-การวัดปริมาตร อุณหภูมิ และความดัน -กฎของก๊าซ -ก๊าซอุดมคติ -ก๊าซจริง -ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ -ก๊าซผสม -กฎการแพร่ผา่ น Gas ก๊าซ ประกอบด้วยอนุภาคที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ตลอดเวลา และไม่เป็ นระเบียบ แต่ละอนุภาคอยูห่ ่างกันมาก จนอาจถือว่าไม่มีอนั ตรกิริยาต่อกัน.
Download
Report
Transcript -การวัดปริมาตร อุณหภูมิ และความดัน -กฎของก๊าซ -ก๊าซอุดมคติ -ก๊าซจริง -ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ -ก๊าซผสม -กฎการแพร่ผา่ น Gas ก๊าซ ประกอบด้วยอนุภาคที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ตลอดเวลา และไม่เป็ นระเบียบ แต่ละอนุภาคอยูห่ ่างกันมาก จนอาจถือว่าไม่มีอนั ตรกิริยาต่อกัน.
-การวัดปริมาตร อุณหภูมิ และความดัน
-กฎของก๊าซ
-ก๊าซอุดมคติ
-ก๊าซจริง
-ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ
-ก๊าซผสม
-กฎการแพร่ผา่ น
Gas
ก๊าซ
ประกอบด้วยอนุภาคที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ตลอดเวลา
และไม่เป็ นระเบียบ แต่ละอนุภาคอยูห่ ่างกันมาก
จนอาจถือว่าไม่มีอนั ตรกิริยาต่อกัน
การวัดปริมาตร อุณหภูมิและความดัน (1)
ปริมาตรก๊าซ
ปริมาตรภาชนะที่บรรจุกา๊ ซนั้น
(dm3, l, ml, cm3, m3)
การวัดอุณหภูมิ
เทอร์โมมิเตอร์และไพโรมิเตอร์
(OC, OF, OR, K)
มาตราส่วนเคลวิน อุณหภูมิสมั บูรณ์
(Absolute temperature)
T = 273 + t (OC)
การวัดปริมาตร อุณหภูมิและความดัน (2)
ความดัน (Pressure)
แรงเนื่องจากการชนภาชนะระหว่างโมเลกุลของก๊าซกับผนัง
ภาชนะ [N/m3, dyne/cm3, bar, atm, lb/in, torr, mmHg]
บารอมิเตอร์
วัดความดันบรรยายกาศ
สูญญากาศ
h
h
Note: ระบุความดันเป็ นความสูงของปรอท หน่วยมิลลิเมตร
การวัดปริมาตร อุณหภูมิและความดัน (3)
จาก
เมื่อ
P = F/A
F
F
F
P
P
P
=
=
=
=
=
mg , = m/V
Vg
r2hg
(r2hg)/ r2
hg
h
การวัดปริมาตร อุณหภูมิและความดัน (4)
มานอมิเตอร์ (manometer)
วัดความดันก๊าซ
Pgas = Patm + Ph Pgas = Ph
หรือ Pgas = Patm - Ph
P
ณ ระดับนา้ ทะเลทาให้ปรอทในมานอมิเตอร์มีความสูง 760 mm
ที่ 0 OC เรียกว่า ความดันมาตรฐานมีค่า = 1 บรรยายกาศ”
atm
กฎของบอยส์
เมื่ออุณหภูมิและมวลของก๊าซคงที่
ปริมาตรของก๊าซจะแปรผกผันกับความดัน
เมื่อ T คงที่ PV = ค่าคงที่ (k)
กฎของชาลส์
เมื่อความดันและมวลของก๊าซคงที่ ปริมาตรของก๊าซ
แปรผันตรง กับ อุณหภูมิเคลวิน
เมื่อ P คงที่
จะ
V / T = ค่าคงที่ (k)
