ดูข้อมูล

Download Report

Transcript ดูข้อมูล

แนวปฏิบตั ิทีด่ ีของการเรียนการสอน
การวัดและประเมินผลการเรียนรู ้
รองศาสตราจารย์ ดร.ปาริชาติ บัวเจริญ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ภาคพายัพ เชียงใหม่
1 สิงหาคม
2555
1
ปฏิสัมพันธ์ ขององค์ ประกอบของการเรียนการสอน
วิธีสอน
หลักสู ตร
ผู้เรียน
ผู้สอน
ปฏิสัมพันธ์
สื่ อการสอน
สิ่ งแวดล้อม
2
ปฏิสัมพันธ์ ของกระบวนการเรียนการสอน
จุดประสงค์
ของการเรียน
การสอน
การ
ประเมินผล
ก่อนสอน
กระบวน
กาเรียน
การสอน
การ
ประเมินผล
หลังสอน
ผลย้ อนกลับ
3
พระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่ งชาติ 2542
มาตรา 22: ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนา
ตนเองได้ ผู้เรียนมีความสาคัญทีส่ ุ ด ต้ อง
ส่ งเสริมให้ ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ
และเต็มตามศักยภาพ
4
มคอ.2 รายละเอียดของหลักสู ตร
เดิม
TQF
วัตถุประสงค์ของหลักสูตร
วัตถุประสงค์ของหลักสูตร
กลุ่มเนื้ อหาสาระสาคัญ
กลุ่มเนื้ อหาสาระสาคัญ
โครงสร้างหลักสูตร รายวิชา
ผลการเรียนรู้
โครงสร้างหลักสูตร รายวิชา
5
ขั้นตอนการปฏิบัติตามกรอบ TQF
มคอ.1
(มาตรฐานคุณวุฒิสาขาวิชา)
มคอ.2
(รายละเอียดของหลักสูตร)
มคอ.3
(รายละเอียดของรายวิชา)
มคอ.4
มคอ.5
(รายงานผลการดาเนินการ
ของรายวิชา)
มคอ.6
(รายงานผลการดาเนินการ
ของประสบการณ์ภาคสนาม)
มคอ.7
(รายงานผลการดาเนินการ
ของหลักสูตร)
(รายละเอียดของ
ประสบการณ์ภาคสนาม)
6
มาตรฐานผลการเรียนรู้
(Domains of Learning)
ด้านคุณธรรม จริยธรรม
ด้านทักษะการวิเคราะห์
เชิงตัวเลข การสื่อสาร
และการใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศ
ด้านความรู้
ด้านทักษะทางปัญญา
ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่าง
บุคคล และความรับผิดชอบ
7
ปรัชญาการวัดผลทางการศึกษา

1.
2.
3.
4.
5.
ดร.ชวาล แพรัตกุล ได้ สรุปแนวความคิดหรือมีคติที่
ควรยึดถือเกีย่ วกับการศึกษาดังนี้
ถือว่ าการสอบเป็ นส่ วนหนึ่งของการสอน
การสอบควรมุ่งวัดศักยภาพมากกว่ าทีจ่ ะวัความจา
สอบเพือ่ วินิจฉัย
สอบเพือ่ ประเมินค่ า
ทดสอบเพือ่ ค้ นและพัฒนาสมรรถภาพ
8
การ
ทดสอบ
ข้อสอบ
ชิ้ นงาน
สังเกต
แบบสอบถาม
ฯลฯ
การวัดผล
คะแนน
การ
ประเมินผล
- ผ่าน-ไม่ผ่าน
- A, B+, B, C+,
C, D
- ได้ที่ 1, 2 ฯ
9
ความถูกต้ องของการวัด
การวัดไม่วา่ จะเป็ นระบบหรื อระดับใดก็ตาม ต้องมีความคลาดเคลื่อน (Error) อยู่
เสมอ ความคลาดเคลื่อนจะมีมากหรื อน้อยขึ้นอยูก่ บั สิ่ งต่าง ๆ ต่อไปนี้
ความถูกต้ อง
ของการวัด
1.ธรรมชาติ 2.องค์ ประกอบ 3.ธรรมชาติของ
ของสิ่ งทีเ่ ราจะวัด ของสิ่ งทีเ่ ราจะวัด เครื่องมือที่ใช้ วดั
4.ทักษะ
ของผู้วดั
10
ธรรมชาติของการวัดผลการศึกษา
1. การวัดผลการศึกษาเป็ นการวัดทางอ้ อม
2. การวัดผลการศึกษาเป็ นการวัดทีไ่ ม่ สมบูรณ์ ในตัว
3. การวัดทางการศึกษาเป็ นการศึกษาความสั มพันธ์
ระหว่ างข้ อมูลทีไ่ ด้ จากการวัดกับองค์ ประกอบอืน่ ๆ
4. ผลจากการวัดมีความคลาดเคลือ่ นเสมอ
11
รู ปแบบพืน้ ฐานของการเรียนการสอน จะเห็นว่ า
การวัดผลจะเข้ าไปเกีย่ วข้ องอยู่ 3 ตอน คือ
 การวัดผลก่ อนการเรียน
(Pre -evaluation)
 การวัดผลระหว่ างเรียน (Formative evaluation)
 การวัดผลหลังการเรียน (Summative evaluation)
12
หลักการวัดผลการศึกษา
13
การประเมินผลการเรียน
 1.
การประเมินผลแบบอิงกลุ่ม (Norm – Referenced Evaluation) มี
จุดประสงค์ เพือ่ กระจายบุคคลทั้งกลุ่มไปตามความสามารถของแต่ ละบุคคล
ลักษณะของข้ อสอบต้ องมีค่าอานาจจาแนกสู งเพือ่ จาแนกบุคคลในกลุ่ม และมี
ความยากง่ ายพอเหมาะ จะแปลผลโดยใช้ กลุ่มเป็ นหลักในการเปรียบเทียบ
โดยดูว่าใครเด่ น - ด้ อยอย่ างไร ใครเป็ นอันดับทีเ่ ท่ าใดของกลุ่ม
 2. การประเมินผลแบบอิงเกณฑ์ (Criterion – Referenced Evaluation ) มี
จุดประสงค์ เพือ่ พิจารณาว่ า เมื่อเรียนจนจบแต่ ละหน่ วยแล้วผู้เรียนมีความ
รอบรู้ตามเกณฑ์ ทตี่ ้งั ไว้ หรือไม่ เป็ นการวัดพฤติกรรมทีค่ าดหวังที่กาหนดขึน้
สาหรับการเรียนการสอนในช่ วงใดช่ วงหนึ่ง เพือ่ แสดงความงอกงามของ
ผู้เรียน จะแปลผลในรูปทีว่ ่ าผู้รียนรอบรู้หรือยังไม่ รอบรู้ โดยบอกให้ ทราบว่ า
ผู้เรียนแต่ ละคนสามารถทาอะไรได้ บ้างจากการเปรียบเทียบกับเกณฑ์
14
15
การแปลความหมายของคะแนน
คะแนนทีไ่ ด้ = ความสามารถจริง + ความคลาดเคลือ่ น
16
การตัดสิ นผล
เก่ง
อ่ อน

