ตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล

Download Report

Transcript ตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้พลังงานกล

เครื่องใช้ ไฟฟ้า
เครื่องใช้ ไฟฟ้า
เครื่องใช้ ไฟฟ้ า เป็ นเครื่ องอำนวยควำมสะดวกสบำย สำมำรถ
เปลี่ยนรู ปพลังงำนไฟฟ้ ำให้เป็ นพลังงำนรู ปอื่นๆ ตำมควำมต้องกำรได้
เช่น เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ นพลังงำนแสง พลังงำนควำมร้อน
พลังงำนกล พลังงำนเสี ยง ซึ่งผูใ้ ช้ตอ้ งมีควำมรู ้จึงจะเลือกใช้ไฟฟ้ ำได้
อย่ำงมีคุณค่ำ ประหยัด และปลอดภัย
เครื่องไฟฟ้ าทีใ่ ห้ แสงสว่ าง
อุปกรณ์ไฟฟ้ ำที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ นพลังงำนแสงสว่ำง คือ
หลอดไฟฟ้ ำ หลอดไฟฟ้ ำที่ใช้ในบ้ำนแบ่งออกเป็ น 2 ชนิด ดังนี้
1. หลอดไฟธรรมดาหรือหลอดไฟชนิดไส้ โดยนักวิทยำศำสตร์
ทอมัส แอลวา เอดิสัน เป็ นผูป้ ระดิษฐ์หลอดไฟฟ้ ำใช้เป็ นครั้งแรก ด้วยกำร
ใช้คำร์บอนเป็ นไส้หลอด และได้พฒั นำปรับปรุ งมำจนถึงปัจจุบนั ที่ใช้วตั ถุ
ชนิดอื่นทำเป็ นไส้หลอด หลอดไฟธรรมดำมีส่วนประกอบ ดังนี้
1.1 หลอดแก้ว ทนควำมร้อนได้ดี ไม่แตกง่ำย ภำยในเป็ น
สุ ญญำกำศ บรรจุแก๊สไนโตรเจน แก๊สอำร์กอนเล็กน้อยช่วยป้ องกันกำร
ระเหิ ดและไส้หลอดระเบิด
1.2 ไส้ หลอด ทำด้วยโลหะทังสเตน มีควำมต้ำนทำน
ไฟฟ้ ำสูง จุดหลอมเหลวสูง หำง่ำย รำคำถูก เมื่อกระแสไฟฟ้ ำไหล
ผ่ำนไส้หลอดจะเกิดควำมร้อนสูงจนเปล่งแสงสว่ำงออกมำได้ ที่ฉลำก
หรื อบนแผ่นป้ ำยจะมีขอ้ มูลระบุลกั ษณะเฉพำะของหลอดไฟ เช่น
กำลังไฟฟ้ ำ ให้สงั เกตจำนวนวัตต์ (W) ที่หลอด
2. หลอดเรืองแสงหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ เป็ นหลอดไฟที่มี
ประสิ ทธิภำพในกำรเปลี่ยนรู ปพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ นพลังงำนแสงได้สูง
กว่ำหลอดไฟธรรมดำให้ควำมสว่ำงมำกกว่ำหลอดไฟธรรมดำ
ประมำณ 5 เท่ำ มีอำยุกำรใช้งำนมำกว่ำกว่ำหลอดไฟธรรมดำถึง 8 เท่ำ
และช่วยประหยัดพลังงำนได้มำกกว่ำเมื่อเทียบกับหลอดชนิดไส้ที่
กำลังไฟฟ้ ำเท่ำกัน ส่ วนประกอบของหลอดฟลูออเรสเซนต์มีดงั นี้
2.1 ตัวหลอดและขั้วหลอด ตัวหลอดทำด้วยแก้วทน
ควำมร้อน ภำยในเป็ นสุ ญญำกำศ บรรจุไอปรอทและแก๊สอำร์กอน
