ch2_Architect 564KB Jan 04 2014 01:54:28 PM

Download Report

Transcript ch2_Architect 564KB Jan 04 2014 01:54:28 PM

Architecture
of
Decision Support Systems
นฤเศรษฐ์ ประเสริฐศรี, อ.สาธิต แสงประดิษฐ์
สาขาวิชาภูมสิ ารสนเทศ
คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
1
เนือ้ หา
ความหมายของสถาปัตยกรรมระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ
 ข้ อดีของการพัฒนาสถาปัตยกรรมระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ
 สิ่ งทีต
่ ้ องพิจารณาก่อนพัฒนาสถาปัตยกรรมฯ
 องค์ ประกอบและการทางานของสถาปัตยกรรมฯ
 การจัดการข้ อมูล (Data Management)
 การจัดการแบบจาลอง (Model Management)
 การจัดการองค์ ความรู้ (Knowledge Management)
 การจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้ (User Interface Management)

2
1. ความหมาย
สถาปัตยกรรมระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ หมายถึง รูปแบบ
โครงสร้ างและความสั มพันธ์ ของส่ วนประกอบต่ าง ๆ ในระบบสนับสนุน
การตัดสิ นใจ รวมถึงความสั มพันธ์ กบั สิ่ งแวดล้อมภายนอกระบบด้ วย
การพั ฒ นาระบบสนั บ สนุ น การตั ด สิ นใจ จึ ง ควรศึ ก ษาถึ ง
สถาปั ตยกรรมพื้นฐานของระบบสนั บสนุ นการตัดสิ นใจก่ อน แล้ วจึง
พัฒ นาระบบสนั บ สนุ น การตัด สิ น ใจต่ อ ไป เพื่อ ให้ ส อดคล้ องกันของ
ส่ วนประกอบต่ าง ๆ และเพื่อผลดีที่จะเกิดขึ้นต่ อระบบสนับ สนุ นการ
ตัดสิ นใจ
3
2. ข้ อดีของการพัฒนาสถาปัตยกรรมระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ
1. ทราบถึงความสามารถในการทางานของส่ วนประกอบต่าง ๆ ภายใน
ระบบ สามารถนาสารสนเทศต่าง ๆ จากระบบมาใช้ได้ง่ายและสะดวก
2. หน่วยต่าง ๆ ในองค์กรสามารถใช้ทรัพยากรร่ วมกันได้โดยสะดวก
เนื่องจากส่ วนประกอบต่าง ๆ ใน ระบบมีความสอดคล้องกันเป็ นอย่างดี
เพิ่มประสิ ทธิการทางานให้กบั องค์กร
3. เพิม่ ความสามารถในการสร้างวิสยั ทัศน์สาหรับจัดลาดับการทางานของ
โครงการต่างๆ
4. เพิ่มความสามารถในการสื่ อสารระหว่างส่ วนประกอบต่าง ๆ ภายใน
ระบบ
4
2. ข้ อดีของการพัฒนาสถาปัตยกรรมระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ (ต่ อ)
5. เพิม่ ความสามารถในการใช้ งานระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ ของกลุ่ม
ผู้ใช้ ต่าง ๆ
6. เพิม่ ความสามารถในการวางแผนระบบให้ อยู่ในรูปแบบทีม่ ปี ระสิ ทธิภาพ
7. ช่ วยให้ หน่ วยงานต่ าง ๆ ในองค์ กรสามารถทางานร่ วมกันได้ อย่ างราบรื่น
8. เพิม่ ความสามารถในการคัดเลือกเทคโนโลยีที่ใช้ ในการทางานต่ าง ๆ
จากความร่ วมมือในการพัฒนาระบบของผู้เชี่ยวชาญด้ านระบบสนับสนุน
การตัดสิ นใจ และผู้ทเี่ ข้ าใจความต้ องการของระบบ
5
3. สิ่ งทีต่ ้ องพิจารณาก่ อนพัฒนาสถาปัตยกรรมระบบ
สนับสนุนการตัดสิ นใจ
แผนแม่ บทขององค์กร เพือ่ ให้ ระบบมีความสอดคล้องกับความต้ องการของ
องค์ กร เพราะระบบฯ จะสะท้ อนความต้ องการของผู้ใช้ ท้งั หมด จึงสามารถ
ใช้ เป็ นแนวทางการพัฒนาระบบได้
 การตัดสิ นใจของผู้บริหารระดับต่ าง ๆ ประกอบด้ วย การตัดสิ นใจระดับกล
ยุทธ์ ระดับเทคนิค และระดับปฏิบัติการ

6
3. สิ่ งที่ต้องพิจารณาก่ อนพัฒนาสถาปัตยกรรมระบบ
สนับสนุนการตัดสิ นใจ (ต่ อ)
การตัดสิ นใจแก้ปัญหาลักษณะต่ าง ๆ ประกอบด้ วย ปัญหาแบบมี
โครงสร้ าง ไม่ มีโครงสร้ าง และกึง่ โครงสร้ าง
 การทางานของผู้บริหารระดับต่ าง ๆ ในองค์ กร รวมถึงพนักงานทีม
่ ีองค์
ความรู้หรือพนักงานทีใ่ ช้ ทกั ษะ
 ลักษณะธุรกิจทีอ
่ งค์ กรดาเนินการอยู่ โดยต้ องประเมินผลิตภัณฑ์ หลัก
สายการผลิต ลักษณะการ แบ่ งสายงานภายในองค์ กร

