ระบบฐานข้อมูล (Database System)

Download Report

Transcript ระบบฐานข้อมูล (Database System)

ทส.3203
INT 3203
วิชา ปฏิบัตฐิ านข้ อมูล
Database System Laboratory
DEVELOPMENT BY
A.PORRAMIN PECHMANEE
CHARPTER 1
ฐานข้ อมูลและ SQL
(Database & SQL)
DEVELOPMENT BY
A.PORRAMIN PECHMANEE
ระบบฐานข้ อมูล (Database System)
ระบบฐานข้ อมูล (Database System) หมายถึง โครงสร้ างสารสนเทศที่
ประกอบด้ วยรายละเอียดของข้ อมูลทีเ่ กีย่ วข้ องกัน ทีจ่ ะนามาใช้ ในระบบต่ าง ๆ มาใช้
ร่ วมกัน
ระบบฐานข้ อมูล จึงนับว่ าได้ เป็ นการจัดเก็บข้ อมูลอย่ างเป็ นระบบ โดยผู้ใช้
สามารถจัดการกับข้ อมูลได้ ในลักษณะต่ าง ๆ ทั้งการเพิม่ การแก้ ไข การลบ ตลอดจน
การเรียกดูข้อมูล ซึ่งส่ วนใหญ่ จะเป็ นการประยุกต์ นาเอาระบบคอมพิวเตอร์ เข้ ามาช่ วย
ในการจัดการฐานข้ อมูล ซึ่งในบทแรกจะกล่ าวถึงประเภทฐานข้ อมูล ทีใ่ ช้ โดยหลัก ๆ
ได้ แก่
ระบบฐานข้ อมูล (Database System)
ประเภทของฐานข้ อมูลแบ่ ง 3 ประเภทได้ แก่
 โครงสร้ างแบบตามลาดับชั้น (Hierarchical Model)
 โครงสร้ างแบบเครือข่ าย (Network Model)
 โครงสร้ างแบบเชิงสั มพันธ์ (Relational Model)
ระบบฐานข้ อมูล (Database System)
 โครงสร้ างแบบตามลาดับชั้น (Hierarchical Model)
ระดับ
รู ทโหนด
(root node)
คณะ
สาขาวิชา 1
วิชาเฉพาะ 1
วิชาเฉพาะ 2
วิชาเฉพาะ n
โหนดพ่ อแม่
(parent node)
สาขาวิชา n
วิชาเฉพาะ 1
โหนดลูก
วิชาเฉพาะ n (Child node)
รู ปที่ 1_1 โครงสร้ างแบบตามลาดับชั้น (Hierarchical Model)
ระบบฐานข้ อมูล (Database System)
 โครงสร้ างแบบเครือข่ าย (Network Model)
สาขาวิชา
วิชาเฉพาะ 1
นักศึกษา 1
วิชาเฉพาะ 2 …….
นักศึกษา 2
วิชาเฉพาะ 3
วิชาเฉพาะ n
นักศึกษา 4 ……. นักศึกษา n
รู ปที่ 1_2 โครงสร้ างแบบเครือข่ าย (Network Model)
ระบบฐานข้ อมูล (Database System)
 โครงสร้ างแบบเชิงสั มพันธ์ (Relational Model)
รู ปที่ 1_3 โครงสร้ างแบบแบบเชิงสั มพันธ์ (Relational Model)
องค์ ประกอบของฐานข้ อมูล
องค์ ประกอบฐานข้ อมูลโดยพิจารณาจากการสร้ างฐานข้ อมูล
1) เอนติตี้ (Entity) เป็ นเรื่ องเกี่ยวกับบุคคล สถานที่ สิ่ งของ
หรื อเหตุการณ์ที่ตอ้ งการเก็บข้อมูล
2) ลักษณะเฉพาะของเอนติตี้ (Data items หรือ Attribute)
คือลักษณะของเอนติต้ ีที่ตอ้ งการเก็บข้อมูล เช่น เอนติต้ ีของนักศึกษา
ประกอบด้วย attribute คือ รหัสนักศึกษา,ชื่อ,สกุล,คณะ,กลุ่มฯลฯ
3) ระเบียนหรือเรคคอร์ ด (Records) คือ ชุดของลักษณะ
เฉพาะที่เกี่ยวกับเอนติต้ ีหนึ่ง ๆ ซึ่งจะใช้ในการประมวลผลด้วยกัน
