02_การศึกษาแนวคิด ทฤษฏีและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง

Download Report

Transcript 02_การศึกษาแนวคิด ทฤษฏีและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง

การศึกษาแนวคิด
ทฤษฎี และ
่
วรรณกรรมที
่
เกียวข้องสาหร ับ
การทาวิดร.ดิ
จยั เรก วรรณเศียร
มหาวิทยาลัยราชภัฎสวน
ดุสต
ิ
กระบวนการวิจย
ั
เขียนรายงานเผยแพร่
แปลผล สรุป
วิเคราะห ์ข้อมู ล
รวบรวมข้อมู ล
่
่
สร ้างเครืองมื
อ หาคุณภาพเครืองมื
อ
ออกแบบ
่ ยวข้
่
ทบทวนวรรณกรรมและงานวิจย
ั ทีเกี
อง
่ อง
่
การกาหนดหัวข้อหรือชือเรื
่
เมือมี
ปั ญหา
แก้ไขโดยการไตร่ตรอง ไม่ใช่
แก้ไขโดย ค้
หาค
าตอบ จ ัย
ปันญ
หาการวิ
อย่างเป็ นระบบ
ปั ญหา
การวิจ ัย
วัตถุประสงค ์
การวิจ ัย
่
หัวข้อการวิจ ัย / ชือ
่
เรืองการวิ
จ ัย
กระบวนการวิจย
ั
เขียนรายงานเผยแพร่
แปลผล สรุป
วิเคราะห ์ข้อมู ล
รวบรวมข้อมู ล
่
่
สร ้างเครืองมื
อ หาคุณภาพเครืองมื
อ
ออกแบบ
่ ยวข้
่
ทบทวนวรรณกรรมและงานวิจย
ั ทีเกี
อง
่ อง
่
การกาหนดหัวข้อหรือชือเรื
การทบทวนวรรณกรรมที่
่
เกียวข้
อง
RELATED LITERATURE
่ ยวข้
่
 การประมวลเอกสารทีเกี
อง
 การตรวจสอบเอกสาร
 การทบทวนวรรณกรรม
่ ยวข้
่
 วรรณกรรมทีเกี
อง
่
 วรรณคดีทเกี
ี่ ยวข้
อง
เอกสาร และงานวิจ ัยที่
่
เกียวข้
อง
 ทฤษฎี
่ าคัญในการ
สาระทีส
ทบทวนวรรณกรรม
 ความหมายของวรรณกรรม
 จุดมุ่งหมายของการทบทวน
วรรณกรรม
 ความสาคัญของการทบทวน
วรรณกรรม
่ ยวข้
่
 แหล่งของวรรณกรรมทีเกี
อง
้
่
 ขันตอนการทบทวนวรรณกรรมที
่
เกียวข้
อง
ความหมายของ
วรรณกรรม
 วรรณกรรม
(Literature) หมายถึง
ื่ สงิ่ พิมพ์ตา่ งๆ ทีร่ วบรวมไว ้
สอ
อย่างเป็ นระเบียบ เป็ นประโยชน์
ึ ษา โดยสงิ่ พิมพ์ต ้องเป็ น
ในการศก
ื่ ถือได ้ เชน
่ หนังสอ
ื
ทีน
่ ่าเชอ
วารสาร จดหมายเหตุ รายงานการ
วิจัย วิทยานิพนธ์ Encyclopedia
ื่ อิเล็กโทรนิกสแ
์ ละ
รวมทัง้ สอ
หลักฐานทีเ่ กีย
่ วข ้อง เป็ นต ้น
จุดมุ่งหมายของ
การทบทวนวรรณกรรมที่
่
เกียวข้
อง
้
มุ่งแสวงหาพืนฐานทางทฤษฎี
และแนวคิดต่าง ๆ
มุ่งแสวงหาสถานภาพ
่
ทางการวิจย
ั
( อะไร เมือไร
่
