วิชา การขนส่ งทางอากาศ พ.ท.ชูชาติ ตะระโสภณ พ.ท.พงศ์ นิกลู ไชยะบุรินทร์ “การขนส่ ง” หมายถึง การจัดให้ มีการเคลือ่ นย้ าย บุคคล สั ตว์ หรือสิ่ งของต่ างๆ ด้ วยเครื่องมือ.

Download Report

Transcript วิชา การขนส่ งทางอากาศ พ.ท.ชูชาติ ตะระโสภณ พ.ท.พงศ์ นิกลู ไชยะบุรินทร์ “การขนส่ ง” หมายถึง การจัดให้ มีการเคลือ่ นย้ าย บุคคล สั ตว์ หรือสิ่ งของต่ างๆ ด้ วยเครื่องมือ.

วิชา การขนส่ งทางอากาศ
พ.ท.ชูชาติ ตะระโสภณ
พ.ท.พงศ์ นิกลู ไชยะบุรินทร์
“การขนส่ ง” หมายถึง การจัดให้ มีการเคลือ่ นย้ าย
บุคคล สั ตว์ หรือสิ่ งของต่ างๆ ด้ วยเครื่องมือ และ
อุปกรณ์ ในการขนส่ งจากทีแ่ ห่ งหนึ่งไปยังอีกแห่ ง
หนึ่ง ตามความประสงค์ และเกิดอรรถประโยชน์
ตามต้ องการ
ความสาคัญของการขนส่ ง
-ช่ วยให้ ปชช.มีมาตรฐานการครองชีพดีขนึ้
-ช่ วยเพิม่ ประสิ ทธิภาพในการผลิต
-ช่ วยกระจายความเจริญเติบโต
-มีการเปลีย่ นแปลงของสั งคม
ความสาคัญของการขนส่ ง
-ช่ วยให้ การติดต่ อสื่ อสารสะดวกขึน้
-ช่ วยให้ มาตรฐานการศึกษาดีขนึ้
-ช่ วยเพิม่ ความสั มพันธ์ ระหว่ างประเทศ
-เพิม่ ความมั่นคงให้ กบั ประเทศ
หลักการขนส่ งทางอากาศ
1. พร้ อมทีจ่ ะใช้ งานได้ รวดเร็ว ไม่ ย่ ุงยาก
2. มีอสิ ระในการใช้
3. ใช้ เท่ าทีจ่ าเป็ น และมีการควบคุมทุกขั้นตอน
เพือ่ ประหยัดงบประมาณ
การขนส่ ง แบ่ งออกได้ เป็ น 5 ประเภท คือ
- การขนส่ งทางถนน หรือทางรถยนต์ (Road Transportation)
- การขนส่ งทางนา้ (Water Transportation)
- การขนส่ งทางอากาศ (Air Transportation)
- การขนส่ งทางรถไฟ (Railroad Transportation)
- การขนส่ งทางท่ อ (Pipelines Transportation)
กรมการขนส่ งทหารบก
-ทาหน้ าทีบ่ ริการขนส่ งทางอากาศอย่ างจากัด
-เคลือ่ นย้ ายกาลังพล และสิ่ งอุปกรณ์ ให้ ถงึ สนาม
รบในแนวหน้ าได้ ทนั เวลา
-การขนส่ งทุกอย่ างต้ องเสี ยเวลา ค่ าใช้ จ่าย
-เป็ นหน่ วยงานทีบ่ ่ งชี้ในการเลือกใช้ ประเภท
การขนส่ งให้ เหมาะสม และการขนส่ งทีเ่ สี ยเวลา
น้ อยทีส่ ุ ด
ความเป็ นมาของการขนส่ งทางอากาศ
หลายพันปี มาแล้ว มนุษย์ เราเฝ้ าสั งเกตดูนก และอยากบินได้ เหมือน
นก แต่ พวกนกนั้น มีกล้ามเนือ้ แข็งแรง กระดูกเบา มีขนป้องกันการ
ไหลทะลุผ่านอากาศ แต่ มนุษย์ ไม่ เหมาะทีจ่ ะบินด้ วยกาลังของตนเอง
เพราะมีกล้ามเนือ้ ทีไ่ ม่ แข็งแรงพอ ไม่ มีโครงกระดูกทีจ่ ะลดนา้ หนัก
ไม่ มีหัวใจสู บฉีดโลหิตได้ เร็วพอ จึงบินไม่ ขนึ้
ความเป็ นมาของการขนส่ งทางอากาศ
ค.ศ.1480 นายลีโอนาโด ดาวินซี ได้ ร่างแบบอุปกรณ์ การบิน
ได้ ในหลายๆรู ปแบบ ซึ่งเลียนแบบการกระพือปี ก
ของนก ผลงานถูกลืมเลือนไปกว่ า 300 ปี
ค.ศ.1783 สองพีน่ ้ องสกุลมองต์ โกลฟี เยร์ (โจเซฟ และแจ๊ คควิส)
สร้ างบอลลูนได้ สาเร็จ โดยบรรจุอากาศร้ อนไว้ ภายใน
บอลลูนเพือ่ ให้ เกิดแรงยก เพราะอากาศร้ อนเบากว่ า
อากาศเย็น ทาให้ ความหนาแน่ นรวมของบอลลูนตา่
กว่ าความหนาแน่ นของอากาศโดยรอบ จึงลอยขึน้
ต่ อมาในปี เดียวกัน ศาสตราจารย์ ชารลส์ แห่ งนครปารีส ได้ ใช้ ก๊าซ
ไฮโดรเจนบรรจุเข้ าไปในบอลลูน แทนทีจ่ ะใช้ อากาศร้ อน บอลลูนก็
ลอยขึน้ ไปในอากาศได้ เช่ นเดียวกัน และการทีจ่ ะให้ บอลลูนมีขดี
ความสามารถเพิม่ ขึน้ เขาได้ ใช้ หัวเผาไหม้ ตรงฐานบอลลูน ทาให้ ก๊าซ
ไฮโดรเจนซึ่งสามารถทาให้ บอลลูนลอยได้ อยู่แล้ ว ก็ร้อนยิง่ ขึน้ ไปอีก
จึงทาให้ บอลลูนลอยสู งขึน้ ไปอีก แล้ วยังสามารถยกตะกร้ าและผู้โดยสาร
ขึน้ จากพืน้ ได้ เป็ นอย่ างดี
ค.ศ.1799 เซอร์ จอร์ จ เคย์ ลยี ์ ชาวอังกฤษ ได้ ออกแบบ
รู ปร่ างของเครื่องบินบนจานเงิน และยังเป็ นบุคคลแรก ที่
เขียนแผนภาพของแรงยก-แรงต้ าน ปัจจุบันนี้ จานเงิน
ดังกล่ าวถูกเก็บรักษาไว้ ในพิพธิ ภัณฑ์ ณ กรุงลอนดอน
ค.ศ.1804 เขาได้ สร้ างเครื่องร่ อนยาว 5 ฟุต ปี กเป็ นรู ปว่ าว
คล้ ายปลากะเบน และสามารถร่ อนไปได้ เพียงระยะสั้ นๆ
เท่ านั้น
ค.ศ.1891 ออตโตลิเลียนทาล
(Otto Lilienthal) วิศวกรเยอรมัน ศึกษาแรงที่เกิด
จากการเคลือ่ นที่ของนกในอากาศ ว่ าปี กที่เป็ นอุ้งโค้ งจะ
ให้ แรงยกได้ ดีกว่ าปี กทีแ่ บนราบ และได้ นาเครื่องร่ อนที่
สร้ างไว้ ทดลองบิน
ค.ศ.1896 เกิดลมแปรปรวน กรรโชกอย่ างแรง หาง
เสื อบังคับหลุด จึงบังคับเครื่องร่ อนไม่ ได้ เครื่องร่ อน
พร้ อมร่ างของเขาจึงตกจากระยะสู ง 50 ฟุต กระแทกพืน้
ค.ศ.1896 นายแซมมูเอล พี.แลงลีย์
(Sammuel P. Langley) ชาวอเมริกนั ซึ่งขณะนั้น
เป็ นเลขาธิการของสถาบันสมิทโซเนียน ประดิษฐ์
เครื่องยนต์ ติดกับเครื่องบินขนาดเล็ก แล้ วปล่ อยบินไปได้
ไกลเกือบไมล์
ค.ศ.1898 เขาได้ รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพือ่ สร้ าง
เครื่องบินทีค่ นสามารถขึน้ ไปนั่งได้ แต่ ไม่ สาเร็จ เครื่องตกลง
แม่ นา้
ค.ศ. 1901 สองพีน่ ้ องช่ างซ่ อมจักรยานตระกูลวไรท์
วิลเบอร์ และออร์ วลิ (Wilbur&Orville Wright)
ทดลองสร้ างเครื่องร่ อนทดลองบินบนหาดทราย
ค.ศ. 1902 สร้ างอุโมงค์ ทดลองหาภาคตัดปี ก ใบพัด
หางเสื อปรับมุมได้
ค.ศ.1903 ติดตั้งเครื่องยนต์ เบนซิน 4 กระบอกสู บ
กาลัง 12-16 แรงม้ า นา้ หนัก 90 ก.ก. ให้ เครื่องบิน “ฟลายเออร์ ”
รวมนา้ หนักกว่ า 200 ก.ก. ได้ ทาการบินสาเร็จ ณ วันที่ 17 ธ.ค.
ใช้ เวลา 12 วินาที ใช้ ระยะทางประมาณ 37 เมตร จากจุดวิง่ ขึน้
ประวัติและวิวัฒนาการ การบิน ทบ.ไทย (ยคุ แรก)
2454 มีการแสดงการบินทีส่ นามม้ าสระประทุม ซึ่งนักบิน
คนแรกของไทย (พล.อ.ท.พระยาเฉลิมอากาศ) ก็ร่วมทดลอง
ต่ อมา ร.6 ได้ ส่งนายทหาร 3 นาย ไปเรียนบิน ณ ฝรั่งเศส
2456 ตั้ง แผนกการบิน ขึน้ กับ กรมจเรทหารช่ าง โดยกรมหลวง
พิษณุโลกประชานารถ (เสธ.ทบ.) มี เบร์ เกต์ ปีก 2 ชั้น 3 ลา
และ นิเออพอร์ ตปี กชั้นเดียว 5 ลา เก็บไว้ ณ วังสระประทุม
2457 27 มี.ค. 57 ขยายเป็ น กองการบินทหารบก ไปตั้งทีด่ อน
เมือง เปิ ดรับบุคคลเข้ าเรียนเป็ นนักบินขึน้ กับ กรมจเรทหาร
ช่ าง ถือเอาวันนีเ้ ป็ น วันที่ระลึกกองทัพอากาศ
2460 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 นากาลังพลส่ วนหนึ่งมาจัดตั้ง
เป็ น กองบินทหารบก (แยกกับกองการบินทหารบก)ไปร่ วม
รบกับพันธมิตรที่ฝรั่งเศส
2461 กองการบินทหารบกรวมกับกองบินทหารบกตั้งเป็ น
กรมอากาศยานทหารบก ขึน้ กับ กรมเสนาธิการทหารบก
3 ปี ต่ อมาเเปรเป็ น กรมอากาศยาน ขึน้ กับเสนาบดี
กระทรวงกลาโหม 4 ปี ต่ อมา เป็ นกรมทหารอากาศ
2480 9 เม.ย. 80 ยกฐานะเป็ น กองทัพอากาศ จึงถือเป็ น
วันกองทัพอากาศของทุกปี เรื่อยมา
(ประกาศสานักนายกฯ 26 มี.ค.41)
พล.อ.ท.พระยาเฉลิมอากาศ น.อ.พระยาเวหาสยานศิลปสิ ทธิ์
(สุ ณี สุ วรรณประทีป)
(หลง สิ น-ศุข)
น.อ.พระยาทะยานพิฆาต
(ทิพย์ เกตุทตั )
ประวัติและวิวฒ
ั นาการ การบิน ทบ.ไทย
(ยุคปัจจุบัน)
ทบ.จัดตั้ง แผนกวิชาการบินตรวจการณ์ ที่ ศป. ทบ.ส่ งคน
ไปเรียนบิน และช่ างซ่ อมฯ กับ ทอ. มีบางส่ วนไปเรียนที่ สรอ.
และ สรอ.ส่ งเจ้ าหน้ าทีม่ าช่ วยเหลือ และให้ คาปรึกษาด้ านกิจการ
การบินทหารบกมาประจา ณ ศป. ( พ.ต.แมคคาเนย์ )
2497 ทอ.ขาย บ.L-4 จานวน 22 ลา, L-5 จานวน 5 ลา ให้ ทบ.
2499 เปลีย
่ นจาก แผนกวิชาการบินตรวจการณ์ เป็ น กองโรงเรียน
การบิน ศป. ซึ่ง สรอ. ได้ มอบ บ.ต.19 จานวน 6 ลา ให้ ทบ.
2495
2501 สรอ.ส่ ง บ.ต.19 ให้ อกี 36 ลา, บ.ท.20 อีก 4 ลา
กอง รร.การบิน ศป. ได้ แปรเป็ น รร.การบิน ศป. เปิ ดหลักสู ตร
การบิน ทบ.และช่ างซ่ อมอากาศยาน ตั้งชุดซ่ อม บ.ทบ.
2510 รร.การบิน ศป. แปรเป็ น รร.การบิน ทบ. และย้ ายไป
อยู่ทตี่ ้งั ใหม่ ณ บริเวณเขาสระพรานนาค ตั้งร้ อย ซบร.บ.ทบ.
สั งกัด ขส.ทบ.
