สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน ลุ่มนำ้ ชำยฝั่ งทะเลตะวันตก              ที่ตงั ้ ลักษณะภูมิประเทศ พืน้ ที่ล่ ุมนำ้ ภูมิอำกำศ ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน - ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้ ทรั พยำกรดิน กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ พืน้ ที่ทำกำรเกษตร. พืน้ ที่ท่

Download Report

Transcript สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน ลุ่มนำ้ ชำยฝั่ งทะเลตะวันตก              ที่ตงั ้ ลักษณะภูมิประเทศ พืน้ ที่ล่ ุมนำ้ ภูมิอำกำศ ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน - ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้ ทรั พยำกรดิน กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ พืน้ ที่ทำกำรเกษตร. พืน้ ที่ท่

สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน
ลุ่มนำ้ ชำยฝั่ งทะเลตะวันตก













ที่ตงั ้
ลักษณะภูมิประเทศ
พืน้ ที่ล่ ุมนำ้
ภูมิอำกำศ
ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน
- ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้
ทรั พยำกรดิน
กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ
พืน้ ที่ทำกำรเกษตร.
พืน้ ที่ท่ ีมีศักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน
กำรประเมินควำมต้ องกำรนำ้
ปั ญหำของลุ่มนำ้
ด้ ำนภัยแล้ ง
แนวทำงแก้ ไข
สว่ นอำนวยกำรและติดตำมประเมินผล
ที่ตั้ง
ลุ่ มน ้ำ ชำยฝั่ งท ะเลต ะวั นต ก อยู่
บริ เ วณที่ แ คบสุ ด ทำงเหนื อ แหลมมลำยู
ครอบคลุมพืน้ ที่เกือบทัง้ หมดของจังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์
ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ลุ่ ม น ้ ำ เ ป็ น พื ้ น ที่
สี่เหลี่ ยมผืน ผ้ ำแคบยำว ทิศ เหนื อติ ด กับ
ลุ่มนำ้ เพชรบุรี ทิศใต้ ติดกับลุ่ มนำ้ ภำคใต้
ฝั่ งทะเลตะวั น ออก ทิศ ตะวั น ออกติด กั บ
อ่ ำวไทย และทิ ศ ตะวั น ตกติ ด กั บ เขต
ชำยแดนพม่ ำ
รู ปที่ 25-1 แสดงทีต่ ้งั ลุ่มนำ้ ชำยฝั่งทะเลตะวันตก
 ลักษณะภูมิประเทศ
ตำมรู ปที่ 25-2
ลุ่ มน ้ำ ชำยฝั่ งทะเลตะวั น ตกอยู่
ระหว่ ำงเทือกเขำตะนำวศรี ด้ำนตะวันตก
และอ่ ำวไทยทำงตะวันตกของลุ่มนำ้ เป็ น
เทือกเขำ ถัดเข้ ำมำทำงตะวันออกเป็ น
พืน้ ที่แบบเชิงเขำถึงลูกคลืนเชิงลอน ยำว
ไปตำมแนวเหนือ-ใต้ ต่ อมำจะมีลักษณะ
พื น้ ที่ แ บบลู ก คลื น ลอนชั น ถึ ง ลอนลำด
ด้ ำนตะวันออกสุดจะเป็ นพืน้ ที่รำบชำยฝั่ ง
ทะเล
รู ปที่ 25-2 สภำพภูมปิ ระเทศในเขตพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ ชำยฝั่งทะเลตะวันตก
พื้นที่ล่มุ น้ำ
ลุ่มนำ้ ชำยฝั่งทะเลตะวันตก มีพนื้ ทีป่ ระมำณ 6,744 ตำรำงกิโลเมตร แบ่ งออกเป็ น
5 ลุ่มนำ้ ย่ อย ตำมตำรำงที่ 20-1 และรูปที่ 20-3 แสดงลุ่มนำ้ ย่ อย
ตำรำงที่ 20-1 ขนำดของพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ ย่ อย
20.01
20.02
พืน้ ที่รับนำ้
(ตร.กม.)
