การวิเคราะห์ข้อสอบ / การหาคุณภาพของเครื่องมือวัดผล

Download Report

Transcript การวิเคราะห์ข้อสอบ / การหาคุณภาพของเครื่องมือวัดผล

การวิเคราะห ์ข้อสอบ /
การหาคุณภาพของ
่
เครืองมื
อวัดผล
ดร.รอยพิมพ์ใจ
เพชรกุล
่
่
ลักษณะเครืองมื
อว ัดผลทีดี
่
1. ความเทียงตรง
(validity)
่ ่น (reliability)
2. ความเชือมั
3. ความยาก (difficulty)
4. อานาจจาแนก (discrimination)
5. ความเป็ นปรนัย (objectivity)
่
ประเภทของความเทียงตรง
่
้
1. ความเทียงตรงเชิ
งเนื อหา
(content validity)
่
2. ความเทียงตรงเชิ
งโครงสร ้าง (construct
validity)
่
่ ยวข
่
3. ความเทียงตรงตามเกณฑ
์ทีเกี
้อง (criteria
relative validity)
่
3.1 ความเทียงตรงเชิ
งสภาพ (concurrent
Validity)
่
3.2 ความเทียงตรงเชิ
งพยากรณ์
(predictive validity)
่ น
่ (reliability)
ความเชือมั
่ วา่ จะใช ้วัดกีคร
่ งก็
้ั ตามกับ
- ผลการวัดคงทีไม่
กลุม
่ เดิม
่ ่น =
ค่าความเชือมั
ความแปรปรวนของคะแนน
จริง
่ งเกต
ความแปรปรวนของคะแนนทีสั
ความแปรปรวนของคะแนนความ
ได ้
1่
่
คลาดเคลื
อน
ความแปรปรวนของคะแนนที
สังเกตได ้
หรือ
=
ความยาก (difficulty)
- ข ้อสอบนั้นมีคนตอบถูกมากหรือน้อย
อานาจจาแนก (discrimination)
- จาแนกผูเ้ รียนได ้ตามความแตกต่าง ของ
บุคคลว่า ใครเก่ง
ปานกลาง อ่อน รอบรู ้ ไม่รอบรู ้
ความเป็ นปรนัย (objectivity)
- ความช ัดเจน ความถูกต ้องตามหลักวิชา
และความเข ้าใจ ตรงกัน
- ตรงข ้ามกับความเป็ นอัตนัย
(subjectivity)
ความเป็ นอัตนัย (subjectivity)
- ความยึดถือในความคิดเห็น ความรู ้สึก
เหตุผลของแต่ละบุคคลเป็ นสาคัญ
ลักษณะความเป็ นปรนัย ของ
่
เครืองมื
อว ัดผล
1. ความช ัดเจนของคาถาม
2. ความช ัดเจนในการให ้คะแนน
3. ความช ัดเจนในการแปรความหมายของ
คะแนน
การวิเคราะห ์คุณภาพข้อสอบราย
ข้อ
- กระบวนการตรวจสอบคาตอบของผูส้ อบ
่ จารณาว่า
ในแต่ละข ้อ เพือพิ
 ข ้อสอบแต่ละข ้อมีระดับความ
ยาก
และค่าอานาจจาแนกเพียงใด
 ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ข อ ง ตั ว ล ว งใ น
ตัวเลือก
ของข ้อสอบข ้อนั้นมีเพียงใด
วิธวี เิ คราะห ์ข้อสอบ
1. แบบอิงกลุม
่
2. แบบอิงเกณฑ ์
วิธวี เิ คราะห ์ข้อสอบ แบบอิงกลุ่ม
1. ใช ้เทคนิ ค 27 % - ผูส้ อบจานวนมาก
คะแนนแจกแจงแบบปกติ
2. ใช ้เทคนิ ค 35% - คะแนนแจกแจงไม่ปกติ
การพิจารณาค่าความยาก
