What is in an ontology?

Download Report

Transcript What is in an ontology?

LOGO
Ontology Development
A Guide to Creating Your First Ontology
Why develop an ontology?
1.ทำไมพวกเขำถึงต้องพัฒนำ ontology
่ านมาได ้มีการพัฒนา ontologies ที่
• ในปี ทีผ่
ช ัดเจนตามรูปแบบของข ้อกาหนดอย่างเป็ นทางการ
่
ในขอบเขตและมีความสัมพันธ ์ของกลุม
่ งาน ซึงมา
่
่
จากการเคลือนไหวจากขอบเขตของเรื
อง
ปัญญาประดิษฐ ์( Artificial Intelligence)
• ontologies กาลังจะกลายเป็ นการทางานร่วมกัน
บน World - Wide Web
Why develop an ontology?
• ontologies บนเว็บนั้นเป็ นการเรียงลาดับจัด
หมวดหมู่ตามจากเว็บขนาดใหญ่และแบ่งประเภทของ
่ น
เว็บไซต ์ เช่น บนเว็บ yahoo และเว็บไซต ์ทีเป็
่
categorizationsของผลิตภัณฑ ์เพือการขายของ
และคุณสมบัตข
ิ องสินค ้า เช่นเว็บ Amazon.com
่ าการพัฒนาวิจยั และบรรยายเค ้า
• W3C เป็ นองค ์ทีท
โครงของภาษาสาหรบั การเข ้ารหัส ความรู ้บนเว็บ
่
เพจ เพือความเข
้าใจในเทคโนโลยี โดยจะเป็ น
ตัวแทนในการค ้นหาสาหร ับข ้อมูล
Why develop an ontology?
• โดย Defense Advanced Research Projects
Agency (DARPA) เป็ นการทางานร่วมกัน W3C ที่
จะพัฒนา DARPA Agent Markup Language
(DAML) โดยขยายกับ RDF กับแสดงออกต่อ
่ านวยความสะดวกใน
โครงสร ้างวัตถุประสงค ์ เพืออ
การติดต่อตัวแทนบนเว็บหลายๆ สาขา
้ ้มีการพัฒนามาตรฐานของ ontologies
• ในขณะนี ได
่
่
ทีขอบเขตของผู
้เชียวชาญสามารถใช
้ร่วมกัน และใช ้
อธิบายข ้อมูลในฟิ ลด ์ต่างๆ เช่น ยา
่ ขนาดใหญ่ มี
จากตัวอย่าง เป็ นผลิตภัณฑ ์ทีมี
Why develop an ontology?
่
่
• วัตถุประสงค ์โดยทัวไปของ
ontologies ทีปรากฏ
ออกมานั้น เช่น United Nations Development
Program และ Dun & Bradstreet เป็ นความ
่ ฒนา UNSPSC ontology ซึงมี
่ การ
พยายามทีจะพั
จัดหาคาศัพท ์สาหร ับผลิตภัณฑ ์และการให ้บริการ
(www.unspsc.org)
• ontology ได ้มีการกาหนดความหมายคาศัพท ์ที่
่
่ ้องการใช ้
เป็ นคาทัวไปส
าหร ับการวิจยั และนักวิจยั ทีต
และแบ่งปันข ้อมูลในขอบเขตของมัน
• machine-interpretable จะประกอบด ้วย คาจากัด
Why develop an ontology?
่ องกำรพัฒนำ ontology
ทำไมมีบำงคนทีต้
?
• โดยทั่วไปเป็ นการร่วมความเข ้าใจของ
โครงสร ้างของข ้อมูลทีเ่ ป็ นกลุม
่ คน ประชาชน
หรือตัวแทนซอฟต์แวร์
้
• ทาให ้สามารถนามาใชใหม่
ในขอบเขตของ
ความรู ้
ั เจนขึน
• ในการทาข ้อสมมติฐานมีขอบเขตทีช
่ ด
้
• ทาให ้สามารถแยกขอบเขตของความรู ้ ความ
สนใจ ออกจากความรู ้ในการปฏิบต
ั งิ าน
Why develop an ontology?
• ความเข ้าใจโดยทั่วไปของโครงสร ้างของข ้อมูล
ทีเ่ ป็ นข ้อมูลของบุคคล ประชาชนหรือตัวแทน
ของซอฟแวร์ เป็ นหนึง่ ในหลายเป้ าหมายในการ
่ สามารถคาดคะเนความ
พัฒนา ontology เชน
แตกต่างหลายเว็บไซต์ทม
ี่ ข
ี ้อมูลเกีย
่ วกับ
การแพทย์ หรือ การให ้บริการ e-commerce
เกีย
่ วกับการแพทย์
้ ้
• ขอบเขตของความรู ้นัน
้ ทาให ้สามารถนาไปใชได
้
อีก แต่เป็ นหนึง่ ทางของการทางานทีล
่ า่ ชาใน
การวิจัย ontology จากตัวอย่างนัน
้ มีหลาย
Why develop an ontology?
• การแทนความรู ้ ความคิดนัน
้ จะประกอบไปด ้วย
เรือ
่ งของเวลา ไม่วา่ จะเป็ นจานวนของเวลา
ั พันธ์ มาตรการทีเ่ หมาะสมของเวลา
ความสม
• ถ ้าหากกลุม
่ นักวิจัยหนึง่ กลุม
่ นัน
้ สามารถพัฒนา
้ ้
ontology ในรายละเอียด ก็สามารถนามาใชได
ในขอบเขตของมัน
• ถ ้าพวกเข ้าต ้องการทีจ
่ ะสร ้าง ontology ทีม
่ ี
ขนาดใหญ่นัน
้ พวกเขาก็สามารถรวบรวมหลาย
ontology ทีม
่ อ
ี ยู่ มาอธิบายบางสว่ นของ
ขอบเขตข ้อมูลทีม
่ ข
ี นาดใหญ่ได ้พวกเขาสามารถ
Why develop an ontology?
