Lesson # 6 Response of IC when ESD zapped.

Download Report

Transcript Lesson # 6 Response of IC when ESD zapped.

บทที่ 04
Network Computing for
Collaboration
1
วัตถุประสงค์
 อภิปรายถึงลักษณะสมบัติ และมาตรฐานของ Network Computing ได้อย่างครบถ้วน
 แจกแจง ถึงคุณประโยชน์ในทางธุรกิจ ของ interoperability and converged networks
 บอกถึงบทบาท และการช่วยสนับสนุ นการบริหารจัดการ โซ่อุปทาน ของจุดรวมและ





ส่งผ่านข้อมูลของ อินทราเน็ต และ อินเทอร์เน็ต
อธิบายเกีย่ วกับบทบาทของการสารวจ สือ่ สาร และการให้ความช่วยเหลือในระบบ
สารสนเทศ
บอกได้ถงึ การเติมเต็มระหว่างเทคโนโลยีสอ่ื สารแบบเก่าและแบบใหม่
บอกได้วา่ การช่วยเหลือและการสือ่ สารบนพืน้ ฐานของระบบสารสนเทศสามารช่วยเหลือ
กลุม่ ผูป้ ฏิบตั งิ านและการขับเคลือ่ นภารกิจได้อย่างไร
บอกและอธิบายหลักการพืน้ ฐานและความสามารถของเทคดนดลยีแบบกลุ่มภารกิจ
อธิบาย ถึงความเกีย่ วข้องกันระหว่างประเด็นของ ด้านการจัดการ ด้านสังคม และด้าน
คุณธรรม
Super Bowl XXXIX Collaboration Portal
 The business problem:
 Jacksonville ถูกกาหนดเป็ นเจ้าภาพ Super Bowl ครัง้ ที่ 39 ในปี 2005 ซึง่ ในอดีตนัน้ ได้เคย
เป็ นเจ้าภาพมาแล้วครัง้ หนึ่งคือครัง้ ที่ 34 ในปี 2000 และพบว่า ปญั หาหลัก ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องกับ
ความปลอดภัย คือ การจราจร และ ฝูงชน โดยผลของเหตุการณ์การก่อการร้าย Sep 11 ทีผ่ า่ น
มา ทาให้รฐั บาลกลางบังคับใช้กระบวนการและแนวทางปฏิบตั ใิ หม่ ๆ อันต้องทางานร่วมกับ
federal และ national security agency ต่าง ๆ
 การสนับสนุ นเกีย่ วกับความปลอดภัยและ logistic ในซูเปอร์โบล์วครัง้ ที่ 39 นัน้ Jacksonville
Sheriff’s office (JSO) ต้องเกีย่ วข้อกับ inspector 150,000 คน เพือ่ ดูแลความปลอดภัย
ประมาณ 6,000 สถานการณ์ และต้องประสานงานกับตัวแทนต่าง ๆ จาก53 ภาคส่วน
IT Solution:
 John Rutherford ได้ใช้ real-time Web-based communication ชือ่ E-Sponder มาใช้
ร่วมกับ IE6 browser ( ลองโหลดวิดโี อจาก e-sponder.com/dowloads/Superbowllarge.wmv มาชม) และ collaborate portal มาใช้งาน
 นักศึกษาควรเข้าไปโหลดแล้วมาอ่านดู จะได้เข้าใจถึงแนวทางประยุกต์ใช้ทป
่ี ระสบผลสาเร็จ
 http://www.e-sponder.com/case-studies.html
The Results:
 ประโยชน์หลัก ๆ ของ collaborate tool คือ
 ฟงั ก์ชนั การควบคุมดาเนินการได้จากส่วนกลาง
 การสือ่ สารและการร่วมมือกัน (collaboration) เป็ นแบบ real-time
 Optimized situational awareness
 การนามาใช้งานใช้เวลาฝึกอบรมน้อย จึงเหมาะสมกับกรอบเวลาทีม่ จี ากัด
 เมือ่ ใช้เครือ่ งมือข้างต้นทาให้ JSO ป้องกันเหตุรา้ ยได้ตามทีว่ างกรอบไว้
4.1 Network Computing- Overview and Driver
 การให้บริการสารสนเทศทีห
่ ลากหลายอันได้แก่ ข้อมูล (data) และ เอกสาร
(document), เสียง (voice) ภาพ (video) สิง่ เหล่านี้จะมีฟงั ก์ชนั อิสระจาก
กัน และมักจะส่งออกไปโดยอาศัยโปรโตคอล (Protocol) และโครงข่าย
(Network) ทีต่ ่างกัน ดังตารางที่ 4.1
 กรณีเสียงและภาพให้อ่านจากตารางที่ 4.1 เพิม่ เติม
Network Computing- Overview and Driver
 การจัดเตรียมข้อมูลและเอกสารเพือ่ ส่งออกไป
 ดิจติ อล แพคเก็ต (digital packet) ซึง่ อยูใ่ นรูปแบบ(format)ของ
Internet Protocol (IP) แล้วจัดส่งโดยอาศัยโครงข่ายคอมพิวเตอร์
(computer network)
 LAN แพคเก็ต จะถูกส่งออกไปโดยใช้โปรโตคอล Transmission
Control Protocol (TCP) เมือ่ รวมทัง้ สองส่วนเข้าด้วยกัน (format กับ
protocol) จะเรียกว่า TCP/IP model ซึง่ ใช้ในอินเตอร์เน็ตปจั จุบนั นี้
Network, Protocols and Transfer Methods
of Information Services
Packet Technologies: An Enabler
 Packet Technologies เป็ นการเปลี่ยน เสี ยง วิดีโอ และ ข้อมูลให้อยูใ่ นรู ปของแพกเก็ต
(packet) ที่สามารถส่ งออกไปโดยใช้ single, high speed network
 Converged Networks: A powerful architecture
 หมายถึงสถาปั ตยกรรมใหม่ที่มีพลัง มันก่อให้เกิดการบรรจบกัน (convergence) ทัว่ ทั้งองค์กร
และเกิดการรวมสี ยง ข้อมูล วิดีโอ และการประยุกต์ใช้การสื่ อสารอื่น ๆ เข้าด้วยกัน ถือเป็ นการ
ปรับปรุ งการร่ วมมือกัน (collaboration) ตลอดทัว่ ทั้งสายโซ่อุปทาน (Supply chain)
พันธมิตร ซัพพลายเออร์ (supply) ลูกค้า
อ่านเพิ่มเติมใน IT at Work 4.1 “The Future and Force of Convergent Solution” page 122
SIP (Session initiation Protocol)
 เป็ นมาตรฐานในการกาหนดสัญญาณของการเรี ยกขานหรื อ การสื่ อสาร (signaling of
call or communication) ระหว่างอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน จากผูข้ ายที่แตกต่างกัน เช่น
IP Phone, Instant Message (IM) clients, soft phone, smart phone
เป็ นต้น
 เมื่อใช้ร่วมกันได้ ก้เป็ นการประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านต้นทุนของโครงข่าย
 อ่านเพิม่ เติมใน A Closer Look 4.1 “ Tech-Fueled Productivity Gains”
page 123
The internet and WWW
 วิถท
ี างการดาเนินชีวติ หรือการทางานในศตวรรตที่ 21 จะเกี่ยวข้ องกับเวป (Web) ของ
โครงข่ายที่มอี ยู่มากมาย หรือ บางทีเรียกว่า ทางด่วนข้ อมูล (Information
Superhighway) ซึ่งมักจะรู้จักกันในนาม “อินเตอร์เน็ต (Internet)” (ซึ่งถือว่าเ็็ น a
global network of computer networks)
 การ็ระยุกต์ใช้ อน
ิ เตอร์เน็ตในเชิงการค้ าจะทาในสี่ส่วนหลัก ๆ คือ
 การแนะนาสินค้ า (presence)
 การค้ าขายเชิงอิเลคทรอนิคส์(e-commerce)
 การร่วมมือกัน (collaboration)
 การรวมตัวกัน (integration)
Internet Application Categories
 ในเชิงนาเอาอินเตอร์เน็ตไ็สนับสนุนงานแล้ ว จะแยกได้ เ็็ น
 การค้ นพบ (Discovery) อัน็ระกอบด้ วย การเรียกดูและการเรียกใช้ สารสนเทศ และทาให้
ลูกค้ าสามารถดูสารสนเทศในฐานข้ อมูล ดาวน์โหลด และ/หรือ็ระมวลสาร สนเทศข้ างต้ น การ
กระทาข้ างต้ นมักกระทาผ่านทาง Software agents
 การสื่อสาร (Communication) อินเตอร์เน็ตทาให้ เกิดช่องทางในการสื่อสารต่างๆ ที่เร็ว และ
ไม่แพง ตั้งแต่การส่งข้ อความไ็ยัง online bulletin boards จนกระทั่งถึงการแลก เ็ลี่ยน