ให ้ P แทนค่าความยาก
่
จานวนคนทีตอบถู
กใน
ความยากของข ้อสอบ (P) =
แต่ละข ้อ งหมดที
้
่ าข ้อสอบ
จานวนคนทั
ท
ในแต่ละข ้อ
เกณฑ ์ในการพิจารณาค่าความ
ยาก
้
P มีคา่ ตังแต่
0.00 – 1.00
่
้
P ทีพอเหมาะควรมี
คา่ ตังแต่
0.20 – 0.80
ถ ้าข ้อสอบข ้อใดมีผต
ู ้ อบถูกหมด P = 1.00
แสดงว่า ง่ายมาก
ถ ้าข ้อสอบข ้อใดมีผูต้ อบผิดหมด P = 0.00
แสดงว่า ยากมาก
เกณฑ ์ในการพิจารณาค่าความยาก
0.80 < P ≤ 1.00 แสดงว่า เป็ นข ้อสอบง่ายมาก
้ อปร ับปรุง
ควรตัดทิงหรื
0.60 ≤ P ≤ 0.80 แสดงว่า เป็ นข ้อสอบค่อนข ้างง่าย
(ดี)
0.40 ≤ P < 0.60 แสดงว่า เป็ นข ้อสอบยากง่ายปาน
กลาง (ดีมาก)
0.20 ≤ P < 0.40 แสดงว่า เป็ นข ้อสอบค่อนข ้างยาก
(ดี)
อานาจจาแนกของข้อสอบ
อ า น า จ จ า แ น ก ข อ ง ข ้อ ส อ บ ห ม า ย ถึ ง
ประสิทธิภาพของข ้อสอบในการแบ่งผูส้ อบออกเป็ น
สองกลุ่ ม คือ กลุ่ ม ที่ได ค
้ ะแนนสู ง หรือ กลุ่ ม เก่ง กับ
่ ้คะแนนตาหรื
่ อกลุม
กลุม
่ ทีได
่ อ่อน
เกณฑ ์ในการพิจารณาค่าอานาจ
จาแนก
ให ้ r แทนค่าอานาจจาแนก
้
r มีคา่ ตังแต่
– 1.00 ถึง + 1.00
้
่ ความมีคา่ อานาจจาแนกตังแต่
- ข ้อสอบทีดี
้
0.20 ขึนไป
- ถ ้า r มีคา่ เป็ นลบหรือน้อยกว่า 0 แสดงว่า
ข ้อสอบนั้นจาแนกกลับ
คือ คนเก่งทาไม่ได ้ คนอ่อนทาได ้
เกณฑ ์ในการพิจารณาค่าอานาจ
จาแนก
.40 ≤ r ≤ 1.00 แสดงว่า จาแนกได ้ดีเป็ น
่
ข ้อสอบทีดี
.30 ≤ r ≤ .39 แสดงว่า จาแนกได ้เป็ นข ้อสอบที่
ดีพอสมควร
อาจต ้องปร ับปรุงบ ้าง
.20 ≤ r ≤ .29 แสดงว่า จาแนกพอใช ้ได ้ แต่
ต ้องปร ับปรุง
วิธวี เิ คราะห ์ข้อสอบแบบอ ัตนัย
1. สูตรของ ซีเอ เดรก (C.A. Drake)
2. สูตรของ อาร ์ ไวทนี ย ์ และดีแอล ซาเบอร ์ส
(D.R. Whitney and. D.L. Sabers)
การวิเคราะห ์คุณภาพของ
้
แบบทดสอบทังฉบั
บ
่
1. การตรวจสอบความเทียงตรง
1.1 แบบทดสอบอิงกลุม
่
1.2 แบบทดสอบอิงเกณฑ ์
่
1.1 วิธต
ี รวจสอบความเทียงตรงของ
แบบทดสอบแบบอิงกลุ่ม
่
้
1) ความเทียงตรงเชิ
งเนื อหา
่
2) ความเทียงตรงเชิ
งโครงสร ้าง
่
่ ยวข
่
3) ความเทียงตรงตามเกณฑ
์ทีเกี
้อง
่
้
1) ความเทียงตรงเชิ
งเนื อหา
1 . 1 ) ค า ถ า ม ค ร อ บ ค ลุ ม เ นื ้ อ ห า แ ล ะ มี ค ว า ม
่ งเป็ นหมวด หรือหน่ วยย่อยๆ
้
แบ่
สอดคล ้องกับเนื อหาที
หรือไม่
่ ดกับ
- การพิจารณา ดูน้าหนักพฤติกรรมทีจะวั
จ านวนข อ้ ค าถามในพฤติก รรมนั้ น (ดู จ ากตาราง