โดยการรวมกฎของบอลย์และชาร์ลเข้าด้วยกัน เมื่อมวล
ของก๊าซคงที่
เมื่อโจทย์มีมวลของก๊าซ
เมื่อโจทย์มีความหนาแน่นของก๊าซ
P = dRT
M
กฎของอโวกาโด
เมื่อ
T และ P คงที่
V/n
V
= ค่าคงที่ (k)
n
สมการของสถานะ
สมการที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตร ความดัน
อุณหภูมิ และ จานวนโมลของสสาร ใช้อธิบายพฤติกรรม
ของสสารทุกชนิด
ถานะของสาร
สถานะของสสาร
อุณหภูมิมีผลต่ อสถานะของสาร ดังนี ้
สาหรับก๊าซอุดมคติ (ideal gas)
สมการของสถานะเขียนได้ว่า PV = nRT
ซึ่งเรียกว่า “สมการของก๊าซอุดมคติ ”
ปริมาตรโมลาร์ (Vm)
ปริมาตรโมลาร์ (V
m
)
ปริมาตรของก๊าซอุดมคติหนึ่งโมลที่อุณหภูมิ และ
ความดันใดๆ มีค่าเท่ากับ V / n (เทอมเดียวกับที่
กล่าวถึงในกฎของอาโวกาโดร)
ตรงสภาวะมาตรฐานที่ความดัน 1 บรรยากาศ และ
อุณหภูมิ 0 OC (STP) ก๊าซทุกชนิดมีปริมาตรโมลาร์เท่ากัน
หมด คือ 22.4 ลิตร
การใช้สมการก๊าซอุดมคติ
1. หาค่าตัวแปรตัวใดตัวหนึ่งเมื่อทราบที่เหลืออีก 3 ตัว
PV = nRT
2. หามวลโมเลกุล (M) ถ้าทราบมวล (m) ของก๊าซ
PV = (m/M) RT
3. หาความหนาแน่นของก๊าซ
PM = dRT
4. หาปริมาตรโมลาร์ (Vm )
Vm = RT / P
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ (1)
ใช้อธิบายสมบัตขิ องก๊าซ เสนอว่า
1.ก๊าซประกอบด้วยโมเลกุลที่มีขนาดเล็กมากอยูห่ ่างกัน
และไม่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างกัน
2.แต่ละโมเลกุลเคลื่อนที่เป็ นเส้นตรงอยูต่ ลอดเวลาด้วย
อัตราเร็วคงที่ (ไม่จาเป็ นต้องเท่ากัน) จนกระทั ่งชนกันเอง
หรือชนผนังภาชนะจึงจะเปลี่ยนทิศทางและอาจเปลี่ยน
อัตราเร็วด้วย เมื่อ T คงที่ อัตราเร็วเฉลี่ยของโมเลกุลของ
ก๊าซชนิดหนึ่ง ๆ จะคงที่
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ (2)
3.โมเลกุลของก๊าซมี Ek ค่าหนึ่ง = 1/2 mV2
เมื่อ m คือ MW
V คือ อัตราเร็วในการเคลื่อนที่ของโมเลกุล
4.เมื่อโมเลกุลชนกันหรือชนผนังภาชนะ อาจจะมีการถ่าย
พลังงานแต่ไม่มีการสูญเสียพลังานรวม
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ (3)
5.ที่ T เดียวกัน ก๊าซทุกชนิดจะมีพลังงานจลน์เฉลี่ยเท่ากัน
พลังงานจลน์เฉลี่ยของก๊าซ T(K) ก๊าซที่มีสมบัติ
ครบถ้วนตามทฤษฎีจลน์เรียกว่า ก๊าซสมบูรณ์ ซึ่งไม่มีจริง
ก๊าซจริงอาจมีสมบัตใิ กล้เคียงกับก๊าซสมบูรณ์ได้ ถ้าอยูใ่ น
ระบบที่ T สูง และ P ต ่า ก๊าซส่วนใหญ่โดยเฉพาะก๊าซ
เฉื่อยที่อุณหภูมิหอ้ ง P 1 atm มีสมบัตใิ กล้เคียงกับก๊าซ
สมบูรณ์
ก๊าซผสม (1)
กฎของดาลตัน
