พยานผู้เชี่ยวชาญ (Expert witness) 1

Download Report

Transcript พยานผู้เชี่ยวชาญ (Expert witness) 1

พยาน
่
ผู เ้ ชียวชาญ
(Expert
1
หัวข้อบรรยาย
1 การร ับฟั งพยานความเห็น
่
2 ความหมายของผู เ้ ชียวชาญตาม
ป.วิ.พ.และ
ป.วิ.อ.
่
่
2.1 ผู เ้ ชียวชาญที
ศาลตั
ง้
่
2.2 ผู ม
้ ค
ี วามรู ้เชียวชาญ
่
2.3 ผู เ้ ชียวชาญในคดี
อาญา (เดิมเรียก
“ผู ช
้ านาญการพิเศษ”)
้ เ้ ชียวชาญโดยศาล
่
3 การแต่งตังผู
(ป.วิ.พ.
มาตรา 129)
่
่
4 การแสดงความเห็นของผู เ้ ชียวชาญที
ศาล
ตัง้ (ป.วิ.พ. มาตรา 130)
2
1 การร ับฟั งพยาน
ความเห็
น
ป.วิ.พ. มาตรา 95
หลัก ห้า มมิ ใ ห้ร บ
ั ฟั งพยาน
บุคคลใด
้
เว้น แต่ บุ ค คลนั นเป็
นผู ้
ได้เห็น ได้ยน
ิ หรือได้ทราบข้อความ
่
่
้ วย
ในเรืองที
จะให้
การเป็ นพยานนันด้
ตนเอง
ดัง นั้ น จึ ง ห้า มมิ ใ ห้ร บ
ั ฟั ง
3
ข้อยกเว้น
1. ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 86 ให้
อานาจศาลในการร ับฟั ง หรือ
ปฏิเสธพยานหลักฐานใด
่
2. ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 99 ทีให้
ศาลร ับฟั งความเห็นของพยาน
่
ผู เ้ ชียวชาญ
4
่
2 ความหมายของพยานผู เ้ ชียวชาญ
ตาม ป.วิ.พ. และ ป.วิ.อ.
ตาม ป.วิ.พ. และ ป.วิ.อ. มี
่
บทบัญญัตเิ กียวกั
บการนาสืบพยาน
่
่ างกัน ดังนี ้
ผู เ้ ชียวชาญโดยเรี
ยกชือต่
่
่
(1) พยานผู เ้ ชียวชาญที
ศาล
แต่งตัง้
(ตาม ป.วิ.พ. มาตรา
99,129)
่
(2) ผู ม
้ ค
ี วามรู ้เชียวชาญ
5
่
่
2.1 ผู เ้ ชียวชาญที
ศาลแต่
งตัง้
129)
(ป.วิ.พ.มาตรา 99 และ มาตรา
่
หมายถึง บุคคลทีศาลแต่
งตัง้
โดยศาลเห็นสมควร หรือ โดยที่
่ าหน้าทีใน
่
คู ค
่ วามร ้องขอเพือท
การตรวจพิสูจน์บุคคล วัตถุและ
สถานที่
6
คุณสมบัต ิ
่
1. ต้องมีความรู ้ ความเชียวชาญใน
ด้าน
- ศิลปะ
- วิทยาศาสตร ์
- การฝี มือ
- การค้า
่ า
- การงานทีท
- กฎหมายต่างประเทศ
่
2. ให้ความเห็นซึงอาจเป็
นประโยชน์
7
2 . 2 ผู ้ มี ค ว า ม รู ้
่
