ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ การคลัง โดย รศ. ดร. สกนธ์ วรัญญูวฒ ั นา คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำไมต้องศึกษำเศรษฐศำสตร์กำรคลัง  เป็ นวิชำที่มีควำมใกล้ชิดกับบุคคลทุกระดับมำกที่สุด  เป็ นวิชำที่มีผลกับกำรดำรงชีพในแต่ละวันของประชำชน  เป็ นวิชำที่มีกำรกล่ำวขำนในสื่ อสำรมวลชนสำขำต่ำงๆ มำกที่สุด  มีผลกระทบกับคุณภำพชีวต ิ ของประชำชนทั้งในประเทศและ ต่ำงประเทศมำกที่สุด  เป็ นเครื่

Download Report

Transcript ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ การคลัง โดย รศ. ดร. สกนธ์ วรัญญูวฒ ั นา คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำไมต้องศึกษำเศรษฐศำสตร์กำรคลัง  เป็ นวิชำที่มีควำมใกล้ชิดกับบุคคลทุกระดับมำกที่สุด  เป็ นวิชำที่มีผลกับกำรดำรงชีพในแต่ละวันของประชำชน  เป็ นวิชำที่มีกำรกล่ำวขำนในสื่ อสำรมวลชนสำขำต่ำงๆ มำกที่สุด  มีผลกระทบกับคุณภำพชีวต ิ ของประชำชนทั้งในประเทศและ ต่ำงประเทศมำกที่สุด  เป็ นเครื่

ทฤษฎีเศรษฐศาสตร ์การคลัง
โดย
รศ. ดร. สกนธ ์ วร ัญญู ว ัฒนา
คณะเศรษฐศาสตร ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร ์
1
ทำไมต ้องศึกษำเศรษฐศำสตร ์กำรคลัง
่ ควำมใกล ้ชิดกับบุคคลทุกระดับมำก
 เป็ นวิชำทีมี
่ ด
ทีสุ
่ ผลกับกำรดำรงชีพในแต่ละวันของ
 เป็ นวิชำทีมี
ประชำชน
่ กำรกล่ำวขำนในสือสำรมวลชน
่
 เป็ นวิชำทีมี
่ ด
สำขำต่ำงๆ มำกทีสุ
 มีผลกระทบกับคุณภำพชีวต
ิ ของประชำชนทัง้
่ ด
ในประเทศและต่ำงประเทศมำกทีสุ
่ อแก ้ไขปัญหำของประเทศทีเอกชน
่
 เป็ นเครืองมื
2
่
มุมมองทีแตกต่
ำงกัน

“บทบำทร ัฐคือกำรสร ้ำง
่ ทท
่
่
ทีดี
ี่ ำให ้เอกชนพร ้อมทีจะเสี
ยงและ
่ ้ น”
ได ้ร ับผลตอบแทนจำกกำรเสียงนั


สภำพแวดล ้อม
ประธำนำธิบดี George W. Bush
“… นโยบำยร ัฐคือกำร
อุปถัมภ ์ กำรสร ้ำง
่ ำให ้เกิดกำรสร ้ำง
สภำพแวดล ้อมทีท
ควำมเจริญเติบโตและกำรจ ้ำงงำนได ้ง่ำย
ขึน้ .”

จำก Kerry and Edwards “Our Plan For
3
่
บทบำททีเหมำะสมของภำคร
ัฐคือ
อะไร?

ประเด็นทีต
่ ้องตัง้ คำถำมสำหรับบทบำทภำครัฐ



ิ ธิภำพ (efficiency) กำรสร ้ำงสน
ิ ค ้ำ
ควำมมีประสท
บริกำรของรัฐ
ควำมเสมอภำค (Equity) ควำมเท่ำเทียมของ
่ กำรรักษำพยำบำล
ประโยชน์ทไี่ ด ้จำกบริกำรรัฐ เชน
บทบำทรัฐทีเ่ หมำะสมในระบบเศรษฐกิจคือ
อะไร?


ด้านรายจ่าย: What services should the
government provide?
ด้านรายร ับ: How should the government raise its
money?
4
คำถำมพืน
้ ฐำนของกำรทำหน ้ำทีข
่ องภำครัฐ




เมือ
่ ไร When should the government
intervene in the economy?
อย่างไร How might the government
intervene?
อะไร What is the effect of those interventions
on economic outcomes?
ทาไม Why do governments choose to
intervene in the way that they do?
5
ทำไมภำคร ัฐแทรกในระบบเศรษฐกิจ
่ กำรแข่งขัน
 ภำยใต ้ระบบเศรษฐกิจทีมี
ต ้องเสริมสร ้ำงควำมมีประสิทธิภำพ
(efficient)
่ ต
่ ้องคำนึ งตลอดเวลำ
 2 เรืองที
 ประสิทธิภำพ
(efficiency)
 ควำมเท่ำเทียม (Equity)
6
มุมมองด ้ำนควำมมีประสิทธิภำพ

P
เกิดจำก อุปสงค ์มวลรวม (Aggregate Demand)
และอุปทำนมวลรวม (Aggregate Supply) มำตัด
กันพอดี
AS
P0
AD
Y0
Y
แต่ปัญหำกลไกตลำดอำจไม่สำ
ใช ้ตัดสินใจได ้เสมอไป
เช่น กรณี กำรป้ องกันประเทศ
กำรดูแลทำงสำธำรณะ เป็ นต ้น
7
มุมมองด ้ำนกำรกระจำยรำยได ้



่
้ องขนำดของกำรพั
ฒนำ
ภำคร ัฐอำจสนใจทังเรื
ประเทศ (Size of the pie) และกำรแบ่งประโยชน์ที่
ได ้ร ับจำกกำรพัฒนำ (How to divide the pie)
่
ตัวอย่ำงเงิน 1 บำทระหว่ำงคนจนและคนมังมี
ประโยชน์ผใู ้ ดมีมำกกว่ำกัน
การกระจาย จึงเป็ นการโยกย้ายการจัดสรร
ทร ัพยากรใหม่
8
มุมมองด ้ำนกำรกระจำยรำยได ้ (2)

่
้ กเกียวข
้องกับกำรสูญเสีย
กำรกระจำยทร ัพยำกรนี มั
ควำมมีประสิทธิภำพ (efficiency losses)

้
กำรจัดสรรทร ัพยำกรใหม่ (redistribution) นี อำจน
ำไปสู่
่
กำรปร ับเปลียนพฤติ
กรรมของบุคคลในระบบเศรษฐกิจ
่ อสำคัญในกำรจัดสรร
และระบบภำษีทมั
ี่ กเป็ นเครืองมื
่
ทร ัพยำกรมัดทำให ้กำรอยำกทำงำนทีลดน้
อยลง
9
่
่
เมือไรที
ภำคร
ัฐควรเข ้ำแทรกแซงเศรษฐกิจ?
กำรล ้มเหลวของกลไกตลำด


ในปี 2544 ประเทศไทยมีประชำกรกว่ำ 45 ล ้ำนคน
้
หรือกว่ำ ร ้อยละ 75ของประชำกรทังประเทศไม่
สำมำรถเข ้ำถึงระบบบริกำรสำธำรณะสุข ร ัฐบำล
่ ้นใช ้มำกกว่ำ 32พันล ้ำนบำทในโครงกำร
เริมต
่
หลักประกันสุขภำพทัวหน้
ำ.
กำรขำดกำรเข ้ำถึงบริกำรด ้ำนสำธำรณสุขอำจ
นำมำสูป
่ ัญหำ negative externalities—
่
่ วเองมีตอ
ประชำชนทัวไปมั
กไม่สนใจผลทีตั
่ ส่วนรวม
10
ภำคร ัฐจะแทรกแซงระบบเศรษฐกิจได ้อย่ำงไร
 ทำงเลือกของภำคร ัฐ:
่ อผ่ำน กลไกราคา (price
กำรเลือกใช ้เครืองมื
mechanism) โดยอำศัยภำษีหรือกำรใช ้จ่ำย.
 ตัวอย่ำงนโยบำยประกันรำคำพืชผลทำงเกษตร
กำรช่วยเหลือภำษีสำหร ับ SMEs
 การบังคับ (Mandate) that either individuals
or firms provide the good.
 ตัวอย่ำงกำรบังคับนำยจ ้ำงจ่ำยประกันสังคม.

11
ภำคร ัฐจะแทรกแซงระบบเศรษฐกิจได ้
อย่ำงไร (2)
 ร ัฐเป็ นผู จ
้ ด
ั หา
Public Provision
หลักประกันสุขภำพ.
 ร ัฐสนับสนุ นให้เอกชนเป็ นผู จ
้ ด
ั ทา
Public Financing of Private
Provision
กำรส่งเสริมกำรผลิตแก๊ซโซฮอล ์
12
ผลเกิดจำกทำงเลือกกำรเข ้ำแทรกแซงของ
ร ัฐ?


ผลทางตรง Direct effects กิจกรรมทีร่ ัฐบำลทำ
โดยสมมุตวิ ำ่ ไม่มผ
ี ลกระทบต่อพฤติกรรมของ
่ ดขึนเท่
้ ำนั้น
บุคคล และประเมินจำกผลทีเกิ
ผลทางอ้อม Indirect effects เกิดจำกกำร
่
เปลียนแปลงของพฤติ
กรรมของบุคคลจำกกำร
ดำเนิ นกิจกรรมของร ัฐบำล “law of unintended
consequences.”
13
ตัวอย่ำงผลกระทบจำกกำรดำเนิ นนโยบำยของ
ร ัฐบำล


ผลทางตรง Direct effect of government provision of
universal health care for people: Roughly 45 million
people covered at cost of 32 billion Baht.
ผลทางอ้อม Indirect effect of such a policy: Some
“กำรทดแทน crowd-out” of other sources of health
insurance for the “free” government health care.
 คำถำมสำคัญ: ประชำชนจะตอบสนองอย่ำงไร? ควำมรู ้
่ ้จริงได ้
ทำงทฤษฎีไม่อำจให ้ภำพของขนำดและผลทีแท
14
่ ตนเองท
่
ทำไมร ัฐบำลทำในสิงที
ำ?
 ร ัฐบำลอำจมีเหตุผลมำกกว่ำควำมมี
ประสิทธิภำพของตลำดและกำรกระจำย
ทร ัพยำกร
่ อ political
 อำจต ้องใช ้เครืองมื
่
economy เพือสร
้ำงควำมเข ้ำใจกำร
ตัดสินใจของร ัฐบำล
15
แนวคิดสองขัว้

กลไกตลำด



Government provide guidance
Create market environment
ควบคุมโดยภำครัฐ


Centralized in decision making
Rigid planning
16
บทบำทรัฐในกำรพัฒนำประเทศ


Market Oriented: Invisible hand
Selective interventions in the
market place:




Public goods
Monopoly
Externalities
Etc.
หมำยเหตุ: ปัญหำในระบบตลำดทุกอย่ำงไม่จำเป็ นต ้องกำรแก
17
ภำครัฐควรทำอะไร


transfer of resources from private
to public
reallocate private investment and
consumption
18
ภำครัฐควรทำอะไร?

วำงโครงสร ้ำงพืน
้ ฐำน






Education promotion;
Technological development;
Supporting sound financial system;
Investing in infrastructure;
Preventing environment degradation;
Creating and maintain of social safety
net.
“ร ัฐบำลควรต ้องเข ้ำใจข ้อจำกัดของตนเองในกำรทำหน้ำที”่
(seeking level and quality of investment as well)
19
ข ้อวิจำรณ์บทบำทภำครัฐ
 ไม่จำเป็ น
Unnecessary
 ไม่มป
ี ระสิทธิผล Ineffective
 ไม่มป
ี ระสิทธิภำพ
Counterproductive
 เอกชนทำได ้ดีกว่ำ Private sector
can do better
 ทดแทนเอกชน‘Crowd out’ private
sector
20
ภำครัฐคืออะไร
•ลักษณะกำรเป็ นหน่ วยงำนภำคร ัฐ
• องค ์ประกอบของหน่ วยงำนภำคร ัฐ
่ อของหน่ วยงำนร ัฐ
• เครืองมื
• แนวคิดกำรมีภำคร ัฐในระบบเศรษฐกิจแบบตลำด
่
่ ยนแปลง
• บทบำทของภำคร ัฐทีเปลี
• กำรวัดบทบำทและขนำดของภำคร ัฐในระบบเศร
21
บทที่ 1
ควำมสำคัญของภำคร ัฐใน
ระบบเศรษฐกิจ
22
อะไรคือภำครัฐ (what is Public Sector)
่ ำหน้ำทีปกครอง
่
ภำคร ัฐคือ หน่ วยงำนทีท
และดูแลปร
ระบบเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ
่ ำหนดอำจแตกต่ำงกับทำงร ัฐศำสตร ์ แ
ควำมหมำยทีก
่ กลุม
่ อำนำจหน้ำทีต
่ ้องดูแล และสร ้ำ
คือกำรทีมี
่ คนทีมี
ของประชำชนในระบบเศรษฐกิจ
23
ความแตกต่างระหว่างร ัฐและเอกชน

เป้ าหมายของการตัดสินใจ


่
ต้นทุนการตัดสินใจทีแตกต่
างกัน


่
เอกชนมุง่ เพือประโยชน์
สว
่ นต ัวขณะทีร่ ัฐ
่ งคมหรือส่วนรวม
ต ัดสินใจเพือสั
่
เอกชนมีตน
้ ทุนทีมองเห็
นได้ง่ายกว่าร ัฐ ตวั อย่าง
่
การบริโภคสินค้าทัวไป
่
่ ในการตัดสินใจ
เครืองมื
อทีใช้