ความดันของก๊าซผสม (Ptot)
เท่ากับผลรวมของความดันย่อย(partial pressure)
ของก๊าซแต่ละตัว (Pi) โดยก๊าซแต่ละตัวและก๊าซผสม
ต้องมีปริมาตรและอุณหภูมิเดียวกัน
Ptot V
Ptot
Ptot
=
=
=
=
=
ntot RT
(n1+n2+…+ni+…)RT
n1+n2 +…+ni+…
P1+P2+…+Pi+…
Pi
เมื่อ Pi = ni RT
ก๊าซผสม (2)
หรือ
x
i
Pi = ni RT/V = ni =
Ptot
ntot RT/V ntot
xi
= ni / ntot
คือ เศษส่วนโมล (mole fraction) ของก๊าซ
และ Pi = xiP
หาความดันย่อยโดยใช้กฎของบอยส์ จากก๊าซ A ซึ่งมีความดัน
P1 ปริมาตร V1 นามาผสมกับก๊าซอื่น จึงได้กา๊ ซผสมที่มี
ปริมาตร V และความดัน P ฉะนั้นความดันย่อย PA คือ
ก๊าซผสม (3)
PA V = P 1 V1
PA
= (P1V1) / V
d
ก๊าซผสม (4)
2
PV = 2/3 N (1/2 mv )
PV = 2/3 NE
ถ้า N = NA PV = 2/3 E : (E = NAE)
PV = RT = 2/3 E
E = 3/2 RT
สิ่งสาคัญอีกประการหนึ่งก็คือการคานวณความเร็วเฉลี่ย
ของโมเลกุลก๊าซ ซึ่งหาได้จากค่าพลังงานจลน์เฉลี่ยดังนี้
ก๊าซผสม (5)
E
2
1/2Mv
2
v
v2
=
=
NA1/2mv
2
1/2Mv
=
=
=
3/2RT
(3RT)/M
Vrms
2
: ( M = NAm)
3RT
M
Vrms
=
= รากที่สองของค่าเฉลี่ยของความเร็วกาลังสอง
(root-mean-square velocity)
Example
ตัวอย่าง ก๊าซมีปริมาตร 400 cm3 มีความดัน 0.92 atm
และ อุณหภูมิ 21 OC จงหาปริมาตรก๊าซนี้ที่ความดัน 1.5 atm
และอุณหภูมิ 21 OC
วิธีทา จากสูตร
กาหนดให้ P1 =
P1V1 = P2V2
0.92 atm, V1 = 400 cm3
P2 = 1.5 atm, V2 = ?
(0.92 atm)(400 cm3) = (1.5 atm) V2
V2 = 245.33 cm3
Example
ตัวอย่าง จงคานวณหาจานวนโมลของก๊าซสมบูรณ์แบบที่มี
ปริมาตร 0.452 L ที่ 87 OC และ 0.620 atm
วิธีทา
จากสมการ
n = PV/RT
กาหนดให้ P = 0.620 atm, T = 273+87 = 360 K
V = 0.452 L, R = 0.08206 L.atm.K-1.mol-1
แทนค่า
n =
(0.620 atm)(0.452 L)
(0.08206 L.atm.K-1.mol-1)(360 K)
n = 9.49 X 10–3 mol
Ans
Example
ตัวอย่าง จงคานวณหามวลโมเลกุลของก๊าซสมบูรณ์แบบ
O
0.533 g ที่มีปริมาตร 0.25 L ที่ 25 C และ 0.974 atm
วิธีทา จากสูตร M = mRT/PV
กาหนดให้ m = 0.533 g, P = 0.974 atm
V = 0.25 L, T = 273+25 = 298 K
-1
-1
R = 0.08206 L.atm.K .mol
M = (0.533g)(0.08206 L.atm.K-1.mol-1)(298 K)
(0.974 atm)(0.25 L)
M = 53.53
Ans
3
O
ตัวอย่าง นาก๊าซ N2 200 cm ที่ 25 C ความดัน 250 torr และ O2
350 cm3 ที่ 25 OC ความดัน 300 torr มาผสมในภาชนะปริมาตร
3
O
300 cm จงหาความดันรวมของก๊าซผสมที่ 25 C
3
วิธีทา N2 : V1 = 200 cm
P1 = 250 torr
V = 300 cm3 PN2 = ?