7
4. องค์ ประกอบและการทางานของสถาปัตยกรรมของระบบ
สนับสนุนการตัดสิ นใจ
1. ศึกษาสถาปัตยกรรมของระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ
2. ศึกษาความต้ องการของผู้ใช้ งานระบบ
3. ตัดสิ นใจเลือกฮาร์ ดแวร์ ซอฟต์ แวร์ และระบบเครือข่ ายทีเ่ หมาะสม
4. ลงมือพัฒนาระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ
8
4. องค์ ประกอบและการทางานของสถาปัตยกรรมของระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ
โปรแกรมเมอร์
ผู้ใช้
ข้ อมูลจากภายนอกองค์ กร
ระบบเครือข่ ายและการสื่ อสารข้ อมูล
ฮาร์ ดแวร์ และระบบปฏิบตั ิการ
การจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้
ผลลัพธ์ การ
วิเคราะห์
เครื่องมือพัฒนาแบบจาลอง
ส่ วนสอบถามข้ อมูล
ส่ วนการจัดการแบบจาลอง
ฐานแบบจาลอง
ส่ วนการจัดการข้ อมูล
ฐานข้ อมูล
ข้ อมูลนอก และใน
องค์กร
แนวคิดของสถาปัตยกรรมระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจและการทางาน
9
4. องค์ ประกอบและการทางานของสถาปัตยกรรมของระบบ
สนับสนุนการตัดสิ นใจ
1. Programmer ใช้เครื่ องมือพัฒนาแบบจาลองผ่านระบบคอมพิวเตอร์
เครื อข่าย Hardware และระบบปฏิบตั ิการของระบบ DSS
2. ส่ วนการจัดการข้อมูลจะรวบรวมข้อมูลจากภายนอกระบบเพื่อจัดเก็บ
ลงในฐานข้อมูล และ/หรื อนาข้อมูลจากฐานข้อมูลส่ งต่อไปยังส่ วน
การจัดการแบบจาลอง เพื่อวิเคราะห์ขอ้ มูลด้วยแบบจาลองที่
เหมาะสม
3. ส่ วนการจัดการแบบจาลองจะส่ งผลลัพธ์ของข้อมูลที่ผา่ นการ
วิเคราะห์ไปยังส่ วนการจัดการสื่ อประสานกับผูใ้ ช้ต่อไป
10
4. องค์ ประกอบและการทางานของสถาปัตยกรรมของระบบ
สนับสนุนการตัดสิ นใจ
4. ส่ วนสอบถามข้อมูลจะทาการค้นหาข้อมูลที่ผใู ้ ช้ตอ้ งการผ่านทางระบบจัดการ
ฐานข้อมูลของระบบ DSS แล้วส่ งข้อมูลที่ได้ไปยังส่ วนการจัดการสื่ อประสาน
กับผูใ้ ช้ต่อไป
5. ส่ วนการจัดการสื่ อประสานกับผูใ้ ช้จะส่ งข้อมูลผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์ของ
แบบจาลอง และ/หรื อข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลของส่ วนสอบถามข้อมูลไป
ยังผูใ้ ช้ผา่ นทาง Hardware ระบบปฏิบตั ิการ และระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์
เพื่อแสดงผลยังผูใ้ ช้ต่อไป
11
องค์ ประกอบของระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ 4 ส่ วน

1. ส่ วนการจัดการข้อมูล (Data Management)
ฐานข้อมูล
 ระบบจัดการฐานข้อมูล
 ส่ วนสอบถามข้อมูล
 สารบัญข้อมูล
 ส่ วนกลัน
่ กรองข้อมูล

12
องค์ ประกอบของระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ 4 ส่ วน

2. ส่ วนการจัดการแบบจาลอง (Model Management)
ฐานแบบจาลอง
 ระบบจัดการฐานแบบจาลอง
 สารบัญแบบจาลอง
 แบบจาลองการทางาน

13
องค์ ประกอบของระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ 4 ส่ วน

3. ส่ วนการจัดการสื่ อประสานกับผูใ้ ช้ (User Interface
Management)
ระบบจัดการสื่ อประสานกับผูใ้ ช้
 ส่ วนประมวลผลภาษาธรรมชาติ
 หน่วยประมวลผล
 หน่วยป้ อนข้อมูลเข้า

14
องค์ ประกอบของระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ 4 ส่ วน

4. ส่ วนการจัดการองค์ความรู ้ (Knowledge Management)
เป็ นสถาปั ตยกรรมพื้นฐานของระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจขนาดเล็ก ซึ่ งไม่
จาเป็ นต้องใช้ส่วนการจัดการองค์ความรู ้
 จะมีเฉพาะในระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจชาญฉลาดเท่านั้น
 ระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจที่ใช้ในการแก้ไขปั ญหาที่ไม่ซบ
ั ซ้อนมากนัก
อาจจะไม่มีส่วนการจัดการองค์ความรู ้เป็ นส่ วนประกอบในระบบก็ได้

15
เครื่องมือในการพัฒนาระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ
ฮาร์ดแวร์
 ระบบปฏิบตั ิการ
 ระบบเครื อข่ายและการสื่ อสาร
 ซอฟต์แวร์ ต่าง ๆ
 เครื่ องมือพัฒนาแบบจาลอง

16
สิ่ งแวดล้ อมของระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ
ผูใ้ ช้
 โปรแกรมเมอร์ (ซึ่ งอาจเป็ นนักพัฒนาระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจด้วย)
 ข้อมูลจากภายนอกระบบ