ทีไหน
ใคร อย่างไร )
มุ่งวางแนวทางการวิจย
ั ที่
เหมาะสม ( กาหนดกรอบ
ความสาคัญของ
การทบทวนวรรณกรรมที่
่
เกียวข้
อง
 ได้ทราบแนวคิด
ทฤษฎีและความรู ้
่
่
่ องการศึกษา
เกียวก
ับเรืองที
ต้
 ช่วยในการเขียนความเป็ นมาและ
ความสาคัญ
 ทาให้ได้นิยามศ ัพท ์เฉพาะ(นิ ยาม
ปฏิบต
ั ก
ิ าร)
 ทาให้ได้กรอบแนวคิดการวิจย
ั
่
 ใช้เป็ นแนวในการสร ้างเครืองมื
อการ
วิจย
ั
ประโยชน์ของการทบทวน
วรรณกรรม
 ได ้หัวข ้อการวิจัยทีเ่ หมาะสม
ไม่
ล ้าสมัย เป็ นเรือ
่ งทีอ
่ ยูใ่ นความสนใจ
ึ ษา
ของสงั คม ของศาสตร์ทก
ี่ าลังศก
 ทาให ้ได ้หัวข ้อไม่ซ้ากับผู ้วิจัยอืน
่ ๆ
 ทาให ้ผู ้วิจัยเกิดแนวคิดในการทาวิจัย
ทีม
่ ป
ี ระโยชน์ตอ
่ ศาสตร์ ต่อสงั คม
ื่ มโยงความรู ้จาก
โดยรวม มีการเชอ
ทฤษฎี งานวิจัย และจากศาสตร์ตา่ งๆ
เข ้าด ้วยกัน
แหล่งของวรรณกรรมที่
่
เกียวข้
อง
 เอกสารตารา
(Text book) ทีเ่ กีย
่ วข ้อง
กับเรือ
่ งทีก
่ าลังวิจัย
 บทความจากวารสารต่างๆ ทัง
้ ในและ
ต่างประเทศ
ึ ษา
 รายงานการวิจัยจากสถาบันการศก
และหน่วยงานต่างๆ
ื
 สารานุกรมทางการวิจัย หนั งสอ
รวบรวมบทคัดย่อการวิจัย ทัง้ ในและ
ต่างประเทศ
้
ขันตอนการทบทวน
วรรณกรรม
 กาหนดขอบเขตของการทบทวน


ั
วรรณกรรมทีเ่ กีย
่ วข ้อง ให ้กระชบ
ึ ษา โดย
เฉพาะหัวข ้อทีต
่ ้องการศก
พิจารณาคาสาคัญ (KeywordS)
ค ้นหาจากเอกสารทีต
่ ้องการ ทัง้
ื วารสาร พจนานุกรม
หนังสอ
Encyclopedia จากห ้องสมุด CDROM Internet
หลักเกณฑ์การเลือกเอกสารดังนี้

พิจารณาจากเนือ
้ หาทีเ่ กีย
่ วข ้อง
เท่านัน
้
้
ขันตอนการทบทวน
วรรณกรรม

หลักเกณฑ์การเลือกเอกสาร



ื่ ถือ
สานั กพิมพ์ต ้องเป็ นสานั กพิมพ์ทเี่ ชอ
ได ้ มีการคัดผลงานทีจ
่ ะพิมพ์
ื่ ถือของข ้อมูล
ความน่าเชอ
การจดบันทึกรายละเอียดเพือ
่ ป้ องกันการ
ลืม


ื : ชอ
ื่ -สกุลผู ้แต่ง ชอ
ื่
กรณีเป็ นหนั งสอ
ื วารสาร บทความ สถานทีพ
หนั งสอ
่ ม
ิ พ์ ปี
ื /
ทีพ
่ ม
ิ พ์ เล่มที่ เลขหน ้า เลขหมูห
่ นั งสอ
ื
สถานทีค
่ ้นหนั งสอ
ื่ หัวข ้อการวิจัย
กรณีเป็ นผลงานวิจัย: ชอ
สรุป วิธก
ี ารศึกษาวรรณกรรมที่
่
เกียวข้
อง
กาหนดคาสาคัญ (Keywords)