2515 รร.การบิน ทบ.แปรเป็ น กรมการบินทหารบก
2520 กรมการบินทหารบก แปรเป็ น ศูนย์ การบินทหารบก
และได้ รับพระราชทานนามค่ ายจากสมเด็จพระศรีนครินทราฯ
เป็ นค่ ายสมเด็จพระศรีนครินทรา
PIPER L-4 GRASSHOPPER
STINSON L-5 (U-19A) SENTINEL
CESSNA L-19 BIRDDOG
CESSNA L-19 BIRDDOG
บ.ท.20
14 มิ.ย. 12 ร.ท.ชู ชาติ วณีสอน (ร้ อยบินปี กหมุน ทภ.3) บิน ฮ.ไป
ปฏิบัตภิ ารกิจส่ งกาลังบารุง สป.5 และส่ งกลับสายแพทย์ ให้ ร.พัน 3
ณ ฐานปฏิบัติการบ้ านผาแลเหนือ อ.เทิง จ.เชียงราย ซึ่ง ร.ท.ชูชาติฯ
ได้ บินฝ่ าห่ ากระสุ นของ ผกค. เข้ าไปช่ วยเหลือหน่ วย ร.พัน 3 ทีก่ าลัง
ถูก ผกค.โจมตีอย่ างหนัก ร.ท.ชูชาติฯ ได้ ถูกยิง แต่ ท่านก็ได้ฝืนใจ
ลาเลียงกาลังพลทีบ่ าดเจ็บ กลับสู่ ฐานได้ อย่ างปลอดภัย แต่ ตนก็ได้
เสี ยชีวติ ทันทีที่ถึงฐาน
จึงถือวันที่ 14 มิ.ย. ของทุกปี เป็ น วันการบินทหารบก
ประวัติและวิวัฒนาการบิน ทบ.สหรั ฐ
2484 ทบ.สรอ.เริ่มนา บ.เบามาสนับสนุนการรบภาคพืน้ ให้
หน่ วยปื นใหญ่ เพือ่ ตรวจตาบลกระสุ นตก ณ หลุยเซียน่ า
2485 เปิ ดหลักสู ตรบิน ณ ฟอร์ ดซิล ใช้ บ.เบา
2490 ทบ.มี บ.เบา นักบินและช่ างประจาหน่ วยในอัตรา
ส่ วน ทอ.ยังดาเนินการซ่ อมขั้นสนาม และประจาที่(คลัง)
2492 ทบ.ได้ รับอนุมตั ใิ ห้ ทาการซ่ อมบารุงได้ ถึงขั้นสนาม
โดยสรรพาวุธ ทบ. ส่ วน ทอ.ยังคงทาการซ่ อมขั้นคลัง
2493 ใช้ L 19 ตรวจการณ์ และ มีการตั้งกองร้ อยทหารขนส่ ง
เฮลิคอปเตอร์ ขนึ้ เป็ นครั้งแรก (ช่ วงสงครามเกาหลี)
2494 มีการใช้ ฮ.ปฏิบัติภารกิจส่ งกลับสายแพทย์
2495 ทบ.สรอ. มีคาสั่ งโอนภารกิจซ่ อมบารุงขั้นสนามจาก
สรรพาวุธ มาให้ เหล่ าขนส่ ง
2499 ขส.ทบ.สรอ.รับผิดชอบการซ่ อมบารุงขั้นประจาที่
2505 สหรัฐได้ จัดกองทัพบกใหม่ และได้ โอนความ
รับผิดชอบบางอย่ าง ไปยังหน่ วยยุทโธปกรณ์
กองทัพบก
ประโยชน์ และข้ อดีข้อเสีย
ของการขนส่ งทางอากาศ
ประโยชน์ ที่นำมำใช้ เฉพำะ
1. สามารถปฏิบัติภารกิจได้ มากขึน้
2. ใช้ ความได้ เปรียบทีม่ ีอยู่มาใช้ ให้ เกิดประโยชน์
กับภารกิจมากทีส่ ุ ด
ข้ อดี
1. มีความเร็วสู ง
- เสี ยเวลาการเดินทางน้ อย
- เพิม่ เที่ยวขนได้ มากขึน้
- เลือกเวลาเดินทางได้
2. มีความอ่ อนตัว เพราะปราศจากสิ่ งกีดขวาง
3. มีความพร้ อมในการปฏิบัติงานได้ อย่างรวดเร็ว
ข้ อเสีย
1.
2.
3.
4.
บรรทุกนา้ หนักได้ น้อย
การลงทุนและค่ าใช้ จ่ายสู งมีความสิ้นเปลืองมาก
จากัดด้ วยสิ่ งอานวยความสะดวกสถานีปลายทาง
การปฏิบัตกิ ารบินขึน้ อยู่กบั ดินฟ้ าอากาศ
ปฏิบัติการของข้ าศึก
5. เทคนิคในด้ านการบิน และการซ่ อมบารุงยุ่งยาก
ซับซ้ อน
อากาศยานในโครงการช่ วยเหลือของสหรั ฐฯ
2497
2498
สหรัฐฯได้ ส่ง จนท.ที่ปรึกษาทางการทหาร
มาประจาทีศ่ ูนย์ การทหารปื นใหญ่
คัดเลือกนักบินและช่ างไปศึกษาที่ สหรัฐฯ
เมื่อศึกษาจบ สหรัฐฯ ได้ มอบอากาศแบบ
บ.ต.19 จานวนหนึ่ง
2500
สหรัฐฯได้ ส่ง บ.ต.19 อีกจานวน 36 เครื่อง
และในปี นั้นเอง ศูนย์ การทหารปื นใหญ่
ได้ จัดตั้งโรงเรียนการบินทหารบก และผลิต
ช่ างเครื่องบินประจาหน่ วย เมื่อ 2501 ต่ อมา
ทบ.ไทย ได้ รับเครื่องบิน จากสหรัฐฯ ประเภท
ปี กติดลาตัว และปี กหมุนแบบต่ างๆ
เช่ น
บ.ต.19 , บ.ท.17 , บ.ฝ.41 , ฮ.ท.1 , ฮ.ล.47
รวมทั้งการส่ งกาลังและซ่ อมบารุง บ.ทบ. และงดการ
ช่ วยเหลือเมือ่ สงครามเวียตนามยุตลิ ง
หลักการใช้ การขนส่ งทางอากาศ
1. พร้ อมที่จะใช้ งานได้ โดยหน่ วยบินที่สนับสนุนนั้น
ต้ องอยู่ใกล้ กบั หน่ วยขอรับการสนับสนุน
2. มีอสิ ระในการใช้ ผู้บังคับหน่ วยทางภาคพืน้ ดิน
จะต้ องมีอสิ ระในการใช้ หน่ วยอากาศยานพอสมควร
เพือ่ ให้ เกิดประโยชน์ สูงสุ ดในการยุทธนั้น
3. ประหยัดการใช้ เนื่องจากการขนส่ งทางอากาศมี
ข้ อเสี ยในด้ านการลงทุน ค่ าใช้ จ่ายในการบินและการ
ซ่ อมบารุง มีความสิ้นเปลืองมาก แต่ ถ้าภารกิจนั้นมี
ความสาคัญเร่ งด่ วนไม่ สามารถใช้ วธิ ีการขนส่ ง อย่ าง
อืน่ ให้ บรรลุภารกิจได้ เลือกใช้ การขนส่ งทางอากาศ
1 น๊ อต [ Knot (Kt.) ] = 1 ไมล์ทะเล ต่ อ หนึ่งชั่วโมง
มัค 1 (Mach 1) = 661.4 Kt. หรือ 1,225 กม./ชม.
1 ไมล์ทะเล [ Nautical Mile (Nm.) ] = 1.852 กิโลเมตร
1 ไมล์บก [ Statute Mile ]
= 1.609 กิโลเมตร
1 ไมล์ทะเล
= 1.151 ไมล์บก
โจทย์ อากาศยาน ฮ.ท.212 (Bell 212) ต้ องการเดินทางจากจุด
A ไปยังจุด B ซึ่งจากการวัดระยะทางบนแผนที่แล้ว จุด B ห่ างจากจุด
A คือ 120 ไมล์ทะเล (Nautical mile) จงคานวณเวลา
เดินทาง (ฮ.ท.212 มีความเร็วเดินทาง 100 knots หรือ 100
ไมล์ทะเล ต่ อ ชม.)
วิธีทา บัญญัติไตรยางค์
ระยะ 100 ไมล์ทะเล ใช้ เวลาเดินทาง 60 นาที
ระยะ 120 ไมล์ทะเล ,,__________,, 120 * 60/100
120 * 0.6
= 72 นาที
โจทย์ อากาศยาน บ.ท.1900 (Beechcraft) ต้ องการเดินทางจากจุด
A ไปยังจุด B ซึ่งจากการวัดระยะทางบนแผนทีแ่ ล้ว จุด B ห่ างจากจุด
A คือ 120 ไมล์ทะเล (Nautical mile) จงคานวณเวลา
เดินทาง (บ.ท.1900 มีความเร็วเดินทาง 240 knots หรือ 240 ไมล์ทะเล ต่ อ ชม.
วิธีทา บัญญัติไตรยางค์
ระยะ 240 ไมล์ทะเล ใช้ เวลาเดินทาง 60 นาที
ระยะ 120 ไมล์ทะเล ,,__________,, 120 * 60/240
120 * 1/4 หรือ 120 * 0.25
= 30 นาที
โจทย์ อากาศยาน บ.ท.41 (Jetstream) ต้ องการเดินทางจากจุด
ก. ไปยังจุด ข. ซึ่งจากการวัดระยะทางบนแผนทีแ่ ล้ว จุด ข. ห่ างจากจุด
ก. คือ 100 ไมล์ทะเล (Nautical mile) จงคานวณเวลาเดินทาง
(บ.ท.41 มีความเร็วเดินทาง 240 knots หรือ 240 ไมล์ทะเล ต่ อ ชม.
วิธีทา บัญญัติไตรยางค์
ระยะ 240 ไมล์ทะเล ใช้ เวลาเดินทาง 60 นาที
ระยะ 100 ไมล์ทะเล ,,__________,, 100 * 60/240
100 * 1/4 หรือ 100 * 0.25
= 25 นาที
โจทย์ อากาศยาน บ.ล.212 (CASA) ต้ องการเดินทางจากจุด
A ไปยังจุด B ซึ่งจากการวัดระยะทางบนแผนที่แล้ว จุด B ห่ างจากจุด
A คือ 120 ไมล์ทะเล (Nautical mile) จงคานวณเวลา
เดินทาง (บ.ล.212 มีความเร็วเดินทาง 160 knots หรือ 160
ไมล์ทะเล ต่ อ ชม.)