เล็กน้อย มีข้วั 2 ขั้ว ที่ข้วั ไฟฟ้ ำทั้งสองมีไส้หลอดที่ทำจำกทังสเตน
ผิวด้ำนในของหลอดฉำบไว้ดว้ ยสำรเรื องแสง (fluorescent coating)
เป็ นสำรเคมีที่เปล่งแสงได้เมื่อกระทบกับรังสี อลั ตรำไวโอเลต
สำรเคมีที่ฉำบไว้ขำ้ งหลอดต่ำงชนิดกันให้สีของแสงแตกต่ำงกัน
เช่น ถ้ำฉำบด้วยแมกนีเซียม ทังสเตน เรื องแสง ให้สีทองแกมฟ้ ำ ถ้ำ
ฉำบด้วยซิงค์ซิลิเกตให้แสงสี เขียว
2.2 สตาร์ ตเตอร์ ทำหน้ำที่เป็ นสวิตช์ตดั ไฟอัตโนมัติ อำศัย
หลักกำรขยำยตัวของโลหะคู่เมื่อได้รับควำมร้อน เมื่อเปิ ดสวิตช์
กระแสไฟฟ้ ำจะไหลจำกแผ่นโลหะคู่ผำ่ นแก๊สอำร์กอนในครอบแก้ว
ไปยังโลหะตัวนำที่ปลำยอีกข้ำงหนึ่ง ขณะที่กระแสไฟฟ้ ำไหลผ่ำน
แก๊สอำร์กอนจะทำให้เกิดประกำยไฟขึ้นมำ และทำให้แผ่นโลหะคู่
ร้อนขึ้นแล้วงอมำแตะกับอีกขั้วหนึ่งได้ ทำให้กระแสไฟฟ้ ำไหลผ่ำน
แผ่นโลหะทั้งสองไปสู่ข้วั หลอดโดยไม่ผำ่ นแก๊สอำร์กอน จนกระทัง่
หลอดไฟติดสว่ำง ควำมร้อนบนแผ่นโลหะจะลดลง ทำให้แผ่นโลหะ
ทั้งสองแยกออกจำกกัน
2.3 แบลลัสต์ มีลกั ษณะโครงสร้ำงคล้ำยหม้อแปลงไฟฟ้ ำ คือมี
ขดลวดพันอยูบ่ นแกนเหล็ก ทำหน้ำที่เหนี่ยวนำให้เกิดควำมต่ำงศักย์
สูงที่ข้วั หลอด จนทำให้อิเล็กตรอนอิสระที่อยูใ่ นหลอดเคลื่อนที่ไป
ขนไอปรอทที่บรรจุในหลอด แล้วเกิดรังสี อลั ตรำไวโอเลต ทำให้สำร
เรื องแสงที่เคลือบอยูบ่ นหลอดเกิดกำรเรื องแสงขึ้น
การต่ อวงจรไฟฟ้าของหลอดฟลูออเรสเซนต์
ส่ วนประกอบของหลอดฟลูออเรสเซนต์
การทางานของหลอดฟลูออเรสเซนต์
การทางานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ คือเมื่อกดสวิตซ์เพื่อ
เปิ ดไฟหรื อปิ ดวงจรไฟฟ้ ำ สตำร์ตเตอร์จะต่อวงจรไฟฟ้ ำอย่ำงรวดเร็ ว
ทำให้แบลลัสต์มีควำมต่ำงศักย์สูง ขณะเดียวกันขั้วไฟฟ้ ำมี
กระแสไฟฟ้ ำไหลผ่ำนไส้หลอดทั้งสองโดยไม่ผำ่ นสตำร์ตเตอร์
สตำร์ตเตอร์ตดั วงจรไฟฟ้ ำทำให้ไส้หลอดทั้งสองดับ แต่มี
กระแสไฟฟ้ ำไหลผ่ำนไส้หลอดได้ ทำให้อิเล็กตรอนพุง่ ออกมำชนกับ
อะตอมของไอปรอท เกิดเป็ นรังสี อลั ตรำไวโอเลตไปกระทบกับสำร
เรื องแสงที่ฉำบไว้ขำ้ งหลอด สำรเรื องแสงจะดูดกลืนรังสี
อัลตรำไวโอเลตแล้วปล่อยแสงสว่ำงออกมำ
แผนผังการทางานของหลอดฟลูออเรสเซนต์
พลังงำนไฟฟ้ ำ ไอปรอท รังสี อตั รำไวโอเลต

สำรเรื องแสง พลังงำนแสงสว่ำง
ประสิ ทธิภาพของหลอดฟลูออเรสเซนต์
1.
