การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการประกัน คุณภาพการศึกษา พลเรือตรีหญิง ดร.สุภทั รา เอื้อวงศ์ ผูช้ ่วยอธิการบดีและผูอ้ านวยการสานักประกันคุณภาพการศึกษา เครือข่ายคืออะไร เครื อข่ าย (Network) คือ การเชื่ อมโยงของกลุ่มของคนหรื อกลุ่ม องค์ก รที่ ส มัครใจ ที่ จะแลกเปลี่ ย.

Download Report

Transcript การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการประกัน คุณภาพการศึกษา พลเรือตรีหญิง ดร.สุภทั รา เอื้อวงศ์ ผูช้ ่วยอธิการบดีและผูอ้ านวยการสานักประกันคุณภาพการศึกษา เครือข่ายคืออะไร เครื อข่ าย (Network) คือ การเชื่ อมโยงของกลุ่มของคนหรื อกลุ่ม องค์ก รที่ ส มัครใจ ที่ จะแลกเปลี่ ย.

การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการประกัน
คุณภาพการศึกษา
พลเรือตรีหญิง ดร.สุภทั รา เอื้อวงศ์
ผูช้ ่วยอธิการบดีและผูอ้ านวยการสานักประกันคุณภาพการศึกษา
เครือข่ายคืออะไร
เครื อข่ าย (Network) คือ การเชื่ อมโยงของกลุ่มของคนหรื อกลุ่ม
องค์ก รที่ ส มัครใจ ที่ จะแลกเปลี่ ย นข่ าวสารร่ ว มกัน หรื อท ากิ จ กรรม
ร่ วมกัน โดยมีการจัดระเบียบโครงสร้ างของคนในเครื อข่ายด้วยความ
เป็ นอิสระ เท่ าเทียมกันภายใต้พ้ืนฐานของความเคารพสิ ทธิ เชื่อถือ เอื้อ
อาทร ซึ่งกันและกัน
การสร้ างเครือข่ าย(Networking)
การทาให้มีการติดต่อ สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ข่าวสารและการร่ วมมือกันด้วยความสมัครใจ
การสร้างเครื อข่ายควรสนับสนุนและอานวยความสะดวก ให้
สมาชิกในเครื อข่ายมีความพัมพันธ์กนั ฉันท์เพื่อน ที่ต่างก็มีความ
เป็ นอิสระมากกว่าสร้างการคบค้าสมาคมแบบพึ่งพิง
การสร้างเครื อข่ายต้องไม่ใช่
การสร้างระบบติดต่อด้วยการ
เผยแพร่ ข่าวสารแบบทางเดียว
แต่จะต้องมีการแลกเปลี่ยน
ข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน
ประโยชน์ ของเครือข่าย
• เกิดการยอมรับในเครื อข่าย เกิดศรัทธา ไว้วางใจกัน
• เป็ นช่องทางการประสานงานร่ วมกัน
• เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและระดมทรัพยากร
• จุดประกายความหวังใหม่ๆ เกิดการสร้างสรรค์
และพัฒนาองค์ความรู ้ใหม่ๆ (แลกเปลี่ยนความรู้ รู้กว้าง)
• สร้างกระแสผลักดันให้เกิดประเด็นใหม่ๆ
• มีที่ปรึ กษา เวลาเผชิญปัญหา
ลักษณะของเครื อข่าย
• ความสัมพันธ์ของสมาชิกในเครื อข่ายต้องเป็ นไปโดย
สมัครใจ
• กิจกรรมที่ทาในเครื อข่ายต้องมีลก
ั ษณะเท่าเทียม
หรื อแลกเปลี่ยนซึ่ งกันและกัน
• การเป็ นสมาชิก เครื อข่ายต้องไม่มีผลกระทบต่อความ
เป็ นอิสระหรื อความเป็ นตัวของตัวเองของคน
หรื อองค์กรนั้น ๆ
องค์ ประกอบของเครือข่ าย
1. มีการรับรู้และมุมมองที่เหมือนกัน (common perception)
2. การมีวสิ ยั ทัศน์ร่วมกัน (common vision)
3. การมีส่วนร่ วมของสมาชิกทุกคนในเครื อข่าย (stakeholders
participation)
4. มีการเสริ มสร้างซึ่ งกันและกัน (complementary relationship)
5. มีการเกื้อหนุนพึ่งพากัน (interdependent)
6. มีความสนใจหรื อมีผลประโยชน์ร่วมกัน (mutual
interests/benefits)
7. มีปฏิสมั พันธ์กนั ในเชิงแลกเปลี่ยน (interaction)
การรับรู ้มุมมอง มีความสนใจ
สมาชิกของเครื อข่ายต้องมีความรู้สึก
นึกคิด และการรับรู ้ร่วมกันถึง บทบาทและการ
มีส่วนร่ วมในเครื อข่าย มีความเข้าใจในงาน ปัญหา
แนวทางพัฒนา มองและมีเป้ าหมายในอนาคตใน
ความสาเร็ จของข่ายงานร่ วมกัน
การมีวสิ ยั ทัศน์ร่วมกัน
การที่สมาชิกมองเห็นจุดหมายในอนาคตเป็ นภาพเดียวกัน มีการ
รับรู ้และเข้าในไปในทิศทางเดียวกันและมี