วิธีทา บัญญัติไตรยางค์
ระยะ 160 ไมล์ทะเล ใช้ เวลาเดินทาง 60 นาที
ระยะ 120 ไมล์ทะเล ,,__________,, 120 * 60/160
120 * 0.375
= 45 นาที
องค์ ประกอบของการขนส่ งทางอากาศ
1. อากาศยาน
2. หน่ วยบิน
3. ท่ าอากาศยาน
4. สิ่ งอานวยความสะดวก
ระหว่ างเส้ นทางบิน
อากาศยาน
คือ ยานพาหนะที่เคลือ่ นที่ไปในอากาศ โดยอาจอาศัยแรง
ลมพัดไป หรือ ใช้ แรงดันจากเครื่องจักรกลชนิดใดก็ได้ ที่
ติดตั้งไว้ ในอากาศยานนั้นๆ แบ่ งเป็ น 2 ประเภท
1. เบากว่ าอากาศ ได้ แก่ บอลลูน เรือเหาะ มีลกั ษณะเป็ น
ลูกโป่ งขนาดใหญ่ เปลือกเบาแต่ เหนียว บินได้ โดยอัดอากาศ
ร้ อน อัดก๊ าซไฮโดรเจน หรือก๊ าซอืน่ ๆ เข้ าไป
2. หนักกว่ าอากาศ ได้ แก่ เครื่องบิน เครื่องร่ อน
เฮลิคอปเตอร์ เคลือ่ นที่ไปโดยอาศัยจากปี กหรือโรเตอร์
เครื่องบินทีจ่ ะบินไปในอากาศได้ น้ัน
จะต้ องมีหลักและทฤษฎีการบินในอากาศ
ประกอบด้ วยแรง 4 แรง คือ
1. แรงขับ (THRUST) หรือพลังขับเคลือ่ นเป็ น
แรงที่ทาให้ เครื่องบิน เคลือ่ นที่ไปข้ างหน้ าได้ แรงขับ
ได้ มา
จากเครื่องยนต์ ของเครื่องบิน ถ้ าต้ องการไปข้ างหน้ าได้
เร็วขึน้ ก็ต้องเพิม่ แรงขับมากขึน้ หรือ เร่ งเครื่องยนต์
นั่นเอง (ป้ อนน้ามันเพิม่ ) แต่ ถ้าให้ เครื่องบินช้ าลง ก็ทา
ได้ โดยลดแรงขับ หรือผ่ อนเครื่องยนต์ ให้ เบาลง (ลด
ปริมาณน้ามัน)
2. แรงต้ าน (DRAG) คือ เป็ นแรงที่มีการ
กระทาตรงกันข้ าม กับแรงที่ขับเคลือ่ น
(THRUST) นี่กค็ อื แรงเสี ยดทานของอากาศ ที่
ผ่ านส่ วนต่ างๆ ของเครื่องบิน แรงต้ านเกิดจากการ
กระทบของอากาศต่ อพืน้ ผิวเครื่องบิน ก่อให้ เกิดการ
เสี ยดทานบนพืน้ ผิวเครื่องบิน
3. แรงยก (LIFT) เกิดขึน้ โดยความกดอากาศ
ต่า ที่เกิดขึน้ บนพืน้ ผิวด้ านบนของปี ก เมื่อ
เปรียบเทียบกับความกดอากาศที่เกิดขึน้ ที่พนื้ ผิว
ด้ านล่างของปี ก หรือแรงยกก็คอื แรงที่เกิดขึน้ บน
พืน้ ผิวด้ านบนของปี ก น้ อยกว่ า แรงที่เกิดขึน้ ที่
พืน้ ผิวด้ านล่างของปี ก ทาให้ เกิดแรงยกขึน้ ด้ านบนที่
ปี กของเครื่องบิน
ลักษณะรู ปร่ างของปี กเครื่องบิน ถูกออกแบบมาให้
อากาศที่พดั ไหลผ่ านด้ านบนของปี ก จะมีระยะที่
อากาศต้ องเดินทางมากกว่ า จึงทาให้ ไหลผ่ านเร็ว
กว่ าด้ านล่าง ทาให้ เกิดความกดอากาศต่า (ตามรู ป)
จึงทาให้ ปีกถูกยกขึน้ แรงยก เป็ นแรงทีก่ ระทาตรง
กันข้ ามกับนา้ หนัก หรือแรงดึงดูดของโลก
Airfoil หมายถึง พืน้ ผิวของเครื่องบิน
ซึ่งช่ วยให้ เกิดแรงทางด้ านแอร์ โร่ ไดนามิค
มีการเคลือ่ นที่ของอากาศผ่ านพืน้ ผิว ปี กก็
จะสร้ างแรงยกเมื่อมีอากาศไหลผ่ านเท่ านั้น
ส่ วนของ Airfoil มี
- ชายปี กหน้ า (Leading Edge)
- ชายปี กหลัง (Trailing Edge)
- เส้ นสมมติตัดผ่ านด้ านทางข้ างของผิวปี ก
(Chord line)
- พืน้ ผิวปี ก (Camber)
- ทิศทางสั มพันธ์ ของอากาศ (Relative
Wind)
- มุมปะทะ (Angle of attack)
Asymetrical Airfoil
4. แรงถ่ วง (WEIGHT) เป็ นแรงซึ่งเกิด
ตรงกันข้ ามกับแรงยก แรงถ่ วงเกิดจากแรงดึงดูด
ของโลกกระทาต่ อตัวเครื่องบิน นักบิน ลูกเรือ
ผู้โดยสาร สป.3 และสิ นค้ าของทั้งหมดทีอ่ ยู่บน
เครื่องบิน นั้นก็คอื นา้ หนักทั้งหมดของเครื่องบิน
นั่นเอง
แกนแนวตั้ง
(vertical Axis),
ทา Yaw
แกนขวาง
(Lateral Axis),
แกนตามยาว
(longitudinal
Axis),ทา Roll
ทา Pitch
หลักการบินของเฮลิคอปเตอร์
แรงยก (lift) ของเฮลิคอปเตอร์ ได้ มาจากการหมุน
ใบพัดหลัก (Main Rotor) และในเวลาเดียวกัน
ก็จะเกิดแรงบิดต้ าน (Reaction torque)
หรือแรงหมุนทีล่ าตัวของเฮลิคอปเตอร์ ด้วย
โดยทั่วไป เฮลิคอปเตอร์ ที่มี Main rotor ชุด
เดียว ก็จะมีใบพัดชุดเล็กทีห่ าง ซึ่งเรียกว่ า Tail
Rotor เพือ่ ใช้ ในการต่ อสู้ กบ
ั แรงบิดต้ าน
สาหรับเฮลิคอปเตอร์ ที่มีใบพัดหลัก 2 ชุด เขาจะ
ออกแบบให้ ท้งั 2 ใบพัดหมุนสวนทางกัน เพือ่ ให้
ค่ าแรงบิดต้ าน (Reaction torque) หักลบ
กันหมดไป
เครื่ องบิน
แบ่ งส่ วนใหญ่ ๆได้ 2 ส่ วน คือ
1. ชุดเครื่องยนต์
(Powerplant)
2. ตัวเครื่องบิน
(Structure)
ตัวเครื่ องบิน มีส่วนประกอบที่สาคัญ 4 ส่ วน
1. ลาตัว (fuselage)
2. ปี ก (Wing)
3. ชุดพวงหาง (Empennage)
4. ฐานล่ าง (Landing Gear)
การแบ่ งลักษณะและประเภทของอากาศยาน
อากาศยาน แบ่ งออกเป็ น 2 ลักษณะ
- ภารกิจมูลฐาน
- ลักษณะโครงสร้ าง
ภารกิจมูลฐาน
-
ATTACK
โจมตี
AH-1
CARRIER
ลาเลียง
C-130
HELICOPTER เฮลิคอปเตอร์ UH-1,CH-47
OBSERVATION ตรวจการณ์
O-1
TRAINER
ฝึ ก
T-41
UTILITY
ใช้ ฝึกงานทั่วไป UH-1
ลักษณะโครงสร้ าง
- ปี กติดลาตัว (FIXED WING AIRCRAFT)
- ปี กหมุน (ROTARY WING AIRCRAFT)
ประเภทปี กติดลาตัว
แบ่ งตามภารกิจมูลฐานในการใช้ งาน ออกเป็ น 3 แบบ คือ
1. แบบตรวจการณ์ (OBSERVATION TYPE)
1.1 แบบเบา เช่ น L-4, L-5, L-19
1.2 แบบกลาง เช่ น OV-1, OV-10
2. แบบใช้ งานทัว่ ไป (UTILITY TYPE)
เช่ น U-17, U-21
3. แบบขนส่ งหรือลาเลียง (TRANSPORT TYPE)
เช่ น C-12, C-5A, C-130
ประเภทปี กหมนุ
แบ่ งตามภารกิจมูลฐานในการใช้ งาน ออกเป็ น 3 แบบ คือ
1. แบบตรวจการณ์ (OBSERVATION TYPE)
เช่ น OH-6,OH-13,HUGES-300
2. แบบใช้ งานทัว่ ไป (UTILITY TYPE)
เช่ น UH-1 H,UH-60
3. แบบขนส่ งหรือลาเลียง (TRANSPORT TYPE)
แบ่ งออกเป็ น 3 พวก
3.1 เฮลิคอปเตอร์ ขนส่ งเบาหรือใช้ งานทั่วไป
เช่ น UH-212,UH-1
3.2 เฮลิคอปเตอร์ ขนส่ งกลาง เช่ น ฮ.ล.-37 หรือ CHฮ.ล.-47 หรือ CH-47
3.3 เฮลิคอปเตอร์ ขนส่ งหนัก เช่ น CH-54 หรือ
SKY CRANE
ลักษณะอันพึงประสงค์ ของอากาศยานบรรทุก
•
•
•
•
•
•
ระยะบินไกล
รับนา้ หนักบรรทุกได้ มาก
ห้ องบรรทุกสั มภาระใหญ่
ห้ องบรรทุกสั มภาระกว้ าง และตา่ ใกล้ พนื้ ดิน
สามารถบรรทุกได้ ทางตรง
ใช้ ทางวิง่ ขึน้ และวิง่ ลงสั้ น
• มีที่ยดึ สั มภาระแข็งแรง
• มีพนื้ ที่แข็งแรง
• มีรูปร่ างเหมาะสมและสะดวกในการทิง้ สั มภาระ
ทางอากาศ
• มีเครื่องมืออุปกรณ์ สาหรับการยกขนสั มภาระสร้ าง
ไว้ ประจาอากาศยาน
• มีความเร็วสู ง
• มีทางเดินของจุดศูนย์ ถ่วงยาว
ลักษณะของ บ. แบ่ งออกเป็ น 4 ประเภท
1. เครื่ องบินยทุ ธศาสตร์ เป็ นเครื่องบินใช้ ในการยับยั้ง,
การรุกรานซึ่งประกอบด้ วย ความเร็ว,บินระยะไกล
อานาจในการโจมตี
2. เครื่ องบินยทุ ธวิธี เพือ่ เสริมกาลังภาคพืน้ ดิน
คงความยิง่ ใหญ่ ทางอากาศ มีความคล่ องตัวสู ง
3. เครื่องบินขนส่ ง ใช้ สนับสนุนการส่ งกาลังบารุง
สาหรับการเคลือ่ นย้ าย
4. เครื่องบินฝึ ก ใช้ ในการฝึ กนักบินในอนาคต
กองทัพบก
ส่ วนบัญชาการ ส่ วนกาลังรบ ส่ วนภูมภิ าค ส่ วนการศึกษา
ส่ วนสนับสนุนการรบ
ส่ วนช่ วยการพัฒนาประเทศ
ส่ วนส่ งกาลังบารุง
กรมการขนส่ งทหารบก
ประวัติ กองการบิน กรมการขนส่ งทหารบก
กองบินขนส่ ง กรมการขนส่ งทหารบก ได้ จัดตั้งตาม
อนุมัตกิ องทัพบกเมื่อเดือน สิ งหาคม ๒๕๐๑ เป็ น
หน่ วยขึน้ ตรงต่ อ กรมการขนส่ งทหารบก มีภารกิจ
ในการขนส่ งทางอากาศ เพือ่ สนับสนุนหน่ วยใน
กองทัพบก ที่ต้งั ของหน่ วยเริ่มแรก อาศัยพืน้ ที่โรง
เก็บอากาศยานในบริเวณสนามบินดอนเมืองเป็ นการ
ชั่วคราวมี กองบังคับการ,หมวดบินปี กหมุน และ
หมวดบินปี กติดลาตัว
ตามคาสั่ ง ทบ.(เฉพาะ) ที่ ๘๓/๒๑ ลง ๔ ส.ค. ๒๐
ใน
๒๑ เมษายน ๒๕๐๔ กองทัพบกได้ อนุมัตใิ ห้ สร้ างสนาม
เฮลิคอปเตอร์ ขนึ้ ในบริเวณพืน้ ที่ของ กรมทหารราบที่ ๑๑
รักษาพระองค์ และได้ ย้ายกองบังคับการ และหมวดบิน
ปี กหมุน เข้ าสู่ ทตี่ ้งั ใหม่ ส่ วนหมวดบินปี กติดลาตัว ยังคง
อยู่ทสี่ นามบินดอนเมืองเช่ นเดิม เนื่องจากอากาศยานปี ก
ติดลาตัว จาเป็ นต้ องใช้ ทางวิง่ (RUNWAY) ในการวิง่
ขึน้ - ลง ซึ่งกองการบิน ขส.ทบ.ได้ ยดึ ถือวันที่ ๒๑
เม.ย. ของทุกปี เป็ นวันคล้ ายวันสถาปนา กองการบิน
• การบริการขนส่ งทางอากาศ
• ส่ งกาลัง สป.บ.ทบ.สาย ขส.
• ซ่ อมบารุง สป.บ.ทบ.สาย ขส.
(เฉพาะของ กบบ.ขส.ทบ.)
เป็ น
หน่ วยขึน้ ตรง
กรมการขนส่ งทหารบก
อฉก. 3100
หน้ าที่ และความรับผิดชอบ
• อานวยการ วางแผน ควบคุม กากับดูแล ให้ ข้อเสนอแนะ และ
ดาเนินการเกีย่ วกับการใช้ บ. และ ฮ.
• อานวยการ วางแผน ควบคุม กากับดูแล และดาเนินการซ่ อม
บารุง บ.และ ฮ. ตามอัตราของ กบบ.ฯ ขั้นหน่ วย และขั้นสนาม
• อานวยการ วางแผน ควบคุม และกากับดูแลคู่มือ เอกสารทางเทคนิค
แจ้ งความวิทยาการเกีย่ วกับการส่ งกาลัง และซ่ อมบารุง บ.และ ฮ.
เฉพาะของ กบบ.ขส.ทบ. เอง
หน้ าที่ และความรับผิดชอบ
• ประสานงานกับบริษัทผู้ผลิตอากาศยาน(ผ่ านบริษัทผู้แทนในประเทศ
หรือประเทศเพือ่ นบ้ าน) เกีย่ วกับการส่ งกาลังและซ่ อมบารุ งเฉพาะ
อากาศยานของ กบบ.ขส.ทบ. เอง
• อานวยการ และควบคุมการฝึ กผู้ทางานในอากาศทีส่ ั งกัด ขส.ทบ.
• บันทึกชั่วโมงบินของ บ.และ ฮ. เฉพาะของ กบบ.ขส.ทบ. เอง
• ควบคุมการตรวจสภาพร่ างกายของผู้ทางานในอากาศสั งกัด ขส.ทบ.
• ดาเนินการในด้ านธุรการและกาลังพลของ กบบ.ขส.ทบ. เอง
• บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้ าที่
กองการบิน
ฝ่ ายธุรการและกาลังพล
ฝ่ ายยุทธการและการข่ าว
ฝ่ ายส่ งกาลังบารุง
ฝ่ ายนิรภัยการบิน
กองการบิน
ฝูงเครื่องบิน
ฝูงเฮลิคอปเตอร์
แผนกส่ งกาลัง บ.ทบ.
แผนกซ่ อมบารุง
หมวดสื่ อสาร หมวดส่ งกาลังและบริการ
ฝูงเครื่องบินปี กติดลาตัว กบบ.ขส.ทบ. (ฝูง บ.กบบ.ขส.ทบ.)
•
•
•
•
•
ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้ รับมอบหมาย
ทาการฝึ กบินและฝึ กเจ้ าหน้ าทีต่ ามหลักสู ตรและระเบียบทีก่ าหนด
ซ่ อมบารุง บ.ของ กบบ.ขส.ทบ. ขั้นหน่ วย
อบรมวิทยาการการบินแก่นักบินและเจ้ าหน้ าทีป่ ระจา
บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้ าที่
ฝูงเฮลิคอปเตอร์ กบบ.ขส.ทบ. (ฝูง ฮ.กบบ.ขส.ทบ.)
