ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกั

Download Report

Transcript ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกั

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
แนวคิดเกีย่ วกับการจัดเก็บข้ อมูล
ความรู้ พนื้ ฐานเรื่องเขตข้ อมูล ระเบียน และแฟ้ มข้ อมูล
1
การจัดการข้อมูล (Data Management)
บิต
อักขระ
ฟิ ลด์
(Bits)
(Characters)
(Field)
ฐานข้อมูล
แฟ้ มข้อมูล
เรคอร์ด
(Database)
(Files)
(records)
2
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
แฟ้มข้ อมูล
เรคอร์ ด
ฟิ ลด์
ไบต์
บิต
เรคอร์ ด
แฟ้มข้ อ
ฟิ ลด์
ไบต์
บิต
3
การจัดการข้อมูล (Data Management)
Bits
01001100
01001111
01010110
O
V
0100101
Characters
L
E
4
เขตข้ อมูล (Field) ?
คือ รายละเอียดทีเ่ กิดจากกลุ่มอักขระทีร่ วมกันแล้ วก่ อให้ เกิดความ
หมายเช่ น ชื่อคน สั ตว์
 รหัสนักศึกษา
 ชื่อนักศึกษา
 นามสกุลนักศึกษา
 เพศ
 วันเดือนปี เกิด
 ทีอ่ ยู่ตดิ ต่ อได้
 อืน่ ๆ
สิ่ งของ อายุ ทีอ่ ยู่ ฯลฯ
47231440138
กาญจนา
นา้ ใจงาม
หญิง
21 มิถุยายน 2529
119 ถ.ลาปาง- แม่ ทะ ...
หมายเหตุ : แต่ ละเขตข้ อมูลเมือ่ มีการจัดเก็บต้ องระบุชนิดตัวแปรให้ ชัดเจน
5
ระเบียนข้ อมูล (Record) ?
2. ระเบียน ระเบียนหรือเรคอร์ ด (record) คือ กลุ่มของฟิ ลด์
ทีส่ ั มพันกัน ประกอบขึน้ มาจากข้ อมูลพืน้ ฐานต่ างประเภทกันรวม
ขึน้ มาเป็ น 1 ระเบียน ระเบียนจะประกอบด้ วย ฟิ ลด์ ต่ างประเภทกัน
อยู่รวมกันเป็ นชุด เช่ น ระเบียนของเช็คแต่ ละระเบียน จะประกอบด้ วย
ฟิ ลด์ ชื่อธนาคาร เช็คเลขที่ วันที่ สั่ งจ่ าย จานวนเงิน สาขาเลขที่ เลขที่
บัญชี ข้ อมูลเช็คธนาคาร ประกอบด้ วยฟิ ลด์ ต่างๆ สรุปคือ
6
แฟ้ มข้ อมูล/ตารางข้ อมูล ?
คือ กลุ่มข้ อมูลทีเ่ ก็บรายการทีเ่ กีย่ วข้ องกัน อ้ างอิงเรื่องเดียวกันนา
รวมกัน อาทิเช่ น ตารางข้ อมูลนักศึกษา, ตารางข้ อมูลอาจารย์ /
เจ้ าหน้ าที,่ ตารางข้ อมูลอาคาร/สถานที,่ ตารางข้ อมูลการจัด
ตารางการสอน, ฯลฯ ขึน้ อยู่กบั การออกแบบของผู้ออกแบบ
ระบบ
7
File
รหัส
Fields
ชื่อ
สกุล
เพศ
หมู่เรียน
4740121 นายการัน
รักษาเทพ
ชาย
วค47.ว4.1
4740221 น.สหนึ่งทิพย์ ศิริเยีย่ ม
หญิง
กว47.ค4.1
4740256 นายศิริทรัพย์
เชื้อสะอาด
ชาย
บธ47.บ4.1
470890 นายไกรศร
โรจน์สุวรรณ
ชาย
อผ47.ว4.1
Records
8
ฐานข้ อมูล (Database) ?
คือ แหล่ งจัดเก็บและรวบรวมกลุ่มข้ อมูลทีเ่ กีย่ วข้ องกัน สัมพันธ์ กนั
เป็ นส่ วนของข้ อมูลทีอ่ ยู่ในองค์กรในระบบเดียวกัน
คุณสมบัติของฐานข้อมูล
แหล่งเก็บข้อมูลขนาดใหญ่โดยปกติมกั จะมีกลุ่มเดียว
มักกาหนดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ข้อมูลจะถูกรวบรวมไว้ดว้ ยกันเพื่อให้เกิดความซ้ าซ้อนน้อยที่สุด
ข้อมูลทรัพยากรสามารถร่ วมกันได้หลายหน่วยงานภายใต้องค์กร
เดียวกันไม่เป็ นของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
9
ฐานข้ อมูล บรรจุ?
กลุ่มข้อมูล
อาคาร/สถานที่
กลุ่มข้อมูล
นักศึกษา
กลุ่มข้อมูล
หลักสูตรการเรี ยน
ฐานข้อมูลของ
อื่น ๆ
กลุ่มข้อมูล
การลงทะเบียน
ม.ราชภัฏเพชรบูรณ์
กลุ่มข้อมูล
ตารางสอน/เรี ยน
กลุ่มข้อมูล
อาจารย์/จนท.
กลุ่มข้อมูล
งบประมาณ
10
Database
นักศึกษา
ลงทะเบียน
วิชาทีเ่ ปิ ดสอน
อาจารย์
11
การจัดเก็บข้ อมูลแบบแฟ้มข้ อมูล
แฟ้มข้ อมูล
อาจารย์
ระบบเงินเดือน
รายงาน
แฟ้มข้ อมูล
วิชาทีส่ อน
ระบบตารางสอน
รายงาน
แฟ้มข้ อมูล
เกรด นศ.
ระบบเกรด
รายงาน
12
โครงสร้ างในการจัดเก็บข้ อมูลคอมพิวเดอร์
ฐานข้ อมูล
ตารางข้ อมูล 1
ตารางข้ อมูล 2
ตารางข้ อมูล 3
ระเบียน 1
ระเบียน 1
เขตข้อมูล 1
ระเบียน 1
ระเบียน 2
ระเบียน 2
เขตข้อมูล 2
ระเบียน 2
....
....
เขตข้อมูล 3
....
ระเบียน M
ระเบียน M
เขตข้อมูล 4
ระเบียน M
....
ตารางข้ อมูล N
....