17
4. องค์ ประกอบและการทางานของสถาปัตยกรรมของระบบ
สนับสนุนการตัดสิ นใจ
ระบบสารสนเทศชนิดอืน่ ๆ
ส่ วนการจัดการข้ อมูล
ฐานข้ อมูลภายใน/
ภายนอก
ส่ วนการจัดการแบบจาลอง
ส่ วนจัดการองค์ ความรู้
ส่ วนจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้
ผู้บริหาร (ผู้ใช้ /ผู้ตัดสิ นใจ)
องค์ ประกอบของสถาปัตยกรรมระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ ทีม่ สี ่ วนจัดการองค์ ความรู
้
18
5. การจัดการข้ อมูล (Data Management)
เป็ นส่ วนที่ใช้ ในการจัดการข้ อมูลทั้งหมดที่ได้ รับมาจากแหล่ งข้ อมูลทั้ง
ภายในและนอกองค์ กร โดยที่ข้อมูลอาจอยู่ในรู ป ตัวเลข ตัวหนังสื อ กราฟิ ก
หรือข้ อมูลเสี ยงก็ได้ แต่ ข้อมูลเหล่านั้นต้ องมีความเกีย่ วข้ องกับการตัดสิ นใจ
ส่ วนการจัดการข้ อมู ล จะจัดการกับข้ อมู ลที่เข้ าสู่ ฐานข้ อมู ลให้ อยู่ใน
รู ปแบบที่ระบบสนับสนุ นการตัดสิ นใจสามารถนาไปใช้ ประโยชน์ ได้ อย่ าง
เต็มที่ ด้ วย “ระบบจัดการฐานข้ อมูล” (Database Management System:
DBMS)” เพื่อให้ผตู ้ ดั สิ นใจสามารถจัดการกับข้อมูลต่าง ๆ ได้
19
แหล่งข้ อมูลภายใน
องค์กร
5. การจัดการข้ อมูล (Data Management)
แหล่งข้ อมูลภายนอก
องค์กร
ฝ่ ายการเงิน
ฐานองค์ความรู้ของ
องค์กร
ฝ่ ายการตลาด
ฝ่ ายการผลิต
ส่ วนกลัน่ กรองข้ อมูล
ส่ วนสอบถามข้ อมูล
สารบัญข้ อมูล
โครงสร้ างของส่ วนจัดการข้ อมูล
(เฉพาะส่ วนทีแ่ รเงา)
ฐานข้ อมูลระบบสนับสนุน
การตัดสินใจ
ระบบจัดการฐานข้ อมูล
-สื บค้นข้อมูล
-สอบถามข้อมูล
-ปรับปรุ งข้อมูล
-สร้างรายงาน
-ลบข้อมูล
ฝ่ ายบุคคล
ฝ่ ายอืน่ ๆ
แหล่งข้ อมูลส่ วนบุคคล
คลังข้ อมูลขององค์กร
ส่ วนการจัดการสื่อประสานกับผู้ใช้
ส่ วนการจัดการแบบจาลอง
ส่ วนการจัดการองค์ความรู้
5. การจัดการข้ อมูล (Data Management)
ส่ วนกลัน่ กรองข้ อมูลคัดเลือกข้ อมูลทีม่ ีประโยชน์ ต่อการตัดสิ นใจทั้งจาก
ภายในและภายนอกองค์ กร เพือ่ นามาจัดเก็บลงในฐานข้ อมูลระบบ
สนับสนุนการตัดสิ นใจ ซึ่งอาจเชื่อมกับ คลังข้ อมูลขององค์ กร
 ระบบจัดการฐานข้ อมูล จะเชื่ อมกับ ส่ วนการจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้
ส่ วนการจัดการแบบจาลอง ส่ วนการจัดการองค์ ความรู้ เพือ่ สื บค้ นข้ อมูล
สอบถาม ปรับปรุง ลบข้ อมูล และสร้ างรายงาน
 โดยในการสอบถามข้ อมูล ส่ วนสอบถามข้ อมูลอาจติดต่ อกับระบบ
จัดการฐานข้ อมูลโดยตรง หรือสอบถามผ่ านสารบัญข้ อมูลได้ ซึ่งทา
หน้ าทีจ่ ัดเก็บคาจากัดความต่ าง ๆ ของข้ อมูล “Data Dictionary”

21
5. การจัดการข้ อมูล (Data Management)

ฐานข้ อมูล (Database)
คือ การนาข้ อมูลที่มีความสั มพันธ์ กันมาจัดเก็บไว้ ด้วยกัน ทาให้ ผ้ ูใช้ หลาย ๆ
คนในองค์ ก รสามารถใช้ ง านฐานข้ อ มู ลร่ ว มกัน ได้ โดยที่ ฐ านข้ อ มู ล ของระบบ
สนับสนุนการตัดสิ นใจจะจัดเก็บข้ อมูลตั้งแต่ อดีต จนถึงปัจจุบัน โดยไม่ มีการลบ
หรื อ แทนที่ ข้ อ มู ล เป็ นเหตุ ใ ห้ ฐ านข้ อ มู ล นี้จ ะมี ข นาดใหญ่ ก ว่ า ฐานข้ อ มู ล ของ
ระบบงานประจาทัว่ ไป
ทั้งนี้ ฐานข้ อมูลของระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ อาจแยกส่ วนหรื อเป็ นชุ ด
เดี่ยวกันกับฐานข้ อมูลทั่วไปขององค์ กรก็ได้ ซึ่ งหากรวมไว้ ในฐานข้ อมูลเดียวกัน
จะทาให้ การจัด รู ปแบบข้ อมู ลเพื่อนามาใช้ กับระบบสนั บสนุ นการตัด สิ นใจนั้ น
กระทาได้ ยาก หรื อการทางานจะช้ าลง แต่ หากแยกฐานข้ อมูลกันก็อาจเกิดปัญหา
ข้ อมูลซับซ้ อนกันได้
22
5. การจัดการข้ อมูล (Data Management)