ั เจนมากขึน
• การทาให ้การตัง้ สมมติฐานมีความชด
้
้ งึ่ มัน
นัน
้ ทีส
่ าคัญมันอยูท
่ ก
ี่ ารนาไปประยุกต์ใชซ
เป็ นไปได ้โดยการเปลีย
่ นสมมติฐานให ้มันมี
ความง่ายขึน
้ ถ ้าพวกเข ้าทาการเปลีย
่ นแปลง
เกีย
่ วกับขอบเขตของความรู ้
• Hard - coding เป็ นเรือ
่ งทีเ่ กีย
่ วกับโลกในภาษา
ของโปรแกรม เป็ นการเขียนโค ้ดขึน
้ การตัง้ ข ้อ
้ อ
สมมติฐานไม่ใชเรื
่ งยาก ซงึ่ จะรวมไปถึงการ
ค ้นหาความเข ้าใจ แต่มันจะยากในการทีต
่ ้องมี
การเปลีย
่ นแปลงเกิดขึน
้ โดยเฉพาะสาหรับผู ้ทีไ่ ม่
Why develop an ontology?
• การแยก domain knowledge ออกจาก
operational knowledge เป็ นอีกอย่างหนึง่ ทีใ่ ช ้
ontology พวกเขาสามารถอธิบายงานของการ
กาหนดค่าผลิตภัณฑ์จากสว่ นประกอบทีข
่ น
ึ้ อยู่
กับรายละเอียดของวัตถุประสงค์และการใช ้
โปรแกรมทีม
่ ค
ี วามอิสระของผลิตภัณฑ์และ
สว่ นประกอบทีส
่ าคัญสาหรับพวกเขา
• พวกเขาสามารถพัฒนา ontology โดย PCComponent และลักษณะเฉพาะและการใช ้
อัลกอริทม
ึ ทีจ
่ ัดโครงสร ้างของมันให ้ทาตาม
Why develop an ontology?
• การวิเคราะห์ขอบเขตความรู ้ ถ ้าเป็ นเมือ
่ ก่อนเป็ น
การเจาะจงสนใจในรายละเอียดของมันที่
้ ้
สามารถนามาใชได
• การวิเคราะห์ตามรูปแบบของข ้อตกลงทีม
่ ม
ี าก
นัน
้ มีการพยายามทีจ
่ ะนา ontology ทีม
่ อ
ี ยูน
่ ัน
้
้
มาใชงานและขยายมั
นออก
• การพัฒนา ontology เป็ นอะไรทีค
่ ล ้ายกับการ
กาหนดเซตของข ้อมูลทีเ่ ป็ นโครงสร ้างของ
้
โปรแกรมในการใชงาน
Why develop an ontology?
้
• วิธก
ี ารแก ้ปั ญหาการใชงานนั
น
้ ผู ้ผลิตซอฟแวร์จะ
ใช ้ ontologyและ knowledge bases เพือ
่ การ
สร ้าง ontologyทีม
่ ค
ี วามรู ้มีข ้อมูลโดยในเอกสาร
ฉบับนีจ
้ ะยกตัวอย่างการพัฒนา ontology ของ
ไวท์และอาหารและเป็ นการรวมกันอย่าง
เหมาะสมของไวท์กบ
ั มือ
้ อาหาร
้ น
• ontology สามารถใชพื
้ ฐานการประยุกต์ในกลุม
่
ของเครือ
่ งมือการจัดการร ้านอาหารได ้
Why develop an ontology?
• ontology จะมี application หนึง่ ทีส
่ ามารถ
สร ้างการแนะนาไวท์จากเมนูอาหารของหนึง่ วัน
หรือ กล่าวคือพนักงานเสริ ฟ
์ นัน
้ สามารถตอบ
คาถามให ้แก่ลก
ู ค ้า มันสามารถวิเคราะห์รายการ
สงิ่ ของของไวท์และทาการแนะนาประเภทของ
ื้ ไวท์จากรายการโดยเฉพาะ
ไวท์รวมถึงการซอ
สาหรับเมนูทจ
ี่ ะเกิดขึน
้ หรือ cookbooks
Why develop an ontology?
่
เกียวกั
บคู ม
่ อ
ื นี ้
้ ช
ั เจน Protege 2000 (ใช ้
• มีการสร ้างการใชที
่ ด
เป็ นตัวอย่างของการแนะนาคูม
่ อ
ื )
• Ontolingua และ Chimaera เป็ นหนึง่ ใน
สภาพแวดล ้อมของ ontology
้
• ใชไวท์
และอาหารเป็ นตัวอย่าง
• มีการออกแบบบาง ontology จากแนวคิดทีเ่ กิด
จากการออกแบบบน object-oriented
What is in an ontology?
2.มีอะไรใน Ontology?
• ปั ญญาประดิษฐ์ ได ้ให ้คานิยามของ ontology
ไว ้มากมายโดยคานิยามเหล่านีห
้ ลายอย่างก็ม ี
ความขัดแย ้งกันเอง
• ontology คือการอธิบายแนวความคิด
concept พืน
้ ๆ อย่างเป็ นทางการของโดเมน
ของคาพูด, คุณสมบัตข
ิ องแต่ละ concepts,
และข ้อห ้ามต่างๆของ slots
• ONTOLOGY เมือ
่ รวมกับกลุม
่ ของแต่ละ
What is in an ontology?
้
ิ้ สุด
• ในความเป็ นจริงมันมีเสนแบ่
งบางๆ ทีจ
่ ด
ุ สน
ของ ontology กับจุดเริม
่ ต ้นของ knowledge
base
• Classes คือจุดทีจ
่ ะต ้องให ้ความสาคัญใน
็
ontologies สว่ นใหญ่ เป็ นตัวอธิบายคอนเซป
ของโดเมน
• ยกตัวอย่าง Classes ของไวน์เป็ นตัวแทนของ
ไวน์ทงั ้ หมด ไวน์ชนิดต่างๆจะเป็ น instances
ของ class นี้
What is in an ontology?
• ยกตัวอย่าง: เราสามารถแบ่ง class ของไวน์
ทัง้ หมดออกเป็ น ไวน์แดง ไวน์ขาวและไวน์
กุหลาบ หรือในอีกทางเลือกก็คอ
ื เราสามารถแบ่ง
class ของไวน์ทงั ้ หมดออกเป็ นไวน์ทม
ี่ ค
ี วามเป็ น
ประกราย กับไวน์ทไี่ ม่มป
ี ระกราย
• Slot เป็ นตัวอธิบายคุณสมบัตข
ิ อง class และ
instance
่ ไวน์ Château Lafite Rothschil มี
• ตัวอย่างเชน
ค่าตัวเต็ม มี 2 slot ทีอ
่ ธิบายไวน์ในตัวอย่างนีค
้ อ
ื
slot ตัวทีม
่ ค
ี า่ ตัวเต็ม และ slot ผู ้ผลิตทีม
่ ค
ี า่
What is in an ontology?
