บทบาทพยาบาล - โรงพยาบาลสกลนคร

Download Report

Transcript บทบาทพยาบาล - โรงพยาบาลสกลนคร

เอกสารประกอบการประชุม
“โครงการพัฒนาคุณภาพการดูแลและป้ องกันโรค
ไตเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสู ง”
รุ่ งรักษ์ ภิรมย์ ลาภ
พยาบาลวิชาชีพชานาญการ
1 กรกฎาคม 2553
บทบาทพยาบาล
การดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรั งแต่ ละระยะ
การดูแลผู้ป่วยเพือ
่ ชะลอไตเสื่ อม
การเตรี ยมผู้ป่วยเข้ ารั กษาด้ วย RRT
- ยา - โภชนบาบัดและปรับวิถีชีวติ
การดูแลผู้ป่วยอย่ างต่ อเนื่องจากโรงพยาบาลและทีบ
่ ้ าน
การประเมินการทางานของไต
 ผู้ป่วยทีม
่ ี GFR< 90 มล./นาที/1.73 ตรม. ถือว่ า “เริ่มมีไตเสื่ อม” (CKD
ระยะที่ 2)
 ผู้ป่วยทีม
่ ี GFR<60 มล./นาที/1.73 ตรม.
หรือมี serum Creatinine
>1.4 มก./ดล.ในผู้ป่วยกลุ่มาสี่ ยงอืน่ ๆ
>1.2 มก./ดล.ในผู้ป่วยเบาหวาน
ถือว่ า “มีไตเสื่ อมชัดเจน” (CKD ระยะที่ 3)
การแบ่ งระยะโรคไตเรื้อรัง
ระยะ
คาจากัดความ
GFR (มล./นาที/1.73 ตรม.)
0
1
2
ผูท้ ี่มีปัจจัยเสี่ ยงต่อโรคไตเรื้ อรัง
ไตผิดปกติและ GFR ปกติหรื อเพิ่มขึ้น
ไตผิดปกติและ GFR ลดลงเล็กน้อย
90 (ร่ วมกับปั จจัยเสี่ ยง)
90
60-89
3
4
5
GFR ลดลงปานกลาง
GFR ลดลงมาก
ไตวายระยะสุ ดท้าย
30-59
15-29
<15 (หรื อต้องล้างไต)
การปรึกษาและส่ งผู้ป่วยพบแพทย์ โรคไต เมื่อ
 ผูป
้ ่ วยมี Serum
Creatinine >2 มก./ดลหรื อ
 ผูป
้ ่ วยมีภาวะที่แพทย์ไม่สามารถตรวจวินิจฉัยหรื อรักษาได้เอง หรื อ
อาการของผูป้ ่ วยไม่ดีข้ ึน โดยเฉพาะเมื่อไม่สามารถชะลอการเสื่อมของ
ไตได้
 ข้อแนะนะสากลให้ส่งเมื่อ GFR<30 มล./นาที/1.73 ตรม. แต่
ประเทศไทยมีแพทย์จากัด จึงใช้ค่าดังกล่าว
แพทย์ โรคไตได้ ตรวจแล้ ว ดาเนินการต่ อไปนี้
 ส่ งผู้ป่วยกลับไปได้ แพทย์ ดูแลต่ อโดยต้ องมีคาแนะนาใน
แนวทางและแผนการรักษาให้ ด้วย
 แพทย์ โรคไตจะต้ องให้ ความร่ วมมือในการให้ คาแนะนาแก่ แพทย์
ในกรณีทแี่ พทย์ ขอความเห็นหรือคาแนะนา
การให้ ความรู้ และคาแนะนาแก่ ผู้ป่วยและครอบครัว
 ตั้งแต่เริ่ มพบว่าเป็ นโรคไตเรื้ อรัง ควรได้รับคาแนะนาต่อเนื่ องเป็ นระยะ
ๆ
 ควรได้รับความรู ้ครอบคลุมโรคที่ผป
ู ้ ่ วยเป็ นอยู่ การดาเนินของโรคไต
เรื้ อรัง การดูแลตนเองแบบบูรณาการทั้งร่ างกายและจิตใจ
 ควรแจ้งเรื่ องทางเลือกในการบาบัดทดแทนไต
ทั้งนี้เพื่อให้ผปู ้ ่ วยและครอบครัวได้เข้าใจ และเตรี ยมตัวเตรี ยมใจ และ
ดูแลตนเองอย่างบูรณาการ
หลักและเป้ าหมายของการดูแลทัว่ ไปเพือ่ ชะลอการ
เสื่ อมของไต
ผู้ป่วยควรได้ รับการดูแลรักษาทีเ่ หมาะสม ประกอบด้ วยการดูแลรักษา
และควบคุม
1. โรคพืน
้ ฐานของผู้ป่วย เช่ น เบาหวาน นิ่ว เป็ นต้ น
2. ความดันโลหิต
3. ปรับการรับประทานอาหาร (โปรตีน ไขมัน โซเดียม โปแตสเซียม
ฯลฯ)
4. หลีกเลีย
่ งเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ และงดบุหรี่
5. การปรับวิถีชีวต
ิ เช่ น ออกกาลังกาย ลดนา้ หนัก ลดความเครี ยด
ผู้ป่วยควรได้ รับการรักษาโดยมีเป้ าหมายของ
การรักษา ดังนี้
1.
2.
ให้ผปู ้ ่ วยมีอาการและอาการแสดงจากโรคต้นเหตุ ภาวะแทรกซ้อน
และให้มีอตั ราการเสื่ อมของไตน้อยที่สุดเท่าที่จะทาได้
ระดับเกลือแร่ และภาวะกรดด่างในเลือดให้อยูใ่ นพิสยั ปกติท้ งั นี้เป็ น
การดูแลภาวะแทรกซ้อนจากภาวะไตเสื่ อมด้วยการ
1. ควบคุมรับประทานเกลือ
2. การจากัดปริ มาณน้ าดื่ม
3. การจากัดอาหารที่มีโปรแตสเซียม
ผู้ป่วยควรได้ รับการดูแล
 Serum
Calcium และ Phosphate ให้อยูใ่ นพิสยั
ปกติ
 Serum albumin ไม่ต่ากว่า 3.5 กรัม/ดล.
(โดยไม่มีภาวะทุโภชนาการ)
 Serum uric acid ไม่มีระดับตัวเลขเป้ าหมายที่เหมาะสมแต่
ผูป้ ่ วยไม่ควรมีอาการใด ๆ
 Hematocrit ไม่ต่ากว่าร้อยละ 33-36 หรื อ
Hemoglobin ไม่ต่ากว่า 11-12 กรัม/ดล.
คาแนะนาผู้ป่วยและครอบครัวเตรียมตัวเพือ่ การบาบัด
ทดแทนไต
เมื่อเริ่ มเข้าสู่โรคไตเรื้ อรังระยะ 4 ที่แสดงอาการของยูรีเมียแล้ว
 การเลือกวิธีการรักษาทดแทนไตที่เหมาะสม
 การเตรี ยมหลอดเลือด หรื อการล้างของเสี ยทางช่องท้อง
 การดูแลตนเองก่อนและระหว่างการรักษาทดแทนไต
ผูป้ ่ วยที่เริ่ มรักษาบาบัดทดแทนไต ควรอยูใ่ นความดูแลหรื อร่ วมดูแลของ
แพทย์โรคไต
การดูแลผู้ป่วยโรคไตจากเบาหวาน เพือ่ ชะลอการเสื่ อมของ
ไต
1. การควบคุมระดับน้ าตาลในเลือด : มีเป้ าหมายดังนี้
- FBS 90-130 มก./ดล.
- HbA,C<7.0%
ในผูป้ ่ วยที่ควบคุมน้ าตาลได้ดีควรตรวจ HbA,C อย่างน้อยทุก 6 เดือน
ในผูป้ ่ วยที่ควบคุมน้ าตาลได้ไม่ดีควรตรวจ HbA,C อย่างน้อยทุก 3 เดือน
ยาที่ใช้ควรเป็ น Insulin ยากินมักจะขับออกทางไต
การดูแลผู้ป่วยโรคไตจากเบาหวาน เพือ่ ชะลอการเสื่ อม
ของไต (ต่ อ)
2. การควบคุมความดันโลหิ ตในผูป้ ่ วยเบาหวาน
BP<130/80 mmHg
BP=110-129/65-79 mmHg (ผูป้ ่ วยตั้งครรภ์)
3. การควบคุมความดันโลหิ ต
BP>140/90 mmHg ต้องได้รับการปรับวิถีชีวิต
ร่ วมกับยาลดความดันโลหิ ต
การดูแลผู้ป่วยโรคไตจากเบาหวาน เพือ่ ชะลอการเสื่ อม
ของไต (ต่ อ)
4. ผูป้ ่ วยที่มี BP 130-139/80-90 mmHg
ควรได้รับการปรับวิถีชีวิตก่อน หลังจากนั้นอีก 3 เดือน ถ้าพบว่าความ
ดันโลหิ ตไม่ลดตามเป้ าหมาย ควรได้รับยาลดความดันโลหิ ต เพื่อให้
ได้ตามเป้ าหมาย
5. ผูป้ ่ วยสูงอายุควรลดความดันโลหิ ตลงช้า ๆ จนถึงเป้ าหมาย
ผู้ป่วยเบาหวานทีส่ ามารถลดความดัน
โลหิตได้ (<130/80 mmHg)
สามารถลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ
หลอดเลือดสมองและโรคไตจาก
เบาหวาน
แหล่ งข้ อมูล การคานวณค่ าอัตราการกรองของไต
(ทางอินเตอร์ เนต)
 Nephromatic
caluculators
intelligent renal
จบการนาเสนอ
ขอบคุณ