องค์ ประกอบของฐานข้ อมูล
4) แฟ้ มข้ อมูล (File) ประกอบด้วยเรคคอร์ดที่สมั พันธ์กนั
หลาย ๆ อันมารวมกัน เช่น แฟ้ มข้อมูลพนักงาน จะประกอบด้วย
เรคคอร์ดของพนักงานแต่ละคน
5) ฐานข้ อมูล (Database) ประกอบด้วยแฟ้ มข้อมูลหลาย ๆ
แฟ้ มที่มีความสัมพันธ์กนั มารวมกัน
องค์ ประกอบของฐานข้ อมูล
Entity
นักศึกษา
Attribute / Data Item
รหัสนักศึกษา, ชื่อ – สกุล, คณะ, กลุ่ม, ที่อยู,่ โทรศัพท์
แฟ้มข้ อมูลนักศึกษา
รหัสนักศึกษา
ชื่อ – สกุล
คณะ
กลุ่ม
ที่อยู่
โทรศัพท์
46111001
น.ส.หนูนุย้ คุยดีจงั
วิทยาการจัดการ
Z
11 ถ.ลูกรัง ต.บ่อยาง
อ.เมือง จ.สงขลา
074-111111
46111002
นายเท่ง
วิทยาการจัดการ
Z
1 หมู่ 5 ต.เขารู ปช้าง
อ.เมือง จ.สงขลา
09-9999999
46111003
น.ส.เน่งน้อย นุ่มนวล วิทยาการจัดการ
Z
50 หมู่ 1 ต.พะวง อ.
เมือง จ.สงขลา
074-444444
เก่งจริ ง
ฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์ (Relational database)
ฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์ นั้นจะอยูใ่ นรู ปแบบของตาราง 2 มิติประกอบ
ด้วย แถว (ROW) และ คอลัมน์ (COLUMN)
คอลัมน์ (COLUMN)
แถว
(ROW)
ฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์ (Relational database)
ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ใช้ DBMS เป็ นพื้นฐานของโมเดลเชิง
สัมพันธ์ เรี ยกว่า “ระบบจัการฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database
Management System : RDBMS) เรี ยกสั้น ๆว่า (Relation) ก็คืฮแฟ้ มข้อมูล
หรื อ ไฟล์ ( File ) ในระบบการประมวลผลข้อมูลแบบแฟ้ มข้อมูล ( File
Processing System) ดังนั้น สามารถเปรี ยบเทียบความหมายการจัดการ
ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ กับ การประมวลผลที่คุน้ เคยได้ดงั นี้
ฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์ (Relational database)
รี เลชัน่ (Relation) เทเบิล (Table) : ตารางข้อมูล(Table)
ทูเพิล(Tuple) แถว(Row) : แถว(Row) หรื อ เรคอร์ด (Record)
แอททริ บิวต์(Attribute) คอลัมน์(Column) : คอลัมน์(Column) หรื อ ฟิ ลด์ Field)
คาร์ดินาลลิต้ ี(Cardinality) : จานวนแถว(Number Of Rows)
ดีกรี (Degree) : จานวนคอลัมน์ในตาราง(Number of Column)
โดเมน(Domain) : ขอบเขตค่าของข้อมูล
ฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์ (Relational database)
ฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์ (Relational database)
ความสั มพันธ์ ของข้ อมูล
ความสั มพันธ์ ของข้ อมูลแบ่ งเป็ น 3 ประเภท คือ ซึ่งในการออกแบบ