ข้ อมูลต่าง ๆ ระหว่างองค์กรทั้งหลาย
 การ็ระสานงาน (Collaboration) ผลจากการ็รับ็รุงการสื่อสาร ทาให้ การ็ระสาน งานกัน
ทางด้ านอิเล็กทรอนิคส์ ระหว่างบุคคล และ/หรือกลุ่ม และระหว่างองค์กรกับ องค์กรเพิ่มขึ้นอย่าง
รวดเร็ว
The Network Computing Infrastructure:
 สิ่งที่เพิ่มเติมจาก internet และ Web ซึ่งเ็็ นโครงสร้ างพื้นฐานหลัก ๆ ของ
Network Computing คือ
 The Intranet: คือเน็ตเวิร์กที่ถูกออกแบบให้ รองรับรองรับความต้ องการใช้ งานสาร
สนเทศภายในองค์กรหนึ่ง ๆ โดยการใช้ แนวความคิดและเครื่องมือต่างๆ ของอิน เตอร์
เน็ต ทาให้ มันมีความสามารถในการตรวจดูและค้ นหาสารสนเทศได้ ง่าย และ มีราคาถูก
 Extranet: เ็็ นการเชื่อมต่ออินทราเน็ตหลายๆวงจากหลาย ๆ องค์กรเข้ าด้ วยกัน โดย
ผ่านทางอินเตอร์เน็ตที่มรี ะบบการสื่อสารที่็ลอดภัย เพื่อใช้ เ็็ นช่องทางการสื่อสาร
ระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจ
Information Portals
 การใช้ งานของ intranet และ internet เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้นหลาย ๆ องค์กร
กาลังเผชิญกับ็ัญหา information overload สารสนเทศมหาสารเหล่านี้ จะกระจาย
อยู่ในรู็ของ เอกสาร e-mail database ในสถานที่แตกต่างกันและระบบที่แตกต่างกัน
การค้ นหาสารสนเทศที่ต้องการอาจใช้ เวลานานและต้ องเข้ าสู่ระบบที่แตกต่างกัน หลาย
ระบบ เพื่อแก้ ็ัญหานี้จึงนาพอร์ตตอล (Portal) มาใช้ มาดูกนั ว่า Portal มีก่็ี ระเภท
ก่อนอื่นมานิยามพอร์ตตอลกว้ าง ๆ กันก่อน
 Portal: เ็็ น Web-based ส่วนบุคคลใช้ เ็็ นช่องทางผ่านเข้าออก (gateway) ของ
สารสนเทศและองค์ความรู้ ซึ่งเ็็ นสารสนเทศจาก ระบบ IT หลากหลายระบบและ
อินเตอร์เน็ต โดยการใช้ เทคนิคของการค้ นหาขั้นสูง (advanced search) และเทคนิค
ของการอินเด็กซ์ (indexing technique) ต่าง ๆ Portal แบ่งออกได้ หลายชนิด
Portal มี 7 แบบ ได้แก่
 1) Commercial (Public) Portal: เวปไซต์ (Web site) ที่ให้ รายละเอียดในการ
สื่อสารแบบทั่วๆไ็ เ็็ นพอร์ตตอลที่นิยมมากที่สดุ ในอินเตอร์เน็ต โดยให้ ผ้ ูใช้ เ็็ นเพียงทาการ
เชื่อมต่อ (interface) ตามรู็แบบที่กาหนดให้เท่านั้น ตัวอย่างเช่น yahoo.com,
lycos.com and msn.com
 2) Publishing Portal: เวปไซต์ท่มี จี ุดมุ่งหมายสาหรับกลุ่มชนที่มค
ี วามสนใจเรื่องใด
เรื่องหนึ่งอย่างเจาะจง โดยยอมให้ ็รับแต่งเนื้อหาเพียงเล็กน้ อย แต่ขยายการใช้ การค้นหา
แบบ online และ บางแห่งมีความสามารถในการตอบโต้ ตัวอย่างเช่น techweb.com,
zdnet.com
 3) Personal Portal: เวปไซต์ท่มี เี ็้ าหมายจาเพาะในการกรองสารสนเทศเอาเฉพาะเ็็ น
เรื่องๆไ็ โดยให้ narrow content ซึ่งเหมาะสาหรับผู้ใช้ แต่ละราย
 4) Affinity Portal: เวปไซต์ท่ใี ห้ a single point of entry เพื่อเข้ าสู่การสื่อสาร
ทั้งหมด ที่เกี่ยวพันกับสิ่งที่เราสนใจ
Portals cont.
 5) Mobile Portal: เวปไซต์ท่เี ข้ าถึงได้ โดยใช้ mobile device ต่างๆ
 6) Voice Portal: เวปไซต์ท่มี ี audio interface ยอมให้ มกี ารเข้ าถึงโดยใช้ รูปแบบ
มาตรฐาน หรือ cell phone ใช้ ท้งั speech recognition และ text- to speech
technologies ตัวอย่าง เช่น AOLbyPhone, tellme.com, i3mobile.com
 7) Corporate Portal: เวปไซต์ท่มี ี single point of access ไ็ยัง critical
business information ที่วางอยู่ภายใน หรือ ภายนอกองค์กร
 อ่านเพิ่มใน “Kaiser Performanente Uses Google to Build a Portal”, page
127
 ที่ผ่านมาเ็็ น Portal แบบที่ของบริษัทเดียว Industrywide Communication
Networks (Portals) เ็็ น Portal ที่ใช้ ท่วั ทั้งอุตสาหกรรมต่างๆ (รวมกันหลายบริษัทใน
กลุ่มอุตสาห กรรมเดียวกัน) เช่น chaindrugstore.net ซึ่งเชื่อมต่อผู้ขายต่างๆและโรงงาน
ผู้ผลิตต่างๆ นอกจาก นั้นยังมีการรายละเอียดของสินค้ า ข่าวสารต่างๆ การเรียกสินค้ ากลับ
และราย ละเอียด ของรายการส่งเสริมการขายต่าง ๆ
A Corporate Portal Framework
Factors determining the uses of information
technologies for communication
 สถานที่และเวลาสามารถนามากาหนดกรอบการทางาน(framework)ในการแบ่งชั้นของ IT
communication และเทคโนโลยีต่างในการสนับสนุนความร่วมมือกัน ในเชิง ของเวลา จะ
สามารถแบ่งการสื่อสารได้ เ็็ นสองแบบคือ
 Asynchronous Communication การสื่อสารที่ข้อความถูกส่งออกที่เวลาหนึ่ง แล้ วถูก รับ
ในเวลาหลังจากนั้น เช่น การใช้ e-mail
 Synchronous (real- time) Communication การสื่อสารที่ข้อความถูกส่งออกไ็ แล้ ว
ถูก รับภายในเวลาที่ใกล้ เคียงกัน เช่น การใช้ โทรศัพท์คุยกัน
ในแง่ของ Web แยกการสื่ อสารออกเป็ น 3 โหมด คือ
 People-to-people เช่น คนใช้ e-mail คุยกัน
 People-to-machine เช่น คนใช้ Web ค้นหาสารสนเทศต่าง ๆ เช่น Google
search
 People and machine-to-machine เช่น โปรแกรมประยุกต์หนึ่งคุยกับอีกโปรแกรม
หนึ่ง จะเป็ นระบบอัตโนมัติหรื อกึ่งอัตโนมัติกต็ าม และจะต้องมีคนเข้าไปมีส่วนร่ วม
แฟกเตอร์หลัก ในการจัดหาการสื่ อสาร
 Participant จานวนคนที่รับส่ งข้อมูล
 Nature of sources and destinations หมายถึงต้นทางและปลายทางของข้อมูล วึ่ง
อาจเป็ นคน ฐานข้อมูล ตัวตรวจจับ (sensor) และ อื่น ๆ
 Media การสื่ อสารอาจมีหลายสื่ อ เช่น ข้อความ เสี ยง ภาพ สื่ อที่ต่างกันอาจให้ประสิ ทธิภาพ
และประสิ ทธิผลที่แตกต่างกัน (ในแง่ ความเร็ ว ความจุ คุณภาพ)
ั
 Place (Location) ผูส้ ่ งและผูร้ ับอยูใ่ นห้องเดียวกัน (face-to-face) หรื อต่างสถานที่กน
 Time แบ่งเป็ น Synchronous และ Asynchronous ดังได้กล่าวผ่านมาแล้ว
ปจั จัยรวมทัง้ ทางด้านสถานทีแ่ ละเวลา แบ่ง ได้ 4 แบบคือ
 same time/same place ผู้มสี ่วนร่ วมสื่อสารกันซึ่งหน้ า ที่ท่ใี ดที่หนึ่งในเวลาเดียวกัน




เช่น คุยกันในห้ อง็ระชุมห้ องเดียวกัน
same time/different place ผู้มสี ่วนร่วมสื่อสารกันโดยอยู่คนละที่ แต่ในเวลาเดียว
กัน เช่น โทรศัพท์คุยกัน
different time/same place ผู้มสี ่วนร่วมสื่อสารกันที่ใดที่หนึ่ง แต่ต่างเวลากัน เช่น
เขียนบันทึกช่วยจาวางไว้ บนโต๊ะ
different time/different place ผู้มสี ่วนร่วมสื่อสารโดยอยู่กนั คนละที่ และต่างเวลา
