India Bhutan เนปาล Nepal

Download Report

Transcript India Bhutan เนปาล Nepal

ชมพูทวีป
Jambudipa
ปัจจุบันประกอบด้ วย ๕ ประเทศ ดังนี้
ปากีสถาน
Pakistan
อินเดีย
India
เนปาล
Nepal
Bhutan
ภูฐาน
บังกลาเทศ
Bangladesh
ปริเฉทที่ ๑
ชมพทู วีปและประชาชน
ดินแดนทีเ่ รียก ชมพูทวีป ปัจจุบัน มี ๕ ประเทศ
- อินเดีย - ปากีสถาน - เนปาล - ภูฐาน - บังกลาเทศ
มีชนชาติ ๒ ชาติ อาศัยอยู่ต่างวาระกัน
๑. ชาติมิลกั ขะ อาศัยอยู่ก่อน
๒. ชาติอริยกะ อาศัยอยู่ทหี่ ลัง
แบ่ งออกเป็ น ๒ ส่ วนใหญ่ ๆ คือ
๑. มัธยมประเทศ (ส่ วนกลาง) ทีอ่ ยู่ชาติอริกะ
๒. ปัจจันตชนบท (ส่ วนปลายแดน) ทีอ่ ยู่ชาติมิลกั ขะ
ประชาชนในทวีปแบ่ งเป็ น ๔ วรรณะ คือ
๑. กษัตริย์ จาพวกเจ้ า
มีหน้ าที่ปกครองบ้ านเมือง
๒. พราหมณ์ จาพวกเล่ าเรียน มีหน้ าที่ฝึกสอนและทาพิธี
๓. แพทย์ จาพวกพลเรียน มีหน้ าที่ค้าขาย
๔. ศูทร์ จาพวกคนงาน มีหน้ าที่รับจ้ าง
การศึกษาในสมัยนั้นแบ่ งเป็ น ๒ กลุ่มใหญ่
กลุ่ม ๑ มีความเห็นเกีย่ วกับความตาย
๑. เห็นว่ าตายแล้ วเกิด
๒. เห็นว่ าตายแล้ วสู ญ
กลุ่ม ๒ มีความเห็นเกีย่ วกับเรื่ องสุ ขและทุกข์
๑. เห็นว่ าสุ ขทุกข์ เกิดจากเหตุ
๒. เห็นว่ าสุ ขทุกข์ ไม่ เกิดจากเหตุ
ปริเฉทที่ ๒
พระราชวงค์
พระเจ้ าโอกากราช
King Okakararja
โอรส ๔- ธิดา ๕
4 Princes-5 Princeses
มเหสี องค์แรก First Queen
โอรส ๔- ธิดา ๔ อภิเษกสมรสกัน
สร้างวงค์และเมืองใหม่
ศากยะวงค์ -เมืองกบิลพัสดุ์
พระเจ้ าชยเสนะ
มีโอรส ๑ -ธิดา ๑
พระเจ้ าสี หนุ-พระนางยโสธรา
โอรส ๑
1 Prince
มเหสี องค์ที่ ๒ Second Queen
เชฏฐภาคินี-เจ้ ากรุงเทวทหะ
โกลิยวงค์ - เมืองเทวทหะ
ไม่ ปรากฏพระนาม
มีโอรส ๑ -ธิดา ๑
พระเจ้ าอัญชนะ-พระนางกาญจนา
อภิเษกสมรส
พระเจ้ าสี หนุ - พระนางกาญจนา
อภิเษกสมรส
พระเจ้ ากัญจนะ-พระนางยโสธรา
มีโอรส ๒ ธิดา ๒
มีโอรส ๕ ธิดา ๒
๑. พระเจ้ าสุ ปปพุทธะ
๑. พระเจ้ าสุ ทโธทนะ ๒. พระเจ้ าสุ กโกทนะ
๒. พระเจ้ าปัณฑปาณิ
๓. พระเจ้ าอมิโตทนะ ๔. พระเจ้ าโธโตทนะ
๓. พระนางมหามายา
๕. พระเจ้ าฆนิโตทนะ ๖. พระนางปมิตา
๔. พระนางปชาบดีโคตมี
๗. พระนางอมิตา
อภิเษกสมรส
อภิเษกสมรส
พระเจ้ าสุ ทโธทนะ-พระนางมหามายา
พระเจ้ าสุ ปปพุทธะ- พระนางอมิตา
มีโอรส ๑ - เจ้ าชายสิ ทธัตถะ
มีโอรส ๑-ธิดา ๑ - เจ้ าชายเทวทัต
พระเจ้ าสุ ทโธทนะ -พระนางปชาบดี
- พระนางพิมพา