เขตข้อมูล M
13
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
3) ชนิดของข้ อมูล
ข้ อมูลที่ต้องการจัดเก็บนันอาจจะมี
้
รูปแบบได้ หลายอย่าง รูปแบบสาคัญ ๆ
ได้ แก่
3.1 ข้ อมูลแบบรูปแบบ (formatted data) เป็ นข้ อมูลที่รวมอักขระซึง่ อาจ
หมายถึงตัวอักษร ตัวเลข ซึง่ เป็ นรูปแบบที่แน่นอน ในแต่ละระเบียน ทุก
ระเบียนที่อยูใ่ นแฟ้มข้ อมูลจะมีรูปแบบที่เหมือนกันหมด ข้ อมูลที่เก็บนันอาจ
้
เก็บในรูปของรหัสโดยเมื่ออ่านข้ อมูลออกมาอาจจะต้ องนารัหสนันมา
้
ตีความหมายอีกครัง้ เช่น แฟ้มข้ อมูลประวัตินกั ศึกษา
14
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
3) ชนิดของข้ อมูล
ข้ อมูลที่ต้องการจัดเก็บนันอาจจะมี
้
รูปแบบได้ หลายอย่าง รูปแบบสาคัญ ๆ
ได้ แก่
3.2 ข้ อมูลแบบข้ อความ (text)เป็ นข้ อมูลที่เป็ นอักขระในแบบข้ อความ ซึงอาจ
หมายถึงตัวอักษร ตัวเลข สมการฯ แต่ไม่รวมภาพต่าง ๆ นามารวมกันโดยไม่มี
รูปแบบที่แน่นอนในแต่ละระเบียน เช่น ระบบการจัดเก็บข้ อความต่าง ๆ
ลักษณะการจัดเก็บแบบนี ้จะไม่ต้องนาข้ อมูลที่เก็บมาตีความหมายอีก
ความหมายจะถูกกาหนดแล้ วในข้ อความ
15
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
3) ชนิดของข้ อมูล
ข้ อมูลที่ต้องการจัดเก็บนันอาจจะมี
้
รูปแบบได้ หลายอย่าง รูปแบบสาคัญ ๆ
ได้ แก่
3.3 ข้ อมูลแบบภาพลักษณ์ (images) เป็ นข้ อมูลที่เป็ นภาพ ซึง่ อาจเป็ นภาพ
กราฟที่ถกู สร้ างขึ ้นจากข้ อมูลแบบรูปแบบรูปภาพ หรื อภาพวาด คอมพิวเตอร์
สามารถเก็บภาพและจัดส่งภาพเหล่านี ้ไปยังคอมพิวเตอร์ อื่นได้ เหมือนกับการ
ส่งข้ อความ
โดยคอมพิวเตอร์ จะทาการแปลงภาพเหล่านี ้ ซึง่ จะทาให้
คอมพิวเตอร์ สามารถที่จะปรับขยายภาพและเคลื่อนย้ ายภาพเหล่านันได้
้
เหมือนกับข้ อมูลแบบข้ อความ
16
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
3) ชนิดของข้ อมูล
ข้ อมูลที่ต้องการจัดเก็บนันอาจจะมี
้
รูปแบบได้ หลายอย่าง รูปแบบสาคัญ ๆ
ได้ แก่
3.4 ข้ อมูลแบบเสียง (audio) เป็ นข้ อมูลที่เป็ นเสียง ลักษณะของการจัดเก็บก็
จะเหมือนกับการจัดเก็บข้ อมูลแบบภาพ คือ คอมพิวเตอร์ จะทาการแปลงเสียง
เหล่านี ้ให้ คอมพิวเตอร์ สามารถนาไปเก็บได้ ตัวอย่างได้ แก่ การตรวจคลื่นหัวใจ
จะเก็บเสียงเต้ นของหัวใจ
17
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
3) ชนิดของข้ อมูล
ข้ อมูลที่ต้องการจัดเก็บนันอาจจะมี
้
รูปแบบได้ หลายอย่าง รูปแบบสาคัญ ๆ
ได้ แก่
3.5 ข้ อมูลแบบภาพและเสียง (video) เป็ นข้ อมูลที่เป็ นเสียงและรูปภาพ ที่ถกู
จัดเก็บไว้ ด้วยกัน เป็ นการผสมผสานรูปภาพและเสียงเข้ าด้ วยกัน ลักษณะของ
การจัดเก็บข้ อมูล คอมพิวเตอร์ จะทาการแปลงเสียงและรูปภาพนี ้ เช่นเดียวกับ
ข้ อมูลแบบเสียงและข้ อมูลแบบภาพลักษณะซึง่ จะนามารวมเก็บไว้ ใน
แฟ้มข้ อมูลเดียวกัน
18
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
4) ลักษณะของระบบแฟ้มข้ อมูล
การจัดการแฟ้มข้ อมูลอย่างถูกต้ องมีความสาคัญอย่างยิ่งต่อความมัน่ คง
ปลอดภัย (security) ของข้ อมูลที่อยูใ่ นแฟ้มข้ อมูลและในแฟ้มข้ อมูลเอง
แนวคิดในการจัดการแฟ้มข้ อมูลเริ่มจากการออกแบบแฟ้มข้ อมูลให้ เหมาะสม
กับการเรี ยกค้ นเรคอร์ ดข้ อมูลมาใช้ ไปจนถึงการสารองแฟ้มข้ อมูลและการกู้
แฟ้มข้ อมูล แฟ้มข้ อมูลอาจจะมีได้ สองลักษณะ คือ
4.1 ระเบียนขนาดคงที่ (fixed length record)
4.2 ระเบียนที่มีความยาวแปรได้ (variable length record)
19
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
5) การจัดการแฟ้มข้ อมูล
กิจกรรมที่เกี่ยวข้ องกับการจัดการแฟ้มข้ อมูล (file manipulation) จะแตกต่าง
กันออกไปในแต่ละระบบงาน แต่จะมีกิจกรรมหลักในการใช้ ข้อมูล ได้ แก่
5.1 การสร้ างแฟ้มข้ อมูล (file creating)
5.2 การปรับปรุงรักษาแฟ้มข้ อมูลแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
1) การค้ นคืนระเบียนในแฟ้มข้ อมูล (retrieving)
2) การปรับเปลี่ยนข้ อมูล (updating)
20
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
6) ประเภทของแฟ้มข้ อมูล
ประเภทของแฟ้มข้ อมูลจาแนกตามลักษณะของการใช้ งานได้ ดงั นี ้
6.1แฟ้มข้ อมูลหลัก (master file)
6.2 แฟ้มข้ อมูลรายการเปลี่ยนแปลง (transaction file)
6.3 แฟ้มข้ อมูลตาราง (table file)
6.4 แฟ้มข้ อมูลเรี ยงลาดับ (sort file)
21
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
7) การจัดโครงสร้ างแฟ้มข้ อมูล (file organization)
เป็ นการกาหนดวิธีการที่ระเบียนถูกจัดเก็บอยูใ่ นแฟ้มข้ อมูลบนอุปกรณ์ที่ใช้ เก็บ
ข้ อมูล ซึง่ ลักษณะโครงสร้ างของระเบียนจะถูกจัดเก็บไว้ เป็ นระบบ โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อให้ การจัดเก็บข้ อมูลและการเข้ าถึงข้ อมูลมีความสะดวก
รวดเร็ว การจัดโครงสร้ างของแฟ้มข้ อมูลอาจแบ่งได้ เป็ น 3 ลักษณะคือ
7.1 โครงสร้ างของแฟ้มข้ อมูลแบบลาดับ (sequential file)
7.2 โครงสร้ างของแฟ้มข้ อมูลแบบลาดับตามดัชนี (index sequential file)
7.3 โครงสร้ างของแฟ้มข้ อมูลแบบสัมพัทธ์ (relative file)
22
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
ชนิดและคุณสมบัตขิ องหน่ วยเก็บข้ อมูลสารองและหน่ วยความจาหลัก
1. ชนิดของหน่ วยความจาหลัก
โดยปกติแล้ วหน่วยความจาโดยทัว่ ไปจะถูกแบ่งออกเป็ นสองพวกใหญ่
ๆ คือ หน่วยความจาแบบหน่วยเก็บลบเลือนได้ (volatile storage) และ
หน่วยความจาประเภทหน่วยเก็บลบเลือนไม่ได้ (nonvolatile storage)
หน่วยความจาประเภทหน่วยเก็บลบเลือนได้ เป็ นหน่วยความจาที่รักษาข้ อมูล
ได้ เฉพาะเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเท่านันไหลเวี
้
ยนอยู่ ตัวอย่างเช่น หน่วยความจา
หลัก (main memory) เท่านัน้
23
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
หน่วยความจาประเภทหน่วยเก็บลบเลือนไม่ได้ คือ หน่วยความจาที่
สามารถรักษาข้ อมูลได้ อย่างถาวรแม้ เมื่อไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
ตัวอย่างเช่น
หน่วยความจาสารองและหน่วยความจาหลักบางประเภท