เชียวชาญ
(ตาม ป.วิ. พ.มาตรา 98 และ
มาตรา 99 วรรคสอง)
่ ่ความฝ่ายใดฝ่าย
หมายถึง บุคคลซึงคู
หนึ่ งอ้างเป็ นพยานของตน โดยบุคคลนั้น
มี ค วามรู เ้ ชี่ ยวชาญในสาขาวิ ช าหนึ่ ง
่
สาขาวิชาใดโดยเฉพาะ ซึงความเห็
นของ
้ อาจเป็ นประโยชน์ในการวินิจฉัย
เขานัน
้
ชีขาดข้
อความในประเด็น
8
2.3 ผู ช
้ านาญการ
พิเศษ
(ป.วิ.อ. มาตรา 243)
่ ค วาม
หมายถึง พยานบุ ค คลซึงมี
่
เชียวชาญในการใดๆ
และความเห็ น
ของเขานั้ นอาจมี ป ระโยชน์ใ นการ
วินิ จ ฉั ย คดี ในการสอบสวน ไต่ ส วน
มู ลฟ้อง หรือพิจารณา
่
ดัง นั้น ต่อไปนี ้การเรีย กชือพยาน
่
่
้ งเหมือนกันทัง้
ผู เ้ ชียวชาญที
ศาลตั
งจึ
9
่
้ เ้ ชียวชาญโดยศาล
3 การแต่งตังผู
(ป.วิ.พ. มาตรา 129)
ข้อสังเกต
่
้ เ้ ชียวชาญอยู
่ในดุลพินิจ
1. การแต่งตังผู
ของศาล โดยศาลจะเรียกคู ค
่ วามมาให้ตกลง
้ เ้ ชียวชาญที
่
่
้ นก็
้ ได้
กันกาหนดตังผู
จะแต่
งตังนั
แต่ศาลไม่อาจบังคับบุคคลใดให้มาเป็ น
่
้
ผู เ้ ชียวชาญได้
เว้นแต่บุคคลนันจะได้
ยน
ิ ยอม
่ นผู เ้ ชียวชาญไว้
่
ลงชือเป็
ในทะเบียน
่
ผู เ้ ชียวชาญของศาล
(ฎ.986/2541)
้ เ้ ชียวชาญ
่
2. บางกรณี การตังผู
อาจไม่
่
ต้องระบุชอตั
ื่ วผู เ้ ชียวชาญโดยช
ัดเจน เช่น ใน
่
10
3. กรณี ทคู
ี่ ค
่ วามไม่อาจตกลงกันได้
่
้ เ้ ชียวชาญที
่
่
ในเรืองตั
งผู
จะท
าการตรวจ
คู ค
่ วามมีสท
ิ ธินาสืบผู ม
้ ค
ี วามรู ้
่
เชียวชาญของฝ
่ ายตนตาม ป.วิ.พ.
่ ามีการตังทั
้ ง้
มาตรา 99 วรรคสอง ซึงถ้
สองฝ่าย ศาลจะต้องร ับฟั งพยานของทัง้
สองฝ่ายด้วย ส่วนคาพยานของฝ่ายใด
้ เป็ นเรืองของการช
่
จะมีน้ าหนักนัน
ง่ ั
น้ าหนักพยานหลักฐาน
่ งเอกสารไปให้
4. การทีจะส่
11
่
่
้
5. ผู เ้ ชียวชาญที
ศาลตั
งอาจถู
ก
คัดค้านได้
(ป.วิ.พ.มาตรา 129(2))
เหตุทจะคั
ี่
ดค้าน
1) อาจอาศ ัยเหตุตาม ป.วิ.พ.
มาตรา 11 หรือ
้ั
2) คัดค้านว่าผู น
้ นไม่
มค
ี วามรู ้
่
ความชานาญพอทีจะเป็
น
่
ผู เ้ ชียวชาญ
ปั ญหา?