เอกชนใช้กลไกตลาดขณะทีร่ ัฐไม่ม ี
24
กำรศึกษำเศรษฐศำสตร ์กำรคลัง

่
้
อนวิชำเศรษฐศำสตร ์ทัวไป
ยึดหลักพืนฐำนเหมื



กำรขำดแคลน (scarcity)
กำรเลือก (Choices)
ต ้นทุนเสียโอกำส (Opportunity cost)
25
กำรจัดสรรทรัพยำกรระหว่ำงร ัฐและ
เอกชน
ข้อสังเกต: เพราะปั ญหาความข
ร ัฐ
G1
G2
A
B
G3
(scarcity) ทาให้เกิดผลดงั ต่อไปนี ้
-การได้มาของสินค้าหนึ่ งต้องเสียสล
สินค้าอีกอย่างหนึ่ งเสมอ
-การทดแทนระหว่างทัง้ สองสินค้าท
เป็ นลาดับ
c
d
G4
P1 P2
P3P4
เอกชน
26
ปัจจัยกำรผลิต
สินค ้ำและบริกำร
คร ัวเรือน
่ จจัยกำรผลิต
รำยจ่ำยเพือปั
่
ภำษีและรำยได ้อืนๆ
ต่ำงประเทศ
่ นค ้ำและบริกำร
รำยจ่ำยเพือสิ
่ จจัยกำรผลิต
รำยจ่ำยเพือปั
ร ัฐบำล
กำรเงิน
่ นค ้ำและบริกำรภำษีและรำยได ้อืนๆ
่
รำยจ่ำยเพือสิ
ของร ัฐบำล
กำรผลิต
27
ควำมสัมพันธ ์ของโครงสร ้ำงเศรษฐกิจ (ด ้ำน
รำยจ่ำย)
แสดงได ้จำกY
= C+ I + G + (X-M)
Y = ระดับรำยได ้หรือผลผลิตของประเทศ
C = กำรบริโภคของภำคเอกชนในประเทศ
I = กำรลงทุนของเอกชนในประเทศ
้ ้ำนกำรบริโภคและลงทุนของ
G = กำรใช ้จ่ำยทังด
X = รำยได ้จำกกำรส่งออกของประเทศ
M = รำยจ่ำยจำกกำรนำเข ้ำของประเทศ
28
แผนภูมค
ิ วำมสัมพันธ ์ภำคเศรษฐกิจอย่ำงง่ำย
ร ัฐบำล
ต่ำงประเทศ
ในประเทศ
29
่
่
หน้ำทีของภำคร
ัฐทีควรจะเป็
น (แนวคิดเดิม)
่
• เพือกำรจั
ดสรรทร ัพยำกร
(Resource Allocation)
่ ักษำเสถียรภำพเศรษฐกิจ(Economic Stabili
• เพือร
่
• เพือกำรกระจำยรำยได
้ (Income Redistribution
่
• เพือกำรขยำยตั
วของระบบเศรษฐกิจ (Economic G
30
่
่
หน้ำทีของภำคร
ัฐทีควรจะเป็
น (แนวคิดใหม่)
่ งเสริมกำรแข่งขัน (ผ่ำนกลไกรำคำมำกทีสุ
่ ด)
• เพือส่
่ ำหนดระเบียบและกฎหมำยสำหร ับระบบเศรษฐ
• เพือก
่ วยเหลือผูด้ ้อยโอกำส
• เพือช่
่
่ องกันและร ักษำสิงแวดล
้อม
• เพือป้
31
ข ้อคิดกำรปร ับปรุงเป้ ำหมำยกำรใช ้นโยบำย
กำรคลัง
่ ำหมำยทำงสังคม
 เพือเป้
เช่นกำรพัฒนำ
หลักประกันสังคม หลักประกันสุขภำพ
่
ส่งเสริมกำรดูแลสิงแวดล
้อม
่ ำหมำยกำรส่งเสริมกำรมีสว่ นร่วมของ
 เพือเป้
ประชำชนในกำรร ับผิดชอบบริกำรสำธำรณะ
่ วยส่งเสริมประเทศให ้เป็ นสังคม
 นโยบำยทีช่
่ อ
แห่งควำมรู ้และน่ ำเชือถื
 คำนึ งควำมคุ ้มค่ำหรือควำมสำเร็จของกำรใช ้
งบประมำณ
32
ทาไมนโยบายการคลังจึงมี
ความสาค ัญ



การปล่อยให้การคลังขาดดุลต่อเนื่องมีผล :
- ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ
้
- ก่อให้เกิดภาระหนี สาธารณะ
้ ้อนกับภาคเอกชน
- เกิดการลงทุนซาซ
(crowding out)
การเก็บภาษีมผ
ี ลกระทบกับการออม, การ
ลงทุนและการจัดสรรทร ัพยากร
มีผลกระทบกับนโยบายเศรษฐศาสตร ์มหภาค
่
ด้านอืนๆ
33
ิ ธิผลของนโยบำยกำรคลัง
ประสท
ิ ธิผลผ่ำนทำงกำรจัดกำรด ้ำนอุปสงค์ (เฉพำะระยะ
ประสท
ั ้ ):
สน
(behavioral relations:
consumption, investment, savings, imports,
exports) e.g. reduction of consumption tax, etc.
• นโยบำยทำงกำรเงิน: monetary policy, exchange rate
regime, capital mobility
• ปั จจัยภำยนอก
ั คมและควำมน่ำเชอ
ื่ ถือของภำครัฐ
• ควำมคำดหวังของสง
• กำรตอบสนองของภำคเอกชน
34
จุดมุ่งหมายของนโยบายการ
คลังในทางปฏิบต
ั ิ
 สร ้างเสถียรภาพ

่
เพือรองร
ับอ ัตราการ
เจริญเติบโตของผลผลิต
่ งขึน
้
ตามการจ้างงานทีสู
และทาให้ราคามี
้
เสถียรภาพในระยะสัน
่
ปร ับโครงสร ้างเพือพยุ
ง
อ ัตราการเจริญเติบโตทาง
เศรษฐกิจในระยะยาวที่
่ น
ยังยื
35
กระแสกำรเปิ ดเสรีทกดดั
ี่
นกำรดำเนิ น
นโยบำยเศรษฐกิจ
 กำรเปิ ดเสรีทำงกำรค ้ำ
Trade
Liberalization
 กำรเปิ ดเสรีทำงกำรเงิน Financial
Liberalization
่
 กำรเปิ ดเสรีกำรเคลือนย
้ำยทุน Capital
Account Liberalization
 กำรเปิ ดเสรีทำงข ้อมูลสำรสนเทศ IT
Liberalization (Knowledge - Based
36
กำรแทรกแซงของภำคร ัฐในระบบเศรษฐกิจ
ทำได ้อย่ำงไร
• กำรใช ้กฎหมำย และสิทธิควำมเป็ นเจ ้ำของ
(Regulations and Property Rights)
• กำรกำหนดรำคำ (Price Settings)
• กำรเป็ นผูผ
้ ลิตหรือผูจั้ ดหำให ้ (Producer or Provider
37
เป็ นเจ้าของ
(Regulations and Property
Rights)
่
่
่ บร
เป็ นสิทธิของการเป็ นร ัฐทีจะเปลี
ยนแปลงระเบี
ยบทีใช้
ให้มค
ี วามเหมาะสมและสอดคล้องกบ
ั เงื่อนไขและสภาพปั ญหา
้ ท
้ าโดยการออก กฎหมายหรือแก้ไขกฎหมายทีมี
่ อ
ทังนี
่
้ เป็
่ นของร ัฐหรือของเอกช
การเปลียนสิ
ทธิเหนื อทร ัพย ์สินทังที
ทร ัพย ์สิน หรือการขายทร ัพย ์สินของร ัฐให้เอกชน
38
การกาหนดราคา (Price Settings)
่
่ อยู ่คอ
เป็ นความสามารถใช้เครืองมื
อทีมี
ื รายได้ และร
่
ตามต้องการ หรือตามว ัตถุประสงค
เกิดการเปลียนแปลงได้
้
่ ดข
การขึนภาษี
บุหรี่ เป็ นต้น แต่ทสนใจมากกว่
ี่
าคือผลทีเกิ
่ ตอ
้
ทีมี
่ การจัดสรรทร ัพยากร คือการขึนภาษี
บุหรี่ ทาให้รา
่ า
ผู บ
้ ริโภค ผู ผ
้ ลิตและผู เ้ ป็ นแรงงานในอุตสาหกรรมบุหรีอย่
้ านรายได้ การจ้างงาน และแ
พิจารณาอย่างรอบคอบ ทังด้
39
การเป็ นผู ผ
้ ลิตหรือผู จ
้ ด
ั หาให้ (Produc
่ ตและจัดหาสินค้าทีเป็
่ นประโย
การเป็ นผู ท
้ าหน้าทีผลิ
ความกินดีอยู ่ดข
ี องประชาชน โดยผ่านทางการใช้จา
่ ยหรือ
้
กระตุน
้ ให้มก
ี ารผลิตขึนในระบบเศรษฐกิ
จ เช่น การใช้กฎห
ทางภาษี เป็ นต้น
้ การเป็
้
้
ทังนี
นผู ผ
้ ลิตหรือผู จ
้ ด
ั หาสินค้านี อาจท
างานใน
40
หมำยเหตุ:
กำรแทรกแซงของร ัฐในระบบเศรษฐกิจดังกล่ำวทำใ
่
เปลียนแปลงทำงรำยได
้และแรงจูงใจทำงเศรษฐกิจแล ้วยังท
่
ธจี ด
ั สรรทร ัพยำกรและกำรกำหนดมำตรฐำน
เปลียนแปลงวิ
่ ำคัญคือกำรเปลียนแปลงสวั
่
้
ทีส
สดิกำรของประชำชนทังใน
สมบูรณ์และเปรียบเทียบ
41
่
่
ะไรคือเครืองที
บอกความเป็
นภาคร ัฐ
• การสามารถบังคับได้ (Compulsion)
• การร ับผิดชอบ (Accountability)
• การมีแรงจู งใจ (Motivation)
42
การสามารถบังคับได้ (Compulsio
่ อานาจผู กขาดหรือสิทธิท
หมายถึงการทีมี
่ อทาตามทีต้
่ อ
บังคับทุกคนในสังคมให้มห
ี น้าทีหรื
มีการลงโทษได้ถา้ ไม่ปฏิบต
ั ต
ิ าม
43
การร ับผิดชอบ (Accountabi
ถือได้วา
่ เป็ นการถ่วงอานาจกับการมีสท
ิ ธิออ
่ นการมีกฎหมายสู งสุด หรือกฎหมายอ
ทีเป็
ร ับผิดชอบต่อสังคมและประเทศทีร่ ัฐต้องมีแ
่
เช่นเดียวก ับประชาชนทัวไป
44
การมีแรงจู งใจ (Motivation)
่ องคานึ งถึงในการท
เป็ นเสมือนข้อบังคับของร ัฐทีต้
การทางานว่าต้องไม่มุ่งแสวงหากาไรสู งสุด ต้องบ
้ และทาหน้าทีเพื
่ อประโยชน์
่
สวัสดิการให้สูงขึน
ขอ
45
องค ์ประกอบของภำคร ัฐ
(Composition of Public Sector)
้
การแบ่งองค ์ประกอบภาคร ัฐขึนกับลั
กษณะการเมือ
่ ความแตกต่างกัน แต่โดยทัวไปพอแบ่
่
ประเทศทีมี
งอ
• ร ัฐบาลกลาง (Central Government)
• ร ัฐวิสาหกิจ (Public Enterprise/state Owned
่ (Local Government)
• ร ัฐบาลท้องถิน
• กองทุนต่างๆ (Trust Funds)
• เงินกู ้ (Borrowing)
• องค ์กรอิสระ (Independent Organizations)
46
ร
ัฐบำลกลำง
เงินกู ้ยืม, กองทุนใน
งบประมำณ
ร ัฐบาล
่
องค ์กรปกครองส่วนท ้องถิน
ร ัฐวิสำหกิจ
ภาคร ัฐ
ภาคสาธารณ
เงิ
นกองทุ
องค
์กร นต่ำงๆ
อิสระ
47
บทบาทภาคร ัฐในระบบเศรษฐกิจ
่ าคัญหรือพืนฐานของบทบาทร
้
สิงส
ัฐในระบบ
่
เศรษฐกิจนอกจากเพือแก้
ไขความล้มเหลว
ของตลาด ยังเป็ นการพยายามหาทางทาให้
ตลาดทางานได้ดท
ี สุ
ี่ ดตามความสามารถ
เพราะการทีร่ ัฐจะเข้าไปแก้ไขระบบตลาดมัก
้
ทาให้เกิดการปิ ดกันการพั
ฒนาโดย
่ แก้ไขเสียเอง เช่นการใช้ภาษี
มาตรการทีใช้
่ ดหนุ น
หรือการใช้จา
่ ยงบประมาณเพืออุ
โครงการบางประเภท เป็ นต้น
48
่ ยนแปลงไป
่
บทบำทของภำคร ัฐทีเปลี
1. Classical Theory: Ricardian Equivale
2. Keynesian Theory: Adaptive Theory
3. Neo-Classical Theory: Rationale Ex
4. Public Economics: Welfare Econom
5. Public Choice: Institution versus In
49
ระบบเศรษฐกิจทีร่ ัฐบาลเข้าแทรกแซง
โดยส่วนใหญ่ระบบเศรษฐกิจทีร่ ัฐบาลเข้าแท
แบบผสม (Mixed Economy)
ประเด็นคือระบบเศรษฐกิจแบบผสมคืออะไร
50
ระบบเศรษฐกิจแบบผสมคือระบบเศรษฐกิจท
และเอกชนดาเนิ นกิจกรรมในระบบเศรษฐก
่ การใช้เคร
หมายความว่าเป็ นระบบเศรษฐกิจทีมี
ทางเศรษฐกิจทัง้ 2 แบบ คืออาศ ัย กลไกราคา (
และการตัดสินใจจากการเข้าแทรกแซงกลไกต
51
ระบบแบบผสม
สังคมนิ ยม
ทุนนิ ยม
่
ระบบเศรษฐกิจไม่จาเป็ นทีจะต้
องเป็ นแบบเดียว
้
แต่หากทังสองระบบแตกต่
างกันมากๆจะเกิดปั ญ
สมดุลในประเทศได้
52
ขนำดของภำคร ัฐในระบบเศรษฐกิจ (Size of Pub
่ ขึ
่ น
ประเด็นกำรพิจำรณำขนำดของร ัฐบำลเป็ นเรืองที
กำรพิจำรณำว่ำกำลังวิเครำะห ์บทบำทของร ัฐบำลใน
ดังนั้นกำรวิเครำะห ์ขนำดของร ัฐบำลจึงอำจจะมีควำ
ตำมมุมมองของแต่ละบุคคลเพรำะจุดมุ่งหมำยของก
่
ถึงร ัฐบำลมีควำมต ้องกำรทีแตกต่
ำงกัน เช่นต ้องกำร
่
่ เงินกู ้ยืม เงินนอกงบประมำณอืนๆไว
้ด ้วยหร
ท ้องถิน
53
การคิดขนาดภาคร ัฐ: จากด้านรายจ่ายของ
่ ดแม
เป็ นวิธท
ี นิ
ี่ ยมใช้วด
ั ขนาดร ัฐบาลมากทีสุ
่ วด
รายจ่ายทีใช้
ั ประกอบด้วย
้ นค้าและบริการ
• รายจ่ายซือสิ
• รายจ่ายเงินโอนสาหร ับประชาชนและธุรก
่
และร ัฐบาลระดับอืน
่
้
• รายจ่ายเพือการช
าระดอกเบีย
54
55
56
ประสิทธิผลของนโยบำยกำรคลัง
้
้ บ:
ในระยะสันประสิ
ทธิผลของนโยบำยกำรคลังขึนกั
• กำรตอบสนองของเอกชน
(behavioral relations:
consumption, investment, savings,
imports, exports)
่ : monetary policy,
• นโยบำยมหภำคอืนไ
exchange rate regime, capital mobility
• ปัจจัยภำคนอก External factors
่ นของสั
่
• กำรคำดกำรณ์และควำมเชือมั
งคม Social
expectations and credibility
57
Government expenditure by clas s ification year 1978
Defense
General public services
4.72
7.16
3.95
Defense
10.57
Public order and safety
6.20
15.11
Education
Health
Social security and welfare
Housing and community amanities
Recreation cultural and religious
0.51
Fuel and energy
7.31
0.25
1.61
25.40
4.40
4.62
Agriculture forestry and fisheries
Mining manufacturing and construction
8.18
Health
Education
Transportation and communication
Other economic
Other
58
government expenditure by clas s ification year 2004
General public services
6.40
14.45
Defense
7.33
Public order and safety
5.99
7.57
Education
Health
5.48
Social security and welfare
Housing and community amanities
Recreation cultural and religious
Fuel and energy
0.61
23.50
6.18
Mining manufacturing and construction
0.17
0.58
1.82
Agriculture forestry and fisheries
11.94
7.98
Social security
and welfare
Education
Health
Transportation and communication
Other economic
Other
59
บทบำทรัฐในกำรพัฒนำประเทศ
Role of Public Sector in Economic
Development
60
วัตถุประสงค์โดยทั่วไป

