เอกสาร

Download Report

Transcript เอกสาร

Silicates
ซิลเิ กต
Silicates
 แร่หมู่ซล
ิ เิ กตเป็ นแร่หมู่ทส
ี่ ำคัญมำกกว่ำทุกหมู่ที่
กล่ำวมำ เป็ นหมู่แร่ทใหญ่
ี่
ทสุ
ี่ ด เนื่ องจำกแร่
้
่ ษย ์รู ้จักเป็ นแร่ซลิ เิ กตถึง 25% และ
ทังหมดที
มนุ
้ นแร่สำมัญถึงเกือบ 40% แร่เกือบ
ในจำนวนนี เป็
ทุกชนิ ดในหินอัคนี เป็ นแร่ซลิ เิ กต
Silicates
้
 หำกคิดเป็ นปริมำณเปอร ์เซ็นต ์โดยนำหนั
กโดย
่
่ ดบนเปลือกโลกมี 8 ธำตุ
เฉลียของธำตุ
ทมี
ี่ มำกทีสุ
คือ O, Si, Al, Fe, Mg, Ca, Na, K ถ ้ำคำนวณ
ตำมเปอร ์เซ็นต ์ของจำนวนอะตอม พบว่ำทุกๆ
100 อะตอม จะมี O = 62.5 Si = 21.2 Al =
6.5 ส่วน Fe, Mg, Ca, Na และ K แต่ละธำตุจะมี
้
้ นอ้ ยมำก
2 – 3 อะตอมขึนไป
ธำตุอนนอกจำกนี
ื่
มี
้ั
ดังนั้นแร่ทงหลำยจึ
งมีสว่ นประกอบของธำตุ Si4+,
่
Al3+, Fe2+, Ca2+, Na+, K+ และอืนๆ
Silicates
 แร่สว
่ นใหญ่บนเปลือกโลกมีสว่ นประกอบเป็ นซิ
่
ลิเกตออกไซด ์และสำรประกอบออกซิเจนอืนๆ
เช่น คำร ์บอเนต กำรผสมกันของแร่ซลิ เิ กตใน
่
สัดส่วนต่ำงๆ เป็ นลักษณะทีปรำกฎเห็
นได ้ช ัด
้
่ ยกว่ำแร่
ทังในหิ
นอัคนี หินชน้ั และหินแปร ซึงเรี
้ ้อน
ประกอบหิน ตลอดจนแร่ในสำยแร่แบบนำร
เพกมำไทต ์ หินผุ และดิน
Silicates
้
 โครงสร ้ำงพืนฐำนของ
ซิลเิ กตทุกชนิ ดมี Si
จับกับ O แบบเตตระฮี
ดรอน ในแต่ละเตตระฮี
ดรอน ประกอบด ้วย
Si4+ 1 ไอออน
ล ้อมรอบด ้วย O2- 4
ไอออน ทำให ้มี
ลักษณะคล ้ำยรูป
่
สำมเหลียมด
้ำนเท่ำ
Silicates
 เนื่ องจำกขนำดของไอออน
่ ต
Si4+ ซึงอยู
่ รงกลำง
่ ้อมรอบถึง 3 เท่ำ ทำให ้
มีขนำดเล็กกว่ำ O2- ทีล
ไอออน O2- ทัง้ 4 สำมำรถอัดตัวชิดกันแน่ น
้
ไอออนทังสองชนิ
ดยึดติดกันด ้วยพันธะเคมีที่
แข็งแรงมำก โดยเป็ นพันธะไอออนิ ก 50% และ
้ั
พันธะโควำเลนท ์ 50% กล่ำวคือ มีทงกำรดึ
งดูด
ของไอออนต่ำงประจุกน
ั และกำรใช ้อิเล็กตรอน
่ กำร
ร่วมกัน พันธะเคมีจะแข็งแรงมำกบริเวณทีมี
ใช ้อิเล็กตรอนร่วมกัน ถึงแม้กำรใช ้อิเล็กตรอน
Silicates
 ดังนั้นควำมแข็งแรงของพันธะเคมีระหว่ำง
Si-O
่ ่ งของพลังงำน
คูใ่ ดคูห
่ นึ่ ง จึงมีคำ่ เท่ำกับครึงหนึ
่ อยูใ่ นไอออนออกซิเจน ทำให ้
พันธะเคมีรวมทีมี
่ ด
ออกซิเจนแต่ละไอออนมีควำมสำมำรถทีจะยึ
เหนี่ ยวกับซิลก
ิ อนได ้อีก 1 ไอออน และสำมำรถ
่
่ ้อีก โดยกำรใช ้
เชือมต่
อกับเตตระฮีดรอนตัวอืนได
ออกซิเจนร่วมกัน กำรจับตัวกันในลักษณะนี ้
เรียกว่ำ Polymerization ในเตตระฮีดรอน 1
ตัว อำจมีกำรใช ้ออกซิเจนร่วมกับเตตระฮีดรอน
่ ยง 1 – 4 ไอออน ซึงท
่ ำให ้เกิดโครงสร ้ำง
อืนเพี
Silicates
นี โซซิลเิ กต (Nesosilicates) หรือ ออโทซิลเิ กต
(Orthosilicates) เป็ นหมู่แร่ทประกอบด
ี่
้วยโครงสร ้ำง
่
(SiO4)4- เดียวๆ
ไม่มก
ี ำรใช ้ออกซิเจนร่วมกับเตตระฮี
่ แต่เชือมต่
่
ดรอนอืนๆ
อกันด ้วยไอออนบวกของธำตุอนๆ
ื่
เช่น Fe, Mg, Mn, Ca และ Al
 โซโรซิลเิ กต (Sorosilicates) เป็ นหมู่แร่ทมี
ี่ เตตระฮี
่
ดรอน 2 ตัว เชือมติ
ดกันโดยใช ้ออกซิเจนร่วมกัน 1
ไอออน ทำให ้มีโครงสร ้ำงเป็ น (Si2O7)6 –
 ไซโคลซิลเิ กต (Cyclosilicates) หรือ ริงซิลเิ กต
่
(Ring silicates) เป็ นหมู่ทมี
ี่ เตตระฮีดรอนเชือมต่
อ
กันเป็ นวงปิ ด โดยใช ้ออกซิเจนร่วมกัน 2 ไอออน มีสต
ู ร
่
โครงสร ้ำงทัวไปเป็
น SxO3x ถ ้ำใน 1 วง มี 3 เตตระฮี