่ ความหมาย ความสาคัญ
 ทาการศึกษาทีมา
หลักการ แนวคิด รู ปแบบ กระบวนการ
ขอบข่าย ข้อดีและข้อจากัด มาตรฐานและตัว
่ งเสริมและเป็ นอุปสรรค
บ่งชี ้ ปั จจัยทีส่
กรณี ศก
ึ ษา ฯลฯ
่
เคร่งคร ัด
 สืบค้นจากแหล่งข้อมู ลทีหลากหลาย
การอ้างอิง
้
 สรุปความเห็นผู ว
้ จ
ิ ย
ั ทุกขันตอน
่ าไปใช้ในการวิจย
่
 สรุปประเด็นทีน
ั เพือสร
้าง

หลักการเขียนวรรณกรรมที่
่
เกี
ยวข้
อง
การนาเสนอสาระในวรรณกรรมทีเ่ กีย
่ วข ้อง มักนิยม

จัดเป็ นหมวดๆ



ดังนี้
ความหมายของคาสาคัญทีป
่ รากฏ โดยสรุปว่า
ใครกล่าวให ้ความหมายไว ้อย่างไรบ ้าง ซงึ่
อาจจะเหมือนกัน คล ้ายคลึงกัน แล ้วผู ้วิจัย
สรุปว่าในงานวิจัยนีจ
้ ะหมายความว่าอย่างไร
่ กรอบแนวคิด
แนวคิดในเรือ
่ งทีท
่ าการวิจัย เชน
อะไรบ ้าง
ึ ษามีอะไรบ ้าง มี
ทฤษฏีทเี่ กีย
่ วข ้องกับเรือ
่ งทีศ
่ ก
่ ะยืนยันทฤษฎี
การยืนยันทฤษฎีหรือไม่ ถ ้าใชจ
อะไร หากมีหลายทฤษฎี ต ้องสรุปว่าจะนา
ทฤษฎีอะไรมาสนับสนุนบ ้าง ถ ้าไม่ม ี ต ้องมี
Model หรืองานวิจัยมาสนับสนุน
การจดบันทึกเอกสารและ
่ ยวข้
่
รายงานวิจย
ั ทีเกี
อง ใน
รู ปแบบ Reading Log
่
 หัวข้อของเรือง
่
 แหล่งทีมาของข้
อความ
่ จากการค้นคว้า
 ข้อความทีได้
 บันทึกโดยย่อ
 บันทึกโดยถอดความเป็ นคาพู ด
ของผู บ
้ น
ั ทึก
 คัดลอกข้อความ
ตัวอย่าง
การวิเคราะห ์คาสาคัญ
่
่ อง
จากชือเรื
่ าไปสู ก
เพือน
่ ารทบทวน
วรรณกรรม
การนาเสนอรู ปแบบการจัดการ
่ นองค ์กรแห่งการ
ความรู ้เพือเป็
เรียนรู ้ของโรงเรียนนายร ้อย
พระจุลจอมเกล้า
 รู ปแบบ
 การจัดการความรู ้
 องค ์กรแห่งการเรียนรู ้
 การบริหารการศึกษาของโรงเรียน
นายร ้อย
พระจุลจอมเกล้า
่ ยวข้
่
 งานวิจย
ั ทีเกี
อง
่
แนวคิดเกียวกั
บรู ปแบบ
(Model)
 ความหมายของรู ปแบบ
 หลักการของรู ปแบบ
 ความสาคัญของรู ปแบบ
 ประเภทของรู ปแบบ
 องค ์ประกอบของรู ปแบบ
 การพัฒนารู ปแบบ
 การตรวจสอบสอบความเหมาะสม
ของรู ปแบบ
ตัวอย่างการบันทึกใน
Reading Log
1-7
ความหมายรู ปแบบ
1
Good,Carter V.(editor). 1973.Dictionary of Education.
3rdedition. New York : McGraw-Hill Book Company.
