Chapter 11 Managing Organizational Change, Resistance, and Conflict
Download
Report
Transcript Chapter 11 Managing Organizational Change, Resistance, and Conflict
Chapter 11
Managing Organizational Change, Resistance, and
Conflict
Chapter 11 – Objectives
อธิบายถึงวินยั ในการบริ หารการเปลี่ยนแปลงขององค์กร (organizational change management) และ
แนวทางในการประเมินความพร้อมและความสามารถขององค์กรในการสนับสนุนและรองรับการ
เริ่ มต้นในการเปลี่ยนแปลง
อธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถมองในเชิงกระบวนการและการบ่งชี้การสนองตอบของพนักงาน
ได้อย่างไร เมื่อพนักงานเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง
อธิบายกรอบในการบริ หารการเปลี่ยนแปลงที่ถูกทาให้เกิดขึ้น
นาแนวความคิดในบทนี้ไปสร้างแผนบริ หารความเสี่ ยง โดยแผนนี้มุ่งเน้นไปในด้านการประเมิน
ความตั้งใจและความสามารถในการเปลี่ยนแปลง การสร้างกลยุทธ์ที่ใช้เปลี่ยนแปลง การนาแผนไป
ใช้และติดตามความก้าวหน้าไปสู ้เป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง แล้วทาการประเมินว่าการ
เปลี่ยนแปลงนั้นประสบผลสาเร็จหรื อไม่ และจัดทาเอกสารบทเรี ยนที่ได้จากการเปลี่ยนแปลง
ถกแถลงเกี่ยวกับธรรมชาติของการต่อต้านและข้อขัดแย้ง และนาเทคนิคต่างๆมาใช้แก้ขอ้ ขัดแย้งและ
แรงต่อต้านในแนวทางที่มีประสิ ทธิภาพและประสิ ทธิผล
IT Systems may be a technical success but an organizational failure.
ความเชื่อแบบผิด ๆ ที่พบทัว่ ๆ ไป
“พนักงานต้องการการเปลี่ยนในครั้งนี่ ”
“เช้าวันจันทร์ เราจะใช้ระบบใหม่ และพนักงานจะใช้มนั ”
“การมีโปรแกรมฝึ กอบรมที่ดีจะตอบคาถามได้ท้ งั หมด พนักงานจะชอบโปรแกรมนี้ ”
“พนักงานของเราผ่านการเปลี่ยนแปลงมาแล้วมากมาย จะเกิดอีกซักครั้งก็ไม่น่าจะมี
ปัญหาอะไร”
“เราเห็นความจาเป็ นในการช่วยพนักงานปรับตัว แต่เราจาเป็ นต้องตัดบางอย่าง…”
“พนักงานมีสองทางเลือกคือ จะเปลี่ยนแปลงหรื อลาออก”
Possible Results of false beliefs
การเปลี่ยนแปลงอาจไม่เกิดขึ้น
พนักงานจะต้องอาศัยเวลาช่วงหนึ่ ง และทาบางสิ่ งบางอย่างรอบ ๆการเปลี่ยนแปลง
(คือไม่ทาการเปลี่ยนแปลง แต่จะทาเรื่ องอื่น)
ผูใ้ ช้จะยอมรับบางส่ วนของการเปลี่ยนแปลง
ผลประโยชน์สูงสุ ดของโครงการไม่สามารถบรรลุได้ หรื อ บรรลุได้หลังจากผ่านไป
ระยะเวลาหนึ่งและใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ไปแล้ว (เช่น มีการเจรจาต่อรอง ให้
ผลประโยชน์ล่อใจ)
Change Management
“The transforming of the organization so it is aligned with the execution of a
chosen corporate business strategy. It is the management of the human
element in a large-scale change project.”