2.
3.
4.
5.
ให้แสงสว่ำงมำกกว่ำหลอดไฟธรรมดำประมำณ 5 เท่ำ
มีอำยุกำรใช้งำนนำนกว่ำหลอดไฟธรรมดำประมำณ 8 เท่ำ
ให้แสงกระจำยได้ทวั่ ถึง ไม่รวมเป็ นจุด
มีหลำยสี ข้ ึนอยูก่ บั สำรเรื องแสงที่ฉำบไว้
ไม่ร้อนมำกเท่ำกับหลอดไฟธรรมดำ
รูปแบบของหลอดฟลูออเรสเซนต์ ปัจจุบนั มีกำรพัฒนำหลอด
ฟลูออเรสเซนต์แบบใหม่อีก 2 แบบ คือ
1. หลอดฟลูออเรสเซนต์ ทมี่ ีประสิ ทธิภาพสู งหรือทีเ่ รียกว่ า
หลอดผอม ซึ่งประหยัดพลังงำนได้มำกกว่ำหลอดฟลูออเรสเซนต์
ธรรมดำ
รูปแสดงหลอดฟลอู อเรสเซนต์
2. หลอดคอมแพ็คฟลูออเรสเซนต์ (CFL) หรือหลอดตะเกียบ
มีรำคำค่อนข้ำงแพง แต่คุม้ ค่ำในระยะยำว อีกทั้งประหยัดพลังงำนได้
มำกกว่ำ และอำยุกำรใช้งำนก็มำกกว่ำด้วย
รูปแสดงหลอดคอมแพ็คฟลูออเรสเซนต์
โดยทัว่ ไฟ หลอดคอมแพ็คฟลูออเรสเซนต์ มี 2 แบบ คือ
แบบขั้วเกลียวและขั้วเสี ยบ
2.1 หลอด SL แบบขั้วเกลียว มีแบลลัสต์ในตัว มีขนำด 9, 13,
18 และ 25 วัตต์ ประหยัดไฟร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับหลอดชนิดไส้
เหมำะกับสถำนที่ที่เปิ ดไฟนำนๆ หรื อบริ เวณที่เปลี่ยนหลอดยำก เช่น
โคมไฟหัวเสำ
2.2 หลอดตะเกียบ 4 แท่ ง ขั้วเกลียว ขนำด 9,11,15 และ 20 วัตต์
มีแบลลัสต์อิเล็กทรอนิกส์ในตัว เปิ ดติดทันที ไม่กระพริ บ ประหยัดไฟ
ได้ร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับหลอดชนิดไส้
2.3 หลอดตะเกียบตัวยู 3 ขด ขนำดกะทัดรัด 20 และ 23 วัตต์
กำจัดปัญหำหลอดยำวเกินโคมไฟ ประหยัดไฟได้ร้อยละ 80 ของหลอด
ชนิดไส้
2.4 หลอดตะเกียบขั้วเสี ยบ แบลลัสต์ภำยนอกขนำด 7, 9 และ
11 วัตต์ ประหยัดไฟร้อยละ 80 ของหลอดชนิดไส้
2.5 หลอดตะเกียบ 4 แท่ งขั้วเสี ยบ แบลลัสต์ภำยนอก ขนำด 8,
10, 13, 18 และ 26 วัตต์ ประหยัดไฟร้อยละ 80 ของหลอดชนิดไส้
เครื่องใช้ ไฟฟ้าทีใ่ ห้ ความร้ อน
เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ นควำมร้อน มี
ส่ วนประกอบที่สำคัญ คือ
1. ขดลวดความร้ อน เช่น ลวดนิโครม เป็ นลวดโลหะผสม
ระหว่ำงนิกเกิลกับโครเมียม เพื่อให้มีสมบัติดำ้ นต้ำนทำนไฟฟ้ ำสูง จุด
หลอมเหลวสูง และเกิดควำมร้อนสูง
2. สวิตซ์ ความร้ อน หรื อ ตัวควบคุมอุณหภูมิ (thermostat)
ประกอบด้วยแผ่นโลหะคู่จึงโค้งงอเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้แยกออก
จำกจุดสัมผัส กระแสไฟฟ้ ำจึงไหลผ่ำนไม่ได้ เมื่อแผ่นโลหะเย็นลงจะ
เบนกลับมำตำแหน่งเดิม และสัมผัสกับจุดสัมผัสใหม่อีก
เครื่องใช้ ไฟฟ้าทีใ่ ห้ พลังงานกล
เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำที่ให้พลังงำนกลประกอบด้วยมอเตอร์และเครื่ อง
ควบคุมควำมเร็ ว กำรทำให้เครื่ องหมุนช้ำหรื อเร็ วนั้นทำได้โดยกำรเพิ่ม
