข ้อเท็จจริง สว่ นข ้อเท็จจริงทีว่ า่ นีเ้ ป็ น
หมิน
่ ประมาทหรือไม่ เป็ นข ้อกฎหมายทีศ
่ าลต ้อง
วินจ
ิ ฉั ย
 ถ ้าข ้อความใดมีความหมายพิเศษ ก็ต ้องระบุ
ความหมาย หรือระบุวา่ เป็ นหมิน
่ ประมาทอย่างไร
 ฎีกำ ๑๒๑/๒๔๙๐ ฟ้ องว่าจาเลยหมิน
่ ประมาท
ื หากฟ้ องโจทก์มไิ ด ้กล่าวให ้ชด
ั
โดยมีหนังสอ
แจ ้งว่าข ้อความใด วรรคใด ตอนใด เป็ นการ
ี หายต่อชอ
ื่ เสย
ี งของโจทก์ ศาลก็ไม่อาจ
เสย
ยกขึน
้ วินจ
ิ ฉั ย
 ฎีกำ ๑๘๖๔/๒๕๐๐ ฟ้ องว่าหมิน
่ ประมาท ถ ้าคาที่
ั เจนว่าเป็ นการใสค
่ วาม โจทก์ต ้อง
กล่าวไม่ชด
ม. ๑๕๘(๖) การอ ้างมาตราทีก
่ ฎหมายบัญญัต ิ
ว่าการกระทานัน
้
เป็ นความผิด
มีหลักควรจา ๖ ประการ
(๑) ถ ้ามาตราทีร่ ะบุวา่ การกระทานัน
้ เป็ นความผิด กับ
มาตราทีก
่ าหนดโทษเป็ นคนละมาตรากัน ต ้องอ ้างทัง้
สองมาตรา
ฎีกา ที่ ๓๓๒๓/๒๕๒๗ ฟ้ องว่าเจตนาฆ่าเพือ
่ ชงิ ทรัพย์
แต่การกระทานัน
้ ไม่บรรลุผล เมือ
่ โจทก์ไม่ได ้ระบุ
มาตรา ๒๘๙ มาในคาขอท ้ายฟ้ อง ไม่ใชเ่ ป็ นการอ ้าง
ฐานความผิดหรือบทมาตราผิด แต่โจทก์ไม่ได ้อ ้าง
มาตราในกฎหมายซงึ่ บัญญัตวิ า่ การกระทานัน
้ เป็ น
ความผิดไว ้ ขัดต่อมาตรา ๑๕๘ (๖) เป็ นฟ้ องทีไ่ ม่
สมบูรณ์ ลงโทษจาเลยไม่ได ้
ื่ กฎหมายและมาตราทีข
(๒) ต ้องอ ้างทัง้ ชอ
่ อให ้ลงโทษ
(๓) ต ้องอ ้างกฎหมายปั จจุบน
ั ทีใ่ ชบั้ งคับอยู่ การอ ้าง
กฎหมายทีถ
่ ก
ู ยกเลิกไปแล ้ว ถือว่าเท่ากับไม่ได ้อ ้าง
ม. ๑๕๘(๖) การอ ้างมาตราทีก
่ ฎหมายบัญญัต ิ
ว่าการกระทานัน
้
เป็ นความผิด
(ต่อ)
(๔)พระราชกฤษฎีกาหรือกฎกระทรวงทีก
่ าหนด
ความผิดกรณีฝ่าฝื น
ก็ต ้องอ ้างด ้วย พร ้อม
กฎหมายแม่บท
ั ว์ป่า แต่
ฟ้ องตาม พรบ. สงวนและคุ ้มครองสต
ไม่ได ้อ ้างกฎกระทรวงฉบับ ๑๑/๒๕๒๐ เป็ น
ฟ้ องทีไ่ ม่สมบูรณ์ (ฎีกา ๓๘๖๙/๒๔๒๖)
(๕)ถ ้ากฎหมายมีทงั ้ บทห ้าม และบทลงโทษ ควร
อ ้างมาทัง้ หมด
(๖) กฎหมายในประมวลอาญา ภาค ๑ ไม่อ ้างก็ได ้
่ าตราทีบ
เพราะไม่ใชม
่ ญ
ั ญัตเิ กีย
่ วกับความผิด
ื่ โจทก์
ม. ๑๕๘(๗) ลายมือชอ
่
รำษฎรเป็ นโจทก ์ ผู เ้ สียหำยต้องลงชือเอง
่ เพรำะไม่ใช่โจทก ์ หำก
ทนำยควำมไม่มส
ี ท
ิ ธิลงชือ
่ ควรรีบขอแก้ไขฟ้อง ตำม มำตรำ
โจทก ์ไม่ได้ลงชือ