อิทธิพลต่อระบบเศรษฐกิจ;



Adjusting of Aggregate Demand vs. Aggregate
Supply
solving market failure problem
สวัสดิกำรสงั คมสูงสุด
(ultimate objective of governmental economic
actions)
่ ำกัดบทบำทเฉพำะด ้ำนใดด ้ำนหนึ่ ง
เป็ นกำรยำกทีจะจ
61
ิ ธิผลของนโยบำยกำรคลัง
ประสท
ิ ธิผลผ่ำนทำงกำรจัดกำรด ้ำนอุปสงค์ (เฉพำะระยะสน
ั ้ ):
ประสท
(behavioral relations:
consumption, investment, savings, imports,
exports) e.g. reduction of consumption tax, etc.
• นโยบำยทำงกำรเงิน: monetary policy, exchange rate
regime, capital mobility
• ปั จจัยภำยนอก
ั คมและควำมน่ำเชอ
ื่ ถือของภำครัฐ
• ควำมคำดหวังของสง
• กำรตอบสนองของภำคเอกชน
62
้
่ นเงิน
มุมมองภำพร ัฐบำลทังหมด
นอกจำกส่วนทีเป็
รำยจ่ำยแล ้ว
่
ยังมีเงินหรือกำรดำเนิ นงำนจำกหน่ วยงำนทีอำจ
พิจำรณำว่ำเป็ น
่ เศษแก่
ส่วนหนึ่ งของร ัฐบำลได ้ เช่นกำรให ้สินเชือพิ
เกษตรกรตำม
นโยบำยร ัฐบำล กองทุนหมู่บ ้ำน กำรพักชำระหนี ้ ฯลฯ มี
่ ยกว่ำ
ชือเรี
่ กด ้ำนหนึ่ งนั้นคือด ้ำน
Quasi-Fiscal Policy ขณะทีอี
รำยจ่ำยอำจมี
ภำษีรำยจ่ำย (tax expenditure) เช่น กำรลดหย่อน
63
้
นโยบำยเหล่ำนี แม้ไม่
ได ้เป็ นส่วนหนึ่ งของงบประมำณ
ร ัฐบำลแต่เป็ นกำรดำเนิ นงำนตำมนโยบำยของร ัฐบำล
กำรทำดังกล่ำวอำจทำให ้เกิดกำรบิดเบือนของกำรจ
ทร ัพยำกรได ้ง่ำย และมีต ้นทุนสูงกว่ำกำรดำเนิ นนโยบ
จ่ำยตำมงบประมำณของรัฐบำล
64
นวัตกรรมใหม่ทำงกำรคลังของประเทศไทย
Public Asset
management
- Public properties
- SOEs
Quasi – Fiscal
Measures
- People Bank
- Village and
Communities Funds
- SME Financing
- etc.
Multi-layers Budgeting
Central
Provincial levels
Local Governments
SML (Area based b
Flexibility in Fiscal policy
management
Lower taxes burden
- more Efficient in management
- meet targeted groups
- decentralized autonomy
- strengthen community based
65
่
กำรจำแนกหน้ำทีของร
ัฐบำลไม่ได ้สอดคล ้องกับกำร
่ งของร ัฐบำลทีมี
่ กำรแยกแยะหน้ำทีตำมร
่
ทำหน้ำทีจริ
ประเภทต่ำงๆ เช่น กำรศึกษำ กำรป้ องกันประเทศ ฯล
้ เพรำะร
้
ทังนี
ัฐบำลไม่ได ้ให ้ควำมสำคัญกับกำรจำแนก
่ กล่
่ ำวม
ในกำรจัดสรรรำยจ่ำยและกำรจำแนกหน้ำทีที
่
หมำยมำกนักในกำรทำหน้ำทีของร
ัฐบำล
66
่
การกาหนดหน้าทีของร
ัฐ (ใหม่)
หน้าที่
้ า
่
ขันต
การแก้ไขความล้มเหลวของ
ตลาด
Addressing Market
Failure Problem
่
การเพิมความเท่
า
เทียม
Equity
Improvement
ส่งเสริมการสร ้างสินค้าสาธารณะ
เช่นการป้ องก ันประเทศ สิทธิความ
เป็ นเจ้าของ ร ักษาเสถียรภาพ
เศรษฐกิจ
คุม
้ ครองคนจน
โครงการแก้ไขความ
ยากจน ช่วยเหลือ
ผู ป
้ ระสบภัย
การให้การ
หน้าที่ Externalit Regulati Overcom
ies
ng
ing
ประกันสังคมหรือสร ้าง
้
ขันกลาง
monopo imperfec
t
ly
informat
กลไก social safety
nets แก่สงั คม
67
การจัดสรรการผลิตและการบริโภคมักมีอป
ุ ส
กลไกตลาดไม่เคยสมบู รณ์ การปร ับตัวไม่เคยท
สาเหตุเนื่ องจาก
• การเป็ นสินค้าสาธารณะ (Public Goods
• ข้อมู ลข่าวสารไม่สมบู รณ์ (Imperfect in
หรือกล่าวง่ ายๆไม่มเี งื่อนไขของตลาดแข
• การผลิตเป็ นแบบ Decreasing cost
• ผลภายนอก (Externalities)
• ตลาดไม่สมบู รณ์ (Incomplete Market
• ความไม่มด
ี ล
ุ ยภาพ (Disequilibrium)
68
• ทฤษฎีสน
ิ ค้าสาธารณะ
่
่
เป็ นสินค้าทีกลไกตลาดไม่
สามารถทีจะท
าให้เก
่ ัดสินใจใ
หรือถ้าปล่อยให้กลไกตลาดทาหน้าทีต
สินค้าก็จะไม่มป
ี ระสิทธิภาพ หรือมีป ริมาณไม่เ
่ ทยุ โท
ตัวอย่างเช่น การป้ องกันประเทศ คลืนวิ
้
่ นเมื
้ อมี
่ ผูบ
สินค้าประเภทนี จะไม่
มต
ี น
้ ทุนเพิมขึ
้ ร
่ การบริโภคเพ
MC (Marginal Cost) = 0 เมือมี
69
คุณสมบัตก
ิ ำรเป็ นสินค ้ำสำธำรณะ
 กำรไม่ต ้องแข่งขันกันในกำรบริโภค
(Non-Rivalness)
 กำรไม่สำมำรถกีดกันได ้ในกำรบริโภค
(Non-exclusion)
70
ประเภทของกำรเป็ นสินค ้ำสำธำรณะ
การกีดก ัน
การแข่งขันกัน
แข่งขันได้
ไม่ตอ
้ ง
กีดกันได้
กีดกันไม่ได้
่ ความ
สินค้าทีมี
แออ ัด
(Congestion
Goods)
เช่น
สวนสาธารณะ
การจับปลาใน
ทะเล
สินค้าแบบสโมสร สินค้าสาธารณะ
(Club Goods)
(Pure Public
Goods)
เช่นทร ัพย ์สินทาง
71
ปั ญญา
สินค้าเอกชน
(Private Goods)
สินค ้ำสำธำรณะบริสท
ุ ธิ ์ และไม่บริสท
ุ ธิ ์
 กรณี สน
ิ ค ้ำสำธำรณะบริสท
ุ ธิ ์ เช่น
แสงอำทิตย ์
่ ษย ์ประดิษฐ ์ขึน้ เช่น
อำกำศธรรมชำติ หรือทีมนุ
่
คลืนโทรทั
ศน์ เป็ นต ้น
 สินค ้ำสำธำรณะไม่บริสท
ุ ธิ ์ เช่นถนนสำธำรณะ
สวนสำธำรณะ กำรดูแลควำมปลอดภัยของ
้
ตำรวจ เป็ นต ้น เพรำะบริกำรเหล่ำนี จะลดใน
่ กำรใช ้มำกขึน้
ปริมำณกำรให ้บริกำรเมือมี
72
สินค ้ำสำธำรณะ (Public Goods)
่ ้ร่วมกัน
 กำรเป็ นสินค ้ำทีใช
(Collective
Demand) เช่น ถนน สะพำน
สวนสำธำรณะ เป็ นต ้น
 ผลจำกกำรมี Free Rider
่ ำกว่
่ ำควำมเป็ นจริง
 กำรให ้บริกำรทีต
(Under Provision)
73
่ ดจำกกำรเป็ นสินค ้ำสำธำรณะ
ผลทีเกิ
ไม่สำมำรถคิดรำคำได ้ เพรำะประโยชน์ไม่เท่ำกัน
แต่จำนวนเท่ำกัน
่ นสินค ้ำสำธำรณะไม่บริสท
 อำจมีสน
ิ ค ้ำทีเป็
ุ ธิ ์ แม้
จัดสรรโดยร ัฐบำล
 สินค ้ำสำธำรณะเป็ น positive externalities ต่อ
ทุกคนในสังคม
 เอกชนไม่สนใจเข ้ำมำผลิตหรือสร ้ำงสินค ้ำ
สำธำรณะ
 ปัญญำในกำรจัดสรรสินค ้ำสำธำรณะให้เหมำะสม

74
รำคำ
Demand ของกำรใช ้สะพำน
A
ปริมำณกำรใช ้จริง
F
่
จำนวนเทียว
ควำมสำมำรถ
รองร ับของสะพำน
75
ความแตกต่างระหว่างร ัฐและเอกชน

เป้ าหมายของการตัดสินใจ


่
ต้นทุนการต ัดสินใจทีแตกต่
างก ัน


่
่
เอกชนมุ่งเพือประโยชน์
ส่วนต ัวขณะทีร่ ัฐต ัดสินใจเพือ
สังคมหรือส่วนรวม
่
เอกชนมีตน
้ ทุนทีมองเห็
นได้ง่ายกว่าร ัฐ ต ัวอย่างการบริโภค
่
สินค้าทัวไป
่
่ ในการต ัดสินใจ
เครืองมื
อทีใช้

เอกชนใช้กลไกตลาดขณะทีร่ ัฐไม่ม ี
76
P
P
P
S
5
q1
Q
q2
Q
q1+q2
Q
77
P
P
P
10
6
4
q1
Q
q2
Q
Q
q1=q2
78
• ข้อมู ลข่าวสารไม่สมบู รณ์ (Imperfect infor
หรือกล่าวง่ ายๆไม่มเี งื่อนไขของตลาดแข่งขน
ความล้มเหลวของเงื่อนไขตลาดแข่งขันสมบ
้ ผ
ทังผู
้ ลิตและผู บ
้ ริโภคทาได้ไม่สมบู รณ์เท่าท
ผลคือเกิดกาไรส่วนเกินหรือผลประโยชน์ส่วน
้ ซึงปั
่ ญหานี เกิ
้ ดขึนได้
้
หรือบริโภคขึน
จาก
้ าช้าและไ
- ปั ญหาข้อมู ลไม่สมบู รณ์ ทังล่
่
- การเคลือนย้
ายทร ัพยากรทาได้ไม่สมบ
79
ข ้อมูลข่ำวสำรไม่สมบูรณ์ (2)
่ ดเมือมี
่ ขอ
่ เท่าเทียมกันระหว
เป็ นปั ญหาทีเกิ
้ มู ลทีไม่
่
ทีอาจเป็
นระด ับสถาบัน หรือปั จเจกบุคคล
ข ้อมูลไม่สมบูรณ์กอ
่ ให ้เกิดปัญหำสำคัญ 2 ประกำร
่ ด (Adverse Selection) เป็ นกรณี ที่
 กำรเลือกทีผิ
่
มีกำรซ่อนเร ้นข ้อมูล เพือหวั
งผลประโยชน์บำงประกำร
ตัวอย่ำงกำรประกันสุขภำพของคนป่ วยหนัก หรือมีโรค
่ ใช ้คืน
่
กษำทีไม่
ร ้ำยแรง กำรให ้กู ้ยืมเพือกำรศึ
 กำรผิดจริยธรรม (Moral Hazard) เป็ นกำรู ้ข ้อมูล
่ ด เช่นกำรซือประกั
้
แต่ใช ้ไปในทำงทีผิ
นภัยทร ัพย ์สิน
่
แล ้วนำไปสูก
่ ำรใช ้อย่ำงไม่ระมัดระวังหรือทำลำยเพือเอำ
เงินประกัน
80
• กำรผลิตเป็ นแบบ Decreasing cost
่
่ ต ้นทุน
ก่อให ้เกิดปัญหำ กำรผูกขำด ซึงกำรผลิ
ตทีมี
่ นกำรผลิตทีท
่
นำไปสูก
่ ำรผูกขำดโดยธรรมชำติ ทีเป็
่
economy of scale ของกำรผลิตมีขนำดทีใหญ่
ม
่
่ เป็ นลักษณะล
และมีต ้นทุนเฉลียและต
้นทุนส่วนเพิม
่
เรือยๆ
ตำมขนำดของกำรผลิตหรือกำรให ้บริกำร
้ ใช่กำรผูกขำดทีเกิ
่ ดจำกกำรสร ้ำง
(กรณี นีไม่
่
่ ้มีอำนำ
เงือนไขทำงกฎหมำยหรื
อระเบียบต่ำงๆเพือให
่ ้ำข่ำยดังกล่ำว สมควรทีรั่ ฐบำ
หำกมีอต
ุ สำหกรรมทีเข
่ ผูบ้ ริโภคได ้ประโยชน์จำกกำรผลิต
แทรกแซงเพือให้
81
• ผลภำยนอก (Externalities หรือ Spillover ef
่
เป็ นกรณี กำรผลิตหรือกำรบริโภคทีผลประโยชนท
่
่
จำกัดเฉพำะผู ้มีสว่ นเกียวข
้องกับกำรแลกเปลียนน
่ ดขึนมี
้ ผลกระทบต่อผู ้อืน
่
ผลิตหรือกำรบริโภคทีเกิ
้
ต่ำงๆทังในรู
ปของกำรบริโภค กำรผลิต อรรถประโ
้
ผลภำยนอกมีได ้หลำยรูปแบบ และเป็ นไปได ้ทังทำ
้ั
้
ได ้
อไม่ตงใจก็
และลบ และอำจตังใจหรื
82
• ตลำดไม่สมบูรณ์ (Incomplete Market)
เป็ นกรณี ทแม้
ี่ วำ่ ต ้นทุนกำรให ้บริกำรจะต่ำกว่ำควำ
่ กำรให ้บริกำรยังน้อยกว่ำค
ของผู ้ซือ้ แต่ป ริมำณทีมี
้ อ กำร
ของผู ้บริโภค ตัวอย่ำงของสินค ้ำประเภทนี คื
่ ้ผลิตต ้องก
(รวมถึงกำรประกันรำคำสินค ้ำต่ำงๆ ทีผู
้
แต่ควำมเป็ นจริงไม่สำมำรถทำกำรประกันได ้ทังหมด
83
• ควำมไม่มด
ี ล
ุ ยภำพ (Disequilibrium)
เป็ นสำเหตุจำกกำรปร ับตัวของดุลยภำพของตลำด
่ นของเงิ
้
เช่น กำรว่ำงงำน กำรเพิมขึ
นเฟ้ อ ฯลฯ
84
สำเหตุของกำรล ้มเหลวของตลำด หรือกลไกรำคำ
เหตุผลทีร่ ัฐบำลต ้องเข ้ำมำมีบทบำทในระบบเศรษฐ
กำรเข ้ำมำของร ัฐบำลเป็ นได ้ทัง้ ผู ้ผลิต (Produce
่
ผู ้จัดให ้ (Provider) ซึงผลจำกกำรแทรกแซงระบ
จะไม่เหมือนกัน
่ รั่ ฐบำลต ้องเข ้ำแทรกแซงในระบบเ
อีกเหตุผลหนึ งที
กำรกระจำยรำยได ้ และกำรสร ้ำงสินค ้ำทีดี่ (Merit
ควำมเท่ำเทียมในระบบเศรษฐกิจ
85
ความล้มเหลวของภาคร ัฐ
 ข ้อมูลข่ำวสำรจำกัด
(limited information)
 กำรขำดควำมสำมำรถควบคุมกำรตอบสนอง
ของตลำดเอกชน
(limited control over private market
responses)
 กำรขำดกำรควบคุมระบบบริหำร (limited
control over bureaucracy)
 ข ้อจำกัดจำกทำงกำรเมือง (limited
imposed by political processes)
86
การวิเคราะห ์รายจ่ายงบประมาณ
87
รายจ่ายของภาคร ัฐสาค ัญอย่างไร