PN2 = (200 cm3 )(250 torr) = 167 torr
(300 cm3)
O2 : PO2 = (350 cm3 )(300 torr)
(300 cm3)
= 350 torr
Ptot = PN2 + PO2
= 167 +350 = 517 torr
กฎการแพร่ผ่านของแกรห์ม
การแพร่ผา่ น(effusion)
=
กระบวนการที่กา๊ ซเคลื่อนที่จากบริเวณหนึ่งผ่าน
รูที่เล็กมากๆออกสูบ่ ริเวณอื่นโดยโมเลกุลไม่ชนกัน
การแพร่ (diffusion)
=
การที่กา๊ ซฟุ้งกระจายที่มีความเข้มข้นสูงไปยังที่
ที่มีความเข้มข้นต ่าโดยโมเลกุลก๊าซอาจชนกันได้
โทมัส แกรห์ม
พบว่าก๊าซที่มีความหนาแน่นต ่าแพร่ผ่านได้
เร็วกว่าก๊าซที่มีความหนาแน่นสูงกว่า
กฎอัตราการแพร่ผ่าน (r)
ของก๊าซแปรผันอย่างผกผันกับรากที่สองของ
ความหนาแน่น(d) หรือ
r 1/d
เมื่อเปรียบเทียบการแพร่ผ่านของก๊าซ A และ
B ที่สภาวะเดียวกันจะได้
rA/rB
=
dB/dA
จากกฎก๊าซสมบูรณ์แบบนั้น พบว่าความหนาแน่น
แปรผันโดยตรงกับน้ าหนักโมเลกุล (M) ดังนั้นจะได้
rA/rB
=
MB/MA
อัตราการแพร่ผ่านของก๊าซควรเป็ นสัดส่วนโดยตรง
กับอัตราเร็วเฉลี่ยของโมเลกุลหรือ
rA/rB
=
vA/vB
หรือจากสมการการเปรียบเทียบความเร็วเฉลี่ย ซึ่ง
จากผลของทฤษฎีจลน์
vA/vB
=
MB/MA
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ
ใช้อธิบายสมบัตขิ องก๊าซเสนอว่า
1. ก๊าซประกอบไปด้วยโมเลกุลที่มีขนาดเล็ก
มาก อยูห่ ่างกัน และไม่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างกัน
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ
2. แต่ละโมเลกุลเคลื่อนที่เป็ นเส้นตรงตลอดเวลา
ด้วยอัตราเร็วคงที่(ไม่จาเป็ นต้องเท่ากัน) จนกระทั ่งชน
กันเองหรือชนผนังภาชนะซึ่งเป็ นการชนแบบยืดหยุน่
สมบูรณ์ (perfect elastic collision) จึงจะเปลี่ยนทิศทาง
และอาจเปลี่ยนอัตราเร็วด้วยเมื่อ T คงที่ อัตราเร็วเฉลี่ย
ของโมเลกุลของก๊าซชนิดหนึ่งจะคงที่
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ
3. เมื่อโมเลกุลชนกันหรือชนผนังภาชนะอาจจะมี
การถ่ายพลังงาน แต่ไม่มีการสูญเสียพลังงานรวม นั้นคือ
พลังงานจลน์รวมมีค่าคงที่
สมมุติว่า
โมเลกุลของก๊าซมีมวล m เคลื่อนที่ดว้ ยความเร็ว v
ดังนั้นพลังงานจลน์ของโมเลกุลนี้ = ½ mv2
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ
ในกรณีมีกา๊ ซ N โมเลกุล พลังงานจลน์รวมทั้งหมด
ของก๊าซแต่ละโมเลกุลคือ
Et
=
1/2Nmv2
โดย v2 สามารถจาแนกเป็ นความเร็วในแกน x,y
และ z ได้ดงั นี้
v2
v2
=
=
vx2 + vy2 + vz2
vx2 + vy2 + vz2
v2 = 3vx2 = 3vy2 = 3vz2 : vx2 = v2/3