Silicates

อินโนซิลเิ กต (Inosilicates) หรือเชนซิลเิ กต
้ เตตระฮีดรอนเชือมต่
่
(Chain silicates) แร่ในหมู่นีมี
อ
้ ด แบ่งเป็ น 2 แบบคือ
กันเป็ นลูกโซ่ยำวไม่มท
ี สิ
ี่ นสุ
แบบโซ่แถวเดียว (Single chain silicates) แต่ละเต
่ 2
ตระฮีดรอนใช ้ออกซิเจนร่วมกับเตตระฮีดรอนอืน
ไอออน มีสต
ู รเป็ น (Si2O6)4- หรือ (SiO3)2่ ่ง
แบบโซ่แถวคู่ (Double chain silicates) ครึงหนึ
ของเตตระฮีดรอนในโครงสร ้ำงใช ้ออกซิเจนร่วมกับเต
่ 3 ไอออน และอีกครึงหนึ
่ ่ งใช ้ 2 ไอออน ทำ
ตระฮีดรอนอืน
ให ้อัตรำส่วนของซิลก
ิ อนและออกซิเจนเท่ำกับ 4 : 11 จึง
มีสต
ู รเป็ น (Si O )6- หรือ (Si O )12-
Silicates
ฟิ ลโลซิลเิ กต (Phyllosilicates) หรือ ชีทซิล ิ
เกต (Sheet silicates) เป็ นหมู่แร่เตตระฮีดรอนจับ
กันเป็ นแผ่น โดยใช ้ออกซิเจนร่วมกัน 3 ไอออน มี
สูตรโครงสร ้ำงเป็ น (Si2O5)2 เทคโทซิลเิ กต (Tectosilicates) หรือเฟรม
เวิร ์คซิลเิ กต (Framework silicates) แต่ละเต
้ กำรใช ้ออกซิเจนทัง้ 4 ไอออน
ตระฮีดรอนในกลุม
่ นี มี
ร่วมกัน จึงมีสต
ู รโครงสร ้ำงเป็ น SiO2

Silicates
Nesosilicates หรือ
Orthosilicates

ออร ์โทซิลเิ กต เป็ นหมู่แร่ทโครงสร
ี่
้ำงประกอบด ้วย
่
่ เช่น
SiO4 เตตระฮีดรอน เชือมกั
นด ้วยไอออนบวกอืนๆ
Fe, Mg, Mn, Ca และ Al ด ้วยพันธะไอออนิ กโดยไม่ต ้อง
่
ใช ้ออกซิเจนเป็ นตัวเชือมประสำน
กำรอัดตัวในโครงสร ้ำง
ของอะตอมค่อนข ้ำงแน่ น จึงทำให ้ถ.พ.ของแร่หมู่นี ้
ค่อนข ้ำงสูง เนื่ องจำก SiO4 เตตระฮีดรอนเป็ นอิสระต่อ
่
กัน ไม่มก
ี ำรเชือมต่
อเป็ นแนวหรือแผ่น จึงพบว่ำแร่หมู่นี ้
่ ัดเจนแน่ นอน รูปผลึกมีขนำด
ไม่แสดงแนวแตกเรียบทีช
่
เท่ำกันทุกทิศทำง มีกำรแทนทีของ
Al ใน Si ค่อนข ้ำงตำ่
้ ้แก่
แร่ทส
ี่ ำคัญในหมู่นีได
Silicates
Phenacite group
Phenacite
Be2SiO4
Willemite
Zn2SiO4
 Olivine group
Forsterite
Mg2SiO4
Fayalite

Zircon group
Zircon ZrSiO4
Al2SiO5 group
Andalusite
Sillimanite
Kayanite
Silicates
Garnet group A3B2(SiO4)3
Pyrope Mg3Al2(SiO4)3
Uvarovite Ca3Cr2(SiO4)3
Almandine Fe3Al2(SiO4)3
Grossular Ca3Al2(SiO4)3 Spessartine
Mn3Al2(SiO4)3
Andradite Ca3Fe2(SiO4)3
 Topaz Al2SiO4(F,OH)2
 Staurolite
FeAl9O6(SiO4)4(O,OH)2
 Datolite
CaB(SiO4)OH
 Titanite (Sphene) CaTiO(SiO4)

วิลเลไมต ์ (Willemite)
ระบบผลึก : ระบบสำมแกนรำบ (hexagonal
system)
่
่ ปลำย
 รู ปผลึกทัวไป
: รูปผลึกแท่งเฮกซะโกนอลทีมี
้
ทังสองเป็
นหน้ำผลึกฟอร ์มรอมโบฮีดรอลปิ ดอยู่
 การเกาะกลุ่มกันของผลึก : พบเป็ นเม็ ดหรือเป็ น
่ นรูปผลึกพบน้อยมำก
กลุม
่ ก ้อน ทีเป็
 คุณสมบัตท
ิ างเคมี
สูตรเคมี : Zn2SiO4

วิลเลไมต ์ (Willemite)

คุณสมบัตท
ิ างกายภาพ
ควำมถ่วงจำเพำะ(S.G.) : 3.9 – 4.2
้
สี(colour) : เหลือง-เขียว แดงสด และนำตำล
ถ ้ำ
์ สข
ี ำว
บริสท
ุ ธิจะมี
สีผง(steak) : ขำว (white)
ควำมแข็ง(hardness) : 5 ½
ประกำย(Luster) : คล ้ำยแก ้วและยำงสน (vitreous,
resinous)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : แตกในแนว {0001} ดี
รอยแตก(fracture) : ไม่เรียบ (uneven)
วิลเลไมต ์ (Willemite)
วิลเลไมต ์ (Willemite)
องค ์ประกอบและโครงสร ้าง (crystal
structure)
ประกอบด ้วย ZnO 73% SiO2 27 % Mn2+
้
มักเข ้ำแทนที่ Zn ได ้เป็ นจำนวนมำก นอกจำกนี อำจ
พบ Fe2+ ได ้เล็กน้อย
่ จาแนก (Diagnostic features)
 ลักษณะทีใช้
มักเกิดร่วมกับแร่แฟรงค ์คลินไนต ์และแร่ซงิ ไคต ์