Gartner Group
The Nature of Change
ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง (The Impact of Change) – ไม่วา่ เราจะมองการ
เปลี่ยนแปลงไปในเชิงบวก (anticipation) หรื อ ลบ (dread) ก็ตาม มันจะมีแรง
กดดันเกิดขึ้นร่ วมกับแต่ละการเปลี่ยนแปลงเสมอ
การรองรับ (Assimilation) – คือกระบวนการการปรับตัวเพื่อการเปลี่ยนแปลง และ
ดูความสามารถในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงในปั จจุบนั และในอนาคต
(Davidson 2002)
Assimilating Change
The Nature of Change
การเปลี่ยนแปลงเมื่อมองในเชิงกระบวนการ
Force Field Analysis หรื อ change theory (Lewin 1951)
พลังขับ (Driving Forces) – Facilitating change
พลังต้าน (Resisting Forces) – Barriers to change
ช่วงละลายพฤติกรรม (Unfreezing) (the present state)
ช่วงเปลี่ยนผ่าน (Changing) (the transition state)
ช่วงตกผลึก (Refreezing) (the desired state)
Lewis’ Change Process Model
ช่ วงของกระบวนการเปลีย่ นแปลง
ช่ วงละลายพฤติกรรม
(Unfreezing)
ช่ วงการเปลีย่ นแปลง
(Changing)
เป็ นความพยายามละลายระบบ หรื อรู ปแบบพฤติ ก รรมเดิ ม
เปรี ยบเสมื อนละลายน้ าแข็งให้เป็ นน้ า ทั้งนี้ จะต้องทาให้บุคคล
รู ้สึกมีความมัน่ คงมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการคุกคามตัวบุคคล และ
ใช้วธิ ีกระตุน้ ทางทางบวกและลบในการดาเนินการ
เป็ นกระบวนการเรี ยนรู ้พฤติกรรมใหม่ เพื่อนาไปสู่ พฤติกรรม
องค์การที่พึงปรารถนา โดยผ่านวิธีการต่ าง ๆ เช่ น การสอน
งาน การพัฒนา / ฝึ กอบรม การสาธิต การวิจยั ฯลฯ
ช่ วงตกผลึกอีกครั้ง
(Refreezing)
K. Lewin.1947.
เป็ นช่ วงที่พฤติกรรมที่ได้เรี ยนรู ้ใหม่อยู่ตวั
จึงต้องมี การเสริ มแรง โดยการจัดทาเป็ น
ระบบ มาตรฐาน และกระตุน้ และจูงใจให้
บุคคลปฏิบตั ิอย่างต่อเนื่อง
The Nature of Change
อารมณ์ในการการสนองตอบต่อการเปลี่ยนแปลง (Emotional Responses to Change)
Kübler-Ross’ Grieving Model อาจนามาใช้ทาความเข้าใจกับการสนองตอบต่อ
การเปลี่ยนแปลงที่สาคัญ
สงวนท่าที (Denial)
โกรธ (Anger)
ทาการต่อรอง (Bargaining)
หมดหวัง (Depression)
ยอมรับ (Acceptance)
Change Can be Emotional
active
Emotional
Response
anger
acceptance
bargaining
stability
passive
denial
shock
Elizabeth Kubler- Ross, 1969
testing
depression
Time
Integrated Change Control
Integrated change control ประกอบด้วย การบ่งชี้ การประเมิน และการบริ หารการ
เปลี่ยนแปลงตลอดทัว่ ทั้ง project life cycle (Note: 1996 PMBOK called this process
“overall change control”)
สามวัตถุประสงค์หลักของ change control คือ:
พิจารณาแฟกเตอร์ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องที่ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อมัน่ ใจว่ามัน
ก่อให้เกิดประโยชน์
หาว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว
บริ หารการเปลี่ยนแปลงจริ ง ๆ เมื่อมันเกิดขึ้นและตามที่มนั เกิดขึ้น
Integrated Change Control Process
Change Control on Information Technology Projects
Former view: Project team ต้องพยายามทาตามแผนในเวลาที่กาหนดไว้และ
ภายในงบประมาณที่มี
Problem: Stakeholders มักจะไม่ค่อยยอมรับตั้งแต่แรกในเรื่ อง project scope, and
time และ cost estimates ที่ไม่ถูกต้อง แม่นยา
Modern view: การบริ หารโครงการคือกระบวนการของการสื่ อสารและการเจราจา
ต่อรองที่เกิดขึ้นเป็ นประจา
Solution: การเปลี่ยนแปลงมักก่อให้เกิดประโยชน์ และ project team ควรวางแผน
จัดการกับการเปลี่ยนแปลง
The Change Management Plan
Assess Willingness, Readiness, and Ability to Change