รหัส
ชื่อลุ่มนำ้ ย่ อย
20.01
แม่ นำ้ ปรำณบุรี (ลุ่มนำ้ สำขำ)
2,695
20.02
คลองเขำแดง
585
20.03
คลองกุย
694
20.04
ชำยฝั่งทะเลประจวบคีรีขนั ธ์
2,307
20.05
คลองบำงสะพำนใหญ่
463
20.03
20.05
20.04
รู ปที่ 20-3 แสดงลุ่มนำ้ ย่ อย พืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ ชำยฝั่งทะเลตะวันตก
รวมพืน้ ที่ท้งั หมด
6,744
ภูมิอำกำศ
ข้ อมูลภูมอิ ำกำศทีส่ ำคัญของลุ่มนำ้ นีไ้ ด้ แสดงไว้ แล้ ว ตำมตำรำงที่ 20-2
ซึ่งแต่ ละรำยกำรจะเป็ นค่ ำสู งสุ ด ค่ ำต่ำทีสุด และค่ ำเฉลีย่ เป็ นรำยปี
ตำรำงที่ 20-2 แสดงข้ อมูลภูมิอำกำศที่สำคัญ
ข้ อมูลภูมอิ ำกำศทีส่ ำคัญ
อุณหภูมิ
หน่ วย
องศำเซลเซียส
ค่ ำสู งสุ ดรำยปี
27.6
ค่ ำต่ำสุ ดรำยปี
26.8
ค่ ำเฉลีย่ รำยปี
27.2
ควำมชื้นสั มพัทธ์
ควำมเร็วลม
เมฆปกคลุม
ปริมำณกำรระเหยจำกถำด
เปอร์ เซ็นต์
น๊ อต
0-10
มิลลิเมตร
81.5
4.2
5.8
1,732.7
74.0
2.7
5.8
1,380.6
77.6
3.3
6.2
1,613.0
ปริมำณกำรคำยระเหยของ
พืชอ้ ำงอิง
มิลลิเมตร
1,880.2
1,758.8
1,835.6
ปริมำณน้ำฝน ลุ่มนำ้ ชำยฝั่งทะเลตะวันตกมีปริมำณฝนผันแปรตั้งแต่ 800 จนถึง
ประมำณ 1,600 มิลลิเมตร โดยมีปริมำณฝนทั้งปี เฉลีย่ ประมำณ 1,047.7 มิลลิเมตร
ลักษณะกำรผันแปรของปริมำณฝนรำยเดือนเฉลีย่ ได้ แสดงไว้ ตำมตำรำงที่ 20-3 และมี
ลักษณะกำรกระจำยของปริมำณนำ้ ฝนของแต่ ละลุ่มนำ้ ย่ อย ตำมรู ปที่ 20-4
รู ปที่ 20-5 ปริมำณนำ้ ท่ ำเฉลีย่
รำยเดือนในแต่ ละลุ่มนำ้ ย่อย
รู ปที่ 20-4 ปริมำณนำ้ ฝนเฉลีย่
รำยเดือนในแต่ ละลุ่มนำ้ ย่อย
ปริมำณน้ำท่ ำ ลุ่มน้ำชำยฝั่งทะเลตะวันตกมีพื้นที่รับน้ำทั้งหมด 6,744 ตำรำง
กิโลเมตร มีปริมำณนำ้ ท่ ำรำยปี เฉลีย่ ประมำณ 1,343.3 ล้ำนลูกบำศก์ เมตร ตำมตำรำงที่ 20-3
หรื อมีปริ มำณน้ำท่ ำรำยปี เฉลี่ยต่ อหน่ วยพืน้ ที่รับน้ำฝนประมำณ 6.32 ลิตร/วินำที/ตำรำง
กิโลเมตร ตำมรู ปที่ 20-5 แสดงปริมำณนำ้ ท่ ำเฉลีย่ รำยเดือนของแต่ ละลุ่มนำ้ ย่ อย
ตารางที่ 20-3 ปริมาณนา้ ฝน
และนา้ ท่ ารายเดือนเฉลีย่
เดือน
ปริมำณนำ้ ฝน
(มิลลิเมตร)
ปริมำณนำ้ ท่ ำ
(ล้ำน ลบ.ม.)
เม.ย.
47.8
38.8
พ.ค.
114.4
162.1
มิ.ย.
92.7
62.0
ก.ค.
90.8
75.9
ส.ค.
102.7
128.1
ก.ย.
119.2
109.5
ต.ค.
207.4
214.9
พ.ย.
156.7
353.1
ธ.ค.
19.8
102.0
ม.ค.