วิลเลไมต ์ (Willemite)
การเกิด และแหล่งแร่ทส
ี่ าค ัญ
่
พบในหินปูนทีตกผลึ
ก และอำจเป็ นผลกระทบจำก
กระบวนกำรแปรสภำพของแร่เฮมิมอร ์ไฟต ์ และสมิทโซ
ไนต ์ อำจพบเป็ นแร่อน
ั ดับรองในเขตออกซิไดซ ์ของแร่
่
สังกะสี แหล่งแร่ทส
ี่ ำคัญเช่น สหร ัฐอเมริกำ เบลเยียม
และนำมิเบีย
 ประโยชน์
่
เป็ นสินแร่สงั กะสี และใช ้ทำเครืองประดั
บ

โอลิวน
ี (Olivine)
ระบบผลึก : ระบบสำมแกนต่ำง (Orthorhombic
systems)
่
 รู ปผลึกทัวไป
: ผลึกมักผสมระหว่ำงฟอร ์มของ
ปริซมึ 3 ฟอร ์ม pinacoid 3 ฟอร ์ม และ
dipyramid 1 ฟอร ์ม ผลึกมักแบนรำบขนำนตำม
แนว {100} หรือ {010}
 การเกาะกลุ่มกันของผลึก : มักพบเป็ นเม็ ดฝั งตัว
อยู่ในหินหรือเกำะกันเป็ นกลุม
่ ก ้อน (massive)
 คุณสมบัตท
ิ างเคมี
สูตรเคมี : (Mg, Fe)2SiO4

โอลิวน
ี (Olivine)

คุณสมบัตท
ิ างกายภาพ
ควำมถ่วงจำเพำะ(S.G.) : 3.27 – 3.37 โดยถ.พ.จะ
่ นตำมปริ
้
เพิมขึ
มำณของ Fe2+
สี(colour) : เขียวอมเหลืองอ่อน จนถึงเขียวมะกอก
(light yellowish green – olive green)
สีผง(steak) : ขำว (white)
ควำมแข็ง(hardness) : 6 ½ - 7
ประกำย(Luster) : คล ้ำยแก ้ว (vitreous)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : ไม่ช ัดเจน
รอยแตก(fracture) : คล ้ำยฝำหอย (conchoidal)
โอลิวน
ี (Olivine)
องค ์ประกอบและโครงสร ้าง (crystal
structure)
้ ยวอย่ำงสมบูรณ์ อยู่ระหว่ำง
เป็ นผลึกผสมเนื อเดี
แร่ฟอร ์สเทอร ์ไรต ์ (Forsterite : Mg2SiO4) และเฟ
ยำไลต ์ (Fayalite: Fe2SiO4) สำมำรถเขียนเป็ น
สัดส่วนของของForsterite (Fo) และ Fayalite
่ วนใหญ่มก
่
(Fa) ได ้ เช่น Fo70Fa30 ซึงส่
ี ทีมี
ั พบโอลิวน
ปริมำณของ Mg มำกกว่ำ Fe2+ จึงทำให ้สูตรของ
Forsterite มีป ริมำณมำกกว่ำ Fayalite
่ จาแนก (Diagnostic features)
 ลักษณะทีใช้
ควำมวำวเหมือนแก ้ว รอยแตกคล ้ำยฝำหอยสี

โอลิวน
ี (Olivine)

การเกิด และแหล่งแร่ทส
ี่ าค ัญ
่
อำจจัดเป็ นแร่
โอลิวน
ี เป็ นแร่ประกอบหินทีพบมำก
้ั
หลักหรือแร่รองได ้ ส่วนใหญ่มก
ั พบในหินอัคนี ทงแบบ
mafic (หินอัคนี ทประกอบด
ี่
้วย Mg และ Fe เป็ นส่วน
ใหญ่) เช่น แกบโบร และบะซอลต ์ และ ultra mafic
่ ำ 45% มี MgO
rock (หินอัคนี ทมี
ี่ ป ริมำณซิลก
ิ ำตำกว่
มำกกว่ำ 18%) เช่น ดันไนต ์ และเพอร ์ริโดไทต ์
แหล่งแร่ทส
ี่ ำคัญ เช่น สหร ัฐอเมริกำ นอร ์เวย ์
เยอรมนี พม่ำ ร ัสเซีย และนิ วซีแลนด ์ สำหร ับในประเทศ
ไทย พบที่ แพร่ กำญจนบุร ี ตรำด ลำปำง ศรีษะเกษ
่ ป ริมำณของ
้ วน
ี ทีมี
และอุบลรำชธำนี นอกจำกนี โอลิ
โอลิวน
ี (Olivine)

ประโยชน์
โอลิวน
ี สีเขียว โปร่งใส นำมำทำเป็ นอัญมณี
้ งใช ้ทำเป็ น
เรียกว่ำ เพอริดอต (Peridot) นอกจำกนี ยั
ทรำยทนไฟในงำนอุตสำหกรรมหล่อ และอิฐทนไฟ
เป็ นสินแร่แมกนี เซียม และใช ้เป็ นฟลักซ ์ใน
อุตสำหกรรมเหล็กกล ้ำ
การ ์เนต (Garnet)
ระบบผลึก : ระบบสำมแกนเท่ำ (Isometric
systems)
่
่
 รู ปผลึกทัวไป
: ฟอร ์มผลึกสำมัญทีพบคื
อ
dodecahedron และ trapezohedron ส่วนฟอร ์ม
่ พบน้อยมำก
อืนๆ
 การเกาะกลุ่มกันของผลึก : มักพบเป็ นผลึกที่
เด่นช ัด หรือเกิดเป็ นเม็ดกลมๆ เป็ นเม็ดละเอียดหรือ
หยำบ เกำะตัวเป็ นกลุม
่ ก ้อน
 คุณสมบัตท
ิ างเคมี
สูตรเคมี : A3B2(SiO4)3 โดย