หน่วยความจาหลักที่ที่ใช้ ในปั จจุบนั มี 2 ประเภท คือ หน่วยความจาหลัก
ประเภทแรม (Random Access Memory, RAM) และหน่วยความจาหลัก
ประเภทรอม (Read Only Memory, ROM)
24
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
1.1 หน่ วยความจาประเภทแรม เป็ นหน่วยความจาหลักประเภทที่
สามารถเข้ าถึงคาสัง่ และข้ อมูลโดยตรงได้ แรมเป็ นหน่วยความจาที่สามารถที่
จะอ่านหรื อเขียนข้ อมูลและคาสัง่ ลงไปได้ หลายครัง้
แรมแบ่งออกเป็ นสอง
ประเภทคือ ไดนามิกแรม (dynamic RAM) และสแตติกแรม (static RAM)
1) ไดนามิกแรม คือหน่วยความจาหลักที่ต้องการกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
ในขณะเก็บข้ อมูล
2)สแตติกแรม เป็ นหน่วยความจาหลักที่ต้องการแบตเตอรี่ เลี ้ยงอยูต่ ลอดเวลา
25
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
1.2
หน่ วยความจาหลักชนิดรอม
หน่วยความจาชนิดรอมเป็ น
หน่วยความจาประเภทแบบลบเลือนไม่ได้ สามารถเก็บข้ อมูลได้ ตลอดไปแม้ จะปิ ด
เครื่ องคอมพิวเตอร์ แล้ ว
หน่วยความจาชนิดรอมเป็ นหน่วยความจาที่อ่านข้ อมูล
ออกมาใช้ ได้ อย่างเดียว แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ ไขข้ อมูลที่เก็บอยูใ่ นรอมได้
หน่วยความจารอมจะถูกสร้ างโดยบริ ษัทผู้ผลิตเครื่ องคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ เก็บ
โปรแกรมที่จาเป็ นต่อการใช้ งานคอมพิวเตอร์ เอาไว้ อย่างถาวร
และไม่ต้องการ
เปลี่ยนแปลง เช่น โปรแกรมที่ใช้ ในการทางานของเครื่ องคอมพิวเตอร์ เมื่อเราทาการ
เปิ ดเครื่ อง
หรื อโปรแกรมที่ใช้ ควบคุมการทางานของอุปกรณ์ที่อยูใ่ นรถยนต์หรื อ
โปรแกรมเล่นเกมต่าง ๆ เป็ นต้ น รอมยังถูกแบ่งออกเป็ นหลายชนิดได้ แก่พรอม
(Programmable ROM, PROM) อีพรอม (Erasable PROM,EPROM) และอีอีพร
26
อม (Electrically Erasable PROM, EEPROM)
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
2. ชนิดของหน่ วยความจาสารอง
หน่วยความจาสารองเป็ นหน่วยความจาที่สามารถรักษาข้ อมูลได้ ตลอดไป
หลังจากได้ ทาการปิ ดเครื่ องคอมพิวเตอร์ แล้ ว หน่วยความจาสารองมีประโยชน์
ต่อระบบฐานข้ อมูลเป็ นอย่างมาก ถ้ าปราศจากหน่วยความจาสารองแล้ วเรา
จะไม่สามารถเก็บรักษาข้ อมูลเอาไว้ ใช้ ด้ในอนาคต หน่วจยความจาสารองใช้
เก็บรักษาข้ อมูลและโปรแกรมเอาไว้ อย่างถาวรจึงทาให้ หน่วยความจาสารอง
ถูกใช้ เป็ นสื่อในการนาข้ อมูลและโปรแกรมจากเครื่ องคอมพิวเตอร์ หนีงไปใช้ ยงั
คอมพิวเตอร์ อีกเครื่ องหนึง่ ได้ และนอกจากนี ้หน่วยความจาสารองยังใช้ เป็ น
หน่วยเสริมหน่วยความจาหลัก โดยทาหน้ าที่
27
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
1.2 หน่วยความจาหลักชนิดรอม หน่วยความจาชนิดรอมเป็ น
หน่วยความจาประเภทแบบลบเลือนไม่ได้ สามารถเก็บข้ อมูลได้ ตลอดไปแม้ จะ
ปิ ดเครื่ องคอมพิวเตอร์ แล้ ว หน่วยความจาชนิดรอมเป็ นหน่วยความจาที่อา่ น
ข้ อมูลออกมาใช้ ได้ อย่างเดียว ก่อน และเมื่อต้ องการจึงจะดึงคาสัง่ จาก
หน่วยความจาเสมือนเข้ าหน่วยความจาหลักเพื่อทาการประมวลผล ดังนัน้ จึง
สามารถประมวลผลโปรแกรมแรมที่มีขนาดใหญ่กว่าหน่วยความจาหลักได้
หน่วยความจาสารอง สามารถแบ่งตามลักษณะที่คอมพิวเตอร์ สามารถเข้ าถึง
ข้ อมูลได้ 2 ชนิด คือ
2.1 หน่วยความจาสารองประเภทที่สามารถเข้ าถึงข้ อมูลโดยตรง
28
2.2 หน่วยความจาสารองประเภทที่สามารถเข้ าถึงข้ อมูลโดยเรี ยงลาดับเท่านัน้
วิวฒ
ั นาการของเทคโนโลยีฐานข้อมูล
Data Collection ( 1960’s and earlier)
- primitive file processing (เริ่มพัฒนาจาแฟ้ มข้ อมูล)
Database management system (1970’s)
- Network and relational database management system
- Data modeling tools, query language
Advanced database management system (1980’s - present)
-advanced data model
-object-oriented database management system
-object relational database management system
Data warehousing & Data mining (1990’s – present)
29
ระบบแฟ้ มข้อมูล (File – Based System)
• ปั ญหาของระบบแฟ้ มข้อมูล
– ปั ญหาเกี่ยวกับการจัดการแฟ้ มข้อมูลต่างๆทีป่ ริมาณเพิ่มขึ้นทุกขณะ
– เกิดความซา้ ซ้อนของข้อมูล
– แฟ้ มข้อมูลทีข่ ้ ึนกับ Application Program ส่งผลให้เกิดปั ญหาในการ
ปรับปรุง
– โปรแกรมภาษาในรุน่ ที่ 3 (Third-Generation Language : 3GL)
30
ระบบแฟ้ มข้อมูล (File – Based System)
(ต่อ)
• ข้อดีระบบแฟ้ มข้อมูล
– ง่ายต่อการออกแบบและพัฒนา (Easy to Design and Implement)
– การประมวลแบบแฟ้ มข้อมูลเป็ นวิธีดงั้ เดิมทีใ่ ช้กนั มานาน และมีความ
รวดเร็ว (Historically and Processing Speed)
31
ระบบแฟ้ มข้อมูล (File – Based System)
(ต่อ)
• ข้อจากัดระบบแฟ้ มข้อมูล
– ข้อมูลมีการเก็บแยกจากกัน
– ข้อมูลมีความซา้ ซ้อน
– ข้อมูลมีความขึ้นต่อกัน
– มีรูปแบบทีไ่ ม่ตรงกัน
– รายงานต่างๆ ถูกกาหนดไว้อย่างจากัด
32
ประเภทของแฟ้ มข้อมูล แบ่งได้ 6 ประเภท
• แฟ้ มหลัก (Master File) เป็ นไฟล์ทจี่ ดั เก็บข้อมูลทีม่ กั จะไม่มีรายการ
เปลี่ยนแปลง หรือมีสภาพค่อนข้างคงที่ ซึ่งการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลใน
Master File เพื่อให้ทนั สมัยนัน้ สามารถทาได้ 3 รูปแบบด้วยกัน คือ
การเพิ่ม การลบ และการแก้ไข
• แฟ้ มรายการเปลี่ยนแปลง (Transaction File) เป็ นไฟล์ที่จดั เก็บ
ข้อมูลการดาเนิน
ธุ รกรรมประจาวันที่มกั มีความเคลื่อนไหวอยู่
เสมอ
• แฟ้ มเอกสาร (Document File) เป็ นไฟล์เอกสารหรือไฟล์รายงาน
ต่างๆ ที่เคยผ่านกระบวน การพิมพ์ดว้ ยโปรแกรมมาก่อน และทาการ33
ประเภทของแฟ้ มข้ อมูล แบ่ งได้ 6 ประเภท
• Archival File เป็ นแฟ้ มข้อมูลทีบ่ รรจุไปด้วย Master File และ
Transaction File ซึง่ ประกอบด้วยเรคอร์ดต่างๆ ทีถ่ ูกลบ หรือถูก
เคลื่อนย้ายจากสือ่ อุปกรณ์ออนไลน์ ไปจัดเก็บไว้ในสือ่ อุปกรณ์ทเี่ ป็ น
แบบออฟไลน์
• Table Look-Up File หรือ Reference File เป็ นไฟล์หรือตารางทีใ่ ช้
สาหรับในการอ้างอิง เพื่อใช้งานร่วมกันโดยข้อมูลต่างๆ