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ
พิจารณาการเคลื่อนที่ของโมเลกุลก๊าซโมเลกุลหนึ่ง
ซึ่งมีมวล m เคลื่อนที่ไปในทิศทาง x ด้วยความเร็ว Vx ใน
กล่องรูปลูกบาศก์ที่มีความยาว a ดังรูป
a
z
x
a
y
a
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ
โมเมนตัมของโมเลกุลก๊าซ = mvx
เมื่อโมเลกุลนี้ชนผนังAแบบยืดหยุน่ สมบูรณ์
จะกระดอนกลับด้วยความเร็ว –vx
และโมเมนตัมของการกระดอนกลับ = m(-vx)
ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมรวม = mvx– m(-vx)
= 2mvx
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ
การชนผนัง A แต่ละครัง้ เกิดขึ้นเมื่อโมเลกุล
เคลื่อนที่ไปได้ระยะทาง 2a (ไป-กลับ)
ดังนัน้ จานวนการชนของโมเลกุลต่อเวลา = vx / 2a
ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมต่อวินาที
P
F
เมื่อ
F
=
=
2mvx (vx / 2a)
mvx2 / a
คือแรงที่เกิดจากการชนกันของโมเลกุลของก๊าซ
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ
และหาค่าความดันได้จากแรงต่อหน่วยพื้นที่
P
=
=
=
F/A
mvx2 / a.a2
mvx2 / V
PV
=
mvx2
หรือ
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ
ถ้าโมเลกุลของก๊าซ N โมเลกุลจะใช้ความเร็วกาลัง
สองเฉลี่ย vx2 ดังนั้นจะได้
PV
=
Nmvx2
vx 2
=
v2 / 3
PV
=
=
Nmv2 / 3
nNAmv2 / 3
=
nMv2 / 3
เมื่อแทน
จะได้
ทฤษฎีจลน์ของก๊าซ
เมื่อ
n
NA
M
=
=
=
=
=
จานวนโมล
N/NA
เลขอโวกาโดร
น้ าหนักโมเลกุล
NAm
พฤติกรรมของก๊าซ
1. พลังงานจลน์ของก๊าซและสมการก๊าซสมบูรณ์แบบ
PV
=
=
=
Nmv2/3
2/3N(1/2mv2)
2/3NEt
พฤติกรรมของก๊าซ
เมื่อ
Et =
PV =
พลังงานจลน์เฉลี่ยก๊าซ 1 โมเลกุล
2/3 nNAEt
PV =
2/3 n Et
เมื่อ
Et
Et
=
=
พลังงานจลน์เฉลี่ยก๊าซ 1 โมล
NAEt
กฎการแบ่งส่วนเท่ากันของพลังงานของโบลซ์มานน์
กล่าวว่า
พลังงานรวมของโมเลกุลเกิดจากพลังงานที่ได้จาก
การเคลื่อนที่ การสั ่น และการหมุน
โดยการเคลื่อนที่ ของโมเลกุลจะเคลื่อนที่ได้อิสระทั้ง
3 ทิศทาง (แกน x,y และ z) เรียกว่า
มีองศาของความเป็ นอิสระ (degree of freedom) = 3
กฎการแบ่งส่วนเท่ากันของพลังงานของโบลซ์มานน์
จากกฎดังกล่าวพิสูจน์ได้ว่า
การเคลื่อนที่ของโมเลกุลในแต่ละองศาของความ
เป็ นอิสระมีค่าพลังงานเท่ากับ½ kT
เมื่อ k
=
=
=
ค่าคงที่ของโบลซ์มานน์
1.38066 x10-23 JK-1
(R/NA)
กฎการแบ่งส่วนเท่ากันของพลังงานของโบลซ์มานน์
ฉะนั้นพลังงานจลน์ของการเคลื่อนที่กา๊ ซ 1 โมเลกุล
( Et )
=
3(1/2kT)