่
ใน Dictionary of Education ซึงบรรณาธิ
การโดย
Carter V.Good (1973 : 370) ได ้รวบรวม
ความหมายของรูปแบบ (Model) ไว ้ 4
ความหมาย คือ
่
่ ่ งเพือเป็
่ นแนวทางใน
1. เป็ นแบบอย่างของสิงใดสิ
งหนึ
การสร ้างหรือทาซา้
2. เป็ นตัวอย่างสาหร ับการเลียนแบบ เช่น ตัวอย่างใน
่ ้ผู ้เรียนได ้
การออกเสียงภาษาต่างประเทศเพือให
เลียนแบบ
่ นตัวแทนของ
3. เป็ นแผนภาพหรือภาพ 3 มิต ิ ทีเป็
่
่ ่ งหรือหลักการ หรือแนวคิด
สิงใดสิ
งหนึ
4. เป็ นชุดของปัจจัยหรือองค ์ประกอบ หรือตัวแปรที่
่ นและกัน รวมตัวเป็ นตัวประกอบ
มีความสัมพันธ ์ซึงกั
ความหมายรู ปแบบ
Tosi, Henry L.,and Carroll, Stephen J.1982.Mangement.
2ndediton.New York :John Wiley & sons.
Tosi and Carroll (1982:163) กล่าวว่า รูปแบบ
เป็ นนามธรรมของของจริง หรือภาพจาลอง ของ
่
สภาพการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ ง
ซึงอาจจะมี
้ รป
่ ความ
ตังแต่
ู แบบอย่างง่ายไปจนถึงรูปแบบทีมี
้ั ปแบบเชิงกายภาพ
ซบั ซ ้อนมากๆ มีทงรู
(Physical Model) เช่นรูปแบบหอสมุด รูป
่ นขับไล่เอฟ 16 เป็ นต ้น
แบบจาลองเครืองบิ
และรูปแบบจาลองเชิงคุณลักษณะ (Qualitative
่ ้อธิบายสภาพการณ์หรือ
Model)
ทีใช
ปรากฏการณ์ด ้วยภาษาหรือสัญลักษณ์ตา่ ง ๆ
2
ความหมายรู ปแบบ
อุทยั บุญประเสริฐ.2516.”ตัวแบบ หุน
่ จาลอง
แบบจาลองหรือโมเดล”.วารสารครุศาสตร ์.3,3-4
(เมษายน-กรกฎาคม 2516): 31.
อุทยั บุญประเสริฐ (2516:31) กล่าวว่า รูปแบบ
่ แสดงให
่
หมายถึงสิงที
้เห็นถึงความสัมพันธ ์ของ
่ าคัญ
่
่ งเรืองใด
่
องค ์ประกอบทีส
ๆ
ในเรืองหนึ
โดยเฉพาะ
3
ความหมายรู ปแบบ
สวัสดิ ์ สุคนธร ังสี. 2520. ”โมเดลการวิจยั :
กรณี ตวั อย่างทางการบริหาร.” พัฒนบริหาร
ศาสตร ์.17,2 (เมษายน 2520):206.
สวัสดิ ์ สุคนธรงั สี (2520:206)
กล่าว
ว่า
รูปแบบ หมายถึง ตัวแทนที่
้ ออธิ
่
สร ้างขึนเพื
บายพฤติกรรม
หรือ
่ เป็
่ นจริง
ลักษณะบางประการของสิงที
อย่างหนึ่ ง
4
สมาน อัศวภูมิ .2537.การพัฒนารู ปแบบการ
บริหารการประถมศึกษาระดับจังหวัด.