• Audit File เป็ นไฟล์พิเศษชนิดหนึ่ง ทีจ่ ดั เก็บเรคอร์ดทีถ่ ูกอัปเดต ลงใน
ไฟล์ ต่างๆ โดย เฉพาะอย่างยิง่ Master File และTransaction File ซึง่
จะใช้รวมกันกับ Archival File ในการกูค้ นื ข้อมูลทีเ่ สียหาย ในกรณีท่ี
ข้อมูลในระบบเกิดความเสียหายในระหว่างการประมวลผล
34
ความหมายของฐานข้อมูล
(กิตติ ภักดีวฒ
ั นะกุล และ จาลอง ครูอุตสาหะ,2544) ได้ให้คา
นิ ย ามของฐานข้อ มู ล ว่ า การจัด เก็ บ ข้อ มู ล อย่ า งมี ร ะบบ แล ะ
ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลประกอบด้วย รายละเอียดของข้อ มูลที่
เกี่ยวข้องกัน ซึ่งถูกนามาใช้ในงานด้านต่างๆ ไม่วา่ จะเป็ นการเพิ่ม
ข้อมูล การลบ การแก้ไข การเรียกดู ข้อมูล เป็ นต้น ข้อมู ลเหล่านี้จะ
ถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็ นระบบ เพื่อประโยชน์ในการจัดการ และเรียกใช้
ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
35
วัตถุประสงค์ของการใช้ฐานข้อมูล
• เพิ่มความเร็วในการพัฒนาโปรแกรม
• ลดค่าใช้จา่ ยในการบารุงรักษาโปรแกรม ไม่มีปัญหาการแปลงผันข้อมูล เมื่อ
ระบบขยายตัว
• อานวยความสะดวกให้ผใู ้ ช้ทวั่ ไปทีไ่ ม่ใช่โปรแกรมเมอร์ สามารถเรียกดูขอ้ มูล
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะมีภาษาระดับง่ายสาหรับผูใ้ ช้โดยเฉพาะ
• สามารถใช้ขอ้ มูลร่วมกันได้ (Integration of Data) และสามารถจับกลุ่ม
ข้อมูลได้หลายรูปแบบ
• ควบคุมข้อมูลได้ง่ายขึ้น ไม่วา่ จะเป็ นด้านความถูกต้องของข้อมูล หรือการ
กาหนด ขอบเขตสิทธิของผูใ้ ช้ขอ้ มูล
36
คาอธิบาย
รายละเอียด
ข้ อมูล
ข้ อมูล
อาจารย์
ระบบการจัดการ
ฐานข้ อมูล (DBMS)
ระบบเงินเดือน
รายงาน
ระบบตารางสอน
รายงาน
ระบบเกรด
รายงาน
ข้ อมูล
ตารางสอน
ข้ อมูลเกรด
นักศึกษา
37
การบริหารฐานข้ อมูล
ในระบบฐานข้ อมูลนอกจากจะมีระบบการจัดการฐานข้ อมูล ซึง่ เป็ น
ซอฟต์แวร์ ที่สร้ างขึ ้นเพื่อจัดการกับข้ อมูลให้ เป็ นระบบ จะได้ นาไปเก็บรักษา
เรี ยกใช้ หรื อนามาปรับปรุงให้ ทนั สมัยได้ ง่ายแล้ ว ในระบบฐานข้ อมูลยังต้ อง
ประกอบด้ วยบุคคลที่มีหน้ าที่ควบคุมดูแลระบบฐานข้ อมูล คือ ผู้บริหาร
ฐานข้ อมูล
เหตุผลสาหรับประการหนึง่ ของการจัดทาระบบจัดการฐานข้ อมูล คือ
การมีศนู ย์กลางควบคุมทังข้
้ อมูลและโปรแกรมที่เข้ าถึงข้ อมูลเหล่านัน้ บุคคลที่
มีอานาจหน้ าที่ดแู ลการควบคุมนี ้ เรี ยกว่า ผู้บริหารฐานข้ อมูล หรื อ DBA (data
base administor) คือ ผู้มีหน้ าที่ควบคุมการบริหารงานของฐานข้ อมูลทังหมด
้
38
หน้ าที่ของผู้บริหารฐานข้ อมูล
-กาหนดโครงสร้ างหรื อรูปแบบของฐานข้ อมูล
โดยทาการวิเคราะห์และ
ตัดสินใจว่าจะรวมข้ อมูลใดเข้ าไว้ ในระบบใดบ้ าง ควรจะจัดเก็บข้ อมูลด้ วยวิธีใด และใช้
เทคนิคใดในการเรี ยกใช้ ข้อมูลอย่างไร
- กาหนดโครงสร้ างของอุปกรณ์เก็บข้ อมูลและวิธีการเข้ าถึงข้ อมูล โดยกาหนด
โครงสร้ างของอุปกรณ์เก็บข้ อมูลและวิธีการเข้ าถึงข้ อมูล พร้ อมทังก
้ าหนดแผนการใน
การสร้ างระบบข้ อมูลสารองและการฟื น้ สภาพ โดยการจัดเก็บข้ อมูลสารองไว้ ทกุ ระยะ
และจะต้ องเตรี ยมการไว้ วา่ ถ้ าเกิดความผิดพลาดขึ ้นแล้ วจะทาการฟื น้ สภาพได้ อย่างไร
-มอบหมายขอบเขตอานาจหน้ าที่ของการเข้ าถึงข้ อมูลของผู้ใช้
โดยการ
ประสานงานกับผู้ใช้ ให้ คาปรึกษา ให้ ความช่วยเหลือแก่ผ้ ใู ช้ และตรวจตราความ
ต้ องการของผู้ใช้
39
ระบบการจัดการฐานข้ อมูล
(data base management system, DBMS)
หน้ าที่ของระบบการจัดการฐานข้ อมูล
- ระบบจัดการฐานข้ อมูลเป็ นซอฟต์แวร์ ที่ทาหน้ าที่ดงั ต่อไปนี ้ ดูแลการใช้ งาน
ให้ กบั ผู้ใช้ ในการติดต่อกับตัวจัดการระบบแฟ้มข้ อมูลได้ ในระบบฐานข้ อมูล
นี ้ข้ อมูลจะมีขนาดใหญ่ ซึง่ จะถูกจัดเก็บไว้ ในหน่วยความจาสารองเมื่อผู้ใช้
ต้ องการจะใช้ ฐานข้ อมูล ระบบการจัดการฐานข้ อมูลจะทาหน้ าที่ติดต่อกับ
ระบบแฟ้มข้ อมูลซึง่ เสมือนเป็ นผู้จดั การแฟ้มข้ อมูล (file manager) นาข้ อมูล
จากหน่วยความจาสารองเข้ าสูห่ น่วยความจาหลักเฉพาะส่วนที่ต้องการใช้
งานและทาหน้ าที่ประสานกับตัวจัดการระบบแฟ้มข้ อมูลในการจัดเก็บ
เรี ยกใช้ และแก้ ไขข้ อมูล
40
ระบบการจัดการฐานข้ อมูล
(data base management system, DBMS) ต่ อ
- ควบคุมระบบความปลอดภัยของข้ อมูลโดยป้องกันไม่ให้ ผ้ ทู ี่ไม่ได้ รับอนุญาต
เข้ ามาเรี ยกใช้ หรื อแก้ ไขข้ อมูลในส่วนป้องกันเอาไว้ พร้ อมทังสร้
้ างฟั งก์ชนั ใน
การจัดทาข้ อมูลสารอง โดยเมื่อเกิดมีความขัดข้ องของระบบแฟ้มข้ อมูลหรื อ
ของเครื่ องคอมพิวเตอร์ เกิดการเสียหายนัน้
ฟั งก์ชนั นี ้จะสามารถทาการฟื น้
สภาพของระบบข้ อมูลกลับเข้ าสูส่ ภาพที่ถกู ต้ องสมบูรณ์ได้
- ควบคุมการใช้ ข้อมูลในสภาพที่มีผ้ ใู ช้ พร้ อม ๆ กันหลายคน โดยจัดการเมื่อมี
ข้ อผิดพลาดของข้ อมูลเกิดขึ ้น
41
ประโยชน์ ของระบบจัดการฐานข้ อมูล
ในปั จจุบนั องค์กรส่วนใหญ่หนั มาให้ ความสนใจกับระบบฐานข้ อมูลกันมาก
เนื่องจากระบบฐานข้ อมูลมีประโยชน์ดงั ต่อไปนี ้
1.ลดความซ ้าซ้ อนของข้ อมูล
2.รักษาความถูกต้ องของข้ อมูล
3. มีความเป็ นอิสระของข้ อมูล
42
ประโยชน์ ของระบบจัดการฐานข้ อมูล
4. มีความปลอดภัยของข้ อมูลสูง
ระบบฐานข้ อมูลส่วนใหญ่จะมีการรักษาความปลอดภัยของข้ อมูล ดังนี ้
· มีรหัสผู้ใช้ (user) และรหัสผ่าน (password) ในการเข้ าใช้ งานฐานข้ อมูล
· ในระบบฐานข้ อมูลสามารถสร้ างและจัดการตารางข้ อมูลทังหมดในฐานข้
้
อมูล ทังการ
้
เพิ่มผู้ใช้ ระงับการใช้ งานของผู้ใช้ อนุญาตให้ ผ้ ใู ช้ สามารถเรี ยกดู เพิ่มเติม ลบและแก้ ไข
ข้ อมูล หรื อบางส่วนของข้ อมูลได้ ในตารางที่ได้ รับอนุญาต
· ในระบบฐานข้ อมูล (DBA) สามารถใช้ วิว (view) เพื่อประโยชน์ในการรักษาความ
ปลอดภัยของข้ อมูลได้ เป็ นอย่างดี
· ระบบฐานข้ อมูลจะไม่ยอมให้ โปรแกรมใดๆ เข้ าถึงข้ อมูลในระดับกายภาพ (physical)
โดยไม่ผ่าน ระบบการจัดการฐานข้ อมูล
43
ประโยชน์ ของระบบจัดการฐานข้ อมูล
· มีการเข้ ารหัสและถอดรหัส (encryption/decryption) เพื่อปกปิ ด