และพลังงานจลน์ของการเคลื่อนที่กา๊ ซ 1 โมล
( Et )
=
=
3NA(1/2kT)
3/2 NAkT
จากทฤษฎีจลน์
PV =
=
=
PV
2/3nEt
2/3n(3/2NAkT)
nNAkT
แสดงว่า
PV =
nRT : เมื่อ(NAk = R)
และ
=
Et
=
3/2NAkT
3/2RT
สรุปได้ว่า
“พลังงานจลน์ของก๊าซเป็ นสัดส่วนโดยตรง
กับอุณหภูมิ และไม่ข้ ึนกับ P,V หรือชนิดของก๊าซ”
พฤติกรรมของก๊าซ
2. กฎการแพร่ผา่ นของแกรห์ม
เมื่อเปรียบเทียบ
และ
จะได้
PV =
PV =
v2 =
V2
ถ้าถอดรากที่สองจะได้
(v2)1/2
Nmv2/3
nRT
3RT/mNA
T
T1/2
(v2)1/2 = root-mean-square velocity, vrms
สิ่งสาคัญอีกประการหนึ่งก็คือการคานวณความเร็ว
เฉลี่ยของโมเลกุลก๊าซซึ่งหาได้จากค่าพลังงานจลน์เฉลี่ย
ดังนี้
Et =
NA(1/2mv2)
1/2Mv2 : (M=NAm)
3/2RT
(3RT)/M
1/2Mv2
v2
=
=
=
v2
Vrms =
=
Vrms =
(3RT)/M
รากที่สองของค่าเฉลี่ยของ
ความเร็วกาลังสอง
(root-mean-square velocity)
พฤติกรรมของก๊าซ
3. การกระจายความเร็วโมเลกุล
การคานวณโอกาสที่จะพบโมเลกุลที่มี
ความเร็วอยูใ่ นช่วงหนึ่งๆที่อณ
ุ หภูมิคงที่
การแจกแจงของแมกซ์เวลล์-โบลต์มานน์
มีสูตรการคานวณดังนี้
P(v) =
4(m/2kT)3/2v2(e-mv/kT)
P(v) คือ โอกาสที่จะพบโมเลกุลที่มี
ความเร็วอยูใ่ นช่วง v กับ v + dv
K
คือ ค่าคงที่โบลต์มานน์
e
=
=
=
R / NA
1.38x10-23 JK-1
2.71
จากกราฟระหว่าง P(v) กับ v ที่อุณหภูมิ
คงที่แสดงดังรูป ทาให้สามารถหาความเร็วเฉลี่ย
(mean velocity, v) และความเร็วที่เป็ นไป
ได้มากที่สุด (most probble velocity,vmp)
ซึ่งเป็ นความเร็วตรงจุดสูงสุดของกราฟได้ดงั นี้
V
=
=
vmp =
8kT / m
8RT / M
2RT / M
จากสมการ 1-3 จะเห็ นว่าความเร็วทัง้ 3
ชนิดมีคา่ ใกล้เคียงกันมากและแปรผันตามอุณหภูมิ
และนา้ หนักโมเลกุล
อัตราส่วนของความเร็วทัง้ 3 ที่อุณหภูมิเดียวกันคือ
vmp : v : vrms
=
1 : 1.13 : 1.22
สาหรับโมเลกุลก๊าซต่างชนิดกันสามารถเปรียบเทียบ
ความเร็วเฉลี่ย ณ อุณหภูมิเดียวกันได้ดงั นี้
vA/vB
=
MB / MA
พฤติกรรมของก๊าซจริง
ก๊าซสมบูรณ์แบบ 1 โมล PV/RT = 1
แต่จากการศึกษาพฤติกรรมของก๊าซที่ความดัน
และอุณหภูมิตา่ งๆพบว่าอัตราส่วนนี้ไม่เท่ากับ 1
เมื่อความดันเข้าใกล้ 0 และที่อุณหภูมิสูงๆ
อัตราส่วน PV/RT มีค่าเข้าใกล้ 1 ไม่ว่าจะ
เป็ นก๊าซชนิดใด
ก๊าซจริง
ก๊าซจริง
มีพฤติกรรมเป็ นก๊าซสมบูรณ์แบบเมื่อมีความดัน
ต ่ามากและอุณหภูมิสูงมาก
แบบจาลองก๊าซสมบูรณ์แบบมีขอ้ สมมติ
“โมเลกุลมีปริมาตรเป็ นศูนย์และไม่มีแรงกระทา
ระหว่างกัน ก๊าซจริงไม่เป็ นไปตามนี้ คือ โมเลกุลของ