2+
2+
การ ์เนต (Garnet)

คุณสมบัตท
ิ างกายภาพ
่
ควำมถ่วงจำเพำะ(S.G.) : 3.5 – 4.3 เปลียนแปลงไป
ตำมองค ์ประกอบ
้
สี(colour) : ส่วนใหญ่ทพบคื
ี่
อ แดง นำตำล
เหลือง ไม่
มีสี เขียว ดำ
สีผง(steak) : ขำว (white)
ควำมแข็ง(hardness) : 6 ½ - 7 ½
ประกำย(Luster) : คล ้ำยแก ้วถึงยำงสน (vitreous resinous)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : ไม่มี (none)
รอยแตก(fracture) : คล ้ำยฝำหอยถึงไม่เรียบ
การ ์เนต (Garnet)

องค ์ประกอบและโครงสร ้าง (crystal structure)
กำร ์เนตแบ่งออกเป็ น 2 กลุม
่ ย่อย คือ กลุม
่ ไพ
รอลสไปต ์ (Pyralspite) และอูแกรนไดต ์ (Ugrandite)
ดังนี ้
1. Pyralspite ได ้แก่ Pyrope, Almandine และ
Spessartine
้ั
ไพโรป (Pyrope) Mg3Al2(SiO4)3 แต่บำงครงอำจ
พบ Ca2+ และ Fe2+ ปนอยู่ด ้วย มีสแี ดงเข ้มถึงเกือบดำ
(dark red to near black) โปร่งใส ถ.พ. = 3.78
แอลแมนดีน (Almandine) Fe3Al2(SiO4)3 อำจมี
Fe2+ เข ้ำมำแทนที่ Al และ Mg อำจเข ้ำแทนที่ Fe3+ ได ้ มี
้
สีแดงเข ้ม แดงอมนำตำล
โปร่งใส ถ.พ. = 3.84
การ ์เนต (Garnet)

2. Ugrandite ได ้แก่ Grossularite, Andradite และ
Uvarovite
กรอสซูลาไรต ์ (Grossularite) Ca3Al2(SiO4)3
่ นอัญมณี เรียกว่ำ Hessonite สีเหลือง-ส ้ม ส ้มอม
ชนิ ดทีเป็
้
แดง ถึง ส ้ม-นำตำล
ถ.พ. = 3.61
แอนดราไดต ์ (Andradite) Ca3Fe2(SiO4)3 ป็ น
่
กำร ์เนตทีพบมำก
โดย Al เข ้ำแทนที่ Fe3+ มีสเี หลือง เขียว
้
่ ดเป็ นอัญมณี มส
นำตำล
ดำ ทีจั
ี เี ขียว ถึงเขียวอมเหลือง
เรียกว่ำ ดีมำนทอยด ์ (Demantoid) มีสเี ขียวสวยงำม
ประกำยคล ้ำยเพชร ถ.พ. = 3.85
การ ์เนต (Garnet)
Pyrop
e
Alman
dine
Spessartin
การ ์เนต (Garnet)
Grossular
ite
Uvaro
vite
Andra
dite
การ ์เนต (Garnet)


่ จาแนก (Diagnostic features)
ลักษณะทีใช้
ลักษณะผลึกในระบบสำมแกนเท่ำ ควำมแข็ง สี และ ถ.พ.
การเกิด และแหล่งแร่ทส
ี่ าคัญ
กำร ์เนตเกิดได ้กว ้ำงขวำงมำก พบมำกในหินแปร และเป็ นแร่
รองในหินอัคนี บำงชนิ ด พบได ้ในผนังหินเพกมำไทต ์
Pyrope เกิดในหิน ultrabasic เช่น หินเพอร ์ริโดไทต ์
่
่ ำคัญอยู่ใน
หรือหินคิมเบอร ์ไลต ์ซึงพบร่
วมกับเพชร แหล่งทีส
้
่ South Africa,
ประเทศเชคโกสโลวเกีย นอกจำกนี พบที
Australia, Tanzania, Burma, Brazil และ USSR
Almandine พบในหินแปร และในแหล่งอัญมณี ทต
ุ ยิ
ภูมิ (Secondary deposit) สะสมตัวกันในลำนแร่ แหล่งที่
การ ์เนต (Garnet)
Spessartine เกิดในหินแปรสภำพแบบสัมผัส โดยพบ
่ Mn แหล่งสำคัญอยู่ที่ Myanmar,
อยู่รว่ มกับแร่อนที
ื่ มี
Sri Lanka, Madagascar, Brazil และ USA
่
Grossularite เกิดทีแปรสภำพมำจำกหิ
นปูนสกปรก
่ ำคัญ คือ Sri Lanka และ Canada
แหล่ง Hessonite ทีส
Andradite เกิดในสภำพแวดล ้อมเดียวกับ
่ ซลิ ก
Grossularite และอำจเกิดในสภำพหินปูนทีมี
ิ ำปน
่ ำคัญของ demantoid อยู่ทเทื
อยู่ แหล่งทีส
ี่ อกเขำ Ural
ใน USSR, Italy, Switzerland
Uvarovite เกิดในแหล่งแร่โครเมียม พบในเทือกเขำ
การ ์เนต (Garnet)

ประโยชน์
กำร ์เนตแทบทุกชนิ ดสำมำรถนำมำทำอัญมณี ได ้
่ คำ่ ทีสุ
่ ดคือ
ทีมี
่
ดีมำนทอยด ์ ทีมำจำกเทื
อกเขำUral ประโยชน์ด ้ำน
่ คือ นำมำทำกระดำษทรำย
อืน
เซอร ์คอน (Zircon)
ระบบผลึก : ระบบสองแกนรำบ (Tetragonal
systems)
่
่ second order
 รู ปผลึกทัวไป
: ฟอร ์มผลึกทีพบ
prism และ dipyramid
 การเกาะกลุ่มกันของผลึก : พบเป็ นเม็ ดรูปร่ำงไม่
แน่ นอน
 คุณสมบัตท
ิ างเคมี
สูตรเคมี : ZrSiO4

