บทที่ 2

Download Report

Transcript บทที่ 2

ความหมายและประเภทของสถิต ิ
อาจารย ์ ดร.ศุกรี อยูสุ
่ ข
ประเภทของสถิต ิ
• สถิตพ
ิ รรณา
Descriptive Statistics
เกีย
่ วของกั
บการอธิบายและสรุปลักษณะขอมู
้
้ ล
โดยรวม ซึง่ อาจเก็บมาจากกลุมตั
อ
่ วอยางหรื
่
ประชากร ไมใช
่ างอิ
งถึงขอมู
่
่ ้เป็ นขอมู
้ ลทีอ
้
้ ลอืน
เป็ นเพียงเพือ
่ อธิบายลักษณะของตัวมันเอง
สถิตบ
ิ รรยายทีใ่ ช้ในงานวิจย
ั เช่น การแจกแจง
ความถี่ ร้อยละ
การวัดแนวโน้มเขาสู
้ ่
ส่วนกลาง
การวัดการกระจาย เป็ นตน
้
ประเภทของสถิต ิ
• สถิตอางอิ
งหรือสถิตอ
ิ นุ มาน Inferential
้
Statistics
อธิบายขอมู
้ ลทีเ่ ก็บมาจากประชากรเพียง
บางส่วน (ตัวอยาง)
เพือ
่ อางถึ
งประชากร
่
้
ทัง้ หมด มักเป็ นสถิตใิ นเชิงวิจย
ั
การใช้สถิตอ
ิ างอิ
งทาได้ 2 ลักษณะ คือ การ
้
ประมาณคาประชากร
และการทดสอบ
่
สมมติฐาน
ระเบียบวิธก
ี ารทางสถิต ิ
1. การเก็บรวบรวมขอมู
้ ล (Data collection)
เป็ นการรวบรวมขอมู
้ ลจากแหลงข
่ อมู
้ ลตามทีไ่ ด้
มีการวางแผนไว้ ซึง่ อาจเป็ นไดทั
้ ง้ ขอมู
้ ลปฐม
ภูม ิ หรือทุตย
ิ ภูม ิ
2. การนาเสนอขอมู
้ ล (Data presentation)
เป็ นการจัดทาขอมู
้ ลทีร่ วบรวมไดให
้ ้อยูใน
่
รูปแบบทีก
่ ะทัดรัด เช่น ตาราง กราฟ
แผนภูม ิ ขอความ
เป็ นตน
่ ความสะดวก
้
้ เพือ
ในการอานข
อมู
าย
และเพือ
่
่
้ ล ให้เขาใจง
้
่
ประโยชนในการวิ
เคราะหต
์
์ อไป
่
ระเบียบวิธก
ี ารทางสถิต ิ
3. การวิเคราะหข
์ อมู
้ ล (data analysis)
เป็ นขัน
้ ตอนการประมวลผลขอมู
้ ล ซึง่ ในการ
วิเคราะหจ
ิ างๆ
หรือ
์ าเป็ นตองใช
้
้สูตรทางสถิตต
่
ใช้การอางอิ
งทางสถิต ิ ขึน
้ กับวัตถุประสงคของ
้
์
งานนั้นๆ เช่น การวิเคราะหแนวโน
์
้ มเขาสู
้ ่
ส่วนกลาง
การวัดการกระจาย
การ
ทดสอบสมมติฐาน
การประมาณคา่ เป็ นตน
้
4. การแปลความหมาย (interpretation)
เป็ นขัน
้ ตอนของการนาผลการวิเคราะหมา
์
อธิบายให้บุคคลทัว่ ไปเขาใจ
อาจจาเป็ นต้องมี
้
ประชากร
• ประชากร (population) หมายถึง ขอบเขตของ
ขอมู
้ ลทัง้ หมดทีเ่ รากาลังทาการศึ กษา หรืออาจ
หมายถึง กลุมของสิ
่ งของทัง้ หมดทีใ่ ห้ข้อมูล
่
ตามทีเ่ ราตองการศึ
กษา เช่น ศึ กษาเกีย
่ วกับ
้
จานวนวัวในจังหวัดแพร่ หรือไกพื
้ เมืองใน
่ น
เขตภาคเหนือเป็ นตน
้
• ลักษณะของประชากรทีศ
่ ึ กษา อาจมีจานวน
จากัด (finite population) ดังตัวอยางข
างต
น
่
้
้
หรืออาจมีจานวนอนันต ์ (infinite population)
เช่น การศึ กษาเกีย
่ วกับประสิ ทธิภาพของยา
พารามิเตอร ์ (parameter)
คาที
่ ระมวลไดจากข
อมู
่ ป
้
้ ลทัง้ หมดของประชากร
โดยวิธก
