หน่วยที่ 3 - stouonline
Download
Report
Transcript หน่วยที่ 3 - stouonline
หน่วยที่ 3
อินทิกรัลและการประยุกต์
ผูเ้ ขียน อ.ปิ ยพร นุรารักษ์
ตอนที่ 3.1
อินทิกรัลเบือ้ งต้ น
F(x)
derivative หรื อ
d
dx
f(x)
การหาอนุพนั ธ์ ของฟังก์ ชัน
f(x)
antiderivative หรื อ
dx
การหาปฏิยานุพนั ธ์ ของฟังก์ ชัน
F(x)
บทนิยาม
ถ้า F(x) = f(x) สาหรับทุกๆ ค่า x ในโดเมนของฟั งก์ชนั
f(x) แล้ว จะได้วา่ ปฏิยานุพนั ธ์ทั ่วไปหรือ ฟั งก์ชนั ดั้งเดิม
ทั ่วไป ของ f(x) คือ F(x) + c
และจะเขียนแทน F(x) + c ด้วย
f (x)dx
ซึ่งเรียกว่า อินทิกรัลไม่จากัดเขต (indefinite integrals)
ของ f(x) เทียบกับ x
ตัวอย่าง
จงหาอินทิกรัลไม่จากัดเขตของ f(x) เมื่อกาหนดให้
1) f (x) 4x
2) f (x) 4x
3
วิธีทา
1) เนื่ องจากอนุ พนั ธ์ของ
จะได้วา่
F(x) 2x 2
d
(2x 2 ) 4x
dx
คือ ปฏิยานุ พนั ธ์ของ 4x
ดังนั้น
f (x)dx 4x dx
2x c
F(x) c
2
คือ อินทิกรัลไม่จากัดเขตของ
ดังนั้น
f (x) 4x
2
4xdx
2x
c
2) เนื่ องจากอนุ พนั ธ์ของ
จะได้วา่
ดังนั้น
F(x) x
4
dx 4
4x 3
dx
คือ ปฏิยานุ พนั ธ์ของ
4x 3
3
f
(x)dx
4x
dx
x4 c
F(x) c
คือ อินทิกรัลไม่จากัดเขตของ
ดังนั้น
4x
3
f (x) 4x 3
x c
4
ตัวอย่าง
1)
จงอินทิเกรต
x dx
2
1
2) ( 5 3x 2 4)dx
x
x
x
3) (e 4 )dx
วิธีทา
1)
2
x
dx
โดยการประยุกต์สตู ร
n 1
x
n
x
dx n 1 c, n 1
จากโจทย์จะได้วา่ n=2 เมื่อแทนค่าในสูตรจะได้
2 1
x
2
x
dx 2 1 c
x3
c เมื่อ
3
c คือ ค่าคงตัวใดๆ
1
2) ( 5 3x 2 4)dx (x 5 3x 2 4) dx
x
5
2
5
(x
3x
4)
dx
x
dx
เมื่อ
1
5
x
x5
4dx
2
3x
dx
x 5 dx 3 x 2 dx 4dx
n 1
x
n
x
dx n 1 c, n 1
จากสูตร dx x c และ
จะได้วา่
x
x 21
x dx 3 x dx 4dx 5 1 c1 3 2 1 c2 4 x c3
5
5 1
2
x3
x 4
3 4 x c1 3c 2 4c3
4
3
1
4 x 3 4x c
4x
เมื่อ
c c1 3c2 4c3
3)
x
x
(e
4
)dx
x
a
x
a
dx ln a c
จากสูตร ex dx ex c และ
จะได้วา่
(e x 4x ) e x dx
x
4
dx
x
4
ex
c
ln 4
อินทิกรัลจากัดเขต
ให้ f(x) เป็ นฟั งก์ชนั ที่หาค่าได้บน [a,b] อินทิกรัลจากัดเขต
(definite integral) ของ f บน [a,b] เขียนแทนด้วย
b
f (x)dx
a
เรียก a และ b ว่า ลิมิตล่าง (lower limit) และ ลิมิตบน
(upper limit) ของการอินทิเกรตตาม ลาดับ
ตัวอย่าง
จงหาอินทิกรัลจากัดเขตของ f(x) เมื่อกาหนดให้
1) (x x )dx
2
3
0
9
2)
1
วิธีทา
2
x
dx
2
x
x
1) (x x )dx
4 0
2
0
2
2
4
3
22 24 02 04
2 4 2 4
4 16
8
2
2 4
4
9
2)
1
9
2
2
dx 1 dx
x
1
x2
9
2 x
1
2
dx
1
9
1
12 1
x 2
x
2 1 2
1
2 1
1
2 1
9
9
4 x 4
1
1
2
9 1 4(3 1) 8
ตอนที่ 3.2
เทคนิคการอินทิเกรต
1.
2.
3.
4.