ั สว่ นถึงเกือบร ้อยละ 20
รำยจ่ำยภำครัฐคิดเป็ นสด
ของ GDP ดังนัน
้ กำรขยำยตัวหรือหดตัวของรำยจ่ำย
ภำครัฐมีผลกระทบต่ออัตรำกำรขยำยตัวของระบบ
เศรษฐกิจอย่ำงกว ้ำงขวำง
้ า
GDP ไตรมาส 2 ปี 2550 แยกตามประเภทผูใ้ ชจ
่ ย
รำยจ่ำยภำครั ฐ
รำยจ่ำย
ภำคเอกชน
รวมกำร
่ ออกสุทธิ
สง
88
ผลกระทบทำงตรงต่อระบบเศรษฐกิจมหภำค


ต ้องนำกำรจัดเก็บรำยได ้รัฐบำลเข ้ำมำร่วมพิจำรณำ เนือ
่ งจำก
เป็ นสงิ่ ทีร่ ัฐบำลต ้องกระทำควบคูไ่ ปกับกำรใชจ่้ ำย
ด ้วยแนวคิดแบบ Keynesian รำยจ่ำยภำครัฐสำมำรถชว่ ย
ั้
แก ้ปั ญหำเศรษฐกิจตกตำ่ ได ้ในระยะสน
่
ภำษีและรำยได ้อืนๆของร
ัฐ
รำยจ่ำยภำคร ัฐ
GDP
89
ผลกระทบทำงอ ้อมต่อระบบเศรษฐกิจมห
ภำค


รำยจ่ำยภำคร ัฐในบำงกรณี
มีผลกระทบแบบ Positive
externality ต่อระบบ
่
เศรษฐกิจ โดยช่วยเพิม
ผลิตภำพ (productivity)
เช่น กำรศึกษำ กำร
สำธำรณสุข และกำร
่
อนุ ร ักษ ์สิงแวดล
้อม
ดังนั้น กำรจัดสรร
งบประมำณรำยจ่ำยก็มี
ควำมสำคัญไม่นอ้ ยไปกว่ำ
วงเงินรวม
งบประมาณแยกตาม
ลักษณะงาน
ปี งบประมาณ 2551
่
-บริกำรงำนทัวไป
เช่น กำร
ป้ องกันประเทศ
-บริกำรชุมชนและสังคม
เช่น กำรศึกษำและกำร
สำธำรณสุข
-กำรเศรษฐกิจ
่ เช่น รำยจ่ำยชำระ
-อืนๆ
หนี ้
-รวม
ร ้อย
ละ
19.6
41.9
19.4
19.1
90
100
กำรดำเนิ นนโยบำยกำรคลัง
 Discretionary
fiscal policy
นโยบำยกำรคลังแบบขยำยตัว (ดุลกำรคลัง
ขำดดุล)
 นโยบำยกำรคลังแบบหดตัว (ดุลกำรคลัง
เกินดุล)

 Automatic
fiscal stabilizer
่
หดตัวเมือเศรษฐกิ
จร ้อนแรง
่
 ขยำยตัวเมือเศรษฐกิ
จตกต่ำ

91
การวิเคราะห ์รายจ่ายงบประมาณ


เป็ นกำรจำแนกกำรใช ้จ่ำยของร ัฐบำลให ้เป็ นไปตำม
่ อยู่
กลุม
่ งำนหรือภำรกิจทีมี
้
กำรจำแนกทำได ้หลำยวิธ ี ทังตำมวั
ตถุประสงค ์ของ
กลุม
่ งำน หรือแผนงำน
92
กำรบริหำรเงินสดของร ัฐบำล
 อย่ำงไรก็ตำม
กำรพิจำรณำเฉพำะเงิน
งบประมำณรำยจ่ำยจะไม่ครอบคลุมรำยจ่ำย
้
ของร ัฐบำลทังหมด
เนื่ องจำกวิธก
ี ำรบริหำร
เงินสดของกรมบัญชีกลำง จะมีบญ
ั ชีเงินนอก
งบประมำณอีกหนึ่ งบัญชี
้ นงบประมำณและเงินนอกงบประมำณจะ
 ทังเงิ
ไหลเข ้ำ-ออกผ่ำนบัญชีเงินคงคลัง
93
แผนผังแสดงการร ับ-จ่ายเงินคงคลัง
เงินงบประมาณ
เงินงบประมาณ
รำยได ้แผ่นดิน
่
และเงินกู ้เพือ
ชดเชยกำร
ขำดดุล
เงินคงคลัง
เงินคงคลัง เงินคงคลัง
บัญชีที่ 1 บัญชีที่ 2
(ร ับเงิน)
(จ่ำยเงิน)
เงินนอก
งบประมาณ
เงินกู ้
โครงกำรและ
เงินฝำกของ
ส่วนรำชกำร
ใช ้จ่ำยตำมมำตรำ 6 พรบ.เงินคงคลัง
พ.ศ.2491
คือ พรบ.งบประมำณประจำปี พรบ.
่ ม และ พรบ.โอนเงิน
งบประมำณเพิมเติ
ในงบประมำณ
เงินนอกงบประมาณ
ใช ้จ่ำยตำมมำตรำ 7 พรบ.เงินคง
คลัง พ.ศ.2491
่ งไว
้ ้ไม่พอจ่ำย
1. เงินทีตั
2. มีกฎหมำยให้ต ้องจ่ำยเงิน
3. มีข ้อผูกพันกับร ัฐบำล
ต่ำงประเทศ
่ อคื
้ นหรือไถ่ถอน
4. เพือซื
พันธบัตรหรือ
ใชตรำสำร
้จ่ำยตำมมำตรำ
เงินกู ้ของ8 พรบ.เงินคง
คลั
ง พ.ศ. 2491ง
กระทรวงกำรคลั
่ ยืมอเงิ
้ ทดลองรำชกำร
1.
5. เงิ
เพืนอซื
นตรำต่ำงประเทศ
2. เงินฝำก
3. เงินขำยบิล
4. เงินทีจ่ ำเป็ นต ้องจ่ำยคืนใน
ปี งบประมำณ
่ ำส่งแล ้วเพรำะเป็ นเงินอั94
ทีน
นไม่
่ น
โครงสร ้างงบประมาณรายจ่ายและความยังยื
ทางการคลัง
รายจ่ายประจา (70%)
รำยจ่ำยลงทุนไม่ต่ำกว่ำ 25%
รายจ่ายลงทุน (25%)
มี debt service ratio
รายจ่ายชาระคืนต้นเงินกู ้ (5%) ไม่เกิน 12% ของวงเงินงบประมำณ
95
โครงสร ้ำงงบประมำณรำยจ่ำยปี พ.ศ. 2551
ปี งบประมำณ พ.ศ. 2550
่
่
วงเงิน
เพิม/ลด
เพิม/ลด
(ล ้ำนบำท)
(ร ้อยละ)
ปี งบประมำณ พ.ศ. 2551
่
่
วงเงิน
เพิม/ลด
เพิม/
(ร ้อยละ)
ลด
(ร ้อย
ละ)
1. รำยได ้
(สัดส่วนต่อ GDP)
1,420,00 60,000.0
0.0
(16.9)
4.4
1,495,00 75,000
0.0
.0
(16.5)
5.3
2. วงเงินงบประมำณ
(สัดส่วนต่อ GDP)
1,566,20 206,200.
0.0
0
(18.6)
15.2
1,660,00 93,800
0.0
.0
(18.3)
6.0
2.1 รำยจ่ำยประจำ
(สัดส่วนต่องบประมำณ)
1,135,98 177,583.
8.1
8
(72.5)
18.5
1,209,54 73,558
6.8
.7
(72.8)
6.5
2.2 รำยจ่ำยลงทุน
(สัดส่วนต่องบประมำณ)
374,721. 16,312.9
4
(24.0)
4.6
404,677. 29,955
3
.9
(24.4)
8.0
2.3 รำยจ่ำยชำระคืนต ้น
55,490.5 12,303.3
28.5
45,775.9
-
96
-17.5
รำยจ่ำยลงทุนภำคร ัฐ



สัดส่วนงบประมำณรำยจ่ำยลงทุนของร ัฐบำลใน
ปี งบประมำณ 2551 ต่ำกว่ำร ้อยละ 25 เพียง
เล็กน้อย
่
แต่ร ัฐบำลมีแผนเพิมกำรลงทุ
นของร ัฐวิสำหกิจใน
ปี งบประมำณ 2551 ถึงร ้อยละ 35 เทียบกับ
่
ปี งบประมำณ 2550 ทีลดลงร
้อยละ 5
ในปี งบประมำณ 2551 รำยจ่ำยลงทุนภำคร ัฐ
้
่ นจำก
้
ทังหมดเท่
ำกับ 845,577 ล ้ำนบำท เพิมขึ
ปี งบประมำณ 2550 ถึงร ้อยละ 20
97
กำรวิเครำะห์งบประมำณในระดับมห
ภำค
(Macro Management Budgeting)



เป็ นกำรวิเครำะห์วงเงินงบประมำณทีเ่ หมำะสมกับกำร
ขยำยตัวทำงเศรษฐกิจของประเทศ โดยประมำณกำร
กำรขยำยตัวทำงเศรษฐกิจภำยใต ้แบบจำลองทำง
เศรษฐกิจของสำนักงำนเศรษฐกิจกำรคลัง พบว่ำ
ั ยภำพทีจ
ระบบเศรษฐกิจไทยมีศก
่ ะเติบโตได ้สูงถึง
ร ้อยละ 8.5 (nominal growth)
ดังนัน
้ คำดว่ำอัตรำกำรขยำยตัวของเศรษฐกิจในปี
ั ยภำพในระยะยำว
2551 จะตำ่ กว่ำำแนวโน ้มศก
(long-term potential growth)
แผนพัฒนำเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติฉบับที่ 10
(พ.ศ. 2550-2554) ไม่ได ้กำหนดเป้ ำหมำยกำร
98
กำรวิเครำะห์งบประมำณในระดับ
จุลภำค
(Micro Management Budgeting)


เป็ นกำรวิเครำะห์ควำมจำเป็ นในกำรใชจ่้ ำย
ภำครัฐ (Fiscal Need) เพือ
่ ให ้สอดคล ้องกับ
แนวทำงกำรจัดทำงบประมำณแบบสำกล ซงึ่
ไม่เน ้นกำรจัดทำงบประมำณรำยโครงกำร และ
เพือ
่ หลีกเลีย
่ งปั ญหำแนวโน ้มกำรขอ
งบประมำณทีเ่ กินควำมจำเป็ นของสว่ นรำชกำร
กำรพิจำรณำควำมจำเป็ นทำงกำรคลังของ
้ วยงำนเป็ นหลักในกำร
รัฐบำลนี้ จึงไม่ใชหน่
วิเครำะห์ (organizational basis) แต่จะ
พิจำรณำจำกโครงสร ้ำงงบประมำณรำยจ่ำย
99
ประเภทของงบประมำณในกำรจัดทำ
งบประมำณ





่
งบบุคลากร เป็ นรำยจ่ำยเพือกำรบริ
หำรบุคคลภำคร ัฐ โดยมี
กรอบกำรขยำยตัวอยู่ทรี่ ้อยละ 6 ต่อปี
่
งบดาเนิ นการ เป็ นรำยจ่ำยเพือกำรบริ
หำรและดำเนิ นงำน ได ้แก่
้ นค ้ำและบริกำร ค่ำใช ้สอย และสำธำรณู ปโภค ซึง่
รำยจ่ำยซือสิ
ควรขยำยตัวตำม GDP
่
้ กพัน
งบลงทุน เป็ นรำยจ่ำยเพือกำรลงทุ
น โดยใช ้กำรก่อหนี ผู
งบประมำณตำมมำตรำ 23 พรบ. วิธก
ี ำรงบประมำณ เป็ น
้ ่ำ
ตัวกำหนดรำยจ่ำยลงทุนขันต
่ วยเหลือ สนับสนุ นกำร
งบเงินอุดหนุ น เป็ นรำยจ่ำยเพือช่
่ องค ์กำรเอกชน และ
ดำเนิ นงำน ขององค ์กรปกครองส่วนท ้องถิน
่
นิ ตบ
ิ ุคคลต่ำง ๆ ในกำรวิเครำะห ์จะพิจำรณำเงินอุดหนุ นทีรัฐบำล
จำเป็ นต ้องจ่ำยตำมกฎหมำยเป็ นสำคัญ
่ เป็ นรำยจ่ำยทีไม่
่ เข ้ำในลักษณะใด หรือเป็ น
งบรายจ่ายอืน
่ ำนักงบประมำณกำหนดให ้ใช ้จ่ำยจำกงบรำยจ่ำยนี ้ 100
รำยจ่ำยทีส
ประเด็นสำคัญของกำรใช ้จ่ำยภำคร ัฐใน
ประเทศไทย





ปัญหำกำรใช ้ดุลพินิจในกำรพิจำรณำและ
จัดสรรงบประมำณ
ปัญหำกำรแปลงนโยบำยร ัฐบำลเข ้ำสูน
่ โยบำย/
ยุทธศำสตร ์ และกำรแปลงนโยบำย/
ยุทธศำสตร ์ไปสูก
่ ำรปฏิบต
ั ิ
่ มในระหว่ำงปี
ปัญหำกำรของบประมำณเพิมเติ
ปัญหำสถำนะของงบกลำงหรืองบผูกพันที่
แท ้จริง
ปัญหำกำรกำหนดรำคำกลำงต่ำกว่ำควำมเป็ น
101
รำยจ่ำยสำธำรณะ: ประสบกำรณ์
ประเทศกำลังพัฒนำ
่ นของรำยจ่
้
 กำรเพิมขึ
ำยเทียบกับ
ผลิตภัณฑ ์มวลรวม
่ กำรลงทุน
่ รำยได ้ตำมี
 ประเทศทีมี
่ งกว่ำประเทศอุตสำหกรรม
สำธำรณะทีสู
 กำรตัดลดรำยจ่ำยจำกกำรลงทุน
102
ประเภทของงบประมำณรำยจ่ำย