๑๖๓,๑๖๔ ทันที
ฎีกา ๖๐๗/๒๕๑๔ แม ้ ใบแต่งทนายความ จะระบุให ้
ื่ ในฟ้ องได ้ ก็ไม่มผ
ลงชอ
ี ล เป็ นฟ้ องไม่ชอบด ้วยกฎหมาย
ฎีกา ๘๙๐/๒๕๐๓ (ประชุมใหญ่) แต่ผู ้รับมอบอานาจ
ื่ ในฟ้ องได ้
ลงชอ
ื่ ได ้
อุทธรณ์หรือฎีกา ทนายความลงชอ
่ าฟ้ อง ทนายความ
คาร ้องขอเข ้าร่วมเป็ นโจทก์ ไม่ใชค
ม. ๑๕๘(๗) ผู ้เรียง ผู ้เขียนหรือผู ้พิมพ์
ฟ้ อง
่ เ้ รียง ผู เ้ ขียน หรือผู พ
ลำยมือชือผู
้ ม
ิ พ ์ฟ้อง
ต ้องระบุมาให ้ถูกต ้องครบถ ้วน
ฎีกำ ๑๒๖๑/๒๕๒๑ ฟ้ องทีล
่ งลายมือชอื่ โจทก์
ผู ้เขียนหรือผู ้พิมพ์
แต่ไม่ลงชอื่ ผู ้เรียง เป็ นฟ้ องทีไ่ ม่ชอบด ้วย
ปวิอ มาตรา ๑๕๘(๗)
ตัวอย่าง ฟ้ องฐานฆ่าผู ้อืน
่
้
• ข ้อเท็จจริง จาเลยกับพวกใชขวานจาม
ี หายหลายครัง้ จนผู ้เสย
ี หายถึงแก่ความ
ผู ้เสย
ตาย
• องค์ประกอบความผิด ปอ. มาตรา 288 “ผู ้ใด
ฆ่า—ผู ้อืน
่ ”
ตัวอย่างคาฟ้ อง
 ควำมผิดฐำนฆ่ำผู อ
้ น
ื่
ข ้อ ๑. เมือ
่ วันที.่ .....เวลากลางวัน จาเลยกับพวก
อีกหนึง่ คนทีย
่ ังไม่ได ้ตัว มาฟ้ อง ได ้ร่วมกระทา
้
ความผิดด ้วยกัน บังอาจใชขวานจามบริ
เวณลาตัว
นายแดงหลายครัง้ เป็ นบาดแผลฉกรรจ์หลาย
แห่ง โดยจาเลยกับพวกมีเจตนาฆ่านายแดงให ้
ตาย เป็ นเหตุให ้นายแดงถึงแก่ความตายเพราะ
พิษบาดแผลดังกล่าว รายละเอียดบาดแผลปรากฎ
ั สูตรพลิกศพท ้ายฟ้ อง
ตามรายงานชน
เหตุเกิดที.่ ...................
ตัวอย่างร่างฟ้ อง
 ควำมผิดฐำนลักทร ัพย ์ในเคหสถำน
ข ้อ ๑. เมือ
่ วันที.่ ...เวลา...จาเลยได ้บังอาจเข ้าไปใน
ั ของนายแดงโดย
บ ้าน อันเป็ นเคหสถานทีอ
่ ยูอ
่ าศย
ไม่ได ้รับอนุญาต แล ้วเอาโทรทัศน์หนึง่ เครือ
่ ง ราคา
10,000 บาท อันเป็ นของนายแดง ซงึ่ อยูใ่ นเคหสถาน
ดังกล่าวไป โดยทุจริต
เหตุเกิดที.่ ...
ี หาย ขโมยเอา
-ข ้อเท็จจริง เข ้าไปในบ ้านของผู ้เสย
โทรทัศน์ไปหนึง่ เครือ
่ งราคา 10,000 บาท
-องค์ประกอบความผิด มาตรา ๓๓๔ เอาทรัพย์ของผู ้อืน
่
ตัวอย่างคาฟ้ อง
่
 ควำมผิดฐำนวิงรำวทร
ัพย ์
ข ้อ ๑. เมือ
่ วันที.่ ..เวลา...จาเลยได ้บังอาจลัก
ั ท์มอ
โทรศพ
ื ถือหนึง่ เครือ
่ งราคา ๑๕,๐๐๐ บาท ของ
นางสาวแดง ไปโดยทุจริต โดยการฉกฉวยเอาซงึ่ หน ้า
ของนางสาวแดงนัน
้ เอง
เหตุเกิดที.่ ..