ี ารทางสถิต ิ นิยมใช้สั ญลักษณอั
์ กษรกรีซ
แทน เช่น
• คาเฉลี
ย
่ ของประชากร แทนดวย
 อานว
า่
่
้
่
มิว (mu)
• ส่วนเบีย
่ งเบนมาตรฐานของประชากร แทน
ดวย
 อานว
า่ ซิกมา่ (sigma)
้
่
• คาสั
แทน
่ มประสิ ทธิส์ หสั มพันธของประชากร
์
ดวย
 อานว
า่ โร (rho)
้
่
ตัวอยาง
่
• ตัวอยาง
(Samples) ส่วนหนึ่งของประชากร
่
ซึง่ ถูกเลือกมาศึ กษา เนื่องจากในบางครัง้ พบวา่
การ ศึ ก ษ าบาง อย่ าง ไม่ อ าจท าทั้ ง ห มด ข อ ง
ประชากรได้ เพราะต้ องเสี ยค่ าใช้ จ่ ายมาก
เ สี ย เ ว ล า อ า จ ห า ป ร ะ ช า ก ร ทั้ ง ห ม ด ไ ม่ ไ ด้
หรือ ไม่สามารถกระท ากับ ประชากรทั้ง หมดได้
จึงจาเป็ นตองเลื
อกตัวอยางมาศึ
กษา
้
่
คาสถิ
ต ิ (statistic)
่
คาที
่ ระมวลไดจากข
อมู
โดย
่ ป
้
้ ลของตัวอยาง
่
วิธก
ี ารทางสถิต ิ เช่น
• คาเฉลี
ย
่ ของตัวอยาง
แทนดวย
X
่
่
้
• ส่วนเบีย
่ งเบนมาตรฐานของตัวอยาง
แทนดวย
่
้
S
• คาสั
วอยาง
แทน
่ มประสิ ทธิส์ หสั มพันธของตั
์
่
ดวย
r
้
ความสั มพันธ์ระหว่างพารามิเตอร์กับค่าสถิต ิ และ
กระบวนการทางสถิตท
ิ ใี่ ช้ในการอธิบาย
ประชากร
คาพารามิ
เตอร ์
่
กลุมตั
่ วอยาง
่
คาสถิ
ติ
่
X, S, S2
สถิตบ
ิ รรยาย หรือสถิต ิ
เชิงพรรณนา
(Descriptive statistics)
สถิตอ
ิ างอิ
ง หรือสถิต ิ
้
เชิงอนุ มาน
(Inferential statistics)
 , ,
2
สถิตพ
ิ น
ื้ ฐานทีใ่ ช้ในการวิเคราะหข
้ ล
์ อมู
• การแจกแจงความถี่
เป็ นการนาขอมู
ด
้ ลทีเ่ ก็บรวบรวมไดมาจั
้
หมวดหมูให
ปทีแ
่ สดงลักษณะโดย
่ ้อยูในรู
่
ส่วนรวมของขอมู
่ ให้สามารถวิเคราะห ์
้ ล เพือ
ข้อมูลตอไปได
่
้
สถิตพ
ิ น
ื้ ฐานทีใ่ ช้ในการวิเคราะหข
้ ล
์ อมู
• การแจกแจงความถีเ่ ชิงคุณภาพ
ระดับการศึ กษา
ไมได
่ รั
้ บการศึ กษา
ประถม
มัธยมตน
้
มัธยมปลาย
ปริญญาตรี
หรือสูง
กวา
จานวน
(ราย)
21
109
6
3
1
รอยละ
้
15.0
77.9
4.3
2.1
0.7
สถิตพ
ิ น
ื้ ฐานทีใ่ ช้ในการวิเคราะหข
้ ล
์ อมู
• การแจกแจงความถีเ่ ชิงปริมาณ
ระดับอายุ
ไมเกิ
่ น 40 ปี
41-50 ปี
51-60 ปี
61-70 ปี
มากกวา่ 70 ปี
รวม
จานวน
(ราย)
4
19
26
31
60
140
รอยละ
้
2.9
13.6
18.6
22.1
42.9
100.0
สถิตพ
ิ นื ้ ฐานที่ใช้ ในการวิเคราะห์ ข้อมูล
• ค่ าสัดส่ วน ร้ อยละ และอัตราส่ วน
เป็ นการเปรียบเทียบจานวนข้ อมูลแต่ ละกลุ่มกับจานวนข้อมูล
ทัง้ หมด ค่ าร้ อยละเป็ นค่ าที่ได้ จากการนาสัดส่ วนไปคูณด้ วย 100
และค่ าอัตราส่ วนเป็ นค่ าที่ได้ จาการเปรียบเทียบระหว่ างจานวน
ตัง้ แต่ สองกลุ่มขึน้ ไป
สถิตพ
ิ น
ื้ ฐานทีใ่ ช้ในการวิเคราะหข
้ ล
์ อมู
• การวัดคากลาง
่
เป็ นการหาคาที
่ เ่ ป็ นตัวแทนของขอมู
้ ลชุด