วิทยานิ พนธ ์ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบณ
ั ฑิต
สาขาวิชาบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมาน อัศวภูมิ (2537:13) กล่าวว่า
แบบจาลองหรือรูปแบบ หมายถึง แบบจาลอง
อย่างง่ายหรือย่อส่วน (Simplified Form)
่ เ้ สนอได ้ศึกษา
ของปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ
ทีผู
้
่
และพัฒนาขึนมาเพื
อแสดงหรื
ออธิบาย
ปรากฏการณ์ให ้เข ้าใจได ้ง่ายขึน้ หรือในบาง
กรณี อาจจะใช ้ประโยชน์ในการทานาย
ปรากฏการณ์ทจะเกิ
ี่
ดขึน้ ตลอดจนอาจใช ้เป็ น
แนวทางในการดาเนิ นการอย่างใดอย่างหนึ่ งต่อไป
5
ความหมายรู ปแบบ
กรรณิ กา เจิมเทียนชัย. 2539. การพัฒนารู ปแบบการ
ประเมินประสิทธิผลองค ์การของวิทยาลัยพยาบาล
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข. วิทยานิ พนธ ์ปริญญาครุศา
สตรดุษฎีบณ
ั ฑิต สาขาวิชาบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กรรณิ กา เจิมเทียนช ัย (2539:82) กล่าวว่า
แบบจาลองหรือรูปแบบ หมายถึง แบบจาลอง
อย่างง่ายหรือย่อส่วนของปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ
่ เ้ สนอได ้ศึกษาและพัฒนาขึน้
่
ทีผู
เพือแสดง
อธิบายปรากฎการณ์ให ้เข ้าใจง่ายขึน้
หรือ
บางกรณี อาจจะใช ้ประโยชน์ในการทานาย
ปรากฏการณ์ทจะเกิ
ี่
ดขึน้ ตลอดจนใช ้เป็ น
แนวทางในการดาเนิ นการอย่างใดอย่างหนึ่ งต่อไป
6
ความหมายรู ปแบบ
พูลสุข หิงคานนท ์.2540.การพัฒนารู ปแบบการ
จัดองค ์การของวิทยาลัยพยาบาล สังกัด
กระทรวงสาธารณสุข.วิทยานิ พนธ ์ปริญญา
ครุศาสตรดุษฎีบณ
ั ฑิต สาขาวิชาบริหารการศึกษา
บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์วท
ิ ยาลัย.
พูลสุข หิงคานนท ์ (2540:50) กล่าวว่า
่ แสดง
่
แบบจาลองหรือรูปแบบ หมายถึง สิงที
โครงสร ้างทางความคิด องค ์ประกอบ และ
่ าคัญ
ความสัมพันธ ์ขององค ์ประกอบต่าง ๆ ทีส
่ ศึ
่ กษา
ของเรืองที
7
ตัวอย่างการยกข้อความ
จาก Reading Log
ไปเขียนในบทการ
ทบทวนวรรณกรรม
ความหมายของรู ปแบบ
ใน Dictionary of Education ซงึ่ บรรณาธิการ
โดย Carter V.Good (1973 : 370) ได ้รวบรวม
ความหมายของรูปแบบ (Model) ไว ้ 4
ความหมาย
คือ
1. เป็ นแบบอย่างของสงิ่ ใดสงิ่ หนึง่ เพือ
่ เป็ น
การสร ้างหรือทาซา้
่
2. เป็ นตัวอย่างสาหรับการเลียนแบบ เชน
ี งภาษาต่างประเทศเพือ
การออกเสย
่ ให ้ผู ้เรียนได ้
เลียนแบบ
3. เป็ นแผนภาพหรือภาพ 3 มิต ิ ทีเ่ ป็ นตัวแทน
สงิ่ ใดสงิ่ หนึง่ หรือหลักการ หรือแนวคิด
4. เป็ นชุดของปั จจัยหรือองค์ประกอบ หรือตัว