12
ข้อพิจารณา
้ั เ้ ชียวชาญไม่
่
ในการแต่ง ตงผู
ว่า โดย
่
ศาล หรือ โดยคู ่ ค วามต้อ งระว งั ในเรือง
ด ังต่อไปนี ้
- ส่วนได้เสียในคดี
- เ ป็ น ผู ้ ม ี ค ว า ม รู ้ ค ว า ม ช า น า ญ
หรือไม่
บทสรุป
่
การร ับฟั งความเห็นของผู เ้ ชียวชาญ
้ ไม่ใช่วา
่
นัน
่ ศาลจะต้องเชือแล้
วพิพากษา
้
13
่
6. การเบิกความเป็ นพยาน
่
้ มีฐานะ
ผู เ้ ชียวชาญต่
อศาลนัน
เช่นเดียวกับพยานบุคคล
กล่าวคือจะต้องมีการสาบานตน
หรือ ปฏิญาณตนตาม ป.วิ.พ.มาตรา
112 ด้วย
ส่วนสิทธิทจะได้
ี่
ร ับค่าธรรมเนี ยม
่ ออกไปนัน
้ ให้
และค่าใช้จา
่ ยทีได้
เป็ นไปตามกฎกระทรวงยุตธ
ิ รรม โดย
14
่
4 การแสดงความเห็นของผู เ้ ชียวชาญ
(ป.วิ.พ.มาตรา 130)
1. ด้วยวาจา

ป.วิ.พ.มาตรา
130 วรรคสอง
นาวิธก
ี ารสืบพยาน
บุคคลมาใช้
2. เป็ นหนังสือ
ถ้าศาลยังไม่พอใจ หรือ คู ค
่ วาม
ร ้องขอ
่
1. ให้ผูเ้ ชียวชาญท
าความเห็น
่
15
่
ข้อสังเกตเกียวกั
บการแสดงความเห็นของ
่
ผู เ้ ชียวชาญ
่
1. ผู เ้ ชียวชาญในคดี
แพ่ง
่
ผู เ้ ชียวชาญจะแสดงความเห็
นเป็ นหนังสือ
อย่างเดียวก็ได้ (ฎ.1192/2506,ฎ.1624/2511,
ฎ.1292-1293/2512,ฎ.590/2513,ฎ.1407/2513,
ฎ.1260/2518,ฎ.1086/2529,ฎ.1942/2542,
ฎ.4693/2545)
้ั เ้ ชียวชาญเพื
่
่
ฎ.4693/2545 การแต่งตงผู
อ
่
ทาการพิสูจน์ลายมือชือในเอกสาร
ป.วิ.พ.
่
มาตรา 130 บัญญัตใิ ห้ผูเ้ ชียวชาญอาจแสดง
ความเห็นด้วยวาจา หรือ เป็ นหนังสือก็ได้แล้วแต่
16
่
2. ผู เ้ ชียวชาญมี
ฐานะเป็ นพยาน
บุ ค คล ดัง นั้ นหากจะต้อ งมี ก รณี ที ่
ต้องมาเบิกความด้วยวาจาต่อศาล ก็
จะต้องตกอยู ่ภายใต้บทบังคับว่า ด้วย
การเบิกความและการซ ักถามพยาน
บุคคลด้วย
เช่น
การสาบานตน (ป.วิ.พ.มาตรา
112)
การออกหมายเรียกพยานบุคคล
17
่
่
ข้อ สัง เกตเกี ยวกั
บ ผู ้เ ชี ยวชาญใน
คดีอาญา (ป.วิ.อ. มาตรา 243)
่
1. ในคดีอ าญาผู เ้ ชียวชาญอาจท
า
ความเห็ น เป็ นหนั ง สือได้ แต่ ต อ
้ งมาเบิ ก
ความประกอบ เว้น แต่ ม ีเ หตุ จ าเป็ น หรือ
่
้น
คู ่ ค วามไม่ ต ิดใจซ ก
ั ถามผู เ้ ชียวชาญนั
ศาลจะให้ร บ
ั ฟั งความเห็ น เป็ นหนั ง สื อ
ด งั กล่ า วโดยผู เ้ ชี่ยวชาญไม่ ต อ
้ งมาเบิ ก
ความประกอบก็ได้
่
2. ในกรณี ทผู
ี่ เ้ ชียวชาญต้
องมาเบิก
18
ข้อสังเกต
่
่ ไ ขใหม่ ไ ด้ข ยาย
การทีกฎหมายที
แก้
ข้อ ยกเว้นให้ผู เ้ ชี่ยวชาญไม่ ต อ
้ งมาเบิก
ความประกอบเนื่ องมาจากได้ก าหนดให้
ต้ อ ง ส่ ง ส า เ น า ค ว า ม เ ห็ น ที่ ไ ด้ ท า เ ป็ น
้ อศาลและคู ่ความล่วงหน้าไม่
หนังสือนันต่
น้อยกว่า 7 ว ัน ก่อนว ันเบิกความ
่ ไข
ด งั นั้น จึง สรุ ป หลัก กฎหมายทีแก้
่
ใหม่ได้ว่า ในคดีอาญาถ้าผู เ้ ชียวชาญท
า
ความเห็ น เป็ นหนั ง สื อ ก็ ต ้อ งส่ ง ส าเนา
้
่
19
5 การตรวจพิสูจน์พยานหลักฐาน
ทางวิทยาศาสตร ์
่ ไขใหม่
ป.วิ.พ. และ ป.วิ.อ. ทีแก้
่
่
ได้เพิมบทบั
ญญัตเิ กียวกั
บการ
ตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทาง
่ องมีการเก็บ
วิทยาศาสตร ์ทีต้
ตัวอย่างจากอวัยวะหรือ
ส่วนประกอบของบุคคลไว้ใน ป.