Sponsor
Initiating vs. sustaining sponsor
Change Agents
The project manager and team
Targets of Change
The users
Must understand
ผลกระทบจริ ง ๆ อันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง
การกระจายตัวของการเปลี่ยนแปลง
อะไรที่เสร็ จสิ้ นแล้ว อะไรที่ยงั
Whether the rules for success have changed
The Change Management Plan
Assess Willingness, Readiness, and Ability to Change
Leavitt’s Model of Organizational Change – Interdependence of components
The Change Management Plan
Develop or Adopt a Strategy for Change
Rational–Empirical (เหตุผล-ความชานาญ) Approach
Picture, Purpose, Part to Play
Normative-Reeducation (จัดทาให้เป็ นบรรทัดฐาน-ให้การเรี ยนรู ้ใหม่) Approach
เน้นไปที่ core values, ความเชื่อ และสร้างความสัมพันธ์อนั ก่อให้เกิดวัฒนธรรมใน
กลุ่ม
Power-Coercive (อานาจ-บังคับ) Approach
ก่อให้เกิดการยินยอมผ่านทาง exercise of power
Environmental-Adaptive (ปรับสภาพแวดล้อม-ปรับตัว) Approach
แม้วา่ พนักงานจะหลีกหนีจากความยุง่ ยาก(ในการเปลี่ยนแปลง)และก่อให้เกิดความ
สู ญเสี ย แต่เขาก็ยงั คงสามารถปรับตัวเข้าสู่ การเปลี่ยนแปลงได้
The Change Management Plan
Implement the Change Management Plan and Track Progress
ติดตามความคืบหน้าโดยใช้ project tools (Gantt, Pert, etc.) เพื่อวัดว่าองค์กรปรับตัว
เข้าสู่ การเปลี่ยนแปลงได้ดีเพียงใด
การสื่ อสาร (Communication)
พึงระวังเรื่ องการซุบซิ บนินทา
สื่ อที่ใช้มีความสาคัญมาก
การสื่ อสารควรเป็ นแบบสองทาง
The Change Management Plan
Evaluate Experience and Develop Lessons Learned
ประสบการณ์ควรจัดทาให้เป็ นเอกสารและให้สมาชิกในทีมอื่นและโครงการอื่น ๆ
นาไปศึกษาได้ ซึ่ งจะทาให้ประสบการณ์ได้รับการแบ่งปั นและกลายเป็ น best
practices ไปในที่สุด
ความสาเร็ จโดยรวมของ change management plan ควรนามาประเมิน
ควรเพิม่ new form และ functionality เข้าไปใน project organization’s IT project
methodology.
Change Control System
คือกระบวนการที่เป็ นเอกสารที่ถุกนามาใช้อย่างเป็ นทางการ ซึ่ งอธิบายถึง official
project documents และ work อาจเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยวิธีการอย่างไร (How) และ
เกิดขึ้นเมื่อใด (When)
และ อธิ บายถึง ใครที่มีอานาจในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และ ทาโดยวิธีการ
ใด
และมักจะรวมถึง change control board (CCB), configuration management, และ
process for communicating changes
Change Control Boards (CCBs)
กลุ่มที่จดั ตั้งขึ้น มีหน้าที่รับผิดชอบทางด้านการรับรอง (approving) หรื อ ปฏิเสธ (
rejecting) การเปลี่ยนแปลงในโครงการหนึ่ง ๆ
CCBs จะให้แนวทางในการจัดเตรี ยมการร้องขอการเปลี่ยนแปลง (change request)
ทาการประเมิน change requests และ บริ หารขั้นตอนในการเปลี่ยนแปลงหลังจาก
การเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ ได้รับการอนุมตั ิแล้ว
ทั้งนี้รวม stakeholders จากทัว่ ทั้งองค์กรด้วย
Making Timely Changes
บาง CCBs นาน ๆ จะประชุมกันสักครั้งหนึ่ง ดังนั้น มันจึงใช้เวลานานมากกว่าการ
เปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น
บางองค์กรจึงมีนโยบายออกมาใช้กบั time-sensitive changes
“48-hour policy” ยอมให้ project team members ทาการตัดสิ นใจไปก่อน แล้ว
เขามีเวลา 48 ชัว่ โมง ในการส่ งการตัดสิ นใจข้างต้นไปให้ผบู ้ ริ หารระดับสู งทา
การอนุมตั ิ
มอบหมาย changes ไปสู่ ระดับต่าที่สุดเท่าที่จะเป็ นไปได้ แต่แจ้งให้ทุกคน
รับทราบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง
Configuration Management
มัน่ ใจว่า products และ รายละเอียดต่าง ๆ ถูกต้องและครบถ้วน
มุ่งเน้นไปที่การบริ หารจัดการกับเทคโนโลยีโดยการบ่งชี้ (identifying) และ ควบคุม
(controlling) คุณสมบัติต่าง ๆ ทางกายภาพและฟั งก์ชนั ที่ออกแบบของ product
Configuration management specialists จะทาการบ่งชี้ความต้องการทาง
configuration และจัดทาให้เป็ นเอกสาร ทาการควบคุม เก็บบันทึก และ ทารายงาน
การเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงทาการตรวจประเมิน product เพื่อสอบทานว่ามัน
สอดคล้องกับความต้องการ
Suggestions for Managing Integrated Change Control
มอง project management ในเชิงของกระบวนการที่มี communications และ negotiations
อยูต่ ลอดเวลา
แผนสาหรับการเปลี่ยนแปลง
จัดให้มี change control system อย่างเป็ นทางการ รวมทั้ง Change Control Board (CCB)
มี configuration management ที่ดี
กาหนดระเบียบปฏิบตั ิในการตัดสิ นใจที่ตอ้ งแข่งกับเวลาในเรื่ องการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ
น้อย ๆ
ใช้การรายงานประสิ ทธิ ภาพทั้งโดยวาจาและเป็ นเอกสารจะช่วยในการบ่งชี้และบริ หาร
จัดการเกี่ยวกับ change
ใช้ project management และ other software เข้าช่วยบริ หารและสื่ อสารถึงการ
เปลี่ยนแปลง
Dealing With Resistance and Conflict
การต่อต้าน (Resistance)
ควรเข้าไปจัดการตั้งแต่ช่วงเริ่ มต้นของโครงการ
มีท้ งั เปิ ดเผย และซ่อนเร้น
เมื่อการเปลี่ยนแปลงถูกประนีประนอม (ในเชิงไม่ตอ้ งเปลี่ยนแปลงก็ได้)
ผูบ้ ริ หารและ project team จะเสี ยเครดิต และ คนในองค์กรอาจต่อต้านการ
เปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
Dealing With Resistance and Conflict
การต่อต้าน (Resistance)
จะเกิดขึ้นเมื่อมีเหตุผลที่ชดั แจ้ง (valid reason)
อาจเกิดขึ้นแม้วา่ ผูต้ ่อต้านข้างต้น รู ้วา่ การเปลี่ยนแปลงนั้นจะก่อให้เกิด
ประโยชน์ต่อองค์กร
ผูด้ าเนินการเปลี่ยนแปลงควรเผชิญกับการต่อต้านดังนี้:
ควรฟัง (ไม่ควรเถียง)
สื่ อสารให้เห็นขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
พึงเข้าใจว่า การเห็นอกเห็นใจกัน ไม่จาเป็ นต้องเห็นด้วยเสมอไป
Dealing With Resistance and Conflict
ความขัดแย้ง (Conflict)
“แม้วา่ ข้อขัดแย้งจะเป็ นสิ่ งหนึ่ งที่เราไม่ตอ้ งการให้เกิดขึ้น แต่กย็ ากที่จะหลบเลี่ยง ทุกครั้ง
ที่เราพยายามที่จะหลบเลี่ยง แต่มนั จะไม่มีทางออกให้กบั เรา บางคนหวังอย่างผิด ๆ ว่า
ความขัดแย้งจะหายไปถ้าเราไม่ใส่ ใจกับมัน แต่ในความจริ งแล้ว การไม่ใส่ ใจมักทาให้
สถานการณ์เลวร้ายลง ซึ่ งส่ งผลให้ประสิ ทธิ ภาพของโครงการลดลง ทางที่ดีคือทาการลด
ความขัดแย้งโดยเผชิญหน้ากับมัน”
(Verma, 1998)
Dealing With Resistance and Conflict
มุมมองที่แตกต่างในเรื่ องความขัดแย้ง
Traditional – ความขัดแย้งเป็ นเรื่ องไม่ดี ควรหลบเลี่ยง
Contemporary – ความขัดแย้งหลีกเลี่ยงได้ยาก ถือเป็ นเรื่ องปกติ เป็ นได้ท้ งั
บวกและลบ
Interactionist View – ความขัดแย้งเป็ นเรื่ องสาคัญและถือเป็ นส่ วนหนึ่งที่
เกี่ยวข้องกับผลของการปฏิบตั ิงาน
Dealing With Resistance and Conflict
Categories of Conflict
ความขัดแย้งเป็ นส่ วนหนึ่งของ goals, objectives, หรื อ specifications ของ
โครงการ
ความขัดแย้งเป็ นส่ วนหนึ่งของ administration, management structures, หรื อ อยู ้
ภายใต้ปรัชญาการดาเนินงานของโครงการ
ความขัดแย้งเป็ นส่ วนหนึ่งของ interpersonal relationships ระหว่างผูค้ นบน
พื้นฐานของ work ethics, styles, egos, หรื อ personalities.