25.4
34.1
ก.พ.
35.9
34.0
มี..ค.
35.0
28.8
ฤดูฝน
903.6
1,207.6
ฤดูแล้ ง
144.1
135.7
ทั้งปี
1,047.7
1,343.3
ตำรำงเปรียบเทียบ ปริมำณน้ำฝน - ปริมำณน้ำท่ำ
กลุ่มลุ่มนำ้ ชำยฝั่งทะเลอ่ ำวไทยตะวันตก
ลำดับ
ที่
ลุ่มนำ้
1
ลุ่มนำ้ ชำยฝั่งทะเลตะวันตก
2
ลุ่มนำ้ เพชรบุรี
ปริมำณนำ้ ฝน
(ฤดูฝน)
(ฤดูแล้ง)
ปริมำณนำ้ ท่ ำ
ทั้งปี
(ฤดูฝน)
(ฤดูแล้ง)
ทั้งปี
903.6
144.1
1,047.7
1,207.6
135.7
1,343.3
1,059.1
174.7
1,233.8
892.4
232.4
1,124.8
ทรัพยำกรดิน
พืน้ ที่ล่ มุ นำ้ ชำยฝั่งทะเลตะวันตกสำมรถจำแนกชนิดของดินตำมควำมเหมำะสมของกำรปลูกพืชออกได้ เป็ น 4 ประเภท ซึ่ง
มีลกั ษณะกำรกระจำยของกลุ่มดิน ตำมรู ปที่ 20-6 และแต่ ละประเภทกลุ่มดินจะมีจำนวนพืน้ ที่ ตำมตำรำงที่ 20-4
ตำรำงที่ 1-4
ลักษณะดิน
(ตำรำงกิโลเมตร)
ดินทีเ่ หมำะสมสำหรับปลูกข้ ำว และพืชชนิดอืน่ ๆ
223.73
ดินทีเ่ หมำะสมสำหรับกำรปลูกพืชไร่ พืชผักและ
ไม้ ผล-ไม้ ยนื ต้ น (ไม่ เหมำะสำหรับปลูกข้ ำว)
2,373.33
ดินทีไ่ ม่ เหมำะสำหรับปลูกพืชโดยทัว่ ไป
(ต้ องได้ รับกำรปรับปรุงก่อน จึงจะปลูกพืชบำงชนิดได้ )
1,198.80
ดินทีไ่ ม่ เหมำะสมสำหรับปลูกพืชชนิดใดๆเลย
2,721.25
พืน้ ทีช่ ่ ุมนำ้ ( wetland ) เหมืองแร่ และอืน่ ๆ
226.89
รวม
รู ปที่ 20-6 กำรแบ่ งกลุ่มดินจำแนกตำมควำมเหมำะสมใช้ ปลูกพืช
จำนวนพืน้ ที่
6,744.00
รู ปที่ 25-7 กำรทำเกษตร
้ ทีท
1) พืน
่ ำกำรเกษตร......................37.12 %
พืชไร่......................................41.71 %
ไม้ผล–ยืนต้น........................ 52.13 %
ข้ำว.....................................
5.66 %
พืชผ ัก.................................