วิ.พ. มาตรา 128/1 และป.วิ.อ.
20
คดีแพ่ง เป็ นไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 128/1
“ในกรณี ทจ
ี ่ าเป็ นต้องใช้พยานหลักฐานทาง
่ สูจน์ขอ้ เท็จจริงใดทีเป็
่ นประเด็นสาคัญ
วิทยาศาสตร ์เพือพิ
่
่ ค
แห่งคดี เมือศาลเห็
นสมควรหรือเมือคู
่ วามฝ่ายใดฝ่ายหนึ ง่
่ ทาการตรวจพิสูจน์บุคคล วัตถุ
ร ้องขอ ศาลมีอานาจสังให้
หรือเอกสารใดๆ โดยวิธก
ี ารทางวิทยาศาสตร ์ได้
ในกรณี ทพยานหลั
ี่
กฐานทางวิทยาศาสตร ์จะ
่ าให้ศาลวินิจฉัยชี ้
สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงทีท
่ ก เมือศาล
่
ขาดคดีได้โดยไม่ตอ้ งสืบพยานหลักฐานอืนอี
่ ค
่ ้องขอ ศาลอาจ
เห็นสมควรหรือเมือคู
่ วามฝ่ายใดฝ่ายหนึ งร
่ ทาการตรวจพิสูจน์ตามวรรคหนึ งโดยไม่
่
สังให้
ตอ้ งรอให้ถงึ วัน
สืบพยานตามปกติกไ็ ด้
่
ในกรณี ทการตรวจพิ
ี่
ส
ู
จ
น์
ต
ามวรรคหนึ
งหรื
อวรรค
21
้ อ่ ผิวหนัง เส้นผม
สองจาเป็ นต้องเก็บตัวอย่าง เลือด เนื อเยื
ในกรณี ทคู
ี่ ค
่ วามฝ่ายใดไม่ยน
ิ ยอมหรือไม่ให้
่
ความร่วมมือต่อการตรวจพิสูจน์ตามวรรคหนึ งหรื
อ
วรรคสอง หรือไม่ให้ความยินยอมหรือกระทาการ
่ ยวข้
่
ขัดขวางมิให้บุคคลทีเกี
องให้ความยินยอมต่อ
การตรวจเก็บตัวอย่างส่วนประกอบของร่างกายตาม
วรรคสาม ก็ให้สน
ั นิ ษฐานไว้กอ
่ นว่าข้อเท็จจริง
เป็ นไปตามทีคู่ ค
่ วามฝ่ายตรงข้ามกล่าวอ้าง
ค่าใช้จา่ ยในการตรวจพิสูจน์ตามมาตรานี ้ ให้
คูค
่ วามฝ่ายทีร่ ้องขอให้ตรวจพิสูจน์เป็ นผู ร้ ับผิดชอบ
่
าฤชาธรรมเนี ยม
โดยให้ถอ
ื ว่าเป็ นส่วนหนึ งของค่
แต่ถา้ ผู ร้ ้องขอไม่สามารถเสียค่าใช้จา่ ยได้ หรือเป็ น
22
คดีอาญา เป็ นไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา
244/1
่ อต
“ในกรณี ความผิดอาญาทีมี
ั ราโทษจาคุก
หากมีความจาเป็ นต้องใช้พยานหลักฐานทาง
่ สูจน์ขอ้ เท็จจริงใดทีเป็
่ นประเด็น
วิทยาศาสตร ์เพือพิ
่ ทาการตรวจ
สาคัญแห่งคดี ให้ศาลมีอานาจสังให้
พิสูจน์บุคคล วัตถุ หรือเอกสารใด โดยวิธก
ี ารทาง
วิทยาศาสตร ์ได้
ในกรณี ทการตรวจพิ
ี่
สูจน์ตามวรรคหนึ ง่
้ อ่ ผิวหนัง
จาเป็ นต้องตรวจเก็บตัวอย่างเลือด เนื อเยื
้
เส้นผมหรือขน นาลาย
ปั สสาวะ อุจจาระ สารคัด
หลัง่ สารพันธุกรรมหรือส่วนประกอบของร่างกาย
่
จากคูค
่ วามหรือบุคคลใด ให้ศาลมีอานาจสังให้
่