• ในระดับของ class เราสามารถกล่าวได ้ว่า
instance ทีอ
่ ยูใ่ น class ไวน์ จะมี slot ทีอ
่ ธิบาย
ถึงกลิน
่ ค่าตัว ระดับน้ าตาล ผู ้ผลิตและข ้อมูล
อืน
่ ๆของมัน
• instance ทุกๆ ตัวของ class ไวน์และ subclass
Pauillac ของมัน จะมี slot ผู ้ผลิตหนึง่ ตัวทีเ่ ป็ น
instance ของ class Winery(รูป1). และ
instance ทุกๆ ตัวใน class Winery จะมี slot
produce ทีอ
่ ้างอิงถึงไวน์ทก
ุ ๆ ตัว (instance ของ
class ไวน์ และ subclass ของมัน) ทีบ
่ ริษัท
What is in an ontology?
ั พันธ์
รู ป1: แสดงบางสว่ นของ class และ instance และความสม
ี าสาหรับ class และใชส้ แ
ี ดง
ระหว่างทัง้ สองในโดเมนไวน์ เราใชส้ ด
้
ื่ มตรง เป็ นตัวแทนของ slot และการ
หรับ instance. เราใชการเช
อ
ื่ มภายใน เชน
่ instance-of และ subclass-of
เชอ
What is in an ontology?
ในทำงปฏิบต
ั ิ กำรพัฒนำ ontology จะรวมถึง
• การนิยามclass ใน ontology
• การเรียบเรียง class ให ้เป็ นหมวดหมูแ
่ ละ
ลาดับขัน
้ ตอน
• การนิยาม slot และอธิบาย ค่าทีย
่ อมได ้ ของ
slot เหล่านี้
• การเติมค่าลงใน slot ต่างๆของ instance
A Simple Knowledge-Engineering Methodology
3.วิธ ี “วิศวกรรมควำมรู ้” อย่ำงง่ ำย
• วิธก
ี ารพัฒนา ontology แบบการทาซ้า:คือ
เริม
่ ต ้นด ้วยการทาตามขัน
้ ตอนจนจบอย่าง
หยาบๆ จากนัน
้ ก็แก ้ไขและกลั่นกลองและ
เพิม
่ เติมสว่ นทีเ่ ป็ นรายละเอียด
ิ ใจทีผ
ิ ใจ
• โมเดลการตัดสน
่ ู ้ออกแบบต ้องตัดสน
ี และความเกีย
รวมทัง้ ข ้อดี ข ้อเสย
่ วพันของ
วิธก
ี ารทีแ
่ ตกต่างแบบอืน
่ ๆ
• เห็นถึงความสาคัญของกฎพืน
้ ฐานในการ
Why develop an ontology?
้
กฎพืนฐำนในกำรออกแบบ
ontology
1.ไม่มวี ธิ ก
ี ารใดวิธก
ี ารหนึง่ ทีถ
่ ก
ู ต ้องสาหรับการ
ออกแบบโดเมน แต่มันมีหลายๆ ทางเลือก วิธท
ี ี่
ดีทส
ี่ ด
ุ มักจะขึน
้ อยูก
่ บ
ั การประยุกต์ทท
ี่ า่ นมีอยูใ่ น
ใจและผลลัพธ์ทท
ี่ า่ นคาดหวัง
ั ขบวนการ
2.การพัฒนา ontology ต ้องอาศย
ทาซ้าๆ
3.หลักความคิดของ ontology ควรจะต ้อง
ใกล ้เคียงกับ object ( ไม่วา่ จะเป็ นกายภาพ หรือ
ตรรกะ) และเกีย
่ วข ้องกับข ้อทีเ่ ราสนใจในตัว
Why develop an ontology?
้ ้ดีทส
• จาเป็ นต ้องกาหนดว่าทางเลือกใดทีใ่ ชได
ี่ ด
ุ
สาหรับภารกิจ
• ใชวิ้ จารณญาณของตัวเองให ้มาก
• มีความยึดหยุน
่ ให ้มากขึน
้ และดูแลรักษาให ้ง่าย
ขึน
้
• ต ้องจาไว ้ว่า ontology เป็ นโมเดลของโลกแห่ง
็ ของ ontology ก็ต ้อง
ความเป็ นจริง และคอนเซป
สะท ้อนความเป็ นจริงนีด
้ ้วย และขบวนการ
ออกแบบซ้าจะต ้องถูกดาเนินการต่อไปตลอด
Step 1. Determine the domain and scope of the ontology
้
่ 1 กำรตรวจสอบโดเมนและ
ขันตอนที
ขอบเขตของ ontology
• โดเมนที่ ontology จะครอบคลุมอะไร
• เราจะใช ้ ontology หรือไม่ เพือ
่ อะไร
• คาถามเกีย
่ วกับ ontology ควรให ้คาตอบแบบ
ใด
้
• ใครจะใชและรั
กษา ontology
่
คำถำมเกียวกับควำมสำมำรถ
• วิธห
ี นึง่ ในการกาหนดขอบเขตของ ontology
คือการร่างรายการของคาถามทีฐ
่ านความรู ้ ตาม
ontology ควรจะสามารถตอบคาถามเกีย
่ วกับ
ความสามารถของมันได ้ คาถามเหล่านีจ
้ ะเป็ น
สารทดสอบในภายหลัง
• การทดสอบเป็ นการต ้องการรายละเอียดของ
คาตอบในระดับหนึง่ เท่านัน
้
• คาถามนีเ้ ป็ นเพียงการสมมุตแ
ิ ละไม่ต ้องการ
• ในโดเมนของไวน์และอาหารต่อไปนี้ มีคาถาม
เกีย
่ วกับความเป็ นไปได ้
ฉั นควรพิจารณาเลือกไวน์ในลักษณะใด
Bordeaux เป็ นไวน์แดงหรือขาว
Cabernet Sauvignon ไปได ้ดีกบ
ั อาหารทะเล
หรือไม่
ไวน์ชนิดใดเป็ นตัวเลือกทีด
่ ท
ี ส
ี่ ด
ุ สาหรับเนือ
้ ย่าง
ลักษณะของไวน์มผ
ี ลต่อความเหมาะสมของอาหาร
หรือไม่