นั้นๆ ซึง่ เป็ นศูนยกลางของการกระจาย
์
สามารถนามาใช้ประโยชนในการเปรี
ยบเทียบ
์
ข้อมูล เช่น การหามัชฌิมเลขคณิต
มัธย
ฐาน และฐานนิยม
สถิตพ
ิ น
ื้ ฐานทีใ่ ช้ในการวิเคราะหข
้ ล
์ อมู
• การวัดการกระจาย
เป็ นการแสดงให้เห็ นวาค
่ าของข
่
้อมูลมีความ
แตกต่ างกั น มากน้ อยเพี ย งใด การวั ด การ
กระจายท าได้ หลายวิ ธ ี เช่ น การหาพิ สั ย
ส่วนเบีย
่ งเบนมาตรฐาน ความแปรปรวน และ
สั มประสิ ทธิค
์ วามผันแปร
การประมาณคา่
• วิธก
ี ารใช้ค่าสถิต ท
ิ ไ
ี่ ด้จากตัว อย่างไปประมาณ
คาพารามิ
เตอร ์
เป็ นการหาข้อสรุปทีเ่ กีย
่ วกับ
่
พารามิเตอร ์ ในลักษณะของการประมาณ ซึ่ง
มักแสดงในรูปตัวเลข เช่น ประมาณคาเฉลี
ย
่
่
ของประชากร
ประมาณค่ าสั ดส่ วนของ
ประชากร
• การประมาณคาแบบจุ
ด เป็ นตัวเลขประมาณคา่
่
เดี ย ว เรี ย กเป็ น ค่ าประมาณ (Estimate)
เช่น ประมาณคาเฉลี
ย
่ ผลผลิตนมของวัวนมใน
่
ตาบลแมทราย
เทากั
่
่ บ 19.56 กก./วัน
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
สมมติฐาน (Hypothesis) คือ คาตอบที่
คาดคะเนไวล
้ วงหน
่
้ า และคาตอบนี้ไดมาจาก
้
หลักการทางเหตุผล ซึง่ มาจากความรูเดิ
้ ม
ประสบการณ ์ เอกสาร ตารา หรือทฤษฎีท ี่
เกีย
่ วของ
้
สมมติฐานการวิจย
ั
คือ ความเชือ
่ ของผูวิ
ั วา่
้ จย
เรือ
่ งทีส
่ นใจศึ กษาจะมีลก
ั ษณะอยางใดอย
าง
่
่
หนึ่ง
ความเชือ
่ นั้นจะเป็ นจริงหรือไมก็
่ ได ้
เช่น ผูวิ
ั เชือ
่ วา่ การใช้ยา A ผสมในอาหาร
้ จย
จะช่วยป้องกันโรคบิดในไกกระทงได
อย
่
้ างมี
่
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การตัง้ สมมติฐาน
ต้องตัง้ สมมติฐาน ๒ ประเภทควบคูกั
่ น
๑. สมมติฐานวาง
(Null hypothesis, Ho) คา
่
กลาวอ
างที
แ
่ สดงความเทากั
่ วกับความเชือ
่
่
้
่ นเกีย
ของการทดสอบ เช่น อาหารสุกรทีร่ ะบุขาย
วา่ นน.บรรจุถุงละ ๓๐ กก. ผู้ซือ
้ ไมแน
่ ่ ใจ
วานน.ของอาหารที
ซ
่ อ
ื้ มาตรงกับทีก
่ าหนดไว้
่
หรือไม่ จึงต้องชัง่ เพือ
่ ทาการทดสอบ ดังนั้น
สมมติฐานวาง
ต้องกาหนดให้เทากั
่
่ บ ๓๐
กก. เขียนไดว
้ า่
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การตัง้ สมมติฐาน
๒. สมมติฐานทางเลือก (Alternative
hypothesis, HA หรือ H1) คากลาวอ
างที
แ
่ สดง
่
้
ความไมเท
่ วกับความเชือ
่ ของการ
่ ากั
่ นเกีย
ทดสอบ เป็ นคากลาวที
ข
่ ด
ั แยงกั
่
้ บสมมติฐานวาง
่
เช่น อาหารสุกรบรรจุถุงละ ๓๐ กก. ผู้ซือ
้ คิด
วา่ นน.ของอาหารทีซ
่ อ
ื้ มาไมเท
่ ากั
่ บ ๓๐
กก. สมมติฐานทางเลือก ต้องเขียนวา่
HA :  ≠ ๓๐
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การเขียนสมมติฐานทางสถิต ิ
๑.