•
•
•
•
•
ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้ รับมอบหมาย
ทาการฝึ กบินและฝึ กเจ้ าหน้ าทีต่ ามหลักสู ตรและระเบียบทีก่ าหนด
ซ่ อมบารุง ฮ.ของ กบบ.ขส.ทบ. ขั้นหน่ วย
อบรมวิทยาการการบินแก่นักบินและเจ้ าหน้ าทีป่ ระจา
บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้ าที่
แผนกส่ งกาลัง กบบ.ขส.ทบ. (ผสล.กบบ.ขส.ทบ.)
• รวบรวมความต้ องการของหน่ วยบินต่ างๆ ใน ทบ.รวมทั้งอากาศยาน
ของ กบบ.ขส.ทบ.เอง เพือ่ เป็ นข้ อมูลใช้ เสนอความต้ องการชิ้นส่ วน
อะไหล่ และชิ้นส่ วนซ่ อมตามสายงาน
• เก็บรักษา-รับสิ่ งอุปกรณ์ อากาศยาน บันทึกประวัติ ควบคุมอากาศยาน
ใน ทบ. รวมทั้งอากาศยานของ กบบ.ขส.ทบ.เอง
• แจกจ่ าย สป.อากาศยาน และสป.ตามอัตราให้ แก่หน่ วยบินต่ างๆใน
ทบ. รวมทั้งภายใน กบบ.ขส.ทบ.เอง
• ดาเนินการจาหน่ าย บ.และ ฮ., สป.อากาศยาน, สป.ต่ างๆ
• บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้ าที่
แผนกซ่ อมบารุง กบบ.ขส.ทบ. (แผนก ซบร.ฯ)
• ดาเนินการซ่ อมบารุงขั้นสนามแก่ บ. และ ฮ. ของ กบบ.ขส.
ทบ. เท่ านั้น
• อบรมวิทยาการด้ านการซ่ อมบารุงให้ แก่ เจ้ าหน้ าทีท่ เี่ กีย่ วข้ อง
• บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้ าที่
ประวัติโดยย่ อ
1. พ.ศ.2501 จัดตั้ง ชุดซ่ อมบารุงเครื่ องบินทหารบก เป็ น
หน่ วยในอัตรา กองซ่ อม ขส.ทบ. อจย.55-455 มีทตี่ งั้ อย่ ใู น
พืน้ ที่ บน.2 จ.ลพบุรี ดาเนินการสนับสนุนการซ่ อมบารุง
ขัน้ สนาม เฉพาะ บ. ของ รร.การบิน ศป.
2. พ.ศ.2507 เพิม่ อัตรากาลังพล และยทุ โธปกรณ์ ของ
อจย.55-500 เนื่องจาก จานวน บ.เพิม่ มากขึน้ และได้ ย้าย
ทีต่ ั้งเข้ ามาอย่ ใู นพืน้ ทีข่ อง ศป. คือทีต่ ั้งปัจจบุ ัน มีโรงซ่ อม
1 หลัง
ประวัติโดยย่ อ
3. พ.ศ.2510 ทบ.ได้ รับอากาศยานเพิม่ มากขึน้ จากการ
ช่ วยเหลือของ สรอ.จึงแปรสภาพเป็ น กองร้ อยซ่ อม
บารุงเครื่ องบินทหารบก กรมการขนส่ งทหารบก ชื่อย่ อ
คือ ร้ อย ซบร.บ.ทบ. ขส.ทบ. อจย.55-457 และได้ มี ชุด
ซ่ อมบารุงเครื่ องบินปี กหมนุ ที่ 1 อจย.55-500
4. พ.ศ.2514 ร้ อย.ขส.ซบร.บ.ทบ.ขส.ทบ.ปรั บปรุง อจย.ให้
เพิม่ กาลังพล และยทุ โธปกรณ์ มากขึน้ ใช้ นามหน่ วย
กองร้ อยทหารขนส่ งซ่ อมบารุงเครื่ องบินทหารบก ชื่อย่ อ
ร้ อย.ขส.ซบร.บ.ทบ.
ประวัติโดยย่ อ
อจย.55-457 และได้ เพิม่ ชุดซ่ อมบารุงเครื่ องบินปี ก
หมุนที่ 2 และ 9 (ผสม) ใช้ อจย.55-500 ( ใน พ.ศ.2515
รร.การบิน ทบ. ได้ แปรสภาพ เป็ น กรมการบินทหารบก
เป็ นหน่ วยขึน้ ตรงต่ อกองทัพบก
และต่ อมาในปี พ.ศ. 2520 กรมการบินทหารบก ได้ แปร
สภาพ เป็ นศูนย์ การบินทหารบก
ประวัติโดยย่ อ
พ.ศ.2534 ร้ อย.ขส.ซบร.บ.ทบ. แปรสภาพ เป็ น พัน.ขส.ซบร.บ.- ทบ. ใช้
อจย. 55-455 (1 ส.ค.29) ประกอบด้ วย 4 กองร้ อย ได้ แก่
1. ร้ อย.บก.พัน.ขส.ซบร.บ.ทบ. 1 กองร้ อย
2. ร้ อย.ขส.ซบร.บ.ทบ.สท. 1 กองร้ อย
3. ร้ อย.ขส.ซบร.บ.ทบ.สต. 2 กองร้ อย
พัน.ขส.ซบร.บ.ทบ.
๑ ส.ค. ๒๙
บก.และ ร้ อย.บก.
พัน.ขส.ซบร.บ.ทบ.
ร้ อย.ขส.ซบร.บ.ทบ.๒ สต.
ร้ อย.ขส.ซบร.บ.ทบ.๓ สต.
ร้ อย.ขส.ซบร.บ.ทบ.๑ สท.
ชชุดุด.ขส.ซบร.บ.ทบ.สต.
ชกองพลทหารราบ
ุชด.ขส.ซบร.บ.ทบ.สต.
ดช.ขส.ซบร.บ.ทบ.สต.
ุกองพลทหารราบ
ดช.ขส.ซบร.บ.ทบ.สต.
ุกองพลทหารราบ
ด.ขส.ซบร.บ.ทบ.สต.
.ขส.ซบร.บ.ทบ.สต.
ุกองพลทหารราบ
กองพลทหารราบ
กองพลทหารราบ
การแบ่ งมอบ
พ.ศ.2546 พัน.ขส.ซบร.บ.ทบ.เป็ นหน่ วยบรรจมุ อบ
ให้ กบั ขส.ทบ.และยกเลิกการมอบอานาจการบังคับ
บัญชา และการสนับสนุนทางธุรการทีม่ อบไว้ กบั
ศป. ตามคาสั่ง ทบ. ลับ ที่ 64 / 46 เรื่อง ปรั บการ
บังคับบัญชา พัน.ขส.ซบร.บ.ทบ. ลง 23 ธ.ค. 46
ภารกิจ
1. สนับสนุนการซ่ อมบารุงขัน้ 3,4 โดยปกติ และซ่ อม
บารุงขัน้ 5 อย่ างจากัด
2. ดาเนินการก้ ซู ่ อมด้ วยยานพาหนะ หรื ออากาศยาน ใน
อัตราของหน่ วย ให้ แก่ อากาศยาน ของกองทัพบก และ
อากาศยานของเหล่ าทัพอื่น ตามทีไ่ ด้ รับมอบหมาย
3. ดาเนินการตรวจสภาพอากาศยานในส่ วนทีเ่ กีย่ วข้ องกับ
การซ่ อมบารุง เพือ่ ให้ อากาศยานอย่ ใู นสภาพใช้ งาน
ได้ มากทีส่ ุ ด
วิธีการก้ ซู ่ อม และการนาอากาศยานออกจากพืน้ ที่
วิธีที่ 1 การบินกลับ (FLY OUT)
วิธีที่ 2 การบรรทุกขบวนยานยนต์ (SURFACE
RECOVERY AND EVACUATION)
วิธีที่ 3 การใช้ อากาศยานปี กหมุนยก (SLING LOAD)
ยกหิ้ว ฮ.ล.47 # 90-222
จาก ศูนย์ ฝึกยุทธวิธี ทบ.
กลับมา ที่ ศบบ.
ฮ.ท.1 # 7510
อุบัติเหตุ ที่ จ.เชียงราย
เมื่อ 8 ก.ค.47
ฮ.ท.1 # 2094
อุบัติเหตุ ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
เมื่อ 20 มี.ค.48
ผังการจัดหน่ วยบิน ทบ.ไทย
ทบ.
ศบบ.
พัน.บ.
กองบ.๑
ชุ ด สชด.ศปก.ทบ.
รร.การบิน ทบ.
พล. ม.๑
กบท.ศบบ.
ร้ อย.บ.พล.ม.๑รอ.
กองบ.๒ กองบ.๓ กองบ.๙(ผสม)
ทภ.๑
ทภ.๒
แผนกการบิน ทภ1 แผนกการบิน ทภ.2
ร้ อย.บ.พล.๑ รอ.
ร้ อย.บ.พล.ร.๒ รอ.
ร้ อย.บ.พล.ร.๙
ร้ อย.บ.พล.
ร.๓
ร้ อย.บ.พล.ร.๖
กองบ.เบา
ทภ.๓
พล. ม.๒
ร้ อย.ม.(อ)ที่ ๑
พล.ป.
ร้ อย.ป.คปม.(UAV)
ทภ.๔
แผนกการบิน แผนกการบินทภ.๔
ทภ.3
ร้ อย.บ.พล.ร.๕
ร้ อย.บ.พล.ร.๔ ร้ อย.บ.พล.ร.๑๕
การจัดหน่ วยบินในกองทัพบก
1.
ส่ วนบัญชาการ
การจัดหน่ วยบินในกองทัพบก
2.
ส่ วนกาลังรบ
ทภ.1
พล.1รอ. พล.ร.2รอ. พล.ร.9 แผนกการบิน บทบ.ยว.1
ทภ.1
ร้ อย บ.พล.1รอ. ร้ อย บ.พล.2 รอ. ร้ อย บ.พล.ร.9 ชปบ.กกล.สุ รสี ห์
มว.บิน
ทภ.2
พล.ร.3
พล.ร.6
แผนกการบิน ทภ.2
ร้ อย บ.พล.ร.3 ร้ อย บ.พล.ร.6 ชปบ.กกล.สุ รนารี
ชปบ.กกล.สุ รศักดิ์มนตรี
บทบ.ยว.2
มว.บิน
ทภ.3
พล.ร.4
พล.ม.1
แผนกการบิน ทภ.3
บทบ.ยว.3
ร้ อย บ.พล.ร.4 ร้ อย บ.พล.ม.1
ชปบ.327
มว.บิน
ชปบ.31
ชปบ.32
ชปบ.32
ทภ.4
พล.ร.5
แผนกการบิน ทภ.4
ร้ อย บ.พล.ร.5
มว.บิน
ชปบ.41
บทบ.ยว.4
ชปบ.43
พล.ม.2 มี
- กองร้ อยบิน พล.ม.2
การจัดหน่ วยบิน ทบ.ยทุ ธวิธี
และชุดปฏิบัติการบิน ทบ.
• การป้ องกันและปราบปรามยาเสพติด
• การปราบปรามขบวนการโจรก่ อการร้ าย
• การต่ อสู้ ภายในของประเทศเพือ่ นบ้ าน ทีม่ ีผลกระทบ
กระเทือนต่ อความมั่นคงของไทย ตามแนวชายแดน
• การสนับสนุนการพัฒนาชนบท
• การป้ องกันประเทศ
สนับสนุนด้ านการบินให้ แก่ ผู้บังคับบัญชาและ
ฝอ.ของ ทภ. แนะนาทางเทคนิคด้ านการบิน,บินทาง
ธุรการ จัดทาแผนฝึ กในส่ วนของการบิน กากับดูแล
การ ซบร.บ. ใช้ งานได้ วางแผนการใช้ บ. ในการ
สนับสนุนการรบ จัดตั้งและดาเนินการของระบบ
จราจรทางอากาศช่ วยอานวยการในการทางบประมาณ
แผนคาสั่ งว่ าด้ วยการบิน จัดทาแผนเคลือ่ นย้ ายทาง
ทางอากาศ ประสานกับฝ่ ายขนส่ ง และฝ่ ายเคลือ่ นย้ าย
ถึงเรื่องความต้ องการ บ.สนับสนุนการช่ วยรบ
แผนกการบิน
กองร้อยบิน กองพล
ภารกิจ
ให้ การสนับสนุนในด้ านกิจการบินให้ แก่
กองพลและหน่ วยรองรับของกองพล และเพือ่
1. ดาเนินการตรวจการณ์ ทางอากาศ,ลาดตระเวน ชี้เป้าหมาย
และเฝ้ าตรวจพืน้ ที่รับผิดชอบ
2. สนับสนุนผู้บังคับบัญชา,ฝ่ ายอานวยการในการอานวยการรบ
และธุรการอืน่ ๆในพืน้ ทีร่ ับผิดชอบ
3. ถ่ ายภาพทางอากาศเมือ่ จาเป็ น
4.
5.
6.
7.
บริการ การนาสาร ทิง้ ใบปลิว
การส่ งกลับสายแพทย์ อย่ างจากัด
ถ่ ายทอดวิทยุ
ส่ องสว่ างสนามรบ และพืน้ ที่ก่อการร้ าย
การแบ่ งมอบ
การจัด
เป็ นหน่ วยในอัตราของกองพล
ตามอัตราการจัดและยุทโธปกรณ์
หมายเลข 1-17 (7 ต.ค.25)
พล.ม.2
ร้ อย ม.(อ)1
ฮท-212
ฮท-206
ฮฝ-300
พล.ป.
4
6
5
เครื่อง
เครื่อง
ร้ อย.ป.คปม.