ระบบจัดการฐานข้ อมูล (Database Management System: DBMS)
คือระบบที่พัฒนาขึน้ เพื่ออานวยความสะดวกต่ อผู้ใช้ ฐานข้ อมูล ในการสร้ าง
ปรับปรุ ง เรียกใช้ ข้อมูลในฐานข้ อมูล และรักษาความปลอดภัยของข้ อมูล

สารบัญข้ อมูล (Data Directory)
คือ ส่ วนที่จัดเก็บรายชื่ อ และคาจากัดความของข้ อมูลทั้งหมดในฐานข้ อมูล เพื่อใช้
ตอบค าถามต่ า งๆ ที่ ผ้ ู ใ ช้ ต้ อ งการ ซึ่ ง เหมาะส าหรั บ ใช้ สนั บ สนุ น กระบวนการ
ตัดสิ นใจในขั้นตอนการใช้ ความคิด (Intelligence Phase) ของมนุษย์
23
5. การจัดการข้ อมูล (Data Management)

ส่ วนสอบถามข้ อมูล (Query Facility)
คือ ส่ วนช่ วยในการสอบถามและค้ นหาข้ อมูลตามเงื่อนไขที่ต้องการ โดยจะ
ตอบสนองการร้ องขอจากส่ วนประกอบอืน่ ของระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ
ระบบสอบถามข้ อมูลที่ดี ต้ องมีความง่ ายต่ อการใช้ งาน ไม่ ซับซ้ อน สามารถ
ค้ นหาข้ อมูลได้ อย่ างถูกต้ องรวดเร็ว

ส่ วนกลัน่ กรองข้ อมูล (Extraction) หรือเรียกว่ า “ส่ วนสกัดข้ อมูล”
คือ ส่ วนทีท่ าหน้ าทีใ่ นการคัดเลือกข้ อมูลที่มีประโยชน์ ต่อการตัดสิ นใจทั้งจาก
ภายในและภายนอกองค์ กร เพื่อนามาจัดเก็บลงในฐานข้ อมูลระบบสนับสนุนการ
ตัดสิ นใจ โดยทาการคัดเลือกและกลัน่ กรองข้ อมูลตามมาตรฐานทีก่ าหนดไว้
24
5. การจัดการข้ อมูล (Data Management)
สรุปความสามารถของระบบจัดการข้ อมูล
1. สามารถเรียกใช้ ข้อมูลในฐานข้ อมูลของระบบ DSS ได้
2. สามารถปรับปรุงระเบียนข้ อมูลและแฟ้มข้ อมูลในฐานข้ อมูลของระบบ
DSS ได้
3. สร้ างความสั มพันธ์ ระหว่ างข้ อมูลทีไ่ ด้ รับจากแหล่ งข้ อมูลต่ างกันได้
4. สามารถเรียกดูข้อมูลจากฐานข้ อมูลโดยใช้ แบบสอบถามเพือ่ นามาสร้ าง
รายได้
5. มีระบบรักษาความปลอดภัยให้ กบั ข้ อมูลในฐานข้ อมูล
25
5. การจัดการข้ อมูล (Data Management) (ต่อ)
สรุปความสามารถของระบบจัดการข้ อมูล
6. สามารถสร้ างข้ อมูลอย่ างไม่ เป็ นทางการ (Unofficial Data) ได้ เพือ่ ใช้ ใน
การหาแนวทางแก้ ไขปัญหา หรือสร้ างทางเลือกในการแก้ ไขปัญหาเพือ่
ประกอบการตัดสิ นใจได้
7. สามารถจัดการกับข้ อมูลทีเ่ กิดจากแบบสอบถามทีซ่ ับซ้ อนได้
8. สามารถติดตามการใช้ งานข้ อมูลภายในระบบ DSS ได้
9. สามารถจัดการข้ อมูลผ่ านทางสารบัญข้ อมูลได้
26
6. การจัดการแบบจาลอง (Model Management) (1/7)
เป็ นส่ วนที่ใช้ ควบคุมการทางานของแบบจาลอง และช่ วยคัดเลือก
แบบจ าลองที่ เ หมาะสมส าหรั บ ใช้ วิ เ คราะห์ ข้ อ มู ล เพื่ อ ประกอบการ
ตั ด สิ น ใจ เช่ น แบบจ าลองทางการเงิ น สถิ ติ วิ ท ยาการจั ด การ และ
แบบจ าลองเชิ ง ปริ ม าณ เป็ นต้ น โดยแบบจ าลองจะถู ก จั ด เก็ บ ไว้ ที่
“ฐานแบบจาลอง”
หรื อแบบจาลองจะได้ มาจากการเขียนโปรแกรมสร้ างแบบจาลอง
เฉพาะกิจขึน้ มา
โดยที่ ค วามสามารถในการจั ด การ วิ เ คราะห์ ค้ น หา คั ด เลื อ ก
แบบจาลองให้ เหมาะสมกับการใช้ งานของผู้ใช้ ขณะนั้นคือ “ระบบจัดการ
ฐานแบบจาลอง”
27
ฐานแบบจาลอง
-เชิงกลยุทธ์ กลวิธี เชิงปฏิบตั ิ สาเร็จรู ป
-เชิงสถิติ การเงิน การตลาด การจัดการ
-แบบแผนการสร้างแบบจาลอง
ระบบจัดการฐานแบบจาลอง
-คาสัง่ การสร้างแบบจาลอง
-การปรับปรุ งแบบจาลอง
-ติดต่อประสานงานกับฐานข้อมูล
-ภาษาที่ใช้จดั การแบบจาลอง
ส่ วนการจัดการ
ข้ อมูล
ส่ วนการจัดการ
สื่ อประสานผู้ใช้
ชื่อ ความหมาย ความสามารถ ประโยชน์
สารบัญแบบจาลอง
การดาเนินการกับแบบจาลอง
-การทางานร่ วมกัน
-การประมวลผลคาสัง่
-การประสาน ฯลฯ
ส่ วนการจัดการ
องค์ ความรู้
โครงสร้ างการทางานของส่ วนการจัดการแบบจาลอง
28
From p.28 การจัดการแบบจาลอง
ส่ วนการจัดการแบบจาลอง ประกอบด้ วย ฐานแบบจาลอง ระบบจัดการฐาน
แบบจาลอง สารบัญแบบจาลอง และการดาเนินการกับแบบจาลอง
โดยจากฐานแบบจาลองจะส่ งข้ อมูลเกี่ยวกับแบบจาลอง เช่ น ชื่ อ ความหมาย
ความสามารถ และประโยชน์ ของแบบจาลอง ไปยังสารบัญแบบจาลอง และสารบัญ
แบบจาลองจะส่ งข้ อมูลให้ กบั ระบบจัดการฐานแบบจาลองทุกครั้งที่มีการร้ องขอ เพือ่
คั ด เลื อ กแบบจ าลองที่ เ หมาะสมกั บ ปั ญ หา โดยมี ก ระบวนการประมวลผลของ
แบบจาลองคอยควบคุ มการทางานอยู่ เช่ น ควบคุมการใช้ งานแบบจาลองหลาย ๆ
แบบร่ วมกัน และควบคุมการใช้ งานระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจร่ วมกับระบบอืน่
ส่ วนการจัดการแบบจาลองจะนาข้ อมูลจากส่ วนการจัดการข้ อมูลมาวิเคราะห์
โดยใช้ แบบจ าลองที่ ผ่ า นการคั ด เลื อ ก เมื่ อ วิ เ คราะห์ ไ ด้ ผ ลแล้ ว จะส่ งไปผ่ านสื่ อ
ประสานไปยังผู้ใช้ ในทีส่ ุ ด
29
6. การจัดการแบบจาลอง (Model Management)
 ฐานแบบจาลอง (Model Base)
คือแหล่ งรวบรวมแบบจาลองชนิดต่ าง ๆ เพือ่ ใช้ วเิ คราะห์ ข้อมูลในระบบ
สนับสนุนการตัดสิ นใจได้ เช่ น แบบจาลองทางสถิติ การเงิน การจัดการ และ
เชิงปริมาณ เป็ นต้ น แบ่ งตามวัตถุประสงค์ การนาไปใช้ งาน เป็ น 4 กลุ่ม ดังนี้
 แบบจาลองการตัดสิ นใจเชิงกลยุทธ์ (Strategic Model)
 แบบจาลองการตัดสิ นใจทางเทคนิควิธี (Tactical Model)
 แบบจาลองการตัดสิ นใจเชิงปฏิบัตกิ าร (Operational Model)
 แบบจาลองสาเร็จรู ป (Model Building Block)
30
6. การจัดการแบบจาลอง (Model Management)