การอินทิเกรตโดยการเปลี่ยนตัวแปร
การอินทิเกรตโดยการแยกส่วน
การอินทิเกรตโดยการแยกเป็ นเศษส่วนย่อย
การอินทิเกรตฟั งก์ชนั ตรีโกณมิติ
การอินทิเกรตโดยการเปลี่ยนตัวแปร
การอินทิเกรตโดยการเปลี่ยนตัวแปรเป็ นเทคนิ คการ
เปลี่ยนตัวแปรในโจทย์ที่เราไม่คุน้ เคยให้อยู่ในรูปที่เรา
รูจ้ กั หรือสามารถใช้สตู รช่วยในการคานวณได้
ตัวอย่าง จงหา
วิธีทา
x2
(x 3 1)5 dx
กาหนดให้ u = x3-1
จะได้
du
3x 2 dx
1
x dx du
3
2
ดังนั้น
x2
x2
2
dx
x
(x 3 1)5 (x 3 1)5 dx
1 1
5 du
u 3
1 5
u du
3
1
u 4 c
12
1
c
3
4
12(x 1)
การอินทิเกรตโดยการแยกส่วน
การอินทิเกรตโดยการแยกส่วนจะถูกนามาใช้ในกรณีที่
อินทิกรัลมีตวั ถูกอินทิเกรตอยูใ่ นรูปของ ฟั งก์ชนั เช่น
x
1
ln x dx, sin x dx, x e dx และ e tan xdx
x
จากสูตรการหาอนุ พนั ธ์ของผลคูณ ให้ u และ v เป็ นฟั งก์ชนั ของ x
d(uv) udv vdu
จึงได้สตู รสาหรับการอินทิเกรตโดยการแบ่งส่วนดังนี้
u dv uv vdu
ตัวอย่าง
วิธีทา
3
x
จงหา ln x dx
กาหนดให้ u = ln x, dv = x3 dx
1
x4
du dx, v
x
4
จะได้
จากสูตร u dv uv vdu
x x 1
เมื่อแทนค่าจะได้ x ln x dx ln x 4 4 x dx
4
4
3
x3
x4
ln x dx
4
4
1 3
x4
ln x x dx
4
4
x4
x4
c
ln x
16
4
การอินทิเกรตโดยการแยกเป็ นเศษส่วนย่อย
การอินทิเกรตโดยการแยกเป็ นเศษส่วนย่อยจะถูกนามาใช้ใน
P(x)
กรณีที่อินทิกรัลมีตวั ถูกอินทิเกรต Q(x) อยูใ่ นรูปของฟั งก์ชนั
ตรรกยะ โดยที่ P(x) และ Q(x) เป็ นฟั งก์ชนั พหุนาม และ
กาลังสูงสุดของ P(x) น้อยกว่ากาลังสูงสุดของ Q(x)
ตัวอย่าง จงหา
วิธีทา
แล้ว
5x 3
x2 2x 3 dx
5x 3
5x 3
x 2 2x 3 (x 1)(x 3)
3
2
x 1 x 3
5x 3
2
3
dx
dx
x 2 2x 3 x 1 x 3 dx
2 ln x 1 3 ln x 3 c
การอินทิเกรตฟั งก์ชนั ตรีโกณมิติ
การอินทิเกรตฟังก์ชนั ตรี โกณมิติที่ซบั ซ้อน สามารถหาได้โดย
การใช้การอินทิเกรตโดยการเปลี่ยนตัวแปร
นอกจากนั้นบางครั้งยังต้องอาศัยเอกลักษณ์ตรี โกณมิติช่วยใน
การเปลี่ยนรู ปอินทิกรัลให้อยูใ่ นรู ปที่สามารถใช้สูตรพื้นฐานได้
ตัวอย่าง จงหา
วิธีทา
sin3x cos5x dx
ใช้เอกลักษณ์ตรีโกณมิติ
1
sin ax cos bx [sin(a b)x sin a b x]
2
จะได้
1
[sin(3x 5x) sin(3x 5x)] dx
2
1
[sin(2x) sin 8x] dx
2
sin 3x cos5x dx
จาก sin(-x)= -sin x จะได้วา่
1
( sin 2x sin8x)dx
2
1 cos 2x cos8x
c
2 2
8
ตอนที่ 3.3.1
พื้นที่ของอาณาบริเวณในระนาบ
ผูเ้ ขียน อ.ภิรมย์ คงเลิศ
1) พื้นที่ใต้เส้นโค้ง
y
o
y = f(x)
x
a dx b
พื้นที่แรเงา มีค่าเท่ากับ
b
f ( x )dx
a
1) พื้นที่ใต้เส้นโค้ง
y
a dx b
o
x
y = f(x)
พื้นที่แรเงา
b
มีค่าเท่ากับ f (x )dx
a
1) พื้นที่ใต้เส้นโค้ง
y
y = f(x)
o a dx
พื้นที่แรเงา
b
c
x
c
b
มีค่าเท่ากับ f ( x )dx+ ( f ( x )dx )
a
b
ตัวอย่าง
วิธีทา