เป้ าหมายที่จะเดินไปด้วยกัน การมีวสิ ยั ทัศน์
ร่ วมกันจะทาให้กระบวนการขับเคลื่อเกิดพลัง
มีความเป็ นเอกภาพและช่วยผ่อนคลายความ
ขัดแย้งอันเกิดจากความเห็นที่แตกต่างกัน
การมีส่วนร่ วมจากทุกฝ่ ายในเครื อข่าย
การมีส่วนร่ วมของสมาชิกในเครื อข่ายเป็ นกระบวนการที่สาคัญ
ในการพัฒนาความเข้มแข็งของเครื อข่ายเพราะการมีส่วนร่ วมทุกฝ่ าย
ในเครื อข่าย ย่อมเป็ นเงื่อนไขที่ทาให้เกิดการร่ วมรับรู้ ร่ วมคิด ร่ วม
ตัดสิ นใจ และร่ วมลงมือกระทา ดังนั้น
สถานะของสมาชิกในเครื อข่ายจึงควร
เป็ นไปในลักษณะของความเท่าเทียมกัน
ในฐานะของ "หุน้ ส่ วน " ของเครื อข่าย ซึ่ ง
เป็ นความสัมพันธ์ในแนวราบที่เท่าเทียม
กัน
แทนความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง
การเสริ มสร้างและเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน
จุดเริ่ มต้นเป็ นการส่ งเสริ มการเชื่อมโยงระหว่าง
สมาชิกเพื่อบรรลุเป้ าหมาย ดังนั้น
สมาชิกจาเป็ นต้องพึ่งพากันและกัน
เพื่อให้เกิดการเสริ มสร้างซึ่ งกันและกัน
การจะทาให้สมาชิกของเครื อข่ายมีความผูกพันกัน จาเป็ นต้องทา
ให้สมาชิกรู้สึกว่าตัวเองเป็ นส่ วนสาคัญ และมีคุณค่าในเครื อข่าย
การดารงอยูข่ องสมาชิกแต่ละคนจึงจาเป็ นต่อการดารงอยูข่ อง
เครื อข่าย ซึ่ งการพึ่งพิงนี้ส่งผลให้สมาชิกต้องมีการปฎิสมั พันธ์
ระหว่างกัน
การเกิดผลประโยชน์ร่วมกัน
การรวมเป็ นเครื อข่ายตั้งอยูบ่ นฐานของผลประโยชน์ของ
สมาชิกที่มีร่วมกัน ผลประโยชน์ในนี้ครอบคลุมทั้งผลประโยชน์ที่
เป็ นตัวเงินและผลประโยชน์ไม่ใช่ตวั เงิน
การที่สมาชิกจะเข้ามามีส่วนร่ วมในเครื อข่าย
จาเป็ นที่จะต้องคานึงถึงผลประโยชน์ ที่สมาชิกจะ
ได้รับจากการเข้าร่ วม แม้ผลประโยชน์ที่ได้รับอาจ
มากน้อยต่างกัน แต่ทุกคนได้รับผลประโยชน์
การปฏิสมั พันธ์เชิงแลกเปลี่ยน
สมาชิกในเครื อข่ายต้องทากิจกรรมร่ วมกันเพื่อให้เกิดการปฎิ
สัมพันธ์ระหว่างสมาชิก เช่น มีการติดต่อกันผ่านทางการเขียนหรื อ
การพบปะพูดคุย การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน มี
กิจกรรมประชุมสัมมนาร่ วมกัน ซึ่งความสัมพันธ์เชิงแลกเปลี่ยน
ระหว่างกัน มิใช่ปฎิสมั พันธ์ฝ่ายเดียว
การจัดการเครือขาย
่
1. การสร้างความตระหนักเห็นความสาคัญในการรวมตัวของสมาชิ ก
2 การสร้างจุดร่ วมของผลประโยชน์ของสมาชิกในเครื อข่าย
3 สร้างแนวร่ วมของสมาชิกเครื อข่ายให้กว้างขวาง
4 แสวงหาแกนนาที่ดีและกาหนดบทบาทของสมาชิก
การรักษาเครือขาย
่
• การจัดกิจกรรมร่ วมที่ดาเนินการอย่างต่อเนื่อง
• การรักษาสัมพันธภาพที่ดีระหว่างสมาชิกเครื อข่าย
• การกาหนดกลไกสร้างระบบจูงใจ
• การจัดหาทรัพยากรสนับสนุนอย่างพอเพียง
• การให้ความช่วยเหลือและช่วยแก้ไขปัญหา
• การสร้างผูน้ ารุ่ นใหม่อย่างต่อเนื่อง
เครื่องมือในการสร้างเครือข่าย
www.themegallery.com
จดหมายข่าว, วารสาร, จุลสาร
เสี ยงตามสาย, สื่ อวีดีทศั น์
ประชุม, อบรม, สัมนา
ฐานข้อมูล, กระดานข่าว
นิทรรศการ, เสวนาแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้
สิ่ งทีช่ ่ วยเสริมสร้ างเครือข่ าย
การกาหนดวัตถุประสงค์ของเครื อข่าย
การสร้างความสัมพันธ์ของสมาชิกในเครื อข่าย(ความมีมนุษยสัมพันธ์ของสมาชิก)
สร้างประเด็นคาถามเพื่อสร้างความสัมพันธ์
การให้ความช่วยเหลือเกื้อหนุนกันและกัน
การบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสมาชิกเครื อข่าย (ชื่อ ที่อยู่ การติดต่อ)
รักษาความสัมพันธ์: ด้วยการติดต่อ ส่ งข่าวสาร บทความ สอบถามทุกข์สุข นัด
พบปะบ้าง
Thank You