่ ำน
เงินในงบประมำณ หมำยถึงเงินงบประมำณทีผ่
กระบวนกำรพิจำรณำของสภำฯ ในแต่ละ
ปี งบประมำณ
เงินนอกงบประมำณ หมำยถึงเงินงบประมำณที่
ไม่ได ้ผ่ำนกำรพิจำรณำจำกสภำฯ แต่มห
ี น่ วยงำน
่ จำรณำควำมเหมำะสมของกำร
ของร ัฐทำหน้ำทีพิ
จัดสรรและใช ้จ่ำยแทนสภำฯ เช่นเงินงบประมำณ
่ เงินกองทุน
ของ องค ์กรปกครองส่วนท ้องถิน
เงินทุนหมุนเวียน เงินกู ้ ฯลฯ
103
การวิเคราะห ์รายจ่ายงบประมาณ
(ต่อ)
สำมำรถจำแนกงบประมำณได ้หลำยรูปแบบ
 จำแนกตำมโครงสร ้ำงแผนงำน
 จำแนกตำมลักษณะงำน
 จำแนกลักษณะเศรษฐกิจ
 จำแนกตำมงบรำยจ่ำย
104
กำรวิเครำะห ์รำยจ่ำยสำธำรณะในด ้ำน
ต่ำงๆ
 ใจควำมสำคัญ:
กำรจัดสรรทร ัพยกำร
 รำยจ่ำยประจำ
่
น
 รำยจ่ำยเพือกำรลงทุ
 วิธก
ี ำร:
งบประมำณและโครงกำร
้
้ ควำมสัมพันธ ์กัน!!
ทังสองด
้ำนนี มี
105
จาแนกให้เห็นผล
่
ทีจะเกิ
ดต่อระบบเศรษฐกิจจากการใช้จา
่ ยของ
ร ัฐบาล
 รำยจ่ำยประจำ
 รำยจ่ำยลงทุน
106
จาแนกตามลักษณะงบรายจ่าย: เป็ นการจาแนกตาม
วัตถุประสงค ์การใช้จา
่ ยตามแผนงานโครงการต่างๆ





งบบุคลากร
งบดาเนิ นการ
งบลงทุน
งบเงินอุดหนุ น
่
งบรายจ่ายอืนๆ
107
งบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน (เชิง
ยุทธศาสตร ์)
Strategic Results Based
Budgeting: SRBB หรือ
Performance Based Budgeting:
PBS)
108
แผนปฏิรูประบบบริหารภาคร ัฐ
1.
2.
3.
4.
5.
่
ภารกิจ และวิธก
ี าร
ปร ับเปลียนบทบาท
บริหารภาคร ัฐ
่
ปร ับเปลียนระบบงบประมาณ
การเงินและ
พัสดุ
่
ปร ับเปลียนระบบบริ
หารบุคคล
่
ปร ับเปลียนกฎหมาย
่
ปร ับเปลียนวั
ฒนธรรมและค่านิ ยม ให้
ความสาคัญกับการแข่งขัน
109
แผนภูมก
ิ ลไกส่งเสริมกำรปฏิรป
ู ภำคร ัฐ
การมีส่วนร่วม
กฎ ระเบียบ
ในการตัดสินใจ
การบริหาร
ของประชาชน
่
การเพิมประสิ
ทธิภาพ
ประสิทธิผลภาคร ัฐ
110
่
หลักกำรและควำมจำเป็ นในกำรปร ับเปลียน
ระบบกำรจัดกำรงบประมำณเป็ นแบบ SRBB
มีสำเหตุมำจำก:
่ ้ในปัจจุบน
่ ่งเน้นกำร
1. กระบวนกำรงบประมำณทีใช
ั ทีมุ
ควบคุม
input มีข ้อจำกัดหลำยประกำร เช่นขำดควำม
ยืดหยุ่นในกำรปฏิบต
ั ิ
2. แรงผลักดันของแผนปฏิรป
ู ระบบบริหำรภำคร ัฐ
่ วต
่ ่งเน้นกำรปร ับเปลียนบทบำทของ
่
ซึงมี
ั ถุประสงค ์เพือมุ
ภำคร ัฐไป
่ นกำร
สูร่ ป
ู แบบกำรบริหำรจัดกำรภำคร ัฐแนวใหม่ ทีเน้
111
ควำมเป็ นมำของกำรปร ับปรุงระบบ
งบประมำณแบบใหม่
• ระบบงบประมำณแบบ แสดงรำยกำร (Line Item Budg
้
ตังแต่
ปี 2502-2524
• ระบบงบประมำณแบบ แผนงำน (Programming Bud
้
ตังแต่
ปี 2525-ปัจจุบน
ั โดยผสมผสำนกับ แบบแสดงร
112
่
สาเหตุการปร ับเปลียนระบบ
งบประมาณ



่
ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจตกตาในปี
2540
ร ัฐธรรมนู ญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.
2540
- การกระจายอานาจสู อ
่ งค ์กร
่
ปกครองส่วนท้องถิน
พระราชบัญญัตข
ิ อ
้ มู ลข่าวสารทางราชการ
พ.ศ. 2540
- ความโปร่งใสและตรวจสอบได้
113
นโยบำยใหม่ของกำรจัดทำงบประมำณ
่ ้งบประมำณเป็ นเครืองมื
่ อกำรบริหำรเพ
• กำรปร ับปรุงเพือให
สำเร็จของนโยบำย และให ้ประชำชนเห็นเป็ นรูปธรรม มำก
ควบคุมกำรใช ้จ่ำย
่
• มุ่งเน้นเพือควำมโปร่
งใสกำรใช ้เงิน ประสิทธิภำพ และประสิท
• สร ้ำงควำมคล่องตัวในกำรจัดทำงบประมำณ โดยกำรมอบอ
กับผูป้ ฏิบต
ั ิ (Devolution) และสร ้ำงควำมร ับผิดและร ับชอ
่
ำเร็จตำ
(Accountability) จำกกำรใช ้งบประมำณเพือผลส
และควำมต ้องกำรของประชำชน
114
ระบบงบประมำณเชิงยุทธศำตร ์แบบใหม่
 กำรกำหนดแผนเชิงยุทธศำสตร ์ (Strategic
Plan)
 ผลผลิตและผลลัพธ ์ (Output and
Outcome)
 ควำมร ับผิดชอบ ควำมโปร่งใส และกำร
รำยงำน
 กำรมอบอำนำจกำรจัดทำและบริหำร
งบประมำณ
่
 กำรเพิมขอบเขตควำมครอบคลุ
มของ
115
่ ่งเน้นผลงำน
ระบบงบประมำณทีมุ
ระบบงบประมำณแบบมุ่งเน้นผลงำน คือ วิธก
ี ำรในกำร
ระบุพน
ั ธกิจ
(Mission) ขององค ์กรเป้ ำหมำยและวัตถุประสงค ์อย่ำง
่
เป็ นระบบ มีกำรประเมินผลสม่ำเสมอ โดยเชือมโยง
่
่ ้เพือให
่ ้ได ้ผลผลผลิตและ
ข ้อมูลเกียวกั
บทร ัพยำกรทีใช
่ ำหนดไว ้
ผลลัพธ ์ตำมทีก
จุดมุ่งหมาย (Goal) บริหำรจัดกำรทร ัพยำกรโดย
มุ่งเน้นผลสำเร็จของงำน
่ ้เกิดประโยชน์สงู สุดแก่
เพือให
116
่ ่งเน้นผลงำน
ระบบงบประมำณทีมุ
่ ้ได ้มำซึงระบบ
่
วัตถุประสงค ์ (Objective) เพือให
่
งบประมำณทีสำมำรถ
วัดผลสำเร็จของงำน สำมำรถ
่
เชือมโยงกำร
่ ำน
บริหำรจัดกำรทร ัพยำกรทีผ่
่
กระบวนกำรทีมี
ประสิทธิภำพสะท ้อนให ้เห็น
ควำมสำเร็จของ
กำรบริหำรจัดกำรทร ัพยำกรต่อ
ภำรกิจของร ัฐ
117
แนวทำงกำรจัดทำงบประมำณรำยจ่ำย
ปัจจุบน
ั
 มิตน
ิ โยบำย
(Policy Agenda)
 มิตห
ิ น้ำที่ (Functions Agenda)
 มิตพ
ิ นที
ื ้ ่ (Area Based Agenda)
 งบประมำณจังหวัด
 งบประมำณองค ์กรปกครองส่วน
่
ท ้องถิน
118
เศรษฐศาสตร ์สาธารณะ: ภาค
รายร ับ
119
ความหมายของการหารายร ับของ
ภาคร ัฐ

เป็ นการโอนทร ัพยากรจากภาคเอกชนไปสู ่
ภาคร ัฐ



้ เป็
่ นต ัวเงิน
ทังที
ไม่เป็ นต ัวเงิน เช่นการเกณฑ ์ทหาร การเวนคืน
่ น เป็ นต้น
ทีดิ
เป็ นการจัดสรรการใช้ทร ัพยากรของประเทศ
ใหม่
120
ทำไมรัฐต ้องหำรำยรับ
เพือ
่ สนับสนุนกำรใชจ่้ ำยของภำครัฐ
ี้ ำระบบเศรษฐกิจ
2. เพือ
่ กำกับชน
3. เพือ
่ ควบคุมกำรบริโภคของภำคเอกชน
4. เพือ
่ แก ้ไขปั ญหำควำมล ้มเหลวกลไกตลำด
5. เพือ
่ ชำระหนีส
้ ำธำรณะ
้ พยำกรของประเทศ
6. เพือ
่ กำกับกำรใชทรั
1.
121
ผลจำกกำรหำรำยรับของภำครัฐ



Political Equilibrium ดุลยภำพของปริมำณและ
ิ ค ้ำบริกำรสำธำรณะทีใ่ ห ้แก่ประชำชน
องค์ประกอบของสน
นำไปสู่ Voicing Choice) เป็ นปั ญหำ Principles –
Agent Relationship
ิ ธิภำพกำรใช ้
Overall Market Equilibrium ประสท
ทรัพยำกรในภำคเอกชน และรัฐ (กำรจัดสรรทรัพยำกร
ิ ค ้ำสำธำรณะ กำรบิดเบือน
จำกเอกชน
รัฐ
สน
รำคำต่ำงๆ)
ผลต่อกำรกระจำยรำยได ้ (Income Redistribution)
122
ประเภทรายร ับของร ัฐบาล

รายร ับแบบปกติ (conventional Revenue)





ภาษีอากร
การกู ย
้ ม
ื
ค่าธรรมเนี ยมบริการสาธารณะ
รายได้นาส่งของร ัฐวิสาหกิจ
รายร ับแบบใหม่ (Unconventional
Revenue)


สินทร ัพย ์ (Assets)
การแปรทร ัพย ์สินเป็ นทุน (Securitization)
123
ควำมแตกต่ำงของรำยรับภำครัฐ

ควำมยินยอมหรือกำรบังคับ (Compulsory or
Voluntary)



ภำษี เป็ นกำรบังคับ
ค่ำธรรมเนียม และกำรกู ้ยืม เป็ นกำรยินยอม
พันธะผูกพัน (Liability) ต่อผู ้จ่ำย


ภำษี ไม่มพ
ี ันธะผูกพันกับผู ้จ่ำย
ค่ำธรรมเนียม และกำรกู ้ยืมมีควำมผูกพันระหว่ำงรัฐและผู ้
จ่ำย
124
ผลกระทบทีเ่ กิดจำกกำรหำรำยรับของ
ภำครัฐ




รำยรับของรัฐไม่จำเป็ นต ้องเท่ำกับมูลค่ำบริกำรสำธำรณะ
กำรโอนย ้ำยทรัพยำกรจำกเอกชนสูร่ ัฐ
ผลกระทบ (Incidence) ต่อรำคำ (Price) และรำยได ้
(Income Effects)
ผลต่อผลผลิต (Output Effect)
รายร ับร ัฐ
รำคำ
รำยได ้
ผลผลิต
125
ข ้อพึงระมัดระวัง



ในระยะยำวต ้องมีระบบภำษี ทด
ี่ ท
ี งั ้ ระดับ micro และ
macro
รำยได ้ภำษี เป็ นเงือ
่ นไขจำเป็ นกำรพัฒนำ
(necessary) แต่ไม่เพียงพอ (Sufficient) ทีท
่ ำให ้
ประชำชนมีควำมพอใจหรือควำมสุขมำกขึน
้ (ไม่อำจ
เชอื่ มโยงกันได ้โดยตรง)
กำรกู ้ยืมต ้องระวังมำกทีส
่ ด
ุ ไม่วำ่ กู ้จำกภำยในหรือ
ต่ำงประเทศ


Ricardian Equivalence & Rational Expectation
กู ้ภำยในระวังเรือ
่ ง Crowding Out และเงินเฟ้ อ
126
ปั จจัยกำหนดกำรหำรำยได ้จำกภำษี








กำรเมือง (political)
เศรษฐกิจ (Economic)
ึ ษำ (Literacy Rate)
กำรศก
ควำมเป็ นเมือง (Urbanization)
ภำวกำรณ์หนีข
้ องประเทศ (Level of
Indebtness)
ั สว่ นภำคเกษตร (Level of Agriculture)
สด
สถำนภำพกำรเงิน (Monetization)
ระดับกำรเปิ ดประเทศ (Degree of Openness)
( x  m)
GDP
127
โครงสร ้ำงภำษี ของประเทศ
 ภำษี ภำยในประเทศ
กำรบริโภค อำทิ VAT สรรพสำมิต กำรขำย
 กำรค ้ำระหว่ำงประเทศ
 รำยได ้
 ฯลฯ

 ภำษี ประเทศพัฒนำ
รำยได ้
 กำรบริโภค
ั คม
 รำยรับจำกกำรประกันสง
 ฯลฯ

128
ปัจจัยกำรผลิต
สินค ้ำและบริกำร
คร ัวเรือน
่ จจัยกำรผลิต
รำยจ่ำยเพือปั
่
ภำษีและรำยได ้อืนๆ
ต่ำงประเทศ
่ นค ้ำและบริกำร
รำยจ่ำยเพือสิ
่ จจัยกำรผลิต
รำยจ่ำยเพือปั
ร ัฐบำล
กำรเงิน
่ นค ้ำและบริกำรภำษีและรำยได ้อืนๆ
่
รำยจ่ำยเพือสิ
ของร ัฐบำล
กำรผลิต
ร ัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้จากทุกๆจุดของการ
้ ขึ
้ นอยู
้
นทร ัพยากร ทังนี
่กบั ความต้องการกากับการใช้ทร
129
องค ์ประกอบของการเสียภาษี
 ฐานภาษี
ฐานรายได้
 ฐานการบริโภค
 ฐานทร ัพย ์สิน
่
 ฐานอืนๆ
เช่น ภาษีตอ
่ หัว Poll Tax