หรื อลดควำมต้ำนทำนภำยในเครื่ อง ซึ่งมีผลต่อปริ มำณกระแสไฟฟ้ ำที่
ไหลผ่ำนเครื่ อง และทำให้ควำมเร็ วเปลี่ยนไปได้
ตัวอย่ าง
เครื่องใช้ ไฟฟ้าที่ให้
พลังงานกล
มอเตอร์ เป็ นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำ
เป็ นพลังงำนกล ทำงำนตรงกันข้ำมกับไดนำโม
หลักการทางานของมอเตอร์
1. เมื่อให้กระแสไฟฟ้ ำผ่ำนขดลวดสี่ เหลี่ยมที่อยูร่ ะหว่ำง
แม่เหล็กที่หนั ขั้วต่ำงกันเข้ำหำกัน ขดลวดจะหมุนได้
2. มอเตอร์เป็ นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ นพลังงำนกล
เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ นพลังงำนกล ได้แก่
เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำที่ประกอบด้วยมอเตอร์ทุกชนิด มอเตอร์ประกอบด้วย
ขดลวดในสนำมแม่เหล็ก เมื่อให้กระแสไฟฟ้ ำไหลผ่ำนในขดลวดจะเกิด
สนำมแม่เหล็กไฟฟ้ ำเหนี่ยวนำขึ้นโดยรอบขดลวด ซึ่งจะผลักกับ
สนำมแม่เหล็กถำวร ทำให้ขดลวดหมุนได้ เมื่อนำมอเตอร์ไปต่อกับ
เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำ เช่น พัดลม ทำให้ใบพัดหรื ออุปกรณ์ของเครื่ องเกิดกำร
เคลื่อนที่หรื อหมุนได้ ซึ่งใช้ได้กบั ไฟฟ้ ำกระแสสลับหรื อไฟฟ้ ำ
กระแสตรง
มอเตอร์ เหนี่ยวนา อำจเรี ยกว่ำ มอเตอร์ ไฟฟ้ากระแสสลับ เป็ น
มอเตอร์ที่ใช้กบั เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำในบ้ำน เมื่อกระแสไฟฟ้ ำสลับเข้ำสู่
ขดลวดแม่เหล็กจะเกิดสนำมแม่เหล็กชนิดสลับขึ้น เหนี่ยวนำให้เกิด
กระแสไฟฟ้ ำในแท่งโลหะแกนหมุน กระแสไฟฟ้ ำนี้มีผลให้เกิด
สนำมแม่เหล็กซึ่งจะผลักขั้วแม่เหล็กที่อยูร่ อบ ๆ ทำให้แกนหมุนได้
มอเตอร์ชนิดนี้เป็ นมอเตอร์ที่ไม่ตอ้ งใช้แปรงให้ยงุ่ ยำก เป็ นที่นิยมใช้กนั
อยูใ่ นปัจจุบนั
ในปัจจุบนั ที่มีข่ำวในหนังสื อพิมพ์เกี่ยวกับอันตรำยที่เกิดจำก
กำรใช้มอเตอร์มำกมำย เนื่องจำกส่ วนใหญ่เป็ นกำรใช้งำนประเภทบด
หรื อปั่น เช่น เครื่ องบดหมู เครื่ องบดน้ ำพริ ก ซึ่งผูใ้ ช้ตอ้ งใช้ให้ถูกวิธี
และมีควำมระมัดระวังในกำรใช้งำน
ตัวอย่ าง
เครื่องใช้ ไฟฟ้าที่ให้
พลังงานกล
อุปกรณ์ที่สำคัญในเครื่ องใช้ไฟฟ้ ำที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ น
พลังงำนเสี ยงคือ
1. ไมโครโพน เป็ นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงำนเสี ยงเป็ น
สัญญำณไฟฟ้ ำ
2. ลาโพง เป็ นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนสัญญำณไฟฟ้ ำเป็ นพลังงำนเสี ยง
เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำบำงชนิดสำมำรถเปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ นเสี ยง
และภำพได้พร้อมกัน เช่น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์