กัน เช่น การใช้ web-board เ็็ นต้ น
รู็ในหน้ าถัดไ็จะแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสถานที่กบั เวลา
A framework for IT communication
4.2 Discovery, Search and Customized
Delivery
 อินเตอร์เน็ตยินยอมให้ ผ้ ใู ช้ เข้ าถึงสารสนเทศที่อยู่ในฐานข้ อมูลต่างๆ กระจายอยู่ท่วั โลก
ความสามารถในการค้ นพบยัง็ระโยชน์ให้ เกิดกับวงการศึกษา การให้ บริการ ต่าง ๆ ของ
รัฐ ความบันเทิง และ การค้ าขาย
 การค้ นพบจะทาโดยการ browsing และ searching แหล่งข้ อมูลต่าง ๆ บนเวป
็ัญหาใหญ่ในการค้ นพบก็คอื การมีสารสนเทศมากมายมหาศาล เพื่อแก้ ็ัญหานี้ เราคง
ต้ องเลือกใช้ การค้ นหาหลายๆ รู็แบบและซอฟท์แวร์ท่แี ตกต่างกันออกไ็
 The Role of Internet Software Agents
 Software agent : โ็รแกรมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ที่็ระกอบด้ วยชุดของกลุ่มคาสั่ง
ของ คอมพิวเตอร์เพื่อให้ ทางานตามที่ผ้ ใู ช้ ต้องการและให้ องค์ความรู้บางอย่างออก มา
สอดรับกับเ็้ า็ระสงค์ของผู้ใช้
The Role of Internet Software Agents
 Search Engines, Directory และ Various Software Agents:
 เรา็ระมาณว่า จานวนสารสนเทศบน Web เพิ่มขึ้นเท่าตัวทุก ๆ ็ี ทาให้ การใช้ Web
และการเข้ าถึงสารสนเทศที่ต้องการมีความยุ่งยากมากขึ้น Search engines และ
Directories เ็็ นตัวช่วยขั้นพื้นฐานที่อยู่บน Web ที่มคี วามแตกต่างกัน
 Search engine: โ็รแกรมคอมพิวเตอร์ท่สี ามารถติดต่อกับ network resource
ต่าง ๆ บนอินเตอร์เน็ต เพื่อทาการค้ นหาสารสนเทศที่ต้องการผ่านทาง key word ที่
ต้ องการ และรายงานผลต่าง ๆ ออกมาให้ ทราบ เช่น Google เ็็ นต้ น Search
engine จะอาศัย index Web page อยู่หลายร้ อยล้ าน page ซึ่ง search engine
จะใช้ index นี้ค้นหา page ที่ตรงกับ key word ที่ผ้ ใู ช้ ต้องการ
ทุก ๆ Search engine จะดาเนิน 3 งานพื้นฐาน ได้แก่
 จะค้นหาข้อมูลในอินเตอร์ เน็ตโดยอาศัย Keyword
 เก็บดัชนี (ฐานข้อมูล)ของคาต่าง ๆ ที่มน
ั ค้นพบ และ ที่ ๆ มันค้นพบเอาไว้
 ยอมให้ผใู ้ ช้คน
้ หาคาต่าง ๆ หรื อ คาที่ผสมกันในดัชนีขา้ งต้น
 Search engine จะมีสามแบบด้วยกัน คือ
 ทางานโดย Intelligence agents สร้าง Index ขึ้นมา เช่น S/W agent, robots หรื อ
botsIndex ข้ างต้ นจะถูกสร้ างและ update โดยใช้ Software Robot เรียกสั้น ๆ ว่า
Softbot
 ซอฟท์บอต (Softbot): Software robots ที่กระทางานต่างๆ ในลักษณะที่ซา้ ๆ ( เช่น ดูแลรักษา search
engines) เพื่อยัง็ระโยชน์ให้ กบั ผู้ใช้ ต่าง ๆ
Software Robot will visit your Web site
Search Engine spiders are robots that traverse your website in order list it on Search Engines.
This report shows a breakdown of which spiders have visited your site. (Feb 18,04)
http://www.mach5.com/support/analyzer/annotated-report/index-files/
Two types of search facilities available
on the web:
 ทางานโดย คนเข้ามาดาเนินการสร้าง Directory ขึ้นมา ในส่วน Directories จะเ็็ น
software agent ที่ต่างออกไ็ ซึ่งหลายคนสับสนกับ Search engine
 Directory: เ็็ นการจัดรวบรวมแบบระดับชั้น (hierarchically organized
collection) ของ link ไ็ยัง web pageต่าง ๆ มีการสร้ างโดยใช้ manual (เช่น
Yahoo, About.com) ซึ่งแตกต่างกับ search engine index ที่ใช้ คอมพิวเตอร์สร้ าง
ขึ้นมา
 ใช้สองวิธีขา้ งต้นผสมกัน
 อ่านเพิ่มเติมใน IT at Work 4.3 “Browsers Compete for Business”, page
131
 อ่านเพิม่ เติมใน A Close Look 4.2 “Web Search Leader Google
Simplifies Data Sharing”
Enterprise Search Technology
Blog and Weblogging (Blogging)
 Blogs เริ่ มมาจาก Internet journaling และ personal publishing tools
 ปั จจุบน
ั Enterprise ใช้ blogs แทนเมล์ และ support collaborative work
 Blog มาจากศัพท์คาว่า WeBlog (บางคนอ่านว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log
แต่บ่งบอกถึงความหมายเดียวกันคือบล็อก (Blog)
 ความหมายของคาว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal)
ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเ็็ นเรื่องราว
ส่วนตัว หรือเ็็ นบทความเฉพาะด้ านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้ องถ่ายรู็ เรื่องกีฬา
เรื่องธุรกิจ เ็็ นต้ น โดยจุดเด่นที่ทาให้ บล็อกเ็็ นที่นิยมก็คอื ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดง
ความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไ็ในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอทิ ธิพลในการ
โน้ มน้ าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้ อ่านกันใน
กลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง
Blog ต่างจาก Web อย่างไร ?
 Blog จะแตกต่างจากเว็บไซต์แบบ Static ตรงที่ Blog จะมีเรื่ องให้น่าติดตาม ไม่วา่ จะเป็ น
บทความใหม่ ๆ ที่มีให้อ่านมากกว่า มีพ้นื ที่ให้ผอู้ ่านได้โต้ตอบได้ จนกระทัง่ มีผกู้ ล่าวไว้วา่
Blog จะมาแทนที่เว็บไซต์นิ่ง ๆ ที่ทาหน้าที่เป็ นเหมือนโบรชัวร์ออนไลน์ สาหรับประเด็นที่ทา
ให้ Blog แตกต่างจากเว็บไซต์ทวั่ ไป มีดงั นี้




มีการโต้ตอบกันระหว่างผูเ้ ขียนและผูอ้ ่านได้ หรื อที่เรี ยกว่า Interactive นัน่ เอง
บทความใน Blog จะเขียนในรู ปแบบที่เป็ นกันเอง และดูเหมือนการสนทนา มากกว่าในเว็บไซต์
ระบบที่ใช้เขียน Blog นั้นง่าย ไม่จาเป็ นที่จะต้องเป็ นเซียนคอมพิวเตอร์ ก็สามารถเขียน Blog ได้
อัพเดทได้บ่อยมาก และยิง่ อัพเดทบ่อย จะยิง่ ดีต่อการมาเก็บข้อมูลของ Search Engine 5.
Blog เป็ นรู ปแบบหนึ่งของการทาการตลาดแบบไวรัส (Viral Marketing)
 (นามาจาก http://www.keng.com)
WIKIS
 Wiki คือ web-based writing environment ซึ่ ง (a) ทาการ link ข้าม page ต่าง
ๆ ได้ง่ายมาก ๆ (b) ใช้ some simple text formats เพื่อไม่ให้ผใู้ ช้ตอ้ งเกิดปั ญหาใน
การขียน HTML tag ต่าง ๆ
 เริ่ มต้นนั้น Wiki ออกแบบมาให้กลุ่มใช้เป็ น collaborative writing environment
ดังนั้นสมาชิกในกลุ่มสามารถแก้ไข any page at any time.