• ontology จะรวมข ้อมูลเกีย
่ วกับลักษณะไวน์และ
Step 2. Consider reusing existing ontologies

้
่ 2 พิจำรณำกำรนำกลับมำใช้
ขันตอนที
่ อยู ่
ใหม่ของ ontology ทีมี
• ทาการตรวจสอบ
• สามารถปรับแต่งขยายแหล่งข ้อมูลทีม
่ อ
ี ยูส
่ าหรับ
โดเมนเฉพาะของเรา
์ ละ
• ontologies จานวนมากอยูใ่ นรูปอิเล็กทรอนิกสแ
สามารถนาเข ้ามาในสภาพแวดล ้อม ontology ทีใ่ ช ้
พัฒนาได ้
Step 3. Enumerate important terms in the ontology
้
่ 3 ควำมสำคัญของกำรแจก
ขันตอนที
แจง ontology
ประโยชน์ในการเขียนรายการของคาทัง้ หมดที่
เราต ้องการเกีย
่ วกับงบหรืออธิบายให ้ผู ้ใช ้ คอ
ื คา
ทีเ่ ราต ้องการจะพูดคุยเกีย
่ วกับอะไร คุณสมบัตม
ิ ี
่ คาที่
อะไร เราควรจะพูดอะไรเกีย
่ วกับมัน เชน
ี อง
เกีย
่ วข ้องกับไวน์ ทีต
่ งั ้ ของโรงกลั่นไวน์ สข
่
ไวน์ รสและน้ าตาลชนิดต่างๆของอาหาร เชน
ั ว์ สแ
ี ดง ว่ามันเข ้ากับไวน์ขาว
ปลา และเนือ
้ สต
หรือไม่
Step 4. Define the classes and the class hierarchy
้
่ 4 กำรกำหนดชนเรี
้ั ยนและ
ขันตอนที
้ั
ลำดับชน
มีหลายวิธท
ี เี่ ป็ นไปได ้ในการพัฒนาลาดับขัน
้
• A top-down : กระบวนการพัฒนาจากบนลง
ล่าง
• A bottom-up : กระบวนการพัฒนาจากล่าง
ขึน
้ บน
• A combination : กระบวนการพัฒนาแบบ
ผสม
Step 5. Define the properties of classes—slots
้ ่ 5 กำหนดคุณสมบัตข
้ั –
ขันที
ิ องชน
slots
ั ้ ทีอ
ั ้ เดียวจะมีข ้อมูลไม่เพียง
• ชน
่ ยูเ่ พียงชน
พอทีจ
่ ะสามารถตอบคาถาม
ั ้ แล ้ว
• จากขัน
้ ตอนที่ 1 เมือ
่ เราได ้กาหนดบางชน
เราต ้องอธิบายโครงสร ้างภายในของแนวคิด
ั ้ จากรายการของ items ทีเ่ รา
เราได ้เลือกชน
สร ้างในขัน
้ ตอนที่ 3 ทีส
่ ด
ุ แล ้วจานวนทีเ่ หลือมี
ั ้ เหล่านัน
แนวโน ้มทีจ
่ ะเป็ นคุณสมบัตข
ิ องชน
้
• สาหรับคุณสมบัตใิ นแต่ละรายการ เราจะต ้อง
อธิบายและตรวจสอบได ้ว่า คุณสมบัตเิ หล่านี้
ั ้ ดังนัน
ั ้ ของไวน์จะมี
เป็ น slots ของชน
้ ชน
slots ดังต่อไปนี้ คือ ส ี รูปร่าง รสและน้ าตาล
ั ้ ของ โรงงานผลิตด ้วย
และจะมีตาแหน่งชน
• โดยทั่วไปแล ้วคุณสมบัตข
ิ องวัตถุจะมีหลาย
ชนิดทีส
่ ามารถเป็ น slots ใน ontology :
่ รสชาติของไวน์
คุณสมบัตภ
ิ ายใน : เชน
่ ชอ
ื่ ของไวน์และทีม
คุณสมบัตภ
ิ ายนอก : เชน
่ า
ผลิตจากไหน
• นอกเหนือจากคุณสมบัตท
ิ ไี่ ด ้ระบุไว ้ก่อนหน ้า
ั ้ ของไวน์ : ชอ
ื่ ,
นีเ้ ราจะต ้องเพิม
่ ต่อไปนีใ้ นชน
่ ง
ทีผ
่ ลิต , ผู ้ผลิต ,องุน
่ รูปที่ 3 แสดงชอ
ั ้ ของไวน์
สาหรับชน
ื ทอด slot
• Subclass ทัง้ หมดของคลาสสบ
่ ทุกๆ slots ของชน
ั ้ ไวน์จะสบ
ื
ของคลาส เชน
ทอดให ้ subclass ของไวน์ รวมทัง้ ไวน์แดง
และไวน์ขาว เราจะเพิม
่ อีก slotsในระดับของ
ั ้ ไวน์แดง
tannin (ตา่ ,ปานกลาง,สูง) เพือ
่ ชน
ื ทอดโดยทุกชน
ั ้ ที่
slotระดับ tannin จะถูกสบ
Step 6. Define the facets of the slots
้
่ 6 กำหนด facets ของช่อง
ขันตอนที
่ งสามารถมีการอธิบายประเภทของค่า
• ชอ
facets ทีต
่ า่ งกัน ได ้ค่าและจานวนค่า
่ ง
(cardinalty) และคุณสมบัตอ
ิ น
ื่ ๆ ของค่าชอ
้ ้ ตัวอย่างเชน
่ ค่าของชอ
ื่
สามารถหยิบมาใชได
่ ง (เชน
่ “ชอ
ื่ ไวน์”) เป็ นสตริงทีม
ื่ ชอ
่ ง
ชอ
่ ช
ี อ
่ งผลิต (เชน
่ “ไวน์เนอรีผ
ชอ
่ ลิตไวน์เหล่านี”้ )
จะมีหลายค่าและเป็ นค่าตัวอย่างของคลาส
่ ชนิดกับ
ไวน์ คือ ผลิตค่าทีผ
่ ลิตเป็ นชว่ ง เชน
คลาสไวน์ ซงึ่ เราจะอธิบาย facets พืน
้ ฐาน
หลายประการ
• Slot Cardinality กาหนดจานวนค่าทีเ่ ป็ นไป
ได ้ใน slot
• ระบบบางระบบให ้รายละเอียดของ cardinality
แบบขัน
้ ตา่ สุดและขัน
้ สูงสุดเพือ
่ ความแม่นยาใน
่ ง cardinality แบบขัน
การอธิบายจานวนค่าชอ
