open/save - ศูนย์ความรู้กลาง กรมชลประทาน

Download Report

Transcript open/save - ศูนย์ความรู้กลาง กรมชลประทาน

วิชา
การนาผลการทดลองสู่องค์กรผูใ้ ช้นา้ และการจัดทาแปลงสาธิต
ในพื้นที่เกษตรกรในการประชุมเชิงปฎิบตั ิการ
หลักสูตร การพัฒนาบุคลากรเพือ่ เสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรผูใ้ ช้นา้
ชลประทาน วันที่ 25-26 พฤษภาคม 2553
ณ ห้องประชุมสานักชลประทานที่ 13 อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
โดย
นายพันธ์ชยั บุญเพ็ญ หัวหน้าสถานีทดลองการใช้นา้
ชลประทานที่ 5 (แม่กลองใหญ่) จ.นครปฐม
นายเดชา ประณีต หัวหน้าสถานีทดลองการใช้นา้
ชลประทานที่ 3 (ห้วยบ้านยาง) จ.นครราชสีมา
วัตถุประสงค์ เพือ่ ให้ท่านอ่านผลงานวิจยั ได้สาหรับนาไปใช้กบั เกษตรกร
คาว่า “วิจยั ” ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ.2593 แปลว่า
การสะสม รวบรวม ค้นหา การตรวจตรา ตรงกับคาว่ า Research
Re แปลว่า อีก Search แปลว่า ค้นหา
คณะกรรมการบริ ห ารสภาวิ จ ยั จ ากัด ความของการวิ จ ยั ว่ า คื อ
การศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ หรือทดสอบอย่างมีระบบ เพื่อให้ได้ความรูม้ า
เพิม่ เติมไปตัง้ กฎ ทฤษฎี นาไปใช้ในการปฎิบตั ิงาน
ส่วน สุบรรณ์
พันธ์วิศวาส และชัยวัฒน์ ปั ญจพงษ์ ได้กล่าวว่า
การวิจยั หมายถึง กระบวนการค้นคว้าหาความจริงภายใต้ขอบเขต ที่
กาหนดไว้อย่างมีระบบ ตามระเบียบวิธีวิทยาศาสตร์ ซึง่ ดาร์ล เอฟ ชาเนสเลอร์
(Karl F. Schnessler) เห็นว่าการวิจยั คือ กระบวนการค้นหาความ
จริง (Reliable Know Ledge) เพือ่ ที่จะนามาช่วยแก้ปัญหา หรือ
ตัด สิน ใจอย่ า งมี ป ระสิท ธิ ภ าพและสอดคล้อ งกับพจนานุ ก รมของ เวบเตอร์
(Webater’s 3rd New International Dictionary) ให้
ความหมายของการวิจยั คือ การศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ หรือทดลอง เพื่อ
ค้นหาข้อเท็จจริงและความรูใ้ หม่ เพื่อไปตัง้ กฎ ทฤษฎี หรือแนวทางในการ
ปฎิบตั ิ
กระบวนการวิจยั ประกอบด้วยหลักสีป่ ระการ
1. ต้องมีวตั ถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึง่
2. ต้องมีการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง
3. การกาหนดวิธีท่ีจะทาการวิจยั ตามระเบียบแบบแผน
เชิงวิทยาศาสตร์
4. การแปลงผลงานวิจยั เพือ่ การนาไปใช้ให้ได้ผล
(ที่มาวิธีการวิจยั ทางส่งเสริมการเกษตร : 6)
การสาธิต (Demonstration Plot)
เป็ นวิธีการหนึง่ ของการส่งเสริมแบบกลุ่ม
(group contact) ซึง่ มีอยู่ 4 วิธี
1. การสาธิต Demonstration