ั พันธ์ซงึ่ กันและกัน รวมตัวเป็ นตัว
มีความสม
ั ลักษณ์ทางระบบสงั คม อาจเขียนเป็ น
และเป็ นสญ
ทางคณิตศาสตร์หรือ บรรยายด ้วยภาษาก็ได ้
Tosi and Carroll (1982:163) กล่าวว่า
รูปแบบเป็ นนามธรรมของของจริง หรือภาพจาลอง ของ
่
้ั รป
สภาพการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ ง
ซึงอาจจะมี
ตงแต่
ู
่ ความซบั ซ ้อนมากๆ มีทง้ั
แบบอย่างง่ายไปจนถึงรูปแบบทีมี
รูปแบบเชิงกายภาพ (Physical Model) เช่นรูปแบบ
่ นขับไล่เอฟ 16 เป็ นต ้น
หอสมุด รูปแบบจาลองเครืองบิ
และรูปแบบจาลองเชิงคุณลักษณะ (Qualitative Model)
่ ้อธิบายสภาพการณ์หรือปรากฏการณ์ด ้วยภาษาหรือ
ทีใช
สัญลักษณ์ตา่ ง ๆ
อุทยั บุญประเสริฐ (2516:31)
กล่าวว่า
รูปแบบ
่ แสดงให
่
หมายถึงสิงที
้เห็นถึงความสัมพันธ ์ขององค ์ประกอบ
่ าคัญ ๆ ในเรืองหนึ
่
่ งเรืองใดโดยเฉพาะ
่
ทีส
สวัสดิ ์ สุคนธร ังสี (2520:206)
กล่าวว่า
รูปแบบ
่ ้างขึนเพื
้ ออธิ
่
หมายถึง
ตัวแทนทีสร
บายพฤติกรรม หรือ
สมาน อัศวภูมิ (2537:13) กล่าวว่า
แบบจาลองหรือรูปแบบ หมายถึง แบบจาลองอย่างง่าย
หรือย่อส่วน (Simplified Form) ของปรากฏการณ์
่ ้เสนอได ้ศึกษาและพัฒนาขึนมาเพื
้
่
ต่าง ๆ
ทีผู
อแสดง
หรืออธิบายปรากฏการณ์ให ้เข ้าใจได ้ง่ายขึน้ หรือในบาง
กรณี อาจจะใช ้ประโยชน์ในการทานาย
ปรากฏการณ์ทจะเกิ
ี่
ดขึน้ ตลอดจนอาจใช ้เป็ น
แนวทางในการดาเนิ นการอย่างใดอย่างหนึ่ งต่อไป
กรรณิ กา เจิมเทียนช ัย (2539:82) กล่าวว่า
แบบจาลองหรือรูปแบบ หมายถึง แบบจาลองอย่างง่าย
่ ้เสนอได ้ศึกษา
หรือย่อส่วนของปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ ทีผู
่
และพัฒนาขึน้
เพือแสดงอธิ
บายปรากฎการณ์ให ้
เข ้าใจง่ายขึน้
หรือบางกรณี อาจจะใช ้ประโยชน์ใน
การทานายปรากฏการณ์ทจะเกิ
ี่
ดขึน้ ตลอดจนใช ้เป็ น
แนวทางในการดาเนิ นการอย่างใดอย่างหนึ่ งต่อไป
พูลสุข หิงคานนท ์ (2540:50) กล่าวว่า
่ แสดงโครงสร
่
แบบจาลองหรือรูปแบบ หมายถึง สิงที
้าง
ทางความคิด องค ์ประกอบ และความสัมพันธ ์ของ
่ าคัญของเรืองที
่ ศึ
่ กษา
องค ์ประกอบต่าง ๆ ทีส
จากการศึกษาความเห็นของนักวิชาการ
ดังกล่าวข ้างต ้นสรุปว่า รูปแบบหรือแบบจาลอง
่ ได
่ ้ร ับการพัฒนาขึนเพื
้ ออธิ
่
หมายถึง สิงที
บายหรือ
่
่
แสดงให ้เห็นถึงองค ์ประกอบสาคัญๆ ของเรืองใดเรื
อง
่ นแนวทางในการ
หนึ่ งให ้เข ้าใจได ้ง่ายขึน้ เพือเป็
ดาเนิ นการอย่างใดอย่างหนึ่ งต่อไป
ข้อสังเกต
 ผลการทบทวนเอกสาร
ทาให้ได้
ตัวแปรสาหร ับการวิจ ัย
 สรุปการทบทวนเอกสารต้องตรง
กับ นิ ยามศ ัพท ์