ระบบจัดการฐานแบบจาลอง (Model Base Management System)
คือ ระบบทีท่ าหน้ าทีส่ ร้ างแบบจาลองโดยการใช้ โปรแกรมภาษาต่ างๆ หรือใช้
เครื่องมือระบบสนับสนุนของการตัดสิ นใจ นอกจากนีย้ งั ทาหน้ าทีใ่ นการ
ปรับปรุง เปลีย่ นแปลงแบบจาลอง และช่ วยจัดการข้ อมูลทีใ่ ช้ แบบจาลองเพือ่
คัดเลือกแบบจาลองทีเ่ หมาะสมกับการแก้ ไขปัญหาลักษณะต่ าง ๆ
ภาษาทีใ่ ช้ ในการสร้ างแบบจาลอง (Modeling Language)
- COBOL
- ภาษายุคที่ 4 (Fourth Generation) เช่ น Visual Basic, C++ , Visual .Net
และอืน่ ๆ
- MS Excel, IRPS/Plus
31
6. การจัดการแบบจาลอง (Model Management)

สารบัญแบบจาลอง (Model Directory)
เป็ นเหล่งรวบรวมรายชื่อ ความหมาย ความสามารถและประโยชน์ ของ
แบบจาลองทุกประเภท ไม่ ว่าจะเป็ นแบบจาลองทีเ่ ก็บอยู่ในฐานแบบจาลอง
(Model Base) หรือจะเป็ นแบบจาลองโปรแกรมสาเร็จรู ปอืน่ ๆ เช่ น Excel
32
6. การจัดการแบบจาลอง (Model Management)