องค์ประกอบความผิด ตามมาตรา ๓๓๕, ๓๓๖ ลัก
ทรัพย์ ของผู ้อืน
่ โดยทุจริต โดยฉกฉวยเอาซงึ่ หน ้า
ตัวอย่างคาฟ้ อง
 ควำมผิดฐำนจ้ำงวำนให้ผูอ
้ นกระท
ื่
ำควำมผิดฐำน
ฆ่ำผู อ
้ น
ื่
ข ้อ ๑. เมือ
่ วันที.่ .....เวลา.........จาเลยซงึ่ มีเจตนาฆ่านาย
ื่
แดง ได ้บังอาจกระทาผิดกฎหมายโดยก่อให ้ผู ้มีชอ
กระทาความผิดฐานฆ่านายแดงโดยเจตนา โดยจาเลย
ื่ ไปทาการฆ่านายแดง และ
ได ้บังอาจจ ้างวานให ้ผู ้มีชอ
ื่ ทีจ
ในวันเวลาดังกล่าว ผู ้มีชอ
่ าเลยเป็ นผู ้จ ้างวานได ้
้ ธปื นยิงนายแดง
กระทาความผิดฐานฆ่าผู ้อืน
่ โดยใชอาวุ
หลายนัด จนเป็ นเหตุให ้นายแดงถึงแก่ความตาย
รายละเอียดบาดแผลผู ้ตายปรากฎตามรายงานการ
ั สูตรพลิกศพท ้ายฟ้ อง
ชน
เหตุเกิดที.่ ............
-ข ้อเท็จจริง จาเลยต ้องการฆ่านายแดง จึงจ ้างมือปื นไป
ตัวอย่างคาฟ้ อง
 ควำมผิดฐำนปลอมบัตรเครดิต
ั จาเลย
ข ้อ ๑. เมือ
่ วันที.่ ..ถึงวันที.่ ..วันเวลาใดไม่ปรากฎชด
บังอาจทาผิดกฎหมาย
โดยทาบัตรเครดิต ซงึ่ ธนาคาร
ี หาย อันเป็ นบัตรอิเล็กทรอนิกส ์
...ได ้ออกให ้แก่ผู ้เสย
ขึน
้ ทัง้ ฉบับ และได ้ยึดถือบัตรดังกล่าวไว ้เพือ
่ นาออกใช ้
ื่ ว่าบัตร
ทัง้ นีจ
้ าเลยได ้กระทาเพือ
่ ให ้ ผู ้อืน
่ หลงเชอ
์ งั กล่าวนัน
์ แ
อิเล็กทรอนิกสด
้ เป็ นบัตรอิเล็กทรอนิกสท
ี่ ท ้จริง
ี หายแก่ผู ้เสย
ี หาย
โดยประการทีน
่ ่าจะเกิดความเสย
เหตุเกิดที.่ ..
ี หาย ทีธ่ นาคาร
-ข ้อเท็จจริง จาเลยปลอมบัตรเครดิตของผู ้เสย
...ออกให ้ แล ้วนาออกใช ้
-องค์ประกอบความผิด มาตรา ๒๖๙/๑ ทาบัตรอิเล็กทรอนิกส ์
ปลอมขึน
้ ทัง้ ฉบับหรือแต่สว่ นหนึง่ สว่ นใด เติมหรือตัดทอน
ตัวอย่างคาฟ้ อง
 ควำมผิดฐำนทำร ้ำยผู อ
้ นจนถึ
ื่
งแก่ควำมตำย
ข ้อ ๑. เมือ
่ วันที.่ ........เวลา..............จาเลยนีไ
้ ด้
บังอาจใชร่้ มเป็ นอาวุธทาร ้ายร่างกายนางดี หลายครัง้
ถูกบริเวณลาตัว เป็ นเหตุให ้นางดีล ้มลงศรี ษะกระแทก
ฟื้ นจนกระโหลกศรี ษะร ้าว จนถึงแก่ความตายในเวลา
ต่อมา เพราะการกระทาของจาเลยดังกล่าว
รายละเอียดบาดแผลปรากฎตามรายงานแพทย์ทแ
ี่ นบ
มาท ้ายคาฟ้ อง
เหตุเกิดที.่ ............
ข ้อเท็จจริง จาเลยใชร่้ มตีนางดี ล ้มลง หัวกระแทกพืน
้
ั สูตร
ตาย ตามทีแ
่ พทย์ชน
ตัวอย่างคาฟ้ อง
่
 ควำมผิดฐำนหมินประมำท
ข ้อ ๑. เมือ
่ วันที.่ ....................เวลา.................จาเลย
่ วาม น.ส. หนึง่
ได ้บังอาจหมิน
่ ประมาท ด ้วยการใสค
ต่อนายสอง ซงึ่ เป็ นบุคคลทีส
่ าม โดยประการทีน
่ ่าจะ
ี ชอ
ื่ เสย
ี ง ถูกดูหมิน
ทาให ้ น.ส. หนึง่ เสย
่ และถูกเกลียด
ชงั โดยจาเลยได ้กล่าวกับนายสองว่า “น.ส. หนึง่
่ วาม
................” (ต ้องบรรยายข ้อความเต็มตามทีใ่ สค
ื อาจแนบสาเนาแทนการบรรยาย
หรือหากเป็ นหนั งสอ
เต็ม)
เหตุเกิดที.่ ..........