ฐานข้ อมูลทีม่ ีโครงสร้ างเชิงสั มพันธ์ หรือ (Relation database) ก็คอื การ
ออกแบบ เทเบิลเพือ่ เก็บข้ อมูลกลุ่มต่ าง ๆ โดยจะต้ องสามารถกาหนด
ความสั มพันธ์ ให้ ระหว่ างกลุ่มข้ อมูลเหล่านั้น
1) ความสั มพันธ์ แบบ 1:1 (One to One )
2) ความสั มพันธ์ แบบ 1:N (One to Many)
3) ความสั มพันธ์ แบบ M:N (Many to Many)
ความสั มพันธ์ ของข้ อมูล
1) ความสั มพันธ์ แบบ 1:1 (One to One )
ความสั มพันธ์ แบบ 1:1 (One to One) คือความสั มพันธ์ ของข้ อมูล
2 ตัว ที่มีลกั ษณะ 1 ต่ อ 1 หรือข้ อมูลตัวหนึ่ง จะมีความสั มพันธ์ กบั ข้ อมูลอีก
ตัวหนึ่งได้ เพียงค่ าเดียวเท่ านั้น
นักศึกษา
บัตรประจาตัวนักศึกษา
ความสั มพันธ์ ของข้ อมูล
2) ความสั มพันธ์ แบบ 1:N (One to Many)
ความสัมพันธ์แบบ 1:N (One to Many) คือ ความสัมพันธ์ซ่ ึง
ข้อมูลตัวหนึ่งมีความสัมพันธ์กบั ข้อมูลตัวอื่นได้หลายอย่าง
ชื่อลูกค้ า
บัญชีธนาคาร
ความสั มพันธ์ ของข้ อมูล
3) ความสั มพันธ์ แบบ M:N (Many to Many)
ความสั มพันธ์ แบบ M:N (Many to Many) คือ ความสัมพันธ์
ซึ่งข้อมูลตัวหนึ่งมีหลายค่า และมีความสัมพันธ์กบั ข้อมูลตัวอื่นได้หลาย
อย่าง เช่น มีวิชาที่เปิ ดสอนหลายวิชา แต่ละวิชามีนกั ศึกษาหลายคน
ใน 1 คอร์ ดเปิ ดสอนได้ หลายวิชา
วิชาระบบสารสนเทศ
วิชาการจัดการ
วิชาเศรษฐศาสตร์
นศ.หลายคน ลงได้ หลายวิชา
สมชาย
สมปอง
สมศักดิ์
แต่ ละรายวิชา น.ศ. สามารถลงได้ หลายคน
สมทรง
สมทรง
ประเภทของคีย์ KEY
เพื่อเพิ่มประสิ ทธิภาพในการจัดการฐานข้อมูล เช่นการอ้างอิง
การค้นหา การแก้ไขข้อมูลในแถวใด ๆ หรื อการกาหนดความสัมพันธ์
ระหว่าง เทเบิล ประเภทของคีย์ อาจแบ่ งเป็ น 5 ประเภทหลัก คือ
1) คีย์หลัก (Primary Key)
2) คีย์ลาดับรอง (Secondary Key)
3) คีย์คู่แข่ ง (Candidate Key)
4) คีย์รวม (Compound Key)
5) คีย์นอก (Foreign Key)
ประเภทของคีย์ KEY
1.คีย์หลัก (Primary Key)
เป็ นแอททริ บิวต์ที่มีคุณสมบัติของข้อมูลที่เป็ นค่าเอกลักษณ์
หรื อมีค่าที่ไม่ซ้ าซ้อนกัน คุณสมบัติดงั กล่าวจะสามารถระบุวา่ ข้อมูล
นั้นเป็ นข้อมูลของทูเพิล/เรคอร์ดใด แอททริ บิวต์ที่มีคุณสมบัติเป็ นคีย ์
หลักอาจ ประกอบด้ วยหลายแอททริบิวต์ /คอลัมน์ /ฟิ ลด์ รวมกัน
เพื่อที่จะกาหนดค่าที่เป็ นเอกลักษณ์ได้ คียห์ ลักที่ประกอบด้วยหลายแอ
ททริ บิวต์น้ ีเรี ยกว่า คียผ์ สม(Composite Key) นั้นคือเมื่อแอททริ บิวต์
แต่ละตัวประกอบกันจึงจะให้ค่าที่เป็ นเอกลักษณ์หรื อไม่ซ้ าซ้อนกันได้
ประเภทของคีย์ KEY
Attribute ใดคือ คีย์หลัก (Primary Key) ??