การดาเนินการกับแบบจาลอง
 การใช้ งานแบบจาลอง (Model Execution)
 การใช้ งานร่ วมกันของแบบจาลอง (Model Integration)
เช่ น ผลลัพธ์ จากแบบจาลองหนึ่งอาจเป็ นข้ อมูลนาเข้ าสาหรับประมวลผลใน
อีกแบบจาลองก็ได้
 การประมวลผลแบบจาลอง (Command Processor)
เป็ นการรับและแปลคาสั่ งในการสร้ างแบบจาลองมายังระบบ จากนั้นระบบจะส่ งคา
แปลไปยังระบบจัดการฐานแบบจาลอง หน่ วยควบคุมการใช้ งานแบบจาลองหรือ
หน่ วยควบคุมการทางานร่ วมกันของแบบจาลอง
33
6. การจัดการแบบจาลอง (Model Management)
สรุปความสามารถของส่ วนการจัดการแบบจาลอง
1. สามารถจัดการแบบจาลองทีเ่ ก็บอยู่ในฐานแบบจาลองได้ อย่ างรวดเร็ว เช่ น การ
สร้ างแบบจาลองขึน้ มาใหม่ การประยุกต์ ใช้ แบบจาลองเดิมทีเ่ คยสร้ างไว้ แล้ ว
2. ผู้ใช้ สามารถทางานกับแบบจาลองประเภทต่ าง ๆ ได้ ด้วยตนเอง ดังนั้นผู้บริหารจึง
สามารทดลองและวิเคราะห์ เหตุการณ์ ต่าง ๆ ได้ เอง
3. ส่ วนการจัดการแบบจาลองต้ องมีความสามารถในการจัดการ จัดเก็บ และเรียกใช้
แบบจาลองประเภทต่ าง ๆ ได้ อย่างมีประสิ ทธิภาพ
4. สามารถนาแบบจาลองสาเร็จรู ปหลาย ๆ แบบมาใช้ งานร่ วมกับเพือ่ ให้ เกิดผล
ประโยชน์ ผลสู งสุ ด
34
6. การจัดการแบบจาลอง (Model Management) (ต่อ)
สรุปความสามารถของส่ วนการจัดการแบบจาลอง
5. มีการจัดทาสารบัญแบบจาลองเพือ่ สนับสนุนการใช้ งานแบบจาลอง
6. สามารถติดตามใช้ งานแบบจาลอง จากผู้ใช้ และจากโปรแกรมต่ าง ๆได้
7. สามารถนาแบบจาลองไปทางานร่ วมกับระบบจัดการฐานข้ อมูลได้
8. สามารถควบคุม และจัดการฐานแบบจาลองได้ โดยมีหน้ าทีค่ ล้ ายกับระบบจัดการ
ฐานข้ อมูล คือ การเก็บรักษา การเข้ าถึง การเรียกใช้ งาน การปรับปรุ ง การจัดทา
สารบัญ และการสอบถามแบบจาลอง
9. สามารถจัดการและจัดแสดงแบบจาลองมากกว่ า 1 แบบจาลองตามความต้ องการ
ของผู้ใช้ เพือ่ ให้ ผ้ ใู ช้ สามารถมองลักษณะของปัญหาได้ อย่ างชัดเจนยิง่ ขึน้
35
7. การจัดการองค์ ความรู้ (Knowledge Management)
เป็ นส่ วนประกอบที่ จาเป็ นสาหรั บระบบสนับสนุ นการตัดสิ นใจที่ มีขนาด
ใหญ่ รองรับกับปั ญหาที่มีความซับซ้อนสู ง เป็ นปั ญหาแบบไม่มีโครงสร้าง หรื อ กึ่ง
โครงสร้าง กล่าวคือ ปั ญหาที่ผตู ้ ดั สิ นใจ ไม่มีขอ้ มูล องค์ความรู ้ และประสบการณ์
เพี ย งพอต่ อ การแก้ไ ขปั ญ หานั้ น จ าเป็ นต้อ งมี ร ะบบจั ด การองค์ ค วามรู ้ เ ป็ น
ส่ วนประกอบของระบบ
หากเป็ นระบบเล็กไม่ซบั ซ้อน ไม่จาเป็ นต้องมีกไ็ ด้
องค์ ค วามรู้ ที่ ผู้ต ัด สิ น ใจจะสามารถค้น หาได้จ ากระบบสนั บ สนุ น การ
ตัดสิ นใจนั้น จะถูกจัดเก็บไว้ในฐานองค์ความรู ้ (Knowledge Base) ซึ่ งได้จาก
ประสบการณ์ของผูเ้ ชี่ยวชาญในการตัดสิ นใจแก้ไขปั ญหาไว้มากมายหลายสาขา
36
7. การจัดการองค์ ความรู้ (Knowledge Management) (ต่อ)
ดังนั้น ฐานองค์ความรู ้จึงต้องมีระบบจัดการฐานองค์ความรู ้ (Knowledge
Base Management : KBMS) เป็ นส่ วนช่วยในการจัดการองค์ความรู ้ ทาให้
ผูต้ ดั สิ นใจสามารถเรี ยกใช้องค์ความรู ้ที่ตรงกับปัญหาที่ตอ้ งการแก้ไขได้
อย่างรวดเร็ วและถูกต้อง
่ ว้ ย ถูก
 ในบางครั้งจึงทาให้ระบบฯ ที่มีองค์ประกอบส่ วนนี้ รวมอยูด
เรี ยกชื่อระบบได้อีกหลายชื่อ “ระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจชาญฉลาด”
(Intelligent DSS) “ระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจด้วยฐานองค์ความรู ้”
(Knowledge Base DSS)

37
7. การจัดการองค์ ความรู้ (Knowledge Management)
ตรวจสอบองค์ ความรู้
(Knowledge Validation)
แหล่ งองค์ ความรู้
(Expert & Etc.)
ดึงองค์ ความรู้
(Knowledge Acquisition)
ฐานองค์ ความรู้
(Knowledge Base)
การอธิบาย
(Explanation/Justification)
การวินิจฉัย/สรุ ปความ
(Inferencing)
Encoding
จัดรู ปแบบองค์ ความรู้
(Knowledge Representation)
การนาเข้ าฐานองค์ ความรู้
การใช้ งานฐานองค์ ความรู้
โครงสร้ างของส่ วนการจัดการองค์ ความรู้
38
7. การจัดการองค์ ความรู้ (Knowledge Management)