้
่ งจะต ้อง
ตา่ สุด N จะหมายความว่า อย่างน ้อยชอ
่ slotขององุน
มีคา่ N ตัวอย่างเชน
่ ของไวน์ม ี
cardinality ขัน
้ ตา่ 1
• cardinality ขัน
้ สูงสุด M จะหมายความว่า slot
สามารถมีคา่ ได ้สูงกว่าค่า M cadinality สูงสุด
• Slot-value type (ช่องประเภทของค่ำ)
ในแง่ของประเภทของค่าอธิบายว่าประเภทของ
่ งได ้ นีค
ค่าสามารถกรอกข ้อมูลลงไปในชอ
่ อ
ื
รายการของประเภทของค่าทั่วไป คือ :
String เป็ นชนิดของค่าทีง่ า่ ยซงึ่ ใชส้ าหรับ
่ งของชอ
ื่ : ค่าเป็ นสตริงแบบง่าย
ชอ
Number (บางครัง้ จะเฉพาะเจาะจงชนิดของ
่ งด ้วยค่า
โฟลตและใชค่้ า integer) อธิบายชอ
่ ราคาของไวน์สามารถมี
ตัวเลข ตัวอย่างเชน
ค่าประเภทโฟลต
่ ง yes – no
Boolean ยกตัวอย่างง่ายคือชอ
่ ถ ้าเราเลือกทีจ
ตัวอย่างเชน
่ ะไม่แสดงไวน์ทเี่ ดือด
เป็ นฟองจะแยกเป็ นคลาสต่างหาก หรือไม่ไวน์ท ี่
่ ง Boolean
เดือดเป็ นฟองจะแสดงเป็ นค่าของชอ
: ถ ้าค่าเป็ น “จริง” (“yes”)คือไวน์ทเี่ ดือดเป็ นฟอง
และถ ้าค่าเป็ น “เท็จ” (“no”) คือไวน์ทไี่ ม่เดือด
เป็ นฟอง
่ งนับจานวนระบุรายการของ
Enumerated ชอ
่ ง ตัวอย่างเชน
่ เราสามารถ
ค่าอนุญาตเฉพาะชอ
่ งรสชาติ สามารถใชค่้ าหนึง่ ในสามค่าที่
ระบุทช
ี่ อ
เป็ นไปได ้ : ดี ปานกลาง และ อ่อน ใน
• โดเมนและช่วงของช่อง
่ งประเภทอินสแตนซ ์
• คลาสอนุญาตสาหรับชอ
่ ง) ตัวอย่าง
มักจะเรียกว่า range (ชว่ งของชอ
ั ้ ไวน์เป็ นชว่ งของชอ
่ งผลิตภัณฑ์
ในรูปที่ 4 ชน
่ งเมือ
่ งรวม
ระบบบางระบบจากัดชว่ งของชอ
่ ชอ
สาหรับคลาสเฉพาะ
่ งหรือคลาสซงึ่ อธิบาย
• คลาสทีร่ วมชอ
่ ง
คุณสมบัต ิ เรียกว่า โดเมนของชอ
Step 7. Create instances
้
่ 7 Create instances
ขันตอนที
ขัน
้ ตอนสุดท ้ายนีค
้ อ
ื การสร ้างตัวอย่างในแต่ละ
class เพือ
่ จัดระเบียบตามลาดับขัน
้ กาหนดขัน
้
ต่างๆ ไว ้ดังนี้
ิ ใจ
(1) การเลือกและการตัดสน
(2) การสร ้างตัวอย่างในแต่ละ class นัน
้
่ า่ ให ้กับ slot
(3) การใสค
Defining classes and a class hierarchy
4.กำรกำหนด classes และชนิ ดของ
class
้
4.1 ตรวจสอบว่ำกำรจัดลำด ับขันใน
class
ถูกต้อง
ั ันธ์ก ัน
Is – a : สมพ
ั พันธ์ของ class แสดง
การจัดลาดับความสม
ั พันธ์แบบ is – a โดย class A
ได ้ด ้วยความสม
จะเป็ น subclass ของ class B ถ ้าทุกๆกรณีของ
่
A เหมือนกันกับกรณีของ B ตัวอย่างเชน
Chardonnay เป็ น subclass ของไวน์ขาว
Single Wine ไม่เป็ น subclass ของ wine
้
ทังหมด
การนาเอาข ้อผิดพลาดทีเ่ กิดขึน
้ ที่
เหมือนๆกันมารวมไว ้ด ้วยกันซงึ่ เป็ นทัง้ เอกพจน์
ั่ ทีม
และพหูพจน์ และมีเวอร์ชน
่ ค
ี วามคิดเดียวกัน
ในการสร ้างระบบตามลาดับขัน
้ ก่อนหน ้าทีจ
่ ะมี
subclass ในภายหลัง
่ มันไม่ถก
ตัวอย่างเชน
ู ต ้องทีจ
่ ะกาหนด
class Wine ซงึ่ ในขณะที่ class Wine นัน
้ เป็ น
subclass ของ Wine เมือ
่ คุณคิดเป็ นระบบการ
ั พันธ์แบบ
จัดการแบบลาดับขัน
้ และแทนความสม
้ั
Transitivity ของควำมสัมพันธ ์แบบลำด ับชน
ถ ้า B เป็ น subclass ของ A และ C เป็ น
subclass ของ B เมือ
่ นัน
้ C เป็ น subclass ของ
A ตัวอย่าง เราสามารถกาหนด class ของ
wine ขาว เป็ น subclass ของ wine เมือ
่ เรา
กาหนดว่า Chardonnay เป็ น subclass ของ
ั พันธ์ของ subclass นั่น
wineขาว จากความสม
หมายถึงว่า class ของ Chardonnay ก็เป็ น
่ กัน
subclass ของ wine เชน
บางครัง้ ก็มข
ี ้อแตกต่างระหว่าง subclass
ทางตรง และ subclass ทางอ ้อม
กำรวิว ัฒนำกำรของ class hierarchy
การคงอยูข
่ อง class hierarchy ที่
สอดคล ้องกัน อาจกลายเป็ นสงิ่ ทีท
่ ้าทายของ
การค่อยๆ พัฒนา ตัวอย่าง เป็ นเวลาหลายๆปี ที่
ี ดง เพราะฉะนัน