1.1 การสาธิตวิธี (Method Dem)
1.2 สาธิตผล (Result Dem)
2. การประชุม (Extension Meeting)
2.1 การบรรยาย (Lecture)
2.2 การออกอภิปรายกลุ่ม
(group discussion)
2.3 การออกอภิปรายคณะ
(Panel discussion)
3. การจัดทัศนศึกษา (The field Trip)
4. การฝึ กอบรม (Training)
เป็ นวิธีการที่แสดงให้เห็นวิธีปฎิบตั ิแต่ละขัน้ ตอน
ให้ผูช้ มได้เข้าใจและปฎิบตั ิตาม แบ่งออกเป็ น 2 แบบย่อย
1.1 การสาธิตที่ใช้วิธีสนั้
วิธีน้ ผี ูส้ าธิตได้เตรียมผลงานสาเร็จในระยะเวลา
สัน้ แสดงเพียงครัง้ เดียวไม่ตอ้ งรอผลการกระทานัน้ ๆ เช่น
การตอนกิง่
1.2 การสาธิตวิธีท่ีตอ้ งใช้เวลานาน
วิธีน้ ีใช้เวลายาวนานจนกว่ าจะครบขัน้ ตอน
เพื่อให้บุคคลเป้าหมายได้เรียนรู ้ ด้วยตัวเอง เห็นถึง
ผลที่เกิดขึ้นแต่ละขัน้ ตอน เช่น การสาธิตปลูกข้าวโดย
ใช้นา้ อย่างประหยัด
เป็ นวิธีแสดงให้กลุ่มบุคคลเป้าหมาย ได้เห็น
ผลของการปฎิบตั ิตามเทคนิคใหม่ๆ และได้ร บั ผลดี
อยู่ แ ล้ว ประสิท ธิ ภ าพจะด้อ ยกว่ า การสาธิ ต วิ ธี น้ ี
เพราะบุคคลเป้าหมายที่พาชม จะไม่เห็นวิธีทา เห็น
แต่ผลที่ออกมาเท่านัน้
1. เลือกแปลงที่เจ้าของแปลงเอาใจใส่ดี มีความรูเ้ รือ่ ง
ที่ปฎิบตั ินนั้ ๆ เช่ น สาธิ ตแปลงข้าวต้องปลูกข้าวเป็ นและ
เคยทา
2. แปลงสาธิ ต ต้อ งให้บุ ค คลเป้ าหมายเดิน ทางมา
สะดวกที่สดุ
3. ไม่อยู่ไกลหมู่บา้ นจนเกินไป
4. อยู่ใกล้ถนน
5. มีแปลงปลูกพืชเหมือนกันอยู่ใกล้ๆ เพือ่ เปรียบเทียบให้
เห็นอย่างชัดเจน เช่น แปลงปลูกข้าว
6. แปลงสาธิตของกรมชลประทาน ควรเป็ นแปลงที่มีขนาด
กะทั ด รัด ไม่ ควรเกิ น 1-2 ไร่ เพราะถ้า ใหญ่ ก ว่ านี้ จะ
Control นา้ ลาบาก (ในแปลงข้าว) ในแปลงพืชผักจะเสีย
ค่าใช้จา่ ยสูง เช่น แปลงนา้ หยดหรือหัวนา้ เหวี่ยง
1. ควรปรับระดับพื้นที่ให้ดตี ามที่ผูท้ าต้องการ
เพราะทาเรือ่ งนา้ จะทายากกว่าวิธีขยายพันธุ์ขา้ ว
2. ควรมีอาคารวัดนา้ เช่น WSC flume
Parshall flume หรือ cutthroat
flume หรือ Scale วัดระดับนา้
3. ควรมีหลักวัดการเจริญเติบโต เพือ่ วัด
ความสูง ทรงพุ่ม วันออกดอก เพื่อนาไปเทียบ
กับพันธุ์มาตรฐาน เช่น ข้าวสุพรรณ1 สูง 115120 ซม. เป็ นต้น
4. ควรตรวจแปลงทุกอาทิตย์
5. การเก็บผลผลิตควรเก็บองค์ประกอบ
ผลผลิตด้วย เช่น ข้าว
(1) ความสูง ทรงพุ่ม
(2) ความยาวรวง (ซม.)
(3) จานวนระแง้ / รวง (ระแง้)
(4) จานวนเมล็ดดี-เสีย (เมล็ด)
(5) นา้ หนักเมล็ดดี-เสีย (เมล็ด)
(6) นา้ หนักเมล็ด 100 หรือ
1,000 เมล็ด (เมล็ด)
(7) ผลผลิตในพื้นที่เก็บเกีย่ ว 2x4 ม.
หรือ 3x3 ม. เก็บผลผลิต 2 จุดต่อแปลง