การเขียนสมมติฐานทางสถิตเิ ชิงปริมาณ
๑.๑ กรณีศึกษาจากประชากรกลุมเดี
่ ยว
- ผู้วิจย
ั เชือ
่ วา่ ราคาขาวเปลื
อกในจ.แพรไม
้
่ ่
เทากั
่ บเกวียนละ ๕,๐๐๐ บาท
HO :  = ๕,๐๐๐
HA :  ≠ ๕,๐๐๐
 คือ ราคาขาวเปลื
อกตอเกวี
ยน
้
่
ในจ.แพร่
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
๑.
การเขียนสมมติฐานทางสถิตเิ ชิงปริมาณ
๑.๑ กรณีศึกษาจากประชากรกลุมเดี
่ ยว
- ผู้วิจย
ั เชือ
่ วา่ ปริมาณสุกรทีผ
่ ลิตไดต
้ อปี
่ ในจ.
นครปฐม มีจานวนมากกวา่ ๒๐๐,๐๐๐ ตัว
HO :  = ๒๐๐,๐๐๐
HA :  > ๒๐๐,๐๐๐
 คือ ปริมาณสุกรทีผ
่ ลิตไดต
้ อปี
่ ในจ.
นครปฐม
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
๑.
การเขียนสมมติฐานทางสถิตเิ ชิงปริมาณ
๑.๑ กรณีศึกษาจากประชากรกลุมเดี
่ ยว
- ผู้วิจย
ั เชือ
่ วา่ ปริมาณปุ๋ยอิยทรียต
ที
์ อไร
่
่ ่
เกษตรกรหวานลงในแปลงข
าวโพดมี
จานวน
่
้
น้อยกวา่ ๒๕ กก.
HO :  = ๒๕
HA :  < ๒๕
ที
 คือ ปริมาณปุ๋ยอิยทรียต
่ ่
่
์ อไร
เกษตรกรใช้
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิติ
๑.
การเขียนสมมติฐานทางสถิตเิ ชิงปริมาณ
๑.๒ กรณีศึกษาจากประชากรหลายกลุม
่
- ผู้วิจย
ั เชือ
่ วา่ ปริมาณเนื้อไกที
่ ลิตไดต
่ ผ
้ อปี
่ ใน
เขตภาคเหนือไมเท
่ ลิตไดในภาค
่ ากั
่ บปริมาณทีผ
้
อีสาน
H O : 1 = 2
H A : 1 ≠ 2
่ ลิตไดต
 1 คือ ปริมาณเนื้อไกที
่ ในเขต
้ อปี
่ ผ
ภาคเหนือ
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
๑.
การเขียนสมมติฐานทางสถิตเิ ชิงปริมาณ
๑.๒ กรณีศึกษาจากประชากรหลายกลุม
่
- ผู้วิจย
ั เชือ
่ วา่ อาหารเสริมมีผลตอการ
่
เจริญเติบโตของโคเนื้อ
H O : 1 = 2
H A : 1 < 2
 1 คือ นน.เฉลีย
่ ของโคเนื้อทีไ่ มได
่ กิ
้ นอาหาร
เสริม
2 คือ นน.เฉลีย
่ ของโคเนื้อทีก
่ น
ิ อาหาร
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
๑.
การเขียนสมมติฐานทางสถิตเิ ชิงปริมาณ
๑.๒ กรณีศึกษาจากประชากรหลายกลุม
่
- ผู้วิจย
ั เชือ
่ วา่ ปริมาณวิตามินซีในอาหารมีผลตอ
่
ความสมบูรณพั
อสุ
์ นธุของพ
์
่ กร
H O : 1 = 2 =  3
H A : 1 ≠ 2 ≠  3
 1 คือ จานวนอสุจป
ิ กติเฉลีย
่ ของสุกรทีไ่ ดรั
้ บวิตามินซี
๐ มก./กก.