 Wikilog (หรื อ Wikiblog) คือรู ปแบบหนึ่งของ Wiki หรื อ เป็ นส่ วนขยายของ blog
ทั้งนี้เนื่องจาก blog นั้น มักจะสร้างขึ้นโดยคน ๆ หนึ่ง (หรื อกลุ่มเล็ก ๆ) และ อาจใช้เป็ น
discussion board แต่ Wikilog คือ blog ที่ยอมให้ทุกคนเข้าไปมีส่วนร่ วมในฐานะคน
ในกลุ่มหนึ่ง ๆ (a peer) ทุกคนสามารถเพิม่ ลบ เปลี่ยน เนื้อหาได้
 การรวมกันระหว่าง Wikis กับ Blogs บางทีเรี ยกว่า Bliki
Podcasting
 Podcasting หรือ Podcast คือขั้นตอนของสื่อชนิดหนึ่งบนระบบอินเตอร์เน็ตที่ยน
ิ ยอมให้
ผู้ใช้ ท่วั ไ็ทาการสมัครเพื่อรับ feed news
 มันเริ่มได้ รับความนิยม็ระมาณ็ลาย็ี 2004 ที่ผ่านมา ตัว feed news นี้จะทางาน
อัตโนมัติ เพื่อทาการดาวด์โหลดไฟล์มลั ติมเี ดียต่างๆ เข้ าสู่ computer หรือ portable
music player (เรียกติด็าก ว่า mp3 player)
 คาว่า Podcasting หลายๆ คนคิดว่าอาจจะเ็็ นคาคว]มาจากคาว่า Broadcasting กับ
iPod แต่ตามข้ อกาหนดแล้ ว มันเ็็ นการเข้ าใจผิด แต่เ็็ นความบังเอิญ อันสอดคล่องพอดี
หรือ็ระจวบเหมาะ กับ iPod ของ Apple นั้นเอง ซึ่ง Steve Jobs ก็ใช้ โอกาสนี้ โฆษณา
feature ใหม่เ็็ น Broadcasting + iPod = Podcasting นั้นเอง
 ซึ่ งในความเป็ นจริ งแล้วนั้น ตั้งแต่ที่ได้ยน
ิ มานับตั้งแต่ Podcasting เกิดขึ้นมาบนโลกมา ระบบ
นี้สามารถใช้ได้กบั iPod หรื อพวก portable music player อื่นๆ และรวมไปถึงเครื่ อง
computer ได้อยูแ่ ล้ว ซึ่งในความเป็ นจริ ง แล้วนั้น ตั้งแต่ กันยายน ปี 2004 นั้น ได้มีการ
บัญญัติคาว่า POD ซึ่งเป็ นคาย่อมาจาก “Personal On-Demand” หรื อ "อุปสงค์ส่วน
บุคคล" นั้นเอง เมื่อรวมกับ Broadcasting ก็กลายเป็ น PODcasting นั้นเอง ซึ่ง
Broadcasting เป็ นการนาสื่ อต่างๆ มาอยูใ่ นรู ปของภาพ และเสี ยง ต่างๆ มากมาย ไม่ข้ ึนกับ
formatของไฟล์ หรื อ type ของไฟล์แต่อย่างใด นามาเผยแพร่ ให้บุคคลภายนอก (The
public in general) ฟังโดยที่ไม่จาเป็ นเสี ยค่าใช้จ่ายใด ๆ และเป็ นเทคโนโลยีในการ
ถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสี ยง ผ่านสื่ อต่างๆ หรื ออาจกล่าวได้วา่ เป็ นเทคโนโลยีที่สามารถ
โยกย้ายข้อมูลขนาดมหึมาของภาพและเสี ยงจากจุดหนึ่ง ไปยังอีกจุดหนึ่งระหว่างเครื อข่ายชนิด
ต่างๆ
 http://www.thaicyberpoint.com/ford/blog/id/168/
RSS
 RSS คืออะไร?
 ปั จจุบน
ั RSS ถูกนามาประยุกต์ใช้เป็ นรู ปแบบกลางในการบริ หารข้อมูลทางธุรกิจ และมีการ
แข่งขันกันสูง โดยเฉพาะธุรกิจที่มี การแชร์ขอ้ มูล เช่น เว็บไซต์ ข่าว เว็บล็อก ซึ่งจะมีการแสดง
ข้อมูลบนหน้าต่างพรี ววิ แยกต่างหาก เพื่อให้ผใู้ ช้ไม่สบั สน รวมถึง สามารถสื บค้นข้อมูลได้
่ นระบบ
 RSS ย่อมาจาก Really Simple Syndication คือ บริ การที่อยูบ
อินเตอร์เน็ท จัดทาข้อมูลข่าวสารให้อยูใ่ นรู ปแบบ XML เพื่ออานวยความสะดวกให้ กับผูใ้ ช้
โดยส่ งข่าวหรื อข้อมูลใหม่ๆ ให้ถึงเครื่ องตลอดเวลาที่มีการ Updateไม่ตอ้ ง เสี ยเวลาเปิ ด
เว็บไซต์เข้ามาค้นหา
 ข้ อดีของ RSS
RSS ช่วยลดข้อจากัดในการคัดลอกข้อมูลในเว็บไซต์ โดยเฉพาะกรณี การละเมิด ลิขสิ ทธิ์ขณะที่
ผูส้ ร้างไม่ตอ้ งเสี ยเวลาทาหน้าเพจแสดงข่าว ซึ่งต้องทาทุกครั้งเมื่อ ต้องการเพิ่มข่าว โดย RSS จะ
ดึงข่าวมาอัตโนมัติ ทาให้ขอ้ มูลในเว็บไซต์เป็ น ศูนย์กลางมากขึ้น
 จุดเด่ นของ RSS คือ ผูใ้ ช้จะไม่จาเป็ นต้องเข้าไปตามเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อดูวา่ มีขอ้ มูล อัพเดท
ใหม่หรื อไม่ ขณะที่เว็บไซต์แต่ละแห่งอาจมีระยะความถี่ในการอัพเดท ไม่เท่ากัน บางครั้งผูใ้ ช้
ยังอาจหลงลืมจนเข้าไปดูเนื้อหาอัพเดทใหม่บนเว็บไซต์ ไม่ครบถ้วน รู ปแบบ RSS จะช่วยให้
ผูใ้ ช้สามารถรับข่าวสารอัพเดทใหม่ได้ โดยไม่ตอ้ งเข้าไปดูทุกครั้งให้เสี ยเวลา ซึ่งจะได้
ประโยชน์ท้ งั ฝ่ ายผูบ้ ริ โภคและ ฝ่ ายเจ้าของเว็บไซต์
 รู้ ได้ อย่ างไรว่ าเว็บไหนมีบริการ RSS
สังเกตได้จากสัญลักษณ์ที่มีเครื่ องหมาย
ส่ วนใหญ่มกั อยูบ่ ริ เวณเมนูหลักของเว็บ หรื อ
บริ เวณส่ วนล่างของหน้าเว็บเพจ
XML และ XBRL
 XML คืออะไร
XML ย่อมาจากคาว่า e X tensible M arkup L anguage เ็็ นภาษาที่ใช้ กาหนด
รู็แบบของคาสั่งภาษา HTML หรือที่เรียกว่า Meta Data ซึ่งจะใช้ สาหรับกาหนด
รู็แบบของคาสั่ง Markup ต่าง ๆ แต่มขี ้ อแตกต่างกับ HTML ที่เ็็ น Markup
Language ซึ่ง XML ได้ รับการพัฒนามาจาก SGML (Standard Generalized
Markup Language) ที่เ็็ นข้ อกาหนดในการสร้ างหรือจัดทาเอกสารในรู็แบบ
อิเล็กทรอนิกส์ท่กี าหนดโดย W3C หรือ World Wide Web Consortium ซึ่งเ็็ น
ภาษาที่นิยมใช้ และได้ รับการพัฒนาให้ ม็ี ระสิทธิภาพสูงสุดในการทางานบนเว็บ โดย XML
จะ็ระกอบด้ วย 3 ส่วนพื้นฐานด้ วยกัน คือ เอกสารข้อมูล (Data document) เอกสาร
นิยามความหมาย (definition document ) และ นิยามภาษา (definition
language)
 http://www.vcharkarn.com/include/article/showarticle.php?aid=
17792
 XBRL (eXtensible Business Reporting Language) เ็็ นนวัตกรรม
รู็แบบใหม่ในการรายงานงบการเงินผ่านอินเตอร์เน็ทที่ใช้ มาตรฐานและหลัก็ฏิบตั ดิ ้ านการ
รายงานทางการเงินที่ได้ รับการยอมรับเพื่อแ็ลรายงานทางการเงินให้ เ็็ นข้ อมูลที่นักลงทุนทุก
็ระเภทสามารถเข้ าถึงและนามาวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจลงทุนได้ ทนั ที
 XBRL เ็็ นภาษามาตรฐานของการรายงานงบการเงิน (Financial Reporting
Standards) แต่ไม่ใช่มาตรฐานการบัญชี (Accounting Standards) ดังนั้นการนาเอา