เซอร ์คอน (Zircon)

คุณสมบัตท
ิ างกายภาพ
ควำมถ่วงจำเพำะ(S.G.) : 4.70
้
สี(colour) : นำตำลอ่
อนถึงเข ้ม ไม่มส
ี ี เทำ เขียว แดง
(brown, colourless, gray, green, red)
สีผง(steak) : ขำว (white)
ควำมแข็ง(hardness) : 7 ½
่
ประกำย(Luster) : กึงคล
้ำยเพชร (subadamantine)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : {010} แต่ไม่ด ี
รอยแตก(fracture) : คล ้ำยฝำหอย (conchoidal)
ควำมโปร่งใส(Diaphenity) : โปร่งใส (transparent)
ถึงโปร่งแสง (translucent)
เซอร ์คอน (Zircon)

องค ์ประกอบและโครงสร ้าง (crystal structure)
ประกอบด ้วย ZrO2 67.2% SiO2 32.8% เซอร ์
คอนมักประกอบด ้วยธำตุฮำฟเนี ยม Hf ปนอยู่ด ้วย
เสมอในปริมำณ 1 - 4 % แต่เคยมีรำยงำนว่ำสูงถึง
้ งพบธำตุกมั มันตร ังสี พวก
24% นอกจำกนี ยั
่
uranium และ thorium ซึงไปท
ำลำยโครงสร ้ำงของ
เซอร ์คอน ทำให ้มีโครงสร ้ำงไม่เป็ นระเบียบ มีผลทำให ้
่
คุณสมบัตท
ิ ำงกำยภำพและแสงเปลียนแปลงไป
โดยมี
ควำมแข็ง ควำมถ่วงจำเพำะ และดัชนี หก
ั เหลดลง
้ั
่
่
บำงครงเปลี
ยนเป็
นสีเขียว แต่รป
ู ร่ำงผลึกเดิมไม่เปลียน
เซอร ์คอน (Zircon)
่ จาแนก (Diagnostic features)
ลักษณะทีใช้
โดยปกติใช ้รูปผลึก สี ควำมวำว ควำมแข็ง ถ.พ.สูง
 การเกิด และแหล่งแร่ทส
ี่ าค ัญ
เซอร ์คอนเกิดอย่ำงกว ้ำงขวำงโดยเกิดเป็ นแร่รอง
ในหินอัคนี เช่น แกรนิ ต แกรโนไดออไรต ์ ไซอีไนต ์
่
พบในหินปูนทีตกผลึ
ก หินไนส ์ หินชีสต ์ เซอร ์คอนที่
เป็ นอัญมณี มก
ั พบอยู่รว่ มกับก ้อนกรวดทรำยในแหล่ง
่ ำคัญเช่น Australia, Vietnam,
ตะกอน แหล่งทีส
Laos, Cambodia, Myanmar, Brazil, Nigeria
และ Tanzania
สำหร ับในประเทศไทยพบในหินบะซอลต ์ อยู่ใน

เซอร ์คอน (Zircon)

ประโยชน์
่ งใสนำมำทำอัญมณี สีฟ้ำทีพบตำม
่
เซอร ์คอนทีโปร่
่ ณภำพโดยกำรให ้
ตลำดอัญมณี น้ันเกิดจำกกำรเพิมคุ
่ มส
ควำมร ้อน ส่วนเซอร ์คอนทีไม่
ี ี สีเหลือง สีควันไฟ
เรียกว่ำ จำร ์กอน Jargon มีลก
ั ษณะคล ้ำยเพชร แต่
่ ำมำก ประโยชน์ในด ้ำนอืนคื
่ อ เป็ นแหล่ง
รำคำตำกว่
่ ้เป็ นสำรทน
เซอร ์โคเนี ยมออกไซด ์ ซึงใช
ควำมร ้อน เป็ นแหล่งโลหะเซอร ์โคเนี ยม ใช ้ในกำร
ก่อสร ้ำงเตำปฏิกรณ์ปรมำณู เม็ดแร่เซอร ์คอนในหินชนิ ด
แอนดาลูไซต ์ (Andalusite)
ระบบผลึก : ระบบสำมแกนต่ำง (Orthorhombic
systems)
่
 รู ปผลึกทัวไป
: พบเป็ นแท่งปริซมึ ขนำดหยำบ หน้ำ
่ ยมจตุ
่
ตัดเกือบเป็ นรูปสีเหลี
ร ัส มีฟอร ์ม {001} ปิ ดหัว
ท ้ำย
 คุณสมบัตท
ิ างเคมี
สูตรเคมี : Al2SiO5

แอนดาลูไซต ์ (Andalusite)

คุณสมบัตท
ิ างกายภาพ
ควำมถ่วงจำเพำะ(S.G.) : 3.16 – 3.20
้
สี(colour) : สีแดงสด นำตำลแดง
เขียวมะกอก (red,
reddish brown, olive green) ส่วนวำไรตี ้ Chiastolite
มีมลทินคำร ์บอนสีดำเป็ นรูปกำกบำท (inclusions of
carbon or clay which form a checker-board
pattern)
สีผง(steak) : ขำว (white)
ควำมแข็ง(hardness) : 7 ½
ประกำย(Luster) : คล ้ำยแก ้ว (vitreous)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : แตกหนึ่ งทิศทำง
รอยแตก(fracture) : คล ้ำยฝำหอยถึงไม่เรียบ (conchoidal
แอนดาลูไซต ์ (Andalusite)
องค ์ประกอบและโครงสร ้าง (crystal
structure)
ประกอบด ้วย Al2O3 63.2% SiO2 36.8%
่ จาแนก (Diagnostic features)
 ลักษณะทีใช้
่ หน้ำตัดเกือบเป็ นสีเหลี
่ ยมจตุ
่
เป็ นแท่งปริซมึ ทีมี
ร ัส
่ ลก
ควำมแข็ง chiastolite มีมลทินทีมี
ั ษณะสมมำตร