วิเคราะห ์หลักสูตร)
1.2) ตรวจสอบความสอดคล้อง
้
ระหว่างเนื อหาที
ว่ ด
ั ก ับจุดประสงค ์ที่
ต้องการวัด
- เป็ นการหาค่าดัชนี ความสอดคล ้องระหว่างขอ้
คาถามกับจุดประสงค ์ (Index of Item Objective
Congruence หรือ IOC)
เกณฑ ์การคัดเลือกข้อคาถาม
่ คา่ IOC ตังแต่
้
1. ข ้อคาถามทีมี
0.5 – 1.00
คัดเลือกไว ้ใช ้ได ้
่ คา่ IOC ตากว่
่ า 0.5 ควร
2. ข ้อคาถามทีมี
พิจารณาปร ับปรุงหรือตัดทิง้
่
2) ความเทียงตรงเชิ
งโครงสร ้าง
์
2.1) หาความสัมประสิทธิสหสั
มพันธ ์
(Correlation corffients)
2.2) การใช ้กลุม
่ ทีรู่ ้ช ัดอยู่แล ้ว (Known-group
technic)
่
3) ความเทียงตรงตามเกณฑ
์ที่
่
เกียวข้
อง
่
3.1) ความเทียงตรงเชิ
งสภาพ
่
3.2) ความเทียงตรงเชิ
งพยากรณ์
่
วิธต
ี รวจสอบความเทียงตรงของ
แบบทดสอบอิงเกณฑ ์
่
้
1) การตรวจสอบความเทียงตรงเชิ
งเนื อหา
– ใช ้
IOC
่
2) การตรวจสอบความเทียงตรงเชิ
งโครงสร ้าง
2.1) วิธข
ี องคาเวอร ์ (Caver)
2.2) สหสัมพันธ ์แบบฟี่ (phi - correlation)
่
3) การตรวจสอบความเทียงตรงตามเกณฑ
์ที่
่
เกียวข
้อง
่
3.1) ความเทียงตรงเชิ
งสภาพ
่ งผลต่อความเทียงตรง
่
ปั จจัยทีส่
1. กลุม
่ ผูร้ ับการทดสอบ
2. เวลา
่ น
่
2. การตรวจสอบความเชือมั
2.1 แบบทดสอบอิงกลุม
่
2.2 แบบทดสอบอิงเกณฑ ์
2.1 แบบทดสอบอิงกลุ่ม
1) การทดสอบซา้ (test – retest method)
2) การใช ้แบบทดสอบคูข
่ นาน (equivalent
form or parallel form)
่
3) วัดความคงทีภายใน
(Internal
consistency)
่
3. ว ัดความค่งทีภายใน
3.1) วิธแี บ่งครึง่ (sprit – half method)
3.1.1 เทคนิ ควิธข
ี องสเปี ยร ์แมน บราวน์
(Spearman Brown)
3.1.2 เทคนิ ควิธข
ี องกัตแมน (Gutt man)
3.1.3 เทคนิ ควิธข
ี องรูลอน (Rulon)
3.2) วิธข
ี องคูเดอร-ริชาร ์ดสัน (KuderRichardson)
3.3) วิธข
ี องครอนบาค (Cronbach)
่ นแบบอิ
่
2.2 วิธห
ี าความเชือมั
งเกณฑ ์
่ ่นแบบหาความค่งทีของความรู
่
1) ความเชือมั
้
(stability reliability)
่ ่นแบบสอดคล ้องในการตัดสินใจ
2) ความเชือมั
(decision consistency)
่ งผลต่อความเชือมั
่ น
่
ปั จจัยทีส่
1. จานวนข ้อสอบ หรือความยาวของแบบทดสอบ
2. ลักษณะคาถาม
่
3. ความคงทีของการให
้คะแนน
4. ระดับความยาก
5. ลักษณะของผูร้ ับการทดสอบ
่ ่น
6. วิธห
ี าค่าความเชือมั
7. สภาพแวดล ้อมในการดาเนิ นการสอบ