เครื่องรับวิทยุ เป็ นเครื่ องใช้ไฟฟ้ ำที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ น
พลังงำนเสี ยงโดยรับคลื่นวิทยุจำกสถำนีส่ง ภำยในเครื่ องรับจะมี
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขยำยสัญญำณที่อยูใ่ นรู ปของสัญญำณไฟฟ้ ำให้
แรงขึ้นจนเพียงพอที่จะทำให้ลำโพงสัน่ สะเทือนเป็ นเสี ยง
เครื่องบันทึกเสี ยง เป็ นเครื่ องใช้ไฟฟ้ ำที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำ
เป็ นพลังงำนเสี ยงโดยใช้ไมโครโฟนเปลี่ยนเสี ยงพูดหรื อเสี ยงร้องเป็ น
สัญญำณไฟฟ้ ำ แล้วบันทึกสัญญำณไฟฟ้ ำลงแถบบันทึกเสี ยงในรู ปของ
สัญญำณแม่เหล็ก เมื่อนำแถบบันทึกเสี ยงที่บนั ทึกมำเล่น สัญญำณ
แม่เหล็กจะถูกเปลี่ยนเป็ นสัญญำณไฟฟ้ ำ แล้วขยำยให้แรงขึ้นจนพอที่จะ
ทำให้ลำโพงสัน่ สะเทือนเป็ นเสี ยงอีกครั้งหนึ่ง
เครื่องขยายเสี ยง เป็ นเครื่ องใช้ไฟฟ้ ำที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำ
เป็ นพลังงำนเสี ยงโดยใช้ไมโครโฟนเปลี่ยนเสี ยงพูดเป็ นสัญญำณไฟฟ้ ำ
แล้วใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขยำยสัญญำณเสี ยงที่อยูใ่ นรู ป
สัญญำณไฟฟ้ ำให้แรงขึ้นจนทำให้ลำโพงสัน่ สะเทือนเป็ นเสี ยง
เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ นพลังงำนเสี ยงนั้น ใน
ขั้นแรกต้องขยำยสัญญำณไฟฟ้ ำให้มีพลังงำนเพิม่ ขึ้น จนสำมำรถทำให้
เสี ยงออกทำงลำโพงได้ ส่ วนเครื่ องใช้ไฟฟ้ ำบำงชนิด เช่น กระดิง่ ไฟฟ้ ำ
หรื อกริ่ งไฟฟ้ ำจะใช้สนำมแม่เหล็กดูดแผ่นโลหะให้สนั่ และกระทบกัน
เกิดเป็ นเสี ยงขึ้น โดยไม่ตอ้ งขยำยสัญญำณเสี ยง
เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำสำมำรถเปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ ำเป็ นพลังงำนรู ป
อื่นได้หลำยรู ปแบบ เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำที่ต่ำงชนิดกันในเวลำที่เท่ำกัน ใน
กำรเลือกซื้อเครื่ องใช้ไฟฟ้ ำชนิดต่ำงๆ สำมำรถทรำบค่ำกำลังไฟฟ้ ำได้
จำกตัวเลขที่กำกับไว้ที่เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำแต่ละชนิด เช่น หลอดไฟฟ้ ำมี
ตัวเลขกำกับไว้วำ่ 220 v 100 w มีควำมหมำยดังนี้
การสู ญเสียพลังงานไฟฟ้ า ควรเลือกใช้เครื่ องใช้
ไฟฟ้ ำในบ้ำนที่มีกำลังไฟฟ้ ำเหมำะสมกับ
กำรใช้งำนจริ ง
ราคายุติธรรม เหมำะสม
กับคุณภำพในกำรใช้งำน
ข้ อความคานึงในการเลือก
ซื้อเครื่องใช้ ไฟฟ้า
การบารุงรั กษา เป็ นเครื่ องใช้
ไฟฟ้ ำที่หำอะไหล่ทดแทนได้
ง่ำย และสะดวกต่อกำรซ่อมบำรุ ง
ความปลอดภัย ควรเลือกใช้
เครื่ องใช้ไฟฟ้ ำที่ผำ่ นกำรรับรอง
คุณภำพจำกสำนักงำนมำตรฐำน
ผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมที่มี
เครื่ องหมำย มอก.