ข้ อมูลแก่ผ้ ทู ี่ไม่เกี่ยวข้ อง เช่น มีการเข้ ารหัสข้ อมูลรหัสผ่าน
5. ใช้ ข้อมูลร่วมกันโดยมีการควบคุมจากศูนย์กลาง
44
สถาปั ตยกรรมของระบบฐานข้ อมูล :
ระดับของข้ อมูล
1. ระดับชัน้ ของระบบจัดการฐานข้ อมูล
ระบบฐานข้ อมูล เป็ นการนาข้ อมูลในองค์การที่มีความเกี่ยวข้ องกันมารวมไว้ อย่าง
เป็ นระบบในที่เดียวกัน โดยที่ผ้ ใู ช้ ฐานข้ อมูลจะมองข้ อมูลนี ้ในแง่มมุ หรื อวิวที่
แตกต่างกันไปตามจุดประสงค์ของการประยุกต์ใช้ งาน โดยผู้ใช้ ไม่จาเป็ นต้ องสนใจ
ว่าลักษณะการจัดเก็บข้ อมูลโดยแท้ จริ งแล้ วเป็ นเช่นไร โดยระบบฐานข้ อมูลจะทา
การซ่อนรายละเอียดไว้ โดยจัดแบ่งระดับของข้ อมูลออกเป็ นระดับชัน้
45
สถาปั ตยกรรมของระบบฐานข้ อมูล
ระดับชันของข้
้
อมูลถูกพัฒนาขึ ้นโดย The Standards Planing and
Requiremenst Committee (SPARC) ของ American National Standards
institure (ANSI) จะถูกแบ่งออกเป็ น 4 ระดับ
1.1 ระดับภายนอก (external level)
1.2 ระดับหลักการ (conceptual level)
1.3 ระดับภายใน (internal level)
1.4 ระดับโครงสร้ างแท้ จริง (physical organization level)
46
สถาปั ตยกรรมของระบบฐานข้ อมูล
End User
External Level
Conceptual Level
Internal Level / Physical Level
Store Database
47
ระดับภายนอก (External Level , Individual User Views)
เป็ นส่ วนที่อานวยความสะดวกให้แก่ผใู ้ ช้แต่ละคน ในการมองระบบ
หรื อข้อมูลที่จาเป็ นในการทางาน (Views) ซึ่งเกิดจากความต้องการของผูใ้ ช้
แต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป
User1 ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับเงินเดือนของพนักงานในบริ ษทั ดังนั้น
จะต้องค้นหาข้อมูลจากฟิ ลด์ EmpNum และ Salary เป็ นต้น ในทานอง
เดียวกันผูใ้ ช้คนอื่น ๆ ก็ตอ้ งการข้อมูลอื่น ๆ แตกต่างกันไป
User2 ซึ่งเป็ นผูเ้ ขียนโปรแกรม (Programmer) ต้องการข้อมูลที่มีการ
เชื่อมต่อกันด้วยเพื่อความสะดวกในการพัฒนาโปรแกรมเกี่ยวกับเงินเดือน โดย
ต้องการข้อมูลฟิ ลด์ EmpNum , Salary และ DeptNum เป็ นต้น
48
ระดับภายนอก (External Level , Individual User Views)
จากความต้องการของผูใ้ ช้คนที่ 1 และผูใ้ ช้คนที่ 2 ซึ่งข้อมูลเป็ นเค้าร่ าง
ในระดับภายนอกที่แสดงถึงรายละเอียดของข้อมูลที่ผใู ้ ช้ตอ้ งการ ลักษณะเช่นนี้
เรี ยกว่า เค้ าร่ างภายนอก (External Schema หรือ Subschema หรือ Views)
ในการแสดงผลข้อมูลออกมาเป็ นมุมมองต่าง ๆ นั้น ผูใ้ ช้ตอ้ งการ
ข้อมูลแบบใด การพัฒนาโปรแกรมเพื่อสนองตอบความต้องการของผูใ้ ช้ต่าง ๆ
ถือว่าเป็ นเรื่ องจาเป็ นอย่างยิง่ โดยผูพ้ ฒั นาโปรแกรมจะต้องใช้ภาษาทาง
คอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะเป็ นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 3 เช่น Pascal , Cobol
หรื อ C เป็ นต้น หรื ออาจจะเป็ นภาษาในยุคที่ 4 ก็คือภาษาทางด้านการเขียน
คาสัง่ ในการสอบถามข้อมูล (Query Language) เช่น ภาษา SQL ซึ่งจะสะดวก
ในการเรี ยกใช้ขอ้ มูลจากฐาน ข้อมูลมากที่สุด และผูท้ ี่ไม่ใช่นกั เขียน
โปรแกรมก็สามารถใช้ภาษา SQL นี้ได้อย่างง่าย
49
ระดับแนวคิด (Conceptual Level หรือ Community User View)
ในระดับภายนอกนั้นการใช้ขอ้ มูลจะใช้ขอ้ มูลจากฐานข้อมูล ไม่วา่ จะเป็ นฟิ ลด์
ต่าง ๆ หรื อเรคอรด์ต่าง ๆ ก็ตาม ลักษณะของข้อมูลเหล่านี้โครงสร้างที่แท้จริ งก็
จะมีรายละเอียดอีกหลายส่ วนซึ่งลักษณะของโครงสร้างหรื อรายละเอียดต่าง ๆ
จะเกี่ยวข้องกับข้อมูลในระดับแนวคิดและระดับ ภายในนัน่ เอง เป็ นการ
อธิบายฐานข้อมูลโดยรวมว่าประกอบด้วยเอนทิต้ ี
แอททริ บิวต์
และ
ความสัมพันธ์อย่างไรกันบ้าง
ซึ่งการออกแบบลักษณะของข้อมูลจะถูก
ออกแบบโดยผูบ้ ริ หารฐานข้อมูล (Database Administration : DBA) ซึ่งก็คือ
การออกแบบเค้าร่ างที่สามารถแสดงรายละเอียดของ ข้อมูลทั้งหมดนัน่ เอง
50
ระดับภายใน (Internal หรือ Physical Level หรือ Storage View)
เป็ นเค้าร่ างที่แสดงถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของการจัดเก็บข้อมูลโดยเป็ นการ
จัดเก็บโครงสร้าง ของข้อมูล ลงบนสื่ อบันทึกข้อมูลแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็ นระดับ
ต่าสุ ด เป็ นระดับที่ใกล้เคียงกับโครงสร้างของข้อมูลจริ งบนสื่ อบันทึกข้อมูล
โดยในการจัดเก็บจะมีวิธีการจัดเก็บเพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูล
อย่างมีคุณภาพมากที่สุด ดังนั้นวิธีการจัดเก็บข้อมูลลงบนสื่ อบันทึกข้อมูลจะ
เป็ นประโยชน์ต่อการเข้าถึงข้อมูลอย่างมาก เช่น การเก็บข้อมูลแบบการอิน
เด็กซ์ขอ้ มูล การเก็บข้อมูลแบบเรี ยงลาดับ การใช้ฟังก์ชนั่ ในการค้นหาข้อมูลที่
ต้องการ ซึ่งล้วนแต่เป็ นลักษณะของข้อมูลในระดับภายในทั้งสิ้ น
51
ตัวอย่ างสถาปัตยกรรมฐานข้ อมูล(Database architecture) 3 ระดับ
- ระดับภายนอก (External level) มาจากแบบฟอร์ มเอกสาร ว่ามีอะไรในเอกสาร
บ้าง หรื อจากผูใ้ ช้ที่แต่ละคน เป็ นการรวบรวมข้อมูลอย่างง่าย ๆ จากผูใ้ ช้ เพื่อให้กบั
นักวิเคราะห์นาไปศึกษา
ผูใ้ ช้คนที่หนึ่ง : (รหัส, ชื่อ)
ผูใ้ ช้คนที่สอง : (รหัส, ทีอ่ ยู่)
- ระดับความคิด (Conceptual level) ตีความออกมาเป็ นตารางโดยนาแบบฟอร์ม
ต่าง ๆ มารวมกัน เพื่อแสดงความต้องการของผูใ้ ช้ในรู ปที่สมบูรณ์ อาจมีการวิเคราะห์ และ
ออกแบบโดยผ่านขั้นตอนมากมาย ทั้ง E-R หรื อ Normalization จนเสร็ จสิ้ น
พนักงาน (รหัส, ชื่อ, ทีอ่ ยู่) ในแบบสคีมา(Schema)
หรื อ
person (id, name, address) ในแบบสคีมา(Schema)
52
ตัวอย่ างสถาปัตยกรรมฐานข้ อมูล(Database architecture) 3 ระดับ
- ระดับภายใน (Internal level) ตีความในระดับการจัดเก็บ
ข้อมูลจริ ง เป็ นหน้าที่ของผูอ้ อกแบบอย่างแท้จริ ง
struct person{
int id;
char name[20];
char address[20]
} index id;
53
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
ประโยชน์ของการแบ่งระดับชันนั
้ นเพื
้ ่อให้ ข้อมูลเป็ นอิสระต่อกัน ความเป็ น
อิสระของข้ อมูลคือ การที่ผ้ ใู ช้ ไม่ต้องมาคอยแก้ ไขโปรแกรมที่ใช้ งานในทุก ๆ ครัง้ ที่