2 คือ จานวนอสุจป
ิ กติเฉลีย
่ ของสุกรทีไ่ ดรั
้ บวิตามินซี
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
๒.
การเขียนสมมติฐานทางสถิตเิ ชิงคุณภาพ
เป็ นการเขียนสมมติฐานทีไ่ มระบุ
จานวน
่
- ผู้วิจย
ั เชือ
่ วา่ การใช้ขาวโพดหรื
อขาวฟ
้
้
่ างใน
การเลีย
้ งสุกรมีผลตอการเจริ
ญเจิบโตของสุกร
่
้ งสุกรทา
อขาวฟ
HO : การใช้ขาวโพดหรื
่ างเลีย
้
้
ให้การเจริญเจิบโตของสุกรไมแตกต
างกั
น
่
่
HA : การใช้ขาวโพดหรื
อขาวฟ
้ งสุกรทา
้
้
่ างเลีย
ให้การเจริญเจิบโตของสุกรแตกตางกั
น
่
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
๒.
การเขียนสมมติฐานทางสถิตเิ ชิงคุณภาพ
เป็ นการเขียนสมมติฐานทีไ่ มระบุ
จานวน
่
- ผู้วิจย
ั เชือ
่ วา่ อาหารเสริมมีผลตอการ
่
เจริญเติบโตของโคเนื้อ
HO : อาหารเสริมไมมี
่
่ ความสั มพันธกั
์ บตอการ
เจริญเติบโตของโคเนื้อ
HA :อาหารเสริมมีความสั มพันธกั
์ บตอการ
่
เจริญเติบโตของโคเนื้อ
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การเลือกระดับนัยสาคัญ
การทดสอบสมมติฐานในงานวิจย
ั ถ้าผลการ
ทดสอบผิดพลาดแลว
้ ไมก
่ อให
่
้เกิดความ
เสี ยหายรายแรงต
อสั
้
่ งคม คน สั ตว ์ หรือสิ่ งที่
เกีย
่ วของ
ซึง่ ส่วนใหญเป็
ารวจ
้
่ นงานดานส
้
มักจะให้โอกาสทีจ
่ ะเกิดความผิดพลาดได้
มากกวางานวิ
จย
ั ทีม
่ ผ
ี ลตอสั
่
่ งคมและมนุ ษยสู
์ ง
โอกาสของความผิดพลาดทีน
่ ิยมใช้โดยทัว่ ไป
อยูในช
๑ –๕
่
่ วงรอยละ
้
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การเลือกตัวทดสอบทีเ่ หมาะสม
๑. ข้อมูลเชิงปริมาณและตองการเปรี
ยบเทียบ
้
คาเฉลี
ย
่
่
๑.๑ ประชากรกลุมเดี
่ ยว - การแจกแจงแบบปกติ
Z และ t
๑.๒ ประชากรสองกลุม
่
ปกติ Z และ t
- การแจกแจงแบบ
๑.๓ ประชากรหลายกลุม
่ - การวิเคราะหความ
์
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การเลือกตัวทดสอบทีเ่ หมาะสม
๒. ข้อมูลเชิงปริมาณและตองการหา
้
ความสั มพันธของ
ตัวแปรตัง้ แตสองตั
วขึน
้ ไป
์
่
๒.๑ ต้องการหาความสั มพันธของ
ตัวแปรตัง้ แต่
์
สองตัวขึน
้ ไป โดยไมก
่ าหนดวาตั
่ วแปรไหนเป็ น
ตัวแปรอิสระ ตัวแปรไหนเป็ นตัวแปรตาม สถิต ิ
ทีใ่ ช้คือ
Correlation (r)
๒.๒ ต้องการหาความสั มพันธของตั
วแปรตาม 1
์
ตัว และตัวแปรอิสระ 1 ตัวขึน
้ ไป สถิตท
ิ ใี่ ช้
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การเลือกตัวทดสอบทีเ่ หมาะสม
๓. ข้อมูลเชิงคุณภาพ
ต้องการเปรียบเทียบและหาความสั มพันธของตั
ว
์
แปรทีเ่ ป็ นเชิงคุณภาพ สถิตท
ิ ใี่ ช้คือ
ChiSquare (χ2)
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การหาคาวิ
่ กฤตและบริเวณวิกฤต
คาวิ
่ ่ วยให้การทดสอบ
่ กฤต () คือ คาที
่ ช
สมมติฐานทางสถิตส
