ความหมายของการบริโภค การบริ โภคหมายถึง กิน เสพ ใช้สิ้นเปลือง ใช้สอย จับจ่าย และรวมถึง การ จับจ่ายใช้สอย การซื้ อสิ้ นค้า และการใช้บริ การต่าง ๆ ผู้บริโภคคือใคร ผูบ้ ริ โภคคือ คนทุกคน ไม่วา่ จะเป็

Download Report

Transcript ความหมายของการบริโภค การบริ โภคหมายถึง กิน เสพ ใช้สิ้นเปลือง ใช้สอย จับจ่าย และรวมถึง การ จับจ่ายใช้สอย การซื้ อสิ้ นค้า และการใช้บริ การต่าง ๆ ผู้บริโภคคือใคร ผูบ้ ริ โภคคือ คนทุกคน ไม่วา่ จะเป็

ความหมายของการบริโภค
การบริ โภคหมายถึง กิน เสพ ใช้สิ้นเปลือง ใช้สอย จับจ่าย และรวมถึง การ
จับจ่ายใช้สอย การซื้ อสิ้ นค้า และการใช้บริ การต่าง ๆ
ผู้บริโภคคือใคร
ผูบ้ ริ โภคคือ คนทุกคน ไม่วา่ จะเป็ นเด็กหรื อผูใ้ หญ่ ผูช้ ายหรื อผูห้ ญิง คนปกติ
หรื อคนป่ วยต่างก็เป็ นผูบ้ ริ โภคเพราะเป็ น ผูก้ ิน ผูเ้ สพ ผูซ้ ้ื อสิ นค้า ผูใ้ ช้สินค้า ผูซ้ ้ื อบริ การ
ผูใ้ ช้บริ การ ทั้งสิ้ น
จริยธรรมพืน้ ฐานของธุรกิจต่ อผู้บริโภค
ภารกิจสาคัญของการประกอบธุรกิจ คือการผลิตสิ นค้าและบริ การที่มีคุณภาพ
ตรงกับประโยชน์การใช้สอย หรื อตรงกับความต้องการของผูบ้ ริ โภค
สิ ทธิของผู้บริโภคและหน่ วยงานทีจ่ ะทาหน้ าที่แทนผู้บริโภค
1. สิทธิของผู้บริโภค พระราชบัญญัติค้ มุ ครองผู้บริโภคของประเทศไทย
พ.ศ. 2552 ปรับปรุงเพิ่มเติมปี พ.ศ. 2541 ได้ กาหนดว่าผู้บริโภค มีสทิ ธิ 3 ประการ คือ
1. สิทธิที่จะได้ รับข่าวสารที่ถกู ต้ องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้ าและบริการ
2. สิทธิที่จะได้ รับความปลอดภัยจากการใช้ สินค้ าและบริการ
3. สิทธิที่จะได้ รับพิจารนาและชดเชยความเสียหาย
สหพันธ์ ผ้ ูบริโภคระหว่ างชาติ ได้ เพิ่มสิทธิผ้ ูบริโภคเป็ น
8 ประการตามลาดับ ดังนี ้
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
ได้ รับความปลอดภัย
ได้ รับข้ อมูลข่าวสาร
ซื ้อเครื่ องอุปโภคบริโภคในราคายุติธรรม
ร้ องเรี ยนเพื่อความเป็ นธรรม
ได้ รับชดเชยค่าเสียหาย
ได้ รับความจาเป็ นพื ้นฐาน
ได้ อยูใ่ นสิง่ แวดล้ อมที่สะอาด
ผู้บริโภคมีหน้ าทีต่ ้ องรักษาประโยชน์ ของตนเอง ดังนี้
1.ก่อนการซื้อสิ นค้ าหรือใช้ บริการ
1. ใช้ ความระมัดระวังในการตรวจสอบฉลาก ปริ มาณ ราคา แหล่งกาเนิด อย่าหลงเชื่อ
2. เมื่อทาสัญญาผูกพันตามกฎหมายต้ องตรวจสอบความหมายของภาษาว่าให้ ประโยชน์
ครบถ้ วนตามข้ อตกลง
3. ข้ อตกลงที่สาคัญควรทาเป็ นหนังสือสัญญา มีลายมือชื่อขงผู้ประกอบการ
2.หลังการซื้อสิ นค้ าหรือใช้ บริการ
1. เก็บรักษาหลักฐานต่าง ๆ ที่แสดงถึงการละเมิดสิทธิ
2. เก็บเอกสารสัญญา หรื อใบสาคัญต่าง ๆ
3. ทาได้ คือ การร้ องเรี ยนในนามตนเอง ผ่านช่องทางต่างๆ
2. หน่ วยคุ้มครองผู้บริโภค
หน่วยงานที่เป็ นส่วนราชการ จัดตังขึ
้ ้นเมื่อปี 2522 ตามพระราชกฤษฎีกา
แบ่งส่วนราชการสานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สานักนายกรัฐมนตรี ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่มที่ 96 ตอนที่ 105 วันที่ 1 กรกฎาคม 2522 มีผล
บังคับใช้ วนั ที่ 1 กรกฎาคม 2522 ส่วนองค์ภาคเอกชน เริ่ มมีบทบาทในการคุ้มครอง
ผู้บริโภคในปี 2514 เมื่อสภาสตรี แห่งชาติได้ เคลื่อนไหวคุ้มครองสิทธิผ้ บู ริโภค
แนวความคิดการคุ้มครองผู้บริโภค
ความเป็ นมาของการคุ้มครองผู้บริโภคในต่ างประเทศ
ก่ อ นการปฏิ วั ติ อุ ต สาหกรรม มี ก ารน าเทคโนโลยี ม าใช้ ในการผลิ ต อย่ า งมี
ประสิทธิภาพ จึงเชื่อว่า รัฐบาลควรให้ โอกาสเอกชนดาเนินการผลิตเองโดยเสรี อนั เป็ นที่มาของ
ระบบเศรษฐกิจแบบเสรี นิยม ซึ่งแนวคิดนี ้ถือว่ามนุษย์ ทกุ คนมีความสามารถในการตัดสินใจ
เลือกสินค้ าและบริ การ
ต่อมาพบว่าความก้ าวหน้ าทางเทคโนโลยี ซับซ้ อนมากขึน้ เรื่ อย ๆ ทาให้ ผ้ ู ผลิตใช้
กรรมวิธีการผลิตที่ลดต้ นทุนต่าง ๆ ลงโดยไม่คานึงถึงคุณภาพของสินค้ า ตามความต้ องการ
ของผู้บริ โภค ทาให้ ผ้ ูบริ โภคไม่ได้ รับประโยชน์ เท่าที่ควรจะเป็ น ดังนัน้ ความจาเป็ นในการ
คุ้มครองผู้บริ โภคจึงมีความจาเป็ น มากขึ ้น
