การใช้งาน Telnet

Download Report

Transcript การใช้งาน Telnet

บทที่ 4
WWW , HTTP และ Telnet
World Wide Web (WWW)
q เป็ นระบบการเผยแพร่ ข่าวสารข้อมูลในระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต
โดยการเชื่อมโยงและโอนย้ายข้อมูลจากแหล่งข้อมูลทีเรี ยกว่า Web
Server
q ข้อมูลใน World Wide Web เป็ นได้ท้ งั ข้อความ รู ปภาพและเสี ยง
q การเชื่อมโยงใน WWW มีลกั ษณะของ Hyperlink และ Hypermedia
โดยใช้โปรโตคอล HTTP (HyperText Transfer Protocal)
ความเป็ นมาของ World Wide Web (WWW)
World Wide Web (WWW) ได้ถูกคิดค้นโดย Tim Berners-Lee และ
ทีมงาน European Particle Physics Laboratory (CERN) เมืองเจนีวา
สวิตเซอร์แลนด์ ถูกเผยแพร่ ครั้งแรกในปี 1991 ซึ่งเริ่ มจากการพัฒนา
ลักษณะการเชื่อมโยงข้อมูลที่เรี ยกว่า Hypertext โดยใช้โปรโตคอล HTTP
(Hypertext Transfer Protocal) ในการติดต่อสื่ อสาร ด้วยการรับส่ งไฟล์
HTML (Hypertext Markup Language) เสนอข้อมูลในรู ปแบบของหน้าเว็บ
เพจ ซึ่งแสดงข้อมูลได้หลายรู ปแบบ เช่น ข้อความ รู ปภาพ ภาพเคลื่อนไหว
การทางานของ WWW จะต้องมี Host ทาหน้าที่เป็ น Server เรี ยกว่า
Web Server เพื่อให้ผใู ้ ช้ที่ตอ้ งการใช้งานเว็บไซต์ติดต่อเข้ามา และผูใ้ ช้ก็
จาเป็ นต้องมีแอปพลิเคชัน่ ที่สามารถใช้งาน WWW เรี ยกว่า “Web browser”
HYPERTEXT
q Hypertext มีลกั ษณะเหมือนข้อความปกติ สามารถจัดเก็บ อ่าน
ค้นหาหรื อแก้ไขได้
q Hypertext เป็ นองค์ประกอบที่สาคัญบน Web ซึ่งผูใ้ ช้สามารถใช้
งานในลักษณะการโต้ตอบได้
q Hypertext เป็ นการเชื่อโยงข่าวสารโดยมีตวั ชี้ (links)
q ลักษณะสาคัญคือสามารถเชื่อมโยงข้อความจากข้อความหนึ่งไปยัง
อีกข้อความหนึ่งได้
ทาความรู้จักกับ HTTP
การทางานของ WWW นอกจากจะอาศัยแอปพลิเคชัน่ ในฝั่งของผูใ้ ช้
และผูใ้ ห้บริ การแล้ว การขนส่ งข้อมูลจะมีโปรโตคอลเข้ามาเกี่ยวข้อง
และมีความสาคัญต่อการทางานของ WWW ด้วย คือ HTTP
(HyperText Transfer Protocol)
HTTP เป็ นโปรโตคอลที่ทางานอยูใ่ นระดับชั้น Application Layer
เป็ นโปรโตคอลที่ใช้สื่อสารระหว่าง Client computer กับ Server
computer ทาให้ท้ งั สองเครื่ องรู ้วา่ จะจัดการส่ งข้อมูลไปอย่างไร
ทาความรู้จักกับ HTTP
HTTP เป็ นตัวกลางในการติดต่อโดยการส่ งคาร้องขอไปยัง Server
เรี ยกว่า “HTTP Request” และรอการตอบกลับมาด้วย HTTP เช่นกัน
เรี ยกว่า “HTTP Response” เมื่อสามารถติดต่อสื่ อสารกับ Server ได้
แล้วก็จะเริ่ มรับข้อมูลจาพวก HTML มาเพื่อแสดงผลคาสัง่ ต่างๆ เป็ น
หน้าเว็บเพจที่ตอ้ งการ
HTTP
โปรโตคอล HTTP วิ่งอยูบ่ น TCP/IP อีกชั้นหนึ่ง รู ปแบบการทางาน
จะไม่มีการจองสาย โดย Client จะเรี ยกข้อมูลจาก Server โดยการส่ ง
request ไปแล้วจะตัดการติดต่อทันที จากนั้นจะรอจนกระทัง่ Server
ส่ งข้อมูลมาให้
HTTP Request
HTTP Response
HTTP
ประโยชน์ของการทางานแบบไม่จองสายของ HTTP ทาให้ WWW