เกิดการเปลี่ยนแปลงแก้ ไขฐานข้ อมูล ระบบจัดการฐานข้ อมูลจะทาหน้ าที่เชื่อมโยง
ข้ อมูลระหว่างแต่ละระดับ
ความเป็ นอิสระของข้ อมูล
1.แนวคิดเชิงกายภาพและตรรกะ
2.การออกแบบฐานข้ อมูล
3.วิวกับการแปลงรูป
54
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
ภาษาที่ใช้ ในระบบฐานข้ อมูล
ภาษาของระบบจัดการฐานข้ อมูลที่มีใช้ กนั ในปั จจุบนั ได้ แก ภาษานิยามข้ อมูล
ภาษาจัดการข้ อมูลและภาษาควบคุม
1 ภาษานิยามข้ อมูล (Data Definition Language; DDL)
2 ภาษาจัดการข้ อมูล (Data Manipulation Language; DML)
3. ภาษาที่ใช้ ในการควบคุมข้ อมูล หรื อ DCL (data control language)
55
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
1.คุณสมบัตหิ ลักของฐานข้ อมูล
คุณสมบัติหลักของฐานข้ อมูลไม่วา่ จะเป็ นฐานข้ อมูลใดๆ
จะมี
คุณสมบัติหลัก ดังต่อไปนี ้ คือ
1.1 โครงสร้ างข้ อมูล (data structures) คือโครงสร้ างข้ อมูลระดับตรรกะที่
โปรแกรมประยุกต์เห็น เป็ นการบอกว่าฐานข้ อมูลนันๆ
้ มีโครงสร้ างข้ อมูลเป็ น
อย่างไร
1.2 กฎควบคุมความถูกต้ อง (integrity constraint) เป็ นการบอกว่า
โครงสร้ างข้ อมูลนันมี
้ กฎบังคับความถูกต้ องอย่างไร
1.3 ภาษาจัดการข้ อมูล (data manipulation language) เป็ นการบอกว่ามี
56
ภาษาจัดการข้ อมูลบนโครงสร้ างข้ อมูลเป็ นอย่างไร
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล
(Database System Concepts)
2.ประเภทของฐานข้ อมูล
ฐานข้ อมูลที่ร้ ูจกั กันในปั จจุบนั มีด้วยกัน 4 ประเภท คือ
• ฐานข้ อมูลแบบเครื อข่าย (hierarchical model)
• ฐานข้ อมูลแบบลาดับชัน้ (hierarchy model)
• ฐานข้ อมูลแบบสัมพันธ์ (relational model)
• ฐานข้ อมูลแบบจาลองเชิงวัตถุ (object oriented model)
57
ฐานข้อมูลลาดับชัน้ (Hierarchical Database)
• โครงสร้างไฟล์เป็ นแบบบนลงล่าง(Top-Down) มีลกั ษณะคล้ายต้นไม้ (Tree
Structure) เป็ นลาดับชัน้ ไฟล์ในระดับสูงสุดเรียกว่า Root ระดับล่างสุดเรียกว่า
Leaves
• ไฟล์ตา่ งๆ จะมีเพียงพ่อเดียว (One Parent) เท่านัน้ และสามารถแตกสาขาออกเป็ น
หลายๆ ไฟล์ เรียกว่า ไฟล์ลูก (Children Files) ดังนัน้ จึงมีความสัมพันธ์แบบ
Parent/Child ทาให้ความถูกต้องในข้อมูลย่อมมีความคงสภาพ
• ข้อมูลมีความสัมพันธ์ในลักษณะ One-to-Many ไม่สามารถกาหนดความสัมพันธ์
แบบ Many-to-Many
• มีความยากต่อการพัฒนา Application การปรับปรุงโครงสร้างมีความยืดหยุ58น่ น้อย
Hierarchical database model
59
ข้ อดี – ข้ อเสี ย ฐานข้ อมูลลาดับชั้น
• ข้อดี โครงสร้างที่เข้าใจง่าย มีความ •
ซับซ้อนน้อยทีส่ ุด และเหมาะกับข้อมูลที่
มี ค วามสัม พัน ธ์แ บบ One-to-Many
และป้ องกันความปลอดภัยในข้อมูลที่ดี
เนื่ อ งจากต้อ งอ่า นข้อ มู ล ที่ เ ป็ น ต้น
ก า เ นิ ด ก่ อ น นั่ น ห ม า ย ถึ ง
ความสามารถในการควบคุ ม ความ
ถูกต้องในข้อมูลได้ โครงสร้างแบบนี้
เหมาะกับ ข้อ มู ล ที่ มี ก ารเรี ย งล าดับ
แบบต่อเนื่อง
ข้อ เสี ย ไม่ ส ามารถรองรับ ข้อ มู ล ที่ มี
ความสัมพันธ์ในลักษณะของ Many-toMany ได้ มีความยืดหยุ่นหรือมีความ
คล่องตัวน้อย การปรับเปลี่ยนโครงสร้าง
Tree นัน้ มีความยุ่งยาก รวมทัง้ การ
เรียกใช้ขอ้ มูลจาเป็ นต้องผ่าน Root เสมอ
และการพัฒ นาโปรแกรมค่อ นข้า งยาก
เพราะต้อ งทราบถึ ง โครงสร้า งทาง
ฟิ สิ ค อ ล ข อ ง ข้ อ มู ล ที่ จ ั ด เ ก็ บ อ ยู่ ใ น
60
ฐานข้อมูล
ฐานข้อมูลเครือข่าย (Network Database)
• มี โ ครงสร้า งคล้า ยกับ โครงสร้า งแบบล าดับ ชัน้ แตกต่า งตรงที่ไ ฟล์แ ต่ล ะไฟล์
สามารถทีจ่ ะมีความสัมพันธ์กนั ได้หลายๆ ไฟล์ จึงมีความยืดหยุน่ ทีส่ ูงกว่า
• มี Pointer เป็ นตัวโยงความสัมพันธ์ระหว่าง Record ในไฟล์ต่างๆ รวมทัง้
สนับสนุนความสัมพันธ์ทงั้ แบบ One-to-One และ Many -to-Many
• สามารถนา Algorithm การ Hashing มาค้นหา Record ที่เกี่ยวข้องได้
Hashing Function เป็ นฟั งก์ชนั่ ความสัมพันธ์ระหว่างคียข์ อ้ มูลกับตาแหน่งทีอ่ ยู่
ในสือ่ บันทึกข้อมูล
61
ฐานข้อมูลเครือข่าย (Network Database)
โครงการ A
หน่ วยงาน A หน่ วยงาน B
โครงการ B
หน่ วยงาน C หน่ วยงาน D
ตัวอย่ างฐานข้ อมูลแบบเครือข่ าย
62
ข้ อดี – ข้ อเสี ย ฐานข้ อมูลเครือข่ าย
• ข้อดี สนับสนุ นความสัมพันธ์ • ข้อ เสี ย เนื่ อ งจากสามารถ
แบบ Many-to-Many
ลด
เข้าถึงเรคคอร์ดได้โดยตรง ทา
ความซ า้ ซ้อ นในข้อ มู ล เกิ ด ขึ้ น
ให้ก ารป้ องกัน ความปลอดภัย
น้อยกว่าแบบลาดับชัน้ รวมทัง้
ของข้ อ มู ล มี น ้ อ ย รวมทั้ ง
สามารถเชื่อมโยงข้อมูลแบบไป
สิ้นเปลืองเนื้ อ ที่หน่วยความจา
ในการเก็บ Pointer และการ
- กลับได้ และมีความยืดหยุ่นใน
ด้านของการค้นหาข้อมูลดีก ว่า
เปลี่ยนแปลงในโครงสร้างยังมี
โดยจะใช้ Pointer ในการเข้าถึง
ความยุง่ ยากอยู่
ข้อมูลได้ทนั ที
63
ฐานข้ อมูลเชิงสั มพันธ์ (Relational Database)
• เป็ นแบบจาลองทีม่ ีความนิยมแพร่หลายมากทีส่ ุดในปั จจุบนั
• ตารางจะประกอบด้วย แถว และ คอลัมน์
• ข้อมูลทีจ่ ดั เก็บในตารางก็สามารถจัดเก็บข้อมูลในส่วนตน โดยสามารถมี
ความสัมพันธ์กบั ตารางอืน่ ๆ ได้
• มีความสัมพันธ์ แบบ One-to-Many หรือ Many-to-Many
• ใช้คยี ใ์ นการอ้างอิงถึงตารางอืน่ ๆ ทีเ่ กี่ยวข้อง โดยคียด์ งั กล่าวสามารถ
เป็ น Primary ey และ Secondary Key เพื่อกาหนดการเรียงลาดับดัชนี
เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
• มีโปรแกรมมากมายทีส่ ามารถใช้ระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์
• DBMS สนับสนุนการทางานแบบจาลองฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ด้วยการ64
ใช้ชุดคาสัง่ SQL
แฟ้มสมาชิกห้ องสมุด
เลขประจาตัว ชื่อ - สกุล
คณะ
ที่อยู่
4840124 ดรุ ณี ศรี เวียง
IT
เชียงใหม่
4841125 องค์ลง ดีแท้ Comsci
ลาพูน
4810126 เฉิ ดฉาย แซ่ดี
IT
ลาปาง
แฟ้มการยืมหนังสื อ
เลขประจาตัว เลขทีห่ นังสื อ
วันคืน
4840124
HD0001
11/09/48
แฟ้มหนังสื อ
เลขหนังสื อ
HD0001
ชื่อหนังสื อ
MIS
ผู้แต่ ง
อ.ศิริพงศ์