รหัสหลักสู ตร
ประเภทของคีย์ KEY
2) คีย์ลาดับรอง (Secondary Key)
หรื อ บางครั้งเรี ยกว่า อินเด็กซ์ (Index) ดัชนี ซึ่งนอกจากกาหนด
คียห์ ลักให้กบั แต่ละ เทเบิล ยังสามารถใช้ อินเด็กซ์ เป็ นคียช์ ่วยในการ
ค้นหาหรื อจัดเรี ยกกลุ่มแถวที่มีจานวนมาก ๆ ไ ด้ อย่างรวดเร็ ว เช่น การ
ค้นหาชื่อและนามสกุลของพนักงานในเทเบิลพนักงานเป็ น คียห์ ลักอยู่
แล้ว
ประเภทของคีย์ KEY
พน ักงาน
รห ัสพน ักงาน
ชอื่
นามสกุล
ทีอ่ ยู่
ั
เบอร์โทรศพท์
1001
Michael
Suyana
Conventry Hourse London
02-735-8564
1002
Laura
Callahan
4726 Ave.N.E Seattle
02-856-9874
1003
Robert
King
Edgeham Hollow London
02-896-9632
1004
Anne
Dodsworth
7 Hondstood RD. London
01-589-3658
INDEX
ื่
ชอ
นามสกุล
Anne
Dodsworth
Laura
Callahan
Michael
Suyana
Robert
King
ประเภทของคีย์ KEY
3) คีย์คู่แข่ ง (Candidate Key)
เป็ น คียท์ ี่มีคุณสมัติที่สามารถเป็ นแทน คียห์ ลักได้ ถ้าจากข้อมูล
ในตาราง พนักงานถ้ามัน่ ใจว่า ชื่อพนักงาน ไม่มีชื่อซ้ าสามารถ สามารถ
นาcolumn ชื่อ มาเป็ น Secondary คียไ์ ด้
พน ักงาน
รห ัสพน ักงาน
ชอื่
นามสกุล
ทีอ่ ยู่
ั
เบอร์โทรศพท์
1001
Michael
Suyana
Conventry Hourse London
02-735-8564
1002
Laura
Callahan
4726 Ave.N.E Seattle
02-856-9874
1003
Robert
King
Edgeham Hollow London
02-896-9632
1004
Anne
Dodsworth
7 Hondstood RD. London
01-589-3658
Candidate Key
ประเภทของคีย์ KEY
3) คีย์รวม (Compound Key)
เป็ น คียท์ ี่เกิดจากการนาคอลัมน์หลาย ๆ คอลัมน์มารวมกัน
เพื่อให้คุณสมบัติเป็ นคียห์ ลักคือ ไม่มีขอ้ มูลซ้ ากัน และไม่มีค่าว่าง
(NULL) เนื่องจากการบางครั้งการสร้างคียห์ ลักจากคอลัมน์เดียวเดียว
อาจมีโอกาสที่จะเกิดข้อมูลซ้ ากันได้
ประเภทของคีย์ KEY
คีย์รวม (Compound Key)
พน ักงาน
ชอื่
นามสกุล
ทีอ่ ยู่
ั
เบอร์โทรศพท์
Michael
Suyana
Conventry Hourse London
02-735-8564
Laura
Callahan
4726 Ave.N.E Seattle
02-856-9874
Robert
King
Edgeham Hollow London
02-896-9632
Anne
Dodsworth
7 Hondstood RD. London
01-589-3658
(หากไม่ มี รหัสพนักงาน) อาจใช้ คอลัมน์ ชื่อและนามสกุลรวมกันเป็ น Primary Key ได้
สมมุติฐานว่ าจะไม่ มคี นใช้ ชื่อ และ นามสกุลเดียวกันเรียกว่ า Compound Key
ประเภทของคีย์ KEY
4) คีย์นอก (Foreign Key)
เป็ นแอททริ บิวต์ในรี เลชัน่ หนึ่งที่ใช้ในการอ้างอิงถึง แอททริ
บิวต์เดียวกันในอีกรี เลชัน่ หนึ่ง โดยที่แอททริ บิวต์น้ ีจะมีคุณสมบัติเป็ น
คียห์ ลักในรี เลชัน่ ที่ถูกอ้างอิงถึง การที่มี แอททริ บิวต์น้ ีปรากฎอยูใ่ น
รี เลชัน่ ทั้งสองก็เพื่อประโยชน์ในการเชื่อมโยงข้อมูลซึ่งกันและกัน
นัน่ เอง
ประเภทของคีย์ KEY
Attribute ใดคือ คีย์นอก (Foreign Key) ?? รหัสนักศึกษา
กฎทีใ่ ช้ จดั เก็บในฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์
ในการจัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์น้ นั มีขอ้ กาหนด
เพื่อสร้างความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล (Integrity) ในฐานข้อมูลดังนี้