แพทย ์หรือผู เ้ ชียวชาญด
าเนิ นการตรวจดังกล่าวได้
23
ในกรณี ทพยานหลั
ี่
กฐานทางวิทยาศาสตร ์
่
สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงทีอาจท
าให้ศาล
้
่ ก
วินิจฉัยชีขาดคดี
ได้โดยไม่ตอ้ งสืบพยานหลักฐานอืนอี
่ า หากมีการเนิ นช้
่ ากว่าจะนา
หรือมีเหตุอน
ั ควรเชือว่
พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร ์อันสาคัญมาสืบในภาย
้
หน้า พยานหลักฐานนันจะสู
ญเสียไปหรือยากแก่การ
่ ค
่ ้องขอหรือเมือ่
ตรวจพิสูจน์ เมือคู
่ วามฝ่ายใดฝ่ายหนึ งร
่ ทาการตรวจพิสูจน์ทาง
ศาลเห็นสมควร ศาลอาจสังให้
่
วิทยาศาสตร ์ตามความในวรรคหนึ งและวรรคสองได้
ทันทีโดยไม่จาต้องรอให้ถงึ กาหนดวันสืบพยานตามปกติ
้ ้ ให้นาบทบัญญัตใิ นมาตรา 237 ทวิ มาใช้บงั คับ
ทังนี
โดยอนุโลม
24
้ั
การตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร ์ในชน
สอบสวน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 131/1
“ในกรณี ทจ
ี ่ าเป็ นต้องใช้พยานหลักฐานทาง
่ สูจน์ขอ้ เท็จจริงตามมาตรา 131 ให้
วิทยาศาสตร ์เพือพิ
พนักงานสอบสวนมีอานาจให้ทาการตรวจพิสูจน์บุคคล
วัตถุ หรือเอกสารใดๆ โดยวิธก
ี ารทางวิทยาศาสตร ์ได้
่ อ ัตราโทษจาคุกอย่างสู ง
ในกรณี ความผิดอาญาทีมี
่ าเป็ นต้อง
เกินสามปี หากการตรวจพิสูจน์ตามวรรคหนึ งจ
้ อ่ ผิวหนัง เส้นผมหรือขน
ตรวจเก็บตัวอย่างเลือด เนื อเยื
้
นาลาย
ปั สสาวะ อุจจาระ สารคัดหลัง่ สารพันธุกรรมหรือ
ส่วนประกอบของร่างกายจากผู ต
้ อ้ งหา ผู เ้ สียหายหรือบุคคล
่ ยวข้
่
ทีเกี
อง ให้พนักงานสอบสวนผู ร้ ับผิดชอบมีอานาจให้
่
แพทย ์หรือผู เ้ ชียวชาญด
าเนิ นการตรวจดังกล่าวได้ แต่ตอ้ ง
กระทาเพียงเท่าทีจ่ าเป็ นและสมควรโดยใช้วธิ ก
ี ารทีก่่ อให้เกิด
่
้
ความเจ็บปวดน้อยทีสุ่ ดเท่าทีจะกระท
าได้ ทังจะต้
องไม่เป็ น
้ และผู ต
้ อ้ งหา
อ ันตรายต่อร่างกายหรืออนามัยของบุคคลนัน
่ ยวข้
่
ผู เ้ สียหาย หรือบุคคล ทีเกี
องต้องให้ความยินยอม หาก
25
ผู ต
้ อ้ งหาหรือผู เ้ สียหายไม่ยน
ิ ยอมโดยไม่มเี หตุอ ันสมควรหรือ
การตรวจพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร ์ไว้
ก่อนถึงกาหนดเวลาสืบพยานได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา
237 ตรี
“มาตรา 237 ตรี ให้นาความในมาตรา 237