- %
รู ปที่ 25-8 พืน้ ทีป่ ่ ำไม้ และเพือ่ กำรอนุรักษ์
2) ป่ำไม้......................................52.24%
ั ป่ำ............ - %
เขตอนุร ักษ์พ ันธ์สตว์
เขตอุทยำนแห่งชำติ................ 29.23 %
้ ทีป
พืน
่ ่ ำอนุร ักษ์....................... 70.77 %
ั
3) ทีอ
่ ยูอ
่ ำศย...............................0.50
%
4) แหล่งนำ้ .................................0.30 %
5) อืน
่ ๆ.......................................9.84%
รู ปที่ 25-9 กำรใช้ ประโยชน์ จำกทีด่ ิน
•
ลุ่มนำ้ ชำยฝั่ งทะเลตะวันตกมีพนื ้ ที่กำรเกษตรทัง้ หมด 3,082 ตำรำง
กิโลเมตร และมีพนื ้ ที่ท่ เี หมำะสมกับกำรเพำะปลูกพืชต่ ำงๆ 1,482.94
ตำรำงกิโลเมตร หรื อคิดเป็ นร้ อยละ 48.11
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกข้ ำว
72.07 ตำรำงกิโลเมตร (4.85%)
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกพืชผัก
11.58 ตำรำงกิโลเมตร (0.78%)
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกพืชไร่
845.40 ตำรำงกิโลเมตร (57.00%)
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกไม้ ผล-ไม้ ยืนต้ น 553.89 ตำรำงกิโลเมตร (37.35%)
รู ปที่ 25-10 กำรใช้ ประโยชน์ ทดี่ นิ หลักด้ ำนกำรเกษตร
พืน้ ที่ท่ เี หมำะสมกับกำรเพำะปลูก ส่ วนใหญ่ จะอยู่ทำงด้ ำนตะวันตกของพืน้ ที่ล่ ุมนำ้ โดยเฉพำะบริเวณสองฝั่ งลำ
นำ้ สำยย่ อยต่ ำงๆ ที่ไหลลงสู่อ่ำวไทย ซึ่งรวมกันแล้ วประมำณ 21.99% ของพืน้ ที่ทัง้ ลุ่มนำ้
ในกำรทำกำรเกษตร พบว่ ำ กำรใช้ พนื ้ ที่ปลูกพืช ส่ วนใหญ่ จะเป็ นกำรปลูกพืชไร่ และไม้ ผล-ไม้ ยืนต้ นบนพืน้ ที่ท่ ี
ไม่ ควำมเหมำะสม ส่ วนข้ ำวและพืชผักได้ ปลูกบนพืน้ ที่ท่ มี ีควำมเหมำะสมอยู่แล้ ว
พื้นที่ท่ีมีศักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน
พืน้ ทีท่ มี่ ศี ักยภำพกำรพัฒนำระบบชลประทำนในพืน้ ทีล่ ่ ุมนำ้ ชำยฝั่งทะเลตะวันตก จะมีพนื้ ทีไม่ มำกนักโดยจะ
กระจัดกระจำยอยู่ตำมพืน้ ทีใ่ กล้ ลำนำ้ โดยมีพนื้ ทีร่ วมทั้งสิ้นเพียง 149.37 ตำรำงกิโลเมตรและคิดเป็ นร้ อยละ
10.07 ของพืน้ ทีก่ ำรเกษตรทีเ่ หมำะสมกับกำรเพำะปลูก หรือร้ อยละ 4.85 ของพืน้ ทีก่ ำรเกษตรทั้งหมด
ตำรำงที่ 1-5 ตำรำงเปรียบเทียบพืน้ ที่กำรเกษตรกับพืน้ ที่ที่มีศักยภำพสำหรับพัฒนำระบบชลประทำน
รำยกำร
พืน้ ที่ทำกำรเกษตรทั้งหมด
พืน้ ทีเ่ หมำะสมสำหรับกำรเพำะปลูก
พืน้ ทีศ่ ักยภำพกำรพัฒนำระบบ
ชลประทำน
จำนวนพืน้ ทีเ่ พำะปลูกพืชแต่ ละชนิด (ตำรำงกิโลเมตร)
รวม
ไม้ ผล
ข้ ำว
พืชไร่
พืชผัก
อืน่ ๆ ทั้งหมด
ไม้ ยนื ต้ น
174.47 1,285.64 15.30 1,606.98
3,082.40
72.07
845.40
11.58
553.89
-
1,482.94
38.15
88.36
-
22.86
-
149.37
กำรประเมินควำมต้องกำรน้ำ
จำกกำรศึกษำด้ ำนเศรษฐกิจและสังคมได้ คำดคะเนอัตรำกำรเจริญเติบโตของประชำกรทั้งที่อำศัยอยู่ในเขตเมือง และนอก
เขตเมือง รวมทั้งควำมต้ องกำรนำ้ สำหรับกำรขยำยตัวของภำคอุตสำหกรรม ช่ วงปี 2544-2564 สรุปตำมรูปที่ 20-12
450
ชลประทำน
400
ปริมำณนำ้ (ล้ำน ลบ.ม.)