ส่ วนที่ทาหน้าที่รวบรวมองค์ความรู ้จากแหล่งองค์ความรู ้ เช่น
ผูเ้ ชี่ยวชาญ หรื อจากแหล่งอื่นๆ เพื่อนาองค์ความรู ้เหล่านั้นมาแปลงให้
อยูใ่ นรู ปที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ เรี ยกว่า ”Knowledge
Acquisition” จากนั้นองค์ความรู ้จะเข้าสู่ส่วน จัดรูปแบบองค์ ความรู้
“Knowledge Representation” ซึ่งอาจจะต้องมีการเข้ารหัสองค์ความรู ้
เช่น เปลี่ยนเป็ นสัญลักษ์ต่างๆ เพื่อประมวลผลไปเก็บไว้ในฐานองค์
ความรู้ ที่จะต้องมีการตรวจสอบองค์ความรู ้(Knowledge Validation) ที่
รับมาเก็บไว้วา่ ถูกต้องหรื อไม่ เมื่อผูใ้ ช้เรี ยกใช้ระบบจะต้องมีส่วนที่ทา
หน้าที่อธิบายความ (Explanation/Justification) องค์ความรู ้ต่างๆ ให้
ผูใ้ ช้สามารถเข้าใจในแนวทางหรื อคาตอบที่ระบบส่ งให้กบั ผูใ้ ช้ ด้วย
ส่ วนที่ทาหน้าที่สาคัญที่สุดคือ “ส่ วนวินิจฉัย/การสรุปความ
(Inferencing)”
39
7. การจัดการองค์ ความรู้ (Knowledge Management)

แหล่งองค์ ความรู้
เช่ น ผู้เชี่ยวชาญหรือจากแหล่ งอืน่ ๆ

การดึงองค์ ความรู้ (Knowledge Acquisition)
คือ ส่ วนทีท่ าหน้ าทีร่ วบรวมองค์ ความรู้ จากแหล่ งองค์ ความรู้ การนาองค์
ความรู้ จากแหล่ งองค์ ความรู้ มาแปลงและจัดเก็บในรู ปแบบที่คอมพิวเตอร์ สามารถ
เข้ าใจได้

การจัดรูปแบบองค์ ความรู้ (Knowledge Representation)
คือ ส่ วนทีท่ าหน้ าทีจ่ ัดรู ปแบบองค์ ความรู้ ทรี่ ะบบสามารถเข้ าใจได้ อาจเป็ น
การเข้ ารหัส (Encoding) เป็ นสั ญลักษณ์ ต่าง ๆ เพือ่ การประมวลผล ไปเก็บไว้ ในฐาน
องค์ ความรู้ ทีจ่ ะต้ องมีการตรวจสอบองค์ ความรู้
40
7. การจัดการองค์ ความรู้ (Knowledge Management)
 การตรวจสอบองค์ ความรู้ (Knowledge Validation)
คือ ส่ วนทีท่ าหน้ าทีต่ รวจสอบองค์ ความรู้ก่อนการจัดเก็บไว้ ในฐาน
องค์ ความรู้ว่าถูกต้ องหรือไม่
 การอธิบาย (Explanation/Justification)
คือ ส่ วนที่ทาหน้ าที่อธิบายความของแนวทาง หรือคาตอบ เมื่อผู้ใช้
เรียกใช้ งานระบบ
 การสรุ ปความ (Inferencing)
คือ ส่ วนสรุปความให้ ผู้ใช้
41
7. การจัดการองค์ ความรู้ (Knowledge Management) (6/6)
สรุปความสามารถของส่ วนการจัดการองค์ความรู้ทมี่ ีต่อระบบสนับสนุน
การตัดสิ นใจ
1. เป็ นเครื่องมือช่ วยเหลือและสนับสนุนขั้นตอนต่ าง ๆ ของกระบวนการ
ตัดสิ นใจ โดยเฉพาะกระบวนการทีไ่ ม่ ได้ ถูกกล่าวถึงในเชิงคณิตศาสตร์
2. ใช้ สร้ างแบบจาลองการตัดสิ นใจอัจฉริยะ (Intelligent Decision
Modeling System) ซึ่งจะช่ วยสนับสนุนให้ ผู้ใช้ สามารถสร้ าง ดัดแปลง
และจัดการแหล่งเก็บแบบจาลองต่ าง ๆได้
3. ช่ วยวิเคราะห์ ทางเลือกในการตัดสิ นใจสาหรับปัญหาทีอ่ ยู่ใน
สถานการณ์ ที่ไม่ มีความแน่ นอน(Uncertainly) โดยอาศัยการรวบรวม
ทฤษฎีเกีย่ วกับความไม่ แน่ นอนของฐานองค์ความรู้
42
8. การจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้ (User Interface
Management)
เป็ นส่ วนที่ทาหน้ าที่โต้ ตอบกับผู้ใช้ (Dialog Management) เพือ่ ให้
ผู้ใช้ สามารถติดต่ อสื่ อสารกับระบบ DSS โดยอุปกรณ์ Hardware,
Software และจัดการงานด้ านต่ าง ๆ ด้ วยระบบจัดการส่ วนประสานกั บ
ผู้ใช้ (User Interface Management System: UIMS) ทาให้ ผู้ใช้ สามารถ
ใช้ งานระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจได้ ง่ายขึน้
43
8. โครงสร้ างการทางานของส่ วนการจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้ (2/5)
ส่ วนการจัดการข้ อมูลและ
ระบบจัดการฐานข้ อมูล
ส่ วนการจัดการองค์ความรู้
และระบบจัดการ
ฐานองค์ความรู้
ส่ วนการจัดการแบบจาลอง
และระบบจัดการ
ฐานแบบจาลอง
ระบบจัดการสื่อประสานกับผู้ใช้
(UIMS)
สื่อประมวลผลภาษาธรรมชาติ
เทอร์ มินอล
Input
Output
การทางานของ
ภาษาธรรมชาติ
แสดงผล
ภาษาธรรมชาติ
เครื่องพิมพ์
ผู้ใช้
44
8. การจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้ (User Interface
Management)