แอนดาลูไซต ์ (Andalusite)


การเกิด และแหล่งแร่ทส
ี่ าคัญ
่ หน
แอนดำลูไซต ์เกิดในบริเวณแหล่งสัมผัส (Aureole) ทีมี
ิ
้
่
้ น ซึงในกรณี
้
นีพบเกิ
นเนื อดิ
อัคนี แทรกขึนมำในหิ
ดร่วมกับแร่
คอร ์เดียไรต ์ และพบเกิดร่วมกับแร่ไคยำไนต ์และซิลเิ มไนต ์ และ
้ั
่ กแปรสภำพบริเวณไพศำล
อำจพบร่วมกับแร่ทงสองในเขตที
ถู
่
แหล่งทีพบแร่
แอนดำลูไซต ์ ได ้แก่ Spain Australia
่ ก
Brazil USA ส่วนในประเทศไทยพบตำมบริเวณหินแปรทีถู
่
แปรเปลียนโดยหิ
นแกรนิ ต พบตำมหินดินดำน ของเหมืองแร่
่
ทัวไป
เช่น พังงำ ภูเก็ต และระนอง
ประโยชน์
่
ใช ้ทำหัวเทียน (spark plug) และเครืองถ
้วยชำม เรำะ
ซิลเิ มไนต ์ (Sillimanite)
ระบบผลึก : ระบบสำมแกนต่ำง (Orthorhombic
systems)
่
้
 รู ปผลึกทัวไป
: เป็ นผลึกยำวเรียวเล็ก ปลำยทังสอง
่ นช ัด
ไม่มฟ
ี อร ์มผลึกทีเด่
 การเกาะกลุ่มกันของผลึก : เกิดเป็ นกลุม
่ ผลึกที่
่
ขนำนกัน ทีพบบ่
อยมีลก
ั ษณะคล ้ำยเส ้นใย เรียกว่ำ
ไฟโบรไลต ์ (Fibrolite)
 คุณสมบัตท
ิ างเคมี
สูตรเคมี : Al2SiO5

ซิลเิ มไนต ์ (Sillimanite)

คุณสมบัตท
ิ างกายภาพ
ควำมถ่วงจำเพำะ(S.G.) : 3.23
้
สี(colour) : นำตำล
เขียวอ่อน ขำว (brown, light
green, white)
สีผง(steak) : ขำว (white)
ควำมแข็ง(hardness) : 7 ½
ประกำย(Luster) : คล ้ำยไหม (silky) และคล ้ำยแก ้ว
(vitreous)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : แตกหนึ่ งทิศทำง
้ (splintery)
รอยแตก(fracture) : แบบเสียน
ควำมโปร่งใส(Diaphenity) : โปร่งใส (transparent) ถึง
โปร่งแสง (translucent)
ซิลเิ มไนต ์ (Sillimanite)
่ จาแนก (Diagnostic features)
ลักษณะทีใช้
ผลึกเรียวเล็ก มีแนวแตกเรียบ 1 ทิศทำง
 การเกิด และแหล่งแร่ทส
ี่ าค ัญ
้ นทีถู
่ กแปรสภำพภำยใต ้อุณหภูมส
เกิดในหินเนื อดิ
ิ งู
่ กแปรสภำพแบบสัมผัสซึงอำจ
้ งเกิดในหินทีถู
่
นอกจำกนี ยั
่ กแปรสภำพ
เกิดในหินซิลเิ มไนต ์-คอร ์เดียไรตไนซ ์ หินทีถู
่ ซลิ ก
แบบไพศำล และหินทีมี
ิ ำตำ่ เช่น คอร ันดัม เป็ นต ้น
่ ได ้แก่ เชคโกสโลวเกีย เยอรมนี บรำซิล และ
แหล่งทีบแร่
สหร ัฐอเมริกำ ส่วนในประเทศไทยพบในหินไนส ์ หินชีสต ์
บริเวณภำคเหนื อ

ไคยาไนต ์ (Kyanite)
ระบบผลึก : ระบบสำมแกนเอียง (Triclinic
systems)
่
 รู ปผลึกทัวไป
: ปกติพบเป็ นผลึกยำวแบน(tabular)
้
่ ัดเจน
ปลำยทังสองไม่
พบหน้ำผลึกทีช
 การเกาะกลุ่มกันของผลึก : เกำะกลุม
่ กันคล ้ำย
ใบมีด (bladed)
 คุณสมบัตท
ิ างเคมี
สูตรเคมี : Al2SiO5

ไคยาไนต ์ (Kyanite)

คุณสมบัตท
ิ างกายภาพ
ควำมถ่วงจำเพำะ(S.G.) : 3.55 – 3.66
้ น และมีสเี ข ้มขึนเข
้ ้ำหำใจกลำงของ
สี(colour) : นำเงิ
้ั
ผลึก บำงครงพบสี
ขำว เทำ หรือเขียว สีอำจเกิดเป็ น
หย่อมๆ (blue also white, gray and green)
สีผง(steak) : ขำว (white)
ควำมแข็ง(hardness) : 5 ในแนวขนำนกับควำมยำว
้
ผลึก และ 7 ในแนวตังฉำกควำมยำวผลึ
ก
ประกำย(Luster) : คล ้ำยแก ้ว (vitreous) และคล ้ำยมุก
(pearly)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : แตกในแนว {100} สมบูรณ์
ไคยาไนต ์ (Kyanite)
องค ์ประกอบและโครงสร ้าง (crystal
structure)
มีองค ์ประกอบเช่นเดียวกับแอนดำลูไซต ์
่ จาแนก (Diagnostic features)
 ลักษณะทีใช้
ผลึกเป็ นแผ่นคล ้ำยใบมีด แนวแตกเรียบดี สีนำ้
่
่
เงิน และควำมแข็งต่ำงกันเมือเปลี
ยนทิ
ศทำงของผลึก

ไคยาไนต ์ (Kyanite)