Zinfandel ทัง้ หมดเป็ นสแ
้ เราจะ
กาหนดให ้ class ของ Zinfandel เป็ น
subclass ของ ไวน์แดง บางครัง้ ไวน์ทามาจาก
ี ี่
การอัดกันขององุน
่ และเปลีย
่ นลักษณะของสท
ได ้ ดังนัน
้ เราจะได ้ white Zinfandel ซงึ่ ตอน
ี ห
แรกมันเป็ นสก
ุ ลาบ ตอนนีเ้ ราต ้องการแยก
Zinfandel class ให ้กลายเป็ น 2 class ของ
่
Class และ ชือของมั
น
• มันสาคัญมากในการแยกแยะระหว่าง class
ื่ ของมัน
และชอ
• Class แสดง แนวความคิดใน domain และ
ไม่มค
ี า ทีม
่ ค
ี วามหมายทีแ
่ น่นอนใน concept
นี้
ื่ ของ class อาจเปลีย
• ชอ
่ นได ้ถ ้าเราเลือก
ั ท์เฉพาะทางทีแ
คาศพ
่ ตกต่างกัน
• Synonym สาหรับ concept เดียวกัน ไม่
่ class cycle
หลีกเลียง
• เราจะหลีกเลีย
่ ง class cycle ใน class
hierarchy เราบอกว่า มี cycle ในhierarchy
เมือ
่ บาง class A มี subclass และในเวลา
เดียวกัน Bเป็ น superclass ของ A
• การสร ้าง cycle ใน hierarchy นั่นแสดงว่า
class A และ class B จะต ้องเท่ากัน จาก
instance (กรณี)ทัง้ หมดของ A เป็ น
instance (กรณี)ของ B และจาก instance
(กรณี)ทัง้ หมดของ B ก็เป็ น instance (กรณี)
4.2 กำรวิเครำะห ์ sibling ใน class hierarchy
• sibling ใน class hierarchy คือ class ซงึ่
เป็ น subclass โดยตรง ของ class เดียวกัน
• sibling ทัง้ หมดใน hierarchy ต ้องมาจาก
level เดียวกัน ของหลักการโดยทั่วไป
• จากตัวอย่าง wine ขาว และ Chardonnay
ไม่ควรจะ เป็ น subclass ของ class เดียวกัน
็ ทั่วไปมากกว่า
ไวน์ขาวมีความเป็ นคอนเซป
็ “
Chardonnay sibling ควรแสดงคอนเซป
ต้องเท่ำไหร่ถงึ จะมำกเกินไป และ ต้องเท่ำไหร่ถงึ
จะน้อยเกินไป
• ไม่มห
ี ลักเกณฑ์ยากๆสาหรับ จานวนของ
subclass โดยตรง ซงึ่ class ควรจะมี อย่างไรก็
ตาม well-structure ontology มีระหว่าง 2-12
subclass โดยตรง เพราะฉะนัน
้ เราจะแสดง
ทัง้ หมด 2 guideline
• ถ ้า class มีแค่ subclass โดยตรงแค่ทางเดียว
อาจจะเป็ นการจาลองปั ญหา หรือ ontology ไม่
สมบูรณ์
การสร ้าง class ของ Cotes d’Or ไม่จาเป็ น และ ไม่
ต ้องมีการเพิม
่ ข ้อมูล เข ้าไปในการแสดง ถ ้าเรา
รวบรวม ไวน์ Cotes d’Or ซงึ่ ถูกกว่า red Burgundy
wine จากพืน
้ ทีท
่ างใต ้ทีม
่ เี พียงแค่ Cotes d’Or
จากนัน
้ เราจะสร ้าง 2 burgundy class : Cotes d’Or
และ Cotes chalnnaise
4.3 กำรสืบทอดแบบทวีคูณ
ื ทอดแบบ
ระบบแสดงการแทนความรู ้ในการสบ
ั ้ ในหนึง่ class สามารถมีได ้
ทวีคณ
ู ในลาดับชน
หลาย subclass
4.4 แนะนำคลำสใหม่
ิ ใจยากทีจ
หนึง่ ในการตัดสน
่ ะทาให ้ในระหว่าง
การสร ้างแบบจาลอง คือ เมือ
่ แนะนาคลาสใหม่
หรือเมือ
่ มีการแสดงความแตกต่างผ่านค่า
คุณสมบัตท
ิ แ
ี่ ตกต่างกันมันยากทีจ
่ ะสร ้างชุด
ั ้ จานวนมากทีม
ลาดับชน
่ ค
ี ลาสทีไ่ ม่เกีย
่ วข ้องกัน
ั้
• มีกฎหลายกฎของ thumb ทีช
่ ว่ ยแนะนาการ
ิ ใจหลักสูตรใหม่ทเี่ ป็ นลาดับชน
ั้
ตัดสน
ั ้ ปกติ
Subclasses ของชน
(1) มีคณ
ุ สมบัตเิ พิม
่ เติมที่ superclass ไม่ม ี
หรือ
(2) ข ้อจากัดแตกต่างจาก superclass หรือ
ั พันธ์ทแ
(3) เข ้าร่วมในความสม
ี่ ตกต่างกว่า
ของ superclasses
ั ้ ของศพ
ั ท์ ไม่ต ้องมีการแนะนา
• คลาสในลาดับชน
4.5 Class ใหม่หรือค่ำของคุณสมบุต ิ
• เมือ
่ เราจะสร ้างแบบจาลองของโดเมน เรา
ิ ใจว่าจะกาหนดค่าคุณสมบัต ิ
มักจะต ้องตัดสน
่ ไวน์ขาว, ไวน์แดง,
ให ้แบบจาลองใดบ ้าง (เชน
หรือไวน์กห
ุ ลาบ) หรือการทาให ้เซตของ
class ตัง้ อยูบ
่ นขอบเขตของโดเมนทีท
่ างาน
อยู่
• class ของแต่ละบุคคล ไม่ควรเปลีย
่ นบ่อยๆ
โดยปกติแล ้วเมือ
่ เราใชคุ้ ณสมบัตภ
ิ ายนอก
มากกว่าคุณสมบัตภ
ิ ายในของขอบเขตทีต
่ า่ งกัน
4.6 รำยกำรหรือ class?