ิ รุปผลไดว
้ า่ จะยอมรับหรือ
ปฏิเสธ HO
HO
บริเวณวิกฤต คือ บริเวณทีเ่ กิดการปฏิเสธ
คาวิ
้ กับ
่ กฤต จะมีคาเดี
่ ยวหรือสองคา่ ขึน
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การหาคาวิ
่ กฤตและบริเวณวิกฤต
กรณีใช้ Z และ t (ประชากรกลุมเดี
่ ยว หรือ
สองกลุม)
ี นึ่งหรือสองคาก็
่ คาวิ
่ กฤติมห
่ ได้ มีคา่
เป็ นไดทั
- และ +
้ ง้
๑ . กรณีทดสอบทางเดียว
HA : 1 > C (C = คาเฉลี
ย
่ ทีต
่ องการทดสอบ)
่
้

Z, t = 0
Z, t = +
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การหาคาวิ
่ กฤตและบริเวณวิกฤต
กรณีใช้ Z และ t (ประชากรกลุมเดี
่ ยว หรือ
สองกลุม)
ี นึ่งหรือสองคาก็
่ คาวิ
่ กฤติมห
่ ได้ มีคา่
เป็ นไดทั
- และ +
้ ง้
๑ . กรณีทดสอบทางเดียว
HA : 1 < C (C = คาเฉลี
ย
่ ทีต
่ องการทดสอบ)
่
้

Z, t = -

หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การหาคาวิ
่ กฤตและบริเวณวิกฤต
กรณีใช้ Z และ t (ประชากรกลุมเดี
่ ยว หรือ
สองกลุม)
่ คาวิ
่ กฤตมีหนึ่งหรือสองคาก็
่ ได้ มีคา่
เป็ นไดทั
- และ +
้ ง้
๒. กรณีทดสอบสองทาง
HA : 1 ≠ C (C = คาเฉลี
ย
่ ทีต
่ องการทดสอบ)
่
้
/2
Z, t = -
/2
Z, t = 0
Z, t = +
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การหาคาวิ
่ กฤตและบริเวณวิกฤต
กรณีใช้ F (ประชากรมากกวาหนึ
่งกลุม)
่
่ คา่
วิกฤติมค
ี าเดี
+
่ ยว มีคาเป็
่ น
HA : 1 ≠ 2 ≠ 3 ( = คาเฉลี
ย
่ ทีต
่ องการ
่
้
ทดสอบ)
F, χ2 = 0 F, χ2 = +
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การสรุปผลการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
กรณีใช้ F (ประชากรมากกวาหนึ
่งกลุม)
่
่ คา่
วิกฤติมค
ี าเดี
+
่ ยว มีคาเป็
่ น
HA : 1 ≠ 2 ≠ 3 ( = คาเฉลี
ย
่ ทีต
่ องการ
่
้
ทดสอบ)
F, χ2 = 0 F, χ2 = +
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• การทดสอบคาเฉลี
ย
่ ของประชากรชุดเดียว
่
ทราบความแปรปรวนของประชากร, NID ใช้
Z-test
ไมทราบความแปรปรวนของประชากร,
NID ใช้
่
Z-test กรณี n < 30 ใช้ t-test
• การเปรียบเทียบคาเฉลี
ย
่ ของประชากรสองกลุม
่
่
ทราบความแปรปรวนของประชากร, NID ใช้
Z-test
หลักการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ
• ในการทดสอบสมมติฐานทางสถิต ิ ขอมู
้ ลทีไ่ ด้
จากการศึ กษาในตัวอยางจะน
ามาใช้คานวณหา
่
คาความน
่ ใช้
่ าจะเป็ นทีเ่ รียกวา่ p-value เพือ
่
ตรวจสอบกับระดับนัยสาคัญทางสถิต ิ ในการ
สรุปการทดสอบสมมติฐาน
•
ถา้ p-value ≤ ระดับนัยสาคัญ () จะ
ปฏิเสธ H0 (reject null hypothesis) และ
เรียกวา่ “มีนย
ั สาคัญทางสถิต”ิ
•
ถา้ p-value > ระดับนัยสาคัญ () จะไม่
ปฏิเสธ H0 หรือเรียก “ยอมรับ H0” (not