ตัวอย่ างฐานข้ อมูลแบบความสั มพันธ์
โทรศัพท์
09 - 111000
01 - 789123
07 - 451259
เลขรหัสโรงพิมพ์
001
65
ข้อดี – ข้อเสีย ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์
• ข้อ ดี มี ค วามเข้า ใจและสื่ อ สารได้ • ข้อ เสี ย จ าเป็ นต้อ งเสี ย ค่ า ใช้จ่ า ยใน
เข้าใจง่าย เนื่องจากนาเสนอในลักษณะ
ระบบค่อนข้างสูง เนื่องจากทรัพยากร
ตาราง 2 มิติ ทาให้สามารถเลื อ กวิ ว
ทั้ง ตัว ฮาร์ ด แวร์ และซอฟต์ แ วร์ ที่
ข้อ มู ล ตามเงื่ อ นไขได้ห ลายคี ย์ฟิ ลด์
น ามาใช้ ต ้ อ งมี ค วามสามารถสู ง
โครงสร้า งข้อ มู ล มี ค วามซับ ซ้อ นใน
เนื่ อ งจากไม่ ท ราบถึ ง กระบวนการ
ข้อ มูล มีนอ้ ยมาก ทาให้มีระบบความ
จัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลทีแ่ ท้จริงเป็ น
ปลอดภัย ที่ ดี เนื่ อ งจากโครงสร้า งนี้
อย่ า งไร ท าให้ก ารแก้ไ ขปรับ ปรุ ง
ผู ใ้ ช้ง านจะไม่ ท ราบถึ ง กระบวนการ
แฟ้ มข้อมูลมีความยุง่ ยาก
จัดเก็บข้อมูล ภายในฐานข้อมูลแท้จริง
66
ฐานข้อมูลเชิงวัตถุ (Object-Oriented Database : OODB)
• องค์ประกอบที่สาคัญของ OODB ได้แก่
– Object คือ ข้อมูลจานวนไม่มากนักที่นามารวมกันมีความหมาย
เหมือนเอนติต้ ี ซึ่งเป็ นแทนของคน สถานที่ สิ่งของ แต่ Object จะ
รวมถึงกระบวนการหรือวิธีการทีเ่ กี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูล
ด้วย
– Attribute คือ ลักษณะของ Object ในช่วงเวลาหนึ่งๆเช่น อายุของ
พนักงาน
– Method คือ พฤติกรรมของ Object เมื่อไรก็ตามที่มีการ
ปฏิบตั ิการเกิดขึ้น จะมีการส่งข้อมูลไปยัง Object ที่ส่งมา เพื่อจะ
67
กระตุน้ ให้เกิดปฏิบตั กิ ารอืน่ ทีต่ อ่ เนื่องกัน
สมาชิกกห้องสมุ
สมาชิ
งสมุดด
ข้ อมูล
ตัวอย่ าง OODB
สมาชิ
หนักห้งอสืงสมุ
อ ด
ข้ อมูล
สมาชิกมห้หนั
องสมุ
การยื
งสืดอ
• รหัส
ข้ อมูล
• รหัสหนังสื อ
• ชื่อ - สกุล
• สมาชิกห้องสมุด
• ชื่อผูแ้ ต่ง
• คณะ
• หนังสื อยืม
กระบวนการ
กระบวนการ
กระบวนการ
• เพิ่มชื่อผูใ้ ช้หอ้ งสมุด
• เพิ่มข้อมูลการยืม
หนังสื อ
• เพิ่มรายการหนังสื อ
ใหม่
• การดึงข้อมูลเกี่ยวกับ
สมาชิก
สั มพันธ์ เพราะ object การ
ยืมหนังสื อเกีย่ วข้ อง Object
สมาชิ กห้ องสมุด
• การดึงข้อมูลเกี่ยวกับ
หนังสื อ
• ยกเลิกการเพิ่มข้อมูล
• การดึงข้อมูลเกี่ยวกับ
หนังสื อ
สั มพันธ์ เพราะ object การ
ยืมหนังสื อประกอบด้ วย
Object หนังสื อ
68
อ๊อบเจ๊คแสดงการยืมหนังสือห้องสมุด
ข้อดี – ข้อเสีย ฐานข้อมูลเชิงวัตถุ
• ข้อดี แบบจาลองนี้ คือ สามารถ • ข้อเสีย แบบจาลองเชิงวัตถุ ถือ
จัดการกับข้อมูลชนิดต่างๆ ที่มี
ว่ า เป็ นเทคโนโลยี ใ หม่ ข อง
DBMS ซึ่งมักจะนาไปใช้กบั
ความสลับซับซ้อนได้เป็ นอย่างดี
ไม่วา่ จะเป็ น Graphic ,Video ,
ห น่ ว ย ง า น ข น า ด ใ ห ญ่ ที่
Sound นอกจากนี้ยงั สนับสนุน
จ าเป็ นต้ อ งใช้ บุ คลากรที่ มี
คุ ณ สมบัติ ข องการน ากลับ มา
ความรู ้ค วามเชี่ ย วชาญ และ
ใหม่(Reusable)
ประสบการณ์ในการจัดการกับ
ข้อมูลที่มีความสลับซับซ้อนและ
เป็ นฐานข้อมูลที่ใช้รองรับความ
ซับซ้อนของข้อมูลที่จะทวีเพิ่มขึ้น
69
ในอนาคต
ฐานข้อมูลแบบมัลติไดเมนชัน่ (Multidimensional
Database)
• แบบจาลองชนิดนี้ใช้งานกับคลังข้อมูล (Data Warehousing) โดยจะ
นาเสนอข้อมูลในลักษณะไดเมนชัน่ ทาให้วิวข้อมูลได้สองทาง เพื่อให้
สามารถมองเห็นปั ญหาในธุรกิจและสร้างวิธีการแก้ไขปั ญหาได้ดยี ง่ิ ขึ้น
• แบบจาลองฐานข้อมูลมัลติไดเมนชันจะมีการนากระบวนการทางานทาง
ธุรกิจมาจัดการในรูปของมิติ เช่น นาข้อมูลสินค้า กับข้อมูลพื้นทีก่ ารขาย
มาประมวลผลในรู ปตารางในรู ปแบบ มัล ติไดเมนชัน ทาให้ผู ้ใ ช้
สามารถแบ่งข้อมูลเป็ นส่วนๆมาวิเคราะห์ใช้งานได้ตามต้องการ
• เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสูงในด้านทรัพยากร
ต่างๆ รวมทัง้ Software ทีใ่ ช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล เพื่อใช้นาเสนอแนว
70
ทางการประกอบการตัดสินใจเชิงธุรกิจและเชิงกลยุทธ์
ฐานข้อมูลแบบมัลติไดเมนชัน่ (Multidimensional
Database)
ปี 2548
ปี 2547
ปี 2546
ภาคเหนือ
ภาคกลาง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สิ นค้ า 1 สิ นค้ า 2 สิ นค้ า 3
71
ข้ อดี – ข้ อเสี ย ฐานข้ อมูลแบบมัลติไดเมนชั่น
• ข้อดี แบบจาลองนี้ คือ สามารถ • ข้อเสีย แบบจาลองเชิงวัตถุ ถือ
จัดการกับข้อมูลชนิดต่างๆ ที่มี
ว่ า เป็ นเทคโนโลยี ใ หม่ ข อง
DBMS ซึ่งมักจะนาไปใช้กบั
ความสลับซับซ้อนได้เป็ นอย่างดี
ไม่วา่ จะเป็ น Graphic ,Video
ห น่ ว ย ง า น ข น า ด ใ ห ญ่ ที่
,Sound นอกจากนี้ยงั สนับสนุน
จ าเป็ นต้ อ งใช้ บุ คลากรที่ มี
คุ ณ สมบัติ ข องการน ากลับ มา
ความรู ้ค วามเชี่ ย วชาญ และ
ใหม่(Reusable)
ประสบการณ์ในการจัดการกับ
ข้อมูลที่มีความสลับซับซ้อนและ
เป็ นฐานข้อมูลที่ใช้รองรับความ
ซับซ้อนของข้อมูลที่จะทวีเพิ่มขึ้น
72
ในอนาคต
ระบบการจัดการฐานข้อมูล
(Database Management System : DBMS)
โปรแกรมที่ใช้เป็ นเครือ่ งมือในการจัดการฐานข้อมูล ซึง่ ประกอบด้วย
ฟั งก์ชนั หน้าที่ต่างๆ ในการจัดการกับข้อมูล รวมทัง้ ภาษาที่ใช้ทางานกับ
ข้อมูล โดยมักจะใช้ภาษา SQL ในการโต้ตอบระหว่างกันกับผูใ้ ช้ เพือ่ ให้
สามารถทาการกาหนดการสร้าง การเรียกดู การบารุงรักษาฐานข้อมูล
รวมทัง้ การจัดการควบคุมการเข้าถึงฐานข้อมูล นอกจากนี้ DBMS ยังมี
หน้าที่ในการรักษาความมัน่ คง และความปลอดภัยของข้อมูล การสารอง
ข้อมูล และการเรียกคืนข้อมูลในกรณีท่ีขอ้ มูลเกิดความเสียหาย
73
ระบบการจัดการฐานข้อมูล
(Database Management System : DBMS)
ฮาร์ ดแวร์
ซอฟต์ แวร์
ข้ อมูล
สะพาน
เครื่องคอมพิวเตอร์
ขั้นตอนการ บุคลากร
ปฏิบัติงาน
บุคคล
74
ส่ วนประกอบของสภาพแวดล้ อมระบบการจัดการฐานข้ อมูล
•
•
•
•
•
ฮาร์ ดแวร์ (Hardware)
ซอฟต์ แวร์ (Software)
ข้ อมูล (Data)
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (Procedures)
บุคลากร (People) เช่น
–
–
–
–
ผูบ้ ริ หารข้อมูลและฐานข้อมูล
นักออกแบบฐานข้อมูล
นักเขียนโปรแกรม
ผูใ้ ช้งาน
75