ทวิ มาใช้บงั คับโดยอนุโลมแก่กรณี การสืบพยาน
่
่ และแก่กรณี ท ี ่
ผู เ้ ชียวชาญ
และพยานหลักฐานอืน
่ องสืบ
ได้มก
ี ารฟ้องคดีไว้แล้วแต่มเี หตุจาเป็ นทีต้
พยานหลักฐานไว้กอ
่ นถึงกาหนดเวลาสืบพยาน
ตามปกติตามมาตรา 173/2 วรรคสองด้วย
ในกรณี ทพยานหลั
ี่
กฐานทางวิทยาศาสตร ์จะ
สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงอันสาคัญในคดี
่ า หากมีการเนิ นช้
่ ากว่าจะ
ได้ หรือมีเหตุอน
ั ควรเชือว่
นาพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร ์อันสาคัญมาสืบ
26
6 ขอบเขตการร ับฟั งความเห็นของ
่
ผู เ้ ชียวชาญ
่
1. ความเห็ น ของผู ้เ ชียวชาญ
้
่ ามา
เป็ นพยานหลักฐานชินหนึ
ง่ ทีเข้
สู ่สานวนการพิจารณาคดีของศาล
 ศาลยังต้องใช้ดุลพินิจชง่ ั
้
น้ าหนั ก พยานหลัก ฐานทังปวงแล้
ว
้
วินิจฉัยชีขาดตั
ดสินคดีตอ
่ ไป
2 . ก ร ณี ที ่ ศ า ล จ ะ ไ ม่ ร ั บ ฟั ง
่
ความเห็นของผู เ้ ชียวชาญ
ก็คอ
ื กรณี
่ นความเห็น ทางวิชาการทีศาลรู
่
ทีเป็
้
27
่ ั ้ าหนักความเห็นของ
7 การชงน
่
ผู เ้ ชียวชาญ
โดยหลัก แล้วความเห็นของ
่
้
ผู เ้ ชียวชาญ
เป็ นเพียงพยานหลักฐานชิน
่
หนึ่ งในการทีศาลจะใช้
ประกอบกับ
่
้
พยานหลักฐานอืนในการวิ
นิจฉัยชีขาด
คดี
แต่ มีบางกรณี ทความเห็
ี่
นของ
่
ผู เ้ ชียวชาญมี
น้ าหนักมากและถือเป็ นข้อ
ยุต ิ เช่น คู ค
่ วามท้ากันให้เอาความเห็น
่
้
ของผู เ้ ชียวชาญเป็
นยุตเิ ช่นนี ศาลก็
ตอ
้ ง
28
ปั ญหา ใครจะมีน้ าหนักดีกว่ากัน ?
่
ความเห็นของผู เ้ ชียวชาญ
VS
ประจักษ ์พยาน


ฎ.1406/2530
VS
ฎ.401/2532, ฎ.3117/2535
29
ฎ.1406/2530 โจทก ์มีสญ
ั ญากู ม
้ าแสดงต่อศาล
โดยสัญญากูด
้ ังกล่าว กองพิสูจน์หลักฐานกรมตารวจ
่
โดยผู เ้ ชียวชาญของศาลท
าการตรวจพิสูจน์ลายมือ
่ และรายงานว่าลายมือชือในสั
่
ชือ
ญญากู ก
้ บ
ั ลายมือ
่
่
ชือของจ
าเลยน่ าจะเป็ นลายมือชือของบุ
คคลเดียวกัน
่
และมีแ ต่
การทีจ่ าเลยอ้า งว่ า เป็ นลายมือ ชือปลอม
่
้
พยานบุคคลมาสืบว่าไม่ใช่ลายมือชือของจ
าเลยนัน
ไม่ ม ี น ้าหนั ก เพี ย งพอ ที่ จะหัก ล้า งการพิ สู จน์ข อง
ผู ้ เ ชี่ ย ว ช า ญ ก า ร ต ร ว จ พิ สู จ น์ ล า ย มื อ ต า ม ห ลัก
วิชาการได้
ฎ.401/2532 การวินิจฉัยปั ญหาว่าจาเลยออก
ต ๋วสั
ั ญ ญาใช้เ งิ นให้โ จทก ห
์ รือไม่ น้ั น แม้โ จทก ม
์ ี
30