เครื่อง อากาศยานไร้ คนขับUAV
กองร้ อยบินกองพล , พล.ม.1
จะมีบ.ในอัตราดังนี้
ฮท-206
ฮฝ-300
10
5
เครื่อง
เครื่อง
ศูนย์ การบินทหารบก
ภารกิจ
1. วางแผนอานวยการ กากับการและดาเนินการฝึ กและ
ศึกษาเกีย่ วกับกิจการการบินของกองทัพบก
2. ดาเนินการวิจัยและพัฒนา กาหนดหลักนิยมและทา
ตาราในทางสายวิชาการที่เกีย่ วข้ อง
3. ปกครองบังคับบัญชาหน่ วยทหารที่กระทรวงกลาโหม
กาหนด
การแบ่ งมอบ
เป็ นส่ วนราชการขึน้ ตรงต่ อกองทัพบก
การจัด
ใช้ อฉก.4700
ศูนย์ การบินทหารบก
บก.
กองวิทยาการ กองบริการ กองสนามบิน
กองสื่ อสารการบิน
แผนกเครื่องช่ วยฝึ ก
แผนกสื่ อสารการบิน
แผนกนิรภัยการบิน หน่ วยตรวจโรค รร.การบิน กองบินสนับสนุน
ทั่วไป
ร้ อย.ขส.ซบร.บทบ.2
กองพันบิน
พัน ปฐบ.
• สถานทีต่ ้งั ค่ ายสมเด็จพระศรีนครินทรา
เขาพระงาม จ.ลพบุรี
• รร.การบินทหารบก เป็ นแหล่ งผลิตนักบิน
ทหารบกเพือ่ บรรลุตามหน่ วยบินทีม่ ี
อากาศยานในอัตรา
• กองบินสนับสนุนทัว่ ไป เป็ นหน่ วยปฏิบัติ
การบิน
รร.การบิน ทบ. - บ.ฝ.7
20
เครื่ อง
- บ.ฝ.41
19
เครื่ อง
- บ.ฝ.300
24
เครื่ อง
นอกอัตรา - ฮ.ท.1 3 เครื่ อง, ฮ.ท.206 3 เครื่ อง
- ฮ.ฝ.30 8 เครื่ อง, บ.ฝ.7
6 เครื่ อง
กองบินสนับสนุนทัว่ ไป ( กบท. )
- ฮ.ท.1 8 เครื่ อง, ฮ.ล.47 6 เครื่ อง
กองพันบิน
เป็ นหน่ วยหลักในการปฏิบัตภิ ารกิจสนับสนุน
การปฏิบัติทางอากาศ แก่หน่ วยทหารภาคพืน้ ดิน
และใช้ อาวุธยิงจากทางอากาศสนับสนุน หน่ วยที่
ปฏิบัติการรบติดพัน ได้ อย่ างจากัด
การแบ่ งมอบ
เป็ นหน่ วยขึน้ ตรงกับ ทบ. ฝาก
การปกครองบังคับบัญชา กับ ศบบ.
ขีดความสามารถ
• ในสภาพอากาศทีม่ ที ศั นะวิสัยดี สามารถปฏิบัตกิ าร
สนับสนุนในเขตหน้ าได้ อย่ างต่ อเนื่อง
• สามารถปฏิบัติการขนส่ งทางอากาศ(ได้ หลายๆกองร้ อย)
• เป็ นเครื่องบินพยาบาล หรือส่ งกลับสายแพทย์ ได้
• สามารถใช้ ในยานพิเศษอืน่ ๆได้
• สามารถใช้ อาวุธยิงจากอากาศสนับสนุนภาคพืน้ ดิน
กองพันบิน
บก.พัน
บก.ร้ อย
กองบินปี กหมุน
ตอน บก.พัน
มว.เสนารักษ์
ร้ อยบก.
ตอนนาทาง
กองพันบิน
จะประกอบกาลังดังนี้
กองบินปี กหมุนที่ 1
ฮ.ท.1
17
ฮ.ท.1 ติดอาวุธ 8
ฮ.ท.212
8
เครื่อง
เครื่อง
เครื่อง
กองบินปี กหมุนที่ 2
ฮ.ท.1
17
ฮ.ท.1 ติดอาวุธ 8
ฮ.ท.212
8
กองบินปี กหมุนที่ 3
ฮ.ท.212
ฮ.ท.1
25
8
เครื่อง
เครื่อง
เครื่อง
เครื่อง
เครื่อง
กองบินปี กหมุนที่ 9 (ผสม)
ฮ.ท.1
25
ฮ.ท.1 ติดอาวุธ 8
กองบินเบา
บ.ต.19
บ.ฝ.41
บ.ท.17
12
6
6
เครื่อง
เครื่อง
เครื่อง
เครื่อง
เครื่อง
กองบินหมุนที1่ ,2,3 และ 9 จะแบ่ งออกเป็ น 3 มว.
• มว. ฮ.โจมตี
8
• มว.ขนส่ งทางอากาศ
• มว.บริการและซบร.
เครื่อง
24
เครื่อง
1
เครื่อง
ภารกิจของ ฮ.ติดอาวธุ
ใช้ ในการระวังป้ องกันให้ กบั หน่ วยกาลัง
รบเคลือ่ นที่ทางอากาศ การปฏิบัติการด้ วย
วิธีรุก, วิธีรับ โดยใช้ กาลังยิง
ภารกิจของ ฮ.ติดอาวธุ มี 3 ประการ
1. คุ้มกัน
ก. คุ้มกันขบวน ฮ.ลาเลียงทางอากาศ
- ในเขตบรรทุก
- ระหว่ างเส้ นทาง
- พืน้ ที่ลง
ข. คุ้มกันขบวนการเคลือ่ นทีท่ างพืน้ ดิน
ค. คุ้มกันเครื่องบินตก
2. การลาดตระเวนและการระวังป้ องกัน
- ลาดตระเวนเส้ นทาง
- ลาดตระเวนด้ วยการบิน
3. การสนับสนุนการยิง
ขีดความสามารถของ ฮ.ติดอาวธุ
1.
2.
3.
4.
5.
ทาการยิงได้ อย่ างรวดเร็ว
เลือกที่หมายยิงได้ แน่ นอน
มีความอ่ อนตัวในการใช้ อาวุธ
ติดอาวุธได้ หลายประเภท
ภารกิจเปลีย่ นแปลงสามารถปฏิบัติได้
ทันท่ วงที
ขีดจากัด ของ ฮ.ติดอาวธุ
1. ในการปฏิบัติการในเวลากลางคืนและสภาพ
อากาศปิ ด
2. รัศมีปฏิบัติการจากัด
3. นา้ หนักบรรทุกจากัด
4. การปฏิบัตริ ะยะไกล จานวนอาวุธกระสุ น
ต้ องลดลง
การจัด ฮ.ติดอาวธุ ในทางยทุ ธวิธี
จัดออกเป็ น 3 แบบ
1. ชุดยิงเบา
จัด 2 เครื่อง
2. ชุดยิงหนัก
จัด 3 เครื่อง
3. ชุดยิงเพิม่ เติมกาลัง จัด 4 เครื่อง
การจัด ฮ.ติดอาวุธของ ทบ.ไทย
ให้ จัด ฮ.ติดอาวุธ 1 หมวดในอัตราของกองบิน
ปี กหมุน ประกอบด้ วย 2 ตอนๆละ 4 เครื่อง
การวางแผนขนส่ งทางอากาศ
1. แบบและจานวน
2. การบรรทุก
3. ชม.การใช้ งาน
- ฮ.ใช้ 4 ชม./วัน
- บ.ใช้ 6 ชม./วัน
4. อากาศยานที่ใช้ งาน
บ.ระยะยาว 75%
ฮ.ระยะยาว 75%
การขนส่ ง
ระยะใกล้ ไม่ เกิน 50 ไมล์ 4/ว
เกิน 50 ไมล์ 1/ว
การประมาณการขนส่ งทาง ฮ.
= ชม.การใช้ งานต่ อวัน
ฮ.ใช้ 4 วัน
บ.ใช้ 6 ชม.
= เกณฑ์ เฉลีย่ ของอากาศยานที่ใช้ งาน
บ. 75%
75%
= เวลาที่เสี ยไปในการขนส่ งขึน้ -ลง
ปี กหมุน
ทหาร 1 หมู่
ทหารเจ็บตาย
สป.ในลาตัว
สป.นอกลาตัว
เติม สป.3 อ.
3 นาที
10น.
5-15น.
30น.
7น.
ปี กติดลาตัว
3 นาที
10น.
10-30น.
-
- สั มภาระในการบรรทุก
- กาลังพล สามารถทาการบรรทุกได้ ง่าย ปัญหาที่
เกิดขึน้ มีน้อยแยกเป็ น
ธรรมดา
หนัก 200 ป.
ติดอาวุธพร้ อมรบ
หนัก 240 ป.
ผู้เจ็บป่ วยพร้ อมเปล หนัก 250 ป.
พลร่ ม
หนัก 260 ป.
- สั มภาระบรรทุกทาได้ ยาก ล่ าช้ าแบ่ งเป็ น
- ยุทธสั มภาระทัว่ ไปและพัสดุ
- ยุทธสั มภาระรูปร่ างเฉพาะ
ท่ าอากาศยาน (AIRPORT)
หมายถึง พืน้ ที่ที่กาหนดไว้ บนพืน้ ดิน หรือพืน้ น้า สาหรับ
ใช้ เพือ่ การขึน้ -ลง หรือการเคลือ่ นไหวของอากาศยาน
รวมตลอดถึงอาคาร และบริภัณฑ์ ซึ่งอยู่ภายในท่ าอากาศ
ยานนั้น
แบ่ งออกเป็ นส่ วนย่ อยที่สาคัญ 4 ส่ วน คือ
1. ทางวิง่ และทางขับ (RUNWAY&TAXIWAY)
2. เครื่องช่ วยการเดินอากาศสาหรับการขึน้ ลง และ
ช่ วยเหลืออากาศยานประสบอุบัตเิ หตุ
3. อาคารต่ างๆ เช่ น โรงเก็บโรงซ่ อม ที่พกั ที่ทางาน
ทีจ่ าเป็ นแก่ การดาเนินงานและบารุงรักษา
4. ลานจอด (APRON&RAMP)
ส่ วนประกอบของสนามบิน
1. ทางวิง่ และทางขับ (Runway & Taxiway)
2. เครื่องช่ วยการเดินอากาศสาหรับการขึน้ ลง และ
ช่ วยเหลืออากาศยานประสบอุบัตเิ หตุ
- วิทยุตดิ ต่ อ, หัว-ท้ าย สนามบินให้ นักบินทราบระยะ
ความสู งและให้ ตรงทิศทางของสนามบิน
- ไฟส่ องสว่ างสนามบิน
- รถดับเพลิงฉีดน้า, โฟม
- เครื่องบอกทิศทางลม
3. อาคารต่ างๆเช่ น โรงเก็บหรือ โรงซ่ อม ที่พกั
ที่ทางาน ทีจ่ าเป็ นแก่ การดาเนินงานและการบารุงรักษา
4. ลานจอด
- ลานจอด (APRON&RAMP)
ลานจอดอุ่นเครื่อง
ลานจอดเตรียมปฏิบัติงาน
ลานจอดเพือ่ การ ซบร.
ลานจอดเพือ่ การซ่ อมใหญ่
ทางวิ่งและทางขับ (RUNWAY&TAXI WAY)
แบบของรูปร่ างทางวิง่ ทีส่ าคัญ 3 แบบ
SINGLE RUNWAY
มีทางวิง่ เดียว ขึน้ -ลง 2 ทาง
PARALLEL RUNWAY มี 2 ทางวิง่ ขนานกัน
ขึน้ -ลง ได้ 4 ทาง
DIVERGENT RUNWAY ทางวิง่ ตัดกัน หรืออาจจะไม่
ตัดกันก็ได้ ซึ่งไม่ ได้ มีทศิ ทางขนานกัน ขึน้ ลงได้ 4 ทาง หรือ
มากกว่ า
ลาดจอดอากาศยาน (Apron & Ramp)
เป็ นที่จอดของอากาศยาน นอกจากนีย้ งั เป็ น.การขน สป. ขึน้ -ลง, เติม สป.3 (อ.), การนา
ผู้โดยสารขึน้ -ลงอากาศยาน ซึ่งก็ต้องมีกฏระเบียบ
เพือ่ ควบคุมการจราจรแยกต่ างหากจาก
Taxiway และ Runway เรียกว่ า
“Apron Traffic”
- Apron มีความหมายถึง พืน้ ที่สาหรับจอด และ
ปรนนิบัตบิ ารุง (ปบ.)
- Ramp มีความหมายถึง พืน้ ที่จอดอากาศยาน
สาหรับนักบินไว้ เตรียมดาเนินการก่ อนการนาอากาศ
ยานวิง่ ขึน้ (Pre-flight activities)
นอกจากนี้ ทางประตูสาหรับผู้โดยสารเดิน
(Passenger Gates) ก็เป็ นส่ วนหนึ่งของ
Terminal Ramp
มี 4 แบบ
1. FRONTAL SYSTEM เป็ นวิธีการจอดเรียง
เป็ นแถวหน้ าอาคารสถานี วิธีนีเ้ หมาะสาหรับมีอากาศยาน
จอดน้ อย
อาคารสถานี
2. OPEN APRON SYSTEM เป็ นวิธีการจอดของ
อากาศยานเมื่อมีจานวนมากขึน้ การจอดเรียงเป็ นแถวเดียว
ไม่ เพียงพอจึงต้ องจอดกันหลายแถว
อากาศยาน
3. FINGER SYSTEM เป็ นวิธีการจอดตามรู ปต่ างๆ
มี 3 รู ปแบบคือ STRAIGHT ,Y-SHAPE และ
T-SHAPE
4. SATELLITE SYSTEM เป็ นวิธีการจอดโดยแบ่ งเป็ น
บริวารเล็กๆและเชื่อมกับอาคารสถานีใหญ่
สิ่งอานวยความสะดวกระหว่ างเส้ นทางบิน
1. เส้ นทางบิน เป็ นเส้ นสมมุตขิ นึ้ ในอากาศโดย จนท. ที่
เกีย่ วข้ องเป็ นผู้กาหนด
2. อุตุนิยมวิทยาการบิน เป็ นการตรวจสอบดินฟ้ าอากาศ
เพือ่ ให้ การบินดาเนินไปด้ วยความปลอดภัย
3. โทรคมนาคมการบิน เป็ นการติดต่ อสื่ อสารการบิน
จุดถึงจุด บนอากาศยานพืน้ ดิน
4. บริการควบคุมการจราจรทางอากาศ เป็ นการให้ การ
บริการควบคุมอากาศยานทีด่ าเนินการบินอยู่โดยมี หอ
บังคับการบินทีท่ ่ าอากาศยานเป็ นผู้ควบคุมทีอ่ ยู่ในรัศมี
ควบคุมของท่ าอากาศยาน และศูนย์ ควบคุมการจราจรทาง
อากาศยานทีบ่ ินอยู่ในอากาศป้ องกันมิให้ ชนกัน
Military Supply Chain Management
is the discipline that integrates
acquisition, supply, maintenance,
and transportation functions with
the physical, financial, information,
and communications networks in a
results-oriented approach to
satisfy joint force material
requirements.