• รายการของแต่ละบุคคลนัน
้ จะมีขอบเขต
จาเพาะในการแสดงในฐานข ้อมูลความรู ้
• กฎอีกกฎหนึง่ คือ สามารถ "ย ้าย" บางกรณีเข ้า
็ ของ class
ไปอยูใ่ นเซต
ั ้ ธรรมชาติ
• ถ ้าแนวคิดมีรป
ู แบบเป็ นลาดับชน
แล ้ว เราสามารถแสดงรูปแบบนีใ้ ห ้เป็ นแบบ
class ได ้
4.7 ขีดจำกัดของขอบเขต (Limiting the
scope)
• ontology ไม่ควรมีข ้อมูลทีเ่ กีย
่ วกับโดเมน คือ
คุณไม่จาเป็ นต ้องระบุอย่างอืน
่ ทีม
่ ากกว่าสงิ่ ที่
คุณต ้องการ สาหรับ application ของคุณ
• ontology นัน
้ ไม่ควรประกอบไปด ้วย
คุณสมบัตท
ิ งั ้ หมดของความแตกต่างของ
class ใน hierarchy
• นาเสนอเฉพาะคุณสมบัตท
ิ ส
ี่ าคัญทีส
่ ด
ุ ของ
class ของ item ใน ontology
่ ตอ
4.8 subclass ทีไม่
่ เนื่อง (Disjoint
subclasses)
• มีหลายระบบทีอ
่ นุญาตให ้เราสามารถระบุ
ั เจนไปเลยว่า class หลาย calss ที่
อย่างชด
ไม่ตอ
่ เนือ
่ งกันได ้ ถ ้า class ทีไ่ ม่ตอ
่ เนือ
่ งไม่ม ี
instance อยู่
่ class ของไวน์ทด
• ตัวอย่างเชน
ี่ ม
ื่ คูก
่ บ
ั ของ
หวานและ class ของไวน์ขาวใน ontology
ของเรานัน
้ เป็ นแบบไม่ตอ
่ เนือ
่ ง
Defining properties—more details
5. กำรกำหนดคุณสมบัต ิ – รำยละเอียด
่
เพิมเติ
ม
5.1 slot ผกผัน (inverse slots)
• ค่าของ slot นัน
้ อาจขึน
้ อยูก
่ บ
ั ค่าของ slot
่ ถ ้าไวน์ถก
อืน
่ ๆ เชน
ู ผลิตโดยไวน์เนอรี่ แล ้ว
ไวน์เนอรีก
่ ็คอ
ื ผู ้ผลิตไวน์นัน
้ ทัง้ สอง
ั พันธ์นค
ความสม
ี้ อ
ื ผู ้ผลิต และผลิต จะ
ั พันธ์ผกผัน (inverse
เรียกว่าความสม
relations)
่ น
5.2 ค่ำเริมต้
• ระบบรูปแบบ Many frame-based จะมีการ
ระบุคา่ เริม
่ ต ้นใน slot ถ ้าในรายการของ class
มีคา่ ในบางslotเหมือนกันจานวนมาก เราจะ
กาหนดให ้ค่านีเ้ ป็ นค่าเริม
่ ต ้นสาหรับ slot
• เมือ
่ แต่ละรายการใหม่ของ class ทีท
่ าการ
เก็บ slot นีถ
้ ก
ู สร ้างขึน
้ ระบบก็จะเติมค่าเริม
่ ต ้น
ให ้อัตโนมัต ิ
• ค่าเริม
่ ต ้นมีไว ้เพือ
่ ความสะดวก ไม่ได ้มีการ
บังคับให ้ใชข้ ้อจากัดใหม่ ลงบนโมเดล หรือ
What’s in a name?
่
6. กำรกำหนดชือ
ื่ สาหรับ
• การกาหนดข ้อตกลงของการตัง้ ชอ
แนวคิดใน ontology และการปฏิบัตต
ิ าม
ข ้อตกลงนัน
้ อย่างเคร่งครัดไม่เพียงทาให ้
ontology นัน
้ เข ้าใจง่ายแล ้ว ยังชว่ ยหลีกเลีย
่ ง
บางข ้อผิดพลาดของโมเดลด ้วย
ื่
• เราจาเป็ นต ้อง กาหนดข ้อตกลงของการตัง้ ชอ
สาหรับ class และslot และปฏิบัตต
ิ าม
ข ้อตกลงนัน
้
้ ผล
• คุณลักษณะของระบบแทนควำมรู ้ต่อไปนี มี
้ อ
่
ต่อทำงเลือกของกำรตังชื
ข ้อตกลง :
- ระบบมี name space ใน class, slot และ
รายการ เหมือนกันหรือไม่ ซงึ่ ก็คอ
ื ระบบจะ
ื่ เหมือนกันได ้
อนุญาตให ้มี class และslot มีชอ
่ class winery และslot winery)
หรือไม่ (เชน
- ระบบเป็ น case-sensitive หรือไม่ คือ
ื่ ทีแ
ื่
ระบบจะรับชอ
่ ตกต่างกันเท่านัน
้ ในกรณีทช
ี่ อ
่ Winery และ winery)
ต่างๆกัน (เชน
• ตัวอย่าง
Protégé-2000 จะเก็บ name space เดีย
่ ว
สาหรับเฟรมทัง้ หมดของมัน ซงึ่ เป็ นแบบ casesensitive เราจึงไม่สามารถมี class winery
และslot winery ได ้ เราสามารถมีได ้แต่ class
Winery (หมายเหตุ ตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่) และ
slot winery ในอีกทางหนึง่ ทีน
่ ย
ิ มคือ กรณีท ี่
ไม่ใช ่ case-sensitive และเก็บ name space
แตกต่างกันใน class slot และแต่ละรายการ
ดังนัน
้ จากมุมมองของระบบแล ้ว ไม่มป
ี ั ญหาใน
ื่ ทัง้ class และslot Winery
การตัง้ ชอ
่ั
6.1 ต ัวพิมพ ์ใหญ่ และต ัวคน
• สามารถปรับปรุงการอ่านของ ontology ได ้ถ ้า
้
ื่ ว่าให ้เป็ นตัวพิมพ์ใหญ่
เราใชแนวคิ
ดการตัง้ ชอ
่ ข ้อตกลงร่วมกันว่าจะใชตั้ วพิมพ์
เสมอ เชน
ื่ class และใชตั้ วพิมพ์เล็กกับชอ
ื่
ใหญ่กบ