350
300
250
200
รักษำระบบนิเวศ
150
100
อุตสำหกรรม
50
อุปโภค - บริโภค
0
2510
2520
2530
2540
2550
2560
รู ปที่ 20-12 สรุปแนวโน้ มปริมำณควำมต้ องกำรนำ้ แต่ ละประเภท
2570
ปัญหำของลุ่มน้ำ

ด้ำนอุทกภ ัย สภำพกำรเกิดอุทกภ ัยในลุม
่ นำ้ นี้ แบ่งออกเป็น 2
ล ักษณะคือ∶้ ทีล
1.) อุทกภ ัยทีเ่ กิดในบริเวณพืน
่ ม
ุ่ นำ้ ตอนบนและลุม
่ นำ้ สำขำ จะเกิดจำก
กำรทีม
่ ฝ
ี นตกหน ักในบริเวณต้นนำ้ ทำให้นำ้ ป่ำไหลหลำกลงมำอย่ำงรวดเร็ ว
ึ่ ไม่สำมำรถระบำยนำ้ ได้ท ัน เนือ
้ ทีป
จนถึงลำนำ้ สำยหล ัก ซง
่ งจำกสภำพพืน
่ ่ำ
้ ทีล
ไม้ตน
้ นำ้ ตอนบนถูกทำลำย รวมทงขำดแหล่
ั้
งเก็ บก ักนำ้ ขนำดใหญ่ในพืน
่ ม
ุ่
่ ยชะลอนำ้ หลำก
นำ้ ตอนบนเพือ
่ ชว
้ ทีท
พืน
่ เี่ กิด น ำ้ ท่ว มเป็ นประจ ำ ได้แ ก่ อ ำเภอบำงสะพำน และอ ำเภอ
เมือง จ ังหว ัดประจวบคีรข
ี ันธ์
้ ทีร่ ำบลุม
2.) อุทกภ ัยทีเ่ กิดในพืน
่ เกิดจำกควำมสำมำรถในกำรระบำยนำ้
ิ ธิภำพ เนือ
้ เขินหรือมีกำรบุกรุก
ของแม่นำ้ สำยหล ักไม่มป
ี ระสท
่ งจำกลำนำ้ ตืน
ปลูกสงิ่ ก่อสร้ำงกีดขวำงทำงนำ้
้ ทีท
พืน
่ เี่ กิดนำ้ ท่วมเป็นประจำ ได้แก่ อำเภอบำงสะพำนน้อย จ ังหว ัด
ประจวบคีรข
ี ันธ์
หมู่บ้ำนทีม่ นี ำ้ อุปโภค-บริโภค แต่ ขำดแคลนนำ้ เพือ่ กำรเกษตร
หมู่บ้ำนทีข่ ำดแคลนนำ้ อุปโภค-บริโภค และนำ้ เพือ่ กำรเกษตร
รู ปที่ 25-13 แสดงลักษณะกำรกระจำยตัวของหมู่บ้ำนทีป่ ระสบปัญหำภัยแล้ง
ปัญหำภ ัยแล้งในลุม
่ นำ้ นีเ้ กิดจำก
ภำวะฝนทิง้ ช่วงยำวนำน ทำให้พน
ื้ ที่
กำรเกษตรทีอ
่ ยูน
่ อกเขตชลประทำน
เกิด ควำมแห้ง แล้ง ขำดแคลนน ้ำ
อุ ป โภค-บริโ ภคและท ำกำรเกษตร
รวมถึง กำรใช ้น ้ำ ในกิจ กรรมอื่น ๆ
ด้วย
ตำมข้อ มู ล กชช.2ค. ปี 2542
้ จ
หมู่บ ำ้ นในลุ่ม น ำ้ นีม
ี ำนวนท งั้ หมด
1,340 หมู่ บ ้ำ น พบว่ ำ มีห มู่ บ ้ำ น ที่
ขำดแคลนนำ้ ท งั้ หมด 714 หมู่บำ้ น
( ร้ อ ย ล ะ 5 7 . 2 9 ) โ ด ย แ ย ก เ ป็ น
ห มู่ บ้ ำ น ที่ ข ำ ด แ ค ล น น ้ ำ เ พื่ อ ท ำ
กำรเกษตร จ ำนวน 104 หมู่ บ ้ำ น
(ร้อยละ 35.25) และหมู่บำ้ นทีข
่ ำด
แคลนนำ้ ทงเพื
ั้
อ
่ กำรอุปโภค-บริโภค
และกำรเกษตร จำนวน 65 หมู่บำ้ น