ความเป็ นมาของการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ
ไทย
เริ่ มขึน้ ในปี 2512 โดยกลุ่มบุคคลภาคเอกชนที่ริเริ่ มกิ จกรรมด้ าน
การคุ้มครองผู้บริ โภคขึ ้น คือ สภาสตรี แห่งชาติในพระบรมราชูปถั มภ์ ต่อมาปี
พ.ศ.2514 ได้ ประสานงานกับรัฐบาลจนสามารถผลักดันให้ รัฐบาลได้ จั ดตัง้
คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคขึ ้นเป็ นครัง้ แรกและได้ ประกาศใน
ราชกิ จจานุเบกษา ฉบับกฤษฎี กา เล่ม 115 ตอนที่ 15 วันที่ 24 มี นาคม
2541
การคุ้มครองผู้บริโภค และการส่ งเสริมความรู้ผู้บริโภค
การคุ้มครองผู้บริโภค
การคุ้มครองผู้บริโภค มีสาเหตุมาจากปั ญหาเรื่ องปากท้ อง ส่วนใหญ่เป็ นเรื่ อง
ของระบบการตลาด ซึง่ ครอบคลุมไปถึงการจาหน่ายสินค้ าในครัวเรื อน และบริการต่าง ๆ
ผู้ทเี่ กีย่ วข้ องกับการค้ ามีอยู่ 3 ฝ่ าย คือ
1. ผู้บริโภค หรื อ ผู้ซื ้อผู้ใช้
2. ผู้ผลิต
3. รัฐ
การส่ งเสริมความรู้ ผ้ บู ริโภค
คุ้มครองผู้บริโภครัฐต้ องใช้ มาตรการที่สลับซับซ้ อน และมักมีประสิทธิภาพไม่
เพียงพอกับความต้ องการของผู้บริโภค จึงจาเป็ นต้ องผนึกกาลังกันเข้ าเป็ นองค์กร
เรี ยกว่า “การรวมพลังผู้บริโภค” เพื่อป้องกันผลประโยชน์ในสิง่ ที่เขาต้ องการ และมา
สามารถจะหามาแทนได้ ความต้ องการของผู้บริโภคมีขอบข่ ายอยู่ 3 ประการคือ
1. ความเป็ นธรรม
2. ความปลอดภัย
3. ความประหยัด
สาระสาคัญพระราชบัญญัตคิ ้ ุมครองผู้บริโภค
1. คาจากัดความ
1. ผู้บริโภค หมายความว่า ผู้ซื ้อหรื อผู้ได้ รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ
2. ซื ้อ หมายความรวมถึง ให้ เช่า เช่าซื ้อ หรื อได้ มาโดยให้ คา่ ตอบแทน
3. ขาย หมายความรวมถึง ให้ เช่า ให้ เช่าซื ้อ หรื อจัดหาให้ โดยเรี ยกค่าตอบแทน
4. สินค้ า คือ สิ่งของที่ผลิต หรื อ มีไว้ เพื่อขาย
5. บริการ หมายความว่า การรับจัดทาการงาน การให้ สิทธิ
6. ข้ อความ หมายถึง อักษรที่ปรากฏเป็ นภาพ แสง สี
7. โฆษณา หมายถึง การกระทาให้ ประชนเห็นข้ อความ เพื่อประโยชน์ทางการค้ า
8. ฉลาก หมายความถึง รูป หรื อสิ่งอื่นที่ทาให้ ข้อความที่ปรากฎเกี่ยวกับสินค้ า
2. มาตราทั่วไป
1. มาตรา 4 ผู้บริโภคมีสิทธิได้ รับความคุ้มครอง
2. คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
3. การคุ้มครองด้ านการโฆษณา
4. การคุ้มครองด้ านฉลาก
5. การคุ้มครองด้ านสัญญา
6. การคุ้มครองด้ านอื่น ๆ
7. การลงโทษ
มาตรฐาน
1. ความเป็ นมาของมาตรฐาน
ประเทศไทยเริ่มดาเนินการจริงจังในปี พ.ศ. 2512 ในปี พ.ศ. 2511
มีการตราพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อตุ สาหกรรมขึ ้นเพื่อส่งเสริม
อุตสาหกรรม คุ้มครองความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
2. ความสาคัญของมาตรฐาน
2.1 ทาให้ เข้ าใจตรงกัน
2.2 เกิดความเป็ นธรรมในการซื ้อขาย
2.3 ช่วยคุ้มครองความปลอดภัย
2.4 เกิดความประหยัด สามารถสับเปลี่ยนทดแทนได้
2.5 เกิดความสะดวกในการเลือกซื ้อ
3. การดาเนินการในด้ านมาตรฐาน
หน่วยงานที่สาคัญที่สดุ ในเรื่ องมาตรฐานในประเทศไทย คือ สานักงานมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อตุ สาหกรรม(สมอ.) มีหน้ าที่ 3 ประการ คือ
 กาหนดมาตรฐาน
 การรับรองคุณภาพ
 การตรวจสอบด้ านความปลอดภัย
ความเป็ นธรรมต่ อผู้บริโภค
หมายถึง ความถูกต้ องที่พงึ ปฏิบตั ิต่อผู้บริโภค มีดงั นี ้
1. ความเป็ นธรรมด้ านราคา พิจารณาได้ จาก
* ความพอใจในราคา
* ราคาตามหลักอุปสงค์ - อุปทาน
* ราคาตามต้ นทุน
* ราคาตามฤดูกาล
2. ความเป็ นธรรมด้ านคุณภาพ พิจารณาได้ จาก
* วัตถุดิบที่นามาผลิตมีคณ
ุ ภาพดี
* กรรมวิธีในการผลิตมีความถูกต้ อง
* ประโยชน์จากการใช้ สอยสามารถใช้ การได้ ดี
3. ความเป็ นธรรมด้ านบริการ พิจารณาได้ จาก
* การรับประกัน
* การบารุงรักษา
* การให้ สินเชื่อในเงื่อนไขที่เหมาะสม
4. ความเป็ นธรรมด้ านการโฆษณาชวนเชื่อ พิจารณาได้ จาก
* โฆษณาบนพื ้นฐานความเป็ นจริง
* โฆษณาบนพื ้นฐานความจาเป็ น
หลักในการกาหนดราคา