Dealing With Resistance and Conflict
แนวทางการบริ หารความขัดแย้ง
หลบเลี่ยง (Avoidance)
หลบลีก ถอนตัว หรื อ ไม่ใส่ ใจในความขัดแย้ง
เข้าไปมีส่วนร่ วม (Accommodation)
เข้าไปมีส่วนร่ วมในความขัดแย้งเพื่อทาให้บรรเทาลง
บังคับ (Forcing)
ใช้อานาจที่มีอยูเ่ ข้าไปบังคับ เพื่อแก้ไขข้อขัดแย้ง
ประนีประนอม (Compromise)
เจรจาต่อรอง
ร่ วมมือกัน (Collaboration)
ร่ วมมือกัน ก่อให้เกิดหลายความคิด หลายมุมมอง เพื่อแก้ไขปั ญหาร่ วมกัน
Dealing With Resistance and Conflict
แต่ละสถานการณ์ของของความขัดแย้งจะมีเอกลักษณ์ของมันเอง และทางเลือกของ
แนวทางเข้าไปแก้ไขจะขึ้นกับ:
ประเภทของความขัดแย้งและมันสาคัญต่อโครงการเพียงใด
ความกดดันทางด้านเวลาในการแก้ไขความขัดแย้ง
ตาแหน่งและอานาจของผูท้ ี่อยูใ่ นความขัดแย้งนั้น ๆ
ความสาคัญของการรักษา goals หรื อ objectives ของ project หรื อ การรักษา
ความสัมพันธ์
Dealing With Resistance and Conflict
Polarity Management –
จาเป็ นเมื่อทั้งสองฝ่ าย (เช่น ฝ่ ายยอมรับการเปลี่ยนแปลง กับ ฝ่ ายต่อต้านการ
เปลี่ยนแปลง) ที่อยูต่ ่างขั้วกัน แต่ละขั้วก็จะมองเห็นหรื อหนุนแต่ดา้ นตนเอง และกด
หรื อทาให้อีกด้านแย่ลง
คาแนะนา ทั้งสองด้านควรจะ:
ชี้ให้ชดั เจนว่าคุณค่าของเราคืออะไร และอะไรคือสิ่ งที่เราไม่ตอ้ งการสู ญเสี ย
ให้อีกขั้วหนึ่งรู ้วา่ ท่านระวังที่จะไม่เข้าข้างในด้านที่ท่านชอบ
และไม่เข้าข้างด้านที่ท่านไม่ชอบ
Dealing With Resistance and Conflict
Polarity Mapping – บ่งชี้ upsides และ downsides ของแต่ละด้านที่ก่อให้เกิดการ
สนับสนุน
Crusaders
ต้องการเปลี่ยนแปลงสถานะแบบเดิม ๆ และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
สนับสนุนโดยบ่งชี้ขอ้ ไม่ดี (downside) ของด้านปัจจุบนั
ทุ่มเทพลังในการเคลื่อนออกจากสถานการณ์ปัจจุบนั
Tradition Bearers
ต้องการรักษาสิ่ งดี ๆ ในอดีตและปัจจุบนั (จึงไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลง)
บ่งชี้ขอ้ ดี (upside) ของปัจจุบนั และข้อไม่ดีของอีกด้านหนึ่งที่อยูต่ รงข้าม (ที่จะเปลี่ยนแปลงไป)
ช่วยบ่งชี้เรื่ องที่ควรรักษาไว้
Polarity Mapping
Polarity Mapping
Pursue the “upsides”
Attempt to avoid the “downsides”
Provides “relief” for those with valid concerns
Avoids labeling one as “not being a team player” or as a “resistor”
จบหัวข้อ 11
คาถาม ………..