จงหาพื้นที่ใต้เส้นโค้ง y = x2
และเหนือแกน x บนช่วง [0,2]
y
y = x2
4
x
o dx 2
จะได้
A =
b
f ( x )dx
a
แทนค่า a=0, b=2 และ f(x) = x2
จะได้
A =
2 2
x dx
0
2
x
=
3 0
3
(2) (0)
= -
3 3
3
=
3
8
ตารางหน่วย
3
ตัวอย่าง จงหาพื้นที่ของอาณาบริเวณที่ปิดล้อม
ด้วยเส้นโค้ง y = x3 และแกน x บนช่วง [-1,2]
y
วิธีทา
3
y=x
-1
A1
o
A2
dx 2
x
พื้นที่ A1 เป็ นพื้นที่ที่อยูใ่ ต้แกน x และ
3
อยูเ่ หนือเส้นโค้ง y = x บนช่วง [-1,0]
จะได้
b
A1 = - f ( x )dx
a
3
แทนค่า a = -1, b = 0 และ f(x) = x
จะได้
A1 =
0 3
- (x )dx
1
x
= -
4
4
0
1
= -
(0) 4 (1) 4
4 4
= -
1
0
4
=
1
4
ตารางหน่วย
พื้นที่ A2 เป็ นพื้นที่ที่อยูเ่ หนือแกน x และ
อยูใ่ ต้เส้นโค้ง y = x3 บนช่วง [0,2]
b
จะได้ A2 = f ( x )dx
a
แทนค่า a = 0, b = 2 และ f(x) = x3
จะได้ A2 =
2 3
( x )dx
0
x
4
4
=
2
0
(2) (0)
=
4 4
4
= 4 0
= 4 ตารางหน่วย
4
พื้นที่ของอาณาบริเวณที่ปิดล้อมด้วยเส้นโค้ง
y = x3 และแกน x บนช่วง [-1,2]
มีค่าเท่ากับ พื้นที่ A1 + พื้นที่ A2
เพราะฉะนั้น พื้นที่ท้งั หมดมีค่าเท่ากับ
1
+4
4
=
17
4
ตารางหน่วย
2) พื้นที่ระหว่างเส้นโค้ง
y
y = f(x)
y = g(x)
a
b
dx
x
b
พื้นที่แรเงา มีค่าเท่ากับ f ( x ) g( x ) dx
a
2) พื้นที่ระหว่างเส้นโค้ง
y
y = f(x)
a
dx
y = g(x)
b c
x
c
พื้นที่แรเงา b
มีค่าเท่ากับ f (x) g(x)dx + f ( x ) g ( x ) dx
a
b
ตัวอย่าง
จงหาพื้นที่ที่ปิดล้อมด้วยเส้นโค้ง
y = x2 -4 และ เส้นตรง y = 2x-1
ก) บนช่วง [-1,3]
ข) บนช่วง [-1,4]
วิธีทา
y
f(x) = 2x-1
A2
g(x) = x2- 4
5
-2 -1 o
dx
-4
A1
3 4
x
กาหนดให้ f(x) = 2x – 1 และ g(x) = x2 -4
หาจุดตัดของสมการทั้งสองจะได้ว่า
x2 -4 = 2x – 1
x 2 – 2x – 3 = 0
(x-3)(x+1) = 0
x = 3, -1
เพราะฉะนั้นกราฟของสมการทั้งสองตัดกันที่
x = 3, -1
จะเห็นว่า f(x) > g(x) บนช่วง [-1,3] และ
f(x) < g(x) บนช่วง (-∞,-1] และ [3,∞)
ก) จากภาพจะเห็นว่า f(x) > g(x) บนช่วง [-1,3]
ซึ่งสมมุตใิ ห้มีพ้ นที
ื ่ A1
3
f ( x ) g( x ) dx
พื้นที่ A1 =
1
=
=
3
2
(2x 1) ( x 4)dx
1
3
2
(2x x 3)dx
1
2 x
x 3
3
=
3x
3
1
=
2 (3) 3
2 (1) 3
3(3) (1)
3(1)
(3)
3
3
=
=
1
9 9 9 1 3
3
5
9
3
=
32
3
ตารางหน่วย
ข) พื้นที่บนช่วง [-1,4] คือ พื้นที่ A1 + พื้นที่ A2
32
จาก ก) จะได้พ้ นที
ื ่ A1 = 3 ตารางหน่วย
พื้นที่ A2 เป็ นพื้นที่บนช่วง [3,4] ซึ่ง
จะเห็นว่า g(x) > f(x)
พื้นที่ A 2=
4
f ( x ) g( x ) dx
3
พื้นที่ A 2=
=
4
2
(2x 1) ( x 4)dx
3
4
2
(2x x 3)dx
3
4
2 x
= x
3
3
=
3x
3
3
3
(
4
)
(
3
)
2
2
(4)
3(4) (3)
3(3)
3
3
=
=
=
64
16 12 9 9 9
3
20
9
3
7
3
ตารางหน่วย
+
เพราะฉะนั้น พื้นที่บนช่วง [-1,4]
มีค่าเท่ากับ
32 7
+ = 13 ตารางหน่วย
3 3