1.
2.
3.
4.
อากาศยาน
เครื่องมือซ่ อมบารุง
บริภัณฑ์ ภาคพืน้
ชิ้นส่ วนซ่ อม
หมายถึง การปฏิบัติการในเรื่อง ความ
ต้ องการ การจัดหา การเก็บรักษา การ
แจกจ่ าย และการจาหน่ าย (อากาศยาน,
เครื่องมือซ่ อม, บริภัณฑ์ ภาคพืน้ , ชิ้นส่ วน
ซ่ อม ) รวมทั้งการควบคุมการปฏิบัตติ าม
ขั้นตอนดังกล่ าว
การจัดหา
ความต้ องการ
การจาหน่ าย สป.
ควบคุม
การเก็บรักษา
การแจกจ่ าย
ความต้ องการ การกาหนด และเสนอคาขอ
การจัดหา กรรมวิธีเพือ่ ให้ ได้ มาซึ่ง สป.
การเก็บรักษา การเก็บรักษาเข้ าคลังเพือ่ รอเบิกจ่ าย
การแจกจ่ าย การรับ - จ่ าย และการขนส่ ง สป.
การจาหน่ าย การตัดยอด สป. ออกจากความรับ
ผิดชอบ เนื่องจากสู ญไป, ซ่ อมไม่ คุ้มค่ า, ล้ าสมัย
การควบคุม เพือ่ มิให้ เกิดความผิดพลาด
แบ่ งเป็ น 4 ประเภท
1. ความต้ องการขั้นต้ น จัดตั้งหน่ วยใหม่ กาหนด
มาตรฐาน สป.ใหม่ การเพิม่ -ลดจานวนเนื่องจากการปรับ
2. ความต้ องการทดแทน แทน สป.ที่หมดเปลืองไป, สป.
ทีช่ ารุด หรือ สป.ทีอ่ ยู่ระหว่ างการซ่ อมบารุง เพือ่ ใช้ ชั่วคราว
3. ความต้ องการเพือ่ รักษาระดับ เพือ่ รักษาระดับให้ ปลอดภัย
4. ความต้ องการในโครงการ นอกเหนือความต้ องการปกติ
เพือ่ สนับสนุนแผนพิเศษ
1. การจัดซื้อและการจ้ าง กจห.ขส.ทบ.
2. การได้ รับการช่ วยเหลือจากต่ างประเทศ
3. กบบ.ขส.ทบ.มีคลังเก็บ สป.บ.ทบ.แล้ วส่ งให้ พัน
ขส.ซบร.บ.ทบ.เบิก ส่ วนหน่ วยบินใน กทม.เบิกตรง
4. การเก็บซ่ อม สป. ทีช่ ารุดให้ ใช้ การได้
5. การบริจาคจากบุคคลใดๆ ให้ เข้ าระบบส่ งกาลังฯ
6. การยืม สป.
7. การแลกเปลีย่ น
1. หน่ วยใช้ และหน่ วยบิน รายงานรอบ 3 เดือน โดยใช้ แบบพิมพ์
ทบ.400-016 รายงานถึงกรมฝ่ ายยุทธบริการถึง ทบ.
2. หน่ วยสนับสนุนการส่ งกาลัง รายงานรอบ 6 เดือนโดยใช้ แบบ
พิมพ์ ทบ.400-017 ถึง กบบ.ขส.ทบ. ( แผนกส่ งกาลังฯ )
3. แผนกส่ งกาลังฯ รายงานถึงกรมฝ่ ายยุทธบริการภายใน 30 วัน
และรายงานต่ อถึง ทบ.
อากาศยานทุกแบบ เว้ น ฮ.ท.๑
เฉพาะ ฮ.ท.๑
แผนกส่ งกาลัง
กบบ.ขส.ทบ.
บริษัทเอกชน
สนับสนุนทัว่ ไป
พัน.ขส.ซบร.บ.ทบ.
สนับสนุนโดยตรง
หน่ วยบิน
Maintenance repair and operations (MRO)
is fixing any sort of mechanical or
electrical device should it become out
of order or broken (repair or corrective
maintenance), as well as performing
the routine actions which keep the
device in working order or prevent
trouble from arising (Preventive
Maintenance).
• Preventive maintenance is
conducted to keep
equipment working and/or
extend the life of the
equipment.
• Corrective maintenance,
sometimes called "repair",
is conducted to get
equipment working again.
ตามระเบียบ ทบ.ว่ าด้ วยการซ่ อมบารุงยทุ โธปกรณ์ พ.ศ.2524
หมายถึง การกระทาใดๆ ทีม่ ่ ุงหมายจะรักษายุทโธปกรณ์
ต่ างๆให้ อยู่ในสภาพใช้ การได้ หรือมุ่งหมายทีจ่ ะ
ทาให้ ยุทโธปกรณ์ ทชี่ ารุดกลับคืนมาอยู่ในสภาพ
ทีส่ ามารถใช้ การได้ มากทีส่ ุ ด
การจัดหน่ วยสนับสนุนการซ่ อมบารุงอากาศยาน
( จ้ างซ่ อม )
คลัง
พัน.ขส.ซบร.บ.ทบ.
ร้ อย.ขส.ซบร.บ.ทบ.1
สนาม
ร้ อย.ขส.ซบร.บ.ทบ.2
หน่ วย
กอง บ.เบา
กองบินปี กหมุนที่
1,2,3 และ 9 (ผสม)
แผนกส่ งกาลังฯ
แผนก ซบร.
กบบ.ขส.ทบ.
ร้ อย.ขส.ซบร.บ.ทบ.3
ร้ อย.บ.พล.ร. แผนกการบิน ทภ.
รร.การบิน ทบ.
ร้ อย ม. (อ) 1
กอง บท.ศบบ.
ชุ ด UAV ร้ อย.คปม.
ชุ ด สชด.ศปก.ทบ.
ฝูง บ.
ฝูง ฮ.
1. การซ่ อมบารุงระดับหน่ วย
2. การซ่ อมบารุงระดับสนาม
3. การซ่ อมบารุงระดับโรงงาน
1. วางแผน อานวยการ ประมาณงาน แนะนา
กากับการ วิจัย และพัฒนาเกีย่ วกับการส่ งกาลังบารุง
สายขนส่ ง
2. กาหนดหลักนิยม โดยเฉพาะเรื่องการส่ งกาลัง
และซ่ อมบารุงอากาศยานทหารบก ยึดระเบียบว่ าด้ วย
การส่ งกาลังสิ่ งอุปกรณ์ ประเภท 2 และ 4 พ.ศ. 2534
การเบิก สป. ประเภท 2 และ 4 สายอากาศยาน
-การเบิกขั้นต้ น ทาใบเบิกส่ งพัน ขส.ฯ
ยกเว้ นหน่ วยในกรุงเทพ
-การเบิกทดแทน ให้ เบิกตามสายการส่ งกาลัง
-การเบิกเพิม่ เติมกาลัง เป็ นเรื่องของหน่ วย
สนับสนุนโดยตรง และคลัง เพือ่ รักษาระดับ
-การเบิกพิเศษ เป็ นกรณีพเิ ศษ
หน่ วยที่รับผิดชอบในการส่ งกาลัง
1. แผนกส่ งกาลัง กบบ.ขส.ทบ
2. พัน ขส.ซบร.บ.ทบ.
3. ฝ่ ายส่ งกาลังบารุงของหน่ วยใช้
4. บริษัทเอกชน (เฉพาะ ฮ.ท.1)
ให้ หน่ วยต่ อไปนี้
เบิกตรงจากแผนกส่ งกาลัง สป.บ.ทบ.ขส.ทบ.
- ร้ อยบิน พล.1 รอ.
- ร้ อยบิน พล.ม.2
การซ่ อมบารุง บ.ทบ. คือการรักษา บ.ทบ.
ตลอดชิ้นส่ วนต่ างๆให้ อยู่ในสภาพใช้ งานได้ โดยปลอดภัย
คือ
- การซ่ อมแก้
- การซ่ อมสร้ าง
- การซ่ อมใหญ่
- การซ่ อมคืนสภาพ
ระดับและขั้นการซ่ อมบารุง บ.ทบ.
จะแบ่ งเป็ นการซ่ อม 3 ประเภท 5 ขั้น
1. การซ่ อมบารุงระดับหน่ วย มี 2 ขั้น
ซ่ อมบารุงขั้น ที่ 1 ผู้ใช้ คือ นักบิน และช่ างประจาเครื่อง
ซ่ อมบารุงขั้น ที่ 2 ขั้นหน่ วย คือ มว.ซ่ อมบารุงของหน่ วย
2. การซ่ อมบารุงระดับสนาม มี 2 ขั้น
ซ่ อมบารุงประเภทที่ 3 ร้ อย ขส.ซบร.บทบ.สต.
ซ่ อมบารุงประเภทที่ 4 ร้ อย ขส.ซบร.บทบ.สท.
3. ซ่ อมบารุงระดับประจาทีห่ รือขั้นคลัง มี 1 ขั้น
ซ่ อมบารุงประเภทที่ 5 ร้ อย ขส. ซบร.บทบ.สท.
ระเบียบกองทัพบก
ว่ าด้ วยความรับผิดชอบใน
สิ่ งอุปกรณ์ พ.ศ. 2535
กรมการขนส่ งทหารบก
ระเบียบกองทัพบก
ว่ าด้ วยการโดยสารและการขนส่ งสิ่ งอุปกรณ์
โดยสารอากาศยานทหารบก พ.ศ. 2525
คาจากัดความ
อากาศยาน หมายถึง อากาศยานทุกชนิดที่
ใช้ ในกองทัพบก
ผู้บังคับอากาศยาน หมายถึง นักบินผู้มีหน้ าที่
รับผิดชอบในการปฏิบัติการบิน และความปลอดภัย
ของอากาศยานในเที่ยวนั้นๆ
ผ้ บู ังคับหน่ วยบิน หมายถึง ผู้บังคับหน่ วยทีม่ ีอากาศยาน
ในอัตรา
ผ้ บู ังคับหน่ วยบินทีม่ ีหน่ วยบินในอัตรา หมายถึงผู้บังคับ
หน่ วยทีม่ ีใช้ หน่ วยบินอยูในอัตรา
ผ้ โู ดยสาร หมายถึง บุคคลทีม่ ิได้ เกีย่ วข้ องกับกิจการการ
บินในครั้งคราวนั้น แต่ ได้ โดยสารไปกับอากาศยานนั้นด้ วย
ความสมัครใจ
การจัดลาดับความสาคัญของประเภทผู้โดยสารที่
ได้ รับการอนุมตั ใิ ห้ โดยสารอากาศยาน
ได้ แบ่ งออกเป็ น 4 ประเภท
-ผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ ผบ.ศูนย์ การบิน และ จก.ขส.ทบ. ขึน้ ไปมี
อานาจให้ ผ้ ูโดยสาร ทั้ง 4 ประเภท
-ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก , ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก หรือผู้
บังคับหน่ วยทหารทีป่ ฏิบัตงิ านอิสระ ทีมีสนามบิน อยู่ในพืน้ ทีร่ ับผิด
ชอบ มีอานาจอนุมัตใิ ห้ ผ้ ูโดยสารประเภท 1-3 เว้ นบุคคลทัว่ ไป
-ผู้บังคับหน่ วยบิน มีอานาจอนุมัติ ผู้โดยสาร ประเภท 1-2
โดยสารอากาศยานได้
-ผู้บังคับอากาศยาน มีสิทธิอนุญาตให้ ผู้โดยสาร โดยสารอากาศยานได้
เฉพาะในกรณี ประสบภัยพิบัติ หรือเหตุร้ายแรง ได้
1. ผู้ทปี่ ระสงค์ จะโดยสารอากาศยาน ให้ ขออนุญาตโดยตรงต่ อ
ผู้มอี านาจอนุญาตโดยสารอากาศยานได้ โดยทาแบบรายงาน
การขอโดยสารตาม ผนวก ก.
2. แบบรายงานขอโดยสารจัดทาเป็ น 2 ฉบับ เก็บไว้ ทผี่ ้ ูมอี านาจ
ขออนุญาต 1 ฉบับ และเก็บไว้ ที่ ผู้บังคับอากาศยาน 1 ฉบับ
3. สถานีหรือหน่ วยต้ นทางจัดทารายการผู้โดยสาร ตามผนวก
ข. 2 ฉบับ เก็บไว้ ต้นทาง 1 ฉบับ ผู้บังคับอากาศยาน 1 ฉบับ
4. ผู้บังคับอากาศยานรับผิดชอบตรวจสอบรายการผู้โดยสาร
ผนวก ข. และเก็บหลักฐานไว้ ทหี่ น่ วยบินเมื่อเสร็จกิจ
อากาศยาน ของ ขส.ทบ.