กฎทีใ่ ช้ จดั เก็บในฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์
กฎข้ อที่ 1 ทุกเทเบิลต้ องมีคยี ์ หลัก (Primary Key)
Phone Book
Phone Book
NAME
TELEPHONE
ID
NAME
TELEPHONE
Anna
02-456-6985
1001
Anna
02-456-6985
Laura
02-865-7456
1002
Laura
02-865-7456
Michael
02-856-6321
1003
Michael
02-856-6321
Anna
02-549-9856
1004
Anna
02-549-9856
กฎทีใ่ ช้ จดั เก็บในฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์
กฎข้ อที่ 2
ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเทเบิล 2 เทเบิลในฐานข้อมูล
เชิงสัมพันธ์สามารถกาหนด (Foreign Key) ซึ่งอาจจะมีค่า NULL (ไม่มี
ข้อมูล) หรื อมีค่าตรงกับคียห์ ลักในอีกเทเบิลหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กนั ด้วย
กฎทีใ่ ช้ จดั เก็บในฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์
Employee
EMP_ID
1001
1002
1003
1004
Department
DEP_NO
100
200
300
400
NAME
Anna
Laura
Michael
Anna
DEP_NAME
Accounting
Marking
Computer
Sale
TELEPHONE
02-456-6985
02-865-7456
02-856-6321
02-549-9856
DEP_NO
100
300
NULL
200
ภาษา SQL
ภาษา SQL (Structured Query Language) หรื อภาษาในการสอบถามข้ อมูล เป็ นภาษา
ทางด้ านฐานข้ อมูล ที่สามารถสร้ างและปฎิบัติการกับฐานข้ อมู ลแบบสั มพันธ์ (relational database)
โดยเฉพาะ และ เป็ นภาษาที่มีลักษณะคล้ ายกับภาษาอังกฤษ ภาษา SQLถูกพัฒนาขึ้นจากแนวคิดของ
relational calculus และ relational algebra เป็ นหลัก ภาษา SQL เริ่มพัฒนาครั้ งแรกโดย almaden
research center ของบริ ษัท IBM โดยมีชื่อเริ่มแรกว่ า “ซีเควล” (Sequel) ต่ อมาได้ เปลี่ยนชื่ อเป็ น“เอส
คิวแอล” (SQL) หลังจากนั้นภาษา SQLได้ ถูกนามาพัฒนาโดยผู้ผลิตซอฟแวร์ ด้านระบบจัดการ
ฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์ จนเป็ นที่นิยมกันอย่ างแพร่ หลาย
ในปั จจุบัน โดยผู้ผลิตแต่ ละรายก็พยายามที่จะพัฒนาระบบจัดการฐานข้ อมูลของตนให้ มี
ลักษณะเด่ นเฉพาะขึน้ มา ทาให้ รูปแบบการใช้ คาสั่ ง SQL มีรูปแบบที่แตกต่ างกันไปบ้ าง เช่ น ORACLE
ACCESS SQL Base ของ Sybase INGRES หรือ SQL Server ของ Microsoft เป็ นต้ น ดังนั้นในปี ค.ศ.
1986 ทางด้ าน American National Standards Institute (ANSI) จึงได้ กาหนดมาตรฐานของ SQL ขึน้
ประเภทของคาสั่ งในภาษา SQL
คาสั่ งในภาษา SQL ประกอบด้ วยชุ ดคาสั่ งหลัก ๆ 3 ประเภทด้ วยกันได้ แก่
 Data Definition Language(DDL)
เป็ นคาสัง่ จัดการกับไฟล์ในฐานข้อมูล ได้แก่ CREATE, ALTER, DROP
 Data Manipulate Language (DML)
เป็ นคาสัง่ จัดการข้อมูล ได้แก่ INSERT, UPDATE, DELETE, ROLLBACK,
COMMIT
 Data Control Language (DML)
เป็ นคาสัง่ จัดการข้อมูล ได้แก่
ประเภทของคาสั่ งในภาษา SQL
 Query
เป็ นคาสัง่ การเรัยกดูขอ้ มูล คือ SELECT
 Data Control
เป็ นคาสัง่ จัดการความปลอดภัย
ประเภทของคาสั่ งในภาษา SQL
SQL มาตรฐาน
Oracle
Access
character (n)
: n คือ จานวนของ
ตัวอักษร
char(n)
text
: จากัดความยาวสูงสุ ด : จากัดความยาวสูงสุ ด