การใช้ งานง่ าย ไม่ซบั ซ้อน
กำรติดตั้งไม่ยงุ่ ยำก
เทคนิคการใช้ เครื่องใช้ ไฟฟ้าในบ้ าน
เทคนิคการใช้ เครื่องใช้ ไฟฟ้าในบ้ าน
เทคนิคการใช้ เครื่องใช้ ไฟฟ้าในบ้ าน
อย่ าเดินสายไฟฟ้ าลอด
ใต้ พรม
อย่ าแก้ ปัญหาเรื่องไฟฟ้าเอง
โดยไม่ มีความรู้ เกีย่ วกับ
ไฟฟ้ า
ควรเปลีย่ นสายไฟฟ้ าที่เก่ า
และใช้ งานมานาน
อย่ าปิ ด-เปิ ดสวิตซ์
เครื่องใช้ ไฟฟ้ าขณะมือเปี ยก
ควรต่ อสายเครื่องใช้ ไฟฟ้ า
ลงดิน
ความปลอดภัยในการใช้
ไฟฟ้า
อย่ าดึงปลัก๊ เครื่องใช้ ไฟฟ้ า
ขณะเครื่องใช้ ไฟฟ้ าทางาน
อย่ าใช้ เครื่องใช้ ไฟฟ้ า
เปี ยกนา้
ติดตั้งเสาอากาศทีวหี ่ างจาก
สายไฟฟ้าไม่ น้อยกว่ า
3 เมตร
การคานวณเรื่องกาลังไฟฟ้า
กำลังไฟฟ้ ำ หมำยถึง พลังงำนไฟฟ้ ำที่ใช้ใน 1 หน่วยเวลำ
ให้ P แทนกำลังไฟฟ้ ำ มีหน่วยเป็ นวัตต์ (W) หรื อจูลต่อวินำที (J/s)
W แทนพลังงำนไฟฟ้ ำ มีหน่วยเป็ นจูล (J)
T แทนเวลำ มีหน่วยเป็ นวินำที (s)
แทนค่ำตำมคำนิยำมจะได้
P  WT
กำลังไฟฟ้ ำ 1 วัตต์ จึงหมำยถึง กำรใช้ไฟฟ้ ำ 1 จูล ในเวลำ
1 วินำที กำลังไฟฟ้ ำแปรผันตำมปริ มำณกระแสไฟฟ้ ำ
ให้ V แทนค่ำควำมต่ำงศักย์ มีหน่วยเป็ นโวลต์ (V)
I แทนกระแสไฟฟ้ ำ มีหน่วยเป็ นแอมแปร์ (A)
R แทนควำมต้ำนทำน มีหน่วยเป็ นโอห์ม (Ω)
จะได้
P = VI
หรื อ
2
V
P  R
หรื อ
P = I2R
ตัวอย่ าง กระแสไฟฟ้ ำไหลผ่ำนเข้ำตูเ้ ย็น 1.5 แอมแปร์ เมื่อตูเ้ ย็นต่อเข้ำกับ
ควำมต่ำงศักย์ 220 โวลต์ ตูเ้ ย็นใช้กำลังไฟฟ้ ำเท่ำไร
วิธีคดิ จำกสูตร
เมื่อ
P = VI
I = 1.5 A
V = 220 V, P = ?