1. ผู้ประสงค์ จะโดยสาร ทารายงานขออนุญาตโดยสาร
ตามผนวก ก. เสนอต่ อผู้ทมี่ อี านาจอนุญาต
2. เมือ่ ได้ รับอนุญาตแล้ วทาหลักฐาน ผนวก ก.
ไปมอบให้ กบั กจย.ขส.ทบ.หรือสถานีขนส่ ง (สขส.) ต้ นทาง
ทาบัญชีโดยสารผนวก ข. ก่ อนเวลา เดินทางไม่ น้อยกว่ า 24 ชม.
3. เมือ่ ผู้โดยสารรับทราบเทีย่ วบินแล้ ว ให้ ไปรายงานด้ วยพร้ อม
หลักฐาน ต่ อผู้บังคับอากาศยาน ก่ อนกาหนดอากาศยานออก 1 ชม.
ผู้โดยสารจะนาสิ่ งของติดตัวไปกับอากาศยานไม่ เกิน 20 กก.
หน่ วยส่ ง
ทาหีบห่ อ ใบรายการ บรรจุ และทาเครื่องหมายตามระเบียบ
แจ้ งแผนกขนส่ ง ขส.ทบ.หรือ สขส.ต้ นทาง
ทาป้ ายบอกชนิดอันตราย ว.แจ้ งหน่ วยรับ
แผนกขนส่ ง ขส.ทบ.หรือ สขส.ต้ นทาง
ประสานหน่ วยบิน แจ้ งหน่ วยส่ ง ทาใบตราส่ ง
นาสิ่ งอุปกรณ์ ไปบรรทุกบนอากาศยาน
ถ้ าเป็ นอาวุธขนาดใหญ่ ต้องยึดตรึง ว.แจ้ ง สขส.ปลายทาง
ผ้ บู งั คับอากาศยาน แนะนาการบรรทุกและยึดตรึงบนอากาศยาน
สขส. ปลายทาง
ไปรับหีบห่ อ นาหีบห่ อไปส่ งหน่ วยรับพร้ อมใบตราส่ งเขียว
ส่ งใบตราส่ งฟ้าให้ สขส.ต้ นทาง เก็บใบเหลืองไว้ แจ้ ง
สขส.ต้ นทาง
รับหีบห่ อ แจ้ งกรรมการตรวจรับ สป. ลงนามรับ เก็บใบฟ้า ส่ ง
หน่ วยรับ
ใบเขียวคืน ว.แจ้ งหน่ วยส่ ง
การจัดลาดับความเร่ งด่ วน
อันดับ 1 ผู้เจ็บป่ วย หรือยาเวชภัณฑ์
อันดับ 2 เอกสารประเภทด่ วนมากหรือ จนท.
ไปปฏิบัติภารกิจด่ วน
อันดับ 3 บุคคลหรือเอกสารรองลงมา
ผ้ บู ังคับอากาศยาน
มีอานาจและสิ ทธิในการสั่ งการ
เกีย่ วกับความปลอดภัยในการโดยสาร
ศบบ. และ ขส.ทบ.
เป็ นผู้รักษาระเบียบและออกระเบียบปลีกย่ อย
ซึ่งไม่ ขัดกับระเบียบนีไ้ ด้ ตามความจาเป็ น
ความไม่ ปลอดภัยในการบินมีสาเหตุเนื่องมาจาก
1. การบรรทุกนา้ หนักเกิน
2. การบรรทุกไม่ สมดุล
ผลเสียของการบรรทุกน้าหนักเกิน
1.
2.
3.
4.
โครงสร้ างอากาศยานชารุด
เครื่องยนต์ มีอายุการใช้ งานน้ อยลง
ต้ องเพิม่ ระยะทางวิง่ ขึน้
เพิม่ ความเร็วร่ วงหล่ น (ความเร็วรอบเครื่องยนต์ คงเดิม
แต่ แรงยกชนะนา้ หนักน้ องลง)
5. ลดอัตราการไต่ (ต้ องใช้ เวลานานขึน้ กว่ าจะได้ ระยะสู ง
ตามความต้ องการ)
6. ลดระยะทางบิน
7. เกิดความลาบากอืน่ ๆ
1. อาการทางข้ าง
2. อาการทางยาว
นน. บรรทุกวางไว้ ทางด้ านซ้ ายหรือขวา
ของลาตัวอากาศยานจะทาให้ อากาศยานเอียงไปทาง
ข้ างที่มีนน.อยู่ เมือ่ วิง่ ขึน้ หรือลอยตัวขึน้ มักจะเกิด
ปัญหาแก่นักบิน มักจะเกิดขึน้ กับเครื่องบินขนาดเล็ก
เครื่องบินปี กติดลาตัวจะออกแบบให้ มี
ลาตัวจะออกแบบให้ มลี าตัวยาว การบรรทุกจะเป็ น
ไปในแนวยาว ถ้ าวางสิ่ งบรรทุกนอกเขตสมดุลก็จะ
ทาให้ หัวหรือท้ ายของเครื่องบินตก เป็ นการเสี่ ยง
อันตรายอย่ างมากในการบิน
1. แบบการเฉลีย่ นา้ หนัก ใช้ กบั สั มภาระหีบห่ อเล็กๆ
มีหลักการระวางบรรทุก ดังนี้
1.1
1.2
1.3
1.4
1.5
1.6
วางบนพืน้ ราบให้ เต็มโดยให้ ของหนักอยู่ตรงกลาง
วางให้ เต็มกรอบพืน้ ที่
ใช้ เชือกตาข่ ายคลุมป้องกันลอยตัว
ถ้ าของหนักต้ องมีแท่ นรองรับป้องกันพืน้ ชารุด
ถ้ านา้ หนักเกิน 100 กก. ต้ องใช้ เครื่องมือยึดตรึง
วางซ้ อนกันได้ โดย ให้ ของหนักอยู่ด้านล่ าง แบบปิ รามิด
2. แบบการบรรทุกสั มภาระโดยเจาะจง ใช้ กบั
สั มภาระขนาดใหญ่ นา้ หนักมากมีกฎดังนี้
2.1 สั มภาระนั้นจะต้ องมีรายละเอียดบอกให้ ครบถ้ วน
เช่ น นา้ หนักรวม , ตาแหน่ งจุดศูนย์ ถ่วง
2.2 สั มภาระทีม่ ี นน.มากทีส่ ุ ด ให้ จดั วางจุดCGสั มภาระใกล้ กบั
CG อากาศยาน
2.3 การบรรทุกง่ ายและปลอดภัย โดยถอยหลังขึน้ เพราะ
ถอยขึน้ ช้ าๆแต่ ได้ กาลัง
2.4 การบรรทุกรถเทรลเลอร์ พ่วง ย้ ายเทรลเลอร์ พ่วงมาเกาะ
หน้ ารถหัวลากและดันเข้ าไป
2.5 เว้ นช่ องว่ างระหว่ างดัน เพือ่ การยึดตรึง
แบ่ งพืน้ ทีบ่ รรทุกออกเป็ น 2 ส่ วน
ใหญ่ ๆ โดยใช้ จุดศูนย์ ถ่วงของอากาศยาน บริเวณ
ปี กเป็ นจุดแบ่ ง คือ ด้ านหน้ าของปี ก และด้ าน
หลังของปี ก
แบ่ งชนิดของการบรรทุกสัมภาระเข้ าไปใน
อากาศยาน แบ่ งเป็ น 2 แบบ
1. การวางบรรทุกทีละชิ้นกับพืน้ ห้ องเก็บของแล้วใช้
ตาข่ ายรัด
2. การวางบรรทุกบนอุปกรณ์ ส่วนควบแล้ วนาไปบรรทุก
ในอากาศยาน
อปุ กรณ์ ส่วนควบของเครื่ องบิน มี 3 ชนิด
1. แผ่ นรอง(CARGO PALLET) ใช้ คู่กบั ตาข่ าย
2. ตู้(CONTAINER)
3. ลัง(TGLOO)
ปัจจัยหลักในการพิจารณาวางแผนการบรรทุก
1. บรรทุกได้ ง่าย พิจารณาจาก ความปลอดภัย , การ
คัดแยก , การยึดตรึง , เวลา
2. ขนลงได้ ง่าย พิจารณาจาก เครื่องมือปลายทาง
3. สละทิง้ ได้ ง่าย เมื่อเกิดภาระฉุกเฉิน เช่ น เครื่องยนต์
ขัดข้ อง แต่ ต้องคานึงถึงความสมดุลและเขตเมือง
ซึ่งอย่ ใู นอานาจของผ้ บู ังคับการบิน
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
ในการจัดลาดับ
พัสดุอนั ตราย-นน.มาก , มีอนั ตราย
พัสดุทวั่ ไป
ไปรษณียภัณฑ์ ธรรมดา
ไปรษณียภัณฑ์ อากาศ
พัสดุทมี่ คี ่ าสู ง มีราคาแพง
พัสดุแยกประเภท
ไปรษณียภัณฑ์ ลงทะเบียน
ศพ
แบ่ งออกตามความม่ งุ หมายในการใช้ มี 3 ประเภท คือ
ก. อากาศยานขนส่ ง (TRANSPORT AIRCRAFT)
เป็ นอากาศทีม่ ่ ุงหมายใช้ ขนส่ งผู้โดยสารหรือ
สิ นค้ าอากาศยานแบบนีม้ คี วามสาคัญมากต่ อกิจการบินพลเรือน
แบ่ งออกเป็ น 2 แบบใหญ่ ๆคือ
1. เครื่องบินโดยสาร
2. เครื่องบินบรรทุกสิ นค้ า
ข. อากาศยานบริการทางอากาศ (AERIAL SERVICE)
เป็ นอากาศยานทีใ่ ช้ ประโยชน์ ในการบริการ เช่ น
โครงการชลประทาน , โครงการฝนหลวง , การบินโฆษณาทาง
อากาศ , โครงการสารวจพืน้ ที่ทางเกษตร , การบินถ่ ายภาพทาง
อากาศ เป็ นต้ น
ค. อากาศส่ วนตัว (PRIVATE AIRCRAFT)
เป็ นอากาศยานทีร่ ัฐสนับสนุนให้ เอกชนมีไว้ ใช้ เป็ น
ส่ วนบุคคลสามารถบินไปลงยังสนามบินต่ างๆได้ โดยผู้ขบั ขีจ่ ะ
ต้ องปฏิบัติตามระเบียบ การบินตามทีร่ ัฐบาลกาหนด
1. ใช้ พนื้ ทีบ่ รรทุกให้ มากทีส่ ุ ด โดยคานึงถึงความปลอด
ภัยและโครงสร้ าง
2. ใช้ เวลาในการบรรทุกน้ อย โดยการเตรียมเครื่องมือ
ยกขนให้ พร้ อม
3. วางแผนการบรรทุกล่ วงหน้ า โดยแบ่ งระวางบรรทุก
ออกเป็ น 2 ส่ วนใหญ่ ๆ คือ ด้ านหน้ าของปี ก
และด้ านหลังของปี ก
แบ่ งชนิดของการบรรทุกเป็ น 2 แบบ
• บรรทุกทีละชิ้นกับพืน้ ห้ องเก็บสิ่ งของแล้วใช้ ตาข่ ายรัด
• บรรทุกบนอุปกรณ์ ส่วนควบ มี 3 ชนิด
1. แผ่ น PALLET
2. ตู้ CONTAINER
3. ลัง IGLOO
การปฏิบัติในการวางแผน
การบรรทุกเบื้องต้ น 7 ประการ
1. การรวบรวมพัสดุเพือ่ ใช้ ในการตัดสิ นใจถึงปัญหาการระวาง
บรรทุก
2. คัดเลือกพัสดุทจี่ ะสละทิง้ ได้
3. จัดตาแหน่ งวาง เพือ่ ความสมดุลและการสละทิง้
4. คานวณหาจุดสมดุลของวัตถุ
5. เตรียมเครื่องมือช่ วยการบรรทุก เช่ น รถฟอรค์ ลฟิ
6. พิจารณาใช้ แท่ นรองรับกระจายนา้ หนัก
7. พิจารณาใช้ ชนิดและจานวนเครื่องมือยึดตรึง
หลักการบรรทุกยทุ โธปกรณ์ เข้ าไปใน อ.