ผ่ าน
ไม่ ผ่าน

17
การตัดเกรด
การตัดเกรด (grading) หรือการให้ระดับคะแนน เป็ น
วิธีการสรุปผลการเรียน เพือ่ ประเมินผลและกาหนดระดับ
ของความสามารถในการเรียนของผูเ้ รียนว่าผ่านหรือไม่ผ่าน
เก่งหรืออ่อน ระดับ A B C D หรือ F การตัดเกรดจึ งเป็ นการ
นาผลการสอบวัดในทุก ๆ ระยะของการเรียนการสอน และ
ทุกชนิดไปใช้ประเมิน
18
องค์ประกอบของการตัดเกรด
1. ผลการวัด (measurement)
2. เกณฑ์การพิจารณา (criteria)
3. วิจารณญาณและคุณธรรมต่าง ๆ (value judgement)
19
รูปแบบของการตัดเกรด
1. แบบใช้เกณฑ์ทคี่ าดหวัง หรือเป็ นแบบตัง้ เกณฑ์ไว้
ตายตัว (absolute marking system) เป็ นระบบการให้ เกรด
ที่ใช้ คะแนนดิบหรือเปอร์เซ็นต์ท่เี ด็กสอบได้ เป็ นหลักในการตัด
เกรด เช่น เด็กได้ 90% ขึ้นไป ให้ เกรด A ได้ 75% - 89% ให้
เกรด B เป็ นต้ น
2. แบบใช้เกณฑ์สัมพันธ์ (relative marking system) เป็ น
ระบบการให้ เกรดโดยการเปรียบเทียบคะแนนของเด็กภายใน
กลุ่ม แล้ วใช้ วิจารณญาณของผู้สอนกาหนดเกณฑ์การพิจารณา
ตามสภาพของกลุ่มนั้น
20
การแบ่งเกรด
1. แบ่งออกเป็ น 5 เกรดในกรณีทผี่ ู เ้ ข้าสอบมีความสามารถแตกต่างกันมาก คือคน
เก่งก็เก่งจริง คนอ่อนก็อ่อนจริง และจะต้องมีผูเ้ ข้าสอบมากพอสมควร
2. แบ่ง 4 เกรด ใช้ในกรณีทนี่ กั เรียนกลุม่ มีความสามารถแตกต่างกันไม่มาก คือ
- A.B.C.D
ถ้าคนอ่อนยังไม่ถงึ ขัน้ สมควรตก
- B.C.D.F
ถ้าคนเก่งยังไม่ถงึ ขัน้ ได้ A คนอ่อนก็ไม่สมควรสอบได้
3. แบ่ง 3 เกรด ใช้ในกรณีทนี่ กั เรียนกลุม่ มีความสามารถไล่เลีย่ กัน คือ
- A.B.C.
ถ้ายอดของกลุม่ เก่งควรได้ A และคนอ่อนพอใช้ได้
- B.C.D.
ถ้ายอดของกลุม่ ไม่ถงึ ขนาดได้ A และคนอ่อนก็อ่อนมาก
21
- C.D.F.
ถ้ายอดของกลุม่ ไม่เก่งและท้ายกลุม่ ก็อ่อนมาก
การตัดเกรด T- score
22
ข้อควรระว ังเมือ
่ ประเมินผลแบบอิงเกณฑ์
1. ข้ อสอบต้ องมีคุณภาพดี
- Validity
- Reliability
2. การตั้งเกณฑ์ ผ่าน
23
ข้อควรระว ังเมือ
่ ประเมินผลแบบอิงกลุม
่
โดย T- score
1. การให้ คะแนนแบ่ งเป็ นช่ วงใต้ โค้ งปกติ จะต้ องแปลง
คะแนนดิบเป็ นคะแนนมาตรฐาน T
2. การให้ คะแนนผู้เรียนสองกลุ่มทีม่ คี ะแนนต่างกัน
อาจไม่ ยุตธิ รรม จึงควรต้ องหาเกณฑ์ ผ่านก่ อนแล้ ว
มาตัดเกรด
24