XBRL มา็ระยุกต์ใช้ ใน็ระเทศไทย จึงเ็็ นเพียงการจัดทาภาษาของรายงานงบการเงินให้ อยู่
ในรู็แบบมาตรฐาน เพื่อให้ สามารถนางบการเงินมาเ็รียบเทียบกันได้ ท้งั ในระดับองค์กร
ระดับอุตสาหกรรม ระดับ็ระเทศ และระดับสากลได้ โดยไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อการแก้ ไข
มาตรฐานบัญชีใน็ระเทศไทยแต่อย่างใด
 http://www.set.or.th/th/xbrl/about.html
4.3 Communication
 CDMA Network
 CDMA (Code Division Multiple Access)
 Code Division Multiple Access (CDMA) จัดเ็็ นระบบโทรศัพท์มอื ถือที่ได้ รับ
การพูดถึงมากที่สดุ ในช่วงที่ผ่านมา เทคนิคการส่งสัญญาณแบบ 'เข้ ารหัส' ชนิดนี้ ถูกมองว่า
เ็็ นเทคนิคการส่งสัญญาณสาหรับโทรศัพท์มือถือยุคอนาคต ซึ่งก็คือยุค 3G หรือคลื่นลูกที่
3 ของเทคโนโลยีการส่งข้ อมูลที่กาลังจะเกิดขึ้น
GSM (Global System for Mobile
Communications Services)
 GSM นั้นเ็็ นระบบเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเซลลูล่าร์ชนิด ดิจิตอลเซลลูล่าร์
(Digital Cellular) ซึ่งคาว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเซลลูล่าร์ หรือ Cellular
Network หรือ Cellular System นั้น หมายถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ตดิ ต่อกับ
เครือข่ายซึ่งจาแนกพื่นที่การใช้ งานโดยแบ่งเ็็ น เซลล์ (cell) ถ้ าจะเ็รียบเทียบลักษณะ
การใช้ งาน กับระบบ อนาลอกเซลลูล่าร์ (Analog Cellular) แล้ วมีข้อดีกว่ากันมาก เช่น
ความ็ลอดภัยจากการดักฟัง และด้ านการโทรข้ าม็ระเทศ หรือ International
Roaming (เพราะเนื่องจาก มาตรฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ อนาลอก ได้
ออกมมาตรฐานาจากหลาย็ระเทศ และไม่สามารถใช้ งานร่วมกันได้ ทาให้ โทรข้ ามเครือข่าย
ไ็ยัง็ระเทศอื่นไม่ได้ ) เ็็ นต้ น โดยย่อมาจาก Global System for Mobile ครับ
3GSM
 3GSM (Third-generation Global System for Mobile Communications




Services)
Cellular => GSM (CDMA) => GPRS => EDGE => WCDMA
1G
2G
2.5G
2.75G
3G
เทคโนโลยี 3G คืออะไร
3G หรื อ Third Generation เป็ นเทคโนโลยีการสื่ อสารในยุคที่ 3 อุปกรณ์การสื่ อสารยุคที่
3 นั้น จะเป็ นอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนาเสนอข้อมูล และ เทคโนโลยีในปั จจุบนั เข้าด้วยกัน เช่น
PDA โทรศัพท์มือถือ Walkman กล้องถ่ายรู ป และ อินเทอร์เน็ต
3G เป็ นเทคโนโลยีที่พฒั นาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็ นยุคที่มีการให้บริ การระบบ
เสี ยง และ การส่ งข้อมูลในขั้นต้น ทั้งยังมีขอ้ จากัดอยูม่ าก การพัฒนาของ 3G ทาให้เกิดการใช้
บริ การมัลติมีเดีย และ ส่ งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็ วที่สูงขึ้น
ลักษณะการทางานของ 3G
 เมื่อเปรี ยบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว
3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการ
รับส่ งข้อมูลที่มากกว่า ทาให้ประสิ ทธิภาพในการ
รับส่ งข้อมูลแอพพลิเคชัน่ รวมทั้งบริ การระบบ
เสี ยงดีข้ ึน พร้อมทั้งสามารถใช้ บริ การมัลติมีเดีย
ได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้น เช่น บริ การส่ ง
แฟกซ์, โทรศัพท์ต่างประเทศ ,รับ-ส่ งข้อความที่
มีขนาดใหญ่ ,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจอ
อุปกรณ์สื่อสาร, ดาวน์โหลดเพลง, ชม
ภาพยนตร์แบบสั้นๆ




SMS (Short Message Service)
Point-to-point SMS กับ cell-broadcast SMS
SIM Card
ย่อมาจาก Subscriber Indentity Module เป็ นอุปกรณ์ซ่ ึงใส่ ในเครื่ องโทรศัพท์เคลื่อนที่
เพื่อให้เครื่ องสามาถติดต่อกับเครื อข่ายได้
EDGE Network
 EDGE (Enhanced Data rates for GSM Evolution)
 EDGE - (Enhanced Data rates for Global Evolution) ทางเลือกก่อนก้ าวเข้ าสู่ยุค 3G
อย่างต่อเนื่อง และคุ้มค่า เทคโนโลยี 'EDGE' คือเทคโนโลยีท่ใี ช้ งานบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ
TDMA (Time Division Multiple Access) หรือพูดง่ายๆ คือระบบ 'GSM' นั่นเอง
(GSM คือหนึ่งในระบบ TDMA) ระบบ TDMA เ็็ นระบบการแบ่งเวลากันใช้ ในช่องสัญญาณ
เดียวกัน สามารถอธิบายการทางานง่ายๆ โดยเ็รียบช่องสัญญาณให้ เ็็ นเสมือนขนมชั้นที่ถูกวางอยู่ใน
แนวตั้ง เมื่อใดที่มีการใช้ โทรศัพท์ เครื่องโทรศัพท์แต่ละเครื่องก็จะถูกจัดสรรเวลาให้ ใช้ ภายในช่อง
ความถี่เดี่ยวกัน การใช้ วิธจี ัดสรรเวลาในระบบ TDMA มีข้อดีคือ เวลาของผู้ใช้ ทุกคนจะเท่ากันหมด
ถือว่าทุกคนมีช่องเวลาที่ชัดเจนตายตัว จึงทาให้ ง่ายต่อการจัดการข้ อมูล โดยเฉพาะเรื่องของเสียง
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้ องใช้ ส่งข้ อมูล็ริมาณมากๆ ็ัญหาด้ านความเร็วจึงได้ เกิดขึ้น (เนื่องจาก TDMA
ถูกจากัดความเร็วต่อช่องสัญญาณที่ 9.6 กิโลบิตต่อวินาทีเท่านั้น) ดังกล่าว ในเวลาต่อมา
ผู้็ระกอบการจึงหาวิธแี ก้ ็ัญหาโดยการนาเอาช่องสัญญาณหลายๆ ช่องมารวมกัน เพื่อให้ ได้ ความเร็วที่
สูงขึ้น ซึ่งนั่นคือที่มาของเทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) นั่นเอง
 แม้วา่ เทคโนโลยี GPRS จะให้ความเร็ วที่สูงกว่าเดิม แต่ GPRS ก็มีขอ้ จากัดทางด้านความเร็ วอยูด่ ี
นัน่ คือใน 1 ช่องสัญญาณ จะส่ งข้อมูลได้ 9.6 กิโลบิตต่อวินาที และเมื่อได้รวมทุกช่องสัญญาณเข้า
ด้วยกันแล้ว บนการใช้งานจริ ง GPRS ก็ยงั ให้ความเร็ วการส่ งข้อมูลสูงสุ ดที่ประมาณ 40 กิโลบิตต่อ