การเกิด และแหล่งแร่ทส
ี่ าคัญ
ไคยำไนต ์เป็ นแร่ทเป็
ี่ นแบบฉบับของกำรแปรสภำพ
บริเวณไพศำลของหินตะกอน เช่น หินดินดำน เกิด
้ ง
ร่วมกับกำร ์เนต สตอโรไลต ์ และคอร ันดัม นอกจำกนี ยั
่
เกิดร่วมกับหินอีโคไจต ์ และในปล่องหินคิมเบอร ์ไลต ์ทีมี
้
แร่กำร ์เนต ออมฟำไซต ์ ไคยำไนต ์ หินทังสองชนิ
ดนี ้
สะท ้อนถึงสภำพกำรกำเนิ ดแบบควำมกดดันสูงมำก
่
ผลึกไคยำไนต ์คุณภำพสูงพบทีประเทศ
่ เช่น France, India, Kenya
Switzerland แหล่งอืนๆ
่
และ USA ในประเทศไทยพบได ้ทัวไปในหิ
นชีสต ์ ทำง
ภำคเหนื อและภำคใต ้
ไคยาไนต ์ (Kyanite)

ประโยชน์
ใช ้ทำประโยชน์เหมือนแอนดำลูไซต ์ คือ ทำหัว
่
่ งใส
เทียน และเครืองถ
้วยชำมทนควำมร ้อน ผลึกทีโปร่
ใช ้ทำอัญมณี
โทแพซ (Topaz)
ระบบผลึก : ระบบสำมแกนต่ำง (Orthorhombic
systems)
่
่
 รู ปผลึกทัวไป
: ผลึกทีพบมำกมี
ลก
ั ษณะเป็ นแท่ง
่ ปลำยทัง้ 2 ข ้ำงเป็ นฟอร ์ม dipyramid
ปริซมึ ทีมี
 การเกาะกลุ่มกันของผลึก : เกำะกลุม
่ กันเป็ นแบบ
้
เม็ด ทังหยำบและละเอี
ยด
 คุณสมบัตท
ิ างเคมี
สูตรเคมี : Al2SiO4(F,OH)2

โทแพซ (Topaz)

คุณสมบัตท
ิ างกายภาพ
ควำมถ่วงจำเพำะ(S.G.) : 3.4 – 3.6
้ น
สี(colour) : ไม่มส
ี ี เหลือง เหลืองแบบไวน์ ชมพู นำเงิ
เขียว
สีผง(steak) : ขำว (white)
ควำมแข็ง(hardness) : 8
ประกำย(Luster) : คล ้ำยแก ้ว (vitreous)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : แตกในแนว {001} สมบูรณ์
่
รอยแตก(fracture) : กึงคล
้ำยฝำหอย
(subconchoidal)
โทแพซ (Topaz)
องค ์ประกอบและโครงสร ้าง (crystal structure)
ถ ้ำมีสต
ู รเป็ น Al2SiO4(OH) จะประกอบด ้วย
Al2O3 56.6% SiO2 33.4% และ H2O 10.0%
่
อนุ มูล (OH)- จะถูกแทนทีโดย
F- ปริมำณสูงสุดของ
ฟลูออรีนมีคำ่ เท่ำกับ 70%
่ จาแนก (Diagnostic features)
 ลักษณะทีใช้
ลักษณะผลึก แนวแตกเรียบ {001} ควำมแข็ง
และถ.พ.สูง

โทแพซ (Topaz)

การเกิด และแหล่งแร่ทส
ี่ าค ัญ
่
กำรเกิดของโทแพซเกิดจำกไอระเหยทีประกอบด
้วย
่ อยออกมำจำกหินหนื ดในช่วงสุดท ้ำยของ
ฟลูออรีนซึงปล่
กำรแข็งตัวเป็ นหินอัคนี ทมี
ี่ ซลิ ก
ิ ำ พบในช่องว่ำงลำวำใน
้ งเกิดในหินเพก
หินไรโอไลต ์ และหินแกรนิ ต นอกจำกนี ยั
่ แร่ดบ
มำไทต ์ทีมี
ี ก
ุ เกิดด ้วย ร่วมกับแร่ทเป็
ี่ นอัญมณี หลำย
ชนิ ด เช่น tourmaline apatite fluorite beryl
quartz และ feldspar และยังพบเป็ นเม็ดกรวดทรำยใน
ท ้องนำ้
่ ชอเสี
แหล่งทีมี
ื่ ยง ได ้แก่ USSR, Germany, Japan,
Mexico, Brazil, USA ส่วนประเทศไทยพบในแหล่ง
่ ดจำกสำยเพกมำไทต ์ เช่จ ภูเก็ต ระนอง และ
ดีบก
ุ ทีเกิ
Sorosilicates

้ กำรเชือมต่
่
แร่ในหมู่นีมี
อกันของ SiO4 เตตระฮีดรอน
เป็ นคู่ โดยใช ้ออกซิเจนร่วมกัน 1 ไอออน ทำให ้
อัตรำส่วนของซิลก
ิ ำต่อออกซิเจน
เป็ น 2 : 7 เขียนเป็ นสูตรเคมีได ้ คือ Si2O76- มีแร่
่ โครงสร ้ำงเป็ นโซโรซิลิ
จำนวนมำกกว่ำ 70 ชนิ ดทีมี
เกต แต่สวนใหญ่เป็ นแร่หำยำก ทีรู่ ้จักกันดี
ตัวอย่ำงเช่น
Sorosilicates
Hemimorphite
Zn4(Si2O7)(OH)2.H2O
 Lawsonite
CaAl2
(Si2O7)(OH)2.H2O
 Epidote group
Clinozoisite
Ca2Al3O(SiO4)
(Si2O7)(OH)
Epidote
Ca2(Fe3+,Al)Al2O(SiO4) (Si2O7)(OH)