คลังข้อมูล (Data Warehouse)
• ฐานข้อมูลที่มีขอ้ มูลเพื่อใช้สาหรับองค์กรที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งอาจ
ประกอบด้ว ยข้อ มู ล ย้อ นหลัง หลายๆ ปี จนถึ ง ข้อ มู ล ปั จ จุ บ ัน
นามาใช้เพื่อการวิเคราะห์และตัดสินใจสาหรับธุ รกิจขององค์กร
และสนับสนุนการใช้งานสาหรับผูใ้ ช้งานหลายระดับ
• OLAP : Online Analytical Processing คือ เทคโนโลยีทใี่ ช้
ข้อมูลจากคลังข้อมูล เพื่อนาไปใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจ
ทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
76
คุณสมบัติของคลังข้อมูล
• Consolidated and Consistent Consolidated คือ การรวบรวม
ข้อ มู ล ที่ เ กิ ด ขึ้ น ในระดับ ปฏิ บ ัติ ก ารมาใช้ที่ ศู น ย์ก ลางเดี ย วกัน คื อ
คลังข้อมูล ส่วน Consistent หมายถึง ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่รวบรวม
มาไว้ในคลังข้อมูล จะต้องมีคุณสมบัติที่เหมือนๆ กัน มีรูปแบบเดียวกัน
และสอดคล้องกัน
• Subject-oriented Data ข้อมูลทีเ่ กิดขึ้นในระดับปฏิบตั กิ ารมักจะมีเป็ น
จานวนมากและส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ นามาใช้ในการวิเคราะห์หรือ ตัดสินใจ
ดังนัน้ ข้อมูลในคลังข้อมูลจึงเลือกเก็บข้อมูลในระดับปฏิบตั ิการเฉพาะ
ส่วนทีน่ ามาใช้ในเชิงวิเคราะห์หรือเชิงตัดสินใจ
77
คุณสมบัติของคลังข้อมูล (ต่อ)
• Historical Data คือ ข้อมูลของคลังข้อมูลจะเก็บย้อนหลังเป็ นเวลา
หลาย ๆ ปี ทัง้ นี้เพื่อจะได้นาไปวิเคราะห์เปรียบเทียบหาแนวโน้มของ
ข้อมูล
• Read - Only Data
หลังจากทีน่ าข้อมูลเข้าสูฐ่ านข้อมูลเรียบร้อย
แล้ว
ข้อมูลในฐานข้อมูลไม่ควรจะมีการแก้ไขอีก
78
จุดประสงค์ของคลังข้อมูล
•
•
•
ทรานแซ็กชัน่ ดาต้าเบสจะช่วยให้เราปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ ได้สาเร็จ และคลังข้อมูลจะช่วย
ในการตัดสินใจของเรา
ทรานแซ็กชัน่ ดาต้าเบส จะมีการเปลี่ยนแปลงทีร่ วดเร็วและในทันทีทนั ใด คือ ข้อมูลจะมี
การเปลี่ยนแปลงเสมอ ส่วนคลังข้อมูลจะเสถียรภาพ ข้อมูลจะถูกปรับปรุงเป็ นระยะ ๆ
ตามมาตรฐานทีก่ าหนดไว้
ทรานแซ็กชัน่ ดาต้าเบส มุ่งให้ความสนใจที่รายละเอียด ส่วนคลังข้อมูลจะให้ค่าที่สาคัญ
หรือค่าหลัก มีตวั เลขทีส่ รุปได้โดยทัว่ ไป
79
Data Mart
• Data Mart นัน้ เป็ นส่วนย่อยของคลังข้อมูลจึงมีขนาดเล็กกว่า โดยจะ
เก็บไว้ในฐานข้อมูลหนึ่งๆ ส่วนใหญ่มกั จะหมายถึง ข้อมูลทีเ่ ก็บไว้ใน
ระดับหน่วยหรือระดับฝ่ ายเท่านัน้
• Data Mart มีลกั ษณะดังต่อไปนี้
– ข้อมูลเจาะจงไปยังฟังก์ชนั เฉพาะกลุม่ หรือหน่วยงานภายในของ
องค์กร
– ให้ผลตอบแทนทีร่ วดเร็ว คุม้ ค่ากับการลงทุนในด้านของเวลา
– การบริหารและการจัดการข้อมูลสามารถทาได้โดยง่าย
– ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ เนื่องจากการคิวรีถูกแบ่งไปยังข้อมูลแต่ละ
ส่วนของฟังก์ชนั
80
ตารางที่ 4.1
แสดงข้อแตกต่างระหว่างการสร้าง Data Mart ก่อนหรื อหลัง
Data Warehouse
สร้ าง Data Warehouse ก่อน
สร้ าง Data Mart ก่อน
1.ใช้ความพยายามสู งและใช้
1.ทาได้ง่ายและรวดเร็ วกว่า เพราะต้องการ
เวลานานในการสร้างระบบให้
ครอบคลุมความต้องการทั้งหมดของ
ผูใ้ ช้งาน
2.สามารถแชร์ ขอ
้ มูลระหว่าง Data Mart
ได้ง่ายเนื่องจากข้อมูลมาจาก Data
Warehouse เดียวกัน
3.ข้อมูลอยูใ่ นรู ปแบบเดียวกัน
เนื่องจากได้มีการปรับให้ตรงกันใน
Data Warehouse เรี ยบร้อยแล้ว
4.สามารถทา Distributed Processing ไปยัง
ข้อมูลตามฟังก์ชนั ของผูใ้ ช้งานกลุม่ หนึ่งๆ
เท่านั้น
2.ข้อมูลอาจซ้ าซ้อน เนื่ องจากแต่ละแผนก
สามารถสร้างได้เอง ต่างคนต่างดึงข้อมูลจาก
แหล่งข้อมูลเดียวกัน
3.ข้อมูลอาจมีรูปแบบต่างกันทั้งที่เป็ นข้อมูล
ตัวเดียวกัน เนื่องจากไม่มีแบบแผนที่ชดั เจน
ที่ตกลงกันไว้ก่อน
81
4.ข้อมูลอาจไม่ซิงโครไนซ์ระหว่าง Data Mart
Data Mining
• เป็ นเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถกลัน่ กรอง วิเคราะห์
ข้อมูลที่มีปริมาณมหาศาลเพื่อให้ได้ขอ้ มูลที่มีประโยชน์หรือ
ได้ขอ้ มูลที่ซอ่ นเร้นอยู่ และนามาใช้เป็ นฐานความรูเ้ พื่อช่วยใน
การบริหารงาน
82
ปั จจัยที่ทาให้ Data Mining เป็ นที่ได้รบั ความนิยม
• จานวนและขนาดข้อมูลขนาดใหญ่ถูกผลิตและขยายตัวอย่าง
รวดเร็ว
• ข้อมูลถูกจัดเก็บเพื่อนาไปสร้างระบบการสนับสนุนการตัดสินใจ
• ระบบ Computer สมรรถนะสูงมีราคาตา่ ลง
• การแข่งขันอย่างสูงในด้านอุตสาหกรรมและการค้า
83
กระบวนการ Knowledge Discovery in Database ซึง่ Data Mining เป็ น 1 ในกระบวนการหลักของ84 KDD
ประเภทข้อมูลที่สามารถทา Data Mining
• Relational Database เป็ นฐานข้อมูลทีจ่ ดั เก็บอยูใ่ นรูปแบบของ
ตาราง
• Data Warehouses เป็ นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งมา
เก็บไว้ในรูปแบบเดียวกันและรวบรวมไว้ในที่ ๆ เดียวกัน
• Transactional Database ประกอบด้วยข้อมูลทีแ่ ต่ละทรานเซกชัน
แทนด้วยเหตุการณ์ในขณะใดขณะหนึ่ง
• Advanced Database เป็ นฐานข้อมูลทีจ่ ดั เก็บในรูปแบบอืน่ ๆ
85
ลักษณะเฉพาะของข้อมูลที่สามารถทา Data
Mining
• ข้อมูลขนาดใหญ่
• ข้อมูลทีม่ าจากหลายแหล่ง เช่น Oracle, MS Access
• ข้อมูลทีไ่ ม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงเวลาทีท่ าการ
Mining
• ข้อมูลทีม่ ีโครงสร้างซับซ้อน
86
การประยุกต์ใช้งาน Data Mining
 วิเคราะห์การฉ้อโกงของมิจฉาชีพ เช่น กิจการโทรคมนาคม , ธนาคารใช้
ป้ องกันการฉ้อโกง
 การวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ เช่น รวบรวมราคา, การสร้างโมเดล
 การวิเคราะห์บตั รเครดิต เช่น การตัดสินใจให้บตั รเครดิต
 การวิเคราะห์ลูกค้า เช่น วิเคราะห์ลูกค้าตรงตามเป้ าหมาย
 การวิเคราะห์การขาย เช่น ช่วยธุรกิจขายปลีก ช่วยด้านโฆษณา
 Text Mining คือปรับการใช้ Data Mining ในรูปข้อมูลตัวอักษร
 พาณิชย์อเิ ล็กทรอนิกส์ เช่น เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าทีเ่ ข้า Web
87
 ลดความเสีย่ งในการตัดสินใจ เช่น การควบคุม การลดหนี้สูญ