 อ ัตราภาษี
130
่ นัยทำงเศรษฐศำสตร ์มำกกว่ำคือ
กำรจำแนกทีมี
กำรจำแนกตำมกำรจัดเก็บของภำษีได ้แก่
จัดเก็บต่อหน่ วย (Unit หรือ Specific Tax) ภำษี
รถยนต ์
้ น
ภำษีนำมั
จัดเก็บตำมรำคำหรือมูลค่ำ (Ad Valorem Tax)
เช่นภำษี VAT
131
การจาแนกประเภทอ ัตราภาษี
ก้าวหน้า
 คงที่
 ถดถอย
การพิจารณาว่าเป็ นอัตราแบบใดดูได้จากการ
้ั
เปรียบเทียบส่วนต่างระหว่างชนของฐานภาษี
กับ อ ัตราภาษี

132
่
การจาแนกฐานภาษีโดยทัวไป

ภาษีทางตรง




ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้นิตบ
ิ ุคคล
ภาษีรายได้กจ
ิ การน้ ามัน
ภาษีทางอ้อม




่
ภาษีมูลค่าเพิม
ภาษีสรรพสามิต
ภาษีศล
ุ กากร
ภาษีอนๆ
ื่
133
Figure 2. Revenue Collection
25.00
Percent to GDP
20.00
15.00
Other Revenue
Tax Revenue
10.00
5.00
0.00
1990
1991
1992
1993
1997
1998
1999
2000
2001
2002
2003
2004
2005
2006
Fiscal Year
134
ภาษีทางตรง (Direct Taxes)
วัตถุประสงค ์ - แหล่งรายได้ร ัฐบาล
- การกระจายรายได้
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- ฐานภาษี : เงินได้บุคคลธรรมดา
้ั (5, 10, 20, 30, 37)
- อ ัตราภาษี: 5 ชน
-
-
การลดหย่อน: ค่าใช้จา
่ ยส่วนบุคคล บุตร ประก ันชีวต
ิ
้
เงินสารองเลียงชี
พ การออมของบุคคล RTF LTF ฯลฯ
ผู เ้ สียภาษี
ม
ี
4.5
ล้
า
นรายจากประชากร
63
ล้
า
น
่
่ งอาศ ัย
คน ครึงหนึ
ในเขต กทม.
- รายได้ภาษีทเก็
ี่ บได้ประจาปี 2549 170.1 ล้านบาท (10.2%)
135
ภาษีเงินได้นิตบ
ิ ุคคล
- ฐานภาษี: กาไรสุทธิจากการ
ประกอบการ
- อ ัตราภาษี = 30 % ของกาไรสุทธิ
- รายได้ทจั
ี่ ดเก็บได้ = 374.7 พันล้าน
บาท
137
ภาษีทางอ้อม (Indirect Taxes)
่
ภาษีมูลค่าเพิม
่ นการหารายได้ให้
วัตถุประสงค ์การจัดเก็บ: เพือเป็
ร ัฐบาล
ครอบคลุมการผลิต การบริโภคและบริการต่างๆ
่ รายไม่เกิน 600,000 บาท/ปี (ปั จจุบน
ยกเว้นธุรกิจทีมี
ั
ได้ขยายเกณฑ ์เป็ น 1.200.000 บาท/ปี )
่
- อ ัตราภาษี
= 7% โดยทัวไป
และ อ ัตรา 0% สาหรบ
การส่งออก
- วิธค
ี ด
ิ ภาษี คือ รายได้ภาษี = ภาษีขาย - ภาษีซอ
ื้
รายได้ภาษีทจั
ี่ ดเก็บได้ปี 2549 เท่ากับ 448.4
พันล้านบาท
138
Chart 3. Share of Revenue Collected by the Revenue Department
100%
5,142
3,255
3,082
3,587
3,650
4,357
5,634
7,098
7,082
7,513
90%
80%
230,363
267,970
70%
209,651 228,093 242,010 274,108 336,158 412,022 448,395
223,473
Percent
60%
5,322
10,739
50%
10,872
17,154
19,128
21,773
31,935
41,178
56,524
5,316
40%
162,655
99,480
Others
VAT and Sale Tax
Petroleum Tax
Corporate Income Tax
Personal Income Tax
108,820 145,554 149,677 170,415 208,859 261,890
329,516 374,689
30%
20%
10%
115,137 122,945 106,071
91,790
101,136 108,371 117,309 135,155
147,352 170,079
0%
1997
1998
1999
2000
Note: data Lebel in Million Baht
Source: Minsitry of Finance
2001
2002
2003
2004
2005
2006
Year
139
Share of Government Revenue
100%
90%
6.2
5.9
0.3
0.2
6.1
4.5
80%
70%
7.4
6.6
6.4
6.0
5.7
5.4
5.0
4.7
0.2
0.2
0.3
0.2
0.2
0.2
3.0
4.6
5.7
5.5
5.4
0.2
3.8
5.6
0.3
4.2
10.1
11.1
10.5
11.0
10.8
11.5
11.8
11.0
9.5
8.4
60%
13.8
14.0
50%
13.4
17.3
15.2
13.7
13.9
13.4
13.1
15.3
16.2
16.3
16.5
16.7
13.5
40%
30%
20%
16.5
14.7
17.2
17.6
Revenue from Other Agencies*
Others
Custom Taxes
Excise Taxes
VAT and Sale Tax
Income Tax
18.5
10%
0%
1997
1998
1999
2000
2001
2002
2003
2004
2005
2006
Year
140
ภาษีสรรพสามิต (Excise Taxes)
่
วัตถุประสงค ์เพือควบคุ
มการบริโภค (สินค้า
ฟุ่ มเฟื อย)
- SPIRITS AND BEER
-
-
TOBACCO
PLAYING CARDS
PETROLEUM AND PETROLEUM PRODUCTS
SOFT DRINKS
ELECTRIC APPLIANCES(LAMPS AND CHANDELIERS,
AIR - CONDITIONERS)
CRYSTAL GLASS
MOTORCARS AND BUSES SEATING UNDER 10
YACHTS
PERFUMES
- HORSE - RACING COURSE
141
ภาษีสรรพสามิต (Excise Taxes) (2)
- GOLF COURSE
-
CARPET
BATTERY
อ ัตราภาษี : SPECIFIC AND AD VALOREM
ฐานภาษี : VALUE OR UNIT OF PRODUCT
รายได้ทจั
ี่ ดเก็บได้ = 275.3 พันล้านบาทใน
ปี 2549
142
อากรนาเข้า (Import Duties)
่ ม
วัตถุประสงค ์การจัดเก็บ: เพือคุ
้ ครอง
อุตสาหกรรมในประเทศ
0% FOR SPECIAL PRODUCTS SUCH AS
FERTILIZER
AND MEDICAL EQUIPMENT
1% FOR RAW MATERIALS
5% FOR CAPITAL GOODS AND PRIMARY
PRODUCTS
10% FOR INTERMEDIATE PRODUCTS
20% FOR FINAL PRODUCTS
30% FOR PRODUCTS THAT NEED HIGH
PROTECTION
ฐานภาษี : มู ลค่า CIF
143
อากรส่งออก (EXPORT DUTY)
่ ยกเก็บ
วัตถุประสงค ์การจัดเก็บ: เพือเรี
กาไรส่วนเกินจากผู ส
้ ่งออก
ครอบคลุม: ไหมดิบ, หนังดิบ และไม้
รายได้ภาษีทจั
ี่ ดเก็บได้ปี 2549 เท่ากับ
0.33 พันล้านบาท
144
145
Revenue Composition
100%
11.7
11.3
0.6
0.4
13.7
0.4
12.3
12.0
11.3
10.7
10.5
10.0
9.7
0.4
0.4
0.5
0.5
0.6
0.5
0.5
55.7
54.4
57.2
57.3
80%
56.6
60.4
57.4
57.0
57.0
Revenue from Other Agencies*
Percent
60%
51.8
Others
Indirect Txes
Direct Taxes
40%
20%
31.1
27.9
28.5
30.3
1998
1999
2000
30.6
31.1
31.5
33.3
35.1
2001
2002
2003
2004
2005
38.0
0%
1997
2006
Fiscal Year
146
โครงสร ้างรายได้ร ัฐบาล
80
กรมสรรพำกร
60
กรมสรรพสำมิต
40
กรมศุลกำกร
20
ร้อยละ
0
หน่ วยงำนอืน
่
2547
2548
2549
2550
กรมสรรพำกร
59.9
63.6
66.9
68.2
กรมสรรพสำมิต
21.4
18.9
17.3
17.3
กรมศุลกำกร
8.2
7.5
6.1
5.3
หน่วยงำนอืน
่
10.5
10
9.7
9.2
ปี
147
โครงสร ้ำงรำยร ับรัฐบำล
ภาษี
ภาษีเงินได้บุคคล
ธรรมดา
ภาษีเงินได้นิตบ
ิ ุคคล
่
ภาษีมูลค่าเพิม
กรมสรรพสามิต
อากรขาเข้า
2547
2548
2549
หน่ วย :
ร ้อยละ
2550
10.5
10.0
22.3
26.2
18.9
7.3
10.8
23.7
26.4
17.3
6.0
11.1
23.5
27.5
17.3
5.2
4.1
5.6
5.6
100.0
4.7
4.9
6.2
100.0
4.7
4.3
6.4
100.0
20.3
24.5
21.4
8.0
่
ส่วนราชการอืน
3.8
ร ัฐวิสาหกิจ
่
อืนๆ
4.1
7.4
รวม
100.0
148
โครงสร ้ำงรำยได ้ร ัฐบำล (ต่อ)
2535 2549
● รายได้ภาษี
86
- ภาษีทางตรง
27
ภำษีเงินได ้บุคคลธรรมดำ
10
ภำษีเงินได ้นิ ตบ
ิ ุคคล
16
ภำษีเงินได ้ปิ โตรเลียม
1
- ภาษีทางอ้อม
59
่
ภำษีมูลค่ำเพิม
20
ภำษีสรรพสำมิต
19
หน่ วย : %
92
38
11
24
3
54
29
17
6
2
8
5
3
100
149
กรมสรรพากร
230000
210000
190000
ล ้านบาท
170000
150000
จัดเก็บ 48
130000
จัดเก็บ 49
110000
จัดเก็บ 50
90000
70000
50000
30000
ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม
มกราคม กุมภาพันธ์
มีนาคม
เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม สงิ หาคม
กันยายน
จัดเก็บ 48 52151.592 63014.93 54512.725 59188.13 62821.023 65978.552 63394.093 171336.41 59488.575 58941.374 152186.07 74091.62
จัดเก็บ 49 62081.562 72181.213 61176.239 68007.929 71527.813 73998.117 69513.643 202048.32 68480.636 66000.186 178306.54 63876.881
จัดเก็บ 50 68647.473 75456.242 65672.253 72438.929 73475.696 76143.183 76001.253 214293.46 76464.279 71186.407 181020.41
150
กรมสรรพสามิต
30000
28000
ล ้านบาท
26000
24000
จัดเก็บ 48
22000
จัดเก็บ 49
20000
จัดเก็บ 50
18000
16000
ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม
มกราคม กุมภาพันธ์
มีนาคม
เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม สงิ หาคม
กันยายน
จัดเก็บ 48 22184.31 24558.3 25005.09 24699.136 21590.79 26176.801 25344.72 23968.19 22151.983 22038.74 20185.37 21486.93
จัดเก็บ 49 20135.744 20196.363 22621.277 23960.336 21132.404 24722.849 24034.151 24544.119 24172.824 23166.751 21950.62 23458.028
จัดเก็บ 50 24183.72 24720.76 25357.77 25559.248 23678.9 26329.242 23713.952 23367.963 22392.692 22667.723 23487.984
151
กรมศุลกากร
12,000
11,000
ล ้านบาท
10,000
จัดเก็บ 48
9,000
จัดเก็บ 49
จัดเก็บ 50
8,000
7,000
6,000
ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม
มกราคม กุมภาพันธ์
มีนาคม
เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม
สงิ หาคม
กันยายน
จัดเก็บ 48 8719.4289 10467.816 10219.642 8331.1822 8102.0298 10099.642 8934.4438 8662.2025 9114.3108 9511.4872 9110.7583 9130.096
จัดเก็บ 49 8990.297 8837.812 8783.57 8226.188 7073.656 8112.645 7092.916 7854.056 7867.32 7686.128 8112.442 7595.37
จัดเก็บ 50 7840.213 7933.214 7446.818 6743.808 7212.705 7673.447 7574.975 7331.522 7669.172 7193.043 7923.711
152
รายได้นาสง่ จากรัฐวิสาหกิจ
24000
22000
20000
18000
ล ้านบาท
16000
จัดเก็บ 48
14000
12000
จัดเก็บ 49
10000
8000
จัดเก็บ 50
6000
4000
2000
0
ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม
มกราคม กุมภาพันธ์
มีนาคม
เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม สงิ หาคม
กันยายน
691.4
697.6
4152.3
10090.31 6205.63
7709.83
9077.14 16766.96 12559.05 5129.37
1383
7649.98
จัดเก็บ 49 850.12
672
1821.22
7259.79
9958.57
5587.71
6776.42 5306.5301 3688.06
จัดเก็บ 48
จัดเก็บ 50 17188.592 3786.66
5755.25 12292.278 22811.613 4136.22
8944.59 19389.25
9490.69
911.35
1206.38
5023.9
6587.86
2888.42
153
หน่วยงานอืน่
14000
12000
ล ้านบาท
10000
จัดเก็บ 48
8000
จัดเก็บ 49
6000
จัดเก็บ 50
4000
2000
0
ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม
มกราคม กุมภาพันธ์
มีนาคม
เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม สงิ หาคม
กันยายน
จัดเก็บ 48 6934.402 2945.304 2781.874 6203.382 2639.298 2425.508 6185.502 2655.859 3419.484 9714.823 2358.894 3728.726
จัดเก็บ 49 3627.02 9574.834 4876.155 3608.728 8388.699 3782.524 3728.167 9345.829 9445.762 3525.357 10858.115 6069.173
จัดเก็บ 50 3102.081 12383.44 4084.215 4123.8996 10418.093 8409.4695 4100.7045 10465.05 10172.22 3330.6995 10352.581
154
ตารางฐานะการ ลังตาม
ระบบกระแสเงินสด องรัฐบาล
ปงบประมำณ
1. รำยได้นำส่งคลัง
2. รำยจ่ำย
- ปปจจุบัน
- ปก่อน
3. ดุลเงินงบประมำณ
4. ดุลเงินนอกงบประมำณ
5. ดุลเงินสด
2539
850,177
777,246
652,261
124,985
72,931
5,897
78,828
2540
844,249
906,641
742,598
164,043
-62,392
-52,753
-115,145
2541
727,393
848,029
687,102
160,927
-120,636
-18,565
-139,201
2543
748,105
859,761
760,863
98,898
-111,656
-9,759
-121,415
หน่วย: ล้ำนบำท
2545
2547
2549P
848,707 1,127,153 1,339,691
1,003,600 1,140,110 1,395,283
917,767 1,052,660 1,270,739
85,833
87,450 124,544
-154,893
-12,957
-55,593
4,471
-55,018
93,090
-150,422
-67,975
37,497
ที่มำ: กรมบัญชีกลำง
จัดทำโดย: สำนักนโยบำยกำรคลัง สำนักงำนเศรษฐกิจกำรคลัง
ผู้รับผิดชอบข้อมูล: นำงสำวชำธินี ภคสุภำ
ปรับปรุงครั้งสุดท้ำยวันที่: 26 กันยำยน 2550
หมำยเหตุ: รำยได้นำส่งคลังตั้งแต่เดือน ก.ย. 48 เปนตัวเลขประมำณกำรของ สศค.
155
ฐานการจัดเก็บภาษีของร ัฐบาล
Y = C + I + G + (X - M)
ฐานจากรายได้