server สามารถให้บริ การ client ได้หลายๆ คนพร้อมกัน การสื่ อสาร
ของ WWW จึงมีประสิ ทธิภาพมากขึ้น
HTML
HTML(HyperText Markup Language) คือสื่ อภาษาที่ทาให้
เอกสารหรื อ Contents ที่อยูบ่ นเครื่ อง Server computer เมื่อถูกส่ งมา
ที่ Client computer แล้วจะนาไปแสดงได้อย่างไร เราเรี ยกซอฟท์แวร์
ที่ใช้แสดงนี้วา่ Browser
Web Browsers
q เป็ นโปรแกรมที่ทาหน้าที่แปลคาสัง่ และข้อมูลที่อยูใ่ นรู ปของ
ภาษา HTML ให้กลายมาเป็ นรู ปแบบการแสดงข้อมูลบนจอภาพ
ตามรู ปแบบ คาสัง่ ที่กาหนดไว้
q ติดตั้งบนเครื่ องที่จะขอใช้บริ การ WWW (Client)
ประเภทของ Web Browser
q บราวเซอร์ แบบ graphic Mode(ใช้งานแบบ Hypermedia)
Mozilla FireFox , Chrome , Internet Explorer , Netscape
q บราวเซอร์ แบบ Text mode (ใช้งานแบบ Hypertext)
q Lynx และ DosLynx โดยมหาวิทยาลัยแคนซัส สหรัฐอเมริ กา
่ ี่ ftp2.cc.ukans.edu
q อยูท
1
การทางานของ Web Browser
การที่ผใู ้ ช้ติดต่อกับ Web Server ได้อย่างถูกต้อง คือ URL(Uniform
Resource Locator) หรื อที่อยูข่ องเว็บไซต์ เพื่อให้ Web browser
ค้นหาที่อยูข่ อง Web Server โดยอาศัยโดเมนเนมที่ระบุอยูใ่ น URL
โดย URL จะเป็ นชื่อเฉพาะของเว็บไซต์ต่างๆ ที่ไม่ซ้ ากัน การ
เรี ยกใช้ URL เพื่อระบุที่อยูข่ องเว็บไซต์ที่ตอ้ งการติดต่อนั้น ช่วยให้
ผูใ้ ช้จดจาได้ง่ายกว่าการใช้ IP Address โดยโครงสร้าง URL มีดงั นี้
การทางานของ Web Browser
โครงสร้างของ URL
http://www.google.com/index
โปรโตคอลทีใ่ ช้
Domain Name
ชื่อไฟล์ข้อมูล
ส่ วนที่ต่อจากโดเมนเนมจะเป็ นชื่อของไฟล์ขอ้ มูลที่ตอ้ งการ หรื ออาจเป็ น Floder ที่
เก็บข้อมูลนั้นเอาไว้ ซึ่ งจะใช้เครื่ องหมาย “/” คัน่ ไว้หากมีมากกว่าหนึ่งไฟล์
Proxy Server
ในการเรี ยกใช้ขอ้ มูลผ่านระบบ World Wide Web (WWW)
โดยปกติ ข้อมูลจะถูกเรี ยกมาจากเครื่ องแม่ข่ายที่ให้บริ การโดยตรง
ซึ่งจะพบว่า เมื่อมีผใู ้ ช้หลายๆ ราย เรี ยกใช้ขอ้ มูลเดียวกัน ข้อมูลจะ
ถูกส่ งผ่านเครื อข่ายอินเทอร์เน็ตมาให้กบั ผูใ้ ช้แต่ละราย โดยเป็ น
ข้อมูลที่ซ้ าๆ กัน อันจะทาให้สิ้นเปลืองทั้งเวลาที่ผใู ้ ช้ทุกคนจะต้อง
รอคอยการเรี ยกข้อมูลดัง กล่าวเป็ นเวลานาน และยังเป็ นการใช้งาน
ช่องสื่ อสาร (bandwidth) ซึ่งมีอยูอ่ ย่างจากัด และมีราคาแพงมาก ไป
โดยเปล่าประโยชน์
Proxy Server
 Proxy Server เป็ น Server ที่ทาหน้าที่เป็ นตัวแทนหรื อตัวกลาง
Proxy จะทาหน้าที่แทน Client ในการติดต่อกับ Server ตัวอื่นๆโดย
ทาหน้าที่จดั เก็บข้อมูลที่ผใู ้ ช้เรี ยกหา (Request) ไปยัง Server
ปลายทาง หรื อเรี ยกไปที่ hosting ใด ๆ มาจัดเก็บเอาไว้
 เมื่อผูใ้ ช้เรี ยกหา (Request) ไปยัง URL ซ้ ากัน หน้าที่ของ proxy
server คือนาข้อมูลที่ได้เคยจัดเก็บไว้ มาแสดงให้ผใู ้ ช้ชม โดยไม่ตอ้ ง
ติดต่อไปยัง Server ปลายทางหรื อ hosting อีก
Proxy Server
 ทาหน้าที่เหมือน Web Caching คือทาหน้าที่เก็บข้อมูลเว็บเพจที่