แทนค่ำ
P = 220 x 1.5
= 330 W
ตูเ้ ย็นใช้กำลังไฟฟ้ ำ 330 วัตต์
บ้ำนหลังหนึ่งใช้อุปกรณ์ไฟฟ้ ำดังนี้ เตำไฟฟ้ ำขนำด 750 วัตต์
1 เตำ ตูเ้ ย็นขนำด 150 วัตต์ 1 ตู ้ หม้อหุงข้ำว 1,000 วัตต์ 1 ใบ บ้ำนหลัง
นี้ใช้กระแสไฟฟ้ ำกี่แอมแปร์
จำกสูตร
P = VI
I=
หรื อ
กระแสไฟฟ้ ำที่ผำ่ นเตำไฟฟ้ ำ =
กระแสไฟฟ้ ำที่ผำ่ นตูเ้ ย็น
=
กระแสไฟฟ้ ำที่ผำ่ นหม้อถุงข้ำว =
P
V
750
 3.41 A
220
150
 0.68 A
220
1000
 4.55 A
220
รวมกระแสไฟฟ้ ำที่ใช้ท้ งั หมด = 3.41+0.68+4.55 = 8.64 A
ดังนั้น บ้ำนหลังนี้ใช้กระแสไฟฟ้ ำ 8.64 แอมแปร์
ตัวอย่ าง หลอดไฟหลอดหนึ่ง มีตวั เลขกำกับไว้วำ่ 80 W 220 V จงหำ
ก. ควำมหมำยของ 80 W 220 V
ข. หลอดไฟฟ้ ำนี้ใช้กบั กระแสไฟฟ้ ำกี่แอมแปร์
ค. หลอดไฟฟ้ ำนี้มีควำมต้ำนทำนกี่โอห์ม
วิธีคดิ ก. 80 W 220 V หมำยควำมว่ำ หลอดไฟฟ้ ำหลอดนี้มี
กำลังไฟฟ้ ำ 80 วัตต์ ใช้กบั ไฟฟ้ ำกระแสสลับมีแรงเคลื่อนไฟฟ้ ำ 220
โวลต์ ซึ่งเป็ นค่ำควำมต่ำงศักย์ไฟฟ้ ำ
ข. จำกสูตร
หรื อ
P = VI
I=
P
V
เมื่อ P = 80 W และ V = 220 V
แทนค่ำ
I =
80
220
= 0.36 A
หลอดไฟฟ้ ำนี้ใช้กบั กระแสไฟฟ้ ำ 0.36 แอมแปร์
ข. จำกสูตร
P=
หรื อ
R=
V2
R
V2
P
เมื่อ V = 220 V และ P = 80 W
แทนค่ำ
R
(220)2
= 80
= 605 Ω
หลอดไฟฟ้ ำนี้มีควำมต้ำนทำน 605 โอห์ม
ตัวอย่ าง หลอดไฟฟ้ ำหลอดหนึ่งมีควำมต้ำนทำน 100 โอห์ม เมื่อนำมำ
ต่อกับควำมต่ำงศักย์ 110 โวลต์ หลอดไฟฟ้ ำนี้ใช้กำลังไฟฟ้ ำเท่ำไร
วิธีคดิ จำกสูตร
เมื่อ V = 110 V และ
แทนค่ำ
P=
V2
R
R = 100
R=
Ω
(110)2
100
หลอดไฟฟ้ ำนี้ใช้กำลังไฟฟ้ ำ 121 วัตต์
= 121 W
การคานวณหาค่ าความต่ างศักย์ ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และค่ ากาลังไฟฟ้า
(วัตต์)
P
(โวลต์)
V
I
(แอมแปร์)
P = VI หน่วยเป็ นวัตต์ (W)
P
V =
หน่วยเป็ นโวลต์ (V)
I
I = P หน่วยเป็ นแอมแปร์ (A)
V