ภำษีเงินได ้บุคคล
ธรรมดำ
ภำษีเงินได ้นิ ติ
บุคคล
ภำษีเงินได ้
ปิ โตรเลียม
ฐานจากการ
บริโภค



่
ภำษีมูลค่ำเพิม
ภำษีธรุ กิจเฉพำะ
และอำกรแสตมป์
ภำษีสรรพสำมิต
ฐานจากการค้า
ระหว่างประเทศ
 กำรนำเข ้ำและ
ส่งออก
156
ความสัมพันธ ์ระหว่างฐานภาษีและ
วัตถุประสงค ์
ฐานภาษี
ฐานจากรายได้
ฐานจากการ
บริโภค
วัตถุประสงค ์



ฐานจาก
การค้าระหว่าง
ประเทศ

กระจายรายได้โดยการจัดเก็บ
ภาษีอ ัตราก้าวหน้า
จากัดการบริโภคสินค้าทีร่ ัฐบาล
ต้องการให้จากัด โดยการจัดเก็บ
ภาษีสรรพสามิต
หารายได้ให้ร ัฐบาล โดยจัดเก็บ
้
และ
จากสินค้าทังในประเทศ
นาเข้าจากต่างประเทศ
คุม
้ ครองอุตสาหกรรมในประเทศ
157
(แต่ปัจจุบน
ั ลดความสาคัญลง)
แนวทางการปฏิรูปการบริหารภาษี




่ ดใน
ประสิทธิภำพ (Efficiency) มีต ้นทุนต่ำทีสุ
กำรจัดเก็บรำยได ้
ประสิทธิผล (Effectiveness) ผลจัดเก็บเป็ นไป
่ ำหนด
ตำมเป้ ำหมำยหรือนโยบำยทีก
ควำมร ับผิดชอบ (Responsiveness) กำร
ตอบสนองจำกผูเ้ สียภำษีทดี
ี่ หรือมี compliance
่ ซึงอำจพิ
่
ทีดี
จำรณำจำกกำรร ้องเรียน หรือกำร
ยินดีจำ่ ย
แรงจูงใจ (motivation) ของผูจ้ ด
ั เก็บ มีแรงจูงใจ
ในกำรจัดเก็บ ปัญหำกำรทุจริตมีนอ้ ยหรือไม่มี 158
ผลของภาษีทมี
ี่ ตอ
่ ภาคเอกชน



ต่อรายได้
ต่อระดับราคา หรือการบริโภค
ต่อสวัสดิการโดยรวมของสังคม เป็ นผลจาก
่
การเปลียน
แปลงการใช้ทร ัพยากรในประเทศ
159
่ จริง
การจัดเก็บภาษีและภาระทีแท้
(Taxation and Incidence)
่ จริง (Tax
เป็ นความพยายามหาภาระทีแท้
Incidence)
้ ้
ของการจัดเก็บภาษีวา
่ ตกอยู ่กบ
ั ใคร ทังนี
เนื่ องจากการ
จัดเก็บภาษีมก
ี ารผลักภาระออกไปทัง้
ข้างหน้าและข้างหลัง
้ั ท
่ ายเงิน
ในการเสียภาษีนนผู
้ ท
ี่ าหน้าทีจ่
160
่
ภาระภาษีแท้จริง คือการเปลียนแปลงของรายไ
ของเอกชนเนื่ องมาจากการเก็บภาษี
ประเด็นสาคัญคือการหาความแตกต่างระหว่าง
1. Statutory incidence: บอกถึงผู ท
้ เสี
ี่ ยภาษีต
2. Economic Incidence: บอกถึงผู ท
้ เสี
ี่ ยภาษ
้ อ การผลักภ
ความแตกต่างของภาระทัง้ 2 นี คื
161
ภาระภาษีแท้จริง
้ จะร
่
เฉพาะบุคคลเท่านันที
ับภาระภาษี
้ ผู ท
กรณี ของนิ ตบ
ิ ุคคลนัน
้ รี่ ับภาระแท้จริงคือ ผู ถ
้
้
เจ้าของปั จจัยการผลิต หรือผู บ
้ ริโภคเท่านัน
เพราะ ผู ถ
้ อ
ื หุน
้ เจ้าของปั จจัยการผลิต และผู บ
้ รโ
เป็ นผู ท
้ ได้
ี่ ประโยช ์นจากการผลิต การเสียภาษีท
่
่
เปลียนแปลงของการกระจายรายได้
ของผู ท
้ เกี
ี่ ยว
้
่ (sources) และใช้ไปของร
ทังจากทางด้
านทีมา
162
้ บปัจจัยสำคัญคือ กำรกำหนด
ภำระภำษีแท ้จริงขึนกั
เป็ นอย่ำงไร?
่
ดังนั้น กำรพิจำรณำภำระภำษีทแท
ี่ ้จริงจึงจำเป็ นทีต
วิธก
ี ำรกำหนดรำคำ หรือกล่ำวอีกนัยหนึ่ งต ้องรู ้ De
่ ้ในกำรกำหนดระดับของรำคำ
Supply ทีใช
163
ขนาดของการผลักภาระของภาษีจะทาได้อย
หรือไม่ขนอยู
ึ้
่กบ
ั Demand และ Supply และอ
้ั
ภาระได้มากกว่าหนึ่ งครงหรื
อยืดยาวออกไป ท
่
องของภาษีวา
่ มีถงึ ใครกับบ้าง
ความเกียวข้
่
ประเด็นทีสนใจคื
อใครเป็ นผู ท
้ ต้
ี่ องร ับภาระภาษ
ในขบวนการผลักภาระภาษี
164
การแสดงออกของการผลักภาระภาษีสามารถแส
่
1. การเปลียนแปลงของระดั
บราคา
1.1 ราคาสินค้า
1.2 ราคาปั จจัยการผลิต
่ ความห
แต่ราคาสินค้ามักหมายถึงเฉพาะทีมี
้ นครง้ั จึงจะร ับภาระเมือซื
่ อ้ แต่สน
ต้องซือเป็
ิ ค้าทม
ใช้วธ
ิ ก
ี ารเดียวกันไม่ได้ เพราะไม่สามารถคิดราค
่ จริงได้
ภาระทีแท้
165
่
2. การเปลียนแปลงของมู
ลค่า สินค้าทุน (Capitaliz
่ น สินค้าค
Amortization Value) เช่นพันธบัตร ทีดิ
่
่ น
้ amor
กรณี capitalization เป็ นการทีราคาเพิ
มขึ
เป็ นกรณี ทราคาลดลง
ี่
่
ไม่เหมือนกับการเปลียนแปลงของราคาเพราะราคาท
ไม่ได้เกิดจากภาษีแต่เป็ นเพราะการใช้ หากไม่มก
ี ารซ
้
้
จะตกกับผู ถ
้ อ
ื ครองสินค้านัน
นันภาระภาษี
166
การวิเคราะห ์ภาระภาษีแท้จริงทาได้ 2 วิธ ี ค
1. ดุลยภาพบางส่วน Partial Equilibrium
่
2. ดุลยภาพทัวไป
General Equilibrium
ทัง้ 2 กรณี จะเป็ นการวิเคราะห ์ภายใต้ เงื่อน
แข่งขันสมบู รณ์ (Competitive Market)
167
ประเด็นสาคัญไม่วา
่ จะใช้วธ
ิ ก
ี ารอะไรในการวิเคร
ได้ร ับเป็ นเพียงภาระภาษีทแท้
ี่ จริง (Incidence)
เป็ นการแสดงให้เห็นถึง ผลต่อผลผลิต (Outpu
การโยกย้ายทร ัพยากร (Resource Transfer)
168
การวิเคราะห ์ดุลยภาพบางส่วน (Partial E
การวิเคราะห ์แบบดุลยภาพบางส่วนเป็ นกา
้ แล
ภาระภาษีในตลาดใดตลาดหนึ่ งเท่านัน
้
่
อาจเกิดขึนในตลาดอื
นๆ
169
ตัวอย่างของภาษี แบบต่อหน่ วย (Unit Tax) หรืออาจ
ภาษีการขาย (commodity sold tax)
price
a
p1
S
b
E
u
c
d
D1
q2 q1
กรณีเก็บภำษี จำกผู ้บริโภค
D0
quantity
170
ระยะห่าง u คือ อ ัตราภาษีทเก็
ี่ บในอ ัตราคงที่ uท
่ การแลกเปลียน
่
สินค้าทีมี
้ งทาให้เส้น Demand ขยับเลือนไปทางซ
่
ดังนันจึ
กับเส้น Demand เดิม
171
่ บ
a คือราคาทีผู
้ ริโภคจะต้องจ่ายในการบริโภค
่ ผ
c คือราคาทีผู
้ ลิตได้ร ับจากการขายสินค้า
้ั
่ ดขึน
้
u คือจานวนภาระภาษีทงหมดที
เกิ
เห็นได้วา
่ ขนาดของภาระภาษีทแต่
ี่ ละฝ่ายได้ร ับ
โดยสามารถพิจารณาได้จาก Consumer แล
Surplus
172
abEP1 คือConsumer Surplus ทีส
่ ญ
ู หำยไปสำหรับ
cdEP1 คือ Supplier Surplus ทีส
่ ญ
ู หำยไปของผู ้ผล
173
Abcd แสดงให้เห็นถึงขนาดของภาระภาษีทเก
ี่
การเก็บภาษี
โดยภาระของภาษีด ังกล่าวจะถู กแบ่งออกเป็ นส
ผู ผ
้ ลิตและผู บ
้ ริโภค
่
ซึงขนาดของภาระภาษี
ทแต่
ี่ ละฝ่ายจะต้องร ับภ
ประเด็นสาคัญของการศึกษา เพราะไม่จาเป็ น
ฝ่ายต้องร ับภาระเท่าๆกัน
174
ตัวอย่ำงของภำษี แบบต่อหน่วย (Unit Tax)
S1
price
S0
a
p1
c
b
E
u
d
D0
q1
กรณีเก็บภำษี จำกผู ้ผลิต
quantity
175
คาถามสาคัญคือ อะไรทาให้ภาระของภาษีระห
ผู บ
้ ริโภคมีความแตกต่างกัน และมีปัจจัยอะไรท
้
แตกต่างขึน
ถ้าหากสามารถหาคาตอบได้จะทาให้สามารถอ
ความเหมาะสมกับเงื่อนไขของการผลิตและบร
่
การผลักภาระทีเหมาะสมหรื
อควบคุมการจัดส
176
คาตอบของปั จจัยกาหนดขนาดของภาระภาษีทแต่
ี่ ล
จะต้องร ับภาระคือ ลักษณะของเส้น Demand และ S
ลักษณะด ังกล่าวคือความยืดหยุ่นของเส้น Demand
นั่นเอง
177
กรณีผู ้บริโภครับภำระทัง้ หมด (1)
price
p1
v
S1 (หลังภำษี)
t
P0
u
S0
(ก่อนภำษี )
D0
q1
q0
quantity
เห็นได ้ว่ำขนำดของ Consumer Surplus ได ้ลดลงตำมกำร
supply
178
้
กรณี ผูบ้ ริโภคร ับภำระทังหมด
(2)
Price
p1
P0
D0
S1 (หลังภำษี )
t
q1
u
S0
(ก่อนภำษี )
Quantity
179
้
กรณี ผูผ้ ลิตร ับภำระทังหมด
Price
S0
p0 = p1
= )(ก่อนภำษี )
(หลังภำษี
D0
D1
q1
Quantity
180
้
กรณี ผูผ้ ลิตร ับภำระทังหมด
S0
Price
p1
P0
D1
t
q1
u
(หลังภำษี )
D0 (ก่อนภำษี)
Quantity
181
่ นเต็
้
ในกรณี นี้ ราคาเพิมขึ
มจานวนตามการ
อน
ั เนื่ องมาจากภาษีทเก็
ี่ บเท่ากับ u
่
้ นได้วา
ซึงในกรณี
นีเห็
่ เส้น Demand มีความล
แต่ Supply มี ความลาดช ัน เป็ น ศู นย ์ (ความ
infinity)
182
่ ของร ัฐบำล:
มำตรกำรหำรำยร ับอืนๆ
กำรกู ้ยืมภำคร ัฐ
183
การขาดดุลงบประมาณของร ัฐบาล
ความหมายของการขาดดุลงบประมาณ
 ดุลงบประมาณ: ผลต่างระหว่างรายได้รายจ่ายตามงบประมาณ
 ดุลเงินสด: ผลต่างระหว่างรายได้่
้ นใน-เงินนอก
รายจ่ายจริงทีรวมทั
งเงิ
งบประมาณ
184
วัตถุประสงค ์กำรขำดดุลงบประมำณ



่
หำรนโยบำยกำรคลังของร ัฐบำลให ้มี
เพือบริ
่
เสถียรภำพ เพือกำร
refinancing ฐำนะกำรเงิน
ของร ัฐบำล
่ ฒนำเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
เพือพั
่ ฒนำตลำดเงินและตลำดทุนภำยในประเทศ
เพือพั
นโยบายการขาดดุลของร ัฐบาลถือเป็ น
่
ช่องทางเชือมโยงกั
บเศรษฐกิจภาคเอกชนทัง้
โดยตรงและโดยอ้อม
185
้
ยุทธศำสตร ์กำรเติบโตด ้วยหนี สำธำรณะ

ประเทศต ้องมีกำรสะสมทุน (Capital
Accumulation)
 การออมภายในประเทศ
 ช่องว่างเงินตราระหว่างประเทศ
 ช่องว่างการค้าระหว่างประเทศ
186
สมการการออมจากเอกลักษณ์ของบัญชีรายได้
ประชาชาติ
้
ดังนัน
Y = C + I + G + (X-M) และ Y = C + S + T
C + I + G+ (X-M) = C + S + T
I + G + (X-M) =
S+T
(S+ T) – (I + G) = (X-M)
(S – I) + (T-G)
= (X-M)
saving gap + fiscal gap = foreign exchange
gap ( goods and services)
187
2535-2539
2543
2545
2548
อ ัตราการออม (%)
34.7
30.4
29.3
29.5
อ ัตราการลงทุน (%)
40.8
22.0
23.8
31.5
ส่ส่ววนต่
- 6.1
+ 8.4
+ าเข
นต่าางงระหว่างการออมและการลงทุ
นทาให้
ตอ้ งมีการน
่ ามาใช้ชดเชยส่วนต่างนน
5.5
- 2.0 างประเทศเพือน
หรือเงินออมจากต่
อยู ่ในรู ปของการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด หรือการนาเข้าขอ
188
ประเภทและวิธก
ี ำรชดเชยกำรขำดดุลงบประมำณ