Client เคยเรี ยกใช้งานไว้ในฮาร์ดดิสก์ เพื่อเพิ่มความเร็ วในการ
เรี ยกดูเว็บของเครื่ อง Client ในครั้งต่อไป แต่เมื่อ Client เรี ยกใช้งาน
แล้วไม่มีขอ้ มูลในฮาร์ดดิสก์ ตัว Proxy Server จะทาหน้าที่แทนคือ
ไปโหลดข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตแล้วส่ งต่อให้กบั Client พร้อมกับ
สาเนาข้อมูลเก็บไว้
ประเภทของ Proxy Server
1. Caching proxy server ใช้เร่ งความเร็ วโดยการเก็บข้อมูลจากการ
เรี ยกใช้งานครั้งก่อน จากเครื่ องลูกข่าย เก็บสารองสารองข้อมูลที่ถูก
ร้องขอบ่อย ทาให้องค์กรขนาดใหญ่ลด bandwidth และค่าใช้จ่าย ใน
ขณะเดียวกันเพิม่ ความสามารถขององค์กร
2. Web proxy Server มีหน้าที่ในการเชื่อมโยงบนเวิลด์ไวด์เว็บ
เรี ยกว่า Web proxy การทางานหลักคือการเป็ น web cache และ
สามารถคัดกรองหรื อปิ ดกั้น URL ใน Blacklist จึงนิยมใช้ในบริ ษทั ,
สถานศึกษา, ห้องสมุด
ประเภทของ Proxy Server
3. Hostile proxy ทาหน้าที่ดกั เก็บข้อมูลที่ส่งผ่านระหว่างเครื่ องลูก
ข่ายกับเว็บเซิร์ฟเวอร์ สามารถเก็บข้อมูลในการกรอกแบบฟอร์ม
ต่าง ๆ บนเว็บ เช่น รหัสผ่านสาหรับอีเมลหรื อธนาคารออนไลน์
ทั้งนี้สามารถใช้ SSL เพื่อความปลอดภัยได้
การทางานของ Proxy Server
1. Client 1 จะทาการเรี ยกเว็บ http://www.www.com ไปที่ Server
2. ระบบ Proxy Server ทาการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ว่ามีใน Cache
หรื อไม่ หากไม่มีจะทาการเรี ยกข้อมูลไปที่เครื อข่ายอินเตอร์เน็ต
3. เมื่อ Web Server ตอบกลับและส่ งข้อมูลกลับมาที่ Proxy Server
ระบบ Proxy Server ทาการคัดลอกไฟล์ที่โหลดมาลง Cache ระบบ
และส่ งต่อไฟล์ที่ เครื่ อง Client 1
4. Client 2 ทาการเรี ยกว่า http://www.www.com เช่นกัน
5. ระบบ Proxy Server ทาการตรวจสอบและพบว่ามี เว็บใน Cache
ระบบ จึงทาการส่ งเว็บไปให้ Client 2 ทันทีโดยไม่ตอ้ งทาการร้อง
ข้อใหม่จากอินเตอร์เน็ต
การทางานของ Proxy Server
ประโยชน์ ของ Proxy Server
ประโยชน์ ของการใช้ Proxy Server
ผูใ้ ช้บริ การสามารถเรี ยกดูขอ้ มูลจาก Web Site ต่าง ๆ ได้
รวดเร็ วขึ้น และช่วยประหยัดเวลาในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้
เพราะ Proxy Server ก็จะสามารถใช้ขอ้ มูลที่เก็บไว้จากการร้องขอ
ของผูใ้ ช้รายแรกมาส่ งให้แก่ผู ้ ใช้รายอื่น ๆ ได้เลยโดยไม่จาเป็ นต้อง
ทาการร้องขอไปยัง Web Server อีกครั้ง ทาให้สามารถประหยัดได้
ทั้งเวลา และ Bandwidth ของเครื อข่าย นอกจากนี้ ยังได้ขอ้ มูลที่มี
ความถูกต้อง และ ทันสมัยอยูต่ ลอดเวลา
การใช้งาน Proxy Server ช่วยให้ประหยัด IP จริ ง (Registered IP)
ได้
ประโยชน์ ของ Proxy Server
ความสามารถเพิม่ เติมของ Proxy Server
 Access List (ACL)
 กาหนดวันเวลาในการใช้งาน
 กรองเว็บไซต์ที่ไม่พึงประสงค์
 ห้าม IP หรื อ Network ใด ๆ ใช้งาน
 Transparent Proxy คือการใช้งาน Internet โดยที่เครื่ อง Client ไม่
ต้องระบุ IP ของ Proxy Server
Telnet