มีโอรส ๑-ธิดา ๑ -เจ้ าชายนันทะ
-พระนางรูปนันทา
อภิเษกสมรส
เจ้ าชายสิ ทธัตถะ-พระนางพิมพา
มีโอรส ๑ - ราหุล
อภิเษกสมรส
พระเจ้ าสุ กโกทนะ-พระนางกีสาโคตมี
มีโอรส ๑ - พระอานนท์
อภิเษกสมรส
พระเจ้ ามหานามะ-นางทาสี
มีธิดา ๑ - พระนางวาสภขัตติยา
อภิเษกสมรส
พระเจ้ าอมิโตทนะ-ไม่ ปรากฎพระนาม
มีโอรส ๒ - พระเจ้ ามหานามะ
- พระเจ้ าอนุทธะ
ธิดา ๑ - พระนางโรหิณี
อภิเษกสมรส
พระเจ้ าปเสนทิโกศล- พระนางวาสภขัตติยา
มีโอรส ๑ - พระเจ้ าวิฑูฑภะ
ปริเฉทที่ ๓-๔
ประสู ต-ิ เสด็จออกบรรพชา
พระศาสดาลงสู่ พระครรภ์
ของพระมารดา วันพฤหัสบดี ขึน้ ๑๕ คา่ เดือน ๘ ปี ระกา
พระศาสดาประสู ติ
จากพระครรภ์ ของพระมารดา วันขึน้ ๑๕ คา่ เดือน ๖ ปี จอ ก่อน พ.ศ. ๘๐ ปี
ใต้ ร่มไม่ สาละในสวน ลุมพินี ระหว่ างกรุงกบิลพัสดุ์กบั กรุ งเทวทหะ
ประสู ติได้ ๓ วัน
อสิ ตดาบส ได้ เข้ าเยีย่ มและทานายพระลักษณะพระกุมารเป็ น ๒ นัย
๑. ถ้ าไม่ บวชจะเป็ นพระเจ้ าจักรพรรดิ์ที่ยงิ่ ใหญ่
๒. ถ้ าออกบวชจะเป็ นศาสดาเอกของโลก
ประสู ตไิ ด้ ๕ วัน
พระเจ้ าสุ ทโธทนะ เชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คน มาเลีย้ งโภชนาหาร
เลือกพรามหณ์ ๘ คน เพื่อทาหน้ าที่
๑. ขนานพระนามพระกุมาร ว่ า สิ ทธัตถะ
แปลว่ ผู้มีความปรารถนาสาเร็จแล้ว
๒. ทานายพระลักษณะพระกุมาร
๗ คน ทานายเป็ น ๒ นัยเช่ นเดียวกับ อสิ ตดาบส คือ
๑. ถ้ าไม่ บวชจะเป็ นพระเจ้ าจักรพรรดิ์ที่ยงิ่ ใหญ่
๒. ถ้ าออกบวชจะเป็ นศาสดาเอกของโลก
๑ คน ทานายนัยเดียว คือ
ต้ องออกบวชและเป็ นศาสดาเอกของโลก
ประสู ติได้ ๗ วัน
พระมารดาสิ้นพระชนม์ ได้ รับการชุ บเลีย้ งจากพระนางปชาบดีโคตมี
พระชนมายุ ๗ ขวบ
๑. พระบิดาให้ ขุดสระปลูกบัว ๓ สระ เพื่อเป็ นทีส่ รงสนานของพระกุมาร
ได้ แก่ ๑. สระบัวขาบ ๒. สระบัวหลวง ๓. สระบัวขาบ
๒. ทรงนาพระกุมารไปศึกษาในสานัก อาจารย์ วศิ วามิตร
๓. พระบิดาทรงประกอบพิธี แรกนาขวัญ
พระชนมายุ ๑๖ ปี
๑. พระบิดาทรงให้ สร้ างปราสาท ๓ หลัง เพื่อเป็ นทีป่ ระทับของพระกุมาร
ได้ แก่ ๑. ฤดูฝน ๒. ฤดูหนาว ๓. ฤดูร้อน
๒. ทรงอภิเษกสมรสกับ พระนางพิมพา
พระชนมายุ ๒๙ ปี
๑. ประพาสอุทยานทรงเห็นเทวทูตทั้ง ๔ คือ
คนแก่ – คนเจ็บ – คนตาย - นักบวช
๒. ได้ พระราชโอรสพระองค์ หนึ่ง พระนามว่ า ราหุล แปลว่ า บ่ วง
๓. เสด็จออกผนวช ทรง ม้ ากัณฐกะ มี นายฉันนะ ตามเสด็จ