 นิ ยามศ ัพท ์และผลการสังเคราะห ์
เอกสารใช้เป็ นกรอบในการเขียน
่
เครืองมื
อวิจ ัย
ข้อสังเกต
 ผลการทบทวนเอกสารใช้สาหร ับ
อภิปรายผลการวิจย
ั
่
 ผลการทบทวนเอกสารเป็ นทีมาของ
กรอบแนวคิดการวิจย
ั
่ ามาศึกษาไม่เก่าเกินไป
 เอกสารทีน
่
และต้องเกียวข้
องก ับคาสาคญ
ั ที่
กาลังทาการทบทวนเอกสาร
ข้อสังเกต
่
มีรายการอ้างอิงทีครบถ้
วนและถู กต้อง
 การทบทวนวรรณกรรมในบทที่ 2 ไม่ควร
้
สันหรื
อยาวเกินไป ให้เขียนข้อความนา
่
้
หรือเชือมโยงให้
สม
ั พันธ ์กันตลอดทังบท
 ไม่นาข้อความมาปะติดปะต่อ แต่ควร
นามาเรียบเรียงใหม่ให้อา
่ นง่ ายและ
กลมกลืน “เป็ นขนมเปี ยกปู นมากกว่า
้ั
ขนมชน”

ข้อสังเกต
 ให้ศก
ึ ษาจากเอกสารตัวจริง
่
หลีกเลียงการอ้
างถึงจากงานวิจ ัย
่ ผูอ
ทีมี
้ า้ งไว้แล้ว เว้นแต่จาเป็ น
จริงๆ
 การสังเคราะห ์แนวคิดจาก
่ อ
นักวิชาการหลายคน น่ าเชือถื
กว่าการอ้างนักวิชาการคนใดคน
หนึ่ง
กรอบแนวคิดการ
วิจยั
CONCEPTUAL
FRAMEWORK
เป็ นการกาหนดตัวแปรหรือประเด็น
ในการศึกษาวิจย
ั โดยผู ว้ จ
ิ ย
ั อาศย
ั
หลักวิชาและข้อมู ลจากการทบทวน
่ ยวข้
่
วรรณกรรมทีเกี
อง การกาหนด
้ั อาจ
้
กรอบแนวคิดในการวิจย
ั ครงนี
กาหนดในรู ปการบรรยายข้อความ
หรือ ออกแบบในรู ปไดอะแกรมหรือ
แผนภู ม ิ
การกาหนดกรอบแนวคิด
การวิจย
ั
 เกิดภายหลังการทบทวนวรรณกรรม
่ ยวข้
่
ทีเกี
อง
่ องการ
 เป็ นการอธิบายประเด็นทีต้
วิจย
ั (เชิงคุณภาพ) หรือตวั แปรที่
้ วั แปรต้น ตัว
ต้องการวิจย
ั
ทังต
แปรตาม(เชิงปริมาณ)
 เป็ นการแสดงความสัมพันธ ์ระหว่าง
ตัวแปรต้นและตวั แปรตาม
่ าให้ผูว้ จ
่
 เป็ นกรอบทีท
ิ ย
ั ยึดถือ เพือ
ตัวอย่างกรอบแนวคิดการ
วิจ ัย
แนวคิด
่
เกียวก
ับ
รู ปแบบ
แนวคิด
่
เกียวก
ับ
การจัดการ
ความรู ้
แนวคิด
่
เกียวก
ับ
องค ์กรแห่ง
การเรียนรู ้
แนวคิด
่
เกียวก
ับ
การ
พัฒนา
รู ปแบบ
รู ปแบบการ
จัดการ
่
ความรู ้เพือ
พัฒนาเป็ น
องค ์กรแห่ง
การเรียนรู ้
ของโรงเรียน
นายร ้อยพระ
จุลจอมเกล้า
ตัวอย่างกรอบแนวคิดการ
วิจ ัย
ตัวแปรตาม
ตัวแปรต้น
สถานภาพผู ต
้ อบ
แบบสอบถาม
1.
2.
3.
4.
5.
เพศ
อายุ
ประสบการณ์ทางาน
วุฒก
ิ ารศึกษา
ตาแหน่ งงาน
ความคิดเห็นของผู ต
้ อบ
่
บ
ั
แบบสอบถามเกียวก
1.
2.
3.
4.
การบริหารงานวิชาการ
การบริหารงบประมาณ
การบริหารงานบุคคล
่
การบริหารงานทัวไป
ตัวอย่างกรอบแนวคิดการ
วิจ ัย
ตัวแปรตาม
ตัวแปรต้น
สถานภาพผู ต
้ อบ
แบบสอบถาม
1.ผู อ
้ านวยการโรงเรียน
2.ครู
ความคิดเห็นของผู ต
้ อบ
่
บ
ั การ
แบบสอบถามเกียวก
บริหารโรงเรียน
1.
2.
3.
4.