ก๊าซมีขนาดแน่นอนและมีแรงแวนเดอร์วาลส์ยดึ เหนี่ยว
ระหว่างโมเลกุล ขนาดโมเลกุลและแรงยึดเหนี่ยวนี้เป็ น
สมบัตเิ ฉพาะสาหรับโมเลกุลแต่ละชนิด
โยฮันน์ แวนเดอร์วาลส์
ได้เสนอสมการสภาวะสาหรับก๊าซจริงใดๆ
1 โมล ดังนี้
(P+a/V2)(V2-b) =
RT
เมื่อ
V
Aและb
=
=
ปริมาตรต่อโมลของก๊าซ
ค่าคงที่เฉพาะของก๊าซหนึ่งๆ
ก๊าซสมบูรณ์แบบ
V = RT/P
ที่ T = 0, V = 0 ด้วย
ก๊าซจริง เมื่อลดอุณหภูมิลงก๊าซจะกลายเป็ น
ของเหลวและของแข็งในที่สุดซึ่งจะมีปริมาตรที่
แน่นอน ฉะนั้นโมเลกุลของก๊าซจึงมีปริมาตรที่
แน่นอนด้วย
ก๊าซสมบูรณ์แบบ
v
= ปริมาตรของภาชนะที่บรรจุ โมเลกุลของก๊าซ
สมบูรณ์แบบสามารถเคลื่อนที่ได้ทั ่วทั้งภาชนะ
แต่กา๊ ซจริงโมเลกุลมีขนาดแน่นอนปริมาตรที่
เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ = v - b
เมื่อ bคือปริมาตรส่วนที่โมเลกุลเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปไม่ได้
= ปริมาตรหวงห้าม(excluded volumn)
ก๊าซสมบูรณ์แบบ
สาหรับก๊าซ n โมลสามารถคานวณปริมาตร
หวงห้ามได้ โดยคิดว่าแต่ละโมเลกุลเป็ นทรงกลม
รัศมี r ได้ดงั นี้
2r
r
r
ปริมาตรหวงห้ามของโมเลกุลคู่
= 4/3(2r)3
ปริมาตรหวงห้ามหนึ่งโมเลกุล
= ½(4/3(2r)3)
= 4(4/3r3)
ก๊าซสมบูรณ์แบบ
สมการสภาวะของก๊าซจริงต้องพิจารณาแรง
ดึงดูดระหว่างโมเลกุล ซึ่งมีผลต่อความดันก๊าซ
ความดันของก๊าซเกิดจากการชนกันระหว่าง
โมเลกุลกับผนังภาชนะ และจากการที่โมเลกุลมีแรง
ดึงดูดระหว่างกัน ทาให้แรงเนื่องจากการชนและความ
ดันที่เกิดขึ้นมีค่าน้อยกว่าค่าจริง
ความดันที่ลดลงเป็ นผลมาจาก
1. จานวนครัง้ ของการชนระหว่างโมเลกุลกับผนัง
2. แรงที่ลดลงในการชนกันแต่ละครัง้
จากปั จจัยทั้งสองข้อนี้
จะขึ้นอยูก่ บั ความเข้มข้น (n/V) ของก๊าซ
ความดันที่ลดลง (n/v)2
=
=
an2/v2
a/v2
สมการแวนเดอวาลล์สาหรับก๊าซจริง n โมล
(P+an2/v2)(v-nb)
= nRT
Exercise
Question
1. ก๊าซมีปริมาตร 400 cm3มีความดัน 0.92 atm และ
อุณหภูมิ 21c จงหาปริมาตรก๊าซนี้ที่ความดัน 1.5 atm
และอุณหภูมิ 21c
2. จงคานวณหาจานวนโมลของก๊าซสมบูรณ์แบบที่มี
ปริมาตร 0.452 L ที่ 87 c และ 0.620 atm
3. จงคานวณหามวลโมเลกุลของก๊าซสมบูรณ์แบบ 0.533 g
ที่มีปริมาตร 0.25 l ที่
25 c และ 0.974 atm
Question
4. นาก๊าซ N2 200 cm3 ที่ 25 c ความดัน 250
torr และ O2 350 cm3 ที่ 25 c
ความดัน 300
torr มาผสมในภาชนะปริมาตร 300 cm3 จงหาความ
ดันรวมของก๊าซ ผสมที่ 25 c
Question
5.