เฮมิมอร ์ไฟต ์
(Hemimorphite)
ระบบผลึก : ระบบสำมแกนต่ำง (Orthorhombic
systems)
่
 รู ปผลึกทัวไป
: ผลึกเป็ นรูปขนำนกับแนว {010}
และแสดงหน้ำปริซมึ
 การเกาะกลุ่มกันของผลึก : มักกระจำยออกจำก
จุดศูนย ์กลำง (radius) เกิดก ้อนแร่แบบหงอนไก่
้
(cockcomb) นอกจำกนี อำจเกิ
ดแบบเต ้ำนม
(mammillary) คล ้ำยหินย ้อย(stalactic) เป็ นกลุม
่
ก ้อน(massive) และเป็ นเม็ด(granular)
 คุณสมบัตท
ิ างเคมี


เฮมิมอร ์ไฟต ์
(Hemimorphite)
คุณสมบัตท
ิ างกายภาพ
ควำมถ่วงจำเพำะ(S.G.) : 3.4 - 3.5
้
สี(colour) : ขำว เขียว เหลือง นำตำล
(white, green,
yellow, brown)
สีผง(steak) : ขำว (white)
ควำมแข็ง(hardness) : 4 ½ - 5
ประกำย(Luster) : คล ้ำยแก ้ว และคล ้ำยไหม (vitreous
and silky)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : แนว {110} สมบูรณ์
รอยแตก(fracture) : คล ้ำยฝำหอยถึงไม่เรียบ
เฮมิมอร ์ไฟต ์
(Hemimorphite)
องค ์ประกอบและโครงสร ้าง (crystal
structure)
ประกอบด ้วย ZnO 67.5% SiO2 25.0% H2O
7.5% มี Fe และ Al ปนอยู่บ ้ำงเล็กน้อย โครงสร ้ำง
ประกอบด ้วยกลุม
่ Si2O7 จับกับเตตระฮีดรอน
ZnO3(OH)
่ จาแนก (Diagnostic features)
 ลักษณะทีใช้
มีลก
ั ษณะอยู่รวมกันเป็ นกลุม
่ ผลึกคล ้ำยกับแร่พ
รีห ์ไนต ์ แต่เฮมิมอร ์ไฟต ์มีถ.พ.สูงกว่ำ ละลำยในกรด
ได ้

เฮมิมอร ์ไฟต ์
(Hemimorphite)
 การเกิด และแหล่งแร่ทส
ี่ าค ัญ
เฮมิมอร ์ไฟต ์เป็ นแร่ทต
ุ ยิ ภูม(ิ secondary
่ ดในเขตออกซิไดซ ์ของแหล่งแร่สงั กะสี
mineral) ทีเกิ
เกิดร่วมกับแร่สมิทโซไนท ์ สฟำเลอร ์ไรต ์ เซร ัสไซต ์
กำลีนำ เป็ นต ้น
แหล่งแร่ทมี
ี่ ชอเสี
ื่ ยงได ้แก่ Mexico, USA ส่วน
่ ั เช่น จ.
ประเทศไทย พบตำมแหล่งแร่สงั กะสีทวไป
กำญจนบุร ี และตำก
 ประโยชน์
เป็ นสินแร่สงั กะสี และอำจนำมำทำอัญมณี ได ้
เอพิโดต (Epidote)
ระบบผลึก : ระบบหนึ่ งแกนเอียง (Monoclinic
systems)
่
 รู ปผลึกทัวไป
: โดยปกติผลึกมักมีลก
ั ษณะเป็ นแท่ง
ยำวขนำนกับแกน b แสดงลำยเส ้นขนำนไปกับหน้ำ
ผลึกแกน b มีกำรแฝดบนระนำบ {100}
 การเกาะกลุ่มกันของผลึก : พบกำรเกำะกลุม
่ กัน
ของผลึกแบบเม็ดหยำบ ถึงเม็ดละเอียด(granular)
บำงทีคล ้ำยเส ้นใย(fibrous)
 คุณสมบัตท
ิ างเคมี
สูตรเคมี : Ca (Fe3+,Al)Al O(SiO ) (Si O )(OH)

เอพิโดต (Epidote)

คุณสมบัตท
ิ างกายภาพ
ควำมถ่วงจำเพำะ(S.G.) : 3.25 – 3.45
สี(colour) : เขียวคล ้ำยผลพิตำชิโอ (Pistachio green)
เขียวเหลือง (green-yellow) ถึงดำ (black)
สีผง(steak) : ขำว (white)
ควำมแข็ง(hardness) : 6 - 7
ประกำย(Luster) : คล ้ำยแก ้ว (vitreous)
แนวแตกเรียบ(cleavage) : แนว {110} สมบูรณ์
รอยแตก(fracture) : ไม่เรียบ (uneven)
ควำมโปร่งใส(Diaphenity) : โปร่งใส (transparent) ถึงทึบ
แสง (opaque)
เอพิโดต (Epidote)
องค ์ประกอบและโครงสร ้าง (crystal
structure)
้ ยวอย่ำงสมบูรณ์
เป็ นอนุ กรมผลึกผสมเนื อเดี
ระหว่ำงคลิโนซอยไซต ์ (Al : Fe3+= 3 : 0) และ
เอพิโดต (Al : Fe3+ = 2 : 1)
่ จาแนก (Diagnostic features)
 ลักษณะทีใช้
มีสท
ี เด่
ี่ นเป็ นพิเศษ คือ สีเขียว และมีแนวแตก
เรียบสมบูรณ์ 1 ทิศทำง

เอพิโดต (Epidote)

การเกิด และแหล่งแร่ทส
ี่ าค ัญ
เอพิโดตเกิดภำยใต ้สภำวะกำรแปรสภำพแบบไพศำล
ของแร่เอพิโดต-แอมฟิ โบ(Epidote = Amphibole
facies) หรืออำจเกิดในลักษณะร่วมกันของแร่
Actinolite-Elbite-Epidote-Chlorite เป็ นต ้น
่ กพบในหินปูนทีถู
่ กแปรสภำพ
เอพิโดตเป็ รแร่สำมัญทีมั
่ องค ์ประกอบเป็ นแคลเซียม
โดยเกิดร่วมกับกำร ์เนต ทีมี
มำก
่
แหล่งทีพบแร่
เอพิโดต ได ้แก่ Austria Italy USA
่
่
สำหร ับประเทศไทยพบทัวไปในสำยแร่
ทเกี
ี่ ยวข
้องกับ
่