ไม่เกิน 255 ตัวอักษร ไม่เกิน 255 ตัวอักษร
Character varying (n)
: จัดเก็บจานวนตัวอักษร
ได้ถึง n ตัว แต่ขนาด
จริ งจะปรับตามจานวน
ข้อมูลที่เก็บไว้
varchar2 (n)
: ในการจัดเก็บสามารถ
ปรับความยาวได้ตาม
ข้อมูล โดยกาหนดไว้
ได้สูงสุ ด 2,000 อักษร
DB2
character(n)
: จากัดความยาว
สูงสุ ดไม่เกิน 255
ตัวอักษร
text
varchar(n)
: สามารถปรับความยาว ความหมายเดียวกับ
ได้สูงสุ ด 255 ตัวอักษร varchar2 (n)
หรื อ MEMO
: สามารถปรับความ
ความยาวได้สูงสุ ดถึง
64,000 ตัวอักษร
SQL มาตรฐาน
Oracle
Access
DB2
float (p)
: p คือจานวนหลักทั้งหมด
ของข้อมูลตัวเลข
number
: แทนค่าข้อมูลที่เป็ นตัวเลข
Single หรือ long
: ขึ้นอยูก่ บั ช่วงของค่า
ข้อมูล
float
: ความหมายเดียวกับ
number ใน
Oracle
Decimal (p,s)
: ตัวเลขจานวนจริ งมี
ทั้งหมด p หลัก และเป็ น
ทศนิยม s หลัก
varchar2 (n)
: ตัวเลขจานวนจริ งมีท้ งั หมด
p หลัก และเป็ นทศนิยม s
หลัก โดย p มีค่าตั้งแต่ 1 ถึง
38 และ S มีค่าตั้งแต่ – 84
ถึง 127
Integer หรือ long
integer
: ขึ้นอยูก่ บั ช่วงค่าของ
ข้อมูล
varchar(n)
ความหมายเดียวกับ
number (p,s) ใน
Oracle
date
: วันที่และเวลา มีค่าได้ต้ งั แต่
1 มค. 4712 ก่อน
คริ สตศักราช ถึง 31/
ธ.ค./4712 หลักคริ สตศักราช
ฐานข้ อมูล

Normalization

Data Dictionary

TABLE
ฐานข้ อมูล

Normalization
Customer
Cid
cname
address
telephone
credit_lim
Product_tbl
pid
employee_tbl
pname
unitprice
eid
onhand
ename
reorder_pt
salary
reorder_qty
address
telephone
curr_bal
order_tbl
oid
pid
qty
discoun
cid
eid
ฐานข้ อมูล
 Data Dictionary
ื่ เทเบิล
ชอ
Customer_tbl
order_tbl
ื่ คอล ัมน์
ชอ
ประเภทข้อมูล
ความหมาย
อ้างถึง
cid
char(6)
รหัสลูกค ้า
cname
varchar2 (40)
ชอื่ ลูกค ้า
address
varchar2 (30)
ั ท์
เบอร์โทรศพ
telephone
varchar2 (10)
credit_lim
number
วงเงินการให ้สนิ เชอื่ (บาท)
curr_bal
number
ยอดสนิ เชอื่ คงเหลือ (บาท)
oid
char(6)
รหัสใบสงั่ ซอื้ สนิ ค ้า
pid (*)
char(6)
รหัสสนิ ค ้า
qty
number
จานวนสนิ ค ้าทีส
่ งั่ ซอื้
discount
number(5,2)
สว่ นลด(%)
cid (*)
char(6)
รหัสลูกค ้า
customer_tbl
eid (*)
char(6)
รหัสพนักงานขาย
employee_tbl
product_tbl
ฐานข้ อมูล
TABLE
รหัสพนักงาน
ชอื่
นามสกุล
ทีอ่ ยู่
เบอร์โทรศพั ท์
1001
Michael
Suyana
Conventry Hourse London
02-735-8564
1002
Laura
Callahan
4726 Ave.N.E Seattle
02-856-9874
1003
Robert
King
Edgeham Hollow London
02-896-9632
1004
Anne
Dodsworth
7 Hondstood RD. London
01-589-3658
Assignment 1
จากภาพจงหาและอธิบายคาต่ อไปนี้ พร้ อมยกตัวอย่ างโดยอิงจากภาพ
รีเลชั่น (Relation)
ทูเพิล (Tuple)
แอททริบิวต์ (Attribute)
คาร์ ดนิ าลลิตี้ (Cardinality)
ดีกรี (Degree)
โดเมน (Domain)
Assignment 1
จงใช้ โปรแกรม EXCEL ออกแบบตาราง ฐานข้ อมูล อันประกอบไป
ด้ วย ข้ อมูลดังนี้ ID หลัก, ชื่อ-นามสกุล, เพศ, อายุ, ทีอ่ ยู่, วันเดือนปี เกิด,
สาเร็จการศึกษาจาก, งานอดิเรก, โดยอาศัยข้ อมูลจากเพือ่ นในห้ อง 10
คน
THE END