(ร้อยละ 22.03)
หมู่ บ ้ำ นที่ป ระสบภ ย
ั แล้ง ส ่ ว น
้ ทีจ
ใหญ่ จ ะอยู่ ใ นพืน
่ งั หว ด
ั จน
ั ทบุ ร ี
370 หมู่ บ ้ำ น หรือ คิด เป็ นร้อ ยละ
92.90ของหมู่บำ้ นทีป
่ ระสบภย
ั แล้ง
ทงหมด
ั้
● แนวทำงแก้ไข
ปัญหำกำรเกิดอุทกภ ัย และภ ัยแล้งในลุม
่ นำ้ ชำยฝั่งทะเลตะว ันตก มีล ักษณะคล้ำย
้ ทีล
ก ับพืน
่ ม
ุ่ นำ้ อืน
่ ๆ คือกำรผ ันแปรของปริมำณนำ้ ฝน สง่ ผลให้เกิดควำมแห้งแล้งในชว่ งทีฝ
่ นทิง้
้ ทีอ
้ ที่
ชว่ ง ในทำงกล ับก ันเมือ
่ มีฝนตกหน ักก็ทำให้เกิดนำ้ ไหลหลำกท่วมพืน
่ ยูอ
่ ำศยั และพืน
กำรเกษตร กำรแก้ไขปัญหำด ังกล่ำวจึงมีแนวทำงแก้ไขในภำพรวมโดยสรุปด ังนี้
้ ทีต
1.) กำรก่อสร้ำงอ่ำ งเก็ บนำ้ ขนำดกลำง และขนำดเล็ กในพืน
่ อนบนของลำนำ้
่ งทีฝ
สำขำทีส
่ ำค ัญเพือ
่ เก็ บก ักและชะลอปริมำณนำ้ หลำก ในชว
่ นตกหน ัก และปล่อยนำ้ ทีเ่ ก็บก ักลง
่ งฤดูแล้ง
ทำงด้ำนท้ำยนำ้ ในชว
2.) กำรก่อสร้ำงระบบส่งนำ้ และกำรกระจำยนำ้ ให้พน
ื้ ทีท
่ ไี่ ด้ร ับควำมเดือดร้อนจำก
ภย
ั แล้ง และอยู่ห่ำ งไกลจำกล ำน ำ
้ สำยหล ก
ั มำกน ก
ั โดยโดยอำจด ำเนิน กำรในล ก
ั ษณะก่อ สร้ ำ ง
่ นำ้ /ระบบสูบนำ้ และท่อสง
่ นำ้ เพือ
ฝำย/ประตูระบำยนำ้ พร้อมระบบคลองสง
่ บรรเทำควำมเดือดร้อน
จำกปัญหำภ ัยแล้ง
ิ ธิภำพกำรระบำยนำ้
3.) กำรขุดลอกลำนำ้ สำยหล ักในช่วงทีต
่ น
ื้ เขินเพือ
่ เพิม
่ ประสท
่ งฤดูแล้ง หรือ
(ควรดำเนินกำรควบคูไ่ ปก ับกำรก่อสร้ำงฝำย/ประตูระบำยนำ้ เพือ
่ เก็ บก ักนำ้ ไว้ในชว
่ ง)
วิธข
ี ด
ุ เป็นชว
4.) กำรปร ับปรุงฝำย ประตูระบำยนำ้ สะพำน ท่อลอด และอำคำรอืน
่ ๆทีก
่ ด
ี ขวำงทำง
นำ้ และเป็นอุปสรรค ต่อ กำรระบำยน ำ
้ ให้ม ค
ี วำมสำมำรถระบำยน ำ
้ ทีพ
่ อเพีย งและเหมำะสมก บ
ั
สภำพทำงนำ้
้ ระโยชน์ท ด
้ ทีโ่ ดยรอบให้เ ป็ นไป
5.) ควบคุม กำรใช ป
ี่ น
ิ บริเ วณเขตต ัวเมือ งและพืน
ตำมผ ังเมืองทีว่ ำงไว้และควบคุมกำรรุกลำนำ้ แนวคลองแลลำนำ้ สำธำรณะ
่ เสริมกำรขุดสระนำ้ ประจำไร่นำ ขุดบ่อนำ้ ตืน
้ /บ่อบำดำล ก่อสร้ำงถ ังเก็ บนำ้
6.) สง
้ ทีท
้ ที่
สำหร ับพืน
่ อ
ี่ ยูห
่ ำ
่ งไกลจำกแหล่งนำ้ ตำมสภำพควำมเหมำะสมของพืน