ี หายได ้ร ้องทุกข์ตอ
อนึง่ คดีนี้ ผู ้เสย
่ พนั กงาน
สอบสวนให ้ทาการสอบสวนและดาเนินคดีกบ
ั จาเลยไว ้
ตามกฎหมายแล ้ว
การขอให ้เพิม
่ โทษ
 เพิม
่ โทษ เพราะจาเลยเคยต ้องโทษมาก่อน
 บรรยายตาม ปวิอ. มาตรา ๑๕๙ ซงึ่ บัญญัตวิ า่
“ถ ้าจาเลยเคยต ้องคาพิพากษาให ้ลงโทษเพราะได ้
กระทาความผิดมาแล ้ว เมือ
่ โจทก์ต ้องการให ้เพิม
่ โทษ
จาเลยฐานไม่เข็ดหลาบให ้กล่าวมาในฟ้ อง”
 ถ ้าไม่ได ้ขอเพิม
่ โทษมาในฟ้ อง ก่อนมีคาพิพากษา
ั ้ ต ้น โจทก์จะยืน
ศาลชน
่ คาร ้องขอเพิม
่ เติมฟ้ อง เมือ
่
ศาลเห็นสมควรจะอนุญาตก็ได ้”
 และ
 อ ้างมาตรา ๙๒ คือพ ้นโทษมาแล ้วไม่เกิน ๕ ปี หรือ
ความผิดทีจ
่ ะขอเพิม
่ โทษตามมาตรา
๙๓
• ได ้แก่ความผิดในลักษณะต่อไปนี้
(๑) ความมั่นคง
(๒) เจ ้าพนักงาน
(๓) ตาแหน่งหน ้าทีร่ าชการ
(๔) เจ ้าพนักงานในการยุตธิ รรม
(๕) ตาแหน่งหน ้าทีใ่ นการยุตธิ รรม
(๖) ความสงบสุขของประชาชน
(๗) การก่อให ้เกิดภยันตรายต่อประชาชน
(๘) เงินตรา
(๙) การค ้า
(๑๐) เพศ
(๑๑)ชวี ต
ิ ร่างกาย การทอดทิง้ เด็ก คนป่ วย เจ็บหรือคนชรา
(๑๒)เสรีภาพ
(๑๓)เกีย
่ วกับทรัพย์
ตัวอย่างการบรรยายขอให ้เพิม
่ โทษ

บรรยายขอให ้เพิม
่ โทษในคาฟ้ อง
“อนึง่ จาเลยเคยต ้องโทษมาตามคาพิพากษาของ
ศาลอาญา คดีแดงเลขที.่ ..ให ้จาคุกมีกาหนด ๒ ปี
ในข ้อหาลักทรัพย์ คดีถงึ ทีส
่ ด
ุ แล ้ว และจาเลยได ้พ ้น
โทษมาแล ้ว แต่ได ้กระทาผิดในคดีนอ
ี้ ก
ี ภายใน
กาหนดเวลาไม่เกิน ๓ ปี นับแต่วันพ ้นโทษ จึงขอให ้
ศาลโปรดเพิม
่ โทษจาเลยฐานไม่เข็ดหลาบด ้วย”
บรรยายฟ้ องสาหรับการกระทาผิดหลาย
กระทง
 บรรยำยตำม ปวิอ. มำตรำ ๑๖๐ วรรคหนึ่ง
ความผิดหลายกระทงจะรวมในฟ้ องเดียวกันก็ได ้ แต่ให ้
แยกกระทงเพียงเป็ นลาดับไป
ข ้อ ๑. เมือ
่ วันที่ ......เวลา....จาเลยได ้บังอาจกระทาผิด
กลายบทหลายกระทง ดังจะกล่าวต่อไปนี้
๑.๑ ...
้
ถ ้าการกระทาใชเวลาหลายวั
น หรือชว่ งระยะเวลา อาจ
บรรยายลักษณะนี้
ข ้อ ๑. เมือ
่ ระหว่างวันที.่ ..ถึงวันที.่ ..เวลากลางวันและ
ั ) จาเลย
กลางคืนต่อเนือ
่ งกัน (หรือวันเวลาใดไม่ปรากฎชด
ได ้บังอาจกระทาความผิดหลายบทหลายกระทง ดังจะ
กล่าวต่อไปนี้
จบบรรยาย