ั ชอ
slot (สมมติวา่ ระบบเป็ น case-sensitive)
ื่ ต ้องมีคามากกว่าหนึง่ คา
• เมือ
่ แนวคิดการตัง้ ชอ
่ Meal course) เราต ้องใชตั้ วคัน
(เชน
่ คา ซงึ่ มี
ทางเลือกทีเ่ ป็ นไปได ้ดังนี้
้
• ใชการเว
้นวรรค : Meal course (ระบบต่างๆ
้
รวมถึง Protégé จะอนุญาตให ้ใชการเว
้นวรรค
ื่ )
ได ้ในการตัง้ ชอ
• เลือ
่ นคาหลายๆคาให ้ติดกัน และใชตั้ วพิมพ์
ใหญ่ขน
ึ้ ต ้นคาใหม่ : MealCourse
้ อ
• ใชเครื
่ งหมาย underscore หรือ dash หรือ
ื่ : Meal_Course,
ตัวคัน
่ อืน
่ ๆในชอ
• Meal_course, Meal-Course, Meal-course
6.2 เอกพจน์ หรือพหู พจน์
้
• ontology บางระบบต ้องการให ้ผู ้ใชประกาศ
้
้
ื่ ในรูปแบบ
เอาไว ้ว่าผู ้ใชจะใช
แนวคิ
ดการตัง้ ชอ
เอกพจน์ หรือพหูพจน์ และไม่อนุญาตให ้ใช ้
นอกเหนือจากรูปแบบทีเ่ ลือก
• การใชรู้ ปแบบเดียวกันตลอดเวลายังชว่ ย
ป้ องกันไม่ให ้นักออกแบบ เกิดความผิดพลาด
่ การสร ้าง class
ในการออกแบบ เชน
Wines ไว ้แล ้ว และมีการสร ้าง class Wine
ขึน
้ มาแบบ subclass ของ Wines อีก (ดู
6.3 ข้อตกลงของคำนำหน้ำ และคำลงท้ำย
• ระบบฐานข ้อมูลความรู ้บางระบบจะมีแนะนา
ข ้อตกลงของการใชค้ านาหน ้า และคาลงท ้าย
ื่ เพือ
ในการตัง้ ชอ
่ แยกระหว่าง class และslot
ออกจากกัน
• วิธท
ี ั่วไปสองวิธ ี คือ การเพิม
่ has- ไว ้ข ้างหน ้า
ื่ slot
หรือลงท ้ายด ้วย –of ในการตัง้ ชอ
• ดังนัน
้ slotของเราจึงเป็ น has-maker และ
has-winery ถ ้าเราเลือกใชวิ้ ธ ี has• ถ ้าเลือกอีกวิธ ี –of slotก็จะเป็ น maker-of
้ั ออื
่ นๆ
่
6.4 กำรพิจำรณำกำรตงชื
ื่ มีสงิ่ ต่างๆ
เมือ
่ มีการกาหนดข ้อตกลงในการชอ
ทีค
่ วรพิจารณา ดังนี้ :
่ “class”, “property”,
• ไม่เพิม
่ ข ้อความ เชน
ื่
“slot” และอืน
่ ๆ ลงในรูปแบบของชอ
ื่ ทีเ่ ป็ นคาย่อ (คือมี
• ควรหลีกเลีย
่ งรูปแบบชอ
การใช ้ Cabernet Sauvignon มากกว่า Cab)
ื่ ของ subclass โดยตรง ของclass ควรมี
• ชอ
ื่ ของ superclass ทัง้ หมด เชน
่ ถ ้า
หรือไม่มช
ี อ
เราสร ้าง 2 subclass ขึน
้ มา ซงึ่ เป็ น
subclass ของ Wine class เพือ
่ แทนไวน์
Other Resources
่
7. ทร ัพยำกรอืนๆ
• ในตัวอย่างของเรานัน
้ เราใช ้ Protégé-2000
เป็ นภาวะแวดล ้อมในการพัฒนา ontology ซงึ่
Duineveld และเพือ
่ นร่วมงาน (Duineveld et
al. 2000) ได ้อธิบายและเปรียบเทียบจานวน
ของภาวะแวดล ้อมอืน
่ ในการพัฒนา ontology
ไว ้
• เราได ้พยายามอยูบ
่ นพืน
้ ฐานของการพัฒนา
ontology และยังไม่ได ้พิจารณาหัวข ้อขัน
้ สูง
อีกหลายหัวข ้อ หรือวิธก
ี ารอืน
่ ในสาหรับการ
• Ontolingua tutorial (Farquhar 1997) ก็ม ี
การกล่าวถึงบางลักษณะตามหลักการของการ
จาลองความรู ้
• ขณะนีน
้ ักวิจัยไม่ได ้เน ้นเพียงแต่การพัฒนา
ontology แต่มก
ี ารวิเคราะห์ ontology ด ้วย
• มีการสร ้าง ontology เพิม
่ มากขึน
้ และนา
้
กลับมาใชใหม่
• มีเครือ
่ งมือทีท
่ าให ้สามารถวิเคราะห์
่ Chimaera
ontology ได ้มากขึน
้ เชน
Conclusions
8. สรุป
• ในคูม
่ อ
ื นี้ เราได ้อธิบายถึง วิธก
ี ารพัฒนา
ontology สาหรับระบบ frame-based
• เราได ้สร ้างขัน
้ ตอนในกระบวนการพัฒนา
ั ซอนของ
้
ontology และกล่าวถึงปั ญหาทีซ
่ บ
ั ้ ของ class และ
การกาหนด ลาดับชน
คุณสมบัตข
ิ อง class และตัวอย่าง
• หลังจากทาตามกฎและคาแนะนาทัง้ หมดแล ้ว
ยังมีสงิ่ ทีส
่ าคัญทีส
่ ด
ุ อย่างหนึง่ ทีต
่ ้องจดจาคือ
• การออกแบบ ontology เป็ นการะบวนการ
สร ้างสรรค์ และไม่ม ี 2 ontology ใดๆ ที่
ออกแบบโดยนักออกแบบคนละคนกัน
• ความเข ้าใจของผู ้ออกแบบ และมุมมองของ
โดเมน จะมีผลต่อทางเลือกในการออกแบบ
ontology อย่างแน่นอน “ถ ้าไม่ลองก็ไม่ร”ู ้
• ทางเดียวทีเ่ ราจะสามารถประเมินคุณภาพของ
ontology ของเราได ้ คือ การใชมั้ นใน