วินาทีเท่านั้น และด้วยความเร็วระดับนี้ แม้การส่ งข้อมูลภาพ เสี ยง หรื อข้อมูล จะสามารถจัดการได้ดี
พอสมควร หากแต่ในส่ วนของวิดีโอคลิป ความเร็ วของ GPRS ก็ยงั จัดว่าเป็ นความเร็วที่รองรับได้ไม่
สมบูรณ์อยูด่ ี ในวันนี้เอง จึงได้มีการนาเอาระบบ EDGE เข้ามา ซึ่งถือเป็ นเทคโนโลยีต่อยอดของ
GPRS และถูกเรี ยกกันว่าเทคโนโลยียคุ 2.75 G (อย่างไม่เป็ นทางการ) โดยมีความหมายในเชิง
เปรี ยบเทียบถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่อยูใ่ นช่วงกลางระหว่างยุค 2.5G และ 3G
 ในทางทฤษฎี เทคโนโลยี EDGE จะมีความเร็ วในการส่ งข้อมูลมากกว่า GPRS ประมาณ 3 เท่า
หรื อมีความเร็วสูงสุ ดประมาณ 384 กิโลบิตต่อวินาที อย่างไรก็ตาม ไม่วา่ จะเป็ น GPRS หรื อ
EDGE ก็ตาม ความเร็ วการส่ งข้อมูลที่ได้บนการใช้งานจริ งจะต่ากว่านั้น เนื่องจากข้อจากัดของระบบ
TDMA ที่ตอ้ งมีการแบ่งช่องสื่ อสารสาหรับการใช้งานด้านเสี ยงไว้ดว้ ย (Technical Limited)
ดังกล่าว บนการใช้งานจริ ง ความเร็วในการใช้งาน EDGE จึงอยูท่ ี่ประมาณ 80-100 กิโลบิตต่อ
วินาที (ประมาณ 40 กิโลบิตต่อวินาที สาหรับเทคโนโลยี GPRS)
 TDMA (Time-Division Multiple Access)
 WI-FI Network
 Wi-Fi (Wireless fidelity)
 ในอดีตนั้น การที่ คอมพิวเตอร์ หลายๆเครื่ องจะมาเชื่อมต่อกัน เพื่อประโยชน์ในการแชร์ ขอ้ มูลซึ่ ง
กันและกันหรื อ เอามาแชร์ Internet เพื่อใช้งาน (เสมือนว่า ต่อ Internet เพียงแค่เครื่ อง
เดียว เครื่ องอื่นๆที่อยูใ่ นเครื อข่ายก็สามารถใช้งาน Internet ได้ดว้ ย) ซึ่งการต่อเชื่อม
คอมพิวเตอร์หลายๆเครื่ องเข้าด้วยกันนี้ แต่เดิมจะใช้สาย Lan ต่อเข้ากับ Lan card ของเครื่ อง
คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่ องเพื่อจะเชื่อมเข้าหากัน ซึ่งการต่อแบบใช้สายนี้มนั มีค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก
แต่จะยุง่ ยากหน่อยก็ตรงที่ในบ้าน หรื อใน office ที่จะเชื่อมต่อนั้น จะต้องเดินสาย Lan
เหมือนกับเดินสายไฟภายในบ้าน ซึ่งมันก็วนุ่ มากทีเดียว
 ปัจจุบัน มีผคู ้ ิดค้นวิธีเชื่อมต่อ Lan แบบใหม่ข้ ึนมาโดยไม่จาเป็ นต้องเชื่อมโยงสายให้มน
ั
วุน่ วาย แต่คราวนี้เราจะใช้คลื่นวิทยุเชื่อมแทน หรื อ Wireless LAN นัน่ เอง
 ด้วยระบบเทคโนโลยี Lan ไร้สาย 802.11 จึงเกิดขึ้นมาโดยการพัฒนาจากสถาบันวิศวกร
ไฟฟ้ า และ อิเลคทรอนิคส์ หรื อ Institute of Electrical and Electronics
Engineering (IEEE) นัน่ เอง เลยทาให้กลายเป็ นศัพท์ใหม่ที่เห็นกันบ่อยๆว่า IEEE
802.11 ซึ่งก็ได้มีการพัฒนากันมาเรื่ อยจาก 802.11 ธรรมดา มา
เป็ น 802.11b 802.11a 802.11g ซึ่งมันจะต่างกันเรื่ องของความเร็ วในการรับส่ ง
ข้อมูลเป็ นหลัก
 Wi-Fi คืออะไร
 Wi-Fi ก็คือองค์กรหนึ่ง ที่ทดสอบผลิตภัณฑ์ Wireless Lan หรือระบบ Network แบบไร้ สาย
ภายใต้ เทคโนโลยีการสื่อสาร ภายใต้ มาตราฐาน IEEE 802.11 ว่าอุ็กรณ์ทุกตัวซึ่งต่างยี่ห้อกันนั้น
มันสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ โดยไม่มี็ัญหา หากว่าอุ็กรณ์ตัวนั้นมันผ่านตามมาตราฐานเขาก็จะ
ประทับตรา WIFI certified ซึ่งเ็็ นอันรู้กนั ว่าอุ็กรณ์ช้ ินนั้นสามารถติดต่อสื่อสารกับอุ็กรณ์ตัว
อื่นที่มีตรา WIFI certified นี้ได้ เช่นกัน แต่ทาไ็ทามามันกลายเ็็ นคาศัพท์สาหรับอุ็กรณ์ Lan
ไร้ สายไ็โดย็ริยาย จนบางคนก็เรียกกันติด็าก เช่น Notebook ตัวนี้ หรือ PDA ตัวนี้มันมี
WiFi ด้ วย! นั่นก็หมายความว่า อุ็กรณ์ช้ ินนั้นมันสามารถติดต่อสื่อสารกับเครื่องตัวอื่นในระบบ
Network แบบไร้ สายได้ โดยอยู่ภายใต้ มาตราฐานเทคโนโลยี 802.11
 แล้ ว WiFi กับ Bluetooth มันเหมือนกันไหม?
 สองอย่างนี้มนั คล้ายๆกัน ถึงแม้วา่ Bluetooth กับ Wi-Fi มันจะเป็ นการติดต่อเพื่อสร้างระบบ
Network เล็กๆโดยการเชื่อมโยงอุปกรณ์ต้ งั แต่สองตัวเข้าหากัน แต่การใช้งานของ Bluetooth กับ
Wi-Fi นั้นมันต่างกันมาก แม้วา่ เทคโนโลยีของ Wi-Fi กับ Bluetooth มันจะใช้ความถี่คลื่น
เดียวกันที่ 2.4 GHz และ Bluetooth กับ Wi-Fi มันก็ไม่สามารถใช้งานร่ วมกันได้
 Bluetooth เป็ นการเชื่อมต่ออุปกรณ์สองตัวเข้าหากันด้วยความถี่คลื่นที่ 2.4 GHz ซึ่ งมีระยะ
การทางานที่ส้ นั มากคือได้ประมาณ 30 ฟุตเป็ นอย่างมากในที่โล่ง จุดประสงค์ที่เขาสร้าง Bluetooth
ขึ้นมาก็เพื่อมาแทนที่สายไฟที่ระเกะระกะ ในการเชื่อมโยงอุปกรณ์สองตัวเข้าหากัน เช่น Palm กับ
โทรศัพท์มือถือ หรื อ โทรศัพท์มือถือ กับ Small talk ข้อจากัดของ Bluetooth นอกจากเรื่ องของ
ระยะทางที่ส้ นั แล้วเรื่ องของความเร็วในการรับส่ งข้อมูลก็ยงั ต่ากว่า Wi-Fi อีกด้วย หากเอามาใช้งาน
การส่ งข้อมูลไม่มาก เช่น เอามาใช้ Hotsync กับเครื่ อง Palm หรื อ Beam file จากเครื่ องหนึ่งไป
อีกเครื่ อง เท่านี้คงจะไม่รู้สึกเท่าไร แต่หากจะเอา PC สองตัวมาทาระบบ Network โดยใช้
Bluetooth แล้ว จะเห็นถึงความอืดอย่างชัดเจน เช่นลองทดสอบโอนไฟล์จาก PC เครื่ องหนึ่งไปยัง
อีกเครื่ องหนึ่ง จะใช้เวลานานมาก สรุ ปง่ายๆ ก็คือว่า Bluetooth เหมาะสาหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์
Device เล็กเข้ากัน ด้วยระยะทางเพียงสั้นๆ เพื่อสร้าง Network แบบกระจุ๋มกระจิ๋มส่ วนตัวที่
ภาษาอังกฤษเขาเรี ยกว่า PAN ( Personal area network )
 อ่าน IT at Work 4.4 “Wi-Fi Mesh Networks, Google talk and
Interoperability
Mobile and
Wireless
Infrastructure
WiMax Communication
Network
มาดู Components ที่เราใช้งาน….