ถ้ าอุปสงค์มาก
ถ้ าอุปสงค์มาก
ถ้ าอุปสงค์น้อย
ถ้ าอุปสงค์น้อย
อุปทานน้ อย
อุปทานมาก
อุปทานน้ อย
อุปทานมาก
ราคาจะสูง
ราคาคงที่
ราคาคงที่
ราคาต่า
การบริการที่ไม่ ดี ได้ แก่










มีของให้ เล็กน้ อย
ผู้ขายเซ้ าซี ้ให้ ลกู ค้ าซื ้อของจนน่าราคาญ
ของที่เสนอขายมีราคาแพง
บริ การอืดอาดล่าช้ า ลูกค้ าต้ องคอยนานเกินไป
นัดแล้ วไม่เป็ นไปตามนัด
ห่อของไม่เรี ยบร้ อย
หยิบต้ องของที่จะใช้ บริ โภคไม่สะอาดพอ
เป็ นร้ านที่มีการระบายอากาศไม่ดี อับทึบ
ผู้ขายมีกิริยามารยาทไม่สภุ าพเรี ยบร้ อย
มีผ้ คู นเตร่ไปเตร่มาภายในร้ านหรื อนอกร้ าน
ผู้ท่ แี น่ วแน่ และมุ่งมั่นจะหาหนทางแก้ ปัญหา
ในขณะที่คนอื่นจะหาหนทางแก้ ตัว