การวางแผน
การจัดองค ์การ
การอานวยการ
การควบคุม
การกาหนดตัวแปร
หรือ
ประเด็นการวิจ ัย
การกาหนดตัวแปร
การวิจ ัย
(การวิจ ัยเชิง
ปริมาณ)
การกาหนดประเด็น
ตัวแปร
(Variable
)
คุณลักษณะของสิง่
ใด
ๆ
่
ทีแสดง
ค่าออกมา
้
มากกว่า 1 ค่าขึนไป
หรือ
คุณลักษณะใด ๆ ที่
แปร
ตัวอย่างตัว
NO คน
YES เพศ
แมว
รายได ้
อายุ
ผูหญิ
้ ง
คะแนน
รถยนต ์
อาชีพ
ตัวอย่างตัวแปร
คะแนน
รายได้
ระด ับเชาว ์ปั ญญา
ผลสัมฤทธิ ์
ทางการเรียน
ยอดขาย
กาไรขาดทุน
การศึกษา
เจตคติ
รสนิ ยม
จริยธรรม
ความก้าวร ้าว
ความคิด
สร ้างสรรค ์
ยศ / ตาแหน่ ง
ตัวแปรใน
งานวิจย
ั
ตัวแปรอิสระ
(Independent
Variable)
เป็ นต ้นเหตุ
/ เป็ นตัวการ /
กาหนดค่าเองได ้
ตัวแปรตาม
เป็ นผล
เองไม่ได ้
(Dependent Variable)
/ เกิดตามมา / กาหนดค่า
ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม
ตัวแปรอิสระ
(Independent
Variables)
เป็ นต ้นเหตุ
ี่ ง
เป็ นปั จจัยเสย
เป็ นตัวกาหนด
มีอท
ิ ธิพล
ตัวแปรตาม
(Dependent
Variables)
ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม
่ วแปรอิสระ เป็ นตัวแปรทีอาจเป็
่
โดยทีตั
นต้นเหตุ
่ (Risk Factor) หรือเป็ นตัวที่
หรือปั จจัยเสียง
่ อท
กาหนด (Determines) หรือเป็ นตัวทีมี
ิ ธิพล
(Influences) ต่อตัวแปรตาม
 ตัวอย่างตัวแปรอิสระ เช่น เพศ อายุ ระดับ
การศึกษา อาชีพฯลฯ
 ตัวอย่างตัวแปรตาม เช่น ความคิดเห็น ระดับการ
ปฏิบต
ั งิ านอย่างใดอย่างหนึ่ ง ความสาเร็จของงาน
ความก้าวหน้า ความพึงพอใจ ฯลฯ

ตัวแปรอิสระ ตัวแปร
ตาม
คือการสู บบุหรี่ ตัว
แปรตาม คือโรคมะเร็งปอด
 ถ้าตัวแปรอิสระ คือระดบ
ั การศึกษา
ตัวแปรตาม คือระดบ
ั รายได้ หรือ
ระดบ
ั ตาแหน่ งหน้าที่
 ถ้าตัวแปรอิสระ คือระดบ
ั รายได้ ตัว
แปรตาม คือระดบ
ั การมีคณ
ุ ภาพ
ชีวต
ิ และการมีสุขภาพอนามัยดี
 ฯลฯ
 ถ้าตว
ั แปรอิสระ
ตัวอย่าง
ระดับเชาว ์ปัญญาส่งผลให ้นักเรียนมี
์
ผลสัมฤทธิทางการเรี
ยนต่างกัน
ระดับเชาว ์ปัญญา
เป็ น ตัวแปร
อิสระ
์
ผลสัมฤทธิทางการเรี
ยน เป็ น ตัว
แปรตาม
ตัวอย่าง
เปรียบเทียบระดับผลการเรียนของ
่ ฐานะทางครอบคร ัว
นักเรียนทีมี
แตกต่างกัน
ฐานะทางครอบคร ัว เป็ น ตัวแปร
อิสระ
ระดับผลการเรียน เป็ น ตัวแปร
่
มใด ๆ สามารถติดต่อได้ท ี่
หากมีคาถามเพิมเติ
ดร.ดิเรก วรรณเศียร
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสต
ิ
02 - 241 - 7191-5, 081-928-6737
E – mail: [email protected]