ฟองอากาศฟองหนึ่งเคลื่อนขึ้นจากก้นทะเลสาบ
ซึ่งมีอุณหภูมิและความดันเท่ากับ 8 c และ
6.4 atm ขึ้นมายังผิวน้ าซึ่งมีอณ
ุ หภูมิ 25 c
และความดัน 1.0 atm จงคานวณปริมาตร
สุดท้าย(เป็ น ml) ของฟองอากาศถ้าปริมาตร
เริ่มต้นเท่ากับ 2.1 ml
Question
6.
7.
แก๊สผสมประกอบด้วยนีออน (Ne) 4.46 mol
อาร์กอน(Ar) 0.74 mol และซีนอน (Xe)
2.15 mol จงคานวณความดันย่อยของแก๊ส
ทั้งหมดถ้าความดันรวมเท่ากับ 2.00 atm
ณ อุณหภูมิหอ้ ง
จงคานวณปริมาตร (เป็ นลิตร)ของแก๊ส CO2
7.40 g ที่ STP
Question
8.
จงคานวณปริมาตร(เป็ นลิตร)ของแก๊ส HCl
49.8 g ที่ STP
ซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6) เป็ นแก๊สที่ไม่
มีสี ไม่มีกลิ่น และเฉื่อยต่อปฏิกิริยามาก
จงคานวณความดัน (เป็ นatm) ของ
แก๊สนี้
1.82 mol ในภาชนะเหล็กกล้าที่มี
ปริมาตร 5.43 L ที่ 69.5 c
9.
Question
10. จงคานวณปริมาตร(เป็ นลิตร) ของแก๊สไนตริก
ออกไซด์ (NO) 2.12 mol ที่ 6.54
atm
และ 76 c
Question
เมื่อทาการทดลองเตรียมแก๊สออกซิเจนจากการ
สลายตัวของโพแทสเซียมคลอเรต พบว่าแก๊สที่ได้มี
ปริมาตร 128 ml ที่ 24 c และความดันบรรยากาศ
เท่ากับ 762 mmHg จงคานวณมวล (เป็ นกรัม) ของ
แก๊สออกซิเจนที่ได้ ความดันของไอน้ าที่ 24 c เท่ากับ
22.4 mmHg
11.
Question
12. เมื่อเตรียมแก๊สไฮโดรเจนจากปฏิกิริยาระหว่างโลหะ
แคลเซียมกับน้ าแล้วเก็บแก๊ส พบว่าที่ 30 c และความดัน
988 mmHg ได้แก๊สปริมาตร 641 ml จงหามวล(เป็ น
กรัม) ของแก๊สไฮโดรเจนที่เตรียมได้ ถ้าความดันของไอน้ า
ที่ 30 c เท่ากับ 31.82 mmHg
Question
13. แก๊ส NH3 3.50 mol มีปริมาตร 5.20 L ที่
47 c จงคานวณความดันของแก๊สนี้ในหน่วย
atm โดยใช้
ก) สมการแก๊สสมบูรณ์แบบ
ข) สมการแวนเดอร์วาลส์
Answer
1. ตอบ
245.33 cm3
2. ตอบ
9.49 x 10-3 mol
3. ตอบ
53.53
4. ตอบ
517 torr
5. ตอบ
14
ml
Answer
6. ตอบ
PNe
=
1.21 atm
PAr
=
0.20 atm
PXe
=
0.586 atm
7. ตอบ
3.77 L
8. ตอบ
30.6 L
9. ตอบ
9.42 atm
10.ตอบ
9.29 L
Answer
11. ตอบ
0.164
g
12. ตอบ
0.0653 g
13. ตอบ
ก)
ข)
17.7
atm
16.2
atm