 Cell (Mobile) Phone และ Smart Phone
 Cell phone คือ Mobile multimedia tool
 Smart Phone คือ Internet enable phone ทีส่ ามารถใช้กบั high speed EDGE network
ได้ โดยทัวไปจะ
่
 สนับสนุ น business –focused application เช่น word processing, expense reporting เป็ นต้น
 มี PDA functionality คือสามารถใช้งานร่วมกับ PC ได้ เช่น ใช้ cable, bluetooth, infrared,
wireless เป็ นต้น
 รองรับ E-mail และ Instant message
 สนับสนุ น VPN
 Personal Digital Assistants (PDA)
 อ่านเพิม่ เติมใน A Close Look 4.3 “PDA as a Business Continuity Tool”
 Tablet PCs หรือบางทีเรียก Pen-based computing
 Instant Message (IM) และ ICQ
 Converged Devices
 อ่านเพิม่ เติมใน IT at Work 4.5 “Mobile TV Broadcast to Mobile Devices Became a
Reality at 2006 World Cup” page 141
 VOIP
 Internet Telephone หรื อ VoIP
(Voice Over Internet Protocol)
 อ่านเพิม่ เติมใน A Close Look 4.4
“VoIP for Competitive
Advantage” page 143
 หลักการพืน
้ ฐานของเครือข่ายไอพี
เครือข่ายไอพี (Internet Protocol) มีพฒ
ั นามาจากรากฐานระบบการสือ่ สารแบบ
แพ็กเก็ต โดยระบบมีการกาหนดแอดเดรส ทีเ่ รียกว่า ไอพีแอดเดรส จากไอพี
แอดเดรสหนึ่ง ถ้าต้องการส่งข่าวสารไปยังอีกไอพีแอดเดรสหนึ่ง ใช้หลักการบรรจุ
ข้อมูลใส่ใน แพ็กเก็ต แล้วส่งไปในเครือข่าย ระบบการจัดส่งแพ็กเก็ตกระทาด้วย
อุปกรณ์สอ่ื สารจาพวกเราเตอร์ มีหลักพืน้ ฐานการส่งแบบ ไปรษณียส์ มัยเก่า บาง
ทีเ่ ราจึงเรียกการส่งแบบนี้วา่ ดาต้าแกรม
 การสือ่ สารแบบไอพีแพ็กเก็ต จะเป็ นการส่งแพ็กเก็ตเข้าไปในเครือข่าย โดยไม่ม ี
การประกันว่า แพ็กเก็ตนัน้ จะถึงปลายทาง เมือ่ ไร ดังนัน้ รูปแบบของเครือข่ายไอพี
จึงไม่เหมาะสมกับการสือ่ สารแบบต่อเนื่อง เช่น ส่งเสียง หรือวิดโี อ
 เมื่อจะส่งสัญญาณเสียง
 ครัง้ เมือ่ มีเครือข่ายไอพีกว้างขวางและเชือ่ มโยงกันมากขึน้ ความต้องการส่งสัญญาณข้อมูลเสียง
ทีไ่ ด้คุณภาพก็เกิดขึน้ สิง่ ทีส่ าคัญ คือระบบประกันคุณภาพการสือ่ สาร โดยจัดลาดับความสาคัญ
หรือจองช่องสัญญาณไว้ให้ก่อน ระบบการสือ่ สารในรูปแบบใหม่น้ี จะต้องกระทาโดยเราเตอร์
 การส่งเสียงบนเครือข่ายไอพี หรือเรียกว่า VoIP-Voice Over IP เป็ นระบบทีน
่ าสัญญาณข้อมูล
เสียงมาบรรจุลงเป็ นแพ็กเก็ต ไอพี แล้วส่งไปโดยทีเ่ ราเตอร์มวี ธิ กี ารปรับตัวเพือ่ รับสัญญาณแพ็ก
เก็ต และยังแก้ปญั หาบางอย่างให้ เช่น การบีบอัดสัญญาณเสียง ให้มขี นาดเล็กลง การแก้ปญั หา
เมือ่ มีบางแพ็กเก็ตสูญหาย หรือได้มาล่าช้า
 ระบบ VoIP เป็ นระบบทีน
่ าสัญญาณเสียงทีผ่ า่ นการดิจไิ ตซ์ โดยหนึ่งช่องเสียงเมือ่
แปลงเป็ นข้อมูลจะมีขนาด 64 กิโลบิตต่อ วินาที การนาข้อมูลเสียงขนาด 64 Kbps นี้
ต้องนามาบีบอัด โดยทัวไปจะเหลื
่
อประมาณ 10 Kbps ต่อช่องสัญญาณเสียงแล้วจึง
บรรจุลงในไอพีแพ็กเก็ต เพือ่ ส่งผ่านทางเครือข่ายไอพี
 การสือ่ สารผ่านทางเครือข่ายไอพีตอ้ งมีเราเตอร์ทท
่ี าหน้าทีพ่ เิ ศษเพื่อประกันคุณภาพ
ช่องสัญญาณไอพีน้ี เพือ่ ให้ขอ้ มูลไปถึง ปลายทางหรือกลับมาได้อย่างถูกต้อง และ
อาจมีการให้สทิ ธิพเิ ศษก่อนแพ็กเก็ตไอพีอ่นื เพือ่ การให้บริการทีท่ าให้เสียงมีคุณภาพ
 จากระบบดังกล่าวนี้เอง จึงสามารถนามาประยุกต์ใช้กบั ระบบเชื่อมโยงเครือข่าย
โทรศัพท์ระหว่างองค์กร โดยองค์กรสามารถ ใช้ระบบสือ่ สารทางโทรศัพท์ผา่ นทาง
เครือข่ายไอพี
WLAN (Wireless Local Area Network)
 WIMAX
 WiMAX เ็็ นชื่อเรียกเทคโนโลยีไร้ สายรุ่นใหม่ล่าสุดที่คาดหมายกันว่าจะถูกนามาใช้ งานใน
อนาคตอันใกล้ น้ ี โดย WiMAX เ็็ นชื่อย่อของ Worldwide Interoperability for
Microwave Access ซึ่งเ็็ นเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้ สายความเร็วสูงรุ่นใหม่ท่ถี ูกพัฒนาขึ้น
มาบนมาตรฐาน IEEE 802.16 ซึ่งต่อมาก็ได้ พัฒนามาตรฐาน IEEE 802.16a ขึ้น โดยได้
อนุมัติออกมาเมื่อเดือนมกราคม 2004 โดยสถาบันวิศวกรรมไฟฟ้ าและอิเล็กทรอนิกส์ หรือ
IEEE (Institute of Electrical and Electronics Engineers) ซึ่งมีรัศมีทาการที่
30 ไมล์ หรือเ็็ นระยะทาง็ระมาณ 48 กิโลเมตร ซึ่งนั่นหมายความว่า WiMAX สามารถ
ให้ บริการครอบคลุมพื้นที่กว้ างกว่าระบบโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G มากถึง 10 เท่า
ยิ่งกว่านั้นก็ยังมีอตั ราความเร็วในการส่งผ่านข้ อมูลสูงสุดถึง 75 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) ซึ่ง
เร็วกว่า 3G ถึง 30 เท่าทีเดียว
4.4 Messaging and Collaboration
 Collaboration หมายถึง การทาบางสิ่งบางอย่างร่ วมกันตั้งแต่สองคนหรือมากกว่า การ




ดาเนินงานนั้นๆ เ็็ นไ็เพื่อให้ งานที่กาหนดเสร็จลุล่วงไ็
Work group หมายถึง สองคนหรือมากกว่ามาทางานบางอย่างร่วมกัน จะเ็็ นการร่ วม
กันแบบถาวรหรือชั่วคราวก็ได้
Virtual group (team) หมายถึง กลุ่มทางานกลุ่มหนึ่งที่สมาชิกอยู่ต่างสถานที่กนั แต่
พบ็ะกันผ่านทางอิเลคทรอนิคส์
รู็แบบการร่วมมือกันอีกสองแบบที่น่าสนใจคือ
Flash mob เ็็ นกลุ่ม มักมีขนาดใหญ่ บางทีส่งเสียงดัง มักสนุกสนาเฮฮาและเ็็ น การ
รวมกันในโอกาสพิเศษออกไ็ เ็็ นการรวมกันอย่างรวดเร็วในเรื่องๆหนึ่ง ซึ่งไ็ ทาง
เดียวกัน มีลักษณะรวมกันเร็วแล้ วแยกกันเร็ว
Collaboration cont…
 Smart mobs เ็็ นกลุ่มจัดตั้งของ็ระชาชนผู้ใช้ เทคโนโลยี เช่น โทรศัพท์มือถือ และ
อินเตอร์เน็ต เพื่อทาการรวมกลุ่มและดาเนินกิจกรรม
 Virtual Collaboration
 Virtual collaboration หรือ e-collaboration คือ การใช้ digital
technologies เพื่อให้ องค์กรหรือกลุ่มบุคคลต่างๆร่วมมือกันวางแผน ออกแบบ พัฒนา
บริหาร และ ทาการ วิจัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือการให้ บริการต่าง ๆ รู็แบบ IT ใหม่ๆ
การ็ระยุกต์ใช้ EC
 Collaborative commerce หมายถึง การร่ วมมือกันระหว่างหุ้นส่วนทางธุรกิจต่าง ๆ
Some types and examples of virtual
collaboration
 Collaboration Networks หมายถึง การเข้ ามาร่ วมมือกันระหว่างสมาชิกต่าง ๆ




ของ supply chain มีจานวนมากที่ทางานใกล้ ชิดกัน (เช่น โรงงานผู้ผลิตและผู้กระจาย
สินค้ าของเขา หรือ ผู้กระจายสินค้ ากับผู้ค้ารายย่อยเ็็ นต้ น)
อ่านเพิ่มเติมใน
Information Sharing between Retailers and Their Suppliers, page
145
ไปจนถึง…..
Reduction of Product development Time, page 146
4.