๔. ทรงผนวชทีฝ่ ั่งแม่ นา้ อโนมา ป่ าอนุปิยอัมพว้ น แคว้ นมัลละ
๕. ฆฏิการพรหม นาผ้ ากาสายะและบาตรมาถวาย
ปริเฉทที่ ๕
ตรัสรู้
เสด็จผ่ านกรุงราชคฤห์
หลังทรงบรรพชาแล้ว ๗ วัน เสด็จผ่ านกรุงราชคฤห์ พระเจ้ าพิมสาร
ตรัสชวนให้ อยู่ครองราช แต่ พระองค์ ปฏิเสธ พระเจ้ าพิมพิสารปฏิญญา ว่ า
ตรัสรู้แล้วขอให้ เสด็จมาโปรด
ทรงศึกษากับ ๒ คณาจารย์
๑. อาฬารดาบส กาลามโคตร ได้ สมาบัติ ๑-๗
๒. อุทกดาบส รามบุตร ได้ สมาบัติที่ ๘
สมาบัติ ๘ คือ
๑. รูปฌาน ๔ ได้ แก่ –ปฐมฌาน – ทุติยฌาน - ตติยฌาน – จตุตถฌาน
๑. อรูปฌาน ๔ ได้ แก่ –อากาสนัญจายนะ– วิญญานัญจายนะ
- อากิญจัญญายตนะ - เนวสั ญญานาสั ญญายตนะ
ทรงบาเพ็ญทุกรกิริยา
เสด็จออกจากสานักอาจารย์ ท้งั ๒ บาเพ็ญเพียรทีต่ าบล อุรุเวลาเสนานิคม ด้ วย
ทุกรกิริยา ๓ อย่ าง คือ
๑. กดฟันกับฟัน กดลิน้ ด้ วยเพดาน
๒. ทรงกลั้นลมหายใจ
๓. ทรงอดพระกระยาหาร
ทรงเลิกบาเพ็ญทุกรกิริยาเพราะอุปมา ๓ อย่ าง
๑. ผู้มกี ายและจิตยังไม่ ออกจากกาม ตรัสรู้ ไม่ ได้ เปรียบเหมือนไม้ สดแช่ นา้
สี ไม่ ติดไฟ
๒. ผู้มกี ายออกแล้ วและจิตยังไม่ ออกจากกาม ตรัสรู้ ไม่ ได้ เปรียบเหมือนไม้ สด
อยู่บนบก สี ไม่ ตดิ ไฟ
๓. ผู้มกี ายและจิตออกจากกาม ตรัสรู้ ได้ เปรียบเหมือนไม้ แห้ งอยู่บนบก
สี ตดิ ไฟได้
หลังทรงเลิกบาเพ็ญทุกรกิริยา
๑. รับข้ าวมธุปายาทจากนางสุ ชาดา ลอยถาดในแม่ นา้ เนรัญชรา
๒. รับหญ้ าคาจาก โสตถิยะ นาไปปูลาดเป็ นบัลลังทีโ่ คนต้ นโพธิ์
๓. ประทับนั่งตั้งพระทัยอธิษฐานว่ า ยังไม่ บรรลุโพธิญาณ เพียงใด
จักไม่ ลุกขึน้ เพียงนั้น ถึงแม้ เลือดเนื้อเหือดแห้ งไป เหลือแต่ หนังหุ้ม
กระดูกก็ตามที
ตรัสรู้เป็ นพระพุทธเจ้ า
เมื่อพระชนมายุ ๓๕ ปี ตรงกับวันขึน้ ๑๕ คา่ เดือน ๖ ก่อน พ.ศ. ๔๕ ปี
ทรงชนะมารคือ กิเลสที่เกิดขึน้ ในพระทัย ด้ วยบารมี ๑๐ ทัศ คือ
ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ
ขันติ สั จจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา
ทรงบรรลุญาณ ๓ ในยาม ๓ ราตรี
(๑) บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติหนหลังได้
(๒) ทิพพจักขุญาณ
ตาทิพย์
(๑) อาสวากขยญาณ
ญาณทาลายกิเลสอาสวะ
๑ รู้ทุกข์
๒ รู้เหตุเกิดทุกข์
๓. รู้ความดับทุกข์
๔. รู้มรรค
ตรัสรู้อริยสั จจ ๔ คือ
ความไม่ สบายกาย ความไม่ สบายใจ
คือความอยาก
คือหมดความอยาก
คือข้ อปฏิบัติให้ ถึงความดับทุกข์