TELNET คือ บริ การที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ระยะไกล หรื อการที่
ผูใ้ ช้สามารถใช้ Server ตัวใดๆในโลกที่เชื่องกับอินเตอร์เน็ตโดยผูใ้ ช้
ต้องมีบญั ชีและรหัสผ่าน เพื่อขอใช้ Server บริ การTelnet นี้สามารถสัง่
Server ให้ทางานต่างๆได้ เช่น ให้บริ การอีเมล์ รันโปรแกรม หรื อ
คอมไพล์โปรแกรม
นอกจากTELNET จะทาให้เราสามารถ login เข้าไปใช้งานเครื่ อง
คอมพิวเตอร์เครื่ องใดเครื่ องหนึ่งแล้ว ยังสามารถ log in เข้าไปในเครื่ อง
อื่นๆต่อได้อีก และสามารถเรี ยกใช้บริ การต่างๆบนเครื่ องเหล่านั้นได้
ด้วย โดยไม่จาเป็ นต้องยกเลิกการติดต่อเครื่ องคอมพิวเตอร์เครื่ องแรก
Telnet
การเชื่อมต่อไปยังเครื่ องปลายทางด้วย Telnet แบ่งออกเป็ น 2
ประเภท ดังนี้
1. Local Login เป็ นการเชื่อมต่อกับ Server เพื่อเข้าใช้งานในระยะใกล้
หรื อเครื อข่ายเดียวกัน โดยไม่ตอ้ งอาศัยเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต
2. Remote Login เป็ นการเชื่อมต่อเครื่ องผูใ้ ช้กบั แอปพลิเคชัน่ ภายใน
เครื่ องคอมพิวเตอร์เครื่ องอื่นที่อยูใ่ นระยะไกล โดยจะอาศัยเครื อข่าย
อินเทอร์เน็ตเป็ นตัวกลางในการติดต่อกับเครื่ องปลายทาง ผูใ้ ช้
จาเป็ นต้องทราบโดเมนเนม หรื อไอพีเอสเดรสของเครื่ องปลายทาง
ด้วย
การใช้ งาน Telnet
เนื่องจาก Telnet มักใช้ระบบปฏิบตั ิการ UNIX ผูใ้ ช้จึงควรทราบคาสัง่
ของ UNIX การใช้บริ การ Telnet สามารถใช้คาสัง่ RUN ผ่าน
โปรแกรม windows
คาสัง่ Start--> Run--> พิมพ์ Telnet หมายเลข หรื อ ชื่อ Server -->OK
จะเข้าสู่ Server ที่ตอ้ งการ
การใช้ งาน Telnet
ตัวอย่างเช่น TELNET 10.4.0.4
10.4.0.4 คือหมายเลขIP ของเครื่ องServerที่เราต้องการติดต่อ ที่
สามารถให้บริ การ telnet ได้เมื่อติดต่อกับเครื่ อง Server ได้แล้วจะขึ้น
ให้ผใู ้ ช้ใส่ <login >และใส่ <Password > เมื่อใส่ ถูกต้องก็จะเข้าไปอยู่
ในระบบและทางานได้ตามต้องการ ซึ่งการทางานส่ วนใหญ่ที่ใช้
โปรแกรม TELNET เช่น สัง่ ให้คอมไพล์โปรแกรม , สัง่ ให้รัน
โปรแกรมบนเครื่ อง Server , ตรวจสอบ mail หรื อตรวจสอบผูใ้ ช้
(User) ที่ใช้งานบนเครื่ อง Server อยูใ่ นขณะนั้น เป็ นต้น
การใช้ งาน Telnet
การใช้ งาน Telnet
เมื่อ Login สาเร็ จผูใ้ ช้สามารถขอใช้บริ การส่ งจดหมายได้โดย พิมพ์ Pine
กด Enter จะได้หน้าจอระบบจดหมายที่เรี ยกว่า Pine เป็ นระบบจดหมายที่แสดง
เฉพาะข้อความเท่านั้น ไม่สามารถแสดงรู ปภาพได้ จึงทาให้การส่ งจดหมายทาได้
รวดเร็ ว
แบบฝึ กหัด
1. เอกสาร Hypertext มีลกั ษณะเป็ นอย่างไร
2. ให้นกั ศึกษายกตัวอย่าง Web Browser นอกเหนือจากตัวอย่างในสไลด์
มาไม่นอ้ ยกว่า 3 Browser
3. URL และ Domain name คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร
4. เหตุใดองค์กรจึงควรมี Proxy Server
5. หากนักศึกษาได้รับอนุญาตให้สามารถเข้าใช้บริ การเครื่ อง Server ที่มี
ไอพีแอดเดรส 202.0.0.0 ของมหาวิทยาลัยจากที่ใดก็ได้ นักศึกษามี
ขั้นตอนการเข้าใช้งานอย่างไร