มีข้อพิจารณาดังนี้
1. ขนาดยุทโธปกรณ์ เข้ าประตู อ.กxยxส ได้ หรือไม่
2. นา้ หนักเกินขีดความสามารถของ อ. หรือไม่
3. เมือ่ นาเข้ าไปวางไว้ แล้วอยู่ในสภาพสมดุลหรือไม่
มีประโยชน์ ดงั นี้
1. เพือ่ ป้ องกันพืน้ ห้ องบรรทุกชารุด
2. เพือ่ ความสะดวกรวดเร็วในการเคลือ่ นย้ ายพัสดุ
3. เพือ่ ลดการขูดลากทีเ่ กิดขึน้ กับพืน้ ห้ องบรรทุก
แบ่ งเป็ นชนิดต่ างๆดังนี้
1. แผ่ นกระดานสั้ น (PLANK SHORING)
2. แผ่ นกระดานซ้ อนไขว้ เพิม่ ฐานกว้ างขึน้
(BRIDQE SHORING)
3. แผ่ นกรดานยางรองรับการเคลือ่ นที่
(PARKING SHORING)
4. สะพานลูกกลิง้ (ROLLING AND SKID
SHORING)
5. แผ่ นรองรับพัสดุ (CARGO PALLET)
1. เตรียมหม้ อดับเพลิง ในขณะบรรทุก ยานพาหนะ
2. ใช้ อปุ กรณ์ ไฟฟ้าให้ น้อยทีส่ ุ ด อาจเป็ นสาเหตุ
การเกิดไฟไหม้
3. การระบายอากาศ เปิ ดประตู อ. ให้ หมด
4. ผ้ าเช็ดนา้ มันหกห้ ามเอาไว้ ใน อ. อาจทาให้ ไฟไหม้ ได้
5. ตรวจเช็คห้ ามล้ อยานพาหนะให้ ดกี ่ อนขึน้ บรรทุก
6. จากัดความเร็วยานพาหนะขณะบรรทุก
7. การจอดยานพาหนะใน อ. ใส่ เกียร์ ตา่ สุ ด ดึงเบรกมือ
ปิ ดสวิทกุยแจ และพลขับจะต้ องอยู่ในรถจนกว่ าจะ
ยึดตรึงเสร็จ
8. การบรรทุก PALLET จะต้ องปะคองให้ เข้ าล่อง
พอดี
9. การบรรทุกทัว่ ไป ให้ บรรทุกตามหลักเกณฑ์
10. พัสดุอนั ตรายควรวางไว้ ใกล้ประตู
11. เมื่อจอดยานพาหนะควรมีไม้ รองล้อ
12. ห้ ามใช้ เครื่องมือช่ วยบรรทุกเกินขีดจากัด
13. ระมัดระวังป้ องกันมิให้ พสั ดุเสี ยหายระหว่าง
การบรรทุก
14. การใช้ ลอกไฟฟ้าใน อ. ให้ ใช้ กบั สิ่ งของที่หนัก
และไม่ เกินขีดความสามารถ
การวางแผนการบรรทุก
1. สั มภาระในการบรรทุก
กาลังพล การบรรทุกทาได้ ง่าย สะดวกรวดเร็ว
• ธรรมดา
หนัก
200 ปอนด์
• ติดอาวุธพร้ อมรบ หนัก
240 ปอนด์
• ผู้เจ็บป่ วยพร้ อมเปล หนัก
250 ปอนด์
• พลร่ ม
หนัก
250 ปอนด์
สั มภาระ
กระทาได้ ยาก ล่ าช้ า มีปัญหาเรื่องรูปร่ าง
ขนาดน้าหนัก
• ยุทธสั มภาระทัว่ ไปและพัสดุ บรรทุกแบบกระจาย
น้าหนัก
• ยุทธสั มภาระรูปร่ างเฉพาะ บรรทุกแบบเจาะจง
การตรวจและการปฏิบัติก่อนการบรรทุก
1. หน่ วยส่ งต้ องทาเครื่องหมายและป้ายต่ างๆตามชนิด
ของพัสดุ
2. สั มภาระที่มี นน.30016 ยาว 10 ฟุตขึน้ ไปหรือรูปร่ าง
เฉพาะให้ หา CG ทาเครื่องหมายแสดงไว้
3. ดูจุดหมายปลายทางของพัสดุ แยกประเภท จักลาดับ
ความเร่ งด่ วน
4. ตรวจสอบ นน. สภาพหีบห่ อ , เครื่องหมายและทีอ่ ยู่
ปลายทางถูกต้ องเรียบร้ อย
5. พัสดุล้อเลือ่ น ยานพาหนะ ให้ ตรวจสอบสลักหรือ
ระบบห้ ามล้ อว่ า ใช้ งานได้ หรือไม่
6. ต้ องคานึงถึง เวลา , ระยะทาง ในการเคลือ่ นย้ ายพัสดุ
จากคลังมายังสนามบิน
7. นาข้ อพิจารณาต่ างๆในการบรรทุกมาใช้ ให้ เกิด
ประโยชน์ และปลอดภัย
8. สั มภาระใด ไม่ มีรายละเอียดสภาพไม่ เรียบร้ อยส่ งคืน
หน่ วยส่ ง
อากาศยานทีใ่ ช้ ในการบรรทุก
1. ลักษณะโครงสร้ าง
ปี กติดลาตัว สภาพเหมาะกับภารกิจหรือไม่
เพราะใช้ บรรทุกได้ เฉพาะภายในเท่ านั้น
ปี กหมุน บรรทุกได้ ท้งั ภายนอกและภายใน
เหมาะกับสั มภาระจานวนน้ อย , ระยะทางใกล้ๆ
บรรทุกภายนอกแล้วต้ องใช้ เจ้ าหน้ าทีเ่ ฉพาะ
2. จานวนอากาศยาน
คิดความพร้ อมการใช้ งาน 75% อีก 25% ซ่ อม
บารุงและใช้ งานภายในหน่ วย
3. ข้ อมูลความสามารถ อากาศยาน เช่ น รัศมีทาการ
บิน อัตราความเร็ว ความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ปัจจัยแรง
G นน.มูลฐาน นน.ปฏิบัติการ นน.อากาศยานพร้ อม
บรรทุก พิกดั อัตราบรรทุก ขนาดห้ องบรรทุก สิ่ ง
อานวยความสะดวก การบรรทุก ยึดตรึง จุดศูนย์ ถ่วง
อากาศยานฯ
สิ่งอานวยความสะดวก
ในการยกขนสัมภาระและเจ้ าหน้ าที่
1. รถยกขนฟ๊ อกลิฟ ช่ วยเคลือ่ นย้ ายสั มภาระ หนัก
2,000-10,000ปอนด์ มีแบบยางตันและสู บลม
2. รอกไฟฟ้ า ดึงพัสดุ เข้ าสู่ พนื้ ห้ องบรรทุก
3. ตะเฆ่ ช่ างเคลือ่ นย้ ายสั มภาระไม่ เกิน 2,000 lb
4. ประตูด้านท้ ายอากาศยาน ใช้ ขนขึน้ -ลง รับ นน.ได้
2,500-8,000 lb
5.
6.
7.
8.
สะพานล้ อเลือ่ นสั มภาระ ขนสั มภาระได้ ง่ายขึน้
แม่ แรงช่ วยรองรับประตูด้านท้ าย ให้ ขนานกับพืน้
แรมช่ วย ใช้ เป็ นสะพานต่ อ ต่ อระหว่ างพืน้ ดินกับแรม
อืน่ ๆ เช่ น รถเข็น 4 ล้ อ , 2 ล้ อ รับ นน.ได้ 1,000 ปอนด์
การบรรทุก
ต้ องไม่ ให้ น้าหนักเกิน และจัดวางพัสดุให้
อยู่ในตาแหน่ งทีถ่ ูกต้ อง เพือ่ ให้ จุดศูนย์ ถ่วงของอากาศ
ยานอยู่ในสภาพสมดุล บินได้ โดยปลอดภัย โดยการ
จัดทาลาดับการบรรทุก อย่ างมีข้นั ตอนถูกต้ อง
การบรรทุกสัมภาระในอากาศยาน
ให้ เกิดความปลอดภัย
1.
2.
3.
4.
ความหมายนิยามศัพท์ ที่เกีย่ วข้ อง
หลักการของ นน.และสมดุล
การคานวณหาจุดศูนย์ ถ่วงของสิ่ งบรรทุก
การคานวณหาตาแหน่ งวางให้ อากาศยานอยู่ใน
สภาพสมดุล
การคานวณหาตาแหน่ งวางสป.
ให้ อ. อย่ ใู นสภาพสมดุล
ควรทาความเข้ าใจในสิ่งต่ อไปนี้
1. เส้ นข้ อมูลทีอ่ ้ างถึง คือเส้ นตรงจากทางดิง่
ตัดกับเส้ นทางระดับ ที่วดั ไปตามแนวทางยาวของอากาศยาน
กาหนดขึน้ โดยผู้ออกแบบสร้ าง
2. จุดข้ อมูลทีอ่ ้ างถึง คือ จุดเริ่มต้ นของเส้ น
ข้ อมูลทีอ่ ้ างถึง เริ่มจากศูนย์ กาหนดให้ อยู่ตรงจมูกของอากาศยาน
3. หมายเลขตาบลบรรทุก คือ หมายเลขบอกระยะ
ยาวทีอ่ ยู่บนเส้ นข้ อมูลทีอ่ ้ างถึง
4. แขน คือ ระยะทางจากจุดหมุนทีส่ มมุตขิ นึ้ ถึง
จุดศูนย์ ถ่วงของวัตถุ
5. แรงหมุน คือ ผลคูณของนา้ หนักศูนย์ แขนมี
หน่ วยเป็ น นิว้ - ปอนด์
6. จุดศูนย์ ถ่วง (CG) คือ จุดๆหนึ่งของวัตถุทเี่ รา
ยกหรือแขวนพันพืน้ แล้ ว จะทาให้ วตั ถุน้ันอยู่ในสภาพสมดุล
ไม่ เอียงหรือพลิกใน อ.
แบ่ งออกเป็ น
ก่อนวางสิ่งบรรทุก
เรียก
* จุดศูนย์ ถ่วงของ อ. พร้ อมบรรทุก คือจุดศุนย์ ถ่วง
ของเครื่องบินที่พร้ อมใช้ งาน (ยังไม่ ได้ บรรทุก สป.)
กาหนดขึน้ โดย บริษทั ผู้ผลิต
หลังจากวางสิ่งบรรทุก เกิดขึน้ 2 ชนิด เรียก
* จุดศูนย์ ถ่วงพึงประสงค์ คือ จุดศูนย์ ถ่วงของเครื่องบิน
ทีก่ าหนดไว้ แน่ นอนแล้ ว หลังจากการวาง สป. จะต้ องคานวณหา
ว่ าจะวาง สป. ณ จุดใดบนเครื่องบินจึงจะทาให้ จุดศูนย์ ถ่วง อ.
ย้ ายมาลงตามตัวเลขทีก่ าหนดจึงทาให้ อ. บินได้ ปลอดภัยทีส่ ุ ด
* จุดศูนย์ ถ่วงสั มพันธ์ ระยะจากัด คือ จุดศูนย์ ถ่วงของ
เครื่องบินทีก่ าหนดไว้ เป็ นช่ วง แน่ นอนหลังจากวาง สป. จะต้ อง
คานวณหาว่ า เมื่อวาง สป. บน อ.แล้ วจะทาให้ บินได้ ปลอดภัยหรือไม่
7. นา้ หนักตัวเปล่ า คือ นน. ตัวเปล่ าของเครื่องบิน
โดยไม่ รวมอุปกรณ์ ใดๆทั้งสิ้น
8. นา้ หนักมูลบาน คือ นน.ตัวเปล่ าของเครื่องบิน
พร้ อมอุปกรณ์ ตดิ ตั้งประจาและนา้ มันทีค่ ้ างอยู่ตามท่ อทางต่ างๆ
ในการทดลองเครื่อง
9. นา้ หนักปฏิบัตกิ าร คือ นน.มูลฐาน รวมกับ นน.
พลประจา, นา้ มันหล่ อลืน่ และ นน.อุปกรณ์ พเิ ศษ
10. นา้ หนักอากาศยานพร้ อมบรรทุก คือ นน.
มูลฐาน รวมกับ นน.พลประจา นา้ มันหล่ อลืน่ อุปกรณ์ พเิ ศษ
และ นน.นา้ มันเชื้อเพลิง
11. นา้ หนักพิกดั อัตราบรรทุก คือ นน. สั มภาระ
และกาลังพลรวมกันสู งสุ ด ซึ่งยอมให้ บรรทุกในอากาศยานได้
โดยกาหนดไว้ ในคู่มอื อากาศยาน
12. นา้ หนักบรรทุก คือ ผลรวมของ นน. สั มภาระ
และกาลังพลทีบ่ รรทุกไปใน อ. ลานี้
13. นา้ หนักรวมสู งสุ ด คือ นน. อากาศยานพร้ อม
บรรทุก รวมกับ นน.พิกดั อัตราบรรทุก
14. นา้ หนักบรรทุกทั้งสิ้น คือ นน. อากาศยาน
พร้ อมบรรทุก รวมกับ นน.บรรทุก
15. นา้ หนักรวมทั้งสิ้นเมือ่ ลงสู่ พนื้ คือ นน.บรรทุก
ทั้งสิ้น ลบด้ วนความสิ้นเปลืองของนา้ มันเชื้อเพลิงของ อ. ทีใ่ ช้
หมดไปในระหว่ างการบิน
หลักการของน้าหนักและสมดลุ
ในการบรรทุกบน อ.
1. เมื่อใส่ นน.เข้ าไปในเครื่องหรือ ทิง้ ออกไปจะทาให้ จุด
CG. ของ อ. เปลีย่ นแปลงต้ องไม่ เกินระยะจากัดที่
กาหนดไว้
2. นน.ที่เพิม่ เข้ าไปทางข้ างหน้ าของ CG. อ. จะทาให้ CG.
อ. เลือ่ นไปด้ านหน้ าด้ วย
3. นน.ที่เอาออกไปจากทางหลังของ CG. อ. จะทาให้
CG. อ. เลือ่ นไปด้ านหน้ าด้ วย
4. นน.ที่เพิม่ เข้ าไปทางข้ างหลังของ CG. อ. จะทาให้
CG. อ. เลือ่ นไปด้ านหลังด้ วย
5. นน.จานวนน้ อยที่เลือ่ นไปเป็ นระยะทางยาวจะมี
ผลกับการเลือ่ นของจุด CG.อ. มากกว่ าระยะสั้ น
การบรรทุกให้ เกิดความปลอดภัย
ควรพิจารณาถึง
=
=
=
ข้ อมูลต่ างๆทีน่ ามาพิจารณาในการวางแผน
บรรทุก
กฎและความปลอดภัยในการบรรทุก
การวางสิ่ งบรรทุกในอากาศยานให้ เกิดความ
ปลอดภัย
ความสมดุลอากาศยานทาได้ 2 วิธี
= การคานวณ
= ผังการบรรทุก + การคานวณ
= ใช้ คอมพิวเตอร์