ผู้ใช้ ป้อนคำสัง่ ต่ำงๆ เข้ ำสูร่ ะบบผ่ำนอุปกรณ์นำเข้ ำข้ อมูล(Input Device) จำกนัน้
เป็ นหน้ ำที่ของระบบจัดกำรสื่อประสำนผู้ใช้ (UIMS) ที่จะต้ องนำคำสัง่ นันเข้
้ ำสู่
หน่วยประมวลผลภำษำธรรมชำติที่เรี ยกว่ำ”Natural Language Processor” เพื่อ
ทำหน้ ำที่แปลคำสัง่ จำกภำษำมนุษย์เป็ นภำษำที่เครื่ องคอมพิวเตอร์ เข้ ำใจได้ จึงส่ง
คำสัง่ กลับไปยังระบบจัดกำรสื่อประสำนกับผู้ใช้ อีกครัง้ เพื่อจัดกำรส่งคำสัง่ ต่อไปที่
ส่วนประกอบอื่นๆ (เช่น ส่วนกำรจัดกำรข้ อมูล ส่วนกำรจัดกำรองค์ควำมรู้ และ
ส่วนกำรจัดกำรแบบจำลอง) และเมื่อคำสัง่ ได้ รับกำรประมวลผลเป็ นผลลัพธ์แล้ ว
จะถูกส่งกลับไปยังผู้ใช้ ผ่ำนทำงระบบจัดกำรสื่อประสำนกับผู้ใช้ ไปยังหน่วย
ประมวลผลภำษำธรรมชำติ เพื่อแปลภำษำเครื่ องคอมพิวเตอร์ กลับมำเป็ นภำษำ
มนุษย์และส่งไปยังหน่วยแสดงผล (Output Device) เพื่อแสดงผลลัพธ์ออกทำง
จอภำพ หรื อเครื่ องพิมพ์
45
8. การจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้ (User Interface
Management)
หน่ วยประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processor) ทา
หน้ าทีแ่ ปลงภาษามนุษย์ ให้ เป็ นภาษาทีเ่ ครื่องเข้ าใจได้ และแปลง
ภาษาเครื่องให้ กลับเป็ นภาษามนุษย์ ได้
 การประมวลผลภาษามนุษย์ (Natural Language Processing: NLP)
 สื่ อประสานหรือส่ วนโต้ ตอบกับผู้ใช้ มักมีการออกแบบเป็ น
Pop-up, Pull Down, การแสดงผล 3 มิติ, แสดงผลเป็ นแผนภูมิหรือ
ตาราง และการแสดงผลในรูปแบบ Web page

46
8. การจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้ (User Interface Management)
สรุปความสามารถของส่ วนการจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้ (GUI)
1. สามารถรองรับเทคโนโลยีด้านกราฟิ กของสื่ อประสานกับผู้ใช้ (Graphical User
Interface) เพือ่ ช่ วยให้ ผู้ใช้ สามารถใช้ งานระบบ DSS ได้ ง่ายขึน้
2. สามารถรองรับอุปกรณ์ นาเข้ า (Input Device) ได้ หลายประเภท
3. สามารถรองรับการแสดงผลและการใช้ งานอุปกรณ์ แสดงผลข้ อมูลต่ างๆ ได้
4. มีความยืดหยุ่น และสามารถปรับระบบตามลักษณะปัญหาต่ างๆ ได้ อย่ างรวดเร็ว
5. ช่ วยจัดเก็บข้ อมูลที่ผ่านเข้ า – ออกระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจได้ อย่ างมีประสิ ทธิภาพ
6. สามารถรองรับการแสดงผลในลักษณะภาพกราฟิ ก 3 มิติ ที่มีสีสันสวยงามได้
47
8. การจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้ (User Interface Management)
สรุปความสามารถของส่ วนการจัดการสื่ อประสานกับผู้ใช้ (GUI)
7. สามารถแสดงข้ อมูลพร้ อมกันหลายหน้ าต่ างและหลายรู ปแบบได้
8. สามารถสื่ อความต้ องการของผู้ใช้ ไปยังผู้สร้ างระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจผ่ านทาง
ระบบสื่ อประสานกับผู้ใช้ (GUI)
9. จัดเตรียมตัวอย่ างให้ ผู้ใช้ ได้ ฝึกทักษะการใช้ ระบบ โดยอาจแนะนาผ่ านกระบวนการป้ อน
ข้ อมูลเข้ า และกระบวนการสร้ างแบบจาลอง
10. ผู้ใช้ สามารถปรับแต่ งหน้ าตาของระบบสื่ อประสานกับผู้ใช้ (GUI) ให้ เป็ นไปตามความ
ต้ องการของผู้ใช้ ได้ เสมอ
48