The Nature of Group Work
 Group Decision Processes
 สมาชิกของกลุ่มอยูต่ ่างที่ และทางานต่างเวลากัน
 สมาชิกของกลุ่มอาจทางานในองค์กรเดียวกันหรื อต่างกัน
 กลุ่มอาจถูกบริ หารในระดับเดียว หรื อ ขยายออกเป็ นหลายระดับ
 การทางานในกลุ่มอาจประสานงานกันดี หรื อ เกิดข้อขัดแย้ง
 อาจได้ผลิตผลเพิ่มจากการทางานเป็ นกลุ่มหรื อไม่ได้เพิ่มขึ้น
 อาจต้องการข้อมูล สารสนเทศ หรื อ องค์ความรู ้ จากหลายแหล่ง อาจมาจากนอกองค์กร
 อาจต้องการผูช้ านาญการที่อยูภ่ ายนอกกลุ่ม
 กลุ่มอาจทางานหลายงาน แต่กลุ่มผูบ้ ริ หารและนักวิเคราะห์จะมุ่งเน้นไปที่การตัดสิ นใจ
Improving Meeting Processes and Small Group Dynamic อ่านเพิ่มเติมใน IT at Work 4.6
“Virtial Teams at Sabre, Inc.” page 148
Collaboration- Enabling tools: From
Workflow to Groupware
 1) Workflow Technologies
 Workflow คือ การเคลื่อนที่ของสารสนเทศในเชิงการไหลผ่านขั้นตอนต่างๆ ที่เรียง
ลาดับกันไ็ นามาช่วยในการทา work procedure ขององค์กรหนึ่ง ๆ
 Workflow management คือ work flow แบบอัตโนมัติ ที่ซ่งึ เอกสารต่าง ๆ
สารสนเทศ หรือ งานต่างๆ ที่ว่งิ ผ่านผู้ร่วมงานคนหนึ่งไ็ยังคนอื่นๆ ในทุกๆ ขั้นตอนตลอด
ทั่วทั้ง กระบวนการทางธุรกิจ (กล่าวง่าย ๆ ก็คอื การส่งผ่านเอกสารเ็็ นไ็อย่างอัตโนมัติ
โดยอาศัยคอมพิวเตอร์และระบบโครงข่ายนั่นเอง)
 Workflow Systems Business process หมายถึง เครื่องมืออัตโนมัตต
ิ ่างๆที่
เกี่ยวข้ องกับ กระบวนการทางธุรกิจ ที่มอี ยู่ในมือ ของผู้ใช้ ในแผนกต่าง ๆ เพื่อใช้ ควบคุม
ระบบให้ เ็็ นไ็ตามต้ องการ
ตัวอย่างของ Work flow management
process
Groupware
 หมายถึง ผลิตภัณฑ์ทางซอฟท์แวร์ต่าง ๆ (Software products) ที่ใช้ สนับสนุนกลุ่มคน
ที่ร่วมมือทางานในเรื่องเดียวกัน หรือ เพื่อวัตถุ็ระสงค์เดียวกัน และ ทาให้ เกิดหนทาง
เพื่อให้ กลุ่มใช้ ทรัพยากรต่างๆ ร่วมกัน
 ความหมายโดยอ้ อมของกรุ๊็แวร์ คือ การใช้ โครงข่ายเชื่อมต่อผู้คนเข้ าด้ วยกัน (แม้ ว่าจะ อยู่
ในห้ องเดียวกันก็ตาม)
 กรุ๊็แวร์มท
ี ้งั ที่ใช้ บน internet และ intranet จึงทาให้ คนจานวนมากทั่วโลกทางานร่วม
กันได้
 ผลิตภัณฑ์ด้านกรุ๊็แวร์ท่ใี ช้ กน
ั ทั่วๆไ็ได้ แก่
Groupware cont…
 Electronic Meeting Systems ระบบเหล่านี้เ็็ นส่วนสาคัญในการร่ วมมือกันแบบ
virtual โดยการ็ระชุมจะเ็็ นแบบ Virtual Meetings หมายถึง การ็ระชุมที่สมาชิก
ต่างๆ อยู่คนละที่ การ็ระชุมกระทาผ่านระบบอิเล็คทรอนิคส์
 Electronic Teleconferencing Teleconferencing คือ การใช้ การสื่อสารแบบ
อิเล็คทรอ นิคส์ท่ที าให้ คอนสองคนหรือมากกว่า(ซึ่งอยู่ต่างพื้นที่กนั )สามารถ็ระชุมกันได้
เสมือนอยู่ในห้ อง็ระชุมเดียวกัน ็ัจจุบนั นี้ ระบบ teleconferencing มีหลายแบบด้ วย
กัน ได้ แก่:
 1) Video teleconferenceVirtual meeting ที่ผ้ ็
ู ระชุมด้ านหนึ่งสามารถมองเห็น
และ ได้ ยินผู้ร่วม็ระชุมอื่นๆจากที่อ่นื และสามารถใช้ ข้อมูลรู็ภาพต่างๆผ่านทางสื่ออิเลค
ทรอนิคส์ต่าง ๆ
Groupware cont…
 Data conferencing คือ Virtual meeting ซึ่งข้ อมูล รู็ภาพ และ แฟ้ มข้ อมูล
คอมพิว เตอร์ต่างๆ ถูกส่งในเชิงอิเล็คทรอนิคส์ ทาให้ กลุ่มต่างๆ ที่กระจายอยู่ต่างภูมิ
็ระเทศ กัน สามารถทาโครงงานเดียวกันและสื่อสารกันได้
 Web conferencing คือ Video teleconferencing ซึ่งทางานบน Internet (ไม่
ใช้ สายโทรศัพท์)
 Real-time collaboration (RTC) Tools ช่วยให้ บริษัทต่างๆ ใช้ เ็็ นสะพาน
เชื่อมต่อ ของเวลาและสถานที่เพื่อทาการตัดสินใจต่างๆ และ ร่วมมือกันในโครงงานต่าง ๆ
RTC tools ช่วยสนับสนุน synchronous communication ทางด้ านสารสนเทศ
เชิงรู็ ภาพและข้ อคความต่างๆ ตัวอย่างของเครื่องมือเหล่านี้ได้ แก่
Groupware cont…
 Interactive Whiteboards ทางานเหมือน whiteboard ของจริง เขียนได้ ลบได้
แต่ แทนที่ต้องใช้ คนคนหนึ่งมายืนอยู่หน้ ากระดานหน้ าห้ อง็ระชุมเพื่อเขียนหรือลบ เราใช้
คอมพิวเตอร์ทาแทน ดังนั้นผุ้ร่วม็ระชุมสามารถเข้ ามามีส่วนร่วมได้ ทุกคน
 Screen Sharing software ยอมให้ สมาชิกต่างๆในกลุ่มทางานบนเอกสารตัวเดียว
กัน โดยมันถูกแสดงอยู่บนจอภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ของสมาชิดแต่ละคน
 Instant video คือรู็แบบหนึ่งของ real time chat room ซึ่งยอมให้ ท่านเห็นคนที่
ท่านกาลังสื่อสารด้ วย
Groupware cont…
 Groupware Suites: Groupware technology ต่างๆที่มกั ถูกนามารวมกับ
เทคโนโลยี อื่นๆ ที่ใช้ บนคอมพิวเตอร์ (หลายๆผลิตภัณฑ์ถูกรวมอยู่ในระบบเดียว) เช่น
Lotus Notes/ Domino
4.5 Social and Ethical Issues
 มีเรื่ องสาคัญสองประการที่ผบ
ู้ ริ หารจะต้องรับรู้ คือ Social Networking กับ Ethics
 Social Network คือที่ซ่ ึ งผูค้ นสามารถสร้างพื้นที่ส่วนตัว หรื อ home page ที่เขา
สามารถเขียน blog โพสต์รูป เพลง วิดีโด หรื อ แบ่งปั นความคิด และ เชื่อมต่อไปยัง Web อื่น
ๆ ที่เขาสนใจได้
 คาถามคือ เขาจะทาในที่ทางานได้หรื อไม่ ?!?
 อ่านเพิม่ เติมใน IT at Work 4.6 “Internet 2007 – Life in the Connected
World” page 152
4.6 Managerial Issue
 Organizational Impact
 เทคโนโลยีที่สนับสนุนการสื่ อสารย่อมส่ งผลกระทบต่อองค์กรหลายด้าน ผลประโยชน์ทางธุรกิจ




ของการสื่ อสารในโครงข่ายและmobile คือ ให้พนักงานติดต่อกันได้ โดยอาศัย mobile และ
collaboration technology
Future of Technology support
5 ปี ที่ผา่ นมา เราให้ PC + Laptop + notebook + PDA ต่อไปจะมองในเชิง
Connectivity, communication และ collaboration
Extending organizational boundaries
Extranet เชื่อมต่อธุรกิจของเรากับลูกค้าและ Supply chain จึงต้องการโครงข่ายที่มีแบนด์
วิดธ์มากขึ้น รวมทั้ง collaborative networking solution ต่าง ๆ
 Virtual work
่ ี่
 พนักงานสามารถทางานร่ วมกันได้ง่ายขึ้นในเชิง real-time โดยไม่จาเป็ นต้องรู ้วา่ เขาอยูท
ใด
 Single view of the truth
 ทุก ๆ ส่ วนต้องการสารสนเทศมาจากแหล่งเดียว เช่น Information Silo
จบหัวข้อที่ 4
 คาถาม ………..