้
กำรขึนภำษี
กบั ประชำชน
กำรกู ้จำกภำยในประเทศ
กำรกู ้จำกต่ำงประเทศ
189
วิธพ
ี จิ ำรณำทำงเลือกกำรชดเชยกำรขำดดุล
งบประมำณ




่ ดต่ออุปสงค ์รวมของประเทศ
ผลทีเกิ
ผลต่อปริมำณเงินของประเทศ
ผลต่อโครงสร ้ำงเศรษฐกิจโดยรวม
้
ผลต่ออัตรำดอกเบียในประเทศ
190
้
กำรขึนภำษี
กบั ประชำชน


่ ด เว ้นแต่
่ ปัญหำทำงกำรคลังน้อยทีสุ
เป็ นวิธก
ี ำรทีมี
เป็ นกำรผลักภำระจำกประชำชนรุน
่ หนึ่ งไปสูอ
่ ก
ี รุน
่
หนึ่ ง
่ งทำให ้ประชำชนรุน
้ ได ้
่ อหนี ไม่
กำรเก็บภำษีเพิมจึ
่ ทีก่
้ ก่
่ อขึน้ ดังนั้นกำรนำรำยได ้จำกเงินกู ้
ร ับภำระหนี ที
่ ้องพิจำรณำให ้รอบคอบ
มำใช ้จ่ำยจึงเป็ นประเด็นทีต
191
กำรกู ้ภำยในประเทศ
ประเภทของแหล่งเงินกู ้
่ ด เพราะกระทบ
 ธนาคารกลาง มีปัญหามากทีสุ
ปริมาณเงินในประเทศ
่
 ประชาชนทัวไป
โดยการขายพันธบัตรให้ก ับ
้ ับภาวะเศรษฐกิจ เพราะ
ประชาชน ผลกระทบขึนก
เป็ นการดึงเงินจากมือประชาชน ทาให้การบริโภค
หรือการออมลดลงได้
 สถาบันการเงินเอกชน เกิดปั ญหาการทดแทนก ับ
ภาคเอกชน (Crowding Out Effect)
 สถาบันการเงินของร ัฐ เป็ นการนาเงินออมของร ัฐมา
่
ใช้ เป็ นปั ญหาความเสียงในการบริ
หาร
192
กำรกู ้จำกต่ำงประเทศ

เป็ นการลดช่องว่างการออมกับการลงทุน (SavingInvestment Gap)


้
างประเทศ
อาจก่อปั ญหาภาระหนี ระหว่
้
มีผลกระทบต่อปริมาณเงิน อ ัตราดอกเบียในประเทศ
193
ผลกำรกู ้ยืมต่อเศรษฐกิจ




ผลต่อกำรขยำยตัวทำงเศรษฐกิจ
ผลต่อระดับรำคำภำยในประเทศ
ผลต่อดุลบัญชีชำระเงินของประเทศ
ผลต่อกำรกระจำยรำยได ้ภำยในประเทศ
194
การพิจารณาขนาดภาระหนี ้
ต่างประเทศ
พิจารณาได้จากอ ัตราส่วนความสามารถใน
การบริหารหนี ้ (Debt Service Ratio)
Debt service ratio
้ างประเทศ
หนี ต่
ส่งออกสินค้าและบริการ
=
มู ลค่าภาระ
มู ลค่าการ
195
้ ำงประเทศ
ผลกระทบกำรชำระหนี ต่
่ ตอ
ผลกระทบทีมี
่ ร ัฐบาล




ต่องบประมำณของประเทศ
่
ต่อภำวะอัตรำแลกเปลียนของประเทศ
ต่อควำมสำมำรถในกำรหำรำยได ้ของประเทศ
(พิจำรณำจำกดุลบัญชีชำระเงิน)
่ ยงของประเทศ
ต่อชือเสี
196
้ ำงประเทศ
ผลกระทบกำรชำระหนี ต่
่ ตอ
ผลกระทบทีมี
่ ประชาชน (ในอนาคต)



้
ปของภำษี ทำให ้
ทำให ้เกิดกำรโอนภำระหนี ไปอนำคตในรู
้
่
คนจนมีภำระหนี มำกขึ
น้ เพรำะไม่โอกำสหลีกเลียงภำษี
มำกนัก
ผลต่อกำรสะสมทุนของประเทศลดลง เพรำะต ้องนำรำยได ้
ประเทศไปใช ้คืนหนี ้
ผลต่อกำรพัฒนำประเทศในระยะยำวลดลง
197
้
หนี สาธารณะก
ับการพัฒนา
ประเทศ
198
้
หนี สำธำรณะ
้
1 ควำมหมำยหนี สำธำรณะของไทย
้
2 ควำมเป็ นมำของกำรก่อหนี สำธำรณะ
้
และหนี สำธำรณะในช่
วงวิกฤติ
เศรษฐกิจ
้
3 กำรบริหำรหนี สำธำรณะและข
้อสังเกต
่
้
เกียวกั
บกำรก่อหนี สำธำรณะ
199
้
1. ควำมหมำยของหนี สำธำรณะ
้
หนี สำธำรณะของไทยตำมนิ
ยำมหลังเกิดวิกฤติ
เศรษฐกิจ
้ กู
่ ้จำกทังในประเทศและ
้
หมำยถึง หนี ที
้
ต่ำงประเทศทีร่ ัฐบำลกู ้โดยตรงทังในส่
วนของของ
่ และหนี ที
้ ร่ ัฐบำลคำประกั
้
ร ัฐบำลและท ้องถิน
น หนี ้
่ เป็ นสถำบันกำรเงินกู ้ ทังที
้ ร่ ัฐบำล
ร ัฐวิสำหกิจทีไม่
้
้
้
้
ค
ำประกั
น
และไม่
ค
ำประกั
น
และหนี
สิ
นน
ของกองทุ
น ยค
โดยผูร้ ับภำระในกำรชำระคืนต ้นเงิ
กู ้และดอกเบี
่
้ นฟูและพัฒนำสถำบันกำรเงิน
เพือกำรฟื
200
้
1. ควำมหมำยของหนี สำธำรณะ
( ต่อ )
้
่ นภำระงบประมำณ หมำยถึง หนี ที
้ ่
หนี สำธำรณะที
เป็
ร ัฐบำลกู ้โดยตรง
้ ให
่ ้ร ัฐวิสำหกิจกู ้ต่อ
หัก หนี ที
้
หัก ยอดหนี คงค
้ำงตำมพันธบัตร
้
หัก หนี ของร
ัฐวิสำหกิจทีร่ ัฐบำลร ับภำระบำงส่วนหรือ
้ ำนวน
ทังจ
้ ร่ ัฐบำลร ับจะชดใช ้ควำมเสียหำยให ้แก่
บวก หนี ที
่
้ นฟูฯ
กองทุนเพือกำรฟื
201
การกู ย
้ ม
ื ในภาวะปกติของประเทศของ
ร ัฐบาล
่ อทีใช
่ ้ได ้แก่
 เครืองมื
๋ น
พันธบัตรร ัฐบำล ตัวเงิ
๋ ญญำใช ้เงิน ทีขำยให
่
คลัง หรือตัวสั
้แก่
สถำบันกำรเงินและ/หรือเอกชนในประเทศ
 เงินกู ้ต่ำงประเทศ เป็ นกำรกู ้โดยตรงระหว่ำง
่ ำไปซือสิ
้ นค ้ำและบริกำรต่ำงๆ
ร ัฐบำล เพือน
่
้ในกำรพัฒนำประเทศ
จำกต่ำงประเทศ เพือใช
รวมถึงอำวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ หรือ
่
เพือสนองควำมต
้องกำรเฉพำะด ้ำนของ
ร ัฐบำล
202
สำเหตุกำรกู ้ยืมของร ัฐบำลในปัจจุบน
ั



้
หนี ในประเทศ
่
เพือชดเชยควำมเสี
ยหำย
และปร ับโครงสร ้ำงแหล่ง
เงินทุนของกองทุนฟื ้ นฟูฯ
่
เพือเสริ
มสร ้ำงควำมมั่นคง
ของระบบสถำบันกำร
้ั ่ 1 และ 2
เงินกองทุนชนที
(มำตรกำร 2 สิงหำคม)
่
เพือชดเชยกำรขำดดุ
ล
กำรคลังของร ัฐบำล





้ างประเทศ
หนี ต่
่ งกระตุ ้นสภำวะเศรษฐกิจ
เพือเร่
่
เพือเสริ
มสร ้ำงสภำพคล่องกำร
ส่งออก
่
เพือปร
ับโครงสร ้ำงทำง
เศรษฐกิจ
่
เพือปร
ับโครงสร ้ำงทำงกำรเงิน
่
เพือรองร
ับผลทำงลบต่อสังคม
203
้
กำรควบคุมกำรก่อหนี สำธำรณะ



้ร ับ พิจำรณำจำกควำม
หลักผลประโยชน์ทจะได
ี่
พร ้อมและควำมจำเป็ นของโครงกำรลงทุนเป็ นหลัก
่
หลักควำมมันคงในระยะยำว
ดูจำก Debt
Service Ratio
หลักอำนำจตำมกฎหมำย




พ.ร.บ. ตั๋วเงินคลัง 2487
พ.ร.บ. วิธก
ี ำรงบประมำณ 2502
่ FIDF 2541
พระรำชกำหนดฯ กู ้ยืมเพือ
ฯลฯ
204
้
กำรก่อหนี และกำรบริ
หำรหนี ้
สำธำรณะ


้
องค ์ประกอบของหนี สำธำรณะ
–
้ ร่ ัฐบำลกู ้โดยตรง
(1) หนี ที
่ ใช่สถำบัน
้
ัฐวิสำหกิจทีมิ
(2) หนี ของร
กำรเงิน
้
(3) หนี กองทุ
นฟื ้ นฟูฯ
้
้
กำรก่อหนี และบริ
หำรหนี สำธำรณะ
ร ับผิดชอบโดย สำนักงำนบริหำรหนี ้
สำธำรณะกระทรวงกำรคลัง
205
้
การก่อหนี สาธารณะ


กำรก่อหนีภ
้ ำยในประเทศ
กำรก่อหนีภ
้ ำยนอกประเทศ
206
เหตุผลและควำมจำเป็ นในกำรก่อหนีส
้ ำธำรณะ




เพือ
่ กำรฟื้ นฟูเศรษฐกิจในชว่ งวิกฤติเศรษฐกิจ
เพือ
่ กำรพัฒนำเศรษฐกิจและสงั คม
เพือ
่ กำรพัฒนำตลำดเงินตลำดทุน
ภำยในประเทศ
เพือ
่ กำรบริหำรสภำพคล่องและกำรคลังของ
รัฐบำล
207
พ.ร.บ. วิธงี บประมำณ พ.ศ. 2502
กู ้ได ้กรณีจัดทำงบประมำณประจำปี แบบขำดดุล
กู ้ได ้ไม่เกิน
20% ของเงินงบประมำณรำยจ่ำยประจำปี กับอีก
80% ของงบประมำณรำยจ่ำยทีต
่ งั ้ ไว ้ชำระคืนต ้นเงินกู ้
กำรกู ้เงินจะใชวิ้ ธอ
ี อกตัว๋ เงินคลัง พันธบัตร ตรำสำรอืน
่
ั ญำกู ้ก็ได ้
หรือทำสญ
208
พ.ร.บ. ให ้อำนำจกระทรวงกำรคลังกู ้เงินจำก
ต่ำงประเทศ พ.ศ. 2519

ให ้กระทรวงกำรคลังมีอำนำจกู ้เงินจำกต่ำงประเทศเพือ
่
ใชจ่้ ำยลงทุนในกำรพัฒนำเศรษฐกิจและสงั คมของ
ประเทศในนำมรัฐบำลแห่งรำชอำณำจักรไทยจำก
สถำบันกำรเงินระหว่ำงประเทศ
รัฐบำลต่ำงประเทศ
สถำบันกำรเงินของรัฐบำลต่ำงประเทศ
แหล่งเงินกู ้ของเอกชนในต่ำงประเทศ

ิ ปี
ระยะเวลำชำระต ้นเงินคืนต ้องไม่เกินห ้ำสบ
209
้
การบริหารหนี สาธารณะ
กำรชำระล่วงหน้ำ
(PREPAYMENT)
กำรหำแหล่งเงินกู ้ทดแทน (
REFINANCE)
กำรแปลงหนี ้ (SWAP)
210
้ นโดยตรง
หนี สิ
(ข้อผู กพันต้อง
่
ชาระเมือครบ
กาหนด)
ภาระผู กพัน
้ นทีอาจ
่
(หนี สิ
้
เกิดขึน)
่ ด
(ข้อผู กพันเมือเกิ
เหตุการณ์
บางอย่าง)
แบบแน่ นอน
(Explicit
Liabilities)
กำรกู ้ยืมโดยตรงของ
ร ัฐบำล กำรออก
้
พันธบัตรทังในและ
ต่ำงประเทศ ภำระ
ค่ำใช ้จ่ำยตำม
งบประมำณ ค่ำใช ้จ่ำย
ประจำต่ำงๆ
้
้
ร ัฐบำลคำประกั
นหนี ของ
ร ัฐบำลระดับต่ำงๆ หรือ
้ นๆ
่ เช่น เงินกู ้เพือ
่
หนี อื
กำรศึกษำ
แบบโดยนัย
(Implicit
้ ร่ ัฐบำล
กำรจ่ำยบำนำญ กำร
ควำมผูกพันหนี ที
จ่ำยผลประโยชน์กองทุน ระดับต่ำงๆ ก่อและประสบ
ประกันสังคม ฯลฯ (แต่
ควำมล ้มเหลว เช่น กอง
211
สัดส่วนยอดหนี ง ้างภา รัฐและอัตรา ยายตัว GDP
3,500.00
8.0
6.0
3,000.00
4.0
2,500.00
2.0
-2.0
ร้อยละ
พันล้านบาท
0.0
2,000.00
ยอดหนี้คงค้ำงภำครัฐ
อัตรำขยำยตัวของ GDP
1,500.00
-4.0
-6.0
1,000.00
-8.0
500.00
-10.0
0.00
-12.0
2539
2540
2541
2542
2543
2544
2545
2546
2547
2548
2549 p 1/
ป
212
ภำระในกำรชำระหนีข
้ องของรัฐบำล(ต่อ)
ภาระหนี/้ งบปะมาณ
%
20
10
12.07 12.56 13.75
1
0
.6
9
9.04
16.5 15.72 15.7215.78
0
2543 2544 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551
213
ภำระในกำรชำระหนีข
้ องของรัฐบำล
ดุลเงินสด/ GDP
%
2
0
-2 2543 25442545 2546 25472548 25492550 2551
-4
214
ภำระในกำรชำระหนีข
้ องรัฐบำล(ต่อ)
หนีค้ งคาง/G
้ DP
80 58.04 57.83 55.36 54.64 54.26 53.15 51.5
49.